< Return to Video

โจนาธาน ไฮด์ท์ (Jonathan Haidt): ศาสนา วิวัฒนาการ และความปีติแห่งการข้ามพ้นตัวตน

  • 0:00 - 0:03
    ผมมีคำถามหนึ่งครับ
  • 0:03 - 0:05
    คุณนับถือศาสนาหรือเปล่า
  • 0:05 - 0:07
    ขอให้ยกมือตอนนี้เลยครับ
  • 0:07 - 0:10
    ถ้าคุณคิดว่าตัวเองนับถือศาสนา
  • 0:10 - 0:13
    โอเค ผมว่ามีประมาณสามหรือสี่เปอร์เซ็นต์
  • 0:13 - 0:16
    ผมไม่รู้เลยนะว่ามีงาน TED มีผู้ศรัทธาศาสนาเยอะขนาดนี้
  • 0:16 - 0:18
    (เสียงหัวเราะ)
  • 0:18 - 0:20
    โอเค ทีนี้อีกคำถามหนึ่งครับ
  • 0:20 - 0:22
    คุณคิดว่าตัวเองสนใจจิตวิญญาณ
  • 0:22 - 0:24
    ไม่ว่าจะโดยรูปแบบหรือวิธีอะไรก็ตาม
    ยกมือหน่อยครับ
  • 0:24 - 0:27
    โอเค นั่นคือเสียงข้างมาก
  • 0:27 - 0:29
    วันนี้ผมจะพูดถึง
  • 0:29 - 0:31
    เหตุผลหลัก หรือหนึ่งในเหตุผลหลัก
  • 0:31 - 0:33
    ที่คนเราส่วนใหญ่คิดว่าตัวเอง
  • 0:33 - 0:35
    สนใจเรื่องจิตวิญญาณ ไม่ว่าจะอยู่ในรูปไหน
  • 0:35 - 0:38
    วันนี้ผมจะพูดถึงการข้ามพ้นตัวตน
  • 0:38 - 0:41
    มันแค่เป็นข้อเท็จจริงพื้นฐานของการเป็นมนุษย์
  • 0:41 - 0:44
    ที่ว่าบางทีตัวเราดูจะมลายหายไป
  • 0:44 - 0:46
    และเมื่อเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น
  • 0:46 - 0:49
    เราก็รู้สึกถึงความปีติ
  • 0:49 - 0:51
    และเราก็ควานหาอุปมาอุปไมยทั่วทุกทิศ
  • 0:51 - 0:53
    เพื่ออธิบายความรู้สึกนี้
  • 0:53 - 0:55
    เราพูดว่า ใจเราสูงขึ้น
  • 0:55 - 0:57
    หรือลิงโลดใจ
  • 0:57 - 1:00
    ทีนี้ ยากมากๆ ครับที่จะคิดเรื่องนามธรรมแบบนี้
  • 1:00 - 1:02
    โดยไม่ใช้อุปมาที่ชัดเจนเป็นรูปธรรม
  • 1:02 - 1:05
    ดังนั้นวันนี้ผมจะใช้อุปมาเรื่องหนึ่ง
  • 1:05 - 1:08
    ลองคิดถึงจิตใจของเรา
    ว่าเปรียบเสมือนบ้านที่มีหลายห้อง
  • 1:08 - 1:11
    เราไม่คุ้นเคยเลยกับห้องส่วนใหญ่ในบ้าน
  • 1:11 - 1:14
    แต่บางทีมันก็เหมือนกับว่า อยู่ดีๆ ประตูก็โผล่ขึ้นมา
  • 1:14 - 1:16
    จากที่ไหนก็ไม่รู้
  • 1:16 - 1:19
    มันเปิดไปสู่บันได
  • 1:19 - 1:21
    เราปีนบันไดขึ้นไป
  • 1:21 - 1:25
    แล้วก็เข้าสู่ภวังค์ที่ต่างจากการรู้ตัวปกติ
  • 1:25 - 1:27
    ในปี 1902
  • 1:27 - 1:29
    วิลเลียม เจมส์ นักจิตวิทยาชาวอเมริกันผู้ยิ่งใหญ่
  • 1:29 - 1:32
    เขียนถึงประสบการณ์ทางศาสนา
    ว่ามีมากมายหลายรูปแบบ
  • 1:32 - 1:34
    เขาสะสมกรณีศึกษาทุกประเภท
  • 1:34 - 1:36
    อ้างอิงปากคำของคนหลายแบบ
  • 1:36 - 1:38
    ที่มีประสบการณ์แตกต่างกัน
  • 1:38 - 1:40
    คนคนหนึ่งที่ทำให้ผมรู้สึกตื่นเต้นที่สุด
  • 1:40 - 1:42
    คือชายหนุ่มคนนี้ เขาชื่อ สตีเฟน แบรดลีย์
  • 1:42 - 1:45
    ซึ่งคิดว่าเขาได้พบเจอพระเยซูในปี 1820
  • 1:45 - 1:48
    แบรดลีย์เล่าถึงประสบการณ์ว่าอย่างนี้ครับ
  • 1:51 - 1:53
    (เสียงดนตรี)
  • 1:54 - 1:57
    (คลิปวีดีโอ) สตีเฟน แบรดลีย์: ผมคิดว่ามองเห็นพระเยซู
  • 1:57 - 1:59
    ปรากฏกายประมาณหนึ่งวินาทีในห้อง
  • 1:59 - 2:01
    ท่านยื่นแขนสองข้าง
  • 2:01 - 2:04
    ดูเหมือนจะบอกผมว่า "มาสิ"
  • 2:04 - 2:07
    วันต่อมาผมปลื้มปีติจนตัวสั่น
  • 2:07 - 2:10
    ปรีดาปราโมทย์เสียจนเอ่ยว่าผมอยากตาย
  • 2:10 - 2:13
    โลกนี้ไม่มีที่ทางอีกแล้วในเสน่หาของผม
  • 2:13 - 2:15
    ก่อนหน้านี้
  • 2:15 - 2:17
    ผมเป็นคนเห็นแก่ตัวและเต็มไปด้วยทิฐิมานะ
  • 2:17 - 2:20
    แต่ตอนนี้ผมอยากให้มนุษยชาติมีสวัสดิภาพ
  • 2:20 - 2:22
    และรู้สึกถึงก้นบึ้งของจิตใจว่า
  • 2:22 - 2:25
    ให้อภัยศัตรูตัวร้ายที่สุดของผมได้
