WEBVTT 00:00:00.876 --> 00:00:02.665 ตอนผมเรียนที่โรงเรียนศิลปะ 00:00:02.665 --> 00:00:04.084 ผมเริ่มมีอาการมือไม้สั่น 00:00:04.084 --> 00:00:07.116 และนี่คือเส้นที่ตรงที่สุดเท่าที่ผมจะวาดได้ 00:00:07.116 --> 00:00:09.767 หลังจากที่ผมเข้าใจปัญหาข้อนี้ จริงๆแล้วมันก็มีประโยชน์ดีเหมือนกันครับ 00:00:09.767 --> 00:00:12.956 เช่นเขย่าประป๋องเพื่อผสมสี หรือเขย่าภาพโพลารอย 00:00:12.956 --> 00:00:15.654 แต่ ณ เวลานั้น มันวันที่ช่างขมขื่นมืดมน 00:00:15.654 --> 00:00:19.271 มันเป็นเหมือนการทำลายความฝัน ในการเป็นศิลปินของผม NOTE Paragraph 00:00:19.271 --> 00:00:21.641 อาการมือสั่นของผมนั้น จริงๆแล้ว 00:00:21.641 --> 00:00:23.548 พัฒนามาจากความมุ่งมั่นพยายามทำงานวาดจุด 00:00:23.548 --> 00:00:26.102 ปีแล้วปีเล่าที่ทำการวาดจุดเล็กๆ 00:00:26.102 --> 00:00:29.996 และในที่สุด จุดเหล่านี้ที่เคยกลมอย่างสมบูรณ์แบบ 00:00:29.996 --> 00:00:33.684 ก็กลายเป็นอะไรบางอบ่างหน้าตาเหมือนลูกอ๊อด เพราะว่ามือผมสั่นไปหมด 00:00:33.684 --> 00:00:35.929 ดังนั้น เพื่อทำการชดเชยกัน ผมจึงจับปากกาแน่นขึ้น 00:00:35.929 --> 00:00:38.244 และสิ่งนี้เองที่ยิ่งทำให้อาการมือสั่นทรุดหนักไปกว่าเดิม 00:00:38.244 --> 00:00:40.516 ผมก็เลยจับปากกาให้แน่นขึ้นไปอีก 00:00:40.516 --> 00:00:42.732 และนี่ก็กลายเป็นวงจรอุบาทว์ ที่สุดท้ายแล้ว 00:00:42.732 --> 00:00:44.956 ส่งผลให้เจ็บมากและมีปัญหาเรื่องข้อต่อตามมา 00:00:44.956 --> 00:00:47.172 ผมมีปัญหาในการถือของไม่ว่าอะไรก็ตาม 00:00:47.172 --> 00:00:50.557 และหลังทุ่มเทเวลาทั้งชีวิต เพื่อความต้องการในการทำงานศิลปะ 00:00:50.557 --> 00:00:55.168 ผมลาออกจากโรงเรียนศิลปะ และหลังจากนั้น ผมลาจากวงการศิลปะไปอย่างสมบูรณ์ NOTE Paragraph 00:00:55.168 --> 00:00:57.628 แต่หลังจากสองสามปี ผมไม่สามารถที่จะอยู่ห่างจากงานศิลป์ได้ 00:00:57.628 --> 00:00:59.920 และผมตัดสินใจที่จะไปปรึกษานักประสาทวิทยา เกี่ยวกับอาการมือสั่น 00:00:59.920 --> 00:01:02.780 และพบว่า ประสาทของผมได้ถูกทำลายไปแล้วอย่างถาวร 00:01:02.780 --> 00:01:05.509 และเขาก็มองไปที่เส้นยุ่งๆที่ผมเขียน 00:01:05.509 --> 00:01:08.932 และกล่าวว่า "เอาล่ะ ทำไมคุณไม่ลองยอมรับอาการสั่นนี้แล้วนำมาใช้ซะล่ะ" NOTE Paragraph 00:01:08.932 --> 00:01:11.542 ผมก็เลยทำตามครับ ผมกลับบ้าน จับดินสอ 00:01:11.542 --> 00:01:13.450 และปล่อยให้มือผมสั่นและสั่น 00:01:13.450 --> 00:01:15.544 ผมร่างภาพทั้งหมดเหล่านี้ 00:01:15.544 --> 00:01:17.374 และถึงแม้ว่ามันจะไม่ใช่ศิลปะ 00:01:17.374 --> 00:01:21.030 ในแบบที่ผมมีใจรักจริงๆตอนนั้น แต่มันรู้สึกดีมากครับ 00:01:21.030 --> 00:01:23.509 และที่สำคัญไปกว่านั้น เมื่อผมได้ยอมรับอาการสั่นนั่นแล้ว 00:01:23.509 --> 00:01:25.884 ผมก็ตระหนักว่า ผมยังคงทำงานศิลปะได้ 00:01:25.884 --> 00:01:27.154 ผมแค่ต้องหาแนวทางใหม่ 00:01:27.154 --> 00:01:29.507 เพื่อที่จะทำงานศิลปะที่ผมต้องการ NOTE Paragraph 00:01:29.507 --> 00:01:32.347 ตอนนี้ ผมก็ยังสนใจงานที่เกี่ยวกับจุดอยู่ 00:01:32.347 --> 00:01:34.176 ได้เห็นจุดเล็กๆพวกนี้มาอยู่รวมกัน 00:01:34.176 --> 00:01:36.157 เพื่อที่จะสร้างเป็นผลงานชิ้นใหญ่ 00:01:36.157 --> 00:01:39.108 ดังนั้น ผมเริ่มทดลองหลายๆแนวทางเพื่อจะทำภาพย่อย 00:01:39.108 --> 00:01:41.286 ที่อาการมือสั่นจะไม่ขัดขวางการทำงาน 00:01:41.286 --> 00:01:45.763 เช่นจุ่มเท้าผมลงบนสีแล้วเดินไปเดินมาบนผ้าใบ 00:01:45.763 --> 00:01:49.461 หรือโครงสร้างสามมิติขนาด 2x4 00:01:49.461 --> 00:01:54.924 ก็สามารถสร้างเป็นภาพสองมิติ โดยเผามันด้วยเครื่องพ่นความร้อน 00:01:54.924 --> 00:01:58.268 ผมได้ค้นพบว่าถ้าผมทำงานขนาดใหญ่และด้วยวัสดุใหญ่ๆ 00:01:58.268 --> 00:02:00.676 มือผมก็ไม่เจ็บ 00:02:00.676 --> 00:02:04.276 และหลังจากใช้วิธีการเดียวเพื่อเข้าถึงศิลปะ 00:02:04.276 --> 00:02:06.527 ผมลงเอยกับวิธีที่ใช้เข้าถึงความคิดสร้างสรรค์ 00:02:06.527 --> 00:02:10.228 ที่เปลี่ยนขอบเขตความเป็นศิลปินของผม ไปอย่างสิ้นเชิง 00:02:10.228 --> 00:02:12.148 นี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้พบกับความคิดนี้ 00:02:12.148 --> 00:02:17.620 ที่ยอมรับว่า ความจำกัดนั้น สามารถผลักดันให้เกิดความคิดสร้างสรรค์ได้จริง NOTE Paragraph 00:02:17.620 --> 00:02:20.036 ณ เวลานั้น ผมกำลังจะจบการศึกษา 00:02:20.036 --> 00:02:23.644 และผมก็ตื่นเต้นมากที่จะได้มีทำงานเป็นชิ้นเป็นอัน และในที่สุดจะได้มีทุนสำหรับงานศิลปะใหม่ๆสักที 00:02:23.644 --> 00:02:27.405 ผมมีชุดอุปกรณ์เล็กๆแย่ๆนี่ และผมรู้สึกว่า 00:02:27.405 --> 00:02:29.515 ผมน่าจะทำอะไรได้มากกว่านี้ ถ้ามีอุปกรณ์ 