เราควรทำอย่างไรให้ตายดี
-
0:01 - 0:03ผมเป็นแพทย์เฉพาะทาง
ด้านการดูแลผู้ป่วยแบบประคับประคอง -
0:03 - 0:06และวันนี้ ผมอยากจะคุยกับคุณ
เกี่ยวกับระบบการบริบาลสุขภาพ -
0:06 - 0:11ผมอยากจะคุยกับคุณ
เกี่ยวกับระบบการบริบาลและสุขภาพ -
0:11 - 0:14ของประชากรกลุ่มที่เปราะบางที่สุด
ในประเทศของเรา -
0:14 - 0:20กลุ่มที่มีปัญหาสุขภาพ
ที่ซับซ้อนและร้ายแรงที่สุด -
0:20 - 0:23ผมอยากจะคุยกับคุณ
เกี่ยวกับเรื่องเศรษฐกิจด้วยครับ -
0:23 - 0:28และความทับซ้อนของสองเรื่องนี้
ที่ควรจะทำให้คุณกลัวมาก ๆ -
0:28 - 0:30มันทำให้ผมกลัวโคตรกลัวเลยครับ
-
0:30 - 0:34และผมอยากจะคุยถึงเรื่อง
การรักษาแบบประคับประคอง -
0:34 - 0:41ขอบข่ายการบริบาลสำหรับประชากรกลุ่มนี้
บนรากฐานของคุณค่าที่พวกเขายึดถือ -
0:41 - 0:44การดูแลที่ยึดผู้ป่วยเป็นศูนย์กลาง
โดยถือคุณค่าของพวกเขาเป็นรากฐาน -
0:44 - 0:48ที่ช่วยให้ประชากรกลุ่มนี้
มีชีวิตที่ดีขึ้นและยาวนานขึ้น -
0:48 - 0:52เป็นระบบการบริบาลที่พูดความจริง
-
0:52 - 0:53ให้ความสนใจแบบปัจเจกบุคคล
-
0:53 - 0:57และเข้าถึงคนไข้ในแบบที่พวกเขาต้องการ
-
0:57 - 1:01ผมอยากเริ่มด้วยการเล่าเรื่อง
คนไข้คนแรกสุดของผม -
1:01 - 1:03วันนั้นเป็นวันแรก
ที่ผมทำงานเป็นหมอ -
1:03 - 1:06ใส่เสื้อกาวน์ยาวสีขาว
-
1:06 - 1:07ผมเดินงง ๆ
เข้าไปในโรงพยาบาล -
1:07 - 1:10ตอนนั้นเองที่คุณผู้ชายคนหนึ่ง
แฮโรลด์ อายุ 68 ปี -
1:10 - 1:11มาที่แผนกฉุกเฉิน
-
1:11 - 1:13เขามีอาการปวดหัวมา 6 อาทิตย์
-
1:13 - 1:16และอาการปวดก็แย่ลง
แย่ลง แย่ลงเรื่อย ๆ -
1:16 - 1:21ผลการตรวจพบว่า
เขาเป็นมะเร็งที่แพร่กระจายไปสมอง -
1:21 - 1:28แพทย์เจ้าของไข้
ให้ผมไปพบกับแฮโรลด์และครอบครัว -
1:28 - 1:32เพื่อแจ้งผลการวินิจฉัย
การพยากรณ์โรค และทางเลือกในการรักษา -
1:32 - 1:35ห้าชั่วโมงหลังจากได้เริ่มงานใหม่
-
1:35 - 1:38ผมทำเพียงสิ่งเดียวที่รู้ว่าทำอย่างไร
-
1:38 - 1:40ผมเดินเข้าไป
-
1:40 - 1:42นั่งลง
-
1:42 - 1:44จับมือของแฮโรลด์
-
1:44 - 1:46และภรรยาของเขา
-
1:46 - 1:48และ หายใจ
-
1:48 - 1:51เขาพูดขึ้นว่า "ข่าวร้ายใช่มั้ยหมอ"
-
1:51 - 1:53ผมตอบว่า "ไม่ดีครับ"
-
1:53 - 1:57เราได้พูดคุย รับฟัง
และแบ่งปันประสบการณ์ที่เรามี -
1:57 - 1:58สักพักนึง ผมเลยพูดว่า
-
1:58 - 2:01"แฮโรลด์ มีอะไร
ที่มีความหมายกับคุณบ้างครับ" -
2:01 - 2:03"อะไรที่คุณรู้สึกว่าเป็นสิ่งสำคัญ"
-
2:03 - 2:04เขาตอบผมว่า
