1 00:00:00,020 --> 00:00:03,760 วันนี้ฝนตก 1 ห่าใหญ่ ว่าแต่ห่านึงนี่มันเท่าไหร่นะ? 2 00:00:03,760 --> 00:00:05,500 สวัสดีค่ะ วิวจากแชนเนล Point of View ค่ะ 3 00:00:05,500 --> 00:00:06,740 บอกก่อนเลยนะคะว่า 4 00:00:06,740 --> 00:00:09,960 ในคลิปวิดีโอนี้จะเต็มไปด้วยคำว่า ห่า เยอะแยะเต็มไปหมดเลยนะคะ 5 00:00:09,960 --> 00:00:11,600 แต่ว่า มันไม่ใช่คำหยาบค่ะทุกคน 6 00:00:11,600 --> 00:00:14,920 เชื่อว่า ช่วงนี้หลายคนน่าจะเดินทางไปไหนลำบากนิดนึงนะคะ 7 00:00:14,920 --> 00:00:16,520 เพราะว่าฝนตกค่อนข้างมากค่ะ 8 00:00:16,520 --> 00:00:18,460 เรียกได้ว่า ตกแทบจะตลอดเวลาเลยนะ 9 00:00:18,460 --> 00:00:21,840 แล้วก็ตกทีก็ อือหือ กระหน่ำลงมามากมายค่ะ 10 00:00:21,840 --> 00:00:24,580 ทำให้เราน่าจะได้ยินคำนึงมากขึ้นเรื่อยๆ นะคะ 11 00:00:24,580 --> 00:00:26,600 นั่นก็คือ คำว่า ห่า นั่นเอง 12 00:00:26,600 --> 00:00:28,280 หลายคนเนี่ยอาจจะไม่ได้ใช้คำนี้แล้ว 13 00:00:28,280 --> 00:00:31,600 แต่ว่า ถ้าไปคุยกับพ่อแม่หรือว่าปู่ย่าตายายต่างๆ 14 00:00:31,600 --> 00:00:34,020 อาจจะได้ยินว่า เอ้ย วันนี้ฝนตกห่าใหญ่เลย 15 00:00:34,020 --> 00:00:36,160 แต่รู้ไหมคะว่า 1 ห่าเนี่ยคือเท่าไหร่? 16 00:00:36,160 --> 00:00:39,500 เอ๊ แล้วเค้าวัดปริมาณปริมาตรน้ำฝนได้ยังไงในสมัยก่อน? 17 00:00:39,500 --> 00:00:41,380 ในสมัยนี้แตกต่างกันยังไงนะคะ? 18 00:00:41,380 --> 00:00:44,120 วันนี้วิวไปหาคำตอบมาตอบทุกคนเรียบร้อยแล้วค่ะ 19 00:00:44,120 --> 00:00:47,900 สำหรับตอนนี้พร้อมจะไปฟังเรื่องราวที่ทั้งสนุก แล้วก็ได้สาระกันหรือยังคะ? 20 00:00:47,900 --> 00:00:49,860 ถ้าพร้อมกันแล้วก็ไปฟังกันเลยค่ะ 21 00:00:53,140 --> 00:00:57,120 แน่นอนนะคะว่า เรื่องฝนเนี่ยเป็นเรื่องที่อยู่คู่กับมนุษยชาติมานานแสนนานค่ะ 22 00:00:57,120 --> 00:01:00,620 ถ้าไม่มีฝน เราก็ไม่สามารถเพาะปลูกอะไรต่างๆ ได้นะคะ 23 00:01:00,620 --> 00:01:03,720 ดังนั้นค่ะ ตั้งแต่สมัยโบราณมาจนถึงสมัยปัจจุบันเนี่ย 24 00:01:03,720 --> 00:01:06,520 มันก็จะต้องมีการวัดปริมาณน้ำฝนใช่ไหมคะว่า 25 00:01:06,520 --> 00:01:09,120 เอ๊ะ ช่วงนี้ฝนตกมากแค่ไหนอะไรยังไง? 