< Return to Video

วิธีที่ดีในการพูดถึงความรัก

  • 0:01 - 0:05
    โอเค วันนี้ฉันจะมาพูดถึง
    วิธีที่คนพูดถึงความรัก
  • 0:05 - 0:06
    โดยเฉพาะ
  • 0:06 - 0:10
    สิ่งที่ผิดไปเวลาพูดถึงความรัก
  • 0:11 - 0:14
    คนส่วนมากตกหลุมรักสองสามครั้ง
  • 0:14 - 0:16
    ในช่วงชีวิตหนึ่ง
  • 0:16 - 0:20
    และในภาษาอังกฤษ คำว่า ตกหลุม
    เป็นคำเปรียบเปรย
  • 0:20 - 0:23
    ซึงมักใช้เวลาพูดถึงประสบการณ์ความรัก
  • 0:24 - 0:25
    ไม่รู้คุณคิดอย่างไรนะ
  • 0:25 - 0:27
    แต่เวลาฉันให้นิยามแก่คำเปรียบเปรยนี้
  • 0:27 - 0:30
    ฉันมักจะคิดเป็นภาพที่หลุดมาจากการ์ตูน
  • 0:30 - 0:31
    คือ มีผู้ชายคนนึง
  • 0:31 - 0:33
    กำลังเดินอยู่ข้างถนน
  • 0:33 - 0:36
    ไม่รู้ตัวว่ากำลังเดินข้าม
    ท่อระบายน้ำที่เปิดอยู่
  • 0:36 - 0:40
    ก็เลยตกลงไป
  • 0:40 - 0:44
    ฉันคิดภาพแบบนั้น
    เพราะว่าการตกลงไป ไม่ใช่การกระโดด
  • 0:45 - 0:47
    การตก เป็นอุบัติเหตุ
  • 0:47 - 0:49
    มันควบคุมไม่ได้
  • 0:49 - 0:52
    เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับเรา
    โดยไม่ได้รับความยินยอม
  • 0:52 - 0:53
    และนี่
  • 0:54 - 0:57
    เป็นวิธีที่เราพูดถึง
    การเริ่มต้นความสัมพันธ์
  • 0:58 - 1:02
    ฉันเป็นนักเขียน และเป็นครูสอนภาษาอังกฤษ
  • 1:02 - 1:04
    ซึ่งหมายถึง ฉันครุ่นคิดเรื่องคำเป็นอาชีพ
  • 1:04 - 1:09
    หรือจะบอกว่า เขาจ้างฉันมาเถียง
    กับคนอื่นเรื่องภาษาก็ได้
  • 1:09 - 1:13
    และฉันอยากจะเถียงว่า
    คำเปรียบเปรยหลายคำที่เราใช้
  • 1:13 - 1:14
    เวลาพูดถึงความรัก
  • 1:14 - 1:16
    อาจจะส่วนมากด้วยซ้ำ
  • 1:16 - 1:18
    เป็นปัญหา
  • 1:19 - 1:21
    เช่น เราตกหลุมรัก
  • 1:22 - 1:23
    ความรักจู่โจม
  • 1:23 - 1:25
    เราถูกบีบคั้น (crush = คนที่ชอบ)
  • 1:25 - 1:27
    รักจนหน้ามืดตามัว
  • 1:27 - 1:29
    อารมณ์ของเราพลุกพล่าน
  • 1:30 - 1:32
    ความรักทำให้เราคลุ้มคลั่ง
  • 1:32 - 1:33
    และทำให้ป่วยใจ
  • 1:34 - 1:35
    หัวใจของเราเจ็บปวด
  • 1:35 - 1:37
    และแตกสลาย
  • 1:38 - 1:41
    สรุปได้ว่า เมื่อเรารักใครสักคน
    เราจะพูดเปรียบกับ
  • 1:41 - 1:44
    ความรุนแรงหรือความเจ็บป่วย
  • 1:44 - 1:46
    (เสียงหัวเราะ)
  • 1:47 - 1:48
    จริง ๆ นะคะ
  • 1:48 - 1:50
    เราถูกวางตำแหน่งให้เป็นเหยื่อ
  • 1:50 - 1:54
    ของสถานการณ์ที่คาดไม่ถึง
    และหลีกเลี่ยงไม่ได้
  • 1:55 - 1:57
    คำที่ฉันชอบที่สุดคือคำว่า smitten
  • 1:57 - 2:00
    ซึ่งเป็นคำกริยาช่องสามของคำว่า smite