-
2:04 - 2:06"ครอบครัวของผม"
-
2:07 - 2:09ผมถามเขาว่า
"แล้วคุณอยากทำอะไรครับ" -
2:09 - 2:12เขาตบเข่าผม ตอบว่า
"ผมอยากไปตกปลา" -
2:12 - 2:15ผมบอกว่า "เรื่องนั้น ผมจัดให้ได้ครับ"
-
2:15 - 2:18แฮโรลด์ได้ไปตกปลาในวันต่อมา
-
2:18 - 2:20เขาเสียชีวิตในอีกอาทิตย์ถัดมา
-
2:20 - 2:23ในตอนที่ผมเรียนแพทย์ไปจนจบนั้น
-
2:23 - 2:25ผมคิดย้อนไปถึงแฮโรลด์
-
2:25 - 2:28และผมคิดว่า นั่นเป็นการพูดคุย
-
2:29 - 2:32ที่เกิดขึ้นได้น้อยครั้งเกินไปครับ
-
2:32 - 2:36เป็นบทสนทนาที่พาเราเข้าสู่วิกฤต
-
2:36 - 2:39เข้าสู่ภาวะคุกคามที่ร้ายแรงที่สุด
สู่วิถีชีวิตของชาวอเมริกันทุกวันนี้ -
2:39 - 2:42นั่นคือ ค่าใช้จ่ายทางการแพทย์
-
2:42 - 2:43เรารู้อะไรบ้างครับ
-
2:43 - 2:46เรารู้ว่า ประชากรกลุ่มนี้
กลุ่มที่ป่วยหนักที่สุด -
2:46 - 2:49ใช้เงินมากถึง 15% ของผลิตภัณฑ์มวลรวม
-
2:49 - 2:52คิดเป็นมูลค่าเกือบ 2.3 ล้านล้านดอลลาร์
-
2:52 - 2:56คนป่วยที่สุด 15%
ใช้เงิน 15% ของผลิตภัณฑ์มวลรวม -
2:56 - 3:00หากเราคาดการณ์เรื่องนี้
ไปอีกสองทศวรรษหน้า -
3:00 - 3:03ร่วมกับการแก่ตัวของคนยุคเบบี้บูม
-
3:03 - 3:08ด้วยอัตราเร็วขนาดนี้
จะคิดเป็น 60% ของผลิตภัณฑ์มวลรวม -
3:08 - 3:10ใช้จ่าย 60% ของ ผลิตภัณฑ์มวลรวม
-
3:10 - 3:12ของสหรัฐอเมริกา
-
3:12 - 3:15ถึงตอนนั้น คงส่งผลกระทบเพียงเล็กน้อย
ต่อระบบบริบาลสุขภาพ -
3:15 - 3:18แต่จะไปส่งผลกับราคาสินค้าอุปโภคบริโภค
-
3:18 - 3:20ค่าเล่าเรียนมหาวิทยาลัย
-
3:20 - 3:22ส่งผลกับทุกอย่างที่มีคุณค่ากับเรา
-
3:22 - 3:27และทุกอย่างที่เรารู้จักในปัจจุบัน
-
3:27 - 3:31สิ่งนี้มีเดิมพันเป็นระบบเศรษฐกิจ
แบบตลาดเสรีและระบบทุนนิยม -
3:31 - 3:34ของสหรัฐอเมริกา
-
3:35 - 3:38เรามาลืมเรื่องสถิติและตัวเลขกัน
สักแป๊ปนึงนะครับ -
3:38 - 3:42เรามาคุยกันถึงความคุ้มค่า
ที่เราได้จากการใช้จ่ายแต่ละดอลลาร์ -
3:42 - 3:46ผลการศึกษาของ สถาบันการแพทย์
Darthmouth Atlas เมื่อประมาณ 6 ปีก่อน -
3:46 - 3:48ศึกษาทุก ๆ ดอลลาร์ที่ใช้จ่าย
ในระบบประกันสุขภาพ -
3:48 - 3:50ของประชากรกลุ่มนี้
-
3:50 - 3:55เราพบว่าผู้ป่วย
ที่มีค่าใช้จ่ายต่อหัวสูงที่สุด -
3:56 - 4:00มีความทุกข์ทรมาน ความเจ็บปวด
และเป็นโรคซึมเศร้ามากที่สุด -
4:00 - 4:04และส่วนใหญ่จะเสียชีวิตเร็วกว่า
-
4:04 - 4:06เป็นไปได้อย่างไรครับ
-
4:06 - 4:07เราอยู่ในประเทศสหรัฐอเมริกา
-
4:07 - 4:10ประเทศที่มีระบบบริบาลสุขภาพ