  • 2:26 - 2:28
    โจนาธาน ไฮด์ท์: ดังนั้นสังเกตนะครับว่า
  • 2:28 - 2:30
    ตัวตนที่คิดเล็กคิดน้อย ยึดมั่นในศีลธรรมของแบรดลีย์
  • 2:30 - 2:32
    ตายจากไประหว่างปีนบันไดทางจิตวิญญาณ
  • 2:32 - 2:34
    และในระดับที่สูงกว่านี้
  • 2:34 - 2:37
    เขากลายเป็นคนเปี่ยมความรักและให้อภัย
  • 2:38 - 2:40
    ศาสนาต่างๆ ในโลกนี้ได้ค้นพบวิธีมากมาย
  • 2:40 - 2:42
    ที่จะช่วยให้ผู้คนปีนบันได
  • 2:42 - 2:44
    บางคนระงับอัตตาด้วยการนั่งสมาธิ
  • 2:44 - 2:46
    บางคนใช้ยาหลอนประสาท
  • 2:46 - 2:50
    ภาพนี้มาจากม้วนหนังแอซเทค
    สมัยศตวรรษที่ 16
  • 2:50 - 2:53
    แสดงภาพชายผู้หนึ่งกำลังจะกินเห็ดขี้ควาย
  • 2:53 - 2:57
    ขณะเดียวกันเขาถูกพระเจ้ากระชากขึ้นบันได
  • 2:57 - 2:59
    คนอื่นใช้วิธีเต้นระบำ หมุนตัวและเดินจงกรม
  • 2:59 - 3:01
    เพื่อหนุนเสริมการก้าวข้ามตัวตน
  • 3:01 - 3:04
    แต่คุณไม่ต้องอาศัยศาสนาก็ปีนบันไดได้
  • 3:04 - 3:07
    หลายคนค้นพบการก้าวข้ามตัวตนในธรรมชาติ
  • 3:07 - 3:10
    คนอื่นก้าวข้ามตัวตนในงานปาร์ตี้สุดเหวี่ยง
  • 3:10 - 3:13
    แต่ที่ที่ประหลาดที่สุดคือที่นี่ครับ --
  • 3:13 - 3:15
    สงคราม
  • 3:15 - 3:17
    หนังสือสงครามหลายเล่มพูดเรื่องเดียวกันเลย
  • 3:17 - 3:19
    บอกว่าไม่มีอะไรที่ทำให้คนมาร่วมแรงร่วมใจกัน
  • 3:19 - 3:21
    ได้ทัดเทียมสงคราม
  • 3:21 - 3:24
    และการนำพวกเขามารวมกันก็เปิดโอกาส
  • 3:24 - 3:27
    ให้คนมีประสบการณ์ก้าวข้ามตัวตนชนิดวิเศษ
  • 3:27 - 3:29
    ผมจะเปิดให้คุณฟังเนื้อหาบางส่วน
  • 3:29 - 3:31
    จากหนังสือเล่มหนึ่งโดย เกล็น เกรย์
  • 3:31 - 3:34
    เกรย์เป็นทหารในกองทัพอเมริกัน
    ช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง
  • 3:34 - 3:37
    หลังสงครามสิ้นสุดลง
    เขาไปสัมภาษณ์ทหารอื่นจำนวนมาก
  • 3:37 - 3:39
    เขียนถึงประสบการณ์ของคนที่ผ่านสนามรบ
  • 3:39 - 3:41
    ย่อหน้าหลักว่าอย่างนี้ครับ
  • 3:41 - 3:44
    เขาอธิบายบันไดไว้อย่างนี้
  • 3:46 - 3:48
    (คลิปวีดีโอ) เกล็น เกรย์: ทหารผ่านศึกหลายคนจะยอมรับ
  • 3:48 - 3:51
    ว่าประสบการณ์การออกแรงร่วมกันในสนามรบ
  • 3:51 - 3:54
    คือจุดสุดยอดในชีวิตของพวกเขา
  • 3:54 - 3:57
    "ผม" แปรเปลี่ยนเป็น "เรา" โดยไม่รู้สึกตัว
  • 3:57 - 3:59
    "ของผม" กลายเป็น "ของเรา"
  • 3:59 - 4:01
    และศรัทธาของปัจเจก
  • 4:01 - 4:04
    ก็สูญเสียความสำคัญหลักไป
  • 4:04 - 4:06
    ผมเชื่อว่านี่ไม่ใช่อะไรด้อยไปกว่า
  • 4:06 - 4:09
    คำมั่นสัญญาแห่งความเป็นนิรันดร์
  • 4:09 - 4:12
    ซึ่งทำให้การเสียสละตัวตนในเวลาแบบนี้
  • 4:12 - 4:15
    ง่ายดายเหลือเกิน
  • 4:15 - 4:18
    ผมอาจล้มลง แต่ผมไม่ตาย
  • 4:18 - 4:21
    เพราะสิ่งที่เป็นจริงในตัวผมแล่นต่อไปข้างหน้า
  • 4:21 - 4:23
    ดำรงอยู่ต่อไปในสหาย
  • 4:23 - 4:25
    ที่ผมอุทิศชีวิตให้
  • 4:27 - 4:30
    โจนาธาน ไฮด์ท์: ฉะนั้นจุดร่วมของกรณีเหล่านี้
  • 4:30 - 4:33
    คือดูเหมือนอัตตาจะเบาบางลง หรือมลายหายไป
  • 4:33 - 4:35
    และมันก็ทำให้เรารู้สึกดี รู้สึกดีมากจริงๆ
  • 4:35 - 4:38
    ในทางที่แตกต่างจากความรู้สึกอื่นๆ
    ในชีวิตปกติของเราอย่างสิ้นเชิง
  • 4:38 - 4:41
    รู้สึกตัวเบาเหมือนลอยสู่ฟ้า
  • 4:41 - 4:44
    ความคิดที่ว่าเราเคลื่อนตัวสูงขึ้นนั้น
    เป็นหัวใจในข้อเขียน
  • 4:44 - 4:47
    ของ เอมิล เดิร์กไฮม์ นักสังคมวิทยาผู้ยิ่งใหญ่
  • 4:47 - 4:49
    เดิร์กไฮม์เรียกเราว่า "โฮโม ดูเพล็กซ์" ด้วยซ้ำ
  • 4:49 - 4:51
    แปลว่ามนุษย์สองระดับ