  • 2:00 - 2:03
    และถ้าคุณเปิดดูในพจนานุกรม
  • 2:03 - 2:04
    (เสียงหัวเราะ)
  • 2:04 - 2:09
    คุณจะพบว่า มันแปลว่า ความเจ็บปวดร้ายแรง
  • 2:09 - 2:12
    และรักหัวปรักหัวปรำ
  • 2:14 - 2:17
    ฉันพยายามเชื่อมโยงคำว่า
    smite เข้ากับบริบทต่าง ๆ
  • 2:17 - 2:19
    เช่น ในคัมภีร์ไบเบิลภาคพันธสัญญาเดิม
  • 2:20 - 2:24
    ในหนังสือเล่มที่สองของพันธสัญญาเดิม
    มี 16 ตัวอย่างที่อ้างถึงคำว่า smite
  • 2:24 - 2:28
    ซึ่งเป็นคำที่ไบเบิลใช้ในการล้างแค้นของพระเจ้าที่พิโรธ
  • 2:28 - 2:30
    (เสียงหัวเราะ)
  • 2:30 - 2:33
    เราก็ใช้คำคำเดียวกันนี้ พูดถึงความรัก
  • 2:33 - 2:35
    และใช้อธิบายพระคัมภีร์ตอน
    ภัยพิบัติจากฝูงตั๊กแตน
  • 2:35 - 2:36
    (เสียงหัวเราะ)
  • 2:36 - 2:37
    ใช่ไหมคะ
  • 2:37 - 2:39
    แล้วมันเกิดขึ้นได้อย่างไร
  • 2:40 - 2:43
    เราเชื่อมโยงความรัก
    กับความเจ็บปวดทรมานได้อย่างไร
  • 2:44 - 2:48
    แล้วทำไมเราถึงผู้ถึงประสบการณ์ดีๆ แบบนี้
  • 2:48 - 2:50
    ราวกับว่าเราตกเป็นเหยื่อ
  • 2:51 - 2:52
    นี่เป็นคำถามที่ยาก
  • 2:52 - 2:54
    แต่ฉันมีทฤษฎี
  • 2:54 - 2:55
    ในการพิจารณานี้
  • 2:55 - 2:58
    ฉันจะเน้นไปที่คำเปรียบเปรยคำหนึ่ง
  • 2:58 - 3:00
    ที่เปรียบว่า ความรักเหมือนความคลุ้มคลั่ง
  • 3:01 - 3:04
    ตอนแรกที่ฉันเริ่มค้นคว้าเกี่ยวกับความรัก
  • 3:04 - 3:07
    ทุกแหล่งเปรียบเปรยความรัก
    เป็นความคลุ้มคลั่ง
  • 3:07 - 3:09
    ในวัฒนธรรมตะวันตก
  • 3:09 - 3:13
    มีการใช้ภาษาเปรียบความรัก
    เหมือนความเจ็บป่วยทางจิต
  • 3:13 - 3:15
    ยกตัวอย่างสักเล็กน้อย
  • 3:15 - 3:17
    วิลเลียม เชกสเปียร์กล่าวว่า
  • 3:17 - 3:18
    ความรักเป็นแค่เพียงความคลุ้มคลั่ง
  • 3:18 - 3:20
    จากบทกวี "ตามใจท่าน"
  • 3:20 - 3:21
    ฟริดริค นิตเช่ กล่าวว่า
  • 3:21 - 3:24
    มีความบ้าคลั่งอยู่ในความรักเสมอ
  • 3:25 - 3:27
    รักของคุณทำให้ฉันเสียสติ
  • 3:27 - 3:30
    (เสียงหัวเราะ)
  • 3:30 - 3:32
    จากนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ บียอนเซ่ โนวส์
  • 3:32 - 3:34
    (เสียงหัวเราะ)
  • 3:35 - 3:38
    ฉันตกหลุมรักครั้งแรกตอนอายุ 20
  • 3:38 - 3:41
    เป็นความสัมพันธ์ที่วุ่นวายตั้งแต่เริ่ม
  • 3:41 - 3:45
    ในสองปีแรก มันเป็นรักระยะไกล
  • 3:45 - 3:49
    สำหรับฉัน มันเป็นรักที่ขึ้น ๆ ลง ๆ
  • 3:50 - 3:52
    ฉันจำช่วงหนึ่งได้
  • 3:53 - 3:56
    ฉันนั่งอยู่บนเตียง ที่โรงแรมในอเมริกาใต้
  • 3:56 - 4:00
    นั่งมองคนที่ฉันรักเดินออกประตูไป
