มีวิตามินชนิดหนึ่งที่สามารถ ลดความเสี่ยงต่อโรคหัวใจได้ การกินช็อกโกแลตลดความเครียดในเด็กนักเรียน ยาชนิดใหม่ยืดอายุผู้ป่วยที่เป็นโรคหายาก มีการนำเสนอ พาดหัวข่าวสุขภาพเช่นนี้ในทุก ๆ วัน ซึ่งบางครั้งก็มีข้อสรุป ที่ตรงข้ามกันในแต่ละแหล่ง อาจมีความไม่เกี่ยวข้องกันระหว่าง การพาดข่าวหัวกว้าง ๆ เพื่อดึงความสนใจ กับผลลัพธ์ที่มักเฉพาะเจาะจง และเป็นก้าวเล็ก ๆ ของงานวิจัยทางการแพทย์ในตัวข่าว แล้วคุณจะป้องกันการถูกทำให้เข้าใจผิด จากพาดหัวยั่วให้อ่านเหล่านี้ได้อย่างไร? วิธีที่ดีที่สุดในการประเมิน ความน่าเชื่อถือของพาดหัว คือการเข้าไปดูงานวิจัยต้นฉบับที่ใช้อ้างถึง เราได้จำลองสถานการณ์งานวิจัยสมมุติ สำหรับ 3 พาดหัวต่อไปนี้ ให้ดูต่อไปสำหรับคำอธิบายของตัวอย่างแรก จากนั้นกดหยุด ที่พาดหัวเพื่อตอบคำถาม นี่เป็นเพียงสถานการณ์ง่าย ๆ งานวิจัยจริงจะมีปัจจัยเยอะกว่ามาก รวมถึงที่มาที่ไปของปัจจัยเหล่านั้น แต่เพื่อจุดประสงค์สำหรับการฝึก ให้สมมุติว่าคุณมีข้อมูล ที่จำเป็นเพียงพอแล้ว เรามาเริ่มจากการพิจารณา ผลกระทบต่อระบบไหลเวียนโลหิต ของวิตามินชนิดหนึ่งที่ชื่อ เฮลเทียม งานวิจัยนี้พบว่ากลุ่มตัวอย่าง ที่ได้รับเฮลเทียม มีระดับคอเลสเตอรอลที่ดี สูงกว่ากลุ่มตัวอย่างที่ได้รับยาหลอก ระดับของพวกเขาใกล้เคียงกับระดับของ กลุ่มคนที่มีคอเลสเตอรอลนี้สูงโดยธรรมชาติ งานวิจัยก่อนหน้าชี้ว่ากลุ่มคนที่มี คอเลสเตอรอลนี้สูงโดยธรรมชาติ มีอัตราการเกิดโรคหัวใจต่ำกว่า งั้นสิ่งที่พาดหัวนี้ชวนให้เข้าใจผิดคืออะไร "เฮลเทียมลดความเสี่ยงต่อโรคหัวใจ" ปัญหาของพาดหัวนี้คือ ที่จริงแล้วงานวิจัยนี้ไม่ได้สำรวจ ว่าเฮลเทียมลดความเสี่ยงโรคหัวใจหรือไม่ แต่เพียงสำรวจผลกระทบของเฮลเทียม ต่อระดับของคอเลสเตอรอลประเภทหนึ่งเท่านั้น ความจริงที่ว่าผู้มีระดับ คอเลสเตอรอลนี้สูงโดยธรรมชาติ มีความเสี่ยงต่อหัวใจวายต่ำกว่านั้น ไม่ได้แปลว่าจะเป็นจริงเช่นเดียวกันกับผู้ที่ เพิ่มระดับคอเลสเตอรอลนี้โดยใช้เฮลเทียม ในเมื่อคุณได้ไขปริศนา กรณีเฮลเทียมแล้ว ลองเผชิญกับความลึกลับน่าหลงใหลนี้ดู ความสัมพันธ์ระหว่าง การกินช็อกโกแลตกับความเครียด สมมุติว่างานวิจัยนี้ มีการสำรวจนักเรียน 10 คน ครึ่งหนึ่งเริ่มบริโภคช็อกโกแลต เป็นประจำทุกวัน ส่วนอีกครึ่งงดบริโภค ในฐานะเพื่อนร่วมห้อง ทุกคนใช้ตารางเรียนเดียวกัน เมื่อจบการสำรวจ พบว่านักเรียนที่ได้กินช็อกโกแลต เครียดน้อยกว่านักเรียนที่ไม่ได้กิน พาดหัวนี้ผิดตรงไหน "การกินช็อกโกแลต ลดความเครียดในเด็กนักเรียน" มันน้อยเกินไปที่จะสรุปเกี่ยวกับนักเรียน อย่างกว้าง