ที่ยอดเยี่ยมที่สุดในโลก -
4:10 - 4:12เราใช้จ่ายเงินมากเป็น 10 เท่า
กับผู้ป่วยกลุ่มนี้ -
4:12 - 4:15มากกว่าประเทศ
ที่เป็นผู้นำอันดับสองในโลก -
4:15 - 4:18มันไร้เหตุผลนะครับ
-
4:18 - 4:19แต่สิ่งที่เรารู้คือ
-
4:19 - 4:22จากประเทศชั้นนำ 50 ประเทศในโลก
-
4:22 - 4:26ที่มีระบบจัดการการบริบาลสุขภาพ
-
4:26 - 4:28เราอยู่อันดับที่ 37
-
4:29 - 4:32กลุ่มอดีตประเทศคอมมิวนิสต์ในยุโรปตะวันออก
-
4:32 - 4:35และกลุ่มประเทศในทวีปแอฟริกาทางตอนใต้
ของทะเลทรายซาฮาร่า -
4:35 - 4:40ต่างก็อยู่อันดับที่ดีกว่าเรา
ทั้งในด้านคุณภาพและความคุ้มค่า -
4:40 - 4:43มีสิ่งที่ผมสัมผัสได้
จากการทำงานของผมในทุก ๆ วัน -
4:43 - 4:48และผมมั่นใจว่า คุณหลายคน
คงก็เคยสัมผัสจากชีวิตของคุณ -
4:48 - 4:52การทำมาก ไม่ได้แปลว่า ได้ผลมาก
-
4:52 - 4:54คนไข้ที่ได้รับการตรวจที่มากกว่า
-
4:54 - 4:56การตรวจที่ไม่จำเป็น
-
4:56 - 4:58ได้รับยาคีโมมากกว่า ผ่าตัดมากกว่า
หลายสิ่งหลายอย่างที่มากกว่า -
4:58 - 5:01ยิ่งเราทำอะไรกับชีวิตคนไข้มากขึ้น
-
5:01 - 5:05คุณภาพชีวิตของเขาจะยิ่งลดลง
-
5:05 - 5:09บ่อยครั้ง ก็ทำให้ชีวิตสั้นลงด้วย
-
5:10 - 5:12เราจะทำอย่างไรกับเรื่องนี้ดี
-
5:12 - 5:13เราจะทำอะไรกับเรื่องนี้
-
5:13 - 5:15และจะทำไปทำไม
-
5:15 - 5:17ความจริงที่โหดร้าย ทุกท่านครับ
-
5:17 - 5:20คือเรา อุตสาหกรรมการบริบาลด้านสุขภาพ
แพทย์ในเสื้อกาวน์ยาวสีขาว -
5:20 - 5:23ขโมยจากคุณ
-
5:23 - 5:26ขโมยโอกาสจากคุณ
-
5:26 - 5:28โอกาสที่คุณจะเลือกการใช้ชีวิต
-
5:28 - 5:31ในแบบที่เหมาะกับความเจ็บป่วยของคุณ
-
5:31 - 5:34เราจดจ่ออยู่กับตัวโรค
ผลชิ้นเนื้อ การผ่าตัด -
5:34 - 5:36และการใช้ยา
-
5:37 - 5:41เราละเลยความเป็นมนุษย์
-
5:41 - 5:43เราจะรักษา "โรค" ได้อย่างไร
-
5:43 - 5:46โดยที่ไม่เข้าใจ "ความเป็นมนุษย์"
-
5:47 - 5:50เราจะรักษา "โรค" ได้
-
5:51 - 5:55เราต้องรักษา "ความเป็นมนุษย์" ครับ
-
5:56 - 5:58จุดมุ่งหมายสามอย่าง
ของการบริบาลทางสุขภาพ -
5:58 - 6:01หนึ่ง พัฒนาประสบการณ์ของผู้ป่วย
ที่มีกับการรักษาและโรงพยาบาล -
6:01 - 6:05สอง สร้างเสริมสุขภาพของประชากร
-
6:05 - 6:11สาม ลดค่าใช้จ่ายต่อหัวในผู้ป่วยทุกกลุ่ม
-
6:12 - 6:13กลุ่มการรักษาแบบประคับประคองของเรา
-
6:13 - 6:19ในปี ค.ศ. 2012 เราได้ทำงานกับ
คนที่เจ็บป่วยที่หนักที่สุด ของที่สุด -
6:19 - 6:20ทั้งผู้ป่วยโรคมะเร็ง
-
6:20 - 6:22โรคหัวใจ โรคปอด
