-
รู้กันไหมคะว่า Casanova เนี่ยไม่ใช่คำศัพท์นะคะ
-
แต่เป็นคนที่มีตัวตนจริงๆในประวัติศาสตร์
-
และวีรกรรมของเขาเนี่ยสุดยอดมากเลยค่ะ
-
สวัสดีค่ะ วิวจากแชนเนล Point of View ค่ะ
-
เชื่อว่าหลายๆคนเนี่ยน่าจะเคยได้ยินคำว่า
-
Casanova ใช่ไหมคะ
-
บางคนก็เคยเอาไปใช้แซวผู้ชายแซวอะไรต่างๆ เช่นแบบ
-
แหม พ่อคาสโนว่า วันนี้เธอไปจีบผู้หญิงที่ไหนมาจ๊ะ
-
หรือว่า
-
ระวังนะ คนนั้นน่ะคาสโนว่าจริงๆเลยนะคะ
-
ซึ่งหลายคนก็เข้าใจว่า
-
นี่มันเป็นแค่คำศัพท์เฉยๆอะไรต่างๆนะคะ
-
อย่างไรก็ตามค่ะ
-
จริงๆแล้วคำว่า Casanova เนี่ย
-
เป็นชื่อคนที่มีตัวตนจริงๆในประวัติศาสตร์นะคะ
-
ซึ่งเดี๋ยววันนี้วิวจะมาเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับเขาให้ฟังค่ะว่า
-
เขาไปทำอิท่าไหน มีวีรกรรมอะไร
-
ชื่อของเขาก็เลยกลายเป็นคำศัพท์คำนี้ค่ะ
-
ซึ่งเอาจริงๆนะคะใครที่ติดตามวิวมานานพอสมควรเนี่ย
-
น่าจะรู้ว่าวิวเคยทำคลิปมาแล้วคลิปนึงนะที่
-
เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับคนที่ทำวีรกรรมต่างๆ
-
แล้วชื่อเนี่ยกลายมาเป็นคำศัพท์ค่ะ
-
ซึ่งถ้าใครอยากรู้นี่ก็สามารถกดไปดูได้ตรงนี้นะคะ
-
แต่สำหรับตอนนี้
-
พร้อมจะไปฟังเรื่องราวของ Casanova ที่ทั้ง
-
สนุกแล้วก็ได้สาระรึยังคะ
-
ถ้าพร้อมกันแล้วก็ไปดูกันเลยค่ะ
-
เมื่อพูดถึงคำว่า Casanova เนี่ยนะคะ
-
ต้องบอกว่าคำคำนี้มีอายุไม่ยาวนานเลยค่ะ
-
มีอายุแค่ประมาณ 200 ปีเท่านั้นเอง
-
คือคำคำนี้
-
บันทึกไว้ว่าเกิดขึ้นเมื่อปีค.ศ. 1852 นะคะ
-
ตาม Merriam-Webster Dictionary เนอะ
-
ในภาษาอังกฤษเนี่ยนะคะแปลคำนี้ว่า
-
ผู้ชายที่มากรัก มีคนรักมาก
-
รวมถึงรู้วิธีหลอกลวงผู้หญิงนั่นเองค่ะ
-
ซึ่งถามว่าแล้วที่มาที่ไปของศัพท์คำนี้
-
เกิดขึ้นได้ยังไงนะคะ
-
ก็ต้องบอกว่า
-
คำคำนี้นะคะเกิดขึ้นจากผู้ชายคนนึงค่ะที่ชื่อว่า
-
Giacomo Girolamo Casanova นั่นเอง
-
ฟังขนาดนี้ก็น่าจะรู้นะว่า
-
เป็นภาษาอิตาเลียนค่ะ
-
ซึ่งในชีวิตของเขาเนี่ย
-
เขาก็มีโอกาสได้เดินทางไปประเทศต่างๆมากมายนะ
-
รวมถึงฝรั่งเศสด้วย
-
ตอนที่ไปอยู่ฝรั่งเศสนี่เขาก็ใช้นามแฝงว่า
-
Chevalier de Seingalt นะคะ
-
ซึ่งเอาจริงๆทั้งภาษาอิตาเลียนทั้งภาษาฝรั่งเศสนี่
-
วิวไม่แน่ใจเลยว่าตัวเองออกเสียงถูกรึเปล่านะ
-
อย่างไรก็ตามช่างมันค่ะ
-
เรากลับมาที่ประวัติของคุณ Casanova ดีกว่า
-
คุณ Casanova คนนี้นะคะเขาเกิดเมื่อวันที่
-
2 เมษายน ปีค.ศ. 1725 ค่ะ ที่เมืองเวนิสนะคะ
-
ซึ่งในปัจจุบันก็เป็นส่วนนึงของอิตาลีเนอะ
-
อย่างไรก็ตาม ในตอนที่เขาเกิดเนี่ย
-
เวนิสยังเป็นเมืองที่ทรงอำนาจของตัวเองอยู่ค่ะ
-
เรียกได้ว่าเป็นรัฐเวนิสนะ เป็นรัฐที่
-
เป็นศูนย์กลางการค้าต่างๆ
-
ถ้าเราคุ้นเคยกันดีกับประวัติศาสตร์ยุโรปยุคนั้นก็จะรู้ว่า
-
นี่เป็นเมืองท่าที่สำคัญมากๆนะคะ
-
เพราะว่าอยู่ติดน้ำ ถูกต้องไหม
