Return to Video

คุณค่าแบบอเมริกันและจีนส่งผลอย่างไรต่อการรับมือโคโรน่าไวรัส

  • 0:01 - 0:03
    คุณหวง ดีใจที่ได้เจอค่ะ
  • 0:03 - 0:05
    ขอบคุณที่สละเวลานะคะ
    ปี 2020 นี้เป็นอย่างไรบ้างคะ
  • 0:05 - 0:09
    ปี 2020 ของฉันเริ่มต้นอย่างปกติทุกอย่างค่ะ
  • 0:09 - 0:13
    เดือนมกราคม ฉันไปปารีส
  • 0:13 - 0:16
    ไปให้สัมภาษณ์ ในเทศกาลแฟชั่นวีค
  • 0:16 - 0:20
    กลับปักกิ่งในวันที่ 22 มกราคม
  • 0:20 - 0:23
    และพบว่าสถานการณ์ตึงเครียด
  • 0:23 - 0:26
    เพราะมีข่าวลือหลายอย่าง
  • 0:26 - 0:29
    แต่เพราะเคยผ่านการระบาดของโรคซาร์สมาแล้ว
  • 0:29 - 0:31
    ฉันเลยไม่กังวลมากนัก
  • 0:31 - 0:37
    วันที่ 23 เพื่อนของฉันมาเยี่ยมจากนิวยอร์ค
  • 0:37 - 0:38
    เขามีไข้หวัด
  • 0:38 - 0:40
    เราทานข้าวเย็นด้วยกัน
  • 0:40 - 0:43
    เพื่อนอีกคนที่มาทานข้าวด้วย
  • 0:43 - 0:47
    ขึ้นเครื่องไปพักผ่อน
    ที่ออสเตรเลียในวันรุ่งขึ้น
  • 0:47 - 0:52
    ดังนั้นเราจึงไม่ได้คิดมากกับไวรัสครั้งนี้
  • 0:52 - 0:54
    จนกระทั่งมีการปิดกั้นการเข้าออกเมือง
  • 0:54 - 0:57
    เราก็ได้เห็นสถานการณ์แบบเดียวกันนี้ทั่วโลก
  • 0:57 - 1:00
    ฉันคิดว่าบางคนอาจไม่เข้าใจระดับความเข้มข้น
  • 1:00 - 1:02
    ของมาตราการที่จีนใช้
  • 1:02 - 1:06
    หมายความว่า จีนมีวิธีรับมือ
    กับโรคอย่างไรบ้าง ที่เรายังไม่ทราบ
  • 1:06 - 1:08
    ที่จริงแล้ว จากประวัติศาสตร์
  • 1:08 - 1:13
    เราทั้งสองประเทศมีความแตกต่างกันมาก
  • 1:13 - 1:15
    ทั้งในด้านวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์
  • 1:15 - 1:22
    ฉันหมายถึงว่า เราต่างก็มีประสบการณ์ในอดีต
    ที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
  • 1:22 - 1:24
    สำหรับประเทศจีน
  • 1:24 - 1:27
    เมื่อเกิดการปิดเมือง
  • 1:28 - 1:31
    ผู้คนยอมรับได้
  • 1:31 - 1:33
    ประชาชนยอมรับได้กับเรื่องนี้
  • 1:33 - 1:37
    เพราะพวกเขาคิดว่านี่เป็นสิ่งที่พ่อแม่ที่ดี
    ควรกระทำ
  • 1:37 - 1:39
    เหมือนว่าเด็กคนหนึ่งป่วย
  • 1:39 - 1:41
    คุณก็พาเขาไปนอนอีกห้อง
  • 1:41 - 1:45
    เพื่อให้แน่ใจว่าเด็กคนอื่น ๆ
    จะไม่ป่วยไปด้วย
  • 1:46 - 1:48
    ประชาชนคาดหวังการจัดการ
    ในลักษณะเดียวกันจากรัฐบาล
  • 1:48 - 1:54
    แต่พอเป็นประเทศอื่น ๆ ที่ไม่ใช่จีน