  • 4:00 - 4:02
    มันดึกมากแล้ว
  • 4:02 - 4:03
    ใกล้จะเที่ยงคืน
  • 4:03 - 4:05
    เราทะเลาะกันตอนทานอาหารเย็น
  • 4:05 - 4:07
    และเมื่อเรากลับมาที่ห้อง
  • 4:07 - 4:10
    เขาโยนของใส่กระเป๋า และเดินตึงตังออกไป
  • 4:11 - 4:14
    ฉันจำไม่ได้ว่าเราทะเลาะกันเรื่องอะไร
  • 4:14 - 4:18
    แต่ฉันจำได้ดีเลยว่า ฉันรู้สึกอย่างไร
    ตอนมองเขาเดินออกไป
  • 4:19 - 4:23
    ตอนนั้นฉันอายุ 22 เป็นครั้งแรก
    ที่ฉันมาเยือนประเทศที่กำลังพัฒนา
  • 4:23 - 4:26
    และฉันอยู่ลำพัง
  • 4:26 - 4:30
    อีก 1 อาทิตย์ถึงจะมีเที่ยวบินกลับบ้าน
  • 4:30 - 4:32
    ฉันรู้ชื่อของเมืองที่ฉันอยู่
  • 4:32 - 4:36
    และเมืองที่ฉันต้องไปเพื่อบินกลับบ้าน
  • 4:36 - 4:39
    แต่ฉันไม่รู้ว่าจะไปที่นั่นอย่างไร
  • 4:40 - 4:43
    ฉันไม่มีคู่มือเดินทาง และมีเงินนิดเดียว
  • 4:43 - 4:45
    และฉันยังพูดภาษาสเปนไม่ได้
  • 4:46 - 4:48
    คนที่บ้าบิ่นกว่าฉัน
  • 4:48 - 4:50
    คงเห็นสถานการณ์นี้เป็นโอกาสอันดีงาม
  • 4:50 - 4:52
    แต่ฉันตัวแข็ง
  • 4:52 - 4:54
    ทำได้แค่นั่งอยู่ตรงนั้น
  • 4:55 - 4:57
    และร้องไห้น้ำตาแตก
  • 4:57 - 5:00
    แต่ถึงจะมีความตื่นตระหนก
  • 5:00 - 5:02
    ก็ยังมีเสียงเล็ก ๆ ดังขึ้นในหัวว่า
  • 5:02 - 5:05
    ว้าว นี่มันดราม่าสุด ๆ
  • 5:05 - 5:07
    ฉันต้องทำเรื่องความรักนี่ถูกแล้วแน่ ๆ
  • 5:07 - 5:09
    (เสียงหัวเราะ)
  • 5:09 - 5:14
    เพราะว่า ส่วนหนึ่งของฉันอยาก
    ทุกข์ทรมานในรัก
  • 5:14 - 5:18
    มันฟังดูแปลกสำหรับฉันในตอนนี้
    แต่ตอนอายุ 22
  • 5:18 - 5:21
    ฉันอยากจะมีประสบการณ์ดราม่า
  • 5:21 - 5:26
    ตอนนั้น ฉันไม่มีเหตุผล
    โกรธเกรี้ยว และหมดหวัง
  • 5:26 - 5:27
    และพอใจอย่างน่าประหลาด
  • 5:27 - 5:31
    ฉันคิดว่า นี่ช่วยยืนยันความรู้สึก
  • 5:31 - 5:33
    ที่ฉันมีต่อผู้ชายที่เพิ่งทิ้งฉันไป
  • 5:34 - 5:39
    ฉันคิดว่า ในจุดๆ หนึ่ง
    ฉันอยากจะรู้สึกคลุ้มคลั่งนิดๆ
  • 5:39 - 5:42
    เพราะฉันคิดว่า นั่นเป็นวิถีแห่งความรัก
  • 5:43 - 5:45
    มันไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่
  • 5:45 - 5:47
    เพราะจากข้อมูลวิกีพิเดีย
  • 5:47 - 5:50
    มีหนัง 8 เรื่อง
  • 5:50 - 5:52
    เพลง 14 เพลง
  • 5:52 - 5:55
    อัลบั้มเพลง 2 อัลบั้มและนิยาย 1 เรื่อง
    ที่ใช้ชื่อว่า "Crazy Love"
  • 5:56 - 5:59
    หลังจากนั้นครึ่งชั่วโมง เขาก็กลับมาที่ห้อง
  • 5:59 - 6:00
    เราคืนดีกัน
  • 6:00 - 6:03
    และใช้เวลา 1 สัปดาห์ที่เหลือ
    เที่ยวกันอย่างมีความสุข