-
และประวัติของเขาเนี่ยบอกเลยว่า
-
ส่งเสริมให้เขากลายมาเป็นคนที่
-
มีความสามารถในการเป็น "คาสโนว่า" อย่างยิ่งค่ะ
-
เพราะว่าตั้งแต่ที่เขาเกิดมาเนี่ย
-
อาชีพของพ่อของแม่เขานี่ก็เข้ากันดีเลยค่ะ
-
เพราะว่าแม่ของเขาเนี่ยนะคะ
-
เป็นนักแสดงตลกค่ะที่ชื่อว่า Zanetta นะคะ
-
ส่วนพ่อของเขาเนี่ยนะคะก็เป็นทั้งนักแสดง
-
แล้วก็นักเต้นบัลเลต์ชายค่ะ
-
ซึ่งด้วยอาชีพของพ่อและแม่นะ
-
ทำให้เขาต้องเดินทางไปที่ต่างๆ ไปเปิดแสดงมากมาย
-
ดังนั้นเมื่ออายุแค่หนึ่งขวบเท่านั้นค่ะ
-
เขาก็โดนพ่อกับแม่ทิ้งไว้ให้คุณยายเลี้ยงนะคะ
-
เพราะว่าพ่อกับแม่เนี่ยต้องเดินทางไป
-
เปิดการแสดงที่ลอนดอนค่ะ
-
ซึ่งหลังจากนั้นเนี่ยนะคะ
-
เขาก็เติบโตขึ้นมาในบริเวณเมืองนึงที่ชื่อว่า
-
เมืองปาดัวนั่นเองค่ะ
-
ก็มีการไปเข้าโรงเรียนประจำอะไรต่างๆ
-
นอกจากนี้เขาเนี่ย
-
มีโอกาสได้เรียนมหาวิทยาลัยปาดัวด้วยนะคะ
-
ก็เรียนเร็วมากนะทุกคน
-
เรียนตั้งแต่ตอนอายุประมาณ 12 ปีค่ะและ
-
เมื่ออายุ 17 ปีก็เรียนจบแล้วนะคะ
-
เรียกได้ว่าอัจฉริยะจริงๆ
-
แล้วถามว่าเขาเรียนมหาวิทยาลัยเนี่ย
-
เรียนคณะอะไรรู้ไหมคะ
-
ลองนึกสภาพคนที่มีวาทศิลป์มากมาย
-
สามารถจีบหญิงได้ไปทั่ว
-
คิดว่าจะเป็นคณะอะไรคะ
-
บอกเลยค่ะว่าคุณ Casanova คนนี้
-
เขาเรียนกฎหมายเป็นหลักค่ะทุกคน
-
ดังนั้น อื้อหือ
-
ความทนายอะนะ มันก็จะมีความแบบ
-
อะไรต่างๆได้ ประมาณนั้นเลยค่ะ
-
ทีนี้นอกจากเรียนกฎหมายแล้ว คุณ Casanova คนนี้
-
ก็มีโอาสได้เรียนอีกหลายอย่างเลยทีเดียวนะ
-
ไม่ว่าจะเป็นด้านปรัชญา เคมี คณิตศาสตร์
-
เรียกได้ว่าเรียนศาสตร์ของชนชั้นสูงสมัยนั้นค่ะ
-
ทีนี้หลังจากเรียนจบมา ถามว่าเขาทำอาชีพอะไร
-
บอกเลยว่าอาชีพของเขาเนี่ยหลากหลายมากๆเลยนะคะ
-
เรียกได้ว่าทำมาแทบทุกอย่าง
-
ไม่ว่าจะเป็นนักกฎหมายตามที่เรียนมา
-
รวมถึงมีโอกาสได้ไปทำงานกับพระราชาคณะด้วยนะ
-
เพราะว่าอิตาลีก็ใกล้ๆกับวาติกัน ถูกต้องไหม
-
ดังนั้นพระราชาคณะที่เขาไปทำงานด้วยเนี่ย
-
เรียกได้ว่าเป็นรองแค่
-
สมเด็จพระสันตะปาปาหรือว่า Pope เท่านั้นเองค่ะ
-
ก็เรียกได้ว่าอยู่ในวงชั้นสูงสุดๆเลยนะ
-
นอกจากนี้เขาก็มีโอกาสได้ทำงานอื่นๆอีก
-
ไม่ว่าจะเป็นนักไวโอลิน ทหาร นักเขียน นักแปล
-
สายลับก็เคยเป็นนะคะ
-
หรือว่าแม้แต่อาชีพสุดท้ายในชีวิตเขาเนี่ยนะคะก็
-
ดูจะไม่ค่อยแฟนซีเท่าไหร่
-
เพราะว่าอาชีพสุดท้ายในชีวิตเขาเนี่ยนะคะ
-
เป็นบรรณารักษ์ให้กับท่านเคานต์คนนึง
-
ในปราสาทที่แคว้นโบฮีเมียค่ะ
-
ซึ่งก็คือสาธารณรัฐเช็กปัจจุบันนั่นเอง
-
ทีนี้นอกจากอาชีพต่างๆที่หลากหลายแล้วเนี่ย
-
ต้องบอกว่าเขามีโอกาสได้เข้าร่วมอีกอย่างนึงค่ะ
-
นั่นก็คือ
-
ในตอนที่เขาไปยุ่งกับพวกรัฐวาติกันอะไรต่างๆเนี่ยนะคะ
-
เขาได้รับเชิญเข้าเป็นสมาชิกองค์กรลับองค์กรนึงค่ะ
-
นั่นก็คือองค์กรฟรีเมสันนั่นเอง
-
