(เสียงระฆัง)
ทำอย่างไรจึงจะสามารถเปิดใจให้ผู้อื่นได้
อย่างแท้จริง
นมัสการท่านอาจารย์
สวัสดีญาติธรรมทุกท่าน
ทำยังไงเราจึงจะสามารถเปิดใจกับคนอื่นได้คะ
คือมันมีความกลัวที่จะถูกปฏิเสธ
หรือเข้าใจผิด
...
...
ความเข้าใจผิด การรับรู้ผิดๆ
เป็นธรรมดาชีวิต
เหมือนโคลนตม
ความเข้าใจผิด การรับรู้ผิดๆ
เป็นที่มาของสงคราม และความขัดแย้ง
ความตาย ความทุกข์
นั่นเป็นโคลนตม
การมาภาวนาจะช่วยให้เราค่อยๆ ลดละ
ความเข้าใจผิด และมุมมองผิดๆ
ให้กลับมาสื่อสารกันใหม่
ด้วยฉันมิตร
เปลี่ยนโคลนตมให้กลายเป็นดอกบัว
มันเป็นไปได้นะ
และคำสอนของพระพุทธเจ้าช่วยเราให้ทำได้
ไม่ว่าคนเดียว หรือหลายคน
และเมื่อคนหลายคนทำเช่นนี้ได้
สถาณการณ์ของสังคมก็จะเปลี่ยน
ดังนั้น การฝึกฝนเพียงตนเองยังไม่พอ
เรายังต้องฝึกเป็นหมู่ เป็นสังฆะด้วย
มีพวกเราหลายคน กลัวเหลือเกิน
ที่จะรัก
เราไม่กล้าเปิดใจ
เรากลัว เพราะเราเคยผ่านความเจ็บปวดมาก่อน
เราเลยคิดว่าความรักคือความเจ็บปวด
น่าเสียดายนะ
เพราะความรักที่แท้จะนำมาซึ่งการเยียวยา
และความสดชื่น
มีบทกวีเขียนไว้อย่างนี้ว่า...
"ดอกไม้เบ่งบานธารวสันต์
ไยใจฉันจึงลั่่นดาลมิอาจเผย"
เพราะมีความกลัว
กลัวจะเจ็บปวดอีกครั้ง
เพราะเราไม่เคยมาศึกษา
ศิลปะแห่งความรัก
แน่นอน อีกคนก็ไม่ได้เรียนเหมือนกัน
และเราก็ไม่ได้เรียน
เรายังไม่รู้เลยว่าจะรักยังไง
ความเข้าใจผิด และมุมมองผิดๆ จึงได้โอกาส
แล้วเราก็ทำตัวเองเป็นทุกข์
ทำกันและกันเป็นทุกข์
ดังนั้น เราควรจะมาศึกษา
คำสอนของพระพุทธเจ้าเรื่องความรัก
รักแท้ ประการแรก คือ ไมตรี (เมตตา)
รักแท้ ต้องนำมาซึ่งความสุข
เมตตา จะเป็นพลังงานที่นำความสุข
มาให้เราและอีกฝ่าย
รักใดไม่สามารถนำมาซึ่งความสุข
ไม่ใช่ความรัก
เป็นอย่างอื่น
ความหลงไหล
ความกระสัน
ความพอใจในสัมผัส
หรือความอยากครอบครอง
ไม่ใช่รัก
ดังนั้น เมตตา จึงเป็นพลังงาน
ที่เราต้องบ่มเพาะ
ถ้ามันเป็นรักแท้ มันก็พึงนำมาซึ่งความผาสุก
ความสบายใจสำหรับเราและอีกฝ่าย
และจะบ่มเพาะเมตตานี้อย่างไร
มันคือการสังเกต การใช้เวลาสังเกต
ทำความเข้าใจ
เข้าใจในความทุกข์
ความเดือดร้อน
และความจำเป็นของอีกฝ่าย
ความทุกข์ ความเดือดร้อน
และความจำเป็นของเราเอง
สิ่งนี้ต้องใช้เวลา
ค่อยๆ มองเข้าไปภายในเราเอง
เราต้องเข้าใจความทุกข์ ความเดือดร้อน
และความต้องการลึกๆ ของเราเอง
และยอมรับตัวเองในแบบที่มันเป็น
ดังนั้น ความเข้าใจ เป็นพื้นฐานของความรัก
เป็นพื้นฐานของความเมตตา
เราควรถามตนเองว่า "เราเข้าใจตนเองหรือยัง"
"เราเข้าใจความทุกข์ ความเดือดร้อน
ของตัวเองหรือยัง"
ถ้าเราเข้าใจความทุกข์
ความเดือดร้อนของตัวเองแล้ว
เราจะรู้สึกดีขึ้นมาก
เรายอมรับตัวเอง
และเมื่อ...เรามองไปที่อีกฝ่าย
เราจะเข้าใจเขามากขึ้น
ดังนั้น สิ่งแรกเลยคือ การเข้าใจตนเอง
และยอมรับตนเอง
ถัดมา คือเข้าใจผู้อื่น เข้าใจอีกฝ่าย
ถ้าปราศจากความเข้าใจ และการยอมรับแล้ว
ความสุขก็เป็นไปไม่ได้