  • 6:03 - 6:04
    จากนั้น เมื่อฉันกลับถึงบ้าน
  • 6:04 - 6:09
    ฉันก็คิดว่า นั่นมันแย่ แต่ก็วิเศษมาก
  • 6:10 - 6:12
    นี่คงเป็นความโรแมนติคที่แท้จริง
  • 6:13 - 6:16
    ฉันคาดหวังให้รักแรก ให้ความรู้สึกบ้าคลั่ง
  • 6:16 - 6:20
    และแน่นอน มันเป็นไปอย่างที่ฉันหวัง
  • 6:20 - 6:22
    แต่การรักใครซักคนแบบนั้น
  • 6:22 - 6:26
    ราวกับว่าทุกสิ่งทุกอย่างของฉัน
    ขึ้นอยู่กับการที่เขารักตอบ
  • 6:26 - 6:28
    ไม่ดีสำหรับฉัน
  • 6:28 - 6:29
    หรือสำหรับเขา
  • 6:30 - 6:34
    ฉันว่าประสบการณ์ความรักแบบนี้
    ไม่ได้แปลกอะไรนัก
  • 6:34 - 6:38
    คนส่วนมากรู้สึกบ้าคลั่ง
    ในระยะแรกๆ ของความรัก
  • 6:39 - 6:43
    จริง ๆ แล้ว มีงานวิจัยยืนยันว่า
    มันเป็นเรื่องปกติ
  • 6:43 - 6:45
    เพราะสารเคมีในประสาท
  • 6:45 - 6:50
    ความรักและอาการป่วยทางจิต
    ไม่ได้แยกออกจากกันง่ายขนาดนั้น
  • 6:51 - 6:52
    จริง ๆ นะคะ
  • 6:52 - 6:57
    งานวิจัยปี 1999 ใช้ผลเลือด
  • 6:57 - 7:00
    ในการยืนยันว่า ระดับสารเซอโรโทนิน
    ของคนที่มีความรักใหม่ ๆ
  • 7:00 - 7:03
    ใกล้เคียงกับ
  • 7:03 - 7:06
    คนที่เป็นโรคย้ำคิดย้ำทำ
  • 7:06 - 7:07
    (เสียงหัวเราะ)
  • 7:07 - 7:10
    ใช่ค่ะ และระดับเซโรโทนินต่ำ
  • 7:10 - 7:13
    นั้นเกี่ยวข้องกับโรคภาวะซึมเศร้าตามฤดูกาล
  • 7:13 - 7:15
    และโรคซึมเศร้า
  • 7:16 - 7:18
    มีหลักฐานที่แสดงให้เห็นว่า
  • 7:18 - 7:22
    ความรักเกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลง
    ของอารมณ์และพฤติกรรม
  • 7:22 - 7:26
    ยังมีงานวิจัยอื่นๆ ที่ยืนยันว่า
  • 7:26 - 7:30
    ความสัมพันธ์ส่วนมากเริ่มต้นแบบนี้
  • 7:31 - 7:35
    นักวิจัยเชื่อว่า ระดับเซโรโทนินที่ต่ำ
  • 7:35 - 7:39
    สัมพันธ์กับอาการคิดมากเรื่องความรัก
  • 7:39 - 7:43
    ซึ่งจะรู้สึกเหมือนมีคนมาตั้งแคมป์อยู่ในหัว
  • 7:43 - 7:46
    คนส่วนมากรู้สึกแบบนี้ตอนตกหลุมรักใหม่ ๆ
  • 7:46 - 7:49
    ข่าวดีก็คือ มันจะไม่คงอยู่ตลอดไป
  • 7:49 - 7:52
    อาจอยู่ไม่กี่เดือน ถึงสองสามปี
  • 7:53 - 7:56
    เมื่อฉันกลับมาจากทริปอเมริกาใต้
  • 7:56 - 8:00
    ฉันใช้เวลาอยู่คนเดียวในห้อง
  • 8:00 - 8:01
    เช็กอีเมลล์
  • 8:01 - 8:04
    หวังจะได้ข่าวจากผู้ชายที่ฉันรัก
  • 8:05 - 8:10
    และคิดว่าเพื่อนๆ คงไม่เข้าใจ
    ความเจ็บปวดของฉัน
  • 8:10 - 8:12
    ดังนั้น ฉันจึงไม่ต้องการพวกเขา
  • 8:12 - 8:14
    ฉันเลิกออกไปเที่ยวกับเพื่อนๆ
  • 8:14 - 8:19
    นั่นเป็นปีที่ทุกข์ที่สุดในชีวิตของฉัน
