รู้กันไหมคะว่า Casanova เนี่ยไม่ใช่คำศัพท์นะคะ
แต่เป็นคนที่มีตัวตนจริงๆในประวัติศาสตร์
และวีรกรรมของเขาเนี่ยสุดยอดมากเลยค่ะ
สวัสดีค่ะ วิวจากแชนเนล Point of View ค่ะ
เชื่อว่าหลายๆคนเนี่ยน่าจะเคยได้ยินคำว่า
Casanova ใช่ไหมคะ
บางคนก็เคยเอาไปใช้แซวผู้ชายแซวอะไรต่างๆ เช่นแบบ
แหม พ่อคาสโนว่า วันนี้เธอไปจีบผู้หญิงที่ไหนมาจ๊ะ
หรือว่า
ระวังนะ คนนั้นน่ะคาสโนว่าจริงๆเลยนะคะ
ซึ่งหลายคนก็เข้าใจว่า
นี่มันเป็นแค่คำศัพท์เฉยๆอะไรต่างๆนะคะ
อย่างไรก็ตามค่ะ
จริงๆแล้วคำว่า Casanova เนี่ย
เป็นชื่อคนที่มีตัวตนจริงๆในประวัติศาสตร์นะคะ
ซึ่งเดี๋ยววันนี้วิวจะมาเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับเขาให้ฟังค่ะว่า
เขาไปทำอิท่าไหน มีวีรกรรมอะไร
ชื่อของเขาก็เลยกลายเป็นคำศัพท์คำนี้ค่ะ
ซึ่งเอาจริงๆนะคะใครที่ติดตามวิวมานานพอสมควรเนี่ย
น่าจะรู้ว่าวิวเคยทำคลิปมาแล้วคลิปนึงนะที่
เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับคนที่ทำวีรกรรมต่างๆ
แล้วชื่อเนี่ยกลายมาเป็นคำศัพท์ค่ะ
ซึ่งถ้าใครอยากรู้นี่ก็สามารถกดไปดูได้ตรงนี้นะคะ
แต่สำหรับตอนนี้
พร้อมจะไปฟังเรื่องราวของ Casanova ที่ทั้ง
สนุกแล้วก็ได้สาระรึยังคะ
ถ้าพร้อมกันแล้วก็ไปดูกันเลยค่ะ
เมื่อพูดถึงคำว่า Casanova เนี่ยนะคะ
ต้องบอกว่าคำคำนี้มีอายุไม่ยาวนานเลยค่ะ
มีอายุแค่ประมาณ 200 ปีเท่านั้นเอง
คือคำคำนี้
บันทึกไว้ว่าเกิดขึ้นเมื่อปีค.ศ. 1852 นะคะ
ตาม Merriam-Webster Dictionary เนอะ
ในภาษาอังกฤษเนี่ยนะคะแปลคำนี้ว่า
ผู้ชายที่มากรัก มีคนรักมาก
รวมถึงรู้วิธีหลอกลวงผู้หญิงนั่นเองค่ะ
ซึ่งถามว่าแล้วที่มาที่ไปของศัพท์คำนี้
เกิดขึ้นได้ยังไงนะคะ
ก็ต้องบอกว่า
คำคำนี้นะคะเกิดขึ้นจากผู้ชายคนนึงค่ะที่ชื่อว่า
Giacomo Girolamo Casanova นั่นเอง
ฟังขนาดนี้ก็น่าจะรู้นะว่า
เป็นภาษาอิตาเลียนค่ะ
ซึ่งในชีวิตของเขาเนี่ย
เขาก็มีโอกาสได้เดินทางไปประเทศต่างๆมากมายนะ
รวมถึงฝรั่งเศสด้วย
ตอนที่ไปอยู่ฝรั่งเศสนี่เขาก็ใช้นามแฝงว่า
Chevalier de Seingalt นะคะ
ซึ่งเอาจริงๆทั้งภาษาอิตาเลียนทั้งภาษาฝรั่งเศสนี่
วิวไม่แน่ใจเลยว่าตัวเองออกเสียงถูกรึเปล่านะ
อย่างไรก็ตามช่างมันค่ะ
เรากลับมาที่ประวัติของคุณ Casanova ดีกว่า
คุณ Casanova คนนี้นะคะเขาเกิดเมื่อวันที่
2 เมษายน ปีค.ศ. 1725 ค่ะ ที่เมืองเวนิสนะคะ
ซึ่งในปัจจุบันก็เป็นส่วนนึงของอิตาลีเนอะ
อย่างไรก็ตาม ในตอนที่เขาเกิดเนี่ย
เวนิสยังเป็นเมืองที่ทรงอำนาจของตัวเองอยู่ค่ะ
เรียกได้ว่าเป็นรัฐเวนิสนะ เป็นรัฐที่
เป็นศูนย์กลางการค้าต่างๆ
ถ้าเราคุ้นเคยกันดีกับประวัติศาสตร์ยุโรปยุคนั้นก็จะรู้ว่า
นี่เป็นเมืองท่าที่สำคัญมากๆนะคะ
เพราะว่าอยู่ติดน้ำ ถูกต้องไหม
