1 00:00:02,719 --> 00:00:07,360 อินเทอร์เน็ต: HTTP และ HTML 2 00:00:07,360 --> 00:00:12,471 ฉันจัสมินค่ะ ผู้จัดการโปรแกรม ฝ่ายวิศวกรรม ที่ XBOX One 3 00:00:13,805 --> 00:00:16,642 ฟีเจอร์ที่เจ๋งที่สุดอันนึงของเรา คือ XBOX Live 4 00:00:16,975 --> 00:00:20,854 เป็นบริการออนไลน์ของเรา ที่เชื่อมต่อเกมเมอร์จากทั่วโลก 5 00:00:21,104 --> 00:00:23,732 ซึ่งต้องพึ่งอินเทอร์เน็ตล้วน ๆ ค่ะ 6 00:00:24,066 --> 00:00:28,111 ไม่ง่ายเลยนะคะ เบื้องหลังก็มีเรื่องราวมากมายค่ะ 7 00:00:29,488 --> 00:00:33,534 อินเทอร์เน็ตเปลี่ยนวิธีการปฏิสัมพันธ์ และการเชื่อมต่อของมนุษย์มาก 8 00:00:33,700 --> 00:00:39,998 แต่มันทำงานยังไง คอมพิวเตอร์ทั่วโลก สื่อสารกันได้ยังไง 9 00:00:40,415 --> 00:00:42,834 มาดูกันที่การท่องเว็บก่อนนะคะ 10 00:00:43,877 --> 00:00:46,129 ก่อนอื่น ก็เปิดเว็บเบราว์เซอร์ 11 00:00:46,505 --> 00:00:48,840 ซึ่งเป็นแอปที่เราใช้เข้าหน้าเว็บนั่นเอง 12 00:00:49,591 --> 00:00:52,344 จากนั้นพิมพ์ที่อยู่เว็บหรือ URL ลงไป 13 00:00:52,595 --> 00:00:56,723 ย่อมาจาก Uniform Resource Locator ของเว็บไซต์ที่อยากเข้า 14 00:00:56,932 --> 00:00:58,433 อย่าง tumblr.com 15 00:01:04,106 --> 00:01:06,441 สวัสดีครับ ผมเดวิด คาร์ป ผู้ก่อตั้ง Tumblr 16 00:01:06,692 --> 00:01:11,071 วันนี้เราะมาพูดถึงเว็บเบราว์เซอร์ ที่เราใช้กันทุกวันว่ามันทำงานอย่างไร 17 00:01:11,863 --> 00:01:13,907 คุณคงสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ 18 00:01:14,157 --> 00:01:17,077 เวลาพิมพ์ที่อยู่ในเว็บเบราว์เซอร์ และกด enter 19 00:01:17,203 --> 00:01:19,454 มันก็เหลือเชื่ออย่างที่คุณคิดนี่แหละ 20 00:01:19,830 --> 00:01:24,293 จุดนั้นที่คอมพิวเตอร์คุณคุยกับ คอมพิวเตอร์อื่น เรียกว่าเซิร์ฟเวอร์ 21 00:01:24,543 --> 00:01:26,837 ที่มักอยู่ห่างออกไปหลายพันไมล์ 22 00:01:27,170 --> 00:01:31,383 คอมพิวเตอร์คุณถามหาเว็บไซต์นั้น จากคอมพิวเตอร์เครื่องนั้นในเสี้ยววินาที 23 00:01:31,592 --> 00:01:36,430 เซิร์ฟเวอร์ก็ตอบกลับหาคอมพิวเตอร์คุณ ในภาษาที่เรียกว่า HTTP 24 00:01:36,596 --> 00:01:40,684 HTTP ย่อมาจาก HyperText Transfer Protocol 25 00:01:40,933 --> 00:01:43,603 มองว่าเป็นภาษา ที่คอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่งใช้ 26 00:01:43,770 --> 00:01:45,814 เพื่อขอเอกสารจาก คอมพิวเตอร์อีกเครื่องก็ได้ 27 00:01:45,938 --> 00:01:47,774 ซึ่งก็ตรงไปตรงมาพอสมควร 28 00:01:47,982 --> 00:01:52,862 ถ้าคุณแอบดูบทสนทนาระหว่างคอมพิวเตอร์คุณ กับเว็บเซิร์ฟเวอร์ในอินเทอร์เน็ต 29 00:01:53,112 --> 00:01:55,323 ส่วนมากก็ทำจากสิ่งที่เรียกว่าคำขอ GET 30 00:01:55,615 --> 00:01:57,575 เรียบง่ายมาก แค่มีคำว่า GET 31 00:01:57,784 --> 00:02:00,161 ตามด้วยชื่อเอกสารที่คุณขอ 32 00:02:00,453 --> 00:02:03,081 ถ้าคุณจะล็อกอินใน Tumblr และโหลดหน้าล็อกอินของเรา 33 00:02:03,289 --> 00:02:09,962 ที่คุณทำคือส่งคำขอ GET ไปยังเซิร์ฟเวอร์ ของ Tumblr ที่เขียนว่า GET /login 34 00:02:10,213 --> 00:02:12,090 นั่นจะบอกเซิร์ฟเวอร์ของ Tumblr ว่า 35 00:02:12,257 --> 00:02:16,845 คุณต้องการโค้ด HTML ทั้งหมด สำหรับหน้าล็อกอินของ Tumblr 36 00:02:18,180 --> 00:02:21,099 HTML ย่อมาจาก Hyper Text Markup Language 37 00:02:21,350 --> 00:02:23,435 เหมือนเป็นภาษาที่คุณใช้ 38 00:02:23,644 --> 00:02:26,313 บอกเว็บเบราว์เซอร์ว่า จะให้หน้านั้นมีลักษณะยังไง 39 00:02:26,521 --> 00:02:30,591 ลองนึกถึง Wikipedia ที่มีเอกสารง่าย ๆ มากมาย 40 00:02:30,591 --> 00:02:34,571 ตัว HTML คือภาษา ที่ให้ชื่อเรื่องตัวใหญ่และหนา 41 00:02:34,905 --> 00:02:36,657 ให้ฟอนต์เป็นฟอนต์ที่ต้องการ 42 00:02:36,907 --> 00:02:42,287 ให้ลิงก์ข้อความบางส่วนไปยังบางเพจ ให้ข้อความบางส่วนเป็นตัวหนา 43 00:02:42,537 --> 00:02:45,540 ให้อักษรเป็นตัวเอียง ให้ใส่รูปภาพกลางหน้า 44 00:02:45,749 --> 00:02:47,918 ให้ขยับรูปชิดขวา ให้ขยับรูปชิดซ้าย 45 00:02:49,294 --> 00:02:52,506 ข้อความของเว็บเพจ รวมอยู่ใน HTML โดยตรง 46 00:02:52,798 --> 00:02:57,969 แต่ส่วนอื่นอย่างรูปภาพ วีดีโอ เป็นไฟล์แยกที่มี URL เป็นของตัวเอง 47 00:02:58,188 --> 00:02:59,471 ซึ่งต้องทำการขอ 48 00:03:00,222 --> 00:03:03,767 เบราว์เซอร์ส่งคำขอ HTTP แยก สำหรับแต่ละไฟล์ 49 00:03:04,017 --> 00:03:06,103 แล้วค่อยแสดงเมื่อไฟล์ไปถึง 50 00:03:07,729 --> 00:03:10,357 หากหน้าเว็บมีรูปภาพมาก 51 00:03:10,899 --> 00:03:15,570 แต่ละอันต้องส่งคำขอ HTTP แยก ทำให้เพจนั้นโหลดช้า 52 00:03:18,615 --> 00:03:23,286 ทีนี้เวลาเราเข้าเว็บไซต์ เราไม่ได้ส่งแต่เพียงคำขอ GET เท่านั้น 53 00:03:23,704 --> 00:03:28,917 บางทีเราก็ส่งข้อมูล เช่นเวลากรอกแบบฟอร์ม หรือพิมพ์คำที่ต้องการค้นหา 54 00:03:29,543 --> 00:03:32,212 เบราว์เซอร์ของคุณจะส่งข้อความนี้ เป็นคำข้อความ 55 00:03:32,462 --> 00:03:36,341 ไปยังเว็บเซิร์ฟเวอร์ที่ใช้คำขอ HTTP POST 56 00:03:36,591 --> 00:03:38,427 สมมติเราลงชื่อเข้าใช้ Tumblr 57 00:03:38,677 --> 00:03:40,679 อย่างแรกที่คุณทำคือคำขอ POST 58 00:03:41,304 --> 00:03:46,268 ซึ่งก็คือ POST ไปยังหน้าเพจของ Tumblr ที่มีข้อมูลติดมาด้วย 59 00:03:46,518 --> 00:03:48,687 มันจะมีอีเมลของคุณ รหัสผ่านของคุณ 60 00:03:49,063 --> 00:03:50,647 อันนั้นจะเข้าเซิร์ฟเวอร์ของ Tumblr 61 00:03:50,856 --> 00:03:53,483 เซิร์ฟเวอร์ของ Tumblr ก็จะรู้ว่า โอเค คุณคือเดวิด 62 00:03:53,734 --> 00:03:57,571 มันจะส่งหน้าเว็บกลับมาเบราว์เซอร์ของคุณ ที่แจ้งว่า สำเร็จ 63 00:03:57,821 --> 00:04:00,198 ลงชื่อเข้าใช้ชื่อเดวิดแล้ว แต่ในหน้าเว็บนั้น 64 00:04:00,449 --> 00:04:03,827 มันจะติดข้อมูลคุกกี้ที่มองไม่เห็นมาด้วย 65 00:04:03,994 --> 00:04:06,997 แต่เบราว์เซอร์คุณเห็นและรู้ว่าต้องบันทึก 66 00:04:07,205 --> 00:04:08,415 นั่นสำคัญมาก เพราะว่า 67 00:04:08,623 --> 00:04:11,001 เป็นทางเดียวที่เว็บไซต์จะจำคุณได้ 68 00:04:12,085 --> 00:04:15,839 ข้อมูลคุกกี้นั่นก็เหมือน บัตรประจำตัวของ Tumblr 69 00:04:16,089 --> 00:04:18,383 เป็นตัวเลขที่ระบุว่าคุณคือเดวิด 70 00:04:18,467 --> 00:04:20,552 เว็บเบราว์เซอร์คุณจะยึกตัวเลขนั้น 71 00:04:20,927 --> 00:04:25,807 ต่อไปพอคุณรีเฟรชหรือเข้า Tumblr.com เว็บเบราว์เซอร์คุณก็จะรู้ 72 00:04:26,016 --> 00:04:30,286 ว่าต้องติดเลขประจำตัวนี้ไปกับคำขอที่ส่ง ไปยังเซิร์ฟเวอร์ของ Tumblr โดยอัตโนมัติ 73 00:04:30,286 --> 00:04:33,940 ทีนี้เซิร์ฟเวอร์ของ Tumblr ก็เห็นคำร้องนี้จากเบบราว์เซอร์ของคุณ 74 00:04:34,149 --> 00:04:38,028 เห็นเลขประจำตัวและรู้ว่า โอเค คำร้องนี้มาจากเดวิด 75 00:04:40,489 --> 00:04:42,991 อินเทอร์เน็ตนั้นเปิดกว้างมาก 76 00:04:43,492 --> 00:04:47,746 ทุกการเชื่อมต่อมีการแชร์กัน และข้อมูลก็ส่งเป็นข้อความ 77 00:04:48,902 --> 00:04:54,211 ทำให้แฮกเกอร์แอบนำข้อมูลส่วนตัว ที่คุณส่งไปในอินเทอร์เน็ตได้ 78 00:04:54,711 --> 00:04:57,172 แต่เว็บไซต์ที่ปลอดภัยจะป้องกันสิ่งนี้ค่ะ 79 00:04:57,339 --> 00:05:00,842 ด้วยการขอให้เว็บเบราว์เซอร์ของคุณ สื่อสารในช่องทางที่ปลอดภัย 80 00:05:01,051 --> 00:05:03,678 ด้วยการใช้สิ่งที่เรียกว่า Secure Sockets Layer 81 00:05:03,887 --> 00:05:07,098 และตัวรับช่วงต่อของมัน