0:00:14.756,0:00:16.217 ทุกวันนี้ นักวิทยาศาสตร์รู้แล้วว่า 0:00:16.241,0:00:18.661 เราได้รับลักษณะต่าง ๆ จากพ่อแม่มาได้อย่างไร 0:00:18.685,0:00:21.790 ทั้งยังคำนวณความน่าจะเป็น[br]ที่เราจะมีลักษณะหนึ่ง ๆ 0:00:21.790,0:00:23.794 หรือเป็นโรคทางพันธุกรรมได้ 0:00:23.804,0:00:26.345 ด้วยข้อมูลจากพ่อแม่[br]และประวัติครอบครัว 0:00:26.345,0:00:28.210 ว่าแต่ทำได้อย่างไรกัน 0:00:28.210,0:00:31.210 เพื่อทำความเข้าใจว่าลักษณะของสิ่งมีชีวิต[br]ถูกส่งผ่านจากรุ่นสู่รุ่นได้อย่างไร 0:00:31.210,0:00:33.119 เราต้องย้อนกลับไปยังศตวรรษที่ 19 0:00:33.119,0:00:35.861 ไปหาชายชื่อ เกรกอร์ เมนเดล 0:00:35.861,0:00:38.212 เมนเดลเป็นนักบวช[br]และนักชีววิทยาชาวออสเตรีย 0:00:38.212,0:00:39.772 ผู้รักพืชพันธุ์ต่าง ๆ 0:00:39.772,0:00:42.315 เมื่อเขาผสมพันธุ์ถั่วลันเตา[br]ที่เขาเพาะเอาไว้ในสวนบริเวณอาราม 0:00:42.315,0:00:44.961 เกรกอร์ค้นพบหลักการ[br]ของกฎการถ่ายทอดทางพันธุกรรม 0:00:44.961,0:00:46.991 ในตัวอย่างที่โด่งดังที่สุดตัวอย่างหนึ่ง 0:00:46.991,0:00:48.991 เมนเดลผสมพันธุ์ถั่วเมล็ดสีเหลืองพันธุ์แท้ 0:00:48.991,0:00:50.980 กับถั่วเมล็ดสีเขียวพันธุ์แท้ 0:00:50.980,0:00:53.374 และได้มาแต่ถั่วเมล็ดสีเหลือง 0:00:53.374,0:00:55.997 เขาเรียกลักษณะสีเหลืองว่า ลักษณะเด่น 0:00:55.997,0:00:58.673 เพราะมันปรากฏในเมล็ดถั่วรุ่นลูกทั้งหมด 0:00:58.673,0:01:01.345 จากนั้น เขาให้เมล็ดถั่วพันธุ์ผสมนี้ผสมพันธุ์กันเอง 0:01:01.345,0:01:04.516 ในถั่วรุ่นที่สองนี้ [br]เขามีทั้งถั่วเมล็ดสีเหลืองและเขียว 0:01:04.516,0:01:07.870 ซึ่งหมายความว่าสีเขียวเป็นลักษณะที่ถูกข่มไว้[br]ด้วยสีเหลืองที่เป็นลักษณะเด่น 0:01:07.870,0:01:10.114 เขาเรียกลักษณะที่ซ่อนไว้นี้ว่า ลักษณะด้อย 0:01:10.114,0:01:11.727 ด้วยผลนี้ เมนเดลสรุปว่า[br] 0:01:11.727,0:01:13.945 ลักษณะแต่ละชนิดขึ้นอยู่กับคู่ปัจจัย 0:01:13.945,0:01:15.600 ปัจจัยหนึ่งถ่ายทอดมาจากแม่ 0:01:15.600,0:01:17.106 ส่วนอีกปัจจัยถ่ายทอดมาจากพ่อ 0:01:17.106,0:01:19.444 ปัจจุบันเราเรียกปัจจัยเหล่านี้ว่า อัลลีล (alleles) 0:01:19.444,0:01:21.800 ที่แสดงรูปแบบต่าง ๆ ของยีนหนึ่ง ๆ 0:01:21.800,0:01:24.658 ขึ้นอยู่กับว่าเมลเดลพบอัลลีลประเภทไหน[br]ในถั่วแต่ละเมล็ด 0:01:24.658,0:01:28.263 เราสามารถได้ถั่วโฮโมไซกัส[br]ซึ่งมีทั้งสองอัลลีลเหมือนกัน 0:01:28.263,0:01:30.040 และถั่วเฮเทอโรไซกัส 0:01:30.040,0:01:31.757 ที่มีสองอัลลีลที่ต่างกัน 0:01:31.757,0:01:34.497 การคู่ของอัลลีลนี้เรียกว่า จีโนไทป์ 0:01:34.497,0:01:36.465 และผลลัพธ์ที่ได้ ว่าเป็นสีเหลืองหรือเขียว 