และประวัติของเขาเนี่ยบอกเลยว่า
ส่งเสริมให้เขากลายมาเป็นคนที่
มีความสามารถในการเป็น "คาสโนว่า" อย่างยิ่งค่ะ
เพราะว่าตั้งแต่ที่เขาเกิดมาเนี่ย
อาชีพของพ่อของแม่เขานี่ก็เข้ากันดีเลยค่ะ
เพราะว่าแม่ของเขาเนี่ยนะคะ
เป็นนักแสดงตลกค่ะที่ชื่อว่า Zanetta นะคะ
ส่วนพ่อของเขาเนี่ยนะคะก็เป็นทั้งนักแสดง
แล้วก็นักเต้นบัลเลต์ชายค่ะ
ซึ่งด้วยอาชีพของพ่อและแม่นะ
ทำให้เขาต้องเดินทางไปที่ต่างๆ ไปเปิดแสดงมากมาย
ดังนั้นเมื่ออายุแค่หนึ่งขวบเท่านั้นค่ะ
เขาก็โดนพ่อกับแม่ทิ้งไว้ให้คุณยายเลี้ยงนะคะ
เพราะว่าพ่อกับแม่เนี่ยต้องเดินทางไป
เปิดการแสดงที่ลอนดอนค่ะ
ซึ่งหลังจากนั้นเนี่ยนะคะ
เขาก็เติบโตขึ้นมาในบริเวณเมืองนึงที่ชื่อว่า
เมืองปาดัวนั่นเองค่ะ
ก็มีการไปเข้าโรงเรียนประจำอะไรต่างๆ
นอกจากนี้เขาเนี่ย
มีโอกาสได้เรียนมหาวิทยาลัยปาดัวด้วยนะคะ
ก็เรียนเร็วมากนะทุกคน
เรียนตั้งแต่ตอนอายุประมาณ 12 ปีค่ะและ
เมื่ออายุ 17 ปีก็เรียนจบแล้วนะคะ
เรียกได้ว่าอัจฉริยะจริงๆ
แล้วถามว่าเขาเรียนมหาวิทยาลัยเนี่ย
เรียนคณะอะไรรู้ไหมคะ
ลองนึกสภาพคนที่มีวาทศิลป์มากมาย
สามารถจีบหญิงได้ไปทั่ว
คิดว่าจะเป็นคณะอะไรคะ
บอกเลยค่ะว่าคุณ Casanova คนนี้
เขาเรียนกฎหมายเป็นหลักค่ะทุกคน
ดังนั้น อื้อหือ
ความทนายอะนะ มันก็จะมีความแบบ
อะไรต่างๆได้ ประมาณนั้นเลยค่ะ
ทีนี้นอกจากเรียนกฎหมายแล้ว คุณ Casanova คนนี้
ก็มีโอาสได้เรียนอีกหลายอย่างเลยทีเดียวนะ
ไม่ว่าจะเป็นด้านปรัชญา เคมี คณิตศาสตร์
เรียกได้ว่าเรียนศาสตร์ของชนชั้นสูงสมัยนั้นค่ะ
ทีนี้หลังจากเรียนจบมา ถามว่าเขาทำอาชีพอะไร
บอกเลยว่าอาชีพของเขาเนี่ยหลากหลายมากๆเลยนะคะ
เรียกได้ว่าทำมาแทบทุกอย่าง
ไม่ว่าจะเป็นนักกฎหมายตามที่เรียนมา
รวมถึงมีโอกาสได้ไปทำงานกับพระราชาคณะด้วยนะ
เพราะว่าอิตาลีก็ใกล้ๆกับวาติกัน ถูกต้องไหม
ดังนั้นพระราชาคณะที่เขาไปทำงานด้วยเนี่ย
เรียกได้ว่าเป็นรองแค่
สมเด็จพระสันตะปาปาหรือว่า Pope เท่านั้นเองค่ะ
ก็เรียกได้ว่าอยู่ในวงชั้นสูงสุดๆเลยนะ
นอกจากนี้เขาก็มีโอกาสได้ทำงานอื่นๆอีก
ไม่ว่าจะเป็นนักไวโอลิน ทหาร นักเขียน นักแปล
สายลับก็เคยเป็นนะคะ
หรือว่าแม้แต่อาชีพสุดท้ายในชีวิตเขาเนี่ยนะคะก็
ดูจะไม่ค่อยแฟนซีเท่าไหร่
เพราะว่าอาชีพสุดท้ายในชีวิตเขาเนี่ยนะคะ
เป็นบรรณารักษ์ให้กับท่านเคานต์คนนึง
ในปราสาทที่แคว้นโบฮีเมียค่ะ
ซึ่งก็คือสาธารณรัฐเช็กปัจจุบันนั่นเอง
ทีนี้นอกจากอาชีพต่างๆที่หลากหลายแล้วเนี่ย
ต้องบอกว่าเขามีโอกาสได้เข้าร่วมอีกอย่างนึงค่ะ
นั่นก็คือ
ในตอนที่เขาไปยุ่งกับพวกรัฐวาติกันอะไรต่างๆเนี่ยนะคะ
เขาได้รับเชิญเข้าเป็นสมาชิกองค์กรลับองค์กรนึงค่ะ
นั่นก็คือองค์กรฟรีเมสันนั่นเอง
