WEBVTT 00:00:10.920 --> 00:00:13.200 สวัสดีค่ะ ฉันเมดิสัน แม็กซี 00:00:13.260 --> 00:00:15.520 ฉันมีบริษัทชื่อลูเมีย 00:00:15.520 --> 00:00:20.940 เราโฟกัสทำเส้นใยผ้าอัจฉริยะ เพื่อเสื้อผ้าอัจฉริยะ และผลิตภัณฑ์ที่นุ่ม ดี และอัจฉริยะ 00:00:21.960 --> 00:00:24.580 เรื่องผ้า ท้องฟ้ามันมีขีดจำกัดค่ะ 00:00:25.160 --> 00:00:28.920 ฉันแดเนียล แอปเปิลสโตน เป้นซีอีโอบริษัทอาเธอร์แมชชีนค่ะ 00:00:31.540 --> 00:00:34.260 เราผลิตเครื่องกัดมิลลิงตั้งโต๊ะค่ะ 00:00:34.260 --> 00:00:41.320 เครื่องกัดมิลลิงมีเครื่องตัดหมุนได้ ที่ขยับไปมาบนวัสดุ เพื่อสร้างวัตถุ 3 มิติ 00:00:42.540 --> 00:00:46.580 เบื้องหลังนั้น คอมพิวเตอร์ทุกเครื่อง ทำสี่อย่างพื้นฐานเหมือนกัน 00:00:46.580 --> 00:00:48.160 คือนำเข้าข้อมูล 00:00:48.160 --> 00:00:50.740 เก็บ และประมวลผลข้อมูล 00:00:50.740 --> 00:00:52.880 จากนั้น นำข้อมูลออกมา 00:00:53.399 --> 00:00:56.899 แต่ละขั้นตอน ทำในส่วนของคอมพิวเตอร์ที่ต่างกันไป 00:00:57.440 --> 00:01:04.540 มีอุปกรณ์นำเข้าข้อมูลที่นำข้อมูลโลกภายนอก มาและเปลี่ยนเป็นข้อมูลฐานสอง 00:01:04.860 --> 00:01:08.040 มีพื้นที่ความจำไว้เก็บข้อมูล 00:01:08.120 --> 00:01:12.000 มีหน่วยประมวลผลกลางหรือ CPU 00:01:12.000 --> 00:01:14.540 ขั้นตอนการคำนวณเกิดขึ้นที่นี่ 00:01:14.600 --> 00:01:21.180 สุดท้ายคืออุปกรณ์นำข้อมูลออก เปลี่ยนข้อมูลเป็นผลที่จับต้องได้ 00:01:22.100 --> 00:01:24.100 มาพูดกันเรื่องการนำเข้าข้อมูลก่อน 00:01:24.500 --> 00:01:30.460 คอมพิวเตอร์มีการรับข้อมูลหลายชนิด เช่นแป้นพิมพ์คอมพิวเตอร์ หน้าจอสัมผัสของมือถือ 00:01:30.840 --> 00:01:33.400 กล้องถ่ายภาพ ไมโครโฟน หรือจีพีเอส 00:01:33.930 --> 00:01:39.379 เซ็นเซอร์ในรถ เครื่องตรวจจับความร้อน หรือโดรนก็เป็นอุปกรณ์นำเข้าข้อมูลที่ต่างกัน 00:01:40.200 --> 00:01:45.619 มาดูตัวอย่างง่าย ๆ กันว่าข้อมูลขาเข้าเดินทาง ผ่านคอมพิวเตอร์จนเป็นข้อมูลขาออกอย่างไร 00:01:47.100 --> 00:01:53.419 เมื่อกดแป้นบนแป้นพิมพ์ สมมติเป็นตัว B คีย์บอร์ดจะแปลงอักษรเป็นตัวเลข 00:01:54.000 --> 00:01:58.430 เลขนั้นถูกส่งเข้าในคอมพิวเตอร์ ในรูปแบบฐานสองคือหนึ่งกับศูนย์ 00:02:00.380 --> 00:02:05.460 พอได้ตัวเลขนี้ CPU จะคำนวณว่า จะแสดงอักษร B อย่างไร ทีละพิกเซล 00:02:06.000 --> 00:02:11.440 CPU ต้องใช้คำสั่งทีละขั้นตอนจากหน่วยความจำ ซึ่งจะบอกมันว่าอักษร B วาดยังไง 00:02:12.000 --> 00:02:16.729 CPU ทำตามคำสั่งและเก็บผลลัพธ์ ในรูปแบบของพิกเซลในหน่วยความจำ 00:02:18.500 --> 00:02:22.329 สุดท้ายแล้ว ข้อมูลพิกเซลนี้ จะถูกส่งไปยังหน้าจอในรูปแบบเลขฐานสอง 00:02:22.640 --> 00:02:29.520 หน้าจอเป็นอุปกรณ์ข้อมูลขาออก ซึ่งแปลงสัญญาณฐานสอง เป็นแสงสีเล็ก ๆ จนเป็นสิ่งที่คุณมองเห็น 00:02:32.140 --> 00:02:36.420 ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นไวแทบจะในทันที 00:02:36.420 --> 00:02:42.220 แต่กว่าจะแสดงแต่ละตัวอักษร คอมพิวเตอร์ต้องทำตามหลายพันคำสั่ง 00:02:42.220 --> 00:02:45.000 ตั้งแต่ที่คุณจรดปลายนิ้วลงบนแป้นพิมพ์ 00:02:48.120 --> 00:02:53.260 ในตัวอย่างนั้น อุปกรณ์ขาออกคือหน้าจอ แต่ยังมีอุปกรณ์ขาออกอีกหลายชนิด 00:02:53.260 --> 00:02:57.640 ที่รับสัญญาณฐานสองจากคอมพิวเตอร์ และแสดงออกมาให้คุณสัมผัสได้ 00:02:57.680 --> 00:03:02.980 เช่น ลำโพงแสดงเสียง และเครื่องปรินท์สามมิติจะปรินท์วัตถุ 00:03:03.560 --> 00:03:09.420 อุปกรณ์ขาออกควบคุมความเคลื่อนไหวที่ เป็นกายภาพอย่างแขนหุ่นยนต์ เครื่องยนต์ 00:03:09.420 --> 00:03:12.180 หรืออุปกรณ์อย่างเครื่องกัดมิลลิง ที่บริษัทของฉันทำค่ะ 00:03:13.730 --> 00:03:18.759 ข้อมูลขาเข้าและขาออกใหม่ ๆ ช่วยให้คอมพิวเตอร์ มีปฏิสัมพันธ์กับโลกได้ด้วยวิธีใหม่ 00:03:19.250 --> 00:03:24.579 ซึ่งได้มีการพัฒนาความเร็วและขนาด ของหน่วยความจำและ CPU เรื่อยมา 00:03:24.889 --> 00:03:28.779 ยิ่งงานซับซ้อน ยิ่งอาศัยข้อมูลนำเข้าและขาออกมาก 00:03:29.299 --> 00:03:32.739 คอมพิวเตอร์ยิ่งต้องใช้พลัง ประมวลผลและความจำมาก 00:03:33.949 --> 00:03:40.689 การพิมพ์ตัวอักษรบนหน้าจออาจง่าย แต่การทำกราฟิก 3D หรือบันทึกภาพยนตร์ความละเอียดสูง 00:03:41.000 --> 00:03:46.440 คอมพิวเตอร์สมัยใหม่มักมี CPU หลายเครื่อง ในการประมวลผลข้อมูลมากขนาดนั้น 00:03:46.860 --> 00:03:49.600 รวมถึงความจำหลายกิกกะไบต์ด้วย 00:03:51.410 --> 00:03:57.040 ไม่ว่าคุณต้องการทำอะไรกับคอมพิวเตอร์ ทุกสิ่งที่ทำก็คือ 00:03:57.710 --> 00:04:00.159 การนำข้อมูลกายภาพใส่เข้าไป 00:04:01.460 --> 00:04:04.700 เก็บ และประมวลผลข้อมูล 00:04:04.700 --> 00:04:08.260 และแสดงผลข้อมูลทางกายภาพออกมา