ๆ โดยใช้ตัวอย่างเพียงแค่ 10 คน นั่นเพราะยิ่งผู้เข้าร่วมในตัวอย่างสุ่มน้อย โอกาสก็จะยิ่งต่ำที่ตัวอย่างเหล่านั้น จะเป็นตัวแทนของประชากรเป้าหมาย ทั้งหมดได้อย่างใกล้เคียง เช่น หากประชากรทั้งหมดของนักเรียน เป็นเพศชายครึ่งหนึ่งหญิงครึ่งหนึ่ง โอกาสที่จะสุ่มได้ตัวอย่าง 10 คน ที่โน้มไปทางเพศชาย 70% เพศหญิง 30% มีประมาณ 12% ในตัวอย่าง 100 คน โอกาสจะต่ำกว่า 0.0025% และในตัวอย่าง 1000 คน โอกาสจะต่ำกว่า 6×10^-36 % ในทำนองเดียวกัน ยิ่งผู้เข้าร่วมน้อย ผลลัพธ์ของตัวอย่างแต่ละคนก็ยิ่ง ส่งผลกระทบต่อผลลัพธ์โดยรวมมาก และจึงอาจทำให้แนวโน้ม ในภาพรวมเพี้ยนไป ถึงกระนั้น ก็มีเหตุผลที่ดีหลายเหตุผล ให้นักวิทยาศาสตร์ทำวิจัยขนาดเล็ก โดยเริ่มจากกลุ่มตัวอย่างขนาดเล็ก พวกเขาสามารถประเมินได้ว่า ผลลัพธ์ที่ได้คุ้มค่าพอหรือไม่ ที่จะทำวิจัยที่ครบถ้วนมากขึ้น ด้วยค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นตาม และบางวิจัยก็ต้องการ กลุ่มตัวอย่างที่เฉพาะมาก ๆ ซึ่งอาจเป็นไปไม่ได้ที่จะหา ตัวอย่างเหล่านั้นเป็นจำนวนมาก สิ่งสำคัญคือ การทำซ้ำได้ หากบทความหนึ่งทำการสรุป จากงานวิจัยขนาดเล็กชิ้นเดียว ข้อสรุปนั้นอาจน่าเคลือบแคลง แต่หากมีการใช้งานวิจัยหลายชิ้น ที่ได้ผลลัพธ์คล้ายกัน ข้อสรุปนั้นก็น่าเชื่อถือมากขึ้น เรายังเหลืออีกหนึ่งปริศนา ในสถานการณ์นี้ งานวิจัยหนึ่งทดสอบผลของยาชนิดใหม่ สำหรับโรคหายากร้ายแรง ในกลุ่มตัวอย่างผู้ป่วย 2,000 คน พบว่าผู้ที่เริ่มรับยาชนิดใหม่นี้ หลังวินิจฉัยโรค มีชีวิตยืนยาวกว่าผู้ที่ได้รับยาหลอก คราวนี้คำถามต่างออกไปเล็กน้อย ยังมีอีกอย่างที่คุณควรต้องรู้ ก่อนจะตัดสินพาดหัว "ยาชนิดใหม่ยืดอายุผู้ป่วยที่เป็นโรคหายาก" นี่สมเหตุสมผลหรือไม่? ก่อนที่จะตัดสิน คุณควรต้องรู้ว่ายานี้ยืดชีวิต ผู้ป่วยได้ยาวขึ้นแค่ไหน บางครั้ง งานวิจัยอาจได้ผลลัพธ์ที่ แม้จะถูกต้องในทางวิทยาศาสตร์ แต่ไม่ได้มีนัยสำคัญในโลกความเป็นจริง เช่น การทดลองทางการแพทย์ของจริงครั้งหนึ่ง ของยาต้านมะเร็งตับอ่อน พบว่าอายุขัยเฉลี่ยเพิ่มขึ้นเป็นเวลา 10 วัน ครั้งต่อไปที่คุณพบพาดหัว ทางการแพทย์ที่น่าตื่นตา ให้ดูไปที่งานวิจัยที่ใช้อ้างถึงด้วย ถึงแม้งานวิจัยตัวเต็ม ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการอ่าน คุณก็ยังสามารถหาสรุปแบบแผนการทดลอง และผลการทดลองได้ในบทคัดย่อ ซึ่งเปิดให้อ่านได้ฟรี หรือกระทั่งในตัวข่าวนั่นเอง มันน่าตื่นเต้นที่ได้เห็น งานวิจัยครอบคลุมเนื้อหาในข่าวนั้น และมันก็สำคัญเช่นกันที่ต้องเข้าใจ สิ่งที่พบในงานวิจัยนั้น ๆ