น่ะ หลายๆคนที่รู้ก็น่าจะรู้ว่านี่เป็นองค์กรลับที่
ประกอบไปด้วยชนชั้นสูงเยอะมากเลยนะคะ
ซึ่งเดี๋ยวถ้ามีโอกาส
วันหลังวิวจะมาเล่าเรื่องฟรีเมสันให้ฟังค่ะ
อย่างไรก็ตามนะคะ
พอเขาได้มีโอกาสเข้าไปร่วมกับฟรีเมสัน
ได้ไปทำอาชีพอะไรต่างๆทั้งหมดเนี่ย
ก็ส่งเสริมให้เขาเนี่ยสามารถเป็น
"คาสโนว่า" ได้อย่างดีเยี่ยมเลยค่ะ
เพราะว่าเขาเนี่ยก็ได้คลุกคลีกับ
เหล่าชนชั้นสูงอะไรต่างๆ
ทำให้เขาได้รู้ข่าวคราว
ได้มีคอนเนคชัน ได้มีนู่นมีนี่นะคะ
ซึ่งทั้งหมดนี้นะคะก็หล่อหลอมเขาขึ้นมาค่ะ
ทำให้เขาสามารถไปจีบสาวตามที่ต่างๆ
หลอกสาวอะไรให้สาวเชื่อสาวหลงไปหมดเลยค่ะ
จนกระทั่งเขากลายเป็น "คาสโนว่า" ระดับตำนาน
จนแบบชื่อเขากลายเป็นศัพท์คำนึงเลยทีเดียวนะคะ
เราฟังเรื่องราวของชีวิตเขามามากพอแล้วค่ะ
เราไปดูที่ชีวิตรักของเขาดีกว่าว่า
ชีวิตรักของเขาเนี่ยเริ่มต้นมายังไงนะคะ
บอกเลยว่าชีวิตรักของเขาเนี่ย
เริ่มเร็วมากๆเลยทีเดียวค่ะ
ชีวิตรักของเขาเนี่ยนะคะต้องบอกว่า
เริ่มต้นขึ้นตั้งแต่เขายังเด็กๆเลยทีเดียวค่ะ
ก็ตั้งแต่ตอนที่เขาไปเรียนอยู่ใน
โรงเรียนที่เมืองปาดัวเนี่ยนะคะ
ซึ่งตอนที่เขาไปเรียนอยู่เนี่ยนะคะ
เขาก็ไปเจอคุณครูอยู่คนนึงค่ะ
ซึ่งใจเย็นๆก่อนทุกคน เขาไม่ได้ไปรักกับคุณครูค่ะ
แต่ว่าคุณครูคนนี้มีน้องสาวอยู่คนนึงค่ะ
ชื่อว่า Bettina นะคะ
และผู้หญิงคนนี้ก็กลายเป็นเหมือน
รักแรกของคุณ Casanova ค่ะเพราะว่า
น้องสาวคุณครูเนี่ยคอยช่วยดูแลเขาอะไรต่างๆ
ตอนที่เขาเรียนอยู่โรงเรียนประจำนะคะ
ถึงแม้ว่าต่อมาเนี่ยคุณ Bettina เขาจะแต่งงานไป
แต่อย่างไรก็ตามคุณ Casanova เขาก็ยังรู้สึก
ผูกพันกับคุณ Bettina นะคะ
แล้วก็คอยดูแลคุณ Bettina
กับครอบครัวของเธอมาโดยตลอดค่ะ
หลังจากรักครั้งแรกผ่านพ้นไปเนี่ยนะคะ
บอกเลยว่าชีวิตของคุณ Casanova เนี่ยก็เต็มไปด้วย
ความรักที่แบบกระจัดกระจายเต็มไปหมดค่ะ
เรียกได้ว่าความรักแต่ละครั้งของเขาเนี่ยนะ
เหมือนกับบทละครเลยทีเดียว
คือแบ่งได้เป็นชอตๆๆๆนะคะ
หลายคนชอบเอามาเขียนเป็นองก์ต่างๆ
คือเหมือนเวลาเราดูละครเวที มันก็จะมี
องก์ที่หนึ่งต้องเป็นการปูเรื่อง
องก์ที่สองต้องเป็นการบิ๊วเรื่องต่อไป
องก์ที่สามจะต้องเป็นตอนไคลแมกซ์
องก์ที่สี่จะต้องเป็นตอนคลี่คลาย
อะไรแบบนั้นเลยนะคะ
ชีวิตรักของคุณ Casanova ค่ะ
ก็แบ่งเป็นองก์ๆได้แบบนั้นเลยทีเดียว
และทุกองก์เนี่ยนะคะก็จะเกี่ยวพันกับ
ความนิยมของชนชั้นสูงในยุคสมัยนั้นค่ะ
คือชนชั้นสูงในยุคสมัยนั้นเนี่ยไม่นิยมที่จะ
อินกับความรักอะไรมากมาย
คือเขามองว่าการแต่งงานเนี่ยนะมันก็เป็นแค่
เรื่องการเชื่อมสัมพันธ์ทางธุรกิจ
หรือทางอำนาจอะไรต่างๆ
มันไม่เกี่ยวกับเรื่องความรักเลยนะคะ
ดังนั้นเมื่อเขาเติบโตมาในยุคสมัยนั้นค่ะ