00:02:29.515 --> 00:02:32.047 ที่ผมคิดว่าศิลปินพึงมี 00:02:32.047 --> 00:02:34.252 ความจริงแล้ว ผมไม่มีแม้กระทั่งกรรไกรธรรมดาๆด้วยซ้ำ 00:02:34.252 --> 00:02:36.764 ผมเคยใช้เศษโลหะพวกนี้ จนกระทั่งผมไปฉกมาได้ด้ามนึง 00:02:36.764 --> 00:02:39.012 จากที่ทำงานผม NOTE Paragraph 00:02:39.012 --> 00:02:41.944 ดังนั้น ผมออกจากโรงเรียน ผมได้งาน ผมได้เงินเดือน 00:02:41.944 --> 00:02:43.598 ผมพาตัวเองไปยังร้านศิลปะ 00:02:43.598 --> 00:02:46.712 และผมก็ซื้อของอย่างบ้าคลั่ง 00:02:46.712 --> 00:02:48.340 และเมื่อผมกลับบ้าน ผมนั่งลง 00:02:48.340 --> 00:02:51.448 และผมก็บอกตัวเองให้ทำงาน เพื่อสร้างอะไรสักอย่างจริงๆจังๆ 00:02:51.448 --> 00:02:54.212 ที่มันเป็นการคิดนอกกรอบอย่างสิ้นเชิง 00:02:54.212 --> 00:02:58.636 แต่ผมนั่งอยู่ตรงนั้นเป็นชั่วโมงๆ และไม่มีอะไรเข้ามาในหัวเลย 00:02:58.636 --> 00:03:01.183 วันถัดไปก็เป็นเหมือนเดิม และวันต่อไปก็เป็นแบบนั้น 00:03:01.183 --> 00:03:04.872 ความคิดสร้างสรรค์ตกลงฮวบฮาบ 00:03:04.872 --> 00:03:09.120 และผมอยู่ในมุมมืดมาเป็นเวลานาน ไม่สามารถที่จะสร้างสรรค์อะไรได้ 00:03:09.120 --> 00:03:11.694 และมันก็ไม่เห็นจะมีเหตุผลเลย เพราะว่าในที่สุด 00:03:11.694 --> 00:03:16.068 ผมก็สามารถที่จะมีทุนสำหรับงานศิลป์ แต่ความคิดสร้างสรรค์ของผมก็ยังกลวงโบ๋ NOTE Paragraph 00:03:16.068 --> 00:03:18.280 แต่ระหว่างที่ผมได้ค้นหามันไปในความมืด 00:03:18.280 --> 00:03:21.808 ผมตระหนักว่า อันที่จริงผมถูกตรึงให้เป็นอัมพาต ด้วยตัวเลือกมากมาย 00:03:21.808 --> 00:03:24.376 ที่ผมไม่เคยมีมาก่อน 00:03:24.376 --> 00:03:28.099 และ ณ ตอนนั้นเองที่ผมนึกย้อนไปถึงมือที่สั่นเทา 00:03:28.099 --> 00:03:30.816 "โอบกอดยอมรับ ความสั่นของมือ" 00:03:30.816 --> 00:03:33.492 และผมก็รู้ว่า ถ้าผมยังต้องการความคิดสร้างสรรค์กลับมา 00:03:33.492 --> 00:03:37.256 ผมต้องเลิกที่จะบังคับตัวเองอย่างหนักในการคิดนอกกรอบ 00:03:37.256 --> 00:03:39.972 และกลับเข้ามาหามันแทน NOTE Paragraph 00:03:39.972 --> 00:03:42.058 ผมตรองดู เรามีความคิดสร้างสรรค์ได้มากกว่าเดิมไหม 00:03:42.058 --> 00:03:44.956 โดยการมองหาข้อจำกัด 00:03:44.956 --> 00:03:50.137 ถ้าผมสามารถที่จะสร้างสรรค์งาน ด้วยอุปกรณ์ราคาแค่ดอลล่าร์เดียวล่ะ 00:03:50.137 --> 00:03:52.410 ณ จุดนี้ ผมใช้ทุกเวลาทุกเย็น 00:03:52.410 --> 00:03:55.183 เอ่อ ผมเกรงว่าผมใช้เวลาส่วนใหญ่ตอนเย็นในสตาร์บัค 00:03:55.183 --> 00:03:58.391 แต่ผมรู้ว่าขอแก้วเพิ่มได้ถ้าต้องการ 00:03:58.391 --> 00:04:00.784 ผมก็เลยตัดสินใจของสัก 50 ถ้วย 00:04:00.784 --> 00:04:02.567 น่าแปลกใจที่พวกเขาก็ให้ผมนะ 00:04:02.567 --> 00:04:04.555 และจากนั้น ด้วยดินสอที่ผมมี 00:04:04.555 --> 00:04:07.735 ผมสร้างงานนี้ขึ้นมาด้วยเงิน 80 เซน 00:04:07.735 --> 00:04:10.271 มันเป็นวินาทีที่ให้ความกระจ่างแจ้งแก่ผมจริงๆว่า 00:04:10.271 --> 00:04:13.151 เราต้องมีข้อจำกัดก่อน 00:04:13.151 --> 00:04:16.199 เพื่อที่จะไปสู่ความไร้ขอบเขต NOTE Paragraph 00:04:16.199 --> 00:04:18.207 ผมนำแนวคิดแบบนอกกรอบนี้ 00:04:18.207 --> 00:04:20.110 ไปสร้างสรรค์งานบนผ้าใบ และสงสัยว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น 00:04:20.110 --> 00:04:23.439 ถ้าแทนที่ผมจะวาดภาพบนผ้าใบ ผมวาดได้แค่บนหน้าอกของตัวเอง 00:04:23.439 --> 00:04:26.023 ดังนั้นผมจึงวาดภาพ 30 ภาพ ทีละชั้น 00:04:26.023 --> 00:04:27.223 ทับกันไปเรื่อยๆ 00:04:27.223 --> 00:04:31.723 แต่ละภาพนั้นเป็นตัวแทนของแรงบันดาลใจในชีวิตผม 00:04:31.723 --> 00:04:34.375 หรือ ถ้าแทนที่ผมจะใช้แปรงวาดเขียน 00:04:34.375 --> 00:04:37.127 แล้วผมจะใช้แค่ฝ่ามือคาราเต้ในการวาดล่ะ (เสียงหัวเราะ) 00:04:37.127 --> 00:04:38.603 ดังนั้น ผมจุมมือลงในสี 00:04:38.603 --> 00:04:40.023 และเข้าโจมตีผ้าใบ 00:04:40.023 --> 00:04:42.732 และผมก็อัดมันแรงจริงๆนะครับ ทำเอาซะข้อนิ้วก้อยผมช้ำ 00:04:42.732 --> 00:04:45.664 และงอไม่ไปสองสามสัปดาห์เลยครับ NOTE Paragraph 00:04:45.664 --> 00:04:49.027 (เสียงหัวเราะ) (เสียงปรบมือ) NOTE Paragraph 00:04:49.027 --> 00:04:53.232 หรือว่า ถ้าหากผมไม่พึ่งตัวเอง 00:04:53.232 --> 00:04:55.165 แล้วพึ่งคนอื่นแทน 00:04:55.165 --> 00:04:57.817 ในการสร้างผลงานทางศิลปะล่ะ 00:04:57.817 --> 00:05:00.608 ดังนั้น ในหกวัน ผมใช้ชีวิตหน้ากล้อง 00:05:00.608 --> 00:05:03.248 ผมนอนบนพื้นและซื้ออาหารกล่องมากิน 00:05:03.248 --> 00:05:05.553 และขอให้คนโทรหาผม และมาแบ่งปันเรื่องราวชีวิต 00:05:05.553 --> 00:05:08.236 ที่เกี่ยวกับวินาทีแห่งการเปลี่ยนแปลง 00:05:08.236 --> 00:05:10.688 เรื่องราวของพวกเขากลายเป็นงานศิลปะ 