  • 8:19 - 8:23
    แต่ฉันคิดว่าหน้าที่ของฉันคือ ต้องรู้สึกแย่
  • 8:24 - 8:26
    เพราะฉันอาจจะย่ำแย่จริง ๆ
  • 8:26 - 8:28
    แล้วค่อยพิสูจน์ว่าฉันรักเขามากแค่ไหน
  • 8:28 - 8:30
    และถ้าฉันสามารถพิสูจน์ได้
  • 8:30 - 8:33
    พวกเราก็คงกลับมาอยู่ด้วยกันอีกครั้ง
  • 8:34 - 8:36
    นี่มันบ้ามาก
  • 8:36 - 8:39
    เพราะว่าไม่มีกฎจักรวาลข้อไหนเลย
  • 8:39 - 8:42
    ที่บอกว่าความทรมานที่ยิ่งใหญ่
    จะหมายถึงรางวัลที่สวยหรู
  • 8:42 - 8:46
    แต่พวกเราพูดถึงความรักราวกับว่า
    มันเป็นสิ่งที่เป็นจริง
  • 8:47 - 8:51
    ประสบการณ์ความรักของเรามีทั้งเชิง
    ชีววิทยาและทางวัฒนธรรม
  • 8:52 - 8:54
    ทางชีวิทวิทยากล่าวไว้ว่า "ความรักนั้นดี"
  • 8:54 - 8:57
    โดยการกระตุ้นวัฏจักรรางวัลในสมองเรา
  • 8:57 - 9:02
    และมันก็บอกเราว่าความรักนั้นเจ็บปวด
    หลังจากการทะเลาะหรือการเลิกราจากกัน
  • 9:02 - 9:05
    ที่ทำให้รางวัลสารเคมีในสมองนั้น
    ถูกดึงกลับคืน
  • 9:05 - 9:08
    และจริง ๆ แล้ว คุณอาจจะเคยได้ยินว่า
  • 9:08 - 9:09
    ถ้าพูดในเชิงสารเคมีในสมองแล้ว
  • 9:09 - 9:13
    การผ่านการเลิกรามาหลายรอบ
    ก็เหมือนกับการหยุดเล่นโคเคน
  • 9:14 - 9:15
    ซื่งทำให้ฉันรู้สึกอุ่นใจขึ้น
  • 9:15 - 9:16
    (เสียงหัวเราะ)
  • 9:17 - 9:20
    หลังจากนั้น วัฒนธรรมของเราก็ใช้ภาษา
  • 9:20 - 9:23
    เพื่อทำให้ความคิดเกี่ยวกับความรักนั้น
    เป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา
  • 9:23 - 9:25
    ในกรณีนี้ พวกเราพูดถึงการเปรียบเปรย
    ถึงความเจ็บปวด
  • 9:25 - 9:27
    การเสพย์ติดและความบ้าคลั่ง
  • 9:28 - 9:30
    ซึ่งเป็นวัฏจักรที่น่าสนใจ
  • 9:30 - 9:34
    ความรักนั้นยิ่งใหญ่นักแต่ก็เจ็บปวดไปด้วย
  • 9:34 - 9:37
    พวกเราแสดงออกมาในคำพูดและเรื่องราวของเรา
  • 9:37 - 9:40
    แต่คำพูดและเรื่องราวของเราเองก็ถูกบอกกล่าว
  • 9:40 - 9:43
    ให้คาดหวังว่าความรักนั้นยิ่งใหญ่และเจ็บปวด
  • 9:44 - 9:47
    สิ่งที่น่าสนใจสำหรับฉัน คือ
    ทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้น
  • 9:47 - 9:50
    ในวัฒนธรรมที่ให้ความสำคัญกับ
    การรักคน ๆ เดียวไปทั้งชีวิต
  • 9:51 - 9:53
    ราวเหมือนกับว่า เราอยากได้ทั้ง 2 อย่างเลย
  • 9:53 - 9:55
    เราอยากให้ความรักรู้สึกเหมือนความบ้าคลั่ง
  • 9:56 - 9:59
    และอยากให้มันคงอยู่ตลอดชีวิต
  • 10:00 - 10:01
    ฟังดูแย่นะคะ
  • 10:01 - 10:03
    (เสียงหัวเราะ)
  • 10:04 - 10:05
    เพื่อให้ไปด้วยกันได้
  • 10:05 - 10:10
    เราต้องไม่เปลี่ยนวัฒนธรรม