  • 4:51 - 4:54
    เขาเรียกระดับล่างว่า ระดับโลกียะ (profane)
  • 4:54 - 4:57
    โลกียะคือขั้วตรงข้ามของศักดิ์สิทธิ์ (sacred)
  • 4:57 - 4:59
    แปลว่าปกติหรือธรรมดา
  • 4:59 - 5:02
    และในชีวิตธรรมดาของเรา
    เราก็ดำรงอยู่ในฐานะปัจเจก
  • 5:02 - 5:05
    เราอยากตอบสนองต่อความต้องการส่วนตัว
  • 5:05 - 5:07
    พยายามบรรลุเป้าหมายส่วนตัว
  • 5:07 - 5:09
    แต่บางครั้งก็เกิดเหตุไม่ปกติ
  • 5:09 - 5:11
    ที่จุดชนวนให้เราเปลี่ยนแปลง
  • 5:11 - 5:13
    ปัจเจกชนมารวมตัวกัน
  • 5:13 - 5:16
    เป็นทีม ขบวนการ หรือชาติ
  • 5:16 - 5:19
    ซึ่งเป็นมากกว่าผลรวมขององค์ประกอบมาก
  • 5:19 - 5:22
    เดิร์กไฮม์เรียกระดับนี้ว่า ระดับศักดิ์สิทธิ์
  • 5:22 - 5:24
    เพราะเขาเชื่อว่าฟังก์ชั่นของศาสนา
  • 5:24 - 5:26
    คือการทำให้คนมารวมตัวกันเป็นกลุ่ม
  • 5:26 - 5:29
    เป็นชุมชนศีลธรรม
  • 5:29 - 5:32
    เดิร์กไฮม์เชื่อว่าอะไรก็ตามที่ทำให้เราสามัคคีกัน
  • 5:32 - 5:34
    ล้วนมีกลิ่นอายของความศักดิ์สิทธิ์
  • 5:34 - 5:36
    และเมื่อผู้คนมาล้อมวง
  • 5:36 - 5:38
    รอบวัตถุหรือคุณค่าศักดิ์สิทธิ์
  • 5:38 - 5:41
    พวกเขาจะทำงานเป็นทีม และต่อสู้เพื่อปกป้องมัน
  • 5:41 - 5:43
    เดิร์กไฮม์เขียนถึง
  • 5:43 - 5:45
    อารมณ์ร่วมชุดหนึ่งที่เข้มข้นมาก
  • 5:45 - 5:48
    ซึ่งก่อให้เกิดปาฏิหาริย์แห่ง "จากหลากหลายกลายเป็นหนึ่ง"
  • 5:48 - 5:50
    ทำให้ปัจเจกมารวมกันเป็นกลุ่มก้อน
  • 5:50 - 5:53
    ลองนึกถึงอารมณ์เบิกบานรวมหมู่
    ในสหราชอาณาจักร
  • 5:53 - 5:56
    ในวันที่สงครามโลกครั้งที่ 2 สิ้นสุดลง
  • 5:56 - 5:59
    นึกถึงความโกรธแค้นร่วมในจัตุรัสตาฮีร์
  • 5:59 - 6:02
    ที่โค่นเผด็จการลงได้
  • 6:02 - 6:04
    และนึกถึงความโศกเศร้ารวมหมู่
  • 6:04 - 6:06
    ในสหรัฐอเมริกา
  • 6:06 - 6:09
    ที่เราทุกคนรู้สึก และทำให้เราทุกคนสามัคคีกัน
  • 6:09 - 6:12
    หลัง 9/11
  • 6:12 - 6:15
    ทีนี้ ผมจะสรุปว่าเราอยู่ตรงไหน
  • 6:15 - 6:17
    ผมกำลังบอกว่า ศักยภาพที่จะข้ามพ้นตัวตนนี้
  • 6:17 - 6:20
    เป็นเพียงลักษณะพื้นฐานของการเป็นมนุษย์
  • 6:20 - 6:22
    ผมอยากยกอุปมาเรื่อง
  • 6:22 - 6:24
    บันไดวนในจิตของเรา
  • 6:24 - 6:26
    ผมกำลังบอกว่า เราคือ โฮโม ดูเพล็กซ์
  • 6:26 - 6:29
    และบันไดวนอันนี้ก็พาเราขึ้นจากระดับโลกียะ
  • 6:29 - 6:31
    ไปสู่ระดับศักดิ์สิทธิ์
  • 6:31 - 6:33
    เมื่อเราปีนบันไดอันนี้
  • 6:33 - 6:35
    ความเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตนก็มลายหายไป
  • 6:35 - 6:37
    เราเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตนน้อยลงมาก
  • 6:37 - 6:39
    และรู้สึกเสมือนว่าเราดีกว่าเก่า มีคุณธรรมกว่าเก่า
  • 6:39 - 6:42
    ใจสูงกว่าเดิม
  • 6:42 - 6:45
    ฉะนั้น คำถามมูลค่าล้านเหรียญ
  • 6:45 - 6:47
    สำหรับนักวิทยาศาสตร์สังคมอย่างผมคือ
  • 6:47 - 6:49
    บันไดวนที่ว่านี้
  • 6:49 - 6:52
    เป็นส่วนหนึ่งในวิวัฒนาการของมนุษย์หรือไม่?
  • 6:52 - 6:55
    มันเป็นผลผลิตของกระบวนการคัดเลือกโดยธรรมชาติ
  • 6:55 - 6:57
    เหมือนกับที่มือของเราวิวัฒน์มา
  • 6:57 - 7:00
    หรือว่ามันเป็นบั๊ก เป็นข้อผิดพลาดในระบบ --
  • 7:00 - 7:02
    เรื่องศาสนาทั้งหมดนี่เป็นแค่อะไรสักอย่าง
  • 7:02 - 7:05
    ที่เกิดเมื่อเส้นประสาทสมองบังเอิญแล่นทับกัน --
  • 7:05 - 7:07
    เส้นเลือดในสมองของจิลอุตตันกะทันหัน
    แล้วเธอก็มีประสบการณ์ทางศาสนา
  • 7:07 - 7:09
    มันเป็นแค่ข้อผิดพลาดหรือเปล่า?