-
6:22 - 6:23โรคไต
-
6:23 - 6:24ความจำเสื่อม
-
6:26 - 6:29เราจะพัฒนาประสบการณ์ของผู้ป่วย
ที่มีกับการรักษาและโรงพยาบาลอย่างไรครับ -
6:29 - 6:31"หมอ ฉันอยากกลับบ้าน"
-
6:31 - 6:33"ได้ครับ เราจะรักษาคุณที่บ้านครับ"
-
6:33 - 6:35ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
-
6:36 - 6:37เมื่อเราตระหนักถึงความเป็นมนุษย์
-
6:37 - 6:39ข้อสอง สุขภาพของประชากร
-
6:39 - 6:42เรามองประชากรกลุ่มนี้ต่างกัน
-
6:42 - 6:46ข้องเกี่ยวกับเขาในระดับที่ต่างกัน
ในระดับความรู้สึกที่ลึกลงไป -
6:46 - 6:50เราจะเข้าใจสภาวะของมนุษย์
ที่นอกเหนือจากตัวเราให้มากขึ้นได้อย่างไร -
6:50 - 6:53เราดูแลผู้ป่วยกลุ่มนี้อย่างไร
-
6:53 - 6:54ให้ผู้ป่วยนอกจำนวน 94% ของเรา
-
6:54 - 7:00ไม่ต้องไปโรงพยาบาลเลย ในปี ค.ศ. 2012
-
7:00 - 7:03ไม่ใช่เพราะว่าพวกเขาไปไม่ได้
-
7:03 - 7:05แต่พวกเขาไม่จำเป็นต้องไป
-
7:05 - 7:07เราให้การรักษาพวกเขาถึงที่
-
7:07 - 7:12เรารักษาคุณค่าและคุณภาพชีวิต
ของพวกเขาให้อยู่ในระดับเดิม -
7:13 - 7:17ข้อสาม รายจ่ายต่อหัว
-
7:17 - 7:20สำหรับผู้ป่วยกลุ่มนี้
ณ ปัจจุบัน คือ 2.3 ล้านล้านดอลลาร์ -
7:20 - 7:23และใน 20 ปีข้างหน้า
จะเป็น 60% ของผลิตภัณฑ์มวลรวม -
7:23 - 7:29เราลดค่าใช้จ่าย
ทางการแพทย์ต่อหัวได้เกือบ 70% -
7:29 - 7:32พวกเขาได้สิ่งที่ต้องการมากขึ้น
และเป็นสิ่งที่พวกเขารู้สึกว่ามีคุณค่า -
7:32 - 7:35มีชีวิตที่ดีขึ้นและนานขึ้น
-
7:35 - 7:40โดยใช้จ่ายน้อยลง
ถึงสองในสาม -
7:43 - 7:46ในขณะที่แฮโรลด์มีเวลาจำกัด
-
7:46 - 7:48การรักษาแบบประคับประคอง
ไม่จำกัดเวลา -
7:48 - 7:55การรักษาแบบประคับประครอง
เริ่มต้นตั้งแต่การวินิจฉัยโรคไปจนสิ้นสุดชีวิต -
7:55 - 7:56นานเป็นชั่วโมง
-
7:56 - 8:00เป็นอาทิตย์ เป็นเดือน เป็นปี
-
8:00 - 8:01นานไปเรื่อยๆ
-
8:01 - 8:03จะมีการรักษา
หรือไม่มีการรักษาก็ตาม -
8:03 - 8:05นี่คือ คริสทีน ครับ
-
8:05 - 8:07เธอเป็นมะเร็งปากมดลูก ระยะที่ 3
-
8:07 - 8:10มะเร็งได้แพร่กระจาย
จากบริเวณปากมดลูกของเธอ -
8:10 - 8:12ไปทั่วร่างกาย
-
8:13 - 8:16เธออายุ 50 ปีกว่าๆ
และยังคง "ใช้ชีวิต" -
8:17 - 8:18นี่ไม่ใช่เรื่องการสิ้นสุดของชีวิตครับ
-
8:18 - 8:20แต่เป็นเรื่องของชีวิต
-
8:21 - 8:23ไม่ใช่เพียงเรื่องของผู้สูงอายุเท่านั้น
-
8:23 - 8:25แต่เป็นเรื่องของทุกคน
-
8:26 - 8:28นี่คือ ริชาร์ด ครับ
-