26 00:01:09,120 --> 00:01:12,640 เหมาะกับการเพาะปลูกหรือว่า สามารถเล่าให้เพื่อนฟังได้ว่า 27 00:01:12,640 --> 00:01:14,880 เออ วันนี้ฝนตกเยอะฝนตกน้อยอะไรต่างๆ 28 00:01:14,880 --> 00:01:17,340 เอาเป็นว่า มันต้องมีการวัดปริมาณน้ำฝนค่ะ 29 00:01:17,340 --> 00:01:18,700 ว่าแต่ในสมัยก่อนเนี่ย 30 00:01:18,700 --> 00:01:20,940 ในสมัยที่ยังไม่มีเทคโนโลยีอะไรต่างๆ เนี่ย 31 00:01:20,940 --> 00:01:23,520 คิดว่า เค้าวัดปริมาณน้ำฝนด้วยอะไรกันคะ? 32 00:01:23,520 --> 00:01:28,440 แน่นอนนะคะว่า คนสมัยก่อนเนี่ย เค้าก็จะต้องมีมาตราการวัดปริมาณน้ำฝนของตัวเองค่ะ 33 00:01:28,440 --> 00:01:31,280 ซึ่งในสมัยก่อนเนี่ย มาตรานั้นเรียกว่า ห่า ค่ะ 34 00:01:31,280 --> 00:01:32,280 คือเค้าจะวัดว่า 35 00:01:32,280 --> 00:01:34,940 เออ วันนี้ฝนตก 1 ห่า วันนี้ฝนตก 2 ห่า 36 00:01:34,940 --> 00:01:38,000 หรือว่าปีนี้ฝนตก 500 ห่าอะไรต่างๆ นะคะ 37 00:01:38,000 --> 00:01:42,720 น่าจะเคยได้ยินกันจากตอนช่วงสงกรานต์ใช่ไหมที่มีการพยากรณ์กันต่างๆ ว่า 38 00:01:42,720 --> 00:01:47,540 ปีนี้น้ำท่าอุดมสมบูรณ์ ฝนตก 500 ห่า อะไรประมาณอย่างนี้นะคะ 39 00:01:47,540 --> 00:01:48,900 ทีนี้อยากรู้กันไหมว่า 40 00:01:48,900 --> 00:01:50,620 เอ๊ แล้วเค้าวัดเป็นปริมาณห่ากันเนี่ย 41 00:01:50,620 --> 00:01:51,480 แล้วเค้าวัดยังไง? 42 00:01:51,480 --> 00:01:53,420 สมัยก่อน 1 ห่าคือเท่าไหร่นะคะ? 43 00:01:53,420 --> 00:01:57,060 ก็ต้องบอกว่า สมัยก่อนเนี่ยเค้าไม่รู้จะวัดปริมาณน้ำฝนด้วยวิธีไหนค่ะ 44 00:01:57,060 --> 00:02:01,200 คือเราไม่สามารถไปกวาดเอาน้ำทั้งหมดที่มันตกลงมาจากฟ้า ลงมาที่แผ่นดิน 45 00:02:01,200 --> 00:02:03,220 แล้วก็มาวัดปริมาตรได้ใช่ไหมคะ? 46 00:02:03,220 --> 00:02:06,960 ดังนั้นวิธีค่ะ เค้าก็เลยใช้วิธี เอาภาชนะอะไรบางอย่างเนี่ย 47 00:02:06,960 --> 00:02:08,860 วางแล้วก็รองน้ำฝนไปค่ะ 48 00:02:08,860 --> 00:02:12,020 แล้วก็ดูว่า เออ ใช้เวลานานเท่าไหร่ในการที่น้ำฝนเนี่ย 49 00:02:12,020 --> 00:02:13,400 จะเต็มภาชนะนั้นนะคะ 50 00:02:13,400 --> 00:02:14,760 แล้วก็นับเป็น 1 หน่วยค่ะ 51 00:02:14,760 --> 00:02:16,780 ซึ่งพอจะต้องเลือกภาชนะนี้มานะคะ 52 00:02:16,780 --> 00:02:18,780 คนสมัยก่อนก็ไม่รู้จะเลือกอะไรค่ะ 53 00:02:18,780 --> 00:02:20,900 ถ้าสมมติว่า ไปเลือกโอ่งหรือเลือกตุ่มนะคะ 54 00:02:20,900 --> 00:02:22,760 ก็จะมีขนาดใหญ่มากเกินไป 55 00:02:22,760 --> 00:02:24,060 สมมติว่า เลือกโอ่งมาเนี่ย 56 00:02:24,060 --> 00:02:25,460 โอโห้ กว่าฝนจะตกลงมา 57 00:02:25,460 --> 00:02:28,960 นึกสภาพโอ่งโล่งๆ นะ แล้วปล่อยให้ฝนตกลงมาๆ ตกๆๆๆ 58 00:02:28,960 --> 00:02:30,720 จะเต็มโอ่งเมื่อไหร่ก็ไม่รู้นะคะ 59 00:02:30,720 --> 00:02:32,840 จะวัดเป็น 1 หน่วยเนี่ย มันก็เยอะเกินไป 60 00:02:32,840 --> 00:02:36,180 ส่วนจะไปเอาพวกภาชนะเล็กๆ น้อยๆ อย่างพวกชามหม้อไห 61 00:02:36,180 --> 00:02:37,500 อะไรต่างๆ มาเนี่ย 62 00:02:37,500 --> 00:02:39,980 มันก็ เอ๊ แต่ละบ้านก็มีขนาดไม่เท่ากัน 63 00:02:40,000 --> 00:02:42,760 หม้อบ้านนี้กับหม้อบ้านนี้ อาจจะไม่เท่ากันก็ได้ 64 00:02:42,760 --> 00:02:45,720 ดังนั้นคนในสมัยโบราณนะคะ ก็เลยมีการตกลงร่วมกันค่ะ 65 00:02:45,720 --> 00:02:49,240 ที่จะใช้ภาชนะอย่างนึงนะคะ ในการวัดปริมาณน้ำฝนค่ะ 66 00:02:49,240 --> 00:02:52,880 ซึ่งภาชนะอย่างนั้นเนี่ย เป็นภาชนะที่มีขนาดค่อนข้างจะแน่นอน 67 00:02:52,880 --> 00:02:55,520 สิ่งนั้นก็คือ บาตรพระ นั่นเองค่ะ 68 00:02:55,520 --> 00:02:59,740 คือในพระวินัยเนี่ย มีการกำหนดขนาดบาตรพระไว้ค่อนข้างจะแน่นอนใช่ไหม? 69 00:02:59,740 --> 00:03:01,800 มีการกำหนดพระวินัยต่างๆ มากมายว่า 70 00:03:01,800 --> 00:03:03,640 พระจะต้องใช้บาตรอย่างนั้นอย่างนี้นะ 71 00:03:03,640 --> 00:03:07,340 ใช้ได้แค่บาตรที่ทำจากดินเผา หรือว่าบาตรที่ทำจากเหล็กนะ 72 00:03:07,340 --> 00:03:08,980 ทำจากวัสดุอื่นก็ไม่ได้ 73 00:03:08,980 --> 00:03:12,700 แล้วทีนี้ขนาดของบาตรเนี่ย ก็จะต้องเป็นขนาดที่ได้มาตรฐานค่ะ 74 00:03:12,700 --> 00:03:16,660 ซึ่งตามพระวินัยเนี่ย ขนาดบาตรแบ่งเป็นทั้งหมด 3 ขนาดด้วยกันนะคะ 75 00:03:16,660 --> 00:03:18,980 มีขนาดเล็ก ขนาดกลาง แล้วก็ขนาดใหญ่ค่ะ 76 00:03:18,980 --> 00:03:22,060 ขนาดเล็กเนี่ยนะคะ คือขนาดที่ใส่ข้าวสุกเต็มค่ะ เต็มปุ๊บ 77 00:03:22,060 --> 00:03:24,380 แล้วคนกินเนี่ย ประมาณ 2 คนอิ่มค่ะ 78 00:03:24,380 --> 00:03:25,580 ส่วนขนาดกลางเนี่ยนะคะ 79 00:03:25,580 --> 00:03:28,800 เมื่อใส่ข้าวสุกเต็มเนี่ย ก็กินกันประมาณ 5 คนอิ่มค่ะ 80 00:03:28,800 --> 00:03:31,640 ส่วนขนาดใหญ่สุดเนี่ยก็คือ 10 คนอิ่มอ่ะนะ 81 00:03:31,640 --> 00:03:35,700 ทีนี้เค้าก็เลือกหยิบเอาบาตรขนาดกลาง หรือว่าขนาด 5 คนอิ่มขึ้นมาค่ะ 82 00:03:35,700 --> 00:03:39,520 ซึ่งบาตรเนี่ย มันก็จะขนาดพอๆ กันหมดนะคะ เมื่อมีการกำหนดแบบนี้ 83 00:03:39,520 --> 00:03:43,040 แล้วก็เลือกใช้บาตรพระบาตรอันนี้แหละค่ะ ไปตั้งไว้กลางแจ้งเนอะ 84 00:03:43,040 --> 00:03:45,660 ทีนี้พอฝนตกลงมานะคะ เค้าก็จะคอยดูว่า 85 00:03:45,660 --> 00:03:47,500 ฝนตกเนี่ย เต็มบาตรหรือยังค่ะ 86 00:03:47,500 --> 00:03:49,620 เมื่อไหร่ก็ตามที่ฝนตกเต็มบาตรนะคะ 87 00:03:49,620 --> 00:03:52,340 เค้าก็จะนับว่า นี่แหละคือ ฝนตก 1 ห่านะคะ 88 00:03:52,340 --> 00:03:54,160 ดังนั้นถ้าสมมติวางบาตรไว้ 89 00:03:54,160 --> 00:03:56,120 อ่ะ ตกเต็มไป 1 บาตรแล้วฝนหยุด 90 00:03:56,120 --> 00:03:58,500 ก็จะแปลว่า รอบนี้ฝนตก 1 ห่า 91 00:03:58,500 --> 00:04:00,280 สมมติว่าเต็มแล้วยังไม่หยุด 92 00:04:00,280 --> 00:04:01,740 อ่ะ เทน้ำทิ้ง รองอีกรอบ 93 00:04:01,740 --> 00:04:02,520 เต็มไปอีกรอบ 94 00:04:02,520 --> 00:04:06,900 ก็จะกลายเป็น ฝนตก 2 ห่า 3 ห่า 4 ห่า ไปเรื่อยๆ อย่างนี้นี่แหละค่ะ 95 00:04:06,900 --> 00:04:10,320 ดังนั้นนะคะ วิธีวัดน้ำฝนของคนสมัยโบราณก็คือ 96 00:04:10,320 --> 00:04:11,960 การใช้บาตรพระ นั่นเองค่ะ 97 00:04:11,960 --> 00:04:14,140 1 บาตรก็เท่ากับ 1 ห่านะคะ 98 00:04:14,140 --> 00:04:15,740 ซึ่งหลายคนก็จะสงสัยนะว่า 99 00:04:15,740 --> 00:04:19,440 เอ๊ แล้วไอ้ 1 ห่าเนี่ย มันเกี่ยวข้องอะไรกับโรคห่าหรือเปล่า? 100 00:04:19,440 --> 00:04:21,780 มันเกี่ยวกับว่า อุ๊ย ฝนตกลงมาเยอะ 101 00:04:21,780 --> 00:04:23,020 เหมือนกับโรคห่าลง 102 00:04:23,020 --> 00:04:24,940 ซึ่งเป็นโรคระบาดในสมัยก่อนหรือเปล่านะคะ? 