น่ะ หลายๆคนที่รู้ก็น่าจะรู้ว่านี่เป็นองค์กรลับที่
-
ประกอบไปด้วยชนชั้นสูงเยอะมากเลยนะคะ
-
ซึ่งเดี๋ยวถ้ามีโอกาส
-
วันหลังวิวจะมาเล่าเรื่องฟรีเมสันให้ฟังค่ะ
-
อย่างไรก็ตามนะคะ
-
พอเขาได้มีโอกาสเข้าไปร่วมกับฟรีเมสัน
-
ได้ไปทำอาชีพอะไรต่างๆทั้งหมดเนี่ย
-
ก็ส่งเสริมให้เขาเนี่ยสามารถเป็น
-
"คาสโนว่า" ได้อย่างดีเยี่ยมเลยค่ะ
-
เพราะว่าเขาเนี่ยก็ได้คลุกคลีกับ
-
เหล่าชนชั้นสูงอะไรต่างๆ
-
ทำให้เขาได้รู้ข่าวคราว
-
ได้มีคอนเนคชัน ได้มีนู่นมีนี่นะคะ
-
ซึ่งทั้งหมดนี้นะคะก็หล่อหลอมเขาขึ้นมาค่ะ
-
ทำให้เขาสามารถไปจีบสาวตามที่ต่างๆ
-
หลอกสาวอะไรให้สาวเชื่อสาวหลงไปหมดเลยค่ะ
-
จนกระทั่งเขากลายเป็น "คาสโนว่า" ระดับตำนาน
-
จนแบบชื่อเขากลายเป็นศัพท์คำนึงเลยทีเดียวนะคะ
-
เราฟังเรื่องราวของชีวิตเขามามากพอแล้วค่ะ
-
เราไปดูที่ชีวิตรักของเขาดีกว่าว่า
-
ชีวิตรักของเขาเนี่ยเริ่มต้นมายังไงนะคะ
-
บอกเลยว่าชีวิตรักของเขาเนี่ย
-
เริ่มเร็วมากๆเลยทีเดียวค่ะ
-
ชีวิตรักของเขาเนี่ยนะคะต้องบอกว่า
-
เริ่มต้นขึ้นตั้งแต่เขายังเด็กๆเลยทีเดียวค่ะ
-
ก็ตั้งแต่ตอนที่เขาไปเรียนอยู่ใน
-
โรงเรียนที่เมืองปาดัวเนี่ยนะคะ
-
ซึ่งตอนที่เขาไปเรียนอยู่เนี่ยนะคะ
-
เขาก็ไปเจอคุณครูอยู่คนนึงค่ะ
-
ซึ่งใจเย็นๆก่อนทุกคน เขาไม่ได้ไปรักกับคุณครูค่ะ
-
แต่ว่าคุณครูคนนี้มีน้องสาวอยู่คนนึงค่ะ
-
ชื่อว่า Bettina นะคะ
-
และผู้หญิงคนนี้ก็กลายเป็นเหมือน
-
รักแรกของคุณ Casanova ค่ะเพราะว่า
-
น้องสาวคุณครูเนี่ยคอยช่วยดูแลเขาอะไรต่างๆ
-
ตอนที่เขาเรียนอยู่โรงเรียนประจำนะคะ
-
ถึงแม้ว่าต่อมาเนี่ยคุณ Bettina เขาจะแต่งงานไป
-
แต่อย่างไรก็ตามคุณ Casanova เขาก็ยังรู้สึก
-
ผูกพันกับคุณ Bettina นะคะ
-
แล้วก็คอยดูแลคุณ Bettina
-
กับครอบครัวของเธอมาโดยตลอดค่ะ
-
หลังจากรักครั้งแรกผ่านพ้นไปเนี่ยนะคะ
-
บอกเลยว่าชีวิตของคุณ Casanova เนี่ยก็เต็มไปด้วย
-
ความรักที่แบบกระจัดกระจายเต็มไปหมดค่ะ
-
เรียกได้ว่าความรักแต่ละครั้งของเขาเนี่ยนะ
-
เหมือนกับบทละครเลยทีเดียว
-
คือแบ่งได้เป็นชอตๆๆๆนะคะ
-
หลายคนชอบเอามาเขียนเป็นองก์ต่างๆ
-
คือเหมือนเวลาเราดูละครเวที มันก็จะมี
-
องก์ที่หนึ่งต้องเป็นการปูเรื่อง
-
องก์ที่สองต้องเป็นการบิ๊วเรื่องต่อไป
-
องก์ที่สามจะต้องเป็นตอนไคลแมกซ์
-
องก์ที่สี่จะต้องเป็นตอนคลี่คลาย
-
อะไรแบบนั้นเลยนะคะ
-
ชีวิตรักของคุณ Casanova ค่ะ
-
ก็แบ่งเป็นองก์ๆได้แบบนั้นเลยทีเดียว
-
และทุกองก์เนี่ยนะคะก็จะเกี่ยวพันกับ
-
ความนิยมของชนชั้นสูงในยุคสมัยนั้นค่ะ
-
คือชนชั้นสูงในยุคสมัยนั้นเนี่ยไม่นิยมที่จะ
-
อินกับความรักอะไรมากมาย
-
คือเขามองว่าการแต่งงานเนี่ยนะมันก็เป็นแค่
-
เรื่องการเชื่อมสัมพันธ์ทางธุรกิจ
-
หรือทางอำนาจอะไรต่างๆ
-
มันไม่เกี่ยวกับเรื่องความรักเลยนะคะ
-
ดังนั้นเมื่อเขาเติบโตมาในยุคสมัยนั้นค่ะ
-