00:05:10.688 --> 00:05:14.200 เมื่อผมเขียนมันลงไปในผ้าใบที่หมุนได้ NOTE Paragraph 00:05:14.200 --> 00:05:18.665 (เสียงปรบมือ) 00:05:18.665 --> 00:05:23.161 หรือ จะเกิดอะไรขึ้น ถ้าแทนที่จะสร้างงานศิลป์เพื่อแสดง 00:05:23.161 --> 00:05:25.424 ผมต้องทำลายมันแทน 00:05:25.424 --> 00:05:27.696 นี่มันเหมือนเป็นที่สุดแห่งความจำกัด 00:05:27.696 --> 00:05:30.188 เป็นศิลปินโดยปราศจากศิลปะ 00:05:30.188 --> 00:05:32.736 ความคิดในการทำลายกลายมาเป็นโครงการที่กินเวลาเป็นปี 00:05:32.736 --> 00:05:34.089 ซึ่งผมเรียกมันว่า กู๊ดบาย อาร์ท (Goodbye Art) 00:05:34.089 --> 00:05:38.785 โดยงานศิลปะทุกๆชิ้นต้องถูกทำลายหลังจากที่มันถูกสร้างขึ้น 00:05:38.785 --> 00:05:40.276 ในช่วงแรกของ กู๊ดบาย อาร์ท ผมให้ความสนใจไปยัง 00:05:40.276 --> 00:05:43.003 การทำลายแบบบังคับ เช่นภาพของ จิมมี่ เฮนดริกส์ (Jimi Hendrix) 00:05:43.003 --> 00:05:45.808 ทำจากไม้ขึดไฟกว่า 7,000 ก้าน 00:05:45.808 --> 00:05:46.974 (เสียงหัวเราะ) 00:05:46.974 --> 00:05:50.163 จากนั้นผมก็ได้เปิดใจที่จะสร้างสรรค์งานศิลป์ ที่มันถูกทำลายได้ตามธรรมชาติ 00:05:50.163 --> 00:05:52.776 ผมมองหาวัสดุแบบชั่วคราว 00:05:52.776 --> 00:05:54.950 ดั่งเช่นบ้วนอาหาร 00:05:54.950 --> 00:05:59.012 (เสียงหัวเราะ) 00:05:59.012 --> 00:06:02.225 ภาพเขียนช๊อคบนทางเท้า 00:06:02.225 --> 00:06:06.761 และแม้กระทั่งไวน์แช่แข็ง NOTE Paragraph 00:06:06.761 --> 00:06:08.822 การทำการทำลายล้างครั้งสุดท้าย 00:06:08.822 --> 00:06:12.865 คือการที่ผมพยายามจะสร้างอะไรบางอย่าง ที่ไม่ได้มีปรากฎอยู่แล้วแต่แรกเริ่ม 00:06:12.865 --> 00:06:16.208 ผมทำการจัดเรียงเทียนบนโต๊ะ ผมจุดพวกมัน และจากนั้นเป่าเพื่อดับมัน 00:06:16.208 --> 00:06:19.848 จากนั้น ทำแบบนี้ซ้ำๆเรื่อยๆด้วยเทียนชุดเดิม 00:06:19.848 --> 00:06:23.761 และนำภาพวีดีโอเหล่านั้นมารวมเป็นภาพใหญ่ 00:06:23.761 --> 00:06:28.280 ดังนั้น ในที่สุดภาพทั้งหมดนั้นไม่เคยมีอยู่จริงในเชิงกายภาพ 00:06:28.280 --> 00:06:32.122 มันถูกทำลายหมดก่อนที่มันจะมีตัวตน NOTE Paragraph 00:06:32.122 --> 00:06:34.608 ในโครงงาน กู๊ดบาย อาร์ท นี้ 00:06:34.608 --> 00:06:37.440 ผมได้สร้างงานต่างกัน 23 ผลงาน 00:06:37.440 --> 00:06:40.752 โดยที่ไม่มีอะไรที่จับต้องได้หลงเหลือให้จัดแสดง 