    ก็เปลี่ยนความคาดหวังของเรา
  • 10:11 - 10:15
    ลองคิดตามดูว่า
    ถ้าพวกเรานิ่งเฉยกับความรักน้อยลง
  • 10:16 - 10:20
    ถ้าพวกเราตรงไปตรงมา เปิดใจ และ ใจกว้าง
    มากกว่านี้
  • 10:20 - 10:23
    และแทนที่เราจะ "ตกหลุมรัก"
  • 10:23 - 10:25
    เรากลับ "เดินเข้าไปในความรัก"
  • 10:26 - 10:28
    ฉันรู้ดีว่านี่ขอร้องให้คุณทำเยอะมาก
  • 10:28 - 10:32
    แต่ฉันก็ไม่ใช่คนแรกที่แนะนำให้ทำ
  • 10:33 - 10:36
    ในหนังสือ "Metaphors We Live By"
  • 10:36 - 10:41
    นักภาษาศาสตร์ มาร์ค จอห์นสัน และจอร์จ ลาคอฟ
    แนะนำทางออกที่น่าสนใจกับ
  • 10:41 - 10:42
    ปัญหาที่ขัดแย้งกันเองนี้
  • 10:42 - 10:45
    คือ ให้เราเปลี่ยนคำเปรียบเปรย
  • 10:46 - 10:50
    พวกเขาแย้งว่า คำเปรียบเปรยนั้น เปลี่ยนแปลง
    วิธีที่เรารับรู้สิ่งต่าง ๆ บนโลก
  • 10:51 - 10:55
    และยังสามารถเป็นตัวชี้นำสำหรับการกระทำ
    ในอนาคตต่าง ๆ
  • 10:55 - 10:56
    เช่น การทำตามคำนาย
  • 10:57 - 11:01
    จอห์นสันและลาคอฟแนะว่า
    การเปรียบเปรยใหม่สำหรับความรัก
  • 11:02 - 11:04
    ความรัก คือ ผลงานศิลปะของการทำงานร่วมกัน
  • 11:05 - 11:08
    ฉันชอบวิธีการคิดความรักแบบนี้มาก
  • 11:09 - 11:13
    นักภาษาศาสตร์กล่าวถึงการเปรียบเปรย ว่า
    สิ่งหนึ่งพอเป็นจริง อีกสิ่งก็จะจริง
  • 11:13 - 11:16
    ซึ่งเป็นวิธีในการพิจารณาการใช้งานทั้งหมด
  • 11:16 - 11:19
    หรือแนวคิดต่าง ๆ เบื้องหลังการเปรียบเปรย
  • 11:19 - 11:22
    และจอห์นสันกับลาคอฟฟก็ได้พูดทุกอย่างแล้ว
  • 11:22 - 11:24
    ว่าผลงานศิลปะของการทำงานร่วมมือกันจะทำให้
  • 11:25 - 11:29
    ความพยายาม การประนีประนอม
    ความอดทน เป้าหมายร่วม เกิดขึ้นพร้อมกัน
  • 11:30 - 11:33
    ความคิดเหล่านี้เรียงตัวอย่างสวยงามกับ
    วัฒนธรรมของเรา
  • 11:34 - 11:36
    ในความสัมพันธ์ระยะยาว
  • 11:36 - 11:39
    และยังไปได้ดีกับความสัมพันธ์รูปแบบอื่นด้วย
  • 11:40 - 11:46
    ไม่ว่าจะระยะสั้น แบบเพื่อน หลากคู่นอน ไม่
    รักแค่คนเดียวและไม่มีเพศสัมพันธ์มาเกี่ยว
  • 11:46 - 11:50
    เพราะการเปรียบเปรยนี้
    ทำให้เกิดความคิดที่ซับซ้อนมากขึ้น
  • 11:50 - 11:52
    ในการรักใครซักคน
  • 11:53 - 11:57
    ฉะนั้นแล้ว ถ้าความรัก คือ
    ผลงานศิลปะของการร่วมมือกัน
  • 11:57 - 12:00
    ความรักก็คือประสบการณ์ที่สวยงาม
  • 12:02 - 12:03
    ไม่สามารถคาดเดาได้
  • 12:04 - 12:06
    มีความคิดสร้างสรรค์
  • 12:07 - 12:11
    ความรักต้องการการสื่อสารและ
    การฝึกให้สามารถควบคุมตัวเองได้
  • 12:11 - 12:14
