0:00:07.166,0:00:10.034 แสงเป็นสิ่งที่รวดเร็วที่สุดที่เรารู้จัก 0:00:10.034,0:00:13.113 มันเคลื่อนที่เร็วมาก[br]ซึ่งทำให้เราวัดระยะทางได้ไกลขึ้น 0:00:13.113,0:00:16.321 โดยวัดระยะเวลาที่แสงเคลื่อนที่ถึงพวกมัน 0:00:16.321,0:00:20.397 ในระยะเวลา 1 ปี แสงสามารถเดินทางได้ระยะทาง[br]ประมาณ 6,000,000,000,000 ไมล์ 0:00:20.397,0:00:22.915 เราเรียกระยะทางนี้ว่า 1 ปีแสง 0:00:22.915,0:00:25.270 เพื่อให้เห็นภาพถึงความไกลนี้ 0:00:25.270,0:00:29.196 ดวงจันทร์ที่ยานอวกาศอพอลโล[br]ใช้เวลาถึง 4 วันในการเดินทาง 0:00:29.196,0:00:32.276 แสงใช้เวลาเพียงแค่ 1 วินาที 0:00:32.276,0:00:36.698 ขณะที่ ดาวที่ใกล้ดวงอาทิตย์ของเรามากที่สุด[br]คือ พร็อกซิมาเซ็นเทารี (Proxima Centauri) 0:00:36.698,0:00:39.731 ซึ่งห่างออกไป 4.24 ปีแสง 0:00:39.731,0:00:44.276 กาแล็กซีทางช้างเผือกของเรากว้าง[br]ถึงหลัก 100,000 ปีแสง 0:00:44.276,0:00:46.882 กาแล็กซีที่ใกล้เรามากที่สุด[br]คือ แอนโดรมีดา (Andromeda) 0:00:46.882,0:00:49.857 ห่างออกไปประมาณ 2.5 ล้านปีแสง 0:00:49.857,0:00:52.616 อวกาศใหญ่กว้างเกินกว่าที่เราจิตนาการถึง 0:00:52.616,0:00:56.959 แต่เดี๋ยวก่อน พวกเรารู้ระยะห่างของ[br]ดวงดาวและกาแล็กซีได้อย่างไร 0:00:56.959,0:01:01.234 นอกจากนี้ เวลาที่เรามองดูท้องฟ้า[br]เราเห็นมันเป็นแผ่นเรียบๆ 2 มิติ 0:01:01.234,0:01:05.321 ถ้าคุณชี้นิ้วไปที่ดาวซักดวง[br]คุณไม่สามารถบอกได้เลยว่ามันไกลเท่าไร 0:01:05.321,0:01:08.684 แล้วบรรดานักฟิสิกส์ดาราศาสตร์รู้ได้อย่างไร 0:01:08.684,0:01:10.915 สำหรับวัตถุที่ใกล้ 0:01:10.915,0:01:14.776 เราสามารถใช้แนวคิดที่เรียกว่า trigonometric parallax 0:01:14.776,0:01:16.550 ไอเดียของมันธรรมดามาก 0:01:16.550,0:01:17.962 มาทดลองกันดู 0:01:17.962,0:01:21.289 ชูนิ้วโป้งออกไปแล้วหลับตาซ้าย 0:01:21.289,0:01:24.894 ตอนนี้ลองลืมตาซ้ายและหลับตาขวา 0:01:24.894,0:01:26.882 ดูเหมือนกับว่านิ้วโป้งของคุณได้เคลื่อนที่ 0:01:26.882,0:01:31.069 แต่พื้นหลังของวัตถุที่ไกลออกไปคงยังอยู่ที่เดิม 0:01:31.069,0:01:33.890 แนวคิดเดียวกันนี้ถูกนำมาใช้เมื่อเรามองที่ดวงดาว 0:01:33.890,0:01:38.075 แต่ระยะทางนั้นไกลว่าแขนของคุณมากๆ 0:01:38.075,0:01:39.926 และโลกก็ไม่ได้ใหญ่มากนัก 0:01:39.926,0:01:43.079 ถึงแม้ว่าคุณจะมีกล้องโทรทัศน์ที่ตั้งไว้คนละด้านของโลก 0:01:43.079,0:01:45.902 คุณจะไม่เห็นตำแหน่งที่เปลี่ยนไปมากนัก 0:01:45.902,0:01:51.230 