  • 7:09 - 7:13
    นักวิทยาศาสตร์หลายคนที่ศึกษาศาสนาเชื่อเช่นนั้น
  • 7:13 - 7:15
    ยกตัวอย่างเช่น ลัทธิใหม่ของผู้ไม่เชื่อว่าพระเจ้ามีจริง
    (New Atheists)
  • 7:15 - 7:17
    เถียงว่าศาสนาคือชุดอนุสรณ์ (มีม, meme)
  • 7:17 - 7:19
    เป็นมีมแบบพยาธิ
  • 7:19 - 7:21
    ที่คืบคลานบุกรุกเข้าไปในจิตของเรา
  • 7:21 - 7:24
    ทำให้เราทำอะไรเพี้ยนๆ ทางศาสนาทุกรูปแบบ
  • 7:24 - 7:26
    เรื่องที่ทำลายล้างตัวเอง อย่างเช่นระเบิดพลีชีพ
  • 7:26 - 7:28
    เพราะจะว่าไป
  • 7:28 - 7:30
    มันจะดีต่อเราได้อย่างไร
  • 7:30 - 7:32
    ไอ้การสูญเสียตัวตนนี่?
  • 7:32 - 7:34
    มันจะเป็นการปรับตัวให้เข้ากับสิ่งแวดล้อมได้อย่างไร
  • 7:34 - 7:36
    ถ้าให้สิ่งมีชีวิตใดก็ตาม
  • 7:36 - 7:39
    ข้ามพ้นประโยชน์ส่วนตัว?
  • 7:39 - 7:41
    โอเค ผมจะแสดงให้ดูครับ
  • 7:41 - 7:43
    ในหนังสือเรื่อง "การลงมาของมนุษย์"
  • 7:43 - 7:45
    ชาร์ลส์ ดาร์วิน เขียนไว้มากมาย
  • 7:45 - 7:47
    ถึงวิวัฒนาการของศีลธรรม --
  • 7:47 - 7:50
    มันมาจากไหน ทำไมเราถึงมี
  • 7:50 - 7:52
    ดาร์วินตั้งข้อสังเกตว่า คุณธรรมของเราหลายข้อ
  • 7:52 - 7:54
    มีประโยชน์น้อยมากต่อตัวเราเอง
  • 7:54 - 7:56
    แต่มีประโยชน์มหาศาลต่อกลุ่มของเรา
  • 7:56 - 7:58
    เขาเขียนถึงกรณีที่
  • 7:58 - 8:00
    มนุษย์ดึกดำบรรพ์สองเผ่า
  • 8:00 - 8:02
    มาพบปะและแข่งขันกัน
  • 8:02 - 8:05
    ดาร์วินบอกว่า "ถ้าหากเผ่าหนึ่งมี
  • 8:05 - 8:07
    สมาชิกจำนวนมากที่กล้าหาญ เห็นอกเห็นใจผู้อื่น
  • 8:07 - 8:09
    และซื่อสัตย์ต่อเผ่า
  • 8:09 - 8:11
    คนที่พร้อมช่วยเหลือและปกป้องสมาชิกอื่นตลอดเวลา
  • 8:11 - 8:13
    เผ่านี้จะประสบความสำเร็จมากกว่า
  • 8:13 - 8:15
    และพิชิตอีกเผ่าได้"
  • 8:15 - 8:17
    เขาเขียนต่อไปว่า "คนที่เห็นแก่ตัวและชอบทะเลาะวิวาท
  • 8:17 - 8:19
    จะไม่มารวมตัวกัน
  • 8:19 - 8:21
    และถ้าปราศจากการรวมตัวกัน
  • 8:21 - 8:23
    ก็จะทำอะไรๆ ไม่ได้ผล"
  • 8:23 - 8:25
    พูดอีกอย่างคือ
  • 8:25 - 8:27
    ชาร์ลส์ ดาร์วิน เชื่อใน
  • 8:27 - 8:29
    การคัดเลือกแบบกลุ่ม
  • 8:29 - 8:32
    ความคิดนี้ถูกโต้เถียงกันอย่างร้อนแรงตลอด 40 ปีที่ผ่านมา
  • 8:32 - 8:35
    แต่ปีนี้มันจะกลับมาใหม่อย่างยิ่งใหญ่
  • 8:35 - 8:38
    โดยเฉพาะหลังจากที่หนังสือใหม่ของ อี.โอ. วิลสัน
    ออกเดือนเมษายนนี้
  • 8:38 - 8:40
    นำเสนอด้วยหลักฐานแน่นหนาว่า
  • 8:40 - 8:42
    เรา และสัตว์พันธุ์อื่นอีกบางชนิด
  • 8:42 - 8:44
    เป็นผลผลิตของการคัดเลือกแบบกลุ่ม
  • 8:44 - 8:46
    แต่ที่จริงเราควรคิดถึงเรื่องนี้
  • 8:46 - 8:48
    ว่าเป็นการคัดเลือกหลายระดับมากกว่า
  • 8:48 - 8:50
    ลองมองอย่างนี้ครับว่า
  • 8:50 - 8:53
    ภายในกลุ่มมีการแข่งขัน ระหว่างกลุ่มก็แข่งขัน
  • 8:53 - 8:56
    นี่คือผู้ชายกลุ่มหนึ่ง ในทีมแข่งพายเรือของมหาวิทยาลัย
  • 8:56 - 8:58
    ภายในทีมนี้
  • 8:58 - 9:00
    มีการแข่งขัน
  • 9:00 - 9:02
    ผู้ชายบางคนแข่งกันเอง
  • 9:02 - 9:05
    ฝีพายที่ช้าที่สุด อ่อนแอที่สุด จะถูกให้ออกจากทีม
  • 9:05 - 9:07
    และมีฝีพายไม่กี่คนที่จะเล่นกีฬานี้ต่อไป
  • 9:07 - 9:10
    บางทีหนึ่งในนั้นอาจไปแข่งโอลิมปิกก็ได้
  • 9:10 - 9:12
    ฉะนั้นภายในทีม
  • 9:12 - 9:15
    ผลประโยชน์ของแต่ละคนขัดแย้งกัน
  • 9:15 - 9:17
    และบางทีอาจมีประโยชน์ก็ได้
  • 9:17 - 9:19