00:06:40.752 --> 00:06:43.176 สิ่งที่ผมคิดว่ามันเป็นข้อด้อยข้อจำกัดอย่างที่สุด 00:06:43.176 --> 00:06:46.104 กลายมาเป็นการปลดปล่อยให้เป็นอิสระ 00:06:46.104 --> 00:06:48.307 ในทุกครั้งที่ผมสร้างสรรค์งาน 00:06:48.307 --> 00:06:50.319 การทำลายได้นำผลกลับไปยังที่ที่เป็นกลาง 00:06:50.319 --> 00:06:54.604 สถานที่ซึ่งผมรู้สึกสดใหม่ และพร้อมที่จะเริ่มทำงานชิ้นถัดไป 00:06:54.604 --> 00:06:56.960 มันไม่ได้เกิดขึ้นเพียงชั่วข้ามคืนนะครับ 00:06:56.960 --> 00:06:59.011 บางครั้งโครงการของผมล้มเหลว ไม่ยอมเหินสู่ฟ้า 00:06:59.011 --> 00:07:01.800 หรือแย่กว่านั้น หลังจากหมดเวลากับมันไปมากมาย 00:07:01.800 --> 00:07:04.312 ภาพสุดท้ายออกมาช่างน่าอับอาย 00:07:04.312 --> 00:07:07.032 แต่ผมได้สร้างพันธสัญญาไว้กับกระบวนการแล้ว ผมก็เดินหน้าต่อไป NOTE Paragraph 00:07:07.032 --> 00:07:09.043 และบางครั้งสิ่งที่น่าประหลาดใจก็ปรากฎออกมา 00:07:09.043 --> 00:07:12.009 เมื่อผมได้ทำลายงานแต่ละงาน 00:07:12.009 --> 00:07:14.841 ผมได้เรียนรู้ที่จะปล่อยวาง 00:07:14.841 --> 00:07:18.352 ปล่อยวางผลที่จะออกมา ปล่อยวางความล้มเหลว 00:07:18.352 --> 00:07:20.875 และปล่อยวางความไม่สมบูรณ์ 00:07:20.875 --> 00:07:23.304 และในทางกลับกัน ผมพบวิถีทางในการสร้างงานศิลป์ 00:07:23.304 --> 00:07:27.529 ที่จะไม่มีวันดับสิ้น และไม่มีผลเกี่ยวพันใดต่อผลลัพท์ 00:07:27.529 --> 00:07:29.558 ผมได้พบว่าตนเองอยู่ในสถานะของ การสร้างสรรค์อย่างต่อเนื่อง 00:07:29.558 --> 00:07:32.056 คิดเพียงแต่ว่า จะทำอะไรต่อไป 00:07:32.056 --> 00:07:34.952 และเกิดความคิดใหม่ๆมากกว่าที่เคยเป็น NOTE Paragraph 00:07:34.952 --> 00:07:37.437 เมื่อผมคิดย้อนกลับไปยังสามปีที่ผมห่างหายจากงานศิลปะ 00:07:37.437 --> 00:07:40.688 ออกห่างจากความฝัน ปล่อยชีวิตล่องลอยไปวันๆ 00:07:40.688 --> 00:07:44.440 แทนที่จะพยายามหาทางใหม่ที่จะสานต่อความฝันนั้น 00:07:44.440 --> 00:07:47.640 ผมแค่ล้มเลิก ผมถอดใจ 00:07:47.640 --> 00:07:51.256 และถ้าหากผมไม่ได้สวมกอดอาการมือสั่นนี้ล่ะ 00:07:51.256 --> 00:07:52.453 เพราะว่าการยอมรับในอาการมือสั่นนั้น 00:07:52.453 --> 00:07:55.093 ไม่ได้แค่เกี่ยวข้องกับงานศิลปะและทักษะทางงานศิลปะ 00:07:55.093 --> 00:07:59.528 กลายเป็นว่ามันเกี่ยวกับชีวิต