0:00:00.000,0:00:03.000 วันนี้ ผมอยากจะพูดถึงเรื่องสมองของมนุษย์อย่างเราๆ 0:00:03.000,0:00:05.000 ซึ่งก็เป็นงานวิจัยที่เรากำลังศึกษากันอยู่ ที่มหาวิยาลัย University of California 0:00:05.000,0:00:07.000 เรามาลองขบคิดถึงปัญหาต่อไปนี้ดูสักหน่อย 0:00:07.000,0:00:10.000 นี่คือก้อนเนื้อ หนักราวๆ 3 ปอนด์ (1.36 กิโลกรัม) 0:00:10.000,0:00:12.000 ซึ่งสามารถวางบนฝ่ามือคุณได้อย่างง่ายดาย 0:00:12.000,0:00:16.000 แต่เจ้าก้อนน้อยๆนี้ก็สามารถขบคิดถึงความกว้างใหญ่ระดับจักรวาลได้ 0:00:16.000,0:00:18.000 สามารถขบถึงความหมายของ ค่าอนันต์ หรือ ความไม่สิ้นสุด 0:00:18.000,0:00:21.000 ถามคำถามเกี่ยวกับความหมายของการคงอยู่ของตัวมันเอง 0:00:21.000,0:00:23.000 ไปจนถึง ธรรมชาติของ'พระเจ้าผู้สร้าง' 0:00:23.000,0:00:25.000 และนี่คือสิ่งที่น่าทึ่งที่สุดในโลกก็ว่าได้ 0:00:25.000,0:00:28.000 แต่มันก็ยังเป็นสิ่งที่คงความลึกลับมากที่สุดที่มนุษย์เราเผชิญ 0:00:28.000,0:00:30.000 แล้วมันมาได้ยังไงกันแน่? 0:00:30.000,0:00:32.000 อืม... เป็นที่ทราบกันดีว่า สมองคนเรานี่ประกอบด้วยเซลล์ประสาท 0:00:32.000,0:00:34.000 เช่นในภาพที่เราเห็นอยู่นี้ 0:00:34.000,0:00:37.000 มันประกอบไปด้วยเซลล์ประสาท 100 พันล้านเซลล์ ในมนุษย์วัยทำงาน 0:00:37.000,0:00:40.000 และแต่ละเซลล์ฯก็สร้างการติดต่อสื่อสารกัน 1,000 ถึง 10,000 ครั้ง 0:00:40.000,0:00:42.000 กับเซลล์ประสาทรอบๆ 0:00:42.000,0:00:44.000 และจากข้อมูลดังกล่าว ได้มีคนคำนวนว่า 0:00:44.000,0:00:47.000 ตัวเลขของความหลากหลาย ของกิจกรรมที่เกิดจากการคุยกันเองในเซลล์ฯเหล่านั้น 0:00:47.000,0:00:50.000 เกินตัวเลขของธาตุพื้นฐานทุกๆธาตุของทั้งจักรวาล 0:00:50.000,0:00:52.000 เอาล่ะ แล้วเราจะศึกษาสมองได้อย่างไร? 0:00:52.000,0:00:54.000 วิธีหนึ่ง ก็คือ การสังเกตคนไข้ที่มีความบอบชำ้หรือแผลในส่วนต่างๆของสมอง 0:00:54.000,0:00:57.000 และศึกษาความเปลี่ยนแปลงไปจากพฤติกรรมก่อนหน้า 0:00:57.000,0:00:59.000 นั่นคือสิ่งที่ผมได้พูดไปใน TED ครั้งที่แล้ว 0:00:59.000,0:01:01.000 วันนี้ ผมจะมาพูดถึงอีกวิธีหนึ่ง 0:01:01.000,0:01:03.000 ซึ่งจะเป็นการนำ เครื่องมืดวัดคลื่นไฟฟ้า วางไว้ที่ส่วนต่างๆของสมอง 0:01:03.000,0:01:07.000 และเก็บข้อมูลเกี่ยวกับกิจกรรมของแต่ละเซลล์ประสาทในสมอง 0:01:07.000,0:01:11.000 คล้ายๆกับการดักฟัง เจ้าเซลล์ทั้งหลายในสมองนั่นเอง 0:01:11.000,0:01:14.000 ล่าสุด ได้มีการค้นพบโดยนักวิจัย 0:01:14.000,0:01:16.000 จากเมืองปาร์มา, อิตาลี 