    ที่สมาชิกคนหนึ่ง
  • 9:19 - 9:21
    จะพยายามแกล้งคนอื่น
  • 9:21 - 9:23
    บางทีเขาอาจใส่ร้ายคู่แข่งคนสำคัญ
  • 9:23 - 9:25
    ไปเป่าหูโค้ช
  • 9:25 - 9:27
    แต่ในขณะที่การแข่งขันดำเนินไป
  • 9:27 - 9:29
    ภายในเรือลำเดียวกัน
  • 9:29 - 9:32
    การแข่งขันนี้ก็เกิดขึ้นระหว่างเรือเช่นกัน
  • 9:32 - 9:35
    เมื่อคุณเอาฝีพายในเรือลำหนึ่งไปแข่งกับอีกลำหนึ่ง
  • 9:35 - 9:37
    ทีนี้พวกเขาก็ไม่มีทางเลือก นอกจากร่วมมือกัน
  • 9:37 - 9:40
    เพราะพวกเขาอยู่ในเรือลำเดียวกัน
  • 9:40 - 9:42
    พวกเขาจะคว้าชัยชนะได้
  • 9:42 - 9:44
    ก็ต่อเมื่อร่วมแรงร่วมใจกันเป็นทีม
  • 9:44 - 9:46
    ทั้งหมดนี้อาจฟังดูซ้ำซากจำเจ
  • 9:46 - 9:48
    แต่มันก็เป็นสัจธรรมของวิวัฒนาการที่ลึกซึ้ง
  • 9:48 - 9:50
    ข้อโต้แย้งหลักต่อทฤษฎีการคัดเลือกแบบกลุ่ม
  • 9:50 - 9:52
    ที่ผ่านมาคือ
  • 9:52 - 9:55
    การอ้างว่า แน่ละ มีประโยชน์ที่คนบางคนร่วมมือกัน
  • 9:55 - 9:57
    แต่ทันทีที่เกิดกลุ่มคนที่ร่วมมือกัน
  • 9:57 - 10:00
    พวกเขาก็จะถูกครอบงำด้วยพวกตีตั๋วฟรี
  • 10:00 - 10:03
    คนที่ฉวยโอกาสจากงานหนักของคนอื่น
  • 10:03 - 10:05
    ผมจะสาธิตให้ดูนะครับ
  • 10:05 - 10:08
    สมมุติว่าเรามีสิ่งมีชีวิตจิ๋วกลุ่มหนึ่ง
  • 10:08 - 10:11
    มันอาจเป็นแบคทีเรีย หนูถีบจักร
    ไม่สำคัญว่าเป็นอะไร --
  • 10:11 - 10:14
    สมมุติต่อไปว่ากลุ่มเล็กๆ นี้วิวัฒนาการมาร่วมมือกัน
  • 10:14 - 10:16
    สุดยอดเลย พวกเขาหากิน ปกป้องซึ่งกันและกัน
  • 10:16 - 10:19
    ทำงานร่วมกัน สร้างความมั่งคั่ง
  • 10:19 - 10:21
    คุณจะเห็นว่าในแบบจำลองนี้
  • 10:21 - 10:24
    ยิ่งพวกเขามีปฏิสัมพันธ์ก็ยิ่งสะสมแต้ม ยิ่งขยายใหญ่
  • 10:24 - 10:26
    และเมื่อขยายได้ถึงสองเท่า
    คุณจะเห็นว่าพวกเขาแบ่งตัวออก
  • 10:26 - 10:28
    นี่คือจุดที่เริ่มผสมพันธุ์ ประชากรก็เพิ่มขึ้น
  • 10:28 - 10:31
    แต่ทีนี้สมมุติว่าหนึ่งในนั้นกลายพันธุ์
  • 10:31 - 10:33
    ยีนเกิดกลายพันธุ์ขึ้นมา
  • 10:33 - 10:35
    ทำให้ตัวหนึ่งเปลี่ยนไปใช้กลยุทธ์เห็นแก่ตัว
  • 10:35 - 10:37
    ฉวยโอกาสจากตัวอื่น
  • 10:37 - 10:40
    ทีนี้เมื่อสีเขียวมาปฏิสังสรรค์กับสีฟ้า
  • 10:40 - 10:42
    คุณจะเห็นว่าตัวสีเขียวขยายใหญ่ สีฟ้าหดเล็กลง
  • 10:42 - 10:44
    ทีนี้นี่่คือสิ่งที่เกิดขึ้น
  • 10:44 - 10:46
    เราเริ่มจากสีเขียวตัวเดียว
  • 10:46 - 10:48
    และขณะที่มันมีปฏิสัมพันธ์
  • 10:48 - 10:51
    มันก็จะได้ความมั่งคั่งหรือแต้มหรืออาหาร
  • 10:51 - 10:54
    ไม่นานพวกที่สามัคคีกันก็ถูกกวาดล้างจนหมด
  • 10:54 - 10:57
    พวกตีตั๋วฟรีเป็นใหญ่แทน
  • 10:57 - 11:00
    ถ้าหากกลุ่มแก้ปัญหาพวกตีตั๋วฟรีไม่ได้
  • 11:00 - 11:03
    กลุ่มก็ไม่อาจได้ประโยชน์จากการร่วมมือกันได้
  • 11:03 - 11:06
    และกระบวนการคัดเลือกแบบกลุ่มก็เริ่มต้นไม่ได้
  • 11:06 - 11:08
    แต่ปัญหาพวกตีตั๋วฟรีมีวิธีแก้ครับ
  • 11:08 - 11:10
    มันไม่ได้เป็นปัญหาที่ยากเย็นขนาดนั้น
  • 11:10 - 11:13
    ที่จริงธรรมชาติก็แก้ได้มาหลายครั้งหลายหนแล้ว
  • 11:13 - 11:15
    วิธีแก้ที่ธรรมชาติชอบใช้ที่สุด
  • 11:15 - 11:18
    คือจับทุกคนใส่เรือลำเดียวกัน
  • 11:18 - 11:20
    ยกตัวอย่างเช่น
  • 11:20 - 11:23
    ทำไมไมโตคอนเดรียในเซลล์ทุกเซลล์
  • 11:23 - 11:25
    ถึงได้มีรหัสพันธุกรรมของตัวเอง
  • 11:25 - 11:28
    แยกต่างหากจากรหัสพันธุกรรมในนิวเคลียส?