คุณ Casanova เขาก็เลยไม่ได้รู้สึกว่า
-
ความรักเป็นเรื่องสำคัญอะไรขนาดนั้นนะ
-
ก็แค่เป็นแบบเรื่องการหาความสนุก
-
อะไรประมาณนั้นเลย
-
ดังนั้นค่ะแทบทุกครั้งที่เขาไปเจอผู้หญิงซักคนนึงเนี่ย
-
มันก็จะเริ่มแบบนี้นะคะ
-
ชอตแรกคือจะต้องไปเจอผู้หญิงซักคน
-
ที่อยู่กับสามีที่แบบขี้หึง น่ากลัว น่าเกลียด
-
เอาเป็นว่าเป็นผู้หญิงที่อยู่กับผู้ชายที่
-
ไม่ได้รักตัวเองค่ะ
-
เพราะว่าชนชั้นสูงสมัยนั้นก็ไม่ได้ตั้งใจแต่งงานกัน
-
อะไรขนาดนั้นอยู่แล้วใช่ไหม
-
พอผ่านไปเนี่ยนะคะ ชอตที่สอง
-
เขาก็จะเข้าไปตีสนิทกับผู้หญิงคนนั้นค่ะแล้วก็
-
ไปช่วยผู้หญิงคนนี้ออกมานะคะ
-
เป็นประมาณว่าแบบเป็นเจ้าชายขี่ม้าขาวนะคะ
-
เข้าไปแล้วก็บอกว่า
-
โอ เธออยู่กับคนรักที่แย่ขนาดนี้ได้ยังไง
-
ฉันจะช่วยเธอออกมา
-
เธออย่ามาทนกับความสัมพันธ์ที่ toxic แบบนี้เลย
-
อ่า นี่ก็คือชอตที่สองนะ
-
และแน่นอนค่ะชอตที่สามหลังจากที่
-
ผู้หญิงคนนั้นเนี่ย
-
ผ่านพ้นจากความเลวร้ายของชีวิตคู่มาได้
-
ผู้หญิงคนนั้นเนี่ยนะคะก็จะรู้สึกว่า
-
เขาติดค้างบุญคุณกับคุณ Casanova ค่ะ
-
จะต้องตอบแทนบุญคุณด้วยวิธีอะไรซักอย่างนึง
-
และในตอนนั้นเองค่ะคุณ Casanova ก็จะเข้าไป
-
มีความสัมพันธ์กับผู้หญิงที่เขาช่วยออกมาได้นะคะ
-
อย่างไรก็ตามค่ะ หลังจากที่มีความสัมพันธ์อะไรกันไม่นาน
-
คุณ Casanova เขาก็จะหมดรักผู้หญิงคนนั้น
-
แล้วก็รู้สึกว่าเออไม่ได้และ
-
ฉันจะไม่เอาผู้หญิงคนนี้ไว้ใกล้ตัวอีกแล้วนะคะ
-
ดังนั้นเขาก็จะพยายามหาคนรักคนใหม่ให้ผู้หญิงคนนี้ค่ะ
-
แล้วก็ส่งผู้หญิงคนนี้เนี่ยไปอยู่กับคนอื่นนะคะ
-
ให้เธอไปอยู่กับคนที่ดีกว่าประมาณนั้น
-
แล้วก็หาเรื่องเฟดตัวเองออกมานะคะด้วยข้ออ้างที่ว่า
-
ฉันไม่คู่ควรกับเธอหรอก เธอดีเกินไป
-
ฉันอยากให้เธอไปอยู่กับคนที่เหมาะสมกับเธอมากกว่า
-
น่ะ ประมาณนี้เลย
-
หลังจากนั้นเขาก็จะวนลูปไปค่ะ
-
ไปเจอผู้หญิงคนใหม่ที่อยู่กับคนรักที่ไม่ดี
-
เข้าไปช่วยเหลือ
-
เข้าไปมีความสัมพันธ์ด้วยแล้วก็
-
ส่งผู้หญิงคนใหม่ไปอยู่กับผู้ชายคนใหม่เมื่อเขาเบื่อ
-
เป็นอย่างนี้วนลูปไปเรื่อยๆนะคะ
-
ซึ่งถามว่าเขามีเทคนิคอะไรในการทำให้ผู้หญิงเนี่ย
-
หลงหัวปักหัวปำได้แทบทุกคน
-
ก็ต้องบอกว่าเทคนิคการจีบของเขาเนี่ย
-
ไม่ใช่วิธีที่แบบมาใช้กำลังบังคับ
-
มอมเหล้า หรืออะไรต่างๆเลยนะ
-
แต่เทคนิคของคุณ Casanova นี่คือการ
-
เข้าไปพูดคุย เข้าไปพยายามทำความเข้าใจกับเธอ
-
ก็เรียกได้ว่าเข้าไปเหมือนผู้ชายดีๆคนนึงเลยอะ
-
แล้วด้วยความที่เขาก็อยู่ในแวดวงสังคมชั้นสูง
-
เขาก็เป็นคนมีความรู้มีอะไรต่างๆ
-
ดังนั้นก็ไม่แปลกเลยนะคะที่ผู้หญิงจะหลงหัวปักหัวปำ
-
รู้สึกว่า ในที่สุด
-
หลังจากที่ฉันมีความสัมพันธ์อันแย่แล้วเนี่ย
-
ฉันก็มีผู้ชายดีๆซักคนเข้ามาในชีวิตแล้ว
-
ประมาณนั้นเลยค่ะ
-
เรียกได้ว่าเขาเนี่ยใช้เทคนิคในการเข้าไปหาผู้หญิง