    แน่นอน มันน่าผิดหวัง
    และใช้อารมณ์ร่วมเยอะมาก
  • 12:15 - 12:18
    และความรักยังมีทั้ง
    ความเพลิดเพลินและความเจ็บปวด
  • 12:19 - 12:22
    สุดท้ายแล้ว ประสบการณ์แต่ละคนในความรัก
    แตกต่างกันหมด
  • 12:24 - 12:25
    ตอนที่ฉํนยังเด็กกว่านี้
  • 12:25 - 12:30
    การที่ฉันต้องการมากขึ้นจากความรักนั้น
    ไม่เคยเกิดขึ้นกับฉันเลย
  • 12:30 - 12:34
    ฉันไม่เคยต้องยอมรับสิ่งใด ๆ
    ที่รักนำพามาให้
  • 12:35 - 12:38
    ตอนที่จูเลียตที่อายุ 14 พอเจอกับ
  • 12:38 - 12:42
    หรือตอนที่จูเลียตไม่สามารถพบเจอกับโรมิโอ
  • 12:42 - 12:45
    คนที่เธอเพิ่งได้เจอเมื่อ 4 วันก่อนหน้านี้
  • 12:45 - 12:49
    เธอไม่รู้สึกผิดหวังหรือไม่สบายใจ
  • 12:49 - 12:50
    แล้วเธออยู่ไหนละ
  • 12:50 - 12:52
    เธอต้องการตาย
  • 12:52 - 12:53
    ใช่ไหมคะ
  • 12:53 - 12:56
    และเพื่อเตือนความจำ ถ้ามาถึงตอนนี้ของละคร
  • 12:56 - 12:57
    ตอนที่ 3 จากทั้งหมด 5
  • 12:57 - 12:59
    โรมิโอยังไม่ตาย
  • 13:00 - 13:01
    เขายังมีชีวิตอยู่
  • 13:01 - 13:02
    ยังสุขภาพดี
  • 13:02 - 13:05
    แค่เขาถูกเนรเทศออกจากเมือง
  • 13:06 - 13:12
    ฉันเข้าใจว่าเมืองเวโรน่า ศตวรรษที่ 16
    ยังไม่เหมือนกับอเมริกาเหมือนยุคร่วมสมัย
  • 13:12 - 13:15
    และตอนแรกที่ฉันได้อ่านบทละครนี้
  • 13:15 - 13:17
    ฉันก็อายุ 14 เช่นเดียวกัน
  • 13:17 - 13:20
    ความทรมานของจูเลียตดูสมเหตุสมผลสำหรับฉัน
  • 13:21 - 13:27
    การตีกรอบความรักใหม่ ฉันได้สรรค์สร้าง
    คนที่ฉันสามารถชื่นชม
  • 13:27 - 13:29
    แทนที่จะเป็นบางอย่างที่แค่เกิดขึ้นกับฉัน
  • 13:29 - 13:32
    โดยไร้การควบคุมหรือความเห็นชอบ
  • 13:32 - 13:33
    มันทำให้มั่นใจนะ
  • 13:34 - 13:35
    แต่มันยังคงยาก
  • 13:35 - 13:41
    ความรักยังทำให้รู้สึกโกรธและย่ำแย่ในบางวัน
  • 13:41 - 13:43
    และเมื่อฉันรู้สึกผิดหวัง
  • 13:43 - 13:44
    ฉันต้องเตือนตัวเองว่า
  • 13:45 - 13:48
    หน้าที่ของฉันในความสัมพันธ์นี้
    คือ การคุยกับคู่ของฉัน
  • 13:48 - 13:50
    ว่าอะไรคือสิ่งที่เราอยากทำไปด้วยกัน
  • 13:52 - 13:54
    แน่นอน ไม่ได้ง่ายเลย
  • 13:55 - 13:58
    แต่ก็ยังดีกว่าทางเลือกอีกทาง
  • 13:59 - 14:01
    ซึ่งคือสิ่งที่รู้สึกได้ว่าบ้าคลั่ง
  • 14:03 - 14:08
    ความรักรูปแบบนี้ไม่ได้เกี่ยวกับการเอาชนะ
    หรือการสูญเสียความชื่นชอบในใครซักคน
  • 14:09 - 14:12
    แต่กลับกัน คุณต้องเชื่อใจในคู่ของคุณ
  • 14:12 - 14:15
    และพูดคุยเกี่ยวกับสิ่งต่าง ๆ
    เมื่อการเชื่อใจมันยากขึ้น
  • 14:15 - 14:18