  • 11:28 - 11:30
    คำตอบคือมันเคยเป็น
  • 11:30 - 11:32
    แบคทีเรียที่อยู่อย่างเป็นเอกเทศ
  • 11:32 - 11:34
    มันมารวมตัวกัน
  • 11:34 - 11:36
    กลายเป็นสิ่งมีชีวิตชนิดใหม่
  • 11:36 - 11:39
    ด้วยวิธีอะไรสักอย่าง อาจจะกินกันและกัน เราไม่มีวันรู้สาเหตุที่แท้จริง
  • 11:39 - 11:41
    แต่เมื่อพวกมันมีเยื่อหุ้มเซลล์รอบตัว
  • 11:41 - 11:43
    พวกมันอยู่ใต้เยื่อหุ้มเซลล์แผ่นเดียวกัน
  • 11:43 - 11:46
    ก็แปลว่าความมั่งคั่งที่เกิดจากการแบ่งงานกันทำ
  • 11:46 - 11:48
    ความยิ่งใหญ่ทั้งหมดที่สร้างจากการร่วมมือกัน
  • 11:48 - 11:50
    ทั้งหมดนั้นถูกล็อคไว้ภายในเยื่อนี้
  • 11:50 - 11:53
    ทำให้เกิดสิ่งมีชีวิตชนิดใหม่ที่เก่งกว่าเดิม
  • 11:53 - 11:55
    ทีนี้ลองเดินแบบจำลองใหม่
  • 11:55 - 11:57
    เอาเจ้าสิ่งมีชีวิตชนิดใหม่นี้
  • 11:57 - 12:00
    ลงไปในประชากรที่มีแต่พวกตีตั๋วฟรี
    หรือทรยศ หรือคดโกง
  • 12:00 - 12:03
    แล้วดูนะครับว่าเกิดอะไรขึ้น
  • 12:03 - 12:05
    สิ่งมีชีวิตสุดเจ๋งนี้จะเอาอะไรก็ได้เลย
  • 12:05 - 12:08
    เพราะมันใหญ่และทรงพลังและมีประสิทธิภาพ
  • 12:08 - 12:10
    แย่งเอาทรัพยากร
  • 12:10 - 12:14
    ไปจากตัวสีเขียว พวกทรยศคดโกง
  • 12:14 - 12:16
    ไม่นานประชากรทั้งหมด
  • 12:16 - 12:19
    ก็จะมีแต่สิ่งมีชีวิตชนิดใหม่นี้
  • 12:19 - 12:21
    สิ่งที่ผมแสดงให้ดูไปนั้น
  • 12:21 - 12:23
    บางครั้งถูกเรียกว่า การเปลี่ยนผ่านครั้งสำคัญ
  • 12:23 - 12:26
    ในประวัติศาสตร์วิวัฒนาการ
  • 12:26 - 12:28
    กฏของดาร์วินไม่เปลี่ยนแปลง
  • 12:28 - 12:31
    แต่ตอนนี้มีผู้เล่นแบบใหม่ลงสนาม
  • 12:31 - 12:34
    และสถานการณ์ก็แตกต่างไปจากเดิมมาก
  • 12:34 - 12:36
    ทีนี้ การเปลี่ยนผ่านนี้ไม่ใช่เหตุบังเอิญครั้งเดียวในธรรมชาติ
  • 12:36 - 12:38
    ที่บังเอิญเกิดกับแบคทีเรียบางตัว
  • 12:38 - 12:40
    มันเกิดขึ้นอีกครั้ง
  • 12:40 - 12:42
    ประมาณ 120 หรือ 140 ล้านปีที่แล้ว
  • 12:42 - 12:45
    เมื่อตัวต่อรักสันโดษบางตัว
  • 12:45 - 12:47
    เริ่มสร้างรังที่เรียบง่าย
  • 12:47 - 12:50
    และพื้นฐานมาก
  • 12:50 - 12:53
    เมื่อตัวต่อหลายตัวมาอยู่ในรังเดียวกัน
  • 12:53 - 12:55
    มันก็ไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากจะร่วมมือกัน
  • 12:55 - 12:57
    เพราะไม่นานมันก็ถูกสถานการณ์บังคับให้แข่งขัน
  • 12:57 - 12:59
    กับรังอื่นๆ
  • 12:59 - 13:01
    รังที่สามัคคีกันที่สุดคือผู้ชนะ
  • 13:01 - 13:03
    ตรงตามที่ดาร์วินพูด
  • 13:03 - 13:05
    ตัวต่อโบราณเหล่านี้
  • 13:05 - 13:07
    เป็นบรรพบุรุษของผึ้งและมด
  • 13:07 - 13:09
    ที่ต่อมาขยายพันธุ์ไปทั่วโลก
  • 13:09 - 13:11
    และเปลี่ยนแปลงชีวมณฑลของโลก
  • 13:11 - 13:13
    มันเกิดขึ้นอีกครั้ง
  • 13:13 - 13:15
    อย่างน่าทึ่งกว่านี้อีก
  • 13:15 - 13:17
    ในช่วงห้าแสนปีที่ผ่านมา
  • 13:17 - 13:19
    เมื่อบรรพบุรุษของเราเอง
  • 13:19 - 13:21
    กลายเป็นสัตว์วัฒนธรรม
  • 13:21 - 13:24
    มารวมตัวกันรอบเตาผิงหรือกองไฟ
  • 13:24 - 13:26
    พวกเขาแบ่งงานกันทำ
  • 13:26 - 13:29
    เริ่มระบายสีร่างกาย พูดภาษาถิ่นของตัวเอง
  • 13:29 - 13:32
    สุดท้ายก็บูชาพระเจ้าของตัวเอง
  • 13:32 - 13:34
    เมื่อพวกเขามาอยู่ในเผ่าเดียวกัน
  • 13:34 - 13:37
    ก็สามารถปิดล็อกประโยชน์จากการร่วมมือกันไว้ภายใน
  • 13:37 - 13:39
    และเปิดล็อกพลังที่ยิ่งใหญ่ที่สุด
  • 13:39 - 13:41
    ที่ดาวเคราะห์ดวงนี้ได้รับรู้
  • 13:41 - 13:43
    นั่นคือ พลังความร่วมมือกันของมนุษย์ --
  • 13:43 - 13:45
    พลังแห่งการสรรค์สร้าง
  • 13:45 - 13:48
    และทำลายล้าง
  • 13:48 - 13:50
    แน่นอนครับ กลุ่มของมนุษย์สามัคคีกันเหนียวแน่น
  • 13:50 - 13:52
    น้อยกว่ารังผึ้งคนละโยชน์
  • 13:52 - 13:55
    กลุ่มของมนุษย์อาจดูเหมือนรังผึ้งชั่วคราว
  • 13:55 - 13:57
    แต่มักจะแตกสลายซ่านเซ็น
  • 13:57 - 14:00
    พวกเราไม่ถูกบีบบังคับให้ร่วมมือกันเหมือนกับผึ้งและมด
  • 14:00 - 14:02
    ที่จริง บ่อยครั้ง
  • 14:02 - 14:04
    ดังที่เราได้เห็นในการปฏิวัติโลกอาหรับเมื่อไม่นานมานี้
  • 14:04 - 14:08
    ว่าความแตกแยกมักจะแล่นตามเส้นศาสนา
  • 14:08 - 14:11
    อย่างไรก็ตาม เมื่อใดที่คนมารวมตัวกันได้
  • 14:11 - 14:13
    มารวมพลังเคลื่อนไหวในขบวนการเดียวกัน
  • 14:13 - 14:16
    พวกเขาก็เขยื้อนภูเขาได้
  • 14:16 - 14:19
    ลองดูคนในรูปที่ผมกำลังฉายให้ดูสิครับ
  • 14:19 - 14:21
    คุณคิดว่าพวกเขาไปที่นั่น
  • 14:21 - 14:23
    เพื่อบรรลุประโยชน์ส่วนตัวหรือเปล่า?
