คริสโตเฟอร์ แมคโดกอล: หรือว่าพวกเราเกิดมาเพื่อวิ่ง?
-
0:00 - 0:03การวิ่งเนี่ย มันก็แค่ ขวา ซ้าย ขวา ซ้าย ใช่มั้ยครับ?
-
0:03 - 0:05ผมหมายถึงว่าพวกเราได้ทำมันมามากกว่า 2 ล้านปีมาแล้ว
-
0:05 - 0:08มันก็เลยดูเหมือนอวดดีที่จะบอกว่า
-
0:08 - 0:10ผมมีอะไรที่จะพูดเกี่ยวกับมัน
-
0:10 - 0:13ที่ยังไม่ได้ถูกพูดถึงและถูกแสดงออกมาได้ดีมากกว่านี้เมื่อนานมาแล้ว
-
0:13 - 0:15แต่สิ่งที่เจ๋งเกี่ยวกับการวิ่ง อย่างที่ผมได้พบคือ
-
0:15 - 0:17ว่ามันมักจะมีสิ่งแปลกๆ เกิดขึ้น
-
0:17 - 0:19ในกิจกรรมนี้อยู่เสมอๆ
-
0:19 - 0:22ยกตัวอย่างเช่น 2-3 เดือนที่ผ่านมา ถ้าหากคุณได้ดูการวิ่งมาราธอนของเมืองนิวยอร์ค
-
0:22 - 0:24ผมยืนยันได้ว่าคุณจะเห็นอะไรบางอย่าง
-
0:24 - 0:27ที่ไม่มีใครเคยได้เห็นมาก่อน
-
0:27 - 0:29หญิงชาวเอธิโอเปียที่ชื่อว่า เดอราตู ตูลู (Derartu Tulu)
-
0:29 - 0:31เข้ามาถึงที่เส้นเริ่มต้น
-
0:31 - 0:33เธออายุ 37 ปี
-
0:33 - 0:35ในระยะเวลา 8 ปีที่ผ่านมา เธอไม่เคยชนะการวิ่งมาราธอนใดๆ
-
0:35 - 0:37อีกทั้งไม่กี่เดือนก่อนหน้านั้น
-
0:37 - 0:39เธอเองก็เกือบที่จะเสียชีวิตระหว่างการคลอดบุตร
-
0:39 - 0:42เดอราตู ตูลู กำลังพร้อมที่จะเลิกเล่นกีฬาชนิดนี้
-
0:42 - 0:44แต่แล้วเธอก็ตัดสินใจที่จะเดินหน้าต่อ
-
0:44 - 0:46และลองเป็นครั้งสุดท้ายเพื่อเงินก้อนโต
-
0:46 - 0:48ในงานใหญ่
-
0:48 - 0:50ที่การวิ่งมาราธอนประจำเมืองนิวยอร์ก
-
0:50 - 0:53เสียแต่ว่า ข่าวร้ายสำหรับ เดอราตู ตูลู ที่คนอื่นๆ ก็มีความคิดแบบเดียวกัน
-
0:53 - 0:55ซึ่งรวมไปถึงนักกีฬาเหรียญทองโอลิมปิก
-
0:55 - 0:58และพอลล่า แรดคลิฟท์ (Paula Radcliffe) ซึ่งเหมือนกับอสูรกาย
-
0:58 - 1:02ผู้หญิงที่เร็วที่สุดในประวัติศาสตร์ของการวิ่งมาราธอน
-
1:02 - 1:04ซึ่งทำสถิติห่างจากสถิติของผู้ชายเพียง 10 นาที
-
1:04 - 1:07พอลล่า แรดคลิฟท์ไม่มีทางที่จะถูกโค่นลงได้
-
1:07 - 1:09นั่นแหละคือคู่แข่งของเธอ
-
1:09 - 1:12เมื่อเสียงปืนดังขึ้น เธอไม่ใช่แค่เป็นหมารองบ่อน
-
1:12 - 1:14เธอเป็นยิ่งกว่าหมารองบ่อนซะอีก
-
1:14 - 1:16แต่คนที่ยิ่งกว่าหมารองบ่อนนี้ไม่ยอมลดละ
-
1:16 - 1:19และที่ระยะทาง 22 จากการแข่งขันระยะ 26 ไมล์
-
1:19 - 1:21ก็มีเดอราตู ตูลู
-
1:21 - 1:23อยู่ด้านหน้ารวมกับกลุ่มผู้นำ
-
1:23 - 1:26ตอนนี้แหละที่มีบางอย่างแปลกประหลาดเกิดขึ้น
-
1:26 - 1:29พอลล่า แรดคลิฟท์ คนๆ เดียวที่น่าจะได้รับรางวัลก้อนโตกลับบ้าน
-
1:29 - 1:32คนที่เป็นรองกว่าหมารองบ่อนอย่างเดอราตู ตูลูไม่สามารถที่จะอาจเอื้อมได้
-
1:32 - 1:35ก็จับขาของเธอ และเริ่มที่จะวิ่งช้าลง
-
1:35 - 1:37ในสถานการณ์อย่างนี้ พวกเราคงรู้ว่าควรทำอย่างไรใช่มั้ยครับ?