    ซึ่งมันฟังดูง่าย
  • 14:18 - 14:22
    แต่จริง ๆ เป็นการกระทำที่
    เปลี่ยนแปลงและมีเหตุผลซะด้วยซ้ำ
  • 14:23 - 14:26
    นี่เป็นเพราะว่าคุณได้หยุด
    และคิดเรื่องตัวเอง
  • 14:27 - 14:30
    และสิ่งที่คุณได้หรือสูญเสียในความสัมพันธ์
  • 14:30 - 14:34
    และคุณได้เริ่มคิดเรื่องสิ่งที่
    คุณสามารถให้ได้
  • 14:35 - 14:38
    ความรักรูปแบบนี้ทำให้เราสามารถพูดแบบที่ว่า
  • 14:38 - 14:43
    "เฮ้ พวกเราไม่ได้ทำงานร่วมกันดีเลย
    บางที เราอาจจะไม่ได้เหมาะสมกันจริง ๆ"
  • 14:44 - 14:48
    หรือ "ความสัมพันธ์ครั้งนั้น
    สั้นกว่าที่ฉันวางแผนไว้อีก
  • 14:48 - 14:50
    แต่มันก็ยังสวยงามอยู่นะ
  • 14:51 - 14:54
    สิ่งที่สวยงามเกี่ยวกับผลงานศิลปะ
    ที่มาจากการร่วมมือกัน
  • 14:54 - 14:57
    ไม่ได้ถูกสรรค์สร้างด้วยตัวของมันเอง
  • 14:57 - 15:01
    แต่ความรักรูปแบบนี้ เราสามารถเลือกได้ว่า
    มันจะออกมารูปร่างหน้าตาเป็นอย่างไร
  • 15:01 - 15:02
    ขอบคุณค่ะ
  • 15:02 - 15:04
    (เสียงปรบมือ)
Title:
วิธีที่ดีในการพูดถึงความรัก
Speaker:
แมนดี้ เลน คัททรอน (Mandy Len Catron)
Description:

ในความรัก เรา "ตกหลุม" เราถูกจู่โจมโดยความรัก เราถูกบดขยี้ด้วยความรัก เรารักจนหน้ามืดตามัว อารมณ์ของเราพลุกพล่าน ความรักนั้น ทำให้เราเป็นบ้าและป่วย หัวใจของเราเจ็บปวด และจบที่แตกสลาย การพูดถึงความรักแบบนี้ไปควบคุมวิธีที่เรารับรู้ถึงความรัก กล่าวโดยนักเขียน แมนดี้ เลน คัททรอน ในทอล์คนี้สำหรับใครก็ตามที่ยังอยู่วนเวียนอยู่ในความรัก คัททรอน เน้นย้ำถึงการเปรียบเปรยต่าง ๆ ที่อาจจะช่วยเราพบว่าความรักที่แท้จริง นั้นแทนที่จะเจ็บปวดทรมานกลับกลายเป็นความเพลิดเพลินและความสุขได้

more » « less
Video Language:
English
Team:
closed TED
Project:
TEDTalks
Duration:
15:17
Kelwalin Dhanasarnsombut approved Thai subtitles for A better way to talk about love
Kelwalin Dhanasarnsombut edited Thai subtitles for A better way to talk about love
Sritala Dhanasarnsombut accepted Thai subtitles for A better way to talk about love
Sritala Dhanasarnsombut edited Thai subtitles for A better way to talk about love
Suppadej Mahapokai edited Thai subtitles for A better way to talk about love
Suppadej Mahapokai edited Thai subtitles for A better way to talk about love
Pankamol Thasanapong edited Thai subtitles for A better way to talk about love
Pankamol Thasanapong edited Thai subtitles for A better way to talk about love
Show all

Thai subtitles

Revisions