    ในสหรัฐอเมริกา เรื่องนี้กลายเป็นเรื่องใหญ่
  • 1:54 - 1:56
    เป็นประเด็นเรื่องความถูกต้องทางการเมือง
  • 1:56 - 2:00
    และเป็นการละเมิดเสรีภาพส่วนบุคคลหรือไม่
  • 2:00 - 2:05
    เพราะฉะนั้นปัญหาที่ต้องรับมือ
    ในสังคมประชาธิปไตย
  • 2:05 - 2:09
    เป็นสิ่งที่เราไม่ต้องรับมือกันในประเทศจีน
  • 2:09 - 2:12
    ฉันอยากเล่าให้ฟังว่า
    มีคำหนึ่งในภาษาจีน
  • 2:12 - 2:15
    ที่ไม่ปรากฏในภาษาอื่น
  • 2:15 - 2:18
    คือคำว่า "ก๊วย" ( guāi )
  • 2:18 - 2:20
    เป็นคำที่เราใช้เรียกเด็ก ๆ
  • 2:21 - 2:24
    ที่เชื่อฟังพ่อแม่ของเขา
  • 2:24 - 2:28
    ฉันคิดว่า ในฐานะประชาชน
    คนจีนเป็นเด็กดี
  • 2:28 - 2:31
    เรามีผู้มีอำนาจสั่งการ
  • 2:31 - 2:35
    ที่ชาวจีนเคารพเชื่อใจ
  • 2:35 - 2:40
    พวกเขาคาดหวังให้รัฐลงมือจัดการกับปัญหา
  • 2:40 - 2:42
    และพวกเขาจะยอมปฏิบัติตาม
  • 2:42 - 2:45
    ไม่ว่าจะต้องลำบากมากแค่ไหน
  • 2:45 - 2:51
    พวกเรารู้สึกว่า ถ้าพี่ใหญ่บอกว่า
    เราต้องทำให้สำเร็จ
  • 2:51 - 2:53
    ดังนั้นเราก็ต้องทำให้มันสำเร็จ
  • 2:53 - 2:58
    และนี่คือนิยามของประเทศจีน
    ในฐานะที่มีทัศนคติที่แตกต่าง
  • 2:58 - 3:00
    ชาวจีนมีวิธีคิดในรูปแบบที่แตกต่าง
  • 3:00 - 3:04
    จากผู้คนในยุโรปหรืออเมริกา
  • 3:04 - 3:06
    ความมีสำนึกรับผิดชอบร่วมกัน
  • 3:06 - 3:11
    บางครั้งเราก็รู้สึกว่า
    มันหายไปจากวัฒนธรรมของเรา
  • 3:11 - 3:14
    ในขณะเดียวกัน ก็มีความกังวล
  • 3:14 - 3:19
    ในด้านการสอดส่องดูแลและข้อมูลส่วนตัว
  • 3:19 - 3:20
    อะไรคือความเหมาะสมของมาตรการคะ
  • 3:20 - 3:25
    และอะไรคือสิ่งที่เราควรแลก
    ระหว่างการตรวจสอบและอิสรภาพ
  • 3:25 - 3:29
    ฉันคิดว่าในยุคของอินเทอร์เน็ต
  • 3:29 - 3:34
    จุดสมดุลคือระหว่างกลางของจีนกับสหรัฐ
  • 3:34 - 3:40
    ฉันคิดว่าพอเรานำเสรีภาพส่วนบุคคล
  • 3:40 - 3:43
    ไปเปรียบกับความปลอดภัยของส่วนรวม
  • 3:43 - 3:45
    มันต้องมีความสมดุลในระหว่างสองสิ่งนี้
  • 3:46 - 3:51
    โรบิน ลี ซีอีโอของ Baidu
    เคยกล่าวถึงการสอดส่องดูแลไว้ว่า
  • 3:51 - 3:57
    ชาวจีนยินดีสละสิทธิส่วนบุคคลบางส่วน
  • 3:57 - 3:59
    เพื่อแลกกับความสะดวกสบาย
  • 3:59 - 4:04
    ที่จริงแล้วเขาก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์
    บนโซเชียลมีเดียของจีน