-
1:37 - 1:39คุณควรที่จะเอาศอกกระแทกหน้าเธอซะ
-
1:39 - 1:41และรีบพุ่งเข้าเส้นชัย
-
1:42 - 1:44แต่เดอราตู ตูลูกลับสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิด
-
1:44 - 1:46แทนที่จะรีบมุ่งหน้าเข้าเส้นชัย
-
1:46 - 1:48เธอวิ่งช้าลง และจับพอลล่า แรดคลิฟท์เอาไว้
-
1:48 - 1:50และพูดว่า "เอาน่ะ มากับพวกเรา คุณทำได้"
-
1:50 - 1:52บังเอิญว่าพอลล่า แรดคลิฟท์สามารถทำได้
-
1:52 - 1:54เธอตามกลุ่มผู้นำได้ทัน
-
1:54 - 1:56และกำลังมุ่งหน้าเข้าสู่เส้นชัย
-
1:56 - 1:58แต่แล้วเธอก็เริ่มช้าลงอีกครั้ง
-
1:58 - 2:00และเป็นครั้งที่สอง ที่เดอราตู ตูลูจับเธอเอาไว้ และพยายามที่จะดึงเธอให้ไปด้วยกัน
-
2:00 - 2:02และพอลล่า แรดคลิฟท์ในตอนนั้นพูดว่า
-
2:02 - 2:04"ฉันพอแล้ว ไปเถอะ"
-
2:04 - 2:07และนั่นแหละคือเรื่องราวอันยอดเยี่ยม ที่เรารู้ว่ามันจะจบยังไง
-
2:07 - 2:09เธออดได้เงินรางวัล
-
2:09 - 2:11แต่ก็กลับบ้านไปพร้อมกับบางอย่างที่ยิ่งใหญ่และสำคัญมากกว่า
-
2:11 - 2:14ยกเว้นเสียแต่ว่า เดอราตู ตูลูได้ทำสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิดอีกครั้ง
-
2:14 - 2:17แทนที่จะแพ้ เธอกลับวิ่งแซงกลุ่มผู้นำ และชนะการแข่ง
-
2:17 - 2:19มาราธอนประจำเมืองนิวยอร์ก
-
2:19 - 2:21กลับบ้านไปพร้อมกับเงินรางวัลก้อนโต
-
2:21 - 2:23มันเป็นเรื่องราวที่น่าตื้นตันใจ
-
2:23 - 2:25แต่ถ้าคุณขุดลึกเข้าไปอีกซักนิด
-
2:25 - 2:28คุณก็คงต้องสงสัยว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
-
2:28 - 2:30เมื่อไหร่ที่มันมีสิ่งที่ไม่น่าจะเป็นไปได้เกิดขึ้นถึงสองครั้ง ในคราวเดียว
-
2:30 - 2:32มันไม่ใช่แค่เหตุบังเอิญ
-
2:32 - 2:35เมื่อคุณมีใครบางคนที่มีความปรารถนาที่จะชนะและมีความเห็นอกเห็นใจ
-
2:35 - 2:38มากกว่าใครๆ ในการแข่ง มันไม่ใช่เหตุบังเอิญ
-
2:38 - 2:41ถ้าคุณให้ผมดูสิ่งมีชีวิตที่มีขาเป็นพังผืดและมีเหงือกเหมือนปลา
-
2:41 - 2:43ด้วยเหตุผลใดก็ตามมันต้องเกี่ยวกับน้ำอย่างแน่นอน
-
2:43 - 2:46คนที่มีจิตใจแบบนั้น มันต้องมีความเชื่อมโยงอะไรบางอย่าง
-
2:46 - 2:48และผมว่าคำตอบของมันนั้น
-
2:48 - 2:51สามารถถูกพบได้ที่ Copper Canyons ของแมกซิโก
-
2:51 - 2:53ที่ๆ มีชาวเผ่าอันสันโดษ
-
2:53 - 2:55ที่ถูกเรียกว่า ทาราฮูมารา อินเดียน (Tarahumara Indians)
-
2:55 - 2:58พวกทาราฮูมารานี้ มีความยอดเยี่ยมอยู่ 3 อย่างด้วยกัน
-
2:58 - 3:00หนึ่งเลยก็คือ
-
3:00 - 3:02พวกเขาใช้ชีวิตอย่างไม่เปลี่ยนแปลง
-
3:02 - 3:04มาเป็นเวลากว่า 400 ปีแล้ว
-
3:04 - 3:07เมื่อเหล่าผู้ล่าอาณานิคมมาถึงที่อเมริกาเหนือ คุณมีอยู่ 2 ทางเลือก
-
3:07 - 3:10คุณสามารถที่จะสู้กลับ หรือคุณสามารถที่จะหนี
-
3:10 - 3:12พวกมายันและแอซเทคเลือกที่จะสู้
-
3:12 - 3:15นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมจึงเหลือชาวมายันและแอซเทคน้อยเหลือเกิน
-
3:15 - 3:17พวกทาราฮูมาราเลือกที่จะทำต่างออกไป
-
3:17 - 3:19พวกเค้าเลือกที่จะหนีและหลบซ่อนตัว
-
3:19 - 3:21อยู่ในเขาวงกต
-
3:21 - 3:23ที่เป็นเหมือนเครือข่ายใยแมงมุมของหุบเขาลึก
-
3:23 - 3:25ที่ถูกเรียกว่า Copper Canyons
-
3:25 - 3:28และพวกเขาก็อยู่ที่นั่นมาตั้งแต่ประมาณ ค.ศ. 1600
-
3:28 - 3:32อยู่เรื่อยๆ อย่างไม่เปลี่ยนแปลงตลอดมา
-
3:32 - 3:35อย่างที่ 2 ที่ยอดเยี่ยมเกี่ยวกับชาวทาราฮูมารา
-
3:35 - 3:38คือในช่วงชรา ประมาณช่วงอายุ 70 ถึง 80 ปี
-
3:38 - 3:40พวกเขาไม่ได้วิ่งมาราธอน
-
3:40 - 3:42แต่พวกเขาวิ่งมหามาราธอน
-
3:42 - 3:44พวกเขาไม่ได้วิ่งระยะเพียง 26 ไมล์
-
3:44 - 3:47แต่พวกเขาวิ่งครั้งละ 100 ถึง 150 ไมล์
-
3:47 - 3:50โดยไม่มีปัญหา ไม่มีอาการบาดเจ็บใดๆ
-
3:50 - 3:52อย่างสุดท้ายที่ยอดเยี่ยมเกี่ยวกับพวกเค้า
-
3:52 - 3:54ก็คือเรื่องราวทั้งหมดที่พวกเรากำลังจะพูดถึงในวันนี้
-
3:54 - 3:56เรื่องราวทั้งหมดที่พวกเราคิดค้นกันมา
-
3:56 - 3:59ที่ใช้ทั้งเทคโนโลยีและปัญญาในการวิเคราะห์
-
3:59 - 4:01เรื่องอย่างโรคหัวใจ, คอเลสเตอรอล และมะเร็ง
-
4:01 - 4:04เรื่องของอาชญากรรม, การสู้รบ, ความรุนแรง และความเครียด
-
4:04 - 4:07เรื่องพวกนี้ ชาวทาราฮูมารา ไม่รู้ว่าพวกเรากำลังพูดถึงอะไร
-
4:07 - 4:09พวกเขาเป็นอิสระ
-
4:09 - 4:11จากโรคสมัยใหม่พวกนี้
-
4:11 - 4:13เพราะฉะนั้นแล้วมันเชื่อมต่อกันตรงไหนล่ะ?