-
ที่แบบปิดหัวใจ ไม่ ฉันไม่มีความรักอีกต่อไปแล้ว
-
เพราะว่าเจอผู้ชายแย่ๆ
-
ไปค่อยๆเปิดหัวใจผู้หญิงคนนั้นนะคะ
-
เปิดออกมาทีละเล็กทีละน้อย
-
ด้วยการทำอะไรดีๆให้เล็กๆน้อยๆ
-
ซื้อดอกไม้ไปให้บ้าง ซื้อของไปให้บ้าง
-
ไปพูดคุยไปทำความรู้จักอะไรต่างๆบ้างนะคะ
-
ซึ่งเขาเนี่ยจะมีความเชื่อว่า
-
เขาจะไม่บอกรักผู้หญิงค่ะ
-
เพราะเขาเชื่อว่าความรักเนี่ยไม่ใช่
-
เกิดขึ้นด้วยการบอกรักหรืออะไรต่างๆ แต่ว่า
-
เกิดขึ้นที่การกระทำต่างหาก
-
ฟังดูแบบนี้ก็ยังดูกึ่งๆอยู่ใช่ไหม
-
ว่าคุณ Casanova คนนี้เขาเป็นคนดีหรือเปล่า
-
อย่างน้อยตอนที่เป็นคนรัก เขาก็เป็นคนรักที่ดีนะ
-
แล้วสุดท้ายเขาก็ส่งเราไปสู่คนที่ดีกว่า
-
แต่จริงๆแล้วมันไม่ได้ดีแบบนั้นค่ะเพราะว่า
-
ในระหว่างที่เขาคบกับผู้หญิงไปเรื่อยๆเนี่ย
-
เขาก็คบซ้อนด้วยนะคะทุกคน
-
แล้วไม่ใช่คบซ้อนธรรมดาค่ะ
-
บางครั้งเนี่ยเขาก็มีความสัมพันธ์
-
กับผู้หญิงคนนึงที่อายุสิบหก
-
และในขณะเดียวกันก็มีความสัมพันธ์กับ
-
ผู้หญิงอีกคนนึงที่อายุสิบสี่
-
ซึ่งเป็นน้องสาวของผู้หญิงคนแรก
-
ไปพร้อมๆกันเลยก็มีเหมือนกัน
-
เรียกได้ว่าฟาดทั้งพี่ทั้งน้อง
-
และเท่านั้นยังไม่พอนะคะ
-
เรียกได้ว่าโหดกว่านั้นอีกค่ะเพราะว่า
-
เมื่อผู้หญิงคนนี้อายุประมาณสิบหก สิบสี่อะไรอย่างนี้
-
โตขึ้นไปค่ะก็ไปมีความรักกับคนอื่น
-
ไปมีลูกกับคนอื่นแล้วเรียบร้อยใช่ไหม
-
เป็นแม่คนมาแล้ว แล้วก็
-
ประสบกับความรักที่มีปัญหาอะไรต่างๆ
-
คุณ Casanova คนนี้ก็จะกลับมาพบกับผู้หญิงคนนี้อีกรอบนึง
-
แล้วก็ไปปลอบผู้หญิงคนนี้ ไปมีความสัมพันธ์กับเขา
-
ทั้งๆที่เขาเป็นแม่แล้วนะ
-
แล้วในเวลาเดียวกัน
-
แม่ใช่ไหม มีลูกสาว
-
ก็ไปจัดการลูกสาวเขาไปพร้อมกันอีก
-
เรียกได้ว่าอีรุงตุงนังวุ่นวายสุดๆ
-
อย่าให้มีผู้หญิงอยู่ใกล้อะ ฟาดเรียบ ว่าอย่างนั้นเถอะค่ะ
-
ไม่สนทั้งสิ้นว่าผู้หญิงสองคนจะเป็นแม่ลูกกัน
-
เป็นพี่น้องกันหรือเป็นอะไรต่างๆก็ตามนะคะ
-
นอกจากนี้เนี่ยต้องบอกว่า
-
คุณ Casanova เป็นคนที่ติดการพนันหนักมากค่ะ
-
คือเขาใช้การพนันเป็นการทั้งการเข้าสังคม
-
การเข้าหาผู้หญิง การใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่ายอะไรต่างๆ
-
เรียกได้ว่าเขาเนี่ยมือเติบมากๆ ก็จะแบบ
-
พนันรัวๆๆๆไปมาตลอดเวลานะคะ
-
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงระยะเวลาที่เขาเนี่ย
-
กำลังสร้างความสัมพันธ์กับผู้หญิงคนใหม่
-
ช่วงเวลานั้นเขาก็จะยิ่งแสดงตัวเป็นนักพนันที่สุรุ่ยสุร่าย
-
เพื่อแบบโชว์พาวว่าฉันรวย ฉันหล่อ
-
อะไรประมาณอย่างนั้นเลยทีเดียวค่ะ
-
ต้องบอกว่าชีวิตของคุณ Casanova เนี่ยนะคะ
-
เป็นคนที่ชีพจรลงเท้าอย่างยิ่งยวดค่ะ
-
เขาเนี่ยเดินทางไปทั่วยุโรปแทบจะตลอดชีวิตเลย
-
เรียกได้ว่าไม่เคยอยู่กับที่ว่าอย่างนั้นเถอะ
-
ก็ไปที่ต่างๆในยุโรปทั่วไปหมดเลยนะคะ
-