0:01:16.000,0:01:19.000 นาม Giacomo Rizzolatti และเพื่อนร่วมทีมเขา 0:01:19.000,0:01:21.000 พบว่า มีกลุ่มของเซลล์ประสาท ที่ถูกตั้งชื่อว่า 'เซลล์ประสาทกระจกเงา' 0:01:21.000,0:01:24.000 ซึ่งรวมอยู่ส่วนหน้าของสมองสองซีก 0:01:24.000,0:01:26.000 ทีนี้ ก็ยังมีเซลล์ประสาทอีกแบบ 0:01:26.000,0:01:29.000 เรียกว่า 'เซลล์ประสาทมอเตอร์ควบคุมทั่วไป' ในส่วนหน้าของสมอง 0:01:29.000,0:01:31.000 ที่เป็นที่รู้จักดีมากว่า 50 ปีมาแล้ว 0:01:31.000,0:01:34.000 เซลล์ประสาทเหล่านี้จะทำงานเมื่อร่างกายเจ้าของกระทำกริยาบางอย่าง 0:01:34.000,0:01:37.000 เช่น เมื่อผมเอื้อมมือไปหยิบลูกแอปเปิล แบบนี้ 0:01:37.000,0:01:41.000 เจ้า 'เซลล์ประสาทมอเตอร์ฯ' ก็จะทำงานทันที 0:01:41.000,0:01:44.000 และถ้าผมเอืื้อมไปดึงของบางอย่าง เซลล์ประสาทอีกตัวก็จะทำงาน 0:01:44.000,0:01:46.000 เพื่อสั่งให้ผมดึงของสิ่งนั้น 0:01:46.000,0:01:48.000 ทั้งหมดนี้ถูกสั่งงานโดยกลุ่ม 'เซลล์ประสาทมอเตอร์ฯ' ที่เป็นที่รู้จักมานานแล้วนั่นเอง 0:01:48.000,0:01:50.000 แต่สิ่งที่ Rizzolatti พบ ก็คือ 0:01:50.000,0:01:52.000 ประเภทย่อยของเจ้าเซลล์ประสาทเหล่านี้ 0:01:52.000,0:01:54.000 ราวๆ 20% ของทั้งกลุ่มอาจทำงาน ขณะที่ผม 0:01:54.000,0:01:57.000 กำลังมองดูใครสักคนทำกริยาเดียวกัน 0:01:57.000,0:02:00.000 นี่คือเซลล์ประสาทที่ทำงานเวลาผมเอื้อมไปจับวัตถุบางอย่าง 0:02:00.000,0:02:03.000 แต่มันก็จะทำงานเช่นกัน เมื่อผมมองคุณโจหรือใครสักคนทำกริยาเดียวกัน 0:02:03.000,0:02:05.000 และนี่เป็นสิ่งที่น่าทึ่งอย่างแท้จริง 0:02:05.000,0:02:07.000 เพราะว่ามันราวกับว่า เจ้าเซลล์ประสาทตัวนี้ได้ 0:02:07.000,0:02:09.000 รับเอามุมมองผู้อื่นมาขบคิดเอง 0:02:09.000,0:02:13.000 ราวกับว่ามันได้จำลอง โลกความจริงเสมือน 0:02:13.000,0:02:15.000 ของการกระทำของผู้อื่นนั่นเอง 0:02:15.000,0:02:18.000 แล้วเจ้า 'เซลล์ประสาทกระจกเงา' เหล่านี้มีความสำคัญอะไรบ้าง? 0:02:18.000,0:02:21.000 อย่างหนึ่งก็คือ มันต้องมีความเกี่ยวข้องกับการเลียนแบบและลอกเลียนพฤติกรรม 0:02:21.000,0:02:24.000 เพราะว่าการเลียนแบบพฤติกรรมเป็นสิ่งที่ซับซ้อน 0:02:24.000,0:02:27.000 ที่ต้องการการรับเอาการมองโลกของผู้อื่นเข้ามา 0:02:27.000,0:02:29.000 ฉะนั้นการเลียนแบบและลอกเลียนพฤติกรรมจึงมีความสำคัญ 0:02:29.000,0:02:31.000 แล้ว ทำไมถึงสำคัญ? 0:02:31.000,0:02:34.000 เรามาลองดูที่สไลด์ต่อไปนี้กัน 0:02:34.000,0:02:37.000 ถามว่า เราเลียนแบบได้อย่างไร? ทำไมมันถึงสำคัญ? 