-
4:13 - 4:15อีกครั้งที่เรากำลังพูดถึงสิ่งที่ไม่น่าจะเป็นไปได้
-
4:15 - 4:17มันจะต้องมีเหตุมีผลอะไรซักอย่างที่นี่
-
4:17 - 4:19ทีมนักวิทยาศาตร์
-
4:19 - 4:21จากทั้งฮาร์วาร์ด และมหาวิทยาลัยยูทาร์
-
4:21 - 4:23กำลังพยายามขบคิดเพื่อหาคำตอบ
-
4:23 - 4:26ถึงสิ่งที่ชาวทาราฮูมารารู้มาโดยตลอด
-
4:26 - 4:29พวกเขากำลังพยายามหาคำตอบของเรื่องลี้ลับเดียวกัน
-
4:29 - 4:32และเป็นอีกครั้งที่มันเป็นเรื่องลี้ลับ ภายในเรื่องลึกลับ
-
4:32 - 4:35บางทีกุญแจสำคัญของเดอราตู ตูลูกับชาวทาราฮูมารานั้น
-
4:35 - 4:38ถูกเกี่ยวข้องอยู่กับเรื่องลึกลับ 3 เรื่อง
-
4:38 - 4:403 เรื่อง ซึ่งถ้าคุณรู้คำตอบ ก็ขอให้ขึ้นมาและพูดออกไมค์
-
4:40 - 4:42เพราะไม่มีใครอื่น ที่จะรู้คำตอบ
-
4:42 - 4:45และถ้าคุณรู้มัน คุณก็จะเป็นคนที่ฉลาดที่สุดกว่าใครในโลกนี้
-
4:45 - 4:47เรื่องลึกลับเรื่องที่ 1 คือเรื่องนี้
-
4:47 - 4:50เมื่อ 2 ล้านปีก่อน สมองมนุษย์ก็ใหญ่ขึ้นอย่างผิดหูผิดตา
-
4:50 - 4:52ออสทราโลพิเทคัส (Australopithecus) มีสมองขนาดจิ๋ว เท่าเมล็ดถั่ว
-
4:52 - 4:54อยู่ดีๆ มนุษย์โฮโมอิเรคตัส (Homo erectus) ก็โผล่มา
-
4:54 - 4:56พร้อมกับหัวขนาดใหญ่
-
4:56 - 4:58การที่จะมีสมองขนาดนั้นได้
-
4:58 - 5:01คุณจำเป็นจะต้องมีแหล่งพลังงานแคลอรี่ที่เข้มข้น
-
5:01 - 5:03พูดอีกอย่างนึงก็คือ มนุษย์ในยุคเริ่มแรกนั้นกินสัตว์ที่ตายแล้ว
-
5:03 - 5:05ไม่ต้องถกเถียงกัน เพราะนั่นมันเป็นความจริง
-
5:05 - 5:07ปัญหาอย่างเดียวก็คือ
-
5:07 - 5:10อาวุธปลายแหลมเพิ่งจะถูกค้นพบเมื่อประมาณ 200,000 ปีที่แล้ว
-
5:10 - 5:13เพราะฉะนั้นด้วยเวลาเกือบประมาณ 2 ล้านปี
-
5:13 - 5:16เราล่าสัตว์ได้โดยไม่ต้องใช้อาวุธใดๆ
-
5:16 - 5:18เอาล่ะ เราคงไม่ได้ใช้กำลังของเราอย่างแน่นอน
-
5:18 - 5:20เพราะว่าเรามันจอมห่วยที่สุดในป่า
-
5:20 - 5:22สัตว์ชนิดอื่นๆ ต่างก็แข็งแรงกว่าเราทั้งนั้น
-
5:22 - 5:25พวกมันมีทั้งเขี้ยว ทั้งเล็บ มีความว่องไว รวดเร็ว
-
5:25 - 5:28เราต่างก็คิดว่า ยูเซียน โบลต์ (นักวิ่งสถิติโลก) น่ะเร็วแล้ว แต่ยูเซียน โบลต์ก็ยังถูกกระรอกแซงได้อย่างง่ายๆ
-
5:28 - 5:30เราน่ะไม่ได้เร็วหรอก
-
5:30 - 5:32ลองปล่อยกระรอกให้เป็นอิสระซักตัว ในงานกีฬาโอลิมปิก
-
5:32 - 5:35ใครก็ตามที่จับได้ จะได้เหรียญทองไปครอง
-
5:35 - 5:38เพราะฉะนั้น ไม่มีอาวุธ ไม่มีความเร็ว ไม่มีกำลัง ไม่มีเขี้ยว และเล็บ
-
5:38 - 5:41แล้วเราฆ่าสัตว์พวกนี้ได้อย่างไรกันล่ะ? นี่แหละคือเรื่องลึกลับเรื่องที่ 1
-
5:41 - 5:43เรื่องที่ 2
-
5:43 - 5:46ผู้หญิงได้เข้าร่วมแข่งขันในงานกีฬาโอลิมปิกมาได้ซักพักแล้ว
-
5:46 - 5:48แต่อย่างหนึ่งที่น่าทึ่งเกี่ยวกับนักกีฬาวิ่งระยะสั้นที่เป็นผู้หญิงก็คือ
-
5:48 - 5:50พวกเขาต่างห่วย
-
5:50 - 5:52ไม่เคยมีผู้หญิงที่วิ่งได้เร็ว
-
5:52 - 5:54ไม่ว่าจะในตอนนี้หรือตอนไหน
-
5:54 - 5:57สถิติที่เร็วที่สุดของผู้หญิงในการวิ่ง 1 ไมล์ ทำได้ใน 4.15 นาที
-
5:57 - 5:59ผมสามารถโยนก้อนหินใส่เด็กผู้ชายมัธยมซักคน
-
5:59 - 6:01ที่สามารถจะวิ่งได้เร็วกว่าสถิติ 4.15 ได้
-
6:01 - 6:03ด้วยเหตุผลบางประการพวกคุณก็แค่ช้ามากๆ
-
6:03 - 6:05(เสียงหัวเราะ)
-
6:05 - 6:08แต่คุณก็เข้าร่วมในมาราธอนที่เราได้พูดถึงไป
-
6:08 - 6:10ความจริงพวกคุณเพิ่งจะได้รับอนุญาตให้เข้าร่วมแข่งขันมาราธอนได้ แค่เมื่อ 20 ปีมาแล้วเท่านั้น
-
6:10 - 6:12เพราะว่าก่อนหน้าปี ค.ศ. 1980
-
6:12 - 6:15วิทยาศาสตร์การแพทย์กล่าวว่าหากผู้หญิงคนใดก็ตามพยายามที่จะวิ่งระยะทาง 26 ไมล์
-
6:15 - 6:17คุณรู้มั้ยว่าจะเกิดอะไรขึ้น ถ้าคุณวิ่งระยะทาง 26 ไมล์?