  • 14:23 - 14:26
    หรือว่าอยากบรรลุประโยชน์ส่วนรวม
  • 14:26 - 14:29
    ซึ่งเรียกร้องให้พวกเขาสูญเสียตัวตน
  • 14:29 - 14:33
    กลายเป็นแค่ส่วนหนึ่งขององค์รวม?
  • 14:34 - 14:36
    โอเค ที่ผ่านไปนั้นคือบทบรรยายของผม
  • 14:36 - 14:38
    นำเสนอแบบมาตรฐาน TED
  • 14:38 - 14:40
    ทีนี้ ผมจะบรรยายทั้งหมดนั้นอีกรอบ
  • 14:40 - 14:42
    ในสามนาที
  • 14:42 - 14:45
    ด้วยวิถีทางที่ครอบคลุมสมบูรณ์กว่า
  • 14:45 - 14:47
    (เสียงดนตรี)
  • 14:47 - 14:49
    (คลิปวีดีโอ)
    โจนาธาน ไฮด์ท์: มนุษย์เรามีประสบการณ์ทางศาสนา
  • 14:49 - 14:51
    มากมายหลายรูปแบบ
  • 14:51 - 14:53
    ดังที่ วิลเลียม เจมส์ อธิบาย
  • 14:53 - 14:56
    รูปแบบหนึ่งที่พบบ่อยคือการปีนบันไดลับ
  • 14:56 - 14:58
    และสูญเสียตัวตน
  • 14:58 - 15:00
    บันไดนั้นนำเรา
  • 15:00 - 15:03
    ออกจากประสบการณ์ชีวิตที่เป็นโลกียะ เรื่องปกติ
  • 15:03 - 15:05
    ขึ้นสูงไปสู่ประสบการณ์ว่าชีวิตนั้นศักดิ์สิทธิ์
  • 15:05 - 15:07
    หรือเกี่ยวพันกับชีวิตอื่นอย่างลึกซึ้ง
  • 15:07 - 15:09
    เราเป็น โฮโม ดูเพล็กซ์
  • 15:09 - 15:11
    ดังที่เดิร์กไฮม์อธิบาย
  • 15:11 - 15:13
    และเราก็เป็น โฮโม ดูเพล็กซ์
  • 15:13 - 15:15
    เพราะเราวิวัฒนาการผ่านการคัดเลือกหลายระดับ
  • 15:15 - 15:18
    ดังที่ดาร์วินอธิบาย
  • 15:18 - 15:20
    ผมมั่นใจไม่ได้ว่าบันไดนี้คือการปรับตัว
  • 15:20 - 15:22
    ไม่ใช่บั๊กในระบบ
  • 15:22 - 15:24
    แต่ถ้ามันคือการปรับตัว
  • 15:24 - 15:26
    นัยของมันก็กว้างขวางลึกล้ำ
  • 15:26 - 15:28
    ถ้าหากมันคือการปรับตัว
  • 15:28 - 15:31
    ก็แปลว่าเราวิวัฒนาการมานับถือศาสนา
  • 15:31 - 15:33
    ผมไม่ได้หมายความว่าเราวิวัฒนาการมา
  • 15:33 - 15:35
    เพื่อสังกัดศาสนาขนาดใหญ่ในระบบ
  • 15:35 - 15:37
    องค์กรศาสนาถือกำเนิดไม่นานมานี้เอง
  • 15:37 - 15:39
    ผมหมายความว่าเราวิวัฒนาการ
  • 15:39 - 15:41
    มาเพื่อมองเห็นความศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่รายรอบตัว
  • 15:41 - 15:43
    และเพื่อร่วมมือกับคนอื่น ทำงานเป็นทีม
  • 15:43 - 15:45
    ล้อมวงรอบวัตถุศักดิ์สิทธิ์
  • 15:45 - 15:47
    คนศักดิ์สิทธิ์ และความคิดศักดิ์สิทธิ์
  • 15:47 - 15:50
    นี่คือสาเหตุที่การเมืองเป็นเรื่องของเผ่า
  • 15:50 - 15:53
    การเมืองส่วนหนึ่งเป็นเรื่องของโลกียะ
    ส่วนหนึ่งเป็นเรื่องประโยชน์ส่วนตน
  • 15:53 - 15:56
    แต่การเมืองก็เป็นเรื่องของความศักดิ์สิทธิ์เช่นกัน
  • 15:56 - 15:58
    เป็นเรื่องของการร่วมมือกับคนอื่น
  • 15:58 - 16:00
    ทำตามความคิดทางศีลธรรม
  • 16:00 - 16:03
    เป็นเรื่องของการต่อสู้ชั่วนิรันดร์
    ระหว่างธรรมะกับอธรรม
  • 16:03 - 16:06
    และเราทุกคนก็เชื่อว่าเราอยู่ข้างธรรมะ
  • 16:06 - 16:08
    ที่สำคัญที่สุดคือ
  • 16:08 - 16:10
    ถ้าหากบันไดนี้มีจริง
  • 16:10 - 16:12
    มันก็อธิบายได้ว่าทำไมคนเรา
  • 16:12 - 16:14
    ถึงได้รู้สึกไม่พอใจเรื้อรังกับชีวิตสมัยใหม่
  • 16:14 - 16:17
    เพราะมนุษย์เราในบางระดับ
  • 16:17 - 16:19
    เป็นสัตว์รวมหมู่เหมือนผึ้ง
  • 16:19 - 16:22
    เราคือผึ้ง เราแหวกรังผึ้งออกมาในยุคแสงสว่าง
  • 16:22 - 16:25
    เราทำลายสถาบันเก่าแก่ลง
  • 16:25 - 16:27
    มอบอิสรภาพให้กับผู้ที่ถูกกดขี่
  • 16:27 - 16:29
    เราปลดปล่อยความคิดสร้างสรรค์ที่เปลี่ยนโลก
  • 16:29 - 16:32
    สร้างความมั่งคั่งและสะดวกสบายมหาศาล
  • 16:32 - 16:34
    ทุกวันนี้เราบินไปมา
  • 16:34 - 16:36
    เหมือนผึ้งปัจเจกที่ลิงโลดกับอิสรภาพ
  • 16:36 - 16:38
    แต่บางครั้งเราก็สงสัยว่า
  • 16:38 - 16:40
    มีแค่นี้หรือ?