คุณ Casanova เขาก็เลยไม่ได้รู้สึกว่า
ความรักเป็นเรื่องสำคัญอะไรขนาดนั้นนะ
ก็แค่เป็นแบบเรื่องการหาความสนุก
อะไรประมาณนั้นเลย
ดังนั้นค่ะแทบทุกครั้งที่เขาไปเจอผู้หญิงซักคนนึงเนี่ย
มันก็จะเริ่มแบบนี้นะคะ
ชอตแรกคือจะต้องไปเจอผู้หญิงซักคน
ที่อยู่กับสามีที่แบบขี้หึง น่ากลัว น่าเกลียด
เอาเป็นว่าเป็นผู้หญิงที่อยู่กับผู้ชายที่
ไม่ได้รักตัวเองค่ะ
เพราะว่าชนชั้นสูงสมัยนั้นก็ไม่ได้ตั้งใจแต่งงานกัน
อะไรขนาดนั้นอยู่แล้วใช่ไหม
พอผ่านไปเนี่ยนะคะ ชอตที่สอง
เขาก็จะเข้าไปตีสนิทกับผู้หญิงคนนั้นค่ะแล้วก็
ไปช่วยผู้หญิงคนนี้ออกมานะคะ
เป็นประมาณว่าแบบเป็นเจ้าชายขี่ม้าขาวนะคะ
เข้าไปแล้วก็บอกว่า
โอ เธออยู่กับคนรักที่แย่ขนาดนี้ได้ยังไง
ฉันจะช่วยเธอออกมา
เธออย่ามาทนกับความสัมพันธ์ที่ toxic แบบนี้เลย
อ่า นี่ก็คือชอตที่สองนะ
และแน่นอนค่ะชอตที่สามหลังจากที่
ผู้หญิงคนนั้นเนี่ย
ผ่านพ้นจากความเลวร้ายของชีวิตคู่มาได้
ผู้หญิงคนนั้นเนี่ยนะคะก็จะรู้สึกว่า
เขาติดค้างบุญคุณกับคุณ Casanova ค่ะ
จะต้องตอบแทนบุญคุณด้วยวิธีอะไรซักอย่างนึง
และในตอนนั้นเองค่ะคุณ Casanova ก็จะเข้าไป
มีความสัมพันธ์กับผู้หญิงที่เขาช่วยออกมาได้นะคะ
อย่างไรก็ตามค่ะ หลังจากที่มีความสัมพันธ์อะไรกันไม่นาน
คุณ Casanova เขาก็จะหมดรักผู้หญิงคนนั้น
แล้วก็รู้สึกว่าเออไม่ได้และ
ฉันจะไม่เอาผู้หญิงคนนี้ไว้ใกล้ตัวอีกแล้วนะคะ
ดังนั้นเขาก็จะพยายามหาคนรักคนใหม่ให้ผู้หญิงคนนี้ค่ะ
แล้วก็ส่งผู้หญิงคนนี้เนี่ยไปอยู่กับคนอื่นนะคะ
ให้เธอไปอยู่กับคนที่ดีกว่าประมาณนั้น
แล้วก็หาเรื่องเฟดตัวเองออกมานะคะด้วยข้ออ้างที่ว่า
ฉันไม่คู่ควรกับเธอหรอก เธอดีเกินไป
ฉันอยากให้เธอไปอยู่กับคนที่เหมาะสมกับเธอมากกว่า
น่ะ ประมาณนี้เลย
หลังจากนั้นเขาก็จะวนลูปไปค่ะ
ไปเจอผู้หญิงคนใหม่ที่อยู่กับคนรักที่ไม่ดี
เข้าไปช่วยเหลือ
เข้าไปมีความสัมพันธ์ด้วยแล้วก็
ส่งผู้หญิงคนใหม่ไปอยู่กับผู้ชายคนใหม่เมื่อเขาเบื่อ
เป็นอย่างนี้วนลูปไปเรื่อยๆนะคะ
ซึ่งถามว่าเขามีเทคนิคอะไรในการทำให้ผู้หญิงเนี่ย
หลงหัวปักหัวปำได้แทบทุกคน
ก็ต้องบอกว่าเทคนิคการจีบของเขาเนี่ย
ไม่ใช่วิธีที่แบบมาใช้กำลังบังคับ
มอมเหล้า หรืออะไรต่างๆเลยนะ
แต่เทคนิคของคุณ Casanova นี่คือการ
เข้าไปพูดคุย เข้าไปพยายามทำความเข้าใจกับเธอ
ก็เรียกได้ว่าเข้าไปเหมือนผู้ชายดีๆคนนึงเลยอะ
แล้วด้วยความที่เขาก็อยู่ในแวดวงสังคมชั้นสูง
เขาก็เป็นคนมีความรู้มีอะไรต่างๆ
ดังนั้นก็ไม่แปลกเลยนะคะที่ผู้หญิงจะหลงหัวปักหัวปำ
รู้สึกว่า ในที่สุด
หลังจากที่ฉันมีความสัมพันธ์อันแย่แล้วเนี่ย
ฉันก็มีผู้ชายดีๆซักคนเข้ามาในชีวิตแล้ว
ประมาณนั้นเลยค่ะ
เรียกได้ว่าเขาเนี่ยใช้เทคนิคในการเข้าไปหาผู้หญิง