-
6:17 - 6:21ว่าทำไมคุณถึงถูกห้ามไม่ให้แข่งมาราธอนก่อนปี ค.ศ. 1980?
-
6:21 - 6:24(เสียงจากผู้ชม: "มดลูกของเธอจะฉีกขาด") มดลูกของเธอจะฉีกขาด
-
6:24 - 6:26ใช่ครับ คุณจะทำอวัยวะสืบพันธุ์ฉีกขาด
-
6:26 - 6:29มดลูกจะร่วงลงมา เหมือนมันจะหลุดออกจากร่าง
-
6:29 - 6:31เอาล่ะ ผมก็แข่งมาราธอนมาแล้วหลายครั้ง
-
6:31 - 6:33และผมเองก็ยังไม่เคยเห็นกับตาซักหน
-
6:33 - 6:36(เสียงหัวเราะ)
-
6:36 - 6:39เพราะฉะนั้นผู้หญิงก็เลยเพิ่งได้เข้าร่วมแข่งมาราธอนมาแค่ 20 ปี
-
6:39 - 6:41ในเวลาสั้นๆ นั้น
-
6:41 - 6:44พวกคุณได้ก้าวข้ามจากอวัยวะฉีกขาด
-
6:44 - 6:46มาอยู่ในความจริงที่ว่าคุณห่างออกไปแค่ 10 นาที
-
6:46 - 6:48จากสถิติของผู้ชาย
-
6:48 - 6:50จากนั้นคุณก็ก้าวข้ามจาก 26 ไมล์
-
6:50 - 6:53ไปสู่ระยะที่วิทยาศาสตร์ทางการแพทย์บอกเราว่าอาจทำให้ถึงแก่ชีวิต
-
6:53 - 6:55จำได้ไหมว่า ฟิดิปปิดีส (Pheidippides) ตายเมื่อเขาวิ่งระยะ 26 ไมล์
-
6:55 - 6:57และถ้าคุณไปถึง 50 และ 100 ไมล์
-
6:57 - 6:59มันก็จะเป็นคนละเรื่องกันเลย
-
6:59 - 7:02คุณสามารถเอานักวิ่งอย่าง แอน เทรสัน (Ann Trason) หรือ นิกกิ คิมบอล (Nikki Kimball) หรือ เจน เชลตัน (Jenn Shelton)
-
7:02 - 7:05จากนั้นให้พวกเขาวิ่งแข่งระยะ 50 หรือ 100 ไมล์ กับใครก็ได้บนโลกนี้
-
7:05 - 7:07มันก็จะเป็นเรื่องของโชคเท่านั้น
-
7:07 - 7:09ผมจะยกตัวอย่างให้ฟัง
-
7:09 - 7:11ปี สองปีที่แล้ว เอมิลี่ เบเออร์ (Emily Baer) ลงสมัครการแข่งขันงานหนึ่ง
-
7:11 - 7:13ชื่อว่า ฮาร์ดร๊อค 100 (Hardrock 100)
-
7:13 - 7:16ซึ่งน่าจะบอกคุณทุกอย่างที่คุณควรรู้เกี่ยวกับการแข่งนี้
-
7:16 - 7:18พวกเขาจะให้เวลาคุณ 48 ชั่วโมงเพื่อเข้าเส้นชัย
-
7:18 - 7:20เอมิลี่ เบเออร์ จากนักวิ่งอีก 500 คน
-
7:20 - 7:22เธอเข้าเส้นชัยเป็นคนที่ 8 เข้าเส้นชัยเป็น 10 คนแรก
-
7:22 - 7:24ถึงแม้ว่าเธอจะหยุดที่ทุกๆ สถานีช่วยเหลือ
-
7:24 - 7:27เพื่อให้นมลูกด้วยตัวเองตลอดระยะเวลาการแข่ง
-
7:27 - 7:29แต่ถึงกระนั้น ก็ยังเอาชนะผู้ร่วมแข่งขันได้ 492 คน
-
7:29 - 7:31เรื่องลึกลับสุดท้าย แล้วทำไมผู้หญิงถึงได้แข็งแกร่งขึ้น
-
7:31 - 7:33เมื่อระยะทางนั้นยิ่งไกลขึ้น
-
7:33 - 7:35เรื่องลึกลับเรื่องที่ 3 คือเรื่องนี้
-
7:35 - 7:38ที่มหาวิทยาลัยยูทาร์ พวกเขาเริ่มจับเวลาในการเข้าเส้นชัย
-
7:38 - 7:40สำหรับคนที่เข้าแข่งขันมาราธอน
-
7:40 - 7:42และสิ่งที่พวกเขาค้นพบ
-
7:42 - 7:44ก็คือว่าถ้าคุณเริ่มวิ่งมาราธอนตั้งแต่อายุ 19
-
7:44 - 7:46เมื่อผ่านไปแต่ละปี คุณจะทำเวลาได้ดีขึ้นเรื่อยๆ
-
7:46 - 7:48จนมาถึงจุดสูงสุดที่อายุ 27
-
7:48 - 7:50และหลังจากนั้น มันก็จะถึงขาลง
-
7:50 - 7:52เมื่อเวลาผ่านไป
-
7:52 - 7:54คุณจะช้าลงเรื่อยๆ
-
7:54 - 7:57จนผลสุดท้ายคุณจะกลับมาวิ่งด้วยความเร็วเท่าเดิมตอนคุณอายุ 19
-
7:57 - 7:59เพราะฉะนั้นมันใช้เวลาประมาณ 7-8 ปี เพื่อขึ้นถึงจุดสูงสุด
-
7:59 - 8:01และจากนั้นมันก็จะเป็นขาลง
-
8:01 - 8:04กลับไปจนถึงจุดเริ่มต้นอีกครั้ง
-