  • 4:04 - 4:06
    แต่ฉันคิดว่าเขาพูดถูกแล้ว
  • 4:06 - 4:09
    ชาวจีนยินดีที่จะเสียสละสิทธิบางส่วน
  • 4:09 - 4:12
    ยกตัวอย่างเช่น
  • 4:13 - 4:16
    เราส่วนใหญ่ภาคภูมิใจ
    กับระบบชำระเงินที่เรามี
  • 4:16 - 4:20
    คุณสามารถเดินทางไปได้ทุกที่
    ด้วยโทรศัพท์เครื่องเดียว
  • 4:20 - 4:21
    และใช้จ่ายทุกอย่าง
  • 4:21 - 4:23
    สิ่งเดียวที่ต้องทำคือ สแกนใบหน้า
  • 4:23 - 4:27
    ฉันคิดว่า นี่เป็นสิ่งที่ชาวอเมริกัน
    น่าจะตกใจ
  • 4:27 - 4:31
    ที่จีนตอนนี้เรายังอยู่ในระหว่างการปิดเมือง
    อย่างไม่เต็มรูปแบบ
  • 4:31 - 4:36
    ดังนั้นไม่ว่าคุณจะไปที่ไหน
    คุณจะมีแอพเพื่อแสกน
  • 4:36 - 4:39
    ใส่เบอร์โทรศัพท์
  • 4:39 - 4:46
    และแอพจะแจ้งหน่วยรักษาความปลอดภัย
    ที่หน้าห้างสรรพสินค้า เช่น
  • 4:46 - 4:48
    คุณไปไหนมาบ้างในช่วง 14 วันที่ผ่านมา
  • 4:48 - 4:51
    พอฉันเล่าเรื่องนี้ให้ชาวอเมริกันฟัง
  • 4:51 - 4:53
    เธอรู้สึกตระหนกใจอย่างมาก
  • 4:53 - 4:57
    และเธอรู้สึกว่ามันช่าง
    เป็นการละเมิดความเป็นส่วนตัว
  • 4:57 - 4:59
    ในอีกทางหนึ่ง
  • 4:59 - 5:01
    ในฐานะที่เป็นคนจีนคนหนึ่ง
  • 5:01 - 5:07
    ที่อาศัยอยู่ในประเทศจีนตลอด 20 ปีที่ผ่านมา
  • 5:07 - 5:10
    ถึงแม้ว่าฉันจะเข้าใจวิธีคิดแบบอเมริกัน
  • 5:10 - 5:15
    แต่ฉันคิดว่าตัวเองก็ยังเป็นคนจีน
    มากพอที่จะคิดว่า "ฉันไม่ถือสาเรื่องนี้"
  • 5:15 - 5:20
    และฉันว่ามันดีกว่า ฉันรู้สึกปลอดภัยกว่า
    ในการเข้าไปที่ห้างสรรพสินค้า
  • 5:20 - 5:23
    เพราะทุกคนก็ถูกสแกนเช่นเดียวกัน
  • 5:23 - 5:30
    ขณะเดียวกัน ฉันคิดว่า อิสรภาพส่วนบุคคล
    ที่เป็นแนวคิดนามธรรม
  • 5:30 - 5:32
    ในสถานการณ์โรคระบาดเช่นนี้
  • 5:32 - 5:35
    แท้จริงแล้วไม่มีความหมายอะไรเลย
  • 5:35 - 5:40
    ฉันจึงคิดว่าชาวตะวันตกจำเป็น
    ต้องปรับทัศนคติมาทางตะวันออก
  • 5:40 - 5:44
    และคิดถึงประโยชน์ของคนส่วนมาก
  • 5:44 - 5:47
    แทนที่จะคิดถึงตนเองในฐานะปัจเจกบุคคล
  • 5:47 - 5:50
    กระแสวาทกรรมต่อต้านระหว่างจีนและสหรัฐ
  • 5:50 - 5:52
    กำลังเป็นปัญหาอย่างมาก
  • 5:52 - 5:54
    แต่เรื่องของเรื่องก็คือทั้งสองประเทศ
    มีความเชื่อมโยงกัน
  • 5:54 - 5:57
    ไม่ว่าประชาชนจะเข้าใจ
    ห่วงโซ่อุปทานของโลกหรือไม่
  • 5:57 - 6:00
    คุณคิดว่าเรากำลังจะก้าวไปทางไหนต่อไปคะ