0:02:37.000,0:02:39.000 "กลุ่มเซลล์ประสาทกระจกเงา, การเลียนแบบ, และการลอกเลียนพฤติกรรม" 0:02:39.000,0:02:43.000 เอาล่ะ ลองมาดูที่ วัฒนธรรม, ปรากฎการณ์ที่เกี่ยวกับวัฒนธรรมของมนุษย์กันบ้าง 0:02:43.000,0:02:47.000 หากเราย้อนเวลาไปราวๆ 75,000 ถึง 100,000 ปีที่แล้ว 0:02:47.000,0:02:49.000 แล้วมองดูที่วิวัฒนาการของมนุษย์ เราจะพบว่า 0:02:49.000,0:02:52.000 มีบางอย่างที่สำคัญมากเกิดขึ้นราว 75,000 ปีที่แล้ว 0:02:52.000,0:02:54.000 และนั่นก็คือ การวิวัฒนาการและแผ่วงกว้างของ 0:02:54.000,0:02:57.000 จำนวนความทักษะใหม่ๆที่เป็นเอกลักษณ์ของมนุษย์ยุคนั้น 0:02:57.000,0:02:59.000 เช่น การเริ่มใช้เครื่องทุ่นแรง 0:02:59.000,0:03:02.000 การใช้ประโยชน์จากไฟ, การรู้จักสร้างที่อยู่อาศัย, และ แน่นอนที่สุดคือ การใช้ภาษา 0:03:02.000,0:03:04.000 และยังมี ความสามารถในการอ่านจิตใจผู้อื่น 0:03:04.000,0:03:06.000 และการแปลภาษากายของคนผู้นั้น 0:03:06.000,0:03:08.000 ทั้งหมดนี้ได้พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็วมาก 0:03:08.000,0:03:11.000 แม้ว่า สมองมนุษย์ได้มีขนาดเท่าเดิมตั้งแต่เวลานั้น 0:03:11.000,0:03:13.000 เกือบสามถึงสี่พันปีมาจวบจนปัจจุบัน 0:03:13.000,0:03:15.000 แสนปีก่อน สิ่งเหล่านี้วิวัฒนาการมาเร็วมากๆ 0:03:15.000,0:03:18.000 และผมอยากบอกว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเวลานั้นก็คือ 0:03:18.000,0:03:21.000 การพัฒนาก้าวกระโดดของระบบเซลล์ประสาทกระจกเงา 0:03:21.000,0:03:23.000 ซึ่งได้ทำให้คุณสามารถเลียนแบบพฤติกรรมต่างๆของผู้อื่นได้ 0:03:23.000,0:03:27.000 เพื่อว่า เมื่อเกิดการค้นพบที่ไม่คาดคิด 0:03:27.000,0:03:30.000 โดยคนหนึ่งที่เป็นสมาชิกในกลุ่ม เช่น การใช้ประโยชน์จากไฟ 0:03:30.000,0:03:32.000 หรือประเภทของเครื่องมือเฉพาะทางนั้น แทนที่จะถูกลืมเลือนไป 0:03:32.000,0:03:35.000 ก็ได้แผ่กว้างอย่างรวดเร็ว จนการเลียนแบบหรือความรู้นั้นๆทั่วถึงประชากรทั้งหมด 0:03:35.000,0:03:38.000 หรือส่งผ่านไปยังทายาทรุ่นต่อไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ 0:03:38.000,0:03:40.000 นี่เอง ที่ทำให้ทฤษฎีวิวัฒนาการ กลายเป็นแบบ Lamarck 0:03:40.000,0:03:42.000 ไม่ใช่แบบ Darwin 0:03:42.000,0:03:45.000 ทฤษฎีวิวัฒนาการแบบดาร์วินจะเป็นไปในแบบช้าๆ กินเวลาเป็นแสนๆปี 0:03:45.000,0:03:47.000 หมีขั้วโลก กว่าจะได้เป็นขนขาวๆ 0:03:47.000,0:03:50.000 ต้องกินเวลาลูกหลานเป็นพันๆรุ่น บางที