8:04 - 8:07คุณอาจจะคิดว่ามันใช้เวลา 8 ปีเพื่อกลับไปวิ่งเร็วเท่าเดิมอีกครั้ง
-
8:07 - 8:10หรืออาจจะ 10 ปี แต่เปล่าที่ถูกต้องคือ 45 ปี
-
8:10 - 8:12ผู้ชายและผู้หญิงที่อายุ 60 ปี
-
8:12 - 8:15จะวิ่งได้เร็วเท่ากับที่พวกเค้าเคยวิ่งได้เมื่อตอน 19
-
8:15 - 8:18เอาล่ะ ผมจะท้าให้คุณคิดกิจกรรมทางกายขึ้นมาซักอย่างหนึ่ง
-
8:18 - 8:22และก็ได้โปรดอย่าพูดว่ากอล์ฟ ให้คิดถึงอะไรที่มันยากจริงๆ
-
8:22 - 8:24ที่ผู้ชราจะทำได้
-
8:24 - 8:27ดีเท่ากับตอนที่พวกเค้ายังวัยรุ่น
-
8:27 - 8:29เอาล่ะ คุณมีเรื่องลึกลับ 3 เรื่อง
-
8:29 - 8:31มันจะมีชิ้นส่วนปริศนาซักชิ้น
-
8:31 - 8:33ที่จะประกอบเรื่องราวทั้งหมดเข้าด้วยกันมั้ยนะ?
-
8:33 - 8:35แต่คุณคงต้องระวังเอาไว้ซักหน่อย
-
8:35 - 8:38เมื่อไหร่ก็ตามที่มีคนมองย้อนกลับไปในอดีต และพยายามหาคำตอบของเรื่องราวทั้งหมด
-
8:38 - 8:40เพราะมันเป็นเรื่องราวในอดีต
-
8:40 - 8:42คุณจะพูดอะไรก็ได้ และรอดตัวไปทุกครั้ง
-
8:42 - 8:44แต่ผมจะบอกเรื่องนี้กับคุณ
-
8:44 - 8:46ว่าถ้าคุณใส่ชิ้นส่วนซักชิ้นลงไปกลางภาพต่อปริศนา
-
8:46 - 8:49อยู่ดีๆ ทุกๆ อย่างมันก็จะเริ่มเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา
-
8:49 - 8:51และถ้าคุณสงสัย ว่าทำไมชาวทาราฮูมาราไม่สู้
-
8:51 - 8:53และไม่ตายด้วยโรคหัวใจ
-
8:53 - 8:56ว่าทำไมผู้หญิงยากจนชาวเอธิโอเปียที่ชื่อว่า เดอราตู ตูลู
-
8:56 - 8:59สามารถเป็นคนที่เอื้อเฟื้อที่สุด แต่ก็ยังเป็นคนที่รักการแข่งขันมากที่สุดคนหนึ่งด้วย
-
8:59 - 9:01และว่าทำไมพวกเราถึงสามารถ
-
9:01 - 9:03หาอาหารได้โดยไม่มีอาวุธใดๆ
-
9:03 - 9:05บางที มันอาจจะเป็นเพราะว่ามนุษย์อย่างเรา
-
9:05 - 9:08ถึงแม้ว่าจะชอบคิดว่าตัวเองคือศูนย์กลางของจักรวาลมากซักเพียงใด
-
9:08 - 9:10แต่ก็วิวัฒนาการมาไม่ได้เป็นอะไรมากไปกว่า
-
9:10 - 9:12ฝูงหมาป่าล่าเนื้อดีๆ นี่เอง
-
9:12 - 9:14บางทีเราอาจจะวิวัฒนาการ
-
9:14 - 9:16มาเป็นสัตว์ที่ล่าเหยื่อเป็นฝูง
-
9:16 - 9:18เพราะว่าจุดแข็งอย่างเดียวที่เรามีในธรรมชาติ
-
9:18 - 9:20ซึ่งอีกครั้ง มันไม่ใช่ทั้งเขี้ยว เล็บ หรือความเร็วของเรา
-
9:20 - 9:23สิ่งเดียวที่เรามี และทำได้ดีที่สุด คือการออกเหงื่อ
-
9:23 - 9:26พวกเรานั้นเก่งกันจริงๆ เรื่องการออกเหงื่อเหม็นๆ เนี่ย
-
9:26 - 9:29เก่งกว่าสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมใดๆ บนโลก
-
9:29 - 9:31แต่ข้อดี
-
9:31 - 9:33ของการมีข้อน่ารังเกียจเล็กๆทางสังคมนี้
-
9:33 - 9:35ก็คือความจริงที่ว่า เมื่อเป็นเรื่องของการวิ่ง
-
9:35 - 9:38ภายใต้อากาศร้อนสูง เป็นระยะทางไกลๆ
-
9:38 - 9:41พวกเรานั้นสุดยอด เรียกได้ว่าเก่งที่สุดในพื้นพิภพ
-
9:41 - 9:43ถ้าคุณเอาม้าไปวิ่งในวันที่อากาศร้อนอบอ้าว
-
9:43 - 9:45และหลังจากระยะ 5 หรือ 6 ไมล์ เจ้าม้าตัวนั้นก็มีทางเลือก
-
9:45 - 9:48ว่ามันจะหายใจ หรือมันจะทำให้ร่างกายเย็นลง
-
9:48 - 9:50แต่มันจะทำไม่ได้ทั้ง 2 อย่างพร้อมๆ กันแน่ๆ แต่พวกเราทำได้
-
9:50 - 9:53ถ้าเกิดว่าพวกเราวิวัฒนาการมาเป็นฝูงล่าสัตว์ล่ะ?