และการมีทักษะชีวิตด้วย 00:07:59.528 --> 00:08:02.039 เพราะว่าที่สุดแล้ว สิ่งที่เราทำเป็นส่วนใหญ่ 00:08:02.039 --> 00:08:07.611 เกิดขึ้นที่นี่ ในกล่องที่มีข้อจำกัด 00:08:07.611 --> 00:08:11.280 การเรียนรู้ที่จะมีความคิดสร้างสรรค์ ในขณะที่เราถูกวางกรอบด้วยข้อจำกัดต่างๆ 00:08:11.280 --> 00:08:15.359 เป็นความหวังที่ดีที่สุด ที่พวกเราจะสามารถเปลี่ยนแปลงตัวเอง 00:08:15.359 --> 00:08:19.224 และโดยทั้งหมดทั้งสิ้นแล้ว เปลี่ยนแปลงโลกของเรา NOTE Paragraph 00:08:19.224 --> 00:08:23.392 การมองดูข้อจำกัดนั้น ให้เป็นแหล่งของความคิดสร้างสรรค์ 00:08:23.392 --> 00:08:26.248 ได้เปลี่ยนแปลงชีวิตของผม 00:08:26.248 --> 00:08:27.939 ทุกวันนี้ เมื่อผมเผชิญหน้ากับอุปสรรค์ 00:08:27.939 --> 00:08:31.048 หรือพบว่าความคิดสร้างสรรค์ของผมนั้นตีบตัน 00:08:31.048 --> 00:08:32.602 บางที ผมก็ยังคงล้มลุกคลุกคลาน 00:08:32.602 --> 00:08:34.696 แต่ผมก็ยังคงก้าวต่อไป 00:08:34.696 --> 00:08:38.193 และพยายามที่จะย้ำเตือนตัวเองถึงความเป็นไปได้ 00:08:38.193 --> 00:08:42.788 เหมือนกับการใช้หนอนเป็นร้อยๆตัวในการสร้างภาพผลงาน 00:08:42.788 --> 00:08:47.175 ใช้เข็มสักรูปบนกล้วย 00:08:47.175 --> 00:08:53.198 หรือวาดภาพด้วยมันจากแฮมเบอร์เกอร์ NOTE Paragraph 00:08:53.198 --> 00:08:55.052 (เสียงหัวเราะ) NOTE Paragraph 00:08:55.052 --> 00:08:56.659 เร็วๆนี้ ผมใช้ความอุตสาหะอย่างมาก 00:08:56.659 --> 00:09:00.103 ในการพยายามแปลพฤติกรรมของความคิดสร้างสรรค์ ที่ผมได้เรียนรู้ 00:09:00.103 --> 00:09:03.287 ให้เป็นสิ่งที่คนอื่นๆสามารถทำตามได้ NOTE Paragraph 00:09:03.287 --> 00:09:07.144 ข้อจำกัด อาจเป็นสิ่งสุดท้าย 00:09:07.144 --> 00:09:10.538 ที่จะให้พลังกับความคิดสร้างสรรค์ แต่ทว่า 00:09:10.538 --> 00:09:14.208 มันคือ หนทางหนึ่งที่ดีที่สุด ที่เราจะขึ้นจากหล่ม 00:09:14.208 --> 00:09:18.111 ตรึกตรองถึงปทารถะ (ความเข้าใจพื้นฐาน) และขานรับคำท้าทายแห่งปทัสถาน (บรรทัดฐาน) 00:09:18.111 --> 00:09:21.970 และแทนที่จะบอกกันและกันว่า จงไขว่คว้าเอาธงชัย 00:09:21.970 --> 00:09:25.933 บางที เราอาจเตือนตนเองทุกๆวันว่า 00:09:25.933 --> 00:09:28.447 จงไขว่คว้าข้อจำกัด NOTE Paragraph 00:09:28.447 --> 00:09:29.914 ขอบคุณครับ NOTE Paragraph 00:09:29.914 --> 00:09:35.191 (เสียงปรบมือ)