  • 6:00 - 6:05
    รู้ไหมคะ นี่เป็นสิ่งที่น่ากังวลที่สุด
    ที่เกิดขึ้นจากสถานการณ์นี้
  • 6:05 - 6:11
    ความรู้สึกรักชาติ จากทั้งสองประเทศ
    ระหว่างเหตุระบาดนี้
  • 6:11 - 6:13
    ในฐานะที่เป็นคนมองโลกในแง่ดี
  • 6:13 - 6:16
    ฉันคิดว่าสิ่งที่จะเกิดขึ้นจากเหตุการณ์นี้
  • 6:16 - 6:22
    คือทั้งสองฝั่งจะตระหนักว่านี่คือการต่อสู้
  • 6:22 - 6:26
    ที่มวลมนุษยชาติต้องร่วมมือกัน
    ไม่ใช่แยกกันไปจัดการ
  • 6:26 - 6:28
    แม้จะมีวาทกรรมขัดแย้งกัน
  • 6:28 - 6:34
    แต่เศรษฐกิจโลกได้เติบโต
    จนกระทั่งหลอมรวมทั้งสองเข้าด้วยกัน
  • 6:34 - 6:40
    การแยกตัวออกจากกันนี้จึงเรื่องที่เจ็บปวด
    และสร้างความเสียหายมหาศาล
  • 6:40 - 6:43
    ต่อทั้งสหรัฐอเมริกาและจีน
  • 6:43 - 6:45
    ที่ผ่านมาเป็นเรื่องน่าสนใจทีเดียว
  • 6:45 - 6:49
    ที่ได้เห็นการวิพากษ์วิจารณ์จีนอย่างเปิดเผย
  • 6:49 - 6:54
    ตัวอย่างเช่น การที่รัฐบาลจีน
    ดูเบากับจำนวนผู้เสียชีวิต
  • 6:54 - 6:55
    ยิ่งไปกว่านั้น
  • 6:55 - 6:57
    คือความพยายามให้ร้ายคุณหมอลี่ (Dr. Li)
  • 6:57 - 7:03
    คุณหมอชาวอูฮั่นที่ทำให้ทุกคนตื่นตัว
    ถึงการระบาดของไวรัสโคโรนา
  • 7:03 - 7:05
    ฉันเพึ่งจะเห็นรายงานในนิวยอร์กไทมส์
  • 7:05 - 7:11
    ว่าผู้ใช้เว่ยป๋อพากันโพส
    เนื้อหาสุดท้ายของคุณหมอ
  • 7:11 - 7:14
    เสมือนเป็นที่ระลึกที่ยังคงอยู่
  • 7:14 - 7:16
    เสมือนการพูดคุยกับเขา
  • 7:16 - 7:19
    กว่า 870,000 ความเห็น
    และจะยังเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
  • 7:19 - 7:21
    บนโพสสุดท้ายนั้น
  • 7:21 - 7:24
    คุณเห็นการเปลี่ยนแปลงของสื่อหรือเปล่าคะ
  • 7:24 - 7:27
    คุณเห็นการเปลี่ยนแปลงในวิธีการ
    ในความเป็นผู้นำของจีนหรือไม่
  • 7:27 - 7:31
    การเปลี่ยนแปลงที่อาจพาจีน
    หันเข้าหาศูนย์กลางมากขึ้น
  • 7:31 - 7:36
    เหมือนที่อเมริกาควรหันมาใช้แนวทางของจีน
  • 7:36 - 7:38
    น่าเสียดายที่อาจไม่เป็นเช่นนั้น
  • 7:38 - 7:43
    เพราะฉันคิดว่ายังมีหนทาง
  • 7:43 - 7:47
    ระหว่างรัฐบาลอำนาจนิยมและประชาชน
    ในการสื่อสารระหว่างกัน
  • 7:47 - 7:50
    ในคืนที่คุณหมอลี่เสียชีวิต
  • 7:51 - 7:55
    เมื่อมีการประกาศอย่างเป็นทางการ
  • 7:55 - 7:57
    สื่อสังคมออนไลน์จีนก็ลุกเป็นไฟ
  • 7:57 - 8:00