-
9:53 - 9:57ถ้าเกิดว่าจุดแข็งข้อเดียวที่ธรรมชาติได้ให้เรามาในโลกนี้
-
9:57 - 9:59ก็คือความจริงที่ว่าเราสามารถที่จะอยู่รวมกันเป็นกลุ่ม
-
9:59 - 10:02ภายในทุ่งแอฟริกัน สะวันนา เลือกละมั่งที่จะล่าซักตัว
-
10:02 - 10:05จากนั้นก็วิ่งล่ามันไปเป็นฝูง จนมันเหนื่อยตายล่ะ?
-
10:05 - 10:07เพราะนั่นแหละคือทั้งหมดที่พวกเราทำได้
-
10:07 - 10:09พวกเราสามารถวิ่งได้เป็นระยะทางไกลๆ ในวันที่ร้อนอบอ้าว
-
10:09 - 10:12และถ้าเกิดว่านั่นมันเป็นเรื่องจริง เรื่องอื่นๆ ก็น่าจะเป็นความจริงด้วยเช่นกัน
-
10:12 - 10:15กุญแจสำคัญของฝูงสัตว์นักล่า ก็คือคำว่า "ฝูง"
-
10:15 - 10:17ถ้าเกิดคุณออกไปล่าละมั่งตามลำพัง
-
10:17 - 10:20ผมยืนยันได้เลยว่ามันจะต้องมีซากศพ 2 ซากอยู่ในทุ่งสะวันนาแน่นอน
-
10:20 - 10:22คุณจะต้องอาศัยฝูงในการล่าด้วยกัน
-
10:22 - 10:24คุณจำเป็นตั้งมีคนอายุ 64-65 ปี
-
10:24 - 10:26คนที่ทำอย่างนี้มาเป็นเวลานานแล้ว
-
10:26 - 10:28ที่จะเข้าใจได้ว่าละมั่งตัวไหนที่คุณกำลังล่าอยู่จริงๆ
-
10:28 - 10:31และเมื่อฝูงสัตว์ที่ถูกล่ากระจายกันออกไป และกลับมารวมกันอีกครั้ง
-
10:31 - 10:33พวกผู้เชี่ยวชาญในการติดตามพวกนี้จะต้องเป็นส่วนหนึ่งของฝูง
-
10:33 - 10:35พวกเขาไม่สามารถถูกทิ้งอยู่ 10 ไมล์ข้างหลังได้
-
10:35 - 10:37คุณจะต้องมีผู้หญิง และวัยรุ่นอยู่ที่นั่น
-
10:37 - 10:40เพราะว่าช่วงเวลาสำคัญที่สุด 2 ครั้งที่คุณจะได้รับประโยชน์จากโปรตีนจากสัตว์ได้เต็มที่ก็คือ
-
10:40 - 10:43ตอนที่คุณกำลังอุ้มครรภ์ กับตอนที่คุณกำลังเติบโต
-
10:43 - 10:45มันดูไร้สาระถ้าเกิดว่าละมั่งมาตาย
-
10:45 - 10:47ห่างจากคนที่ต้องการจะกิน 50 ไมล์
-
10:47 - 10:49พวกเขาทั้งหมดจำเป็นต้องเป็นส่วนหนึ่งของฝูง
-
10:49 - 10:51คุณจำเป็นต้องมีพวกอายุ 27 ที่ยังหนุ่มยังแน่น
-
10:51 - 10:53เตรียมพร้อมที่จะลงมือฆ่า
-
10:53 - 10:55และคุณก็จำเป็นที่จะต้องมีพวกวัยรุ่นอยู่ที่นั่น
-
10:55 - 10:57เพื่อเรียนรู้สิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมด
-
10:57 - 10:59เป็นฝูงอยู่ร่วมกัน
-
10:59 - 11:02อีกอย่างหนึ่งที่น่าจะจริงเกี่ยวกับการอยู่แบบฝูงก็คือ พวกเค้าจะต้องไม่ยึดติดกับข้าวของ
-
11:02 - 11:05เพราะคุณไม่สามารถที่จะหิ้วสัมภาระไปมา ระหว่างที่ล่าละมั่งไปด้วยได้
-
11:05 - 11:08คุณต้องไม่เป็นกลุ่มเจ้าอารมณ์ คุณต้องไม่เจ้าคิดเจ้าแค้น
-
11:08 - 11:10อย่างเช่น "ชั้นจะไม่ล่าละมั่งของเจ้านั่น
-
11:10 - 11:12มันทำให้ชั้นโกรธ ให้มันล่าละมั่งของตัวเองไปเถอะ"
-
11:12 - 11:15ฝูงจะต้องไม่เห็นแก่ตัว
-
11:15 - 11:17ต้องร่วมมือและช่วยเหลือกัน
-
11:17 - 11:20สิ่งที่คุณจะได้ พูดอีกอย่างก็คือ
-
11:20 - 11:22จะได้วัฒนธรรมที่คล้ายคลึง
-
11:22 - 11:24กับของชาวทารูมาฮารา
-
11:24 - 11:26ชาวเผ่าที่คงอยู่อย่างไม่เปลี่ยนแปลง
-
11:26 - 11:28มาตั้งแต่ยุคหิน
-
11:28 - 11:30มันเป็นเรื่องราวที่น่าทึ่ง
-
11:30 - 11:32ที่ว่าบางทีชาวทารูมาฮารากำลัง
-
11:32 - 11:35ทำสิ่งเดียวกันกับที่พวกเราได้ทำมาเมื่อ 2 ล้านปีก่อน
-
11:35 - 11:38ว่ามันเป็นพวกเราในสมัยใหม่นี้เองที่ออกนอกลู่นอกทาง
-
11:38 - 11:41ก็อย่างที่พวกเรามองว่าการวิ่งนั้นเป็นสิ่งที่แปลก ที่พิสดารบางอย่าง
-
11:41 - 11:44เป็นการลงโทษสำหรับพิซซ่าที่กินไปในคืนวันก่อน
-
11:44 - 11:46แต่บางทีมันอาจเป็นอะไรที่ต่างออกไป
-
11:46 - 11:49บางทีอาจเป็นพวกเราเองที่นำเอาข้อได้เปรียบของธรรมชาติที่เรามีนี้
-
11:49 - 11:51และทำให้มันเสียไป
-
11:51 - 11:54เราทำอย่างไรน่ะรึ? แล้วคุณทำให้อย่างอื่นเสียยังไงล่ะ?