เราจึงดูการเปลี่ยนแปลงของตำแหน่ง[br]ของดาวเป็นเวลา 6 เดือน 0:01:51.230,0:01:55.638 ระยะทางครึ่งหนึ่งของโลกที่โคจรรอบดวงอาทิตย์ 0:01:55.638,0:01:58.809 เมื่อเราทราบความสัมพันธ์ของ[br]ตำแหน่งของดวงดาวในฤดูร้อน 0:01:58.809,0:02:02.839 และอีกครั้งในฤดูหนาว[br]มันเหมือนกันตอนที่ที่ใช้ตาอีกข้างหนึ่ง 0:02:02.839,0:02:05.440 ดวงดาวที่อยู่ใกล้ดูเหมือนเคลื่อนที่เทียบกับพื้นหลัง 0:02:05.440,0:02:08.327 ที่เป็นดาวหรือกาแล็กซีซึ่งไกลกว่า 0:02:08.327,0:02:13.090 แต่วิธีนี้ใช้ได้ดีสำหรับวัตถุที่ไกลไม่เกินกว่า พันสองพันปีแสง 0:02:13.090,0:02:15.782 สำหรับวัตถุนอกกาแลกซีของเรา[br]ระยะทางนั้นจะไกลมากจน 0:02:15.782,0:02:20.811 ตำแหน่งภาพที่เปลี่ยนไปนั้นเล็กเกินไปที่จะตรวจพบ[br]แม้ว่าจะใช้เครื่องมือวัดที่ละเอียดที่สุดก็ตาม 0:02:20.811,0:02:23.719 ณ จุดนี้เราต้องพึ่งวิธีอื่น 0:02:23.719,0:02:27.459 ใช้ตัวชี้วัดที่เราเรียกว่า[br]ดวงไฟมาตรฐาน (standard candle) 0:02:27.459,0:02:32.079 ดวงไฟมาตรฐาน คือวัตถุที่เรารู้ถึง[br]ความสว่างหรือความเรืองแสงจริงของมัน 0:02:32.079,0:02:34.377 เป็นอย่างดี 0:02:34.377,0:02:37.434 ตัวอย่างเช่น ถ้าคุณรู้ความสว่างของหลอดไฟของคุณ 0:02:37.434,0:02:40.809 และคุณให้เพื่อนของคุณที่ถือหลอดไฟและเดินออกห่างจากคุณ 0:02:40.809,0:02:43.736 ความสว่างที่คุณได้รับทั้งหมดจากเพื่อนของคุณ 0:02:43.736,0:02:47.153 จะลดลงเป็นสัดส่วนกับระยะทางกำลังสอง 0:02:47.153,0:02:49.588 โดยการเปรียบเทียบความสว่างทั้งหมดที่คุณได้รับ 0:02:49.588,0:02:51.932 กับความสว่างจริงของหลอดไฟ 0:02:51.932,0:02:55.034 คุณก็จะบอกระยะห่างของเพื่อนได้ 0:02:55.034,0:02:58.284 ในดาราศาสตร์ หลอดไฟของเรา[br]เปลื่ยนเป็นดาวชนิดพิเศษ 0:02:58.284,0:03:00.791 เรียกว่าดาวแปรแสงชนิดเซฟีด (Cepheid variable) 0:03:00.791,0:03:03.028 ดวงดาวเหล่านี้จะไม่ค่อยเสถียร 0:03:03.028,0:03:06.997 เหมือนกับบอลลูนที่พองๆ แฟบๆ 0:03:06.997,0:03:10.689 และเพราะการขยายตัวหรือการหดตัวมีผลกับความสว่างของมัน 0:03:10.689,0:03:15.214 เราสามารถคำนวณความสว่างของมันได้จากระยะเวลาของวงจรนี้ 0:03:15.214,0:03:19.159 กับดาวที่สว่างกว่าและเปลี่ยนแปลงช้ากว่ามาก 0:03:19.159,0:03:21.534 โดยการเปรียบเทียบแสงที่เราเห็นได้จากดาวเหล่านั้น 0:03:21.534,0:03:24.450 กับความสว่างจริงๆ ที่เราคำนวณได้ด้วยวิธีนี้ 0:03:24.450,0:03:26.936 เราสามารถตอบได้ว่ามันอยู่ไกลเท่าไร 0:03:26.936,0:03:30.245 แต่น่าเสียดายที่นี้ยังไม่ใช่ตอนจบของเรื่องนี้ 