103 00:04:24,940 --> 00:04:29,960 ก็ต้องบอกว่า จริงๆ แล้วจากการที่วิวไปอ่านงานของอ.นววรรณ พันธุเมธามาเนี่ย 104 00:04:29,960 --> 00:04:32,080 ท่านสันนิษฐานว่า ไม่เกี่ยวกันค่ะ 105 00:04:32,080 --> 00:04:34,140 เพราะว่า แม้ว่าจะเป็นคำว่า ห่า เหมือนกัน 106 00:04:34,140 --> 00:04:36,120 แล้วมันดูเป็นคำไท๊ไทยเหมือนกัน 107 00:04:36,120 --> 00:04:38,360 ดูเป็นอะไรที่มันเยอะๆ เหมือนกัน 108 00:04:38,360 --> 00:04:40,520 แต่ถ้าสมมติว่า เราไปดูที่ภาษาถิ่นนะคะ 109 00:04:40,520 --> 00:04:42,680 พวกภาษาไทยใหญ่ ไทยนู้น ไทยนี้เนี่ย 110 00:04:42,680 --> 00:04:44,920 จะเห็นว่า เค้าใช้คนละคำกันค่ะ 111 00:04:44,920 --> 00:04:46,440 คือมันมีคำที่มันคล้ายๆ กันแหละ 112 00:04:46,440 --> 00:04:47,760 แต่ว่าในบางถิ่นเนี่ยนะคะ 113 00:04:47,760 --> 00:04:48,940 คำที่หมายถึงโรคระบาดเนี่ย 114 00:04:48,940 --> 00:04:51,780 เค้าก็จะใช้แบบ หา เห้อ อะไรอย่างนี้ 115 00:04:51,780 --> 00:04:55,780 ในขณะที่ฝนตกเนี่ย มันอาจจะเป็น หา ห่า ห้า อะไรอย่างนี้ 116 00:04:55,780 --> 00:04:58,140 คือวรรณยุกต์มันค่อนข้างจะแตกต่างกันค่ะ 117 00:04:58,140 --> 00:04:59,900 ดังนั้นนะคะ เค้าก็เลยสันนิษฐานว่า 118 00:04:59,900 --> 00:05:01,920 2 คำนี้เป็นคนละคำกันค่ะ 119 00:05:01,920 --> 00:05:05,400 ทีนี้เราก็รู้กันแล้วนะคะว่า คนสมัยโบราณเนี่ย วัดปริมาณน้ำฝนยังไง 120 00:05:05,400 --> 00:05:08,500 แต่อยากรู้กันไหมว่า คนสมัยนี้ เค้าวัดปริมาณน้ำฝนยังไง? 121 00:05:08,500 --> 00:05:11,740 เราน่าจะเคยได้ยินกรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศกันใช่ไหม? 122 00:05:11,740 --> 00:05:13,420 วันนี้ฝนตกน้อยเป็นบางแห่ง 123 00:05:13,420 --> 00:05:15,340 วันนี้ฝนตกปานกลาง 124 00:05:15,340 --> 00:05:16,440 วันนี้ฝนตกหนัก 125 00:05:16,440 --> 00:05:17,720 วันนี้ฝนตกหนักมาก 126 00:05:17,720 --> 00:05:22,440 อ้าว แล้วฝนตกน้อย ฝนตกปานกลาง ฝนตกหนัก ฝนตกหนักมากเนี่ย มันแตกต่างกันยังไง? 127 00:05:22,440 --> 00:05:26,320 เค้าก็แบบ ดูๆ แล้วก็แบบ เออ วันนี้ฝนน่าจะตกหนักนะ อะไรอย่างนี้หรือเปล่า? 128 00:05:26,320 --> 00:05:28,080 ก็ต้องบอกว่า