-
11:54 - 11:56เราพยายามที่จะซื้อมันด้วยเงิน
-
11:56 - 11:58เราพยายามที่จะเอามันใส่กระป๋อง ใส่กล่องอย่างดี ทำให้มันดีขึ้นกว่าเก่า
-
11:58 - 12:00และก็ขายให้คนอื่น
-
12:00 - 12:02และสิ่งที่เกิดขึ้นก็คือพวกเราเริ่มสร้าง
-
12:02 - 12:04เจ้าสิ่งกันกระแทกที่สวยงามพวกนี้
-
12:04 - 12:07ที่จะทำให้วิ่งได้ดีขึ้น เราเรียกมันว่า รองเท้าวิ่ง
-
12:07 - 12:10เหตุผมเดียวที่เจ้าพวกรองเท้าวิ่งพวกนี้ทำให้ผมโกรธก็คือ
-
12:10 - 12:13ผมซื้อมันมาเป็นล้านคู่ แต่ก็ยังกลับมาเจ็บอีกทุกที
-
12:13 - 12:15และผมก็คิดว่า ถ้ามีใครในที่นี้ที่วิ่ง
-
12:15 - 12:17และผมเองก็เพิ่งได้คุยมากับแครอล
-
12:17 - 12:20เราได้คุยกัน 2 นาที และเธอก็พูดถึงอาการเอ็นข้อเท้าอักเสบ
-
12:20 - 12:23ถ้าคุณพูดกับนักวิ่ง ผมยืนยันได้เลยว่าภายใน 30 วินาที
-
12:23 - 12:25เค้าจะต้องพูดถึงอาการบาดเจ็บ
-
12:25 - 12:28เพราะฉะนั้นถ้ามนุษย์วิวัฒนาการมาเป็นนักวิ่ง และนั่นมันก็เป็นข้อได้เปรียบทางธรรมชาติอย่างเดียวของพวกเรา
-
12:28 - 12:31แล้วทำไมเราถึงทำมันได้แย่นัก? ทำไมพวกเราถึงบาดเจ็บอยู่เรื่อยๆ?
-
12:31 - 12:33สิ่งที่น่าฉงนเกี่ยวกับการวิ่ง และอาการบาดเจ็บจากการวิ่ง
-
12:33 - 12:36ก็คือการบาดเจ็บนั้น เพิ่งจะเกิดขึ้นมาในยุคของเรา
-
12:36 - 12:38ถ้าเกิดคุณเคยได้อ่านนิทานพื้นบ้าน หรือตำนานต่างๆ
-
12:38 - 12:40เรื่องลึกลับ หรือเรื่องเล่าใดก็ได้
-
12:40 - 12:42การวิ่งนั้นจะเกี่ยวข้องกับ
-
12:42 - 12:45ความเป็นอิสระ ความมีชีวิตชีวา ความเยาว์วัย และความกระฉับกระเฉง
-
12:45 - 12:47มันมีแค่ในช่วงชีวิตของเราเนี่ยแหละ
-
12:47 - 12:49ที่การวิ่งมาเกี่ยวข้องกับความกลัว และความเจ็บปวด
-
12:49 - 12:51เจอโรนิโม (Geronimo) เคยกล่าวเอาไว้ว่า
-
12:51 - 12:54"เพื่อนคนเดียวที่ผมมีคือขาของผม ผมเชื่อในขาของผมเท่านั้น"
-
12:54 - 12:56นั่นก็เพราะการแข่งขันไตรกีฬาของชาวเผ่าอาปาเช่
-
12:56 - 12:58นั้นเคยเป็นการวิ่งข้ามทะเลทรายระยะ 50 ไมล์
-
12:58 - 13:00เข้าต่อสู้ตัวต่อตัว ขโมยม้าซัก 2-3 ฝูง
-
13:00 - 13:02แล้วก็แบกหนังกลับบ้าน
-
13:02 - 13:04เจอโรนิโมไม่เคยพูดว่า "อาา คุณรู้อะไรมั้ย
-
13:04 - 13:07เอ็นร้อยหวายของผมอักเสบ อาทิตย์นี้ผมคงต้องหยุดพัก"
-
13:07 - 13:09หรือ "ผมต้องออกกำลังกายแบบผสมผสาน
-
13:09 - 13:12ผมไม่ได้เล่นโยคะมา ผมไม่พร้อม"
-
13:12 - 13:14มนุษย์นั้นวิ่งอยู่ตลอดเวลา
-
13:14 - 13:16ที่เรามาถึงที่นี่ในทุกวันนี้ เรามีเทคโนโลยีมากมาย
-
13:16 - 13:18วิทยาศาสตร์ทั้งหมดของเรามาจากความจริงที่ว่า
-
13:18 - 13:20บรรพบุรุษของเราสามารถที่จะ
-
13:20 - 13:22ทำสิ่งที่น่าเหลือเชื่อในทุกๆ วัน
-
13:22 - 13:24โดยพึ่งพาเพียงขาเปล่า เท้าเปล่าของพวกเขา
-
13:24 - 13:26ในการวิ่งระยะทางไกลๆ
-
13:26 - 13:28แล้วเราจะกลับไปอยู่จุดนั้นได้อย่างไรน่ะรึ?
-
13:28 - 13:30เอาล่ะ อย่างแรกที่ผมจะบอกคุณก็คือ
-
13:30 - 13:33จงทิ้งพวกหีบห่อทั้งหมด ทิ้งการลดราคา ทิ้งยุทธศาสตร์การตลาดต่างๆ
-
13:33 - 13:35จงทิ้งเจ้ารองเท้าวิ่งเหม็นโฉ่ว
-
13:35 - 13:37หยุดสนใจในการแข่งขันมาราธอนในเมือง
-
13:37 - 13:40ที่ถ้าคุณทำได้ภายใน 4 ชั่วโมง คุณห่วย
-
13:40 - 13:42แต่ถ้าคุณทำได้ 3.59.59 ชั่วโมง คุณเจ๋ง
-
13:42 - 13:44เพราะคุณจะเข้ารอบสำหรับการแข่งครั้งต่อไป
-
13:44 - 13:47เราจำเป็นต้องกลับไปสู่ความขี้เล่น และความสนุกสนาน
-
13:47 - 13:50และสุดท้ายความเปลือยเปล่า
-
13:50 - 13:52ที่ทำให้ชาวทาราฮูมารา
-
13:52 - 13:55เป็นหนึ่งในวัฒนธรรมที่แข็งแรงและปลอดโปร่งที่สุดในยุคของเรา
-
13:55 - 13:57และคุณจะได้ประโยชน์อะไรน่ะรึ?