8:28 - 8:30เขาเป็นมะเร็งปอด ระยะสุดท้าย
-
8:30 - 8:34"ริชาร์ด อะไรคือสิ่งสำคัญสำหรับคุณครับ"
-
8:34 - 8:37"ลูก ๆ ของผม ภรรยา
แล้วก็มอเตอร์ไซค์ฮาร์ลีย์" -
8:37 - 8:38(เสียงหัวเราะ)
-
8:38 - 8:41"ครับผม
-
8:41 - 8:44ผมคงพาคุณขับมอเตอร์ไซค์ไม่ได้
เพราะแค่ปั่นจักรยานผมก็แย่แล้ว -
8:44 - 8:46แต่มาลองดูว่า
เราจะทำอะไรได้บ้างนะครับ" -
8:46 - 8:49ริชาร์ดมาหาผม
-
8:49 - 8:52และเขาดูไม่ดีเท่าไหร่
-
8:52 - 8:54เขาพอรู้ตัวว่า
-
8:54 - 8:58เวลาของเขา
คงเหลือเพียงไม่กี่อาทิตย์ ไม่กี่เดือน -
8:58 - 8:59และเราก็คุยกันครับ
-
8:59 - 9:03ผมได้ยิน และพยายามที่จะฟัง --
-
9:03 - 9:05มันแตกต่างกันมากนะครับ
-
9:05 - 9:07เราต้องใช้หูมากกว่าใช้ปาก
-
9:08 - 9:11ผมบอกว่า ดีครับ
ค่อยเป็นค่อยไป วันต่อวันนะครับ -
9:11 - 9:14เหมือนที่เราทำในทุกบททุกตอนของชีวิต
-
9:15 - 9:19เรารับการตัดสินใจของริชาร์ดได้
ที่จะทำแบบค่อยเป็นค่อยไปในแต่ละวัน -
9:19 - 9:22และโทรศัพท์หากัน
ทุกอาทิตย์หรือสองอาทิตย์ -
9:23 - 9:28แต่ริชาร์ดก็ใช้ชีวิตได้อย่างดี
สำหรับผู้ป่วยมะเร็งปอดระยะสุดท้าย -
9:30 - 9:34ปัจจุบัน การรักษาแบบประคับประคอง
ไม่ใช่สำหรับผู้งสูงอายุเท่านั้นครับ -
9:34 - 9:37ไม่ใช่สำหรับวัยกลางคน
-
9:38 - 9:39แต่สำหรับทุกคน
-
9:39 - 9:42เชิญพบกับเพื่อนของผม
โจนาธานครับ -
9:42 - 9:43เราได้รับเกียรติ และยินดีมาก
-
9:43 - 9:46ที่โจนาธานและคุณพ่อ
มาอยู่กับเราในงานวันนี้ -
9:46 - 9:49โจนาธานอายุประมาณ 20 กว่าปีครับ
ผมได้พบเขาเมื่อหลายปีก่อน -
9:49 - 9:53ตอนที่เขากำลังต่อสู้กับโรคมะเร็งอัณฑะ
ระยะแพร่กระจาย -
9:53 - 9:54แพร่ไปที่สมอง
-
9:54 - 9:56เขามีภาวะเส้นเลือดอุดตันในสมอง
-
9:56 - 9:58ได้รับการผ่าตัดสมอง
-
9:58 - 10:01ฉายแสง รับยาเคมีบำบัด
-
10:02 - 10:03ตอนที่ผมได้พบเขาและครอบครัว
-
10:03 - 10:06เขากำลังจะได้รับการปลูกถ่ายไขกระดูก
ในอีกไม่กี่อาทิตย์ข้างหน้า -
10:06 - 10:09และตอนที่ผมได้พูดคุยและรับฟัง
-
10:09 - 10:15ครอบครัวของเขาบอกผมว่า
"ช่วยให้เราเข้าใจหน่อยว่ามะเร็งคืออะไร" -
10:16 - 10:19เรามาไกลขนาดนี้ได้อย่างไร
-
10:19 - 10:21ทั้ง ๆ ที่ไม่เข้าใจ
ว่าเรากำลังเผชิญหน้ากับอะไร -
10:21 - 10:24เรามาไกลขนาดนี้ได้อย่างไร
โดยที่ไม่ให้เขาเข้าใจ -
10:24 - 10:26ว่าสิ่งที่เขากำลังเผชิญอยู่คืออะไร
-
10:26 - 10:29แล้วค่อยตัดสินใจเดินหน้าต่อ
และปฏิบัติต่อเขาในฐานะเพื่อนมนุษย์ -