ไม่ใช่เลยค่ะ 129 00:05:28,080 --> 00:05:31,780 แต่ว่ากรมอุตุฯ เนี่ย เค้ามีวิธีวัดปริมาณน้ำฝนของเค้านะคะ 130 00:05:31,780 --> 00:05:35,500 ซึ่งหน่วยที่เค้าใช้วัดเนี่ยก็คือ หน่วยมิลลิเมตร นั่นเองค่ะ 131 00:05:35,500 --> 00:05:37,340 อ่ะ พอฟังแล้ว หลายคนก็งงว่า 132 00:05:37,340 --> 00:05:39,380 อ้าว แล้วทำไมวัดปริมาณน้ำฝนเป็นมิลลิเมตรล่ะ? 133 00:05:39,380 --> 00:05:43,360 ในสมัยโบราณวัดเป็นห่า วัดเป็นขนาดบาตรก็ยังพอเข้าใจได้อยู่ว่า 134 00:05:43,360 --> 00:05:45,040 เออ มันก็น้ำเต็มอะไรอย่างนี้ 135 00:05:45,040 --> 00:05:48,740 แล้วเป็นมิลลิเมตร แล้วจะไปวัดน้ำฝนยังไงว่ามันยาวเท่าไหร่? อะไรยังไงนะคะ? 136 00:05:48,740 --> 00:05:50,960 ก็ต้องบอกว่า ไอ้ความยาวที่เค้าวัดเนี่ย 137 00:05:50,960 --> 00:05:53,940 มันไม่ใช่ความยาวของเม็ดน้ำฝน หรือว่าอะไรทั้งสิ้นค่ะ 138 00:05:53,940 --> 00:05:56,560 มันคือ ความสูงของน้ำฝนหลังจากตวงแล้วค่ะ 139 00:05:56,560 --> 00:05:59,520 โดยวิธีที่กรมอุตุนิยมวิทยาเค้าวัดปริมาณน้ำฝนเนี่ยนะคะ 140 00:05:59,520 --> 00:06:02,620 เค้าจะใช้อุปกรณ์นึงนะคะที่เรียกว่า Rain Gauge นั่นเอง 141 00:06:02,620 --> 00:06:05,780 ซึ่งไอ้ Rain Gauge เนี่ยนะคะ ก็จะเป็นหน้าตาแบบตามภาพนี่เลยนะ 142 00:06:05,780 --> 00:06:08,140 อ่ะ ลองมาผ่ามันดูว่า หน้าตามันเป็นยังไง? 143 00:06:08,140 --> 00:06:10,280 อย่างแรกนะคะ มันก็จะมีขาตั้งก่อนค่ะ 144 00:06:10,280 --> 00:06:11,440 ตั้งอยู่กลางแจ้ง 145 00:06:11,440 --> 00:06:12,960 แล้วก็มีถังทรงกระบอกนะคะ 146 00:06:12,960 --> 00:06:15,940 ซึ่งมีเส้นผ่านศูนย์กลางเนี่ยประมาณ 8 นิ้ววางอยู่ค่ะ 147 00:06:15,940 --> 00:06:19,300 เสร็จแล้วไอ้ถังใบล่างเนี่ย ก็จะมีถังใบบนอีกใบนึงนะคะ 148 00:06:19,300 --> 00:06:21,320 ซึ่งมีเส้นผ่านศูนย์กลาง 8 นิ้วเหมือนกันเนี่ย 149 00:06:21,320 --> 00:06:23,340 วางครอบอยู่ประกอบกันค่ะ 150 00:06:23,340 --> 00:06:26,620 ซึ่งถังใบบนเนี่ยนะคะ ตรงก้นถังเค้าจะทำเป็นรูปกรวยค่ะ 151 00:06:26,620 --> 00:06:27,880 ออกเสียงชัดๆ นะทุกคน 152 00:06:27,880 --> 00:06:29,040 รูปกรวยค่ะ 153 00:06:29,040 --> 00:06:31,340 