-
13:57 - 14:00เพื่อคุณจะได้เผาผลาญไอศครีมฮาเกนดาสจากคืนวันก่อนงั้นรึ?
-
14:00 - 14:03แต่บางทีมันอาจจะมีประโยชน์อย่างอื่นด้วยเหมือนกัน
-
14:03 - 14:06โดยผมจะไม่พยายามคิดให้มันสุดขั้วมากเกินไป
-
14:06 - 14:08ลองนึกถึงภาพของโลกที่
-
14:08 - 14:10ทุกคนสามารถออกไปนอกประตู
-
14:10 - 14:12และเข้าร่วมในกิจกรรม
-
14:12 - 14:15ที่จะทำให้พวกเขาผ่อนคลาย และปลอดโปร่งมากขึ้น
-
14:15 - 14:17แข็งแรงมากขึ้น
-
14:17 - 14:19กำจัดความเครียด
-
14:19 - 14:21แบบที่คุณไม่ต้องกลับมาที่สำนักงานและโกรธเป็นบ้าเป็นหลังอีกแล้ว
-
14:21 - 14:23แบบที่คุณไม่ต้องแบบเอาความเครียดกลับบ้านอีกแล้ว
-
14:23 - 14:26บางทีมันอาจจะมีอะไรซักอย่างอยู่ระหว่างพวกเราในวันนี้
-
14:26 - 14:29กับสิ่งที่ชาวทาราฮูมาราเป็นมาอยู่ตลอด
-
14:29 - 14:31ผมไม่ได้บอกให้พวกเรากลับไปที่ Copper Canyons
-
14:31 - 14:34และใช้ชีวิตอยู่กับข้าวโพดกับแป้งข้าวโพด แบบที่ชาวทาราฮูมารากิน
-
14:34 - 14:36แต่บางที มันอาจจะมีบางอย่างอยู่ระหว่างกลาง
-
14:36 - 14:38และถ้าเราพบสิ่งนั้น
-
14:38 - 14:41บางทีอาจจะมีรางวัลโนเบลอยู่ที่ไหนซักแห่งที่นั่น
-
14:41 - 14:44เพราะถ้ามีใครซักคนสามารถหาวิธี
-
14:44 - 14:46ที่จะเอาความสามารถทางธรรมชาตินั้นกลับคืนมา
-
14:46 - 14:48ที่เราจะเพลิดเพลินได้มากที่สุดตลอดช่วงชีวิตของเรา
-
14:48 - 14:50ที่เราเพลิดเพลินมาจนถึงช่วง ปี ค.ศ. 1970
-
14:50 - 14:52ข้อดีพวกนั้น ทั้งทางสังคม และกายภาพ
-
14:52 - 14:55ทั้งเรื่องการเมือง และจิตใจ
-
14:55 - 14:57อาจทำให้คุณประหลาดใจได้
-
14:57 - 15:00เพราะฉะนั้นที่ผมเห็นในวันนี้ก็คือ การเติบโตของวัฒนธรรมย่อยๆ วัฒนธรรมหนึ่ง
-
15:00 - 15:03ของการวิ่งเท้าเปล่า ผู้คนที่กำจัดรองเท้าวิ่งของเค้าทิ้ง
-
15:03 - 15:05และสิ่งที่พวกเค้าค้นพบกันก็คือ
-
15:05 - 15:08ถ้าคุณกำจัดรองเท้าวิ่ง คุณก็กำจัดความเครียด
-
15:08 - 15:10คุณก็จะกำจัดความเจ็บปวด และอาการป่วยต่างๆ
-
15:10 - 15:12และสิ่งที่คุณจะพบก็คือบางอย่าง
-
15:12 - 15:14ที่ชาวทาราฮูมารารู้มาเป็นเวลานานมาแล้ว
-
15:14 - 15:16ว่านี่แหละคือความสนุกสุดยอด
-
15:16 - 15:18ที่ผมได้ประสบมากับตัวผมเอง
-
15:18 - 15:21ผมบาดเจ็บมาตลอดชีวิต และหลังจากนั้นในช่วงต้นอายุ 40 ผมก็ทิ้งรองเท้าวิ่งของผม
-
15:21 - 15:23และอาการบาดเจ็บจากการวิ่งก็หายไปด้วยเหมือนกัน
-
15:23 - 15:25เพราะฉะนั้นหวังว่ามันเป็นบางอย่างที่เราจะสามารถได้ประโยชน์จากมันได้
-
15:25 - 15:28และผมก็รู้สึกซาบซึ้งที่พวกคุณมาฟังเรื่องราวของผม ขอบพระคุณมากครับ
-
15:28 - 15:30(เสียงปรบมือ)
- Title:
- คริสโตเฟอร์ แมคโดกอล: หรือว่าพวกเราเกิดมาเพื่อวิ่ง?
- Speaker:
- Christopher McDougall
- Description:
-
คริสโตเฟอร์ แมคโดกอล ได้สำรวจความปรารถนาอันลี้ลับของมนุษย์ที่จะวิ่ง การวิ่งได้ช่วยเหลือมนุษย์ในยุคเริ่มแรกอย่างไร และแรงกระตุ้นใดของเหล่าบรรพบุรุษที่ยังส่งคงผลมาสู่เราทุกวันนี้ ที่ TEDxPennQuarter เขาได้เล่าเรื่องของนักมาราธอนที่มีจิตใจเอื้อเฟื้อ คนที่ไม่น่าที่จะเป็นสุดยอดนักวิ่งได้ และชนเผ่าลึกลับในเม็กซิโกที่วิ่งเพื่อเอาชีวิตรอด
- Video Language:
- English
- Team:
- closed TED
- Project:
- TEDTalks
- Duration:
- 15:31