    ถึงแม้จะไม่ได้รับการปฏิบัติอย่างเป็นธรรม
    ในฐานะที่เป็นผู้เปิดเผยข้อมูล
  • 8:00 - 8:02
    เขาก็ยังไปทำงานที่โรงพยาบาล
  • 8:03 - 8:05
    และพยายามช่วยชีวิตคนในฐานะแพทย์
  • 8:05 - 8:07
    และเขาเสียชีวิต
  • 8:07 - 8:09
    ด้วยโรคเดียวกันนี้
  • 8:09 - 8:11
    จึงมีความรู้สึกโกรธ ไม่พอใจ
  • 8:11 - 8:14
    ที่ผู้คนแสดงออกมา
  • 8:14 - 8:17
    เพื่อเป็นอนุสรณ์แก่บุคคล
  • 8:17 - 8:20
    ที่พวกเขารู้สึกว่ารัฐบาลทำผิดพลาดไป
  • 8:20 - 8:21
    คำตัดสิน
  • 8:22 - 8:27
    และคำแถลงอย่างเป็นทางการว่า
  • 8:27 - 8:30
    "คุณหมอลี่เป็นใคร
    เป็นคนดีหรือเป็นผู้ร้าย"
  • 8:30 - 8:33
    ได้เปลี่ยนภาพของคุณหมออย่างสิ้นเชิง
  • 8:33 - 8:38
    จากคุณหมอที่ไม่เชื่อฟังคำสั่ง
  • 8:38 - 8:40
    กลายเป็นฮีโร่ที่เตือนผู้คน
  • 8:40 - 8:44
    ดังนั้น ภายใต้รัฐบาลเผด็จการ
  • 8:44 - 8:49
    ชาวจีนยังคงตระหนักถึงความเห็นของคนส่วนมาก
  • 8:49 - 8:51
    แต่ในอีกทางหนึ่ง
  • 8:51 - 8:56
    เมื่อมีเสียงติติงและการระลึกถึงคุณหมอลี่
  • 8:56 - 8:58
    แท้จริงแล้วพวกเขาต้องการเปลี่ยนระบบหรือไม่
  • 8:59 - 9:02
    คำตอบคือ ไม่
  • 9:02 - 9:06
    เพราะพวกเขาไม่ชอบการตัดสินใจเช่นนั้น
  • 9:06 - 9:08
    แต่พวกเขาก็ไม่อยากเปลี่ยนระบบ
  • 9:08 - 9:10
    และเหตุผลนึงก็เพราะว่า
  • 9:10 - 9:14
    พวกเขาไม่เคยได้สัมผัสกับระบอบอื่น
  • 9:14 - 9:16
    นี่คือระบบเดียวที่พวกเขารู้ว่าทำงานอย่างไร
  • 9:18 - 9:19
    คุณหวง นักโยนกระทะคืออะไรคะ
  • 9:19 - 9:25
    การโยนกระทะคือการโยนความผิดให้คนอื่นค่ะ
  • 9:25 - 9:30
    ในสำนวนจีน ผู้ต้องรับผิดชอบ
  • 9:30 - 9:34
    คือคนที่ถือกระทะสีดำ
  • 9:34 - 9:39
    คุณถูกใช้เป็นแพะรับบาป
    ในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง
  • 9:39 - 9:44
    ดังนั้นการที่ทรัมป์เริ่มใช้คำว่า
    "ไวรัสจีน"
  • 9:44 - 9:45
    "ไวรัสอู่ฮั่น"
  • 9:45 - 9:52
    และพยายามป้ายความผิด
    ของการระบาดของไวรัสโคโรน่า
  • 9:52 - 9:53
    ไปให้คนจีน
  • 9:53 - 9:57
    และฉันคิดว่าชาวจีนเองก็โยนกระทะ
    กลับไปที่ชาวอเมริกันด้วย
  • 9:57 - 10:02
    มันจึงกลายเป็นเรื่องตลก
    บนโซเชียลมีเดียของจีน
  • 10:02 - 10:04
    ในการโยนกระทะกันเช่นนี้
  • 10:04 - 10:10
    มีกระทั่งวิดีโอออกกำลังกายแอโรบิค
    ด้วยท่าโยนกระทะที่ดังระเบิดไปทั่ว