ก็อาจถึงแสนปี 0:03:50.000,0:03:53.000 ในขณะที่ คนเรา เช่น เด็กคนหนึ่ง สามารถจะดูพ่อแม่ตน 0:03:53.000,0:03:56.000 ฆ่าหมีขั้วโลก 0:03:56.000,0:03:59.000 และถลกหนังพร้อมขนมาเป็นเครื่องนุ่งห่มขึ้นมา 0:03:59.000,0:04:01.000 แล้วเด็กก็เรียนรู้ทั้งหมดในขั้นตอนเดียว 0:04:01.000,0:04:03.000 ขณะที่หมีขั้วโลกของดาร์วิน ใช้เวลาเป็นแสนปีเพื่อเรียนรู้ 0:04:03.000,0:04:06.000 สมองของเจ้าเด็กสามารถทำได้ภายใน 5 หรือ 10 นาทีเท่านั้น 0:04:06.000,0:04:08.000 และเมื่อมันได้เรียนรู้แล้ว ความรู้นี้ก็จะขยายกว้างออก 0:04:08.000,0:04:11.000 ไปตามสัดส่วนแบบเรขาคณิต ทั่วทุกพื้นที่ 0:04:11.000,0:04:14.000 นี่เป็นรากฐานสำคัญ การเลียนแบบของทักษะที่ซับซ้อนต่างๆนั้น 0:04:14.000,0:04:17.000 คือสิ่งที่เราเรียกว่า วัฒนธรรม และ รากฐานของอารยธรรม 0:04:17.000,0:04:19.000 ทีนี้ ก็มีเซลล์ประสาทกระจกเงาอีกแบบ 0:04:19.000,0:04:21.000 ซึ่งเกี่ยวข้องกับบางสิ่งที่ต่างออกไป 0:04:21.000,0:04:23.000 กล่าวคือ ในกลุ่มของเซลล์ประสาทกระจกฯ 0:04:23.000,0:04:26.000 (เช่น นอกจากเซลล์ประสาทกระจกฯ สำหรับกริยาต่างๆแล้ว) ได้มีเซลล์ประสาทกระจกฯสำหรับการสัมผัส 0:04:26.000,0:04:28.000 พูดอีกแบบก็คือ หากมีคนมาแตะต้องมือผม 0:04:28.000,0:04:30.000 เซลล์ประสาทในบริเวณที่เป็นส่วนรับการสัมผัส 0:04:30.000,0:04:32.000 ในบริเวณประสาทรับความรู้สึกจะทำงานทันที 0:04:32.000,0:04:35.000 แต่ เซลล์ประสาทเดียวกันนี้ ก็จะทำงานในกรณีอื่นๆบางกรณีเช่นกัน 0:04:35.000,0:04:37.000 ในเวลาที่ผมแค่เห็นคนอื่นถูกสัมผัส 0:04:37.000,0:04:40.000 ดังนั้น มันสามารถเข้าใจความรู้สึกของคนอื่นที่ถูกสัมผัสได้ 0:04:40.000,0:04:42.000 และเกือบทั้งกลุ่มเซลล์เหล่านั้น จะทำงานเมื่อผมถูกสัมผัส 0:04:42.000,0:04:45.000 ในตำแหน่งต่างๆกัน กลุ่มเซลล์ฯแต่ละกลุ่มจะรับผิดชอบแต่ละตำแหน่งที่ถูกสัมผัส 0:04:45.000,0:04:47.000 แต่เจ้ากลุ่มย่อยจะทำงานเช่นกันเมื่อผมเห็นคนอื่น 0:04:47.000,0:04:49.000 ถูกสัมผัสในตำแหน่งเดียวกัน 0:04:49.000,0:04:51.000 และที่นี่เช่นเดียวกัน คุณก็เป็นเจ้าของเซลล์ฯเหล่านั้น 0:04:51.000,0:04:53.000 ซึ่งได้มีถูกสร้างให้มีความเข้าในในผู้อื่นได้อย่างดี 0:04:53.000,0:04:56.000 ทีนี้ คำถามก็คือ: หากผมเห็นคนหนึ่งได้รับการสัมผัส 0:04:56.000,0:05:00.000 ทำไมผมถึงไม่ฉงน และ รู้สึกถึงการสัมผัสนั้นอย่างแท้จริงได้เลย 0:05:00.000,0:05:02.000 ในการที่ ผมแค่การเห็นผู้อื่นถูกสัมผัส ? 