ซึ่งทำให้เวลาที่ฝนตกลงมาเนี่ยนะคะ 154 00:06:31,340 --> 00:06:32,640 ถังไม่มีฝาปิดใช่ไหม? 155 00:06:32,640 --> 00:06:35,360 น้ำฝนก็จะหยดๆๆ ลงมาในถังนะคะ 156 00:06:35,360 --> 00:06:38,960 ไหลผ่านกรวย แล้วก็ลงไปเก็บอยู่ที่ถังใบล่างเนี่ยแหละค่ะ 157 00:06:38,960 --> 00:06:43,400 ทีนี้เนื่องจากว่า ตรงบริเวณรอยต่อของถังเนี่ย มีลักษณะเป็นกรวยใช่ไหมคะ? 158 00:06:43,400 --> 00:06:46,780 ดังนั้นเวลาน้ำตกลงมาเนี่ย มันก็จะไหลลงไปในถังอย่างง่ายเลยค่ะ 159 00:06:46,780 --> 00:06:48,280 ก็ไหลลงไป ไหลๆๆ 160 00:06:48,280 --> 00:06:51,960 แต่เวลาที่สมมติว่า ฝนหยุดตกละแดดออกอะไรต่างๆ 161 00:06:51,960 --> 00:06:54,040 น้ำมันก็ระเหยกลับไปค่อนข้างยากค่ะ 162 00:06:54,040 --> 00:06:55,860 เพราะว่ามันเหมือนมีฝาปิดอยู่ใช่ไหม? 163 00:06:55,860 --> 00:06:58,720 ทีนี้ในทุกวันค่ะ เค้าก็จะรองน้ำฝนแบบนี้นะคะ 164 00:06:58,720 --> 00:06:59,660 รองไว้ๆ 165 00:06:59,660 --> 00:07:01,980 แล้วก็ทุกวันในเวลา 7 โมงเช้าค่ะ 166 00:07:01,980 --> 00:07:04,760 เจ้าหน้าที่กรมอุตุนิยมวิทยาเนี่ยก็จะมาเปิดถังนี้นะคะ 167 00:07:04,760 --> 00:07:08,120 แล้วเค้าก็จะเอาถ้วยตวงค่ะ ที่มีลักษณะเป็นแบบยาวๆ เนี่ยนะคะ 168 00:07:08,120 --> 00:07:11,800 มีสเกลขีดอยู่ว่าเป็นกี่มิลลิเมตรๆๆ เนี่ยมาค่ะ 169 00:07:11,800 --> 00:07:15,260 แล้วก็เทน้ำจากถังข้างล่างลงไปในถ้วยตวงนี้นะคะ 170 00:07:15,260 --> 00:07:20,800 แล้วเค้าก็จะวัดค่ะว่า อ่อ วันนี้มีปริมาณน้ำฝนเนี่ยกี่มิลลิเมตรๆๆ นะคะ 171 00:07:20,800 --> 00:07:22,280 ทีนี้เค้าก็จะมาดูค่ะว่า 172 00:07:22,280 --> 00:07:23,720 ถ้าสมมติว่าตวงออกมาแล้วนะคะ 173 00:07:23,720 --> 00:07:25,640 ขีดน้ำฝนมันขึ้นมาไม่ถึง 10 มิลลิเมตร 174 00:07:25,640 --> 00:07:28,140 ก็จะแปลว่า วันนั้นมีฝนตกน้อยค่ะ 175 00:07:28,140 --> 00:07:32,480 ส่วนถ้าสมมติว่ามันขึ้นมาตั้งแต่ 10.1 มิลลิเมตรถึง 35 มิลลิเมตรเนี่ยนะ 176 00:07:32,480 --> 00:07:34,360 ก็จะถือว่า ฝนตกปานกลางนะคะ 177 00:07:34,360 --> 00:07:38,060 ส่วนถ้าขึ้นไป 35.1 มิลลิเมตรถึง 90 มิลลิเมตรเนี่ย 178 00:07:38,060 --> 00:07:40,200 