  • 10:10 - 10:11
    บอกเราหน่อยค่ะ คุณหวง
  • 10:11 - 10:14
    คุณเองก็เต้นในแอพ TikTok ใช่ไหมคะ
  • 10:14 - 10:15
    แน่นอนค่ะ
  • 10:15 - 10:19
    ฉันเองก็เต้นท่าโยนกระทะใน TikTok ค่ะ
  • 10:19 - 10:23
    ในแง่ดีคือการที่เราออกมาพูด
    ถึงเรื่องนี้กันอย่างโจ่งแจ้ง
  • 10:23 - 10:27
    เราได้เห็นถึงความไม่เท่าเทียม
    ความเหลื่อมล้ำกันในระบบ
  • 10:27 - 10:29
    และโครงสร้างที่ไม่สมบูรณ์บางอย่าง
    ที่เรามีอยู่
  • 10:29 - 10:33
    และถ้าเราเก่งพอ
    เราสามารถสร้างมันใหม่ให้ดีกว่าเดิมได้
  • 10:33 - 10:36
    ใช่ค่ะ ฉันคิดว่าหนึ่งในเรื่องดี ๆ
    จากการระบาดในครั้งนี้
  • 10:36 - 10:40
    คือพวกเราได้ตระหนักว่า
  • 10:41 - 10:47
    มนุษยชาติต้องร่วมแรงร่วมใจกัน
  • 10:47 - 10:53
    แทนที่จะถูกจำแนกจากเชื้อชาติ สีผิว
  • 10:53 - 10:55
    หรือจากสัญชาติของเรา
  • 10:55 - 11:01
    เพราะไวรัสนี้เองก็ไม่ได้เลือกปฏิบัติ
  • 11:01 - 11:03
    ไม่ว่าคุณจะรวยหรือจน
  • 11:03 - 11:05
    สำคัญหรือไม่สำคัญ
  • 11:05 - 11:09
    หรือไม่ว่าผิวคุณจะสีใด เป็นคนชาติใด
  • 11:09 - 11:12
    นี่จึงเป็นเวลาที่ต้องผนึกรวมกัน
  • 11:12 - 11:16
    แทนที่จะแบ่งแยกคนในโลกออกจากกัน
  • 11:16 - 11:20
    แล้วมุดกลับเข้าไปในเปลือกของความเป็นชาติ
  • 11:21 - 11:22
    นี่เป็นคำกล่าวที่สวยงามมากค่ะ
  • 11:22 - 11:25
    ขอบคุณคุณหวงมากนะคะ
    ที่พูดคุยกับเราจากปักกิ่ง
  • 11:25 - 11:26
    ขอให้รักษาตัวนะคะ
  • 11:27 - 11:30
    ขอบคุณค่ะเฮเลน คุณก็รักษาตัวเช่นกันค่ะ
Title:
คุณค่าแบบอเมริกันและจีนส่งผลอย่างไรต่อการรับมือโคโรน่าไวรัส
Speaker:
หวง หง
Description:

เพื่อต่อสู้กับ COVID-19 หลายประเทศปิดการเดินทาง สั่งให้ทุกคนอยู่บ้าน และบังคับให้สวมหน้ากาก แต่ผลการตอบรับและการปฏิบัติตามมาตราการเหล่านี้ แตกต่างกันอย่างมากในประเทศตะวันออกและตะวันตก ในการสนทนากับหัวหน้าภัณฑารักษ์ของ TED เฮเลน วอลเตอร์ นักเขียนและบรรณาธิการ หวง หง ได้อธิบายถึงคุณค่าแบบอเมริกันและจีน ซึ่งส่งผลต่อการรับมือการระบาดของโรค และให้มุมมองว่าทำไมทุกคนต้องร่วมมือกันเพื่อทำให้โรคระบาดนี้สิ้นสุดลง (บันทึกเมื่อวันที่ 16 เมษายน 2563)

more » « less
Video Language:
English
Team:
closed TED
Project:
TEDTalks
Duration:
11:44

Thai subtitles

Revisions Compare revisions