0:05:02.000,0:05:06.000 กล่าวคือ ผม'เข้าใจ'ความรู้สึกเขา แต่ไม่ได้'รู้สึก'ไปด้วยจริงๆ 0:05:06.000,0:05:08.000 นั่นก็เพราะว่าเรามีเซลล์รับความรู้สึกซ่อนอยู่ในชั้นผิวหนัง 0:05:08.000,0:05:10.000 เซลล์รับรู้การสัมผัส และความเจ็บปวด แล้วก็ส่งข้อมูลความรู้สึกนั้นๆไปสู่สมอง 0:05:10.000,0:05:13.000 และคล้ายๆกับสมองกระซิบบอกเราว่า "ไม่ต้องห่วง คุณไม่ได้ถูกสัมผัสจริงๆหรอก 0:05:13.000,0:05:16.000 ฉะนั้น แค่จงเข้าใจความรู้สึกทั้งหมดของผู้นั้น 0:05:16.000,0:05:18.000 แต่ไม่จำเป็นต้องเข้าไปร่วมรู้สึกด้วยนะ 0:05:18.000,0:05:20.000 ไม่เช่นนั้นแล้ว คุณจะเกิดความสับสนและวุ่นวายใจได้" 0:05:20.000,0:05:22.000 นั่นบอกถึงว่า มีสัญญาณตอบรับ 0:05:22.000,0:05:24.000 ซึ่งห้ามสัญญาณจาก'นิวรอนกระจก' (หรือ เซลล์ประสาทกระจกเงา) 0:05:24.000,0:05:27.000 ซึ่งป้องกันคุณจากความรู้สึกที่เกิดขึ้นกับผู้นั้นอย่างแท้จริง 0:05:27.000,0:05:30.000 แต่ถ้าคุณตัดแขนออก คุณจะทำให้แขนผมชาไปเลยอย่างง่ายดาย 0:05:30.000,0:05:32.000 คล้ายๆกับฉีดยาชาให้แขนผม 0:05:32.000,0:05:34.000 ทำให้กลุ่มร่างแหประสาทแขนไร้ความรู้สึก แขนจึงชาด้านไป 0:05:34.000,0:05:36.000 และไม่มีข้อมูลความรู้สึกเข้ามา 0:05:36.000,0:05:38.000 และหากตอนนี้ผมเห็นคุณถูกสัมผัส 0:05:38.000,0:05:40.000 ผมก็จะค่อยๆกลับมารู้สึกได้ที่มือของผม 0:05:40.000,0:05:42.000 พูดอีกอย่างคือ คุณได้ทำลายอุปสรรค 0:05:42.000,0:05:44.000 ระหว่างคุณและเพื่อนมนุษย์ด้วยกันทุกคน 0:05:44.000,0:05:47.000 ดังนั้นผมจึงเรียกมันว่า 'เซลล์ประสาทคานธี' หรือ 'เซลล์ประสาทแห่งการเข้าใจผู้อื่น' 0:05:47.000,0:05:48.000 ((เสียงหัวเราะ)) 0:05:48.000,0:05:51.000 และนี่ไม่ใช่สิ่งที่เป็นอุปมาอุปมัยที่จับต้องไม่ได้ 0:05:51.000,0:05:53.000 สิ่งที่ขวางกั้นระหว่าง 'คุณ' กับ 'เขา' 0:05:53.000,0:05:55.000 ก็คือ ผิวหนังหรือร่างกาย คุณเองเท่านั้น 0:05:55.000,0:05:59.000 ลองทำเป็นไม่มีร่างกายขวางกั้นดู คุณจะรับรู้ถึงสัมผัสที่ได้จากคนนั้น ภายในจิตใจคุณเอง 0:05:59.000,0:06:02.000 คุณ ได้ทำลายกำแพง ที่กั้นระหว่าง 'คุณ' และ 'เพื่อนมนุษย์' ด้วยกันลงในที่สุด 0:06:02.000,0:06:04.000 และแน่นอนว่า สิ่งนี่เองที่เป็นรากฐานสำคัญของปรัชญาตะวันออก 0:06:04.000,0:06:07.000 คือ ไม่มีสิ่งได้คงอยู่ได้ด้วยตัวมันเองสิ่งเดียว 0:06:07.000,0:06:09.000 ที่ปลีกตัวจากเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน เพื่อการสำรวจโลก 0:06:09.000,0:06:11.000 สำรวจผู้อื่น 0:06:11.000,0:06:14.000 ความจริงแล้ว