  • 16:40 - 16:42
    ฉันควรจะทำอะไรดีกับชีวิต?
  • 16:42 - 16:44
    อะไรนะที่ขาดหายไป?
  • 16:44 - 16:46
    สิ่งที่ขาดหายคือ เราเป็น โฮโม ดูเพล็กซ์
  • 16:46 - 16:49
    แต่สังคมฆราวาสสมัยใหม่ถูกสร้างขึ้น
  • 16:49 - 16:52
    เพื่อตอบสนองตัวตนโลกียะที่ต่ำกว่าด้านเดียว
  • 16:52 - 16:55
    ชั้นล่างนั่นสะดวกสบายมากจริงๆ
  • 16:55 - 16:58
    มาสิ มานั่งในศูนย์บันเทิงในบ้านของฉัน
  • 16:58 - 17:00
    ความท้าทายประการสำคัญของชีวิตสมัยใหม่
  • 17:00 - 17:03
    คือการหาบันไดให้เจอท่ามกลางความยุ่งเหยิง
  • 17:03 - 17:06
    แล้วก็ทำอะไรสักอย่างที่ดีงาม
  • 17:06 - 17:09
    เมื่อคุณปีนขึ้นไปถึงชั้นบนสุด
  • 17:09 - 17:12
    ผมมองเห็นความปรารถนานี้ในลูกศิษย์ของผม
    ที่มหาวิทยาลัยเวอร์จิเนีย
  • 17:12 - 17:14
    พวกเขาทุกคนอยากทำอะไรดีๆ หรือพบงานที่เกิดมาทำ
  • 17:14 - 17:16
    งานที่พวกเขาจะโยนตัวเองลงไปในนั้นได้
  • 17:16 - 17:19
    พวกเขาทุกคนล้วนตามหาบันไดวนของตัวเอง
  • 17:19 - 17:21
    นั่นทำให้ผมมีความหวัง
  • 17:21 - 17:23
    เพราะคนเราไม่ได้เห็นแก่ตัวอย่างเดียว
  • 17:23 - 17:25
    คนส่วนใหญ่อยากเลิกคิดเล็กคิดน้อย
  • 17:25 - 17:27
    อยากเป็นส่วนหนึ่งของอะไรที่ใหญ่กว่าตัวเอง
  • 17:27 - 17:30
    ข้อนี้อธิบายว่าทำไมคนปัจจุบันถึงยังรู้สึกกระทบใจ
  • 17:30 - 17:32
    เมื่อได้ยินอุปมาเรียบง่าย
  • 17:32 - 17:35
    ที่คิดขึ้นกว่า 400 ปีที่แล้ว --
  • 17:35 - 17:37
    "ไม่มีใครเป็นเกาะ
  • 17:37 - 17:39
    เฉพาะของตัวเอง
  • 17:39 - 17:42
    มนุษย์ทุกผู้นามคือส่วนหนึ่งของทวีป
  • 17:42 - 17:45
    ส่วนหนึ่งของแผ่นดินใหญ่"
  • 17:45 - 17:47
    โจนาธาน ไฮด์ท์: ขอบคุณครับ
  • 17:47 - 17:55
    (เสียงปรบมือ)
Title:
โจนาธาน ไฮด์ท์ (Jonathan Haidt): ศาสนา วิวัฒนาการ และความปีติแห่งการข้ามพ้นตัวตน
Speaker:
Jonathan Haidt
Description:

นักจิตวิทยา โจนาธาน ไฮด์ท์ ถามคำถามง่ายๆแต่ตอบยาก - ทำไมเราจึงค้นหาวิธีข้ามพ้นตัวตน เราอยากสูญเสียตัวตนเพื่ออะไร เขาเสนอคำตอบที่น่าครุ่นคิด ผ่านการพาเราทัวร์วิทยาศาสตร์วิวัฒนาการโดยการคัดเลือกของกลุ่ม

more » « less
Video Language:
English
Team:
closed TED
Project:
TEDTalks
Duration:
17:56
Unnawut Leepaisalsuwanna approved Thai subtitles for Religion, evolution, and the ecstasy of self-transcendence
Unnawut Leepaisalsuwanna accepted Thai subtitles for Religion, evolution, and the ecstasy of self-transcendence
Unnawut Leepaisalsuwanna commented on Thai subtitles for Religion, evolution, and the ecstasy of self-transcendence
Unnawut Leepaisalsuwanna edited Thai subtitles for Religion, evolution, and the ecstasy of self-transcendence
Unnawut Leepaisalsuwanna edited Thai subtitles for Religion, evolution, and the ecstasy of self-transcendence
Unnawut Leepaisalsuwanna edited Thai subtitles for Religion, evolution, and the ecstasy of self-transcendence
Sarinee Achavanuntakul added a translation

Thai subtitles

Revisions