Transport Layer Security 82 00:05:07,432 --> 00:05:13,855 จะมองว่า SSL และ TLS เป็นความปลอดภัย อีกชั้นที่หุ้มการสื่อสารของคุณ 83 00:05:14,231 --> 00:05:16,608 เพื่อป้องกันการถูกขโมยข้อมูลก็ได้ 84 00:05:16,900 --> 00:05:21,029 SSL และ TLS ใช้งานได้ เมื่อคุณเป็นรูปแม่กุญแจเล็ก ๆ 85 00:05:21,196 --> 00:05:24,991 ในบาร์ที่อยู่เบราว์เซอร์คุณ ข้าง HTTPS 86 00:05:25,575 --> 00:05:31,289 โพรโตคอล HTTPS ทำให้คำขอ HTTP ของคุณ ปลอดภัยและได้รับการปกป้อง 87 00:05:31,998 --> 00:05:35,752 เมื่อเว็บไซต์ขอให้เบราว์เซอร์ของคุณ เชื่อมต่ออย่างปลอดภัย 88 00:05:36,086 --> 00:05:38,630 มันจะออกใบรับรองดิจิทัลให้ก่อน 89 00:05:38,839 --> 00:05:43,593 ซึ่งเหมือนบัตรประชาชนที่พิสูจน์ว่า เว็บไซต์นี้เป็นอย่างที่มันบอกจริง ๆ 90 00:05:44,344 --> 00:05:49,104 ใบรับรองดิจิทัลออกให้โดย หน่วยงานใบรับรองที่เป็นที่ไว้วางใจ 91 00:05:49,104 --> 00:05:53,395 ที่รับรองตัวตนของเว็บไซต์ และออกใบรับรองให้ 92 00:05:53,770 --> 00:05:56,565 เหมือนที่รัฐบาลออกบัตรประชาชน หรือพาสปอร์ตให้เรา 93 00:05:56,857 --> 00:05:59,901 หากเว็บไซต์ พยายามทำการเชื่อมต่อที่ปลอดภัย 94 00:06:00,151 --> 00:06:04,239 โดยไม่ได้รับใบรับรองดิจิทัลก่อน เบราว์เซอร์ก็จะเตือนคุณ 95 00:06:06,741 --> 00:06:09,119 นี่แหละค่ะเรื่องพื้นฐานของการเล่นเว็บ 96 00:06:09,786 --> 00:06:12,080 เป็นอินเทอร์เน็ตที่เราเห็นกันทุกวัน 97 00:06:12,330 --> 00:06:18,962 สรุปว่า HTTP และ DNS จัดการการรับส่ง HTML 98 00:06:19,254 --> 00:06:21,506 ไฟล์สื่อหรืออะไรก็ตามในหน้าเว็บ 99 00:06:21,798 --> 00:06:27,137 สิ่งที่ทำให้มันเกิดขึ้นได้คือ TCP/IP และเครือข่ายเราเตอร์ 100 00:06:27,429 --> 00:06:31,057 ซึ่งแยกและส่งข้อมูลเป็นแพ็คเก็ตเล็ก ๆ 101 00:06:31,349 --> 00:06:34,311 แพ็คเก็ตพวกนี้ประกอบด้วยเลขฐานสอง 102 00:06:34,561 --> 00:06:37,731 ชุดตัวเลข 1 และ 0 ที่ถูกส่งทางกายภาพ 103 00:06:37,939 --> 00:06:41,693 ผ่านสายไฟ ใยแก้วนำแสง และเครือข่ายไร้สาย 104 00:06:42,319 --> 00:06:45,972 ทีนี้เมื่อได้รู้แล้วว่า อินเทอร์เน็ตเลเยอร์แรกทำงานอย่างไร 105 00:06:46,389 --> 00:06:49,309 คุณก็เชื่อใจมันได้เลย โดยไม่ต้องจำรายละเอียดทั้งหมด 106 00:06:50,060 --> 00:06:52,912 เราเชื่อได้ว่าเลเยอร์ทั้งหมดนั้น จะทำงานร่วมกัน 107 00:06:53,163 --> 00:06:57,626 เพื่อส่งข้อมูลทุกขนาดได้ อย่างน่าเชื่อถือค่ะ