ไม่ว่าจะเป็นฝรั่งเศส อังกฤษ เยอรมัน สเปน โปแลนด์
-
โอ๊ย เรียกได้ว่าเยอะอะค่ะ เยอะ
-
คือแทบไม่อยู่กับที่เลย
-
ทั้งเดินทางทั้งผจญภัยอะไรต่างๆนะ
-
และที่สำคัญระหว่างที่เขาเดินทางไปตามเมืองต่างๆเนี่ย
-
เขาก็ไปมาร์กจุดไว้ตามที่ต่างๆด้วย ด้วยการ
-
ไปมีความสัมพันธ์กับผู้หญิงที่เมืองนั้น เมืองนี้ เมืองนู้น
-
เรียกได้ว่าไปเมืองไหนก็
-
ถ้าเป็นปัจจุบันก็คือ
-
ไปเมืองไหนก็ไปปัดทินเดอร์อยู่เมืองนั้นน่ะ
-
ว่าอย่างนั้นเถอะค่ะ
-
ก็เรียกได้ว่าระหว่างเดินทางเนี่ย
-
ก็ไปมีความสัมพันธ์กับผู้หญิงมั่วไปหมดอะค่ะ
-
คือตัวเองเนี่ยไปทำเขาเจ็บก็เยอะ
-
เจ็บเพราะผู้หญิงก็เยอะเหมือนกัน
-
เรียกได้ว่าประสบการณ์โชกโชนนะคะ
-
คือครั้งนึงเนี่ยก็ถึงขนาดที่ว่าเขาเจ็บจน
-
ติดคุกเลยทีเดียวก็มีเหมือนกันค่ะ
-
คือในช่วงที่เขาอายุประมาณ 30 ปีเนี่ยนะคะ
-
เขาเคยจะต้องไปเข้าคุกรอบนึงค่ะ
-
เพราะว่าเขาเนี่ยทำผิดหลักศาสนาร้ายแรง
-
นึกสภาพเมื่อ 200 ปีที่แล้ว
-
มีความสัมพันธ์กับผู้หญิงไปทั่วไปหมดขนาดนี้
-
คือไม่เลือกหน้าขนาดว่า
-
ผู้หญิงคนนี้มีสามีแล้วก็ไม่สน
-
ผู้หญิงคนนี้เป็นแม่ชีก็ไม่สน
-
คือมันก็ต้องเข้าคุกบ้างซักวันนี่แหละ
-
ก็คือทำผิดหลักศาสนาร้ายแรงนะคะ
-
ก็เลยโดนจับเข้าคุกค่ะ
-
ซึ่งคุกที่เขาอยู่เนี่ยนะคะก็ชื่อว่า The Leads ค่ะ
-
Leads ที่แปลว่าตะกั่วนะเพราะว่า
-
นี่เป็นคุกที่เขาบอกว่าหนาแน่นมากๆในยุคสมัยนั้นค่ะ
-
เป็นคุกที่สูงถึงห้าชั้นนะคะ
-
แล้วก็มีหลังคาทำจากตะกั่วค่ะ
-
เขาบอกว่ามันแบบไม่มีทางจะหนีได้เลยอะไรอย่างนี้
-
เป็นคุกที่มีการป้องกันค่อนข้างจะแน่นหนาค่ะ
-
ส่วนตัวเขาเนี่ยนะคะ ครั้งแรกเขาโดนจำคุกอยู่ที่
-
ชั้นบนสุดของ The Leads ค่ะ
-
เรียกได้ว่าทรมานทรกรรมมากๆเพราะว่า
-
เป็นคุกที่มีความสูงต่ำมากๆนะคะ
-
เรียกได้ว่าพอเขายืนขึ้นมาเนี่ยนะ
-
หัวเขาแทบจะชนเพดานเลยทีเดียว
-
คือยืนหลังตรงไม่ได้ว่าอย่างนั้นเถอะ
-
แต่อย่างไรก็ตามค่ะ ระดับคุณ Casanova
-
เป็นคนหลอกลวงปลิ้นปล้อนขนาดนี้
-
คือน่าจะเป็นตัวพ่อของ Catch Me if You Can อะ
-
คิดว่าเขาจะยอมอยู่ในคุกไหม
-
เขาก็ไม่ยอมอยู่ในคุกนะคะ
-
เขาก็เลยพยายามจะ
-
แหกคุกออกมาค่ะ
-
คือเขาเนี่ยตั้งใจว่าต่อให้หลังคาเนี่ยนะมันเป็น leads
-
หรือว่ามันเป็นตะกั่ว
-
เขาก็คิดว่าเขาน่าจะเจาะมันได้นะ
-
ถ้าสมมติว่าฉันค่อยๆแอบเจาะๆๆๆไปเรื่อยๆ
-
ฉันน่าจะปีนขึ้นหลังคาแล้วก็หนีไปได้ค่ะ
-
อย่างไรก็ตามนะคะ เมื่อเขาอยู่ในคุกมาได้ 13 เดือนเนี่ย
-
เขาก็ตั้งใจว่าโอเค อีกสามวันนี่แหละ
-
จะถึงเวลาที่ฤกษ์ดี พร้อมจะลงมือแล้ว
-
แต่ปรากฏนะคะ ฟ้าไม่เป็นใจค่ะ
-
อยู่ดีๆสามวันก่อนที่ตัดสินใจจะลงมือเนี่ย
-
เขาก็โดนย้ายห้องขังซะอย่างนั้นเลย
-
แล้วก็โดนย้ายลงไปอยู่ที่ชั้นสี่นะคะ
-
ซึ่งอยู่ใต้ชั้นเดิม
-
ทำให้เขาไม่สามารถเจาะขึ้นไปบนเพดานได้อีกค่ะ
-