0:01:36.465,0:01:38.217 เรียกว่า ฟีโนไทป์ 0:01:38.217,0:01:41.387 เพื่อที่จะเห็นภาพได้อย่างชัดเจน[br]ว่าอัลลีลถูกแจกแจงในสู่รุ่นลูกหลานอย่างไร 0:01:41.387,0:01:43.578 เราสามารถสร้างแผนภาพที่เรียกว่า[br]ตารางพันเนตต์ (Punnett square) 0:01:43.578,0:01:45.666 เพียงใส่อัลลีลแบบต่าง ๆ ลงในทั้งสองแกน 0:01:45.666,0:01:47.831 และหาการจัดคู่ทั้งหมดที่เกิดขึ้นได้ 0:01:47.831,0:01:49.847 เราลองดูตัวอย่างถั่วของเมนเดลกัน 0:01:49.847,0:01:52.906 แทนอัลลีลเด่นสีเหลืองด้วย Y ตัวใหญ่ 0:01:52.906,0:01:55.501 และอัลลีลด้อยสีเขียวด้วย y ตัวเล็ก 0:01:55.501,0:01:58.165 Y ตัวใหญ่ข่ม y ตัวเล็กเสมอ 0:01:58.165,0:01:59.982 ดังนั้น คุณจะได้ถั่วรุ่นลูกเป็นสีเขียว 0:01:59.982,0:02:02.208 ก็ต่อเมื่อคุณมี y ตัวเล็กทั้งคู่ 0:02:02.208,0:02:05.025 ในถั่วรุ่นแรกของเมนเดล[br]ถั่วแม่พันธุ์โฮโมไซกัสสีเหลือง 0:02:05.025,0:02:07.451 จะถ่ายทอดอัลลีลเด่นสีเหลืองให้ลูกแต่ละตัว 0:02:07.451,0:02:10.694 ส่วนถั่วพ่อพันธุ์โฮโมไซกัสสีเขียว[br]ก็จะถ่ายทอดอัลลีลด้อยสีเขียวให้ 0:02:10.694,0:02:13.636 ฉะนั้น ถั่วรุ่นลูกทั้งหมด[br]จึงเป็นถั่วเฮเทอโรไซกัสสีเหลือง 0:02:13.636,0:02:15.259 จากนั้น ในรุ่นที่สอง 0:02:15.259,0:02:17.089 ที่ให้รุ่นเฮเทอโรไซกัสผสมพันธุ์กันเอง 0:02:17.089,0:02:20.018 ถั่วที่ได้จะมีจีโนไทป์ที่เป็นไปได้สามแบบ 0:02:20.018,0:02:21.859 ที่จะแสดงฟีโนไทป์ที่เป็นไปได้ได้สองแบบ 0:02:21.859,0:02:23.840 ในสัดส่วนสามต่อหนึ่ง 0:02:23.840,0:02:25.934 แต่ว่า แม้แต่ถั่วก็มีลักษณะได้หลายอย่าง 0:02:25.934,0:02:27.998 ยกตัวอย่างเช่น [br]นอกจากจะมีสีเหลืองหรือเขียวแล้ว 0:02:27.998,0:02:29.548 ผิวถั่วอาจจะเกลี้ยงหรือย่นก็ได้ 0:02:29.548,0:02:31.843 ฉะนั้น อาจเกิดเป็นรูปแบบที่เป็นไปได้ทั้งหมดดังนี้ 0:02:31.843,0:02:33.663 ถั่วเหลืองผิวเกลี้ยง[br]ถั่วเขียวผิวเกลี้ยง 0:02:33.663,0:02:35.663 ถั่วเหลืองผิวย่น[br]หรือถั่วเขียวผิวย่น 0:02:35.663,0:02:38.563 ในการคำนวณสัดส่วนสำหรับแต่ละ[br]จีโนไทป์และฟีโนไทป์[br] 0:02:38.563,0:02:40.143 เราก็ใช้ตารางพันเนตต์ได้เช่นกัน 0:02:40.143,0:02:42.613 แต่แน่นอนว่ามันจะซับซ้อนกว่าเดิมนิดหน่อย 0:02:42.613,0:02:44.973 และมันยังมีอะไรอีกหลายอย่าง[br]ที่ซับซ้อนกว่าถั่วอีกเยอะ 0:02:44.973,0:02:46.793 เช่น มนุษย์ เป็นต้น 0:02:46.793,0:02:50.013 ในปัจจุบัน นักวิทยาศาสตร์มีความรู้[br]ด้านพันธุศาสตร์และพันธุกรรมกว่าเดิมมาก 0:02:50.013,0:02:53.473 และยังมีอีกหลายวิธีที่ลักษณะบางอย่าง[br]จะถูกส่งผ่านจากรุ่นสู่รุ่น 0:02:53.473,0:02:55.263 แต่ทั้งหมดนั้น ล้วนเริ่มจากเมนเดลและถั่วของเขา