10:29 - 10:31เพื่อให้รู้ว่าเราสมควรจะทำอะไร
-
10:31 - 10:35พระเจ้าทรงทราบ
ว่าเราจะทำอะไรกับคุณก็ได้ -
10:37 - 10:40แต่ว่า เราควรจะทำหรือเปล่า
-
10:42 - 10:44ไม่ต้องเชื่อที่ผมพูดก็ได้ครับ
-
10:44 - 10:48ทุกวันนี้ หลักฐานทั้งหมดเกี่ยวกับ
การดูแลรักษาแบบประคับประคอง -
10:48 - 10:52แสดงให้เห็นว่าผู้ป่วย
มีชีวิตที่ดีขึ้นและยาวนานขึ้น -
10:52 - 10:55มีบทความจากการประชุม ตีพิมพ์ในวารสาร
New England Journal of Medicine -
10:55 - 10:57ในปี ค.ศ. 2010
-
10:57 - 11:00เป็นการศึกษาจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด
โดยเพื่อนและผู้ร่วมงานของผม -
11:00 - 11:02เกี่ยวกับผู้ป่วยมะเร็งปอดระยะสุดท้าย
-
11:02 - 11:04กลุ่มหนึ่งได้รับการดูแลแบบประคับประคอง
-
11:05 - 11:08และอีกกลุ่มที่เหมือนกัน
แต่ไม่ได้รับการดูแลแบบประคับประคอง -
11:08 - 11:12กลุ่มที่ได้รับการดูแลแบบประคับประคอง
รายงานถึงอาการปวดที่น้อยกว่า -
11:12 - 11:14มีภาวะซึมเศร้าน้อยกว่า
-
11:14 - 11:17พวกเขาเข้ารับการรักษา
ในโรงพยาบาลน้อยครั้งกว่า -
11:17 - 11:18และทุกท่านครับ
-
11:19 - 11:23พวกเขา มีชีวิตนานกว่าอีกกลุ่มหนึ่ง
สามถึงหกเดือน -
11:24 - 11:28ถ้าหากการรักษาแบบประคับประคอง
คือยารักษาโรคมะเร็ง -
11:28 - 11:33แพทย์รักษาโรคมะเร็งทุกคนในโลกนี้
จะสั่งจ่ายมัน -
11:33 - 11:35ทำไมถึงจะไม่สั่งล่ะครับ
-
11:36 - 11:39ครับ เพราะว่าพวกเรา
หมอเด๋อด๋า ในเสื้อกาวน์ยาวสีขาว -
11:39 - 11:43ได้เรียนรู้และฝึกให้รับมือกับตัวโรค
-
11:44 - 11:49แต่ไม่ใช่กับความเป็นมนุษย์
-
11:51 - 11:56นี่คือสิ่งที่เราจะต้องเจอครับ
ในจุดหนึ่งของชีวิต -
11:56 - 11:58การพูดคุยวันนี้
ไม่ใช่เรื่องความตายครับ -
11:58 - 12:00แต่เป็นเรื่องของการมีชีวิต
-
12:00 - 12:02ชีวิตที่ตั้งอยู่บนสิ่งที่เราให้คุณค่า
-
12:02 - 12:03สิ่งที่สำคัญสำหรับเรา
-
12:03 - 12:06และเราอยากจะเขียน แต่ละบทแต่ละตอน
ในช่วงชีวิตของเราอย่างไร -
12:06 - 12:07ไม่ว่าจะเป็นบทสุดท้าย
-
12:07 - 12:10หรือห้าบทสุดท้าย
-
12:10 - 12:12สิ่งที่เรารู้นะครับ
-
12:12 - 12:14สิ่งที่เราได้พิสูจน์
-
12:14 - 12:18คือการพูดคุยเช่นนี้
จำเป็นต้องเกิดขึ้นในวันนี้ -
12:18 - 12:20ไม่ใช่อาทิตย์หน้า
ไม่ใช่ปีหน้า -
12:20 - 12:23ชีวิตของเราในวันนี้
มีเดิมพันเป็นอะไรบ้างครับ -
12:23 - 12:25และชีวิตของเรา
เมื่อเราแก่ตัวลง -
12:25 - 12:28ชีวิตของลูกของเรา