ที่แบบปิดหัวใจ ไม่ ฉันไม่มีความรักอีกต่อไปแล้ว
เพราะว่าเจอผู้ชายแย่ๆ
ไปค่อยๆเปิดหัวใจผู้หญิงคนนั้นนะคะ
เปิดออกมาทีละเล็กทีละน้อย
ด้วยการทำอะไรดีๆให้เล็กๆน้อยๆ
ซื้อดอกไม้ไปให้บ้าง ซื้อของไปให้บ้าง
ไปพูดคุยไปทำความรู้จักอะไรต่างๆบ้างนะคะ
ซึ่งเขาเนี่ยจะมีความเชื่อว่า
เขาจะไม่บอกรักผู้หญิงค่ะ
เพราะเขาเชื่อว่าความรักเนี่ยไม่ใช่
เกิดขึ้นด้วยการบอกรักหรืออะไรต่างๆ แต่ว่า
เกิดขึ้นที่การกระทำต่างหาก
ฟังดูแบบนี้ก็ยังดูกึ่งๆอยู่ใช่ไหม
ว่าคุณ Casanova คนนี้เขาเป็นคนดีหรือเปล่า
อย่างน้อยตอนที่เป็นคนรัก เขาก็เป็นคนรักที่ดีนะ
แล้วสุดท้ายเขาก็ส่งเราไปสู่คนที่ดีกว่า
แต่จริงๆแล้วมันไม่ได้ดีแบบนั้นค่ะเพราะว่า
ในระหว่างที่เขาคบกับผู้หญิงไปเรื่อยๆเนี่ย
เขาก็คบซ้อนด้วยนะคะทุกคน
แล้วไม่ใช่คบซ้อนธรรมดาค่ะ
บางครั้งเนี่ยเขาก็มีความสัมพันธ์
กับผู้หญิงคนนึงที่อายุสิบหก
และในขณะเดียวกันก็มีความสัมพันธ์กับ
ผู้หญิงอีกคนนึงที่อายุสิบสี่
ซึ่งเป็นน้องสาวของผู้หญิงคนแรก
ไปพร้อมๆกันเลยก็มีเหมือนกัน
เรียกได้ว่าฟาดทั้งพี่ทั้งน้อง
และเท่านั้นยังไม่พอนะคะ
เรียกได้ว่าโหดกว่านั้นอีกค่ะเพราะว่า
เมื่อผู้หญิงคนนี้อายุประมาณสิบหก สิบสี่อะไรอย่างนี้
โตขึ้นไปค่ะก็ไปมีความรักกับคนอื่น
ไปมีลูกกับคนอื่นแล้วเรียบร้อยใช่ไหม
เป็นแม่คนมาแล้ว แล้วก็
ประสบกับความรักที่มีปัญหาอะไรต่างๆ
คุณ Casanova คนนี้ก็จะกลับมาพบกับผู้หญิงคนนี้อีกรอบนึง
แล้วก็ไปปลอบผู้หญิงคนนี้ ไปมีความสัมพันธ์กับเขา
ทั้งๆที่เขาเป็นแม่แล้วนะ
แล้วในเวลาเดียวกัน
แม่ใช่ไหม มีลูกสาว
ก็ไปจัดการลูกสาวเขาไปพร้อมกันอีก
เรียกได้ว่าอีรุงตุงนังวุ่นวายสุดๆ
อย่าให้มีผู้หญิงอยู่ใกล้อะ ฟาดเรียบ ว่าอย่างนั้นเถอะค่ะ
ไม่สนทั้งสิ้นว่าผู้หญิงสองคนจะเป็นแม่ลูกกัน
เป็นพี่น้องกันหรือเป็นอะไรต่างๆก็ตามนะคะ
นอกจากนี้เนี่ยต้องบอกว่า
คุณ Casanova เป็นคนที่ติดการพนันหนักมากค่ะ
คือเขาใช้การพนันเป็นการทั้งการเข้าสังคม
การเข้าหาผู้หญิง การใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่ายอะไรต่างๆ
เรียกได้ว่าเขาเนี่ยมือเติบมากๆ ก็จะแบบ
พนันรัวๆๆๆไปมาตลอดเวลานะคะ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงระยะเวลาที่เขาเนี่ย
กำลังสร้างความสัมพันธ์กับผู้หญิงคนใหม่
ช่วงเวลานั้นเขาก็จะยิ่งแสดงตัวเป็นนักพนันที่สุรุ่ยสุร่าย
เพื่อแบบโชว์พาวว่าฉันรวย ฉันหล่อ
อะไรประมาณอย่างนั้นเลยทีเดียวค่ะ
ต้องบอกว่าชีวิตของคุณ Casanova เนี่ยนะคะ
เป็นคนที่ชีพจรลงเท้าอย่างยิ่งยวดค่ะ
เขาเนี่ยเดินทางไปทั่วยุโรปแทบจะตลอดชีวิตเลย
เรียกได้ว่าไม่เคยอยู่กับที่ว่าอย่างนั้นเถอะ
ก็ไปที่ต่างๆในยุโรปทั่วไปหมดเลยนะคะ