คุณไม่ได้เชื่อมต่อกันทาง เฟสบุค และ อิเตอร์เนต เท่านั้น 0:06:14.000,0:06:17.000 คุณยังเชื่อมต่อกันผ่านสายใยนิวรอนของคุณเองกับเพื่อนมนุษย์ด้วย 0:06:17.000,0:06:20.000 และที่แห่งนี้ก็ มีสายใยของนิวรอนนั้นเชื่อมถึง, สื่อสารกันอยู่ทั่วทั้งห้อง 0:06:20.000,0:06:22.000 และจิตสำนึกของคุณก็ไม่ได้แยกออกต่างหากจาก 0:06:22.000,0:06:24.000 จิตสำนึกของผู้อื่นแม้แต่น้อย 0:06:24.000,0:06:26.000 และมันไม่ใช่ปรัชญาที่ไร้ความหมายแต่อย่างใด 0:06:26.000,0:06:29.000 มันเกิดมาจากความเข้าใจที่เรามีใน'ประสาทวิทยาศาสตร์' ขั้นพื้นฐาน 0:06:29.000,0:06:32.000 ทีนี้ คุณมีคนไข้ที่ไร้แขนหรือขา ที่เขายังรู้สึกว่าแขนขาเขายังอยู่ และหากคุณไร้แขน 0:06:32.000,0:06:34.000 แต่คุณยังรู้สึกได้ว่ามันยังอยู่ เวลาคุณเห็นแขนผู้อื่นถูกจับ 0:06:34.000,0:06:36.000 คุณจะรู้สึกได้ที่ 'แขนล่องหน' ของคุณเอง 0:06:36.000,0:06:38.000 แต่สิ่งที่น่าทึ่งไปกว่านั้นคือ 0:06:38.000,0:06:41.000 หากคุณรู้สึกปวดที่แขนล่องหนของคุณ และคุณใช้มือที่เหลือบีบหรือ 0:06:41.000,0:06:43.000 นวดมือผู้อื่น 0:06:43.000,0:06:45.000 นั่นจะช่วยคลายปวดให้กับแขนล่องหนคุณเองไปด้วย 0:06:45.000,0:06:47.000 ราวกับว่าเจ้านิวรอน (หรือ เซลล์ประสาท) 0:06:47.000,0:06:49.000 สามารถเอาความผ่อนคลายเข้ามาได้เพียงแต่มัน 0:06:49.000,0:06:51.000 ได้เห็นผู้อื่นถูกนวด และผ่อนคลายนั่นเอง 0:06:51.000,0:06:54.000 และนี่คือสไลด์สุดท้ายของผม 0:06:54.000,0:06:56.000 นานมาแล้ว พวกเราได้แบ่งแยกวิทยาศาสตร์ 0:06:56.000,0:06:58.000 ออกจากมนุษยชาติ ไว้อย่างชัดเจน 0:06:58.000,0:07:01.000 คุณ C.P. Snow ได้พูดเกี่ยวกับสองสิ่งไว้ว่า: 0:07:01.000,0:07:03.000 'วิทยาศาสตร์ก็เรื่องหนึ่ง มนุษยชาติก็อีกเรื่องหนึ่ง 0:07:03.000,0:07:05.000 ไม่สามารถมาร่วมเดินด้วยกันได้' 0:07:05.000,0:07:07.000 แต่ที่ผมอยากบอกก็คือ ระบบของนิวรอนกระจก นั้นได้เป็นตัวเชื่อมระหว่างสองสิ่ง 0:07:07.000,0:07:10.000 ซึ่งทำให้คุณต้องมาขบคิดอีกครั้ง เกี่ยวกับสิ่งเหล่านี้ เช่น จิตสำนึก, 0:07:10.000,0:07:12.000 การแสดงออกถึงการคงอยู่ของปัจเจก, 0:07:12.000,0:07:14.000 สิ่งที่กั้นคุณออกจากเพื่อนมนุษย์คนอื่น, 0:07:14.000,0:07:16.000 สิ่งที่ทำให้คุณรู้จักเห็นอกเห็นใจผู้อื่น, 0:07:16.000,0:07:19.000 ไปจนถึงเรื่องอื่น เช่น การวิวัฒน์มาของวัฒนธรรมและอารยธรรม 0:07:19.000,0:07:21.000 ที่เป็นเอกลักษณ์ของทั้งมนุษยชาติ ขอบคุณครับ 0:07:21.000,0:07:23.000 (((เสียงปรบมือ))