และหลานของเรา -
12:28 - 12:30ไม่ใช่ที่ห้องในโรงพยาบาล
-
12:30 - 12:32หรือบนโซฟาที่บ้าน
-
12:32 - 12:36แต่ทุกที่ที่เราไป
ทุกอย่างที่เราได้พบเจอ -
12:36 - 12:42การแพทย์เพื่อดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้าย
คือคำตอบที่เกี่ยวข้องกับมนุษย์ -
12:42 - 12:46ที่เปลี่ยนแปลงการเดินทาง
ที่เราทุกคนจะต้องเจอ -
12:46 - 12:50และเปลี่ยนมันให้ดีขึ้น
-
12:50 - 12:53ถึงเพื่อนร่วมงานของผมทุกคน
-
12:53 - 12:55คนไข้ทุกคน
-
12:55 - 12:56รัฐบาล
-
12:56 - 12:58และทุกคนครับ
-
12:58 - 13:03ผมขอให้เรายืนหยัด ส่งเสียง และเรียกร้อง
-
13:03 - 13:05การรักษาที่ดีที่สุดที่มีได้
-
13:05 - 13:07เพื่อให้เรามีชีวิตที่ดีขึ้นวันนี้
-
13:07 - 13:10และแน่ใจว่า
เราจะมีชีวิตที่ดียิ่งกว่า ในวันต่อไป -
13:10 - 13:12เราต้องเปลี่ยนแปลงวันนี้
-
13:12 - 13:15เพื่อชีวิตในวันข้างหน้า
-
13:15 - 13:18ขอบคุณมากครับ
-
13:18 - 13:19(เสียงปรบมือ)
- Title:
- เราควรทำอย่างไรให้ตายดี
- Speaker:
- ทิโมธี อิริก
- Description:
-
อุตสาหกรรมด้านการบริบาลสุขภาพในอเมริกา ให้ความสนใจอย่างมากกับเรื่องผลการตรวจชิ้นเนื้อ การผ่าตัด และการใช้ยา -- สิ่งที่แพทย์ "ทำ" ให้ผู้ป่วย -- จนละเลยคุณค่าของความเป็นมนุษย์ที่ควรต้องดูแล นายแพทย์ทิโมธี อิริก แพทย์เฉพาะทางด้านการรักษาแบบประคับประคอง อธิบายถึงข้อดีของแนวทางใหม่ ที่ใส่ใจคุณภาพชีวิตโดยรวมของผู้ป่วย และวางแผนจัดการความเจ็บป่วยอันรุนแรงนั้น ตั้งแต่ได้รับการวินิจฉัยจนถึงวันสุดท้ายของชีวิต ด้วยเมตตา และการคำนึงถึงศักดิ์ศรีของผู้ป่วย
- Video Language:
- English
- Team:
- closed TED
- Project:
- TEDTalks
- Duration:
- 13:32
Unnawut Leepaisalsuwanna approved Thai subtitles for What we can do to die well | ||
Unnawut Leepaisalsuwanna edited Thai subtitles for What we can do to die well | ||
Ditt Thamma accepted Thai subtitles for What we can do to die well | ||
Ditt Thamma edited Thai subtitles for What we can do to die well | ||
Ditt Thamma edited Thai subtitles for What we can do to die well | ||
Thipnapa Huansuriya rejected Thai subtitles for What we can do to die well | ||
Thipnapa Huansuriya edited Thai subtitles for What we can do to die well | ||
Thipnapa Huansuriya edited Thai subtitles for What we can do to die well |