ไม่ว่าจะเป็นฝรั่งเศส อังกฤษ เยอรมัน สเปน โปแลนด์
โอ๊ย เรียกได้ว่าเยอะอะค่ะ เยอะ
คือแทบไม่อยู่กับที่เลย
ทั้งเดินทางทั้งผจญภัยอะไรต่างๆนะ
และที่สำคัญระหว่างที่เขาเดินทางไปตามเมืองต่างๆเนี่ย
เขาก็ไปมาร์กจุดไว้ตามที่ต่างๆด้วย ด้วยการ
ไปมีความสัมพันธ์กับผู้หญิงที่เมืองนั้น เมืองนี้ เมืองนู้น
เรียกได้ว่าไปเมืองไหนก็
ถ้าเป็นปัจจุบันก็คือ
ไปเมืองไหนก็ไปปัดทินเดอร์อยู่เมืองนั้นน่ะ
ว่าอย่างนั้นเถอะค่ะ
ก็เรียกได้ว่าระหว่างเดินทางเนี่ย
ก็ไปมีความสัมพันธ์กับผู้หญิงมั่วไปหมดอะค่ะ
คือตัวเองเนี่ยไปทำเขาเจ็บก็เยอะ
เจ็บเพราะผู้หญิงก็เยอะเหมือนกัน
เรียกได้ว่าประสบการณ์โชกโชนนะคะ
คือครั้งนึงเนี่ยก็ถึงขนาดที่ว่าเขาเจ็บจน
ติดคุกเลยทีเดียวก็มีเหมือนกันค่ะ
คือในช่วงที่เขาอายุประมาณ 30 ปีเนี่ยนะคะ
เขาเคยจะต้องไปเข้าคุกรอบนึงค่ะ
เพราะว่าเขาเนี่ยทำผิดหลักศาสนาร้ายแรง
นึกสภาพเมื่อ 200 ปีที่แล้ว
มีความสัมพันธ์กับผู้หญิงไปทั่วไปหมดขนาดนี้
คือไม่เลือกหน้าขนาดว่า
ผู้หญิงคนนี้มีสามีแล้วก็ไม่สน
ผู้หญิงคนนี้เป็นแม่ชีก็ไม่สน
คือมันก็ต้องเข้าคุกบ้างซักวันนี่แหละ
ก็คือทำผิดหลักศาสนาร้ายแรงนะคะ
ก็เลยโดนจับเข้าคุกค่ะ
ซึ่งคุกที่เขาอยู่เนี่ยนะคะก็ชื่อว่า The Leads ค่ะ
Leads ที่แปลว่าตะกั่วนะเพราะว่า
นี่เป็นคุกที่เขาบอกว่าหนาแน่นมากๆในยุคสมัยนั้นค่ะ
เป็นคุกที่สูงถึงห้าชั้นนะคะ
แล้วก็มีหลังคาทำจากตะกั่วค่ะ
เขาบอกว่ามันแบบไม่มีทางจะหนีได้เลยอะไรอย่างนี้
เป็นคุกที่มีการป้องกันค่อนข้างจะแน่นหนาค่ะ
ส่วนตัวเขาเนี่ยนะคะ ครั้งแรกเขาโดนจำคุกอยู่ที่
ชั้นบนสุดของ The Leads ค่ะ
เรียกได้ว่าทรมานทรกรรมมากๆเพราะว่า
เป็นคุกที่มีความสูงต่ำมากๆนะคะ
เรียกได้ว่าพอเขายืนขึ้นมาเนี่ยนะ
หัวเขาแทบจะชนเพดานเลยทีเดียว
คือยืนหลังตรงไม่ได้ว่าอย่างนั้นเถอะ
แต่อย่างไรก็ตามค่ะ ระดับคุณ Casanova
เป็นคนหลอกลวงปลิ้นปล้อนขนาดนี้
คือน่าจะเป็นตัวพ่อของ Catch Me if You Can อะ
คิดว่าเขาจะยอมอยู่ในคุกไหม
เขาก็ไม่ยอมอยู่ในคุกนะคะ
เขาก็เลยพยายามจะ
แหกคุกออกมาค่ะ
คือเขาเนี่ยตั้งใจว่าต่อให้หลังคาเนี่ยนะมันเป็น leads
หรือว่ามันเป็นตะกั่ว
เขาก็คิดว่าเขาน่าจะเจาะมันได้นะ
ถ้าสมมติว่าฉันค่อยๆแอบเจาะๆๆๆไปเรื่อยๆ
ฉันน่าจะปีนขึ้นหลังคาแล้วก็หนีไปได้ค่ะ
อย่างไรก็ตามนะคะ เมื่อเขาอยู่ในคุกมาได้ 13 เดือนเนี่ย
เขาก็ตั้งใจว่าโอเค อีกสามวันนี่แหละ
จะถึงเวลาที่ฤกษ์ดี พร้อมจะลงมือแล้ว
แต่ปรากฏนะคะ ฟ้าไม่เป็นใจค่ะ
อยู่ดีๆสามวันก่อนที่ตัดสินใจจะลงมือเนี่ย
เขาก็โดนย้ายห้องขังซะอย่างนั้นเลย
แล้วก็โดนย้ายลงไปอยู่ที่ชั้นสี่นะคะ
ซึ่งอยู่ใต้ชั้นเดิม
ทำให้เขาไม่สามารถเจาะขึ้นไปบนเพดานได้อีกค่ะ