ก็จะกลายเป็นฝนตกหนักค่ะ 179 00:07:40,200 --> 00:07:42,680 แล้วถ้าสมมติว่าวันไหนเนี่ยที่มันทะลุปรอดเลยนะคะ 180 00:07:42,680 --> 00:07:44,460 เกิน 90.1 มิลลิเมตรขึ้นไปเนี่ย 181 00:07:44,460 --> 00:07:47,640 ก็จะกลายเป็นวันที่ฝนตกหนักมากนั่นเอง 182 00:07:47,640 --> 00:07:51,520 นี่ก็คือวิธีที่กรมอุตุนิยมวิทยาใช้วัดปริมาณน้ำฝนของแต่ละวันนะคะ 183 00:07:51,520 --> 00:07:55,000 โดยเค้าจะวัดแบบนี้ทุกวันในเวลา 7 โมงเช้านั่นเองค่ะ 184 00:07:55,000 --> 00:07:57,980 คลิปนี้ก็น่าจะตอบคำถามของหลายๆ คนที่อยากรู้นะว่า 185 00:07:57,980 --> 00:08:01,780 เอ๊ ฝนมันตกจากฟ้า แล้วเราจะวัดปริมาณน้ำฝนอะไรยังไงค่ะ 186 00:08:01,780 --> 00:08:02,920 เป็นยังไงกันบ้างคะคลิปนี้? 187 00:08:02,920 --> 00:08:04,400 ถ้าใครฟังแล้วรู้สึกว่า ชอบ 188 00:08:04,400 --> 00:08:08,180 อย่าลืมกดไลก์เป็นกำลังให้วิว แล้วก็กดแชร์เพื่อชวนเพื่อนๆ มาดูด้วยกันนะคะ 189 00:08:08,180 --> 00:08:10,180 แล้วพบกันใหม่โอกาสหน้าค่ะ 190 00:08:10,180 --> 00:08:11,240 บ๊าย บาย 191 00:08:11,240 --> 00:08:11,740 สวัสดีค่ะ 192 00:08:11,740 --> 00:08:13,840 ก็จบไปกับอีกคลิปนึงที่สั้นๆ นะคะ 193 00:08:13,840 --> 00:08:16,600 แต่ว่าเชื่อว่าเป็นเรื่องที่หลายคนอยากรู้แหละ 194 00:08:16,600 --> 00:08:18,140 คือหลายคนอยากรู้ไหม? ไม่อยากรู้ 195 00:08:18,140 --> 00:08:19,600 แต่ว่า วิวเนี่ย อยากรู้นะคะ 196 00:08:19,600 --> 00:08:21,420 เพราะว่าช่วงนี้ก็นั่งมองฝนทุกวัน 197 00:08:21,420 --> 00:08:23,640 แล้วก็รู้สึกว่า เออ ฝนตกอีกแล้ว ตกเยอะ 198 00:08:23,640 --> 00:08:27,360 แล้วก็เคยได้ยินคำว่า ฝนตก 1 ห่า 2 ห่า 500 ห่ามาตั้งแต่เด็ก 199 00:08:27,360 --> 00:08:29,720 ก็เลยไปหาคำตอบนี้มาตอบตัวเองเนี่ยแหละค่ะ 200 00:08:29,720 --> 00:08:31,240 แล้วก็ไหนๆ หาคำตอบมาได้แล้ว 201 00:08:31,240 --> 00:08:34,660 ก็เลยเอามาทำเป็นคลิปวิดีโอให้ทุกคนได้ดูไปพร้อมๆ กันเลยนะคะ 202 00:08:34,660 --> 00:08:36,440 หวังว่า จะชอบคลิปนี้กันนะคะทุกคน 203 00:08:36,440 --> 00:08:37,920 วันนี้ลาไปก่อนละกันค่ะ 204 00:08:37,920 --> 00:08:39,800 บ๊าย บาย สวัสดีค่ะ