อย่างไรก็ตาม คิดว่าเขาจะหยุดไหม
-
บอกเลยว่าเขาไม่หยุดนะคะ
-
ตรงนี้จะแสดงให้เห็นเลยว่า
-
เขาเนี่ยสามารถปลิ้นปล้อนได้เก่งขนาดไหนนะ
-
ซึ่งบังเอิญว่าตอนที่ห้องขังเขาอยู่ชั้นสี่เนี่ย
-
ด้านบนของเขาเป็นนักบวชค่ะ
-
แล้วผู้คุมเนี่ยก็ใจดี
-
ให้อนุญาตให้เขาสามารถแลกเปลี่ยนหนังสือกับนักบวชได้
-
เพราะว่าเอาจริงๆในคุกก็ไม่ค่อยมีใครที่
-
มีความรู้ความสามารถอะไรแบบนั้นหรอก
-
ก็กลัวจะเบื่ออะนะ
-
อะ แลกเปลี่ยนหนังสือกันได้
-
เขาก็เลยเขียนจดหมายนะคะ
-
เขียนๆๆๆหานักบวชแล้วก็
-
ชวนกันบอกว่าหนีกันเถอะ
-
ซึ่งนักบวชก็เห็นดีเห็นงามด้วยนะคะ
-
โดยนักบวชจะเป็นคนเจาะเพดานให้ค่ะ
-
แล้วให้เขาเนี่ยเจาะขึ้นไปหานักบวชอีกทีนึง
-
ต้องบอกว่าแผนหนีออกจากคุกของพวกเขาเนี่ยนะคะ
-
เกือบจะพังค่ะ เพราะว่าคุณ Casanova
-
เขาไม่ได้อยู่ในคุกคนเดียวไง
-
มันก็ต้องมี roommateใช่ไหมคะ มีเพื่อนร่วมห้องขังค่ะ
-
ซึ่งเพื่อนร่วมห้องขังของเขาเนี่ยนะคะเป็นสายลับเก่าค่ะ
-
แล้วสายลับเก่าคนนี้ก็แบบ
-
ไม่เอา ทำไมแกต้องหนีออกจากคุกด้วย
-
แหกคุกทำไม อะไรอย่างนี้
-
อย่างไรก็ตามนะคะ จุดอ่อนของสายลับคนนี้ก็คือ
-
เขาเป็นพวกแบบ
-
เชื่อในศาสนาอย่างแรงกล้า
-
เชื่อในพระเจ้า เชื่อในเทวดานางฟ้าค่ะ
-
คุณ Casanova ซึ่งจริงๆก็มีความแบบ
-
น่าจะไปสักสาริกาลิ้นทองมาพอสมควรก็
-
จีบผู้หญิงมานับไม่ถ้วนเนี่ยนะคะ
-
ก็เลยหันไปบอกสายลับเก่านะคะว่า
-
เฮ้ย นายๆ นายเชื่อเราเถอะ
-
เราไม่ได้ทำตัวไม่ดีนะด้วยการแหกคุก
-
เราเนี่ยจะออกไปจากคุก
-
เพราะว่าจะมีเทวดาลงมาจากเบื้องบนมาช่วยเรา
-
ซึ่งทำให้สายลับคนนี้นะคะเชื่อค่ะ
-
เพราะว่าอะไร
-
เพราะคนที่ลงมาช่วยก็คือ
-
นักบวชที่อยู่ข้างบนเจาะเพดานลงมาช่วยนั่นเอง
-
ก็คือนักบวชลงมาช่วยก็เหมือนกับเทวดาลงมาช่วย
-
ซะอย่างนั้นเลยนะคะ
-
ดังนั้นนะคะแก๊งนี้ก็เลยแหกคุกได้สำเร็จค่ะ
-
แล้วก็หนีไปด้วยเรือกอนโดลาในยามรุ่งสาง
-
โอ้โห เรียกได้ว่าแฟนตาซีจริงๆนะคะทุกคน
-
ต้องบอกว่าชีวิตของคุณ Casanova เนี่ยเป็นชีวิตที่
-
โลดโผนสุดขีดจริงๆค่ะ
-
จากที่เล่าไปจะเห็นว่าเขาเนี่ย
-
นอกจากจะอยู่ในวงสังคมชั้นสูง
-
ได้อยู่กับผู้หญิงชั้นสูงอะไรต่างๆ
-
จริงๆแล้วพวกคนที่เป็นคนสำคัญในยุคของเขาเนี่ย
-
เขาก็เคยได้เจอหลายต่อหลายคนด้วยกันนะคะ
-
ไม่ว่าจะเป็นรัฐบุรุษอย่าง Benjamin Franklin
-
เขาก็เคยเจอ
-
Voltaire ที่เป็นนักปราชญ์ เป็นนักเขียนหนังสือ
-
เกี่ยวกับการปกครองอะไรต่างๆ เขาก็เคยเจอ
-
พระสันตะปาปาหรือว่า Pope เนี่ย
-
เขาก็เคยเจอถึงสองพระองค์ด้วยกันนะคะ
-
หรือแม้กระทั่งแบบ Frederick the Great
-
พระเจ้าเฟรเดอริกผู้ยิ่งใหญ่
-
กษัตริย์แห่งเยอรมันเนี่ยนะคะ
-
เขาก็เคยไปเจอตัวจริงเหมือนกันค่ะ
-
เรียกได้ว่าเขาก็วนเวียนอยู่ใน
-
วงสังคมชั้นสูงยุคนั้นนี่แหละค่ะ
-
แล้วถามว่าหลังจากที่ชีวิตโลดโผนขนาดนี้
-