อย่างไรก็ตาม คิดว่าเขาจะหยุดไหม
บอกเลยว่าเขาไม่หยุดนะคะ
ตรงนี้จะแสดงให้เห็นเลยว่า
เขาเนี่ยสามารถปลิ้นปล้อนได้เก่งขนาดไหนนะ
ซึ่งบังเอิญว่าตอนที่ห้องขังเขาอยู่ชั้นสี่เนี่ย
ด้านบนของเขาเป็นนักบวชค่ะ
แล้วผู้คุมเนี่ยก็ใจดี
ให้อนุญาตให้เขาสามารถแลกเปลี่ยนหนังสือกับนักบวชได้
เพราะว่าเอาจริงๆในคุกก็ไม่ค่อยมีใครที่
มีความรู้ความสามารถอะไรแบบนั้นหรอก
ก็กลัวจะเบื่ออะนะ
อะ แลกเปลี่ยนหนังสือกันได้
เขาก็เลยเขียนจดหมายนะคะ
เขียนๆๆๆหานักบวชแล้วก็
ชวนกันบอกว่าหนีกันเถอะ
ซึ่งนักบวชก็เห็นดีเห็นงามด้วยนะคะ
โดยนักบวชจะเป็นคนเจาะเพดานให้ค่ะ
แล้วให้เขาเนี่ยเจาะขึ้นไปหานักบวชอีกทีนึง
ต้องบอกว่าแผนหนีออกจากคุกของพวกเขาเนี่ยนะคะ
เกือบจะพังค่ะ เพราะว่าคุณ Casanova
เขาไม่ได้อยู่ในคุกคนเดียวไง
มันก็ต้องมี roommateใช่ไหมคะ มีเพื่อนร่วมห้องขังค่ะ
ซึ่งเพื่อนร่วมห้องขังของเขาเนี่ยนะคะเป็นสายลับเก่าค่ะ
แล้วสายลับเก่าคนนี้ก็แบบ
ไม่เอา ทำไมแกต้องหนีออกจากคุกด้วย
แหกคุกทำไม อะไรอย่างนี้
อย่างไรก็ตามนะคะ จุดอ่อนของสายลับคนนี้ก็คือ
เขาเป็นพวกแบบ
เชื่อในศาสนาอย่างแรงกล้า
เชื่อในพระเจ้า เชื่อในเทวดานางฟ้าค่ะ
คุณ Casanova ซึ่งจริงๆก็มีความแบบ
น่าจะไปสักสาริกาลิ้นทองมาพอสมควรก็
จีบผู้หญิงมานับไม่ถ้วนเนี่ยนะคะ
ก็เลยหันไปบอกสายลับเก่านะคะว่า
เฮ้ย นายๆ นายเชื่อเราเถอะ
เราไม่ได้ทำตัวไม่ดีนะด้วยการแหกคุก
เราเนี่ยจะออกไปจากคุก
เพราะว่าจะมีเทวดาลงมาจากเบื้องบนมาช่วยเรา
ซึ่งทำให้สายลับคนนี้นะคะเชื่อค่ะ
เพราะว่าอะไร
เพราะคนที่ลงมาช่วยก็คือ
นักบวชที่อยู่ข้างบนเจาะเพดานลงมาช่วยนั่นเอง
ก็คือนักบวชลงมาช่วยก็เหมือนกับเทวดาลงมาช่วย
ซะอย่างนั้นเลยนะคะ
ดังนั้นนะคะแก๊งนี้ก็เลยแหกคุกได้สำเร็จค่ะ
แล้วก็หนีไปด้วยเรือกอนโดลาในยามรุ่งสาง
โอ้โห เรียกได้ว่าแฟนตาซีจริงๆนะคะทุกคน
ต้องบอกว่าชีวิตของคุณ Casanova เนี่ยเป็นชีวิตที่
โลดโผนสุดขีดจริงๆค่ะ
จากที่เล่าไปจะเห็นว่าเขาเนี่ย
นอกจากจะอยู่ในวงสังคมชั้นสูง
ได้อยู่กับผู้หญิงชั้นสูงอะไรต่างๆ
จริงๆแล้วพวกคนที่เป็นคนสำคัญในยุคของเขาเนี่ย
เขาก็เคยได้เจอหลายต่อหลายคนด้วยกันนะคะ
ไม่ว่าจะเป็นรัฐบุรุษอย่าง Benjamin Franklin
เขาก็เคยเจอ
Voltaire ที่เป็นนักปราชญ์ เป็นนักเขียนหนังสือ
เกี่ยวกับการปกครองอะไรต่างๆ เขาก็เคยเจอ
พระสันตะปาปาหรือว่า Pope เนี่ย
เขาก็เคยเจอถึงสองพระองค์ด้วยกันนะคะ
หรือแม้กระทั่งแบบ Frederick the Great
พระเจ้าเฟรเดอริกผู้ยิ่งใหญ่
กษัตริย์แห่งเยอรมันเนี่ยนะคะ
เขาก็เคยไปเจอตัวจริงเหมือนกันค่ะ
เรียกได้ว่าเขาก็วนเวียนอยู่ใน
วงสังคมชั้นสูงยุคนั้นนี่แหละค่ะ
แล้วถามว่าหลังจากที่ชีวิตโลดโผนขนาดนี้