0:03:30.245,0:03:34.796 เราสามารถวัดระยะห่างของดาวแต่ละดวง[br]เพิ่มขึ้นถึงแค่ประมาณ 40,000,000 ปีแสง 0:03:34.796,0:03:37.893 ถ้าห่างกว่านี้มันจะมัวจนไม่สามารถสังเกตได้ 0:03:37.893,0:03:41.085 แต่โชคดีคือ เรามีหลอดไฟมาตรฐานอีกแบบหนึ่ง 0:03:41.085,0:03:44.465 ซูเปอร์โนวา แบบ 1a ที่โด่งดัง 0:03:44.465,0:03:49.747 ซูเปอร์โนวา คือ การระเบิดสว่างไสวครั้งใหญ่ [br]เป็นวิธีหนึ่งที่ดวงดาวจะตายลง 0:03:49.747,0:03:51.580 การระเบิดนั้นสว่างมากๆ 0:03:51.580,0:03:54.512 สว่างกว่าความสว่างของทั้งกาแล็กซีที่มันเกิด 0:03:54.512,0:03:57.701 ถึงแม้ว่าเราจะไม่ได้เห็นดาวโดดๆ ในกาแล็กซี 0:03:57.701,0:04:00.843 เรายังคงเห็นซูเปอร์โนวาตอนที่มันเกิดขึ้น 0:04:00.843,0:04:05.011 และบังเอิญว่า ซุปเปอร์โนวาชนิด 1a นั้น[br]สามารถใช้เป็นหลอดไฟมาตรฐานได้ 0:04:05.011,0:04:08.638 เพราะซูเปอร์โนวาที่สว่างกว่าจะจางหายช้ากว่า 0:04:08.638,0:04:10.925 ด้วยความเข้าใจความสัมพันธ์ทั้งหมดนี้ 0:04:10.925,0:04:13.143 ระหว่างความสว่างและอัตราที่ความสว่างลดลง 0:04:13.143,0:04:15.562 เรายังสามารถใช้ซูเปอร์โนวาเหล่านี้หาระยะทางได้ 0:04:15.562,0:04:18.739 เพิ่มขึ้นถึงได้เป็นหลายพันล้านปีแสง 0:04:18.739,0:04:23.548 แล้วทำไมการรู้ระยะห่างของพวกมันถึงสำคัญนัก 0:04:23.548,0:04:26.662 จำได้ไหมว่าแสงเร็วแค่ไหน 0:04:26.662,0:04:30.621 ตัวอย่างเช่น แสงที่มาจากดวงอาทิตย์[br]ใช้เวลา 8 นาทีกว่าจะถึงเรา 0:04:30.621,0:04:36.568 นั่นหมายความว่าแสงที่เราเห็นตอนนี้[br]เป็นภาพของดวงอาทิตย์เมื่อ 8 นาทีที่แล้ว 0:04:36.568,0:04:38.198 เมื่อคุณมองดูที่กลุ่มดาวกระบวยตักน้ำใหญ่ (Big dipper) 0:04:38.198,0:04:41.746 คุณจะเห็นมันเมื่อ 80 ปีที่แล้ว 0:04:41.746,0:04:43.434 และกาแล็กซีจางๆ เหล่านั้น 0:04:43.434,0:04:45.681 พวกนั้นห่างจากเราเป็นล้านปีแสง 0:04:45.681,0:04:49.388 ใช้เวลาเป็นล้านปีกว่าที่แสงจะเดินทางมาถึงเรา 0:04:49.388,0:04:54.676 ในบางมุมมองจักรวาลเองก็เปรียบเสมือนกับ[br]เครื่องย้อนเวลา 0:04:54.676,0:04:59.248 ยิ่งเรามองไปได้ไกลเท่าไร[br]ยิ่งทำให้เรามองดูจุดกำเนิดของจักรวาลมากขึ้นเท่านั้น 0:04:59.248,0:05:02.297 นักฟิสิกส์ดาราศาสตร์พยายามที่จะ[br]ศึกษาประวัติศาสตร์ของจักวาล 0:05:02.297,0:05:06.055 และเพื่อเข้าใจว่าเรามาจากไหนและอย่างไร 0:05:06.055,0:05:10.870 จักรวาลส่งข้อมูลให้เราอย่างสม่ำเสมอในรูปของแสง 0:05:10.870,0:05:13.745 ทุกอย่างยังคงอยู่และรอให้เราไขปริศนา