ชีวิตเขาไปจบที่ไหนนะคะ
-
บั้นปลายชีวิตค่ะ เขาก็ไป retire นะคะอยู่ที่
-
แคว้นโบฮีเมียหรือว่าสาธารณรัฐเช็กในปัจจุบันค่ะ
-
ไปเป็นบรรณารักษ์นะคะ
-
แล้วนอกจากนั้นเนี่ยเขาก็มีโอกาสได้เขียน
-
หนังสืออัตชีวประวัติของตัวเองไว้ด้วยค่ะ
-
ก็คือเขียนเล่าเรื่องราวของตัวเองนะ
-
ใช้ชื่อว่า Histoire de ma vie รึเปล่าไม่แน่ใจนะ
-
ก็คือขึ้นชื่อไว้ให้ตรงนี้นี่แหละ
-
นี่ก็คือหนังสืออัตชีวประวัติของเขานะคะ
-
ที่แปลเป็นภาษาไทยว่า
-
เรื่องราวชีวิตของฉันนั่นเองค่ะ
-
ซึ่งภายในก็เล่าเรื่องราว
-
การผจญภัยต่างๆของเขาทั้งหมดนี้นี่แหละ
-
ก็น่าจะจริงบ้าง เสริมแต่งบ้าง
-
ทำให้ตัวเองดูแบบ extreme บ้างอะไรบ้างนะคะ
-
อย่างไรก็ตามค่ะ ในหนังสือเล่มนี้ก็ได้บันทึกไว้ว่า
-
เขาเนี่ยมีโอกาสได้มีความสัมพันธ์กับผู้หญิงต่างๆนะคะ
-
รวมทั้งหมดถึง
-
132 คนด้วยกันค่ะ
-
เรียกได้ว่าเยอะมากๆเลยทีเดียวนะคะ
-
อย่างไรก็ตามนะคะ
-
ในหนังสือไม่ว่าจะชีวิตเขาจะโลดโผนขนาดไหน
-
ใช้ชีวิตไปแบบไหนก็ตาม
-
เขาก็ define ตัวเองนะคะว่า
-
จริงๆแล้วฉันเนี่ยใช้ชีวิตมาอย่างนักปราชญ์เลยนะ
-
แล้วก็ฉันก็เป็นชาวคริสต์ที่ดีมาตลอดชีวิตค่ะ
-
และในที่สุดนะคะคุณ Casanova ของเราเนี่ย
-
ก็เสียชีวิตไปเมื่อเขาอายุได้ทั้งหมด
-
73 ปีนะคะ เป็นอันปิดตำนานคาสโนว่าตัวจริง
-
ที่ใช้ชีวิตโลดแล่นอยู่รอบยุโรปค่ะ
-
และเรื่องราวของเขาเนี่ยก็โด่งดังถึงขนาดที่ว่า
-
คำคำนี้คำว่า Casanova กลายมาเป็นศัพท์คำนึง
-
ที่ได้รับการบรรจุอยู่ใน dictionary
-
แล้วเราก็ใช้กันมาจนถึงทุกวันนี้นั่นเองค่ะ
-
เป็นไงบ้างคะทุกคน
-
ได้ฟังเรื่องราวของคุณ Casanova กันไป
-
เรียกได้ว่าเป็นชีวิตที่โลดโผนสุดขีดจริงๆนะคะ
-
อย่างไรก็ตามค่ะ นี่ก็เป็นเรื่องราวก่อนยุคสมัยที่มันจะมี
-
โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์มากมายอย่างทุกวันนี้นะ
-
โรคเอดส์อะไรก็ยังไม่มี
-
อาจจะมีโรคอะไรบ้างเล็กน้อย
-
แต่มันก็ไม่ได้ร้ายแรงอย่างทุกวันนี้
-
ดังนั้นก็เอาเป็นว่าใครจะเลือกใช้ชีวิต
-
ตามคุณ Casanova ในยุคสมัยปัจจุบันก็
-
ดูแลตัวเองแล้วกันนะคะ
-
เอาเป็นว่าถ้าใครชื่นชอบคลิปนี้นะคะก็อย่าลืม
-
กดไลก์เป็นกำลังใจให้วิวแล้วก็
-
กดแชร์เพื่อชวนเพื่อนๆมาดูด้วยกันค่ะ
-
แล้วพบกันใหม่โอกาสหน้านะคะทุกคน
-
วันนี้ลาไปก่อนแล้วกันค่ะ
-
บ๊ายบาย
-
สวัสดีค่ะ
-
บอกเลยนะคะว่าชีวิตของคุณ Casanova เนี่ย
-
ก็เป็นหนึ่งคนที่ได้ชื่อว่าเป็นคน
-
เจ้าชู้มากๆ มากรักมากๆนะคะ
-
แต่จริงๆแล้วมันมีอีกคำนึงค่ะที่
-
ใกล้เคียงกับคำว่า Casanova มากๆเลย
-
อาจจะไม่ค่อยได้ฮิตในประเทศไทยเท่าไหร่
-
คำคำนั้นก็คือคำว่า Don Juan นั่นเอง
-
ซึ่งเป็นชื่อของคนอีกคนนึงนะคะ
-
ถ้าเดี๋ยวมีโอกาส
-
วันหลังวิวจะมาเล่าเรื่อง Don Juan ให้ทุกคนฟังค่ะ
-
แต่สำหรับวันนี้ลาไปก่อนแล้วกันนะคะทุกคน
-
บ๊ายบาย
-
สวัสดีค่ะ