ชีวิตเขาไปจบที่ไหนนะคะ
บั้นปลายชีวิตค่ะ เขาก็ไป retire นะคะอยู่ที่
แคว้นโบฮีเมียหรือว่าสาธารณรัฐเช็กในปัจจุบันค่ะ
ไปเป็นบรรณารักษ์นะคะ
แล้วนอกจากนั้นเนี่ยเขาก็มีโอกาสได้เขียน
หนังสืออัตชีวประวัติของตัวเองไว้ด้วยค่ะ
ก็คือเขียนเล่าเรื่องราวของตัวเองนะ
ใช้ชื่อว่า Histoire de ma vie รึเปล่าไม่แน่ใจนะ
ก็คือขึ้นชื่อไว้ให้ตรงนี้นี่แหละ
นี่ก็คือหนังสืออัตชีวประวัติของเขานะคะ
ที่แปลเป็นภาษาไทยว่า
เรื่องราวชีวิตของฉันนั่นเองค่ะ
ซึ่งภายในก็เล่าเรื่องราว
การผจญภัยต่างๆของเขาทั้งหมดนี้นี่แหละ
ก็น่าจะจริงบ้าง เสริมแต่งบ้าง
ทำให้ตัวเองดูแบบ extreme บ้างอะไรบ้างนะคะ
อย่างไรก็ตามค่ะ ในหนังสือเล่มนี้ก็ได้บันทึกไว้ว่า
เขาเนี่ยมีโอกาสได้มีความสัมพันธ์กับผู้หญิงต่างๆนะคะ
รวมทั้งหมดถึง
132 คนด้วยกันค่ะ
เรียกได้ว่าเยอะมากๆเลยทีเดียวนะคะ
อย่างไรก็ตามนะคะ
ในหนังสือไม่ว่าจะชีวิตเขาจะโลดโผนขนาดไหน
ใช้ชีวิตไปแบบไหนก็ตาม
เขาก็ define ตัวเองนะคะว่า
จริงๆแล้วฉันเนี่ยใช้ชีวิตมาอย่างนักปราชญ์เลยนะ
แล้วก็ฉันก็เป็นชาวคริสต์ที่ดีมาตลอดชีวิตค่ะ
และในที่สุดนะคะคุณ Casanova ของเราเนี่ย
ก็เสียชีวิตไปเมื่อเขาอายุได้ทั้งหมด
73 ปีนะคะ เป็นอันปิดตำนานคาสโนว่าตัวจริง
ที่ใช้ชีวิตโลดแล่นอยู่รอบยุโรปค่ะ
และเรื่องราวของเขาเนี่ยก็โด่งดังถึงขนาดที่ว่า
คำคำนี้คำว่า Casanova กลายมาเป็นศัพท์คำนึง
ที่ได้รับการบรรจุอยู่ใน dictionary
แล้วเราก็ใช้กันมาจนถึงทุกวันนี้นั่นเองค่ะ
เป็นไงบ้างคะทุกคน
ได้ฟังเรื่องราวของคุณ Casanova กันไป
เรียกได้ว่าเป็นชีวิตที่โลดโผนสุดขีดจริงๆนะคะ
อย่างไรก็ตามค่ะ นี่ก็เป็นเรื่องราวก่อนยุคสมัยที่มันจะมี
โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์มากมายอย่างทุกวันนี้นะ
โรคเอดส์อะไรก็ยังไม่มี
อาจจะมีโรคอะไรบ้างเล็กน้อย
แต่มันก็ไม่ได้ร้ายแรงอย่างทุกวันนี้
ดังนั้นก็เอาเป็นว่าใครจะเลือกใช้ชีวิต
ตามคุณ Casanova ในยุคสมัยปัจจุบันก็
ดูแลตัวเองแล้วกันนะคะ
เอาเป็นว่าถ้าใครชื่นชอบคลิปนี้นะคะก็อย่าลืม
กดไลก์เป็นกำลังใจให้วิวแล้วก็
กดแชร์เพื่อชวนเพื่อนๆมาดูด้วยกันค่ะ
แล้วพบกันใหม่โอกาสหน้านะคะทุกคน
วันนี้ลาไปก่อนแล้วกันค่ะ
บ๊ายบาย
สวัสดีค่ะ
บอกเลยนะคะว่าชีวิตของคุณ Casanova เนี่ย
ก็เป็นหนึ่งคนที่ได้ชื่อว่าเป็นคน
เจ้าชู้มากๆ มากรักมากๆนะคะ
แต่จริงๆแล้วมันมีอีกคำนึงค่ะที่
ใกล้เคียงกับคำว่า Casanova มากๆเลย
อาจจะไม่ค่อยได้ฮิตในประเทศไทยเท่าไหร่
คำคำนั้นก็คือคำว่า Don Juan นั่นเอง
ซึ่งเป็นชื่อของคนอีกคนนึงนะคะ
ถ้าเดี๋ยวมีโอกาส
วันหลังวิวจะมาเล่าเรื่อง Don Juan ให้ทุกคนฟังค่ะ
แต่สำหรับวันนี้ลาไปก่อนแล้วกันนะคะทุกคน
บ๊ายบาย
สวัสดีค่ะ