0:00:08.480,0:00:11.420 สิ่งหนึ่งที่เจ๋งที่สุดที่ฉันเจอ[br]เกี่ยวกับวงจรก็คือ 0:00:11.780,0:00:18.440 วงจรสามารถเป็นศิลปะได้ ถ้าสร้างสรรค์[br]ก็จะได้ไอเดียสร้างสรรค์จากการใช้วงจร 0:00:20.300,0:00:24.700 ฉะนั้นหากมีไอเดีย ก็ใช้เทคโนโลยีช่วย[br]ทำให้ไอเดียนั้นเป็นจริง 0:00:26.860,0:00:32.340 ทุกข้อมูลที่นำเข้าและนำออกจากคอมพิวเตอร์[br]นับเป็นข้อมูลที่มีประสิทธิภาพ 0:00:32.340,0:00:37.240 ซึ่งนำเสนอผ่านการปิดและเปิด[br]ของสัญญาณไฟฟ้า 0:00:37.240,0:00:39.060 หรือเลขหนึ่งกับศูนย์ 0:00:39.400,0:00:46.360 หากจะประมวลผลข้อมูลที่รับเข้าไป[br]ก่อนส่งข้อมูลนั้นออกมา 0:00:46.360,0:00:49.920 คอมพิวเตอร์ต้องดัดแปลง[br]และรวมสัญญาณนำเข้านั้น 0:00:50.540,0:00:58.520 ซึ่งคอมพิวเตอร์ต้องใช้องค์ประกอบทางไฟฟ้าเล็ก ๆ[br]ซึ่งอยู่ด้วยกันในรูปแบบเพื่อสร้างวงจร 0:01:03.040,0:01:08.460 มาดูกันครับว่าวงจรสามารถดัดแปลงและประมวล[br]ผลข้อมูลที่ถูกนำเสนอด้วยเลขหนึ่งกับศูนย์ยังไง 0:01:09.460,0:01:12.280 นี่เป็นวงจรอย่างง่าย 0:01:12.280,0:01:15.820 มันใช้สัญญาณไฟฟ้าดูว่าปิดหรือเปิด[br]ก่อนจะสลับ 0:01:15.820,0:01:20.580 หากคุณให้สัญญาณ 1 ไป[br]วงจรจะให้ 0 0:01:20.580,0:01:23.620 ถ้าคุณให้ 0 กับวงจร[br]มันจะให้ 1 กับคุณ 0:01:23.630,0:01:29.680 สัญญาณที่เข้าไปไม่เหมือนสัญญาณที่ออกมา[br]เราเลยเรียกมันว่าวงจร Not 0:01:30.040,0:01:36.580 วงจรที่ซับซ้อนกว่าสามารถรับและรวมได้หลายสัญญาณ[br]และมอบผลลัพธ์ที่ต่างออกไปให้คุณ 0:01:36.580,0:01:43.480 ตัวอย่างนี้ วงจรจะใช้สองสัญญาณ[br]แต่ละอันจะเป็น 1 หรือ 0 0:01:43.880,0:01:49.580 ถ้าอันใดอันหนึ่งเป็น 0 ผลลัพธ์ก็จะเป็น 0 0:01:49.580,0:01:52.720 วงจรนี้จะเป็น 1 ได้ 0:01:52.780,0:02:00.760 เมื่อสัญญาณที่หนึ่งและสัญญาณที่สอง[br]เป็น 1 เหมือนกัน เราจึงเรียกว่าวงจร And 0:02:01.220,0:02:06.600 จะมีวงจรเล็ก ๆ แบบนี้มากมาย[br]ที่ช่วยคำนวณตรรกะอย่างง่าย 0:02:06.600,0:02:13.400 เมื่อเชื่อมวงจรเหล่านี้เข้าด้วยกัน ก็สร้างวงจร[br]ที่ซับซ้อนขึ้น จนคำนวณอะไรที่ซับซ้อนขึ้นได้ 0:02:13.940,0:02:19.760 เช่นเมื่อทำวงจรที่เพิ่มสองบิทเข้าด้วยกัน[br]เรียกว่า แอดเดอร์ 0:02:19.840,0:02:27.040 วงจรนี้คำนวณจากสองบิท แต่ละอันจะเป็น 1 หรือ 0[br]แล้วนำมารวมกันเพื่อคำนวณผลลัพธ์ 0:02:27.350,0:02:29.829 ผลลัพธ์อาจเป็น 0 บวก 0 ได้ 0 0:02:30.340,0:02:34.340 0 บวก 1 ได้ 1[br]หรือ 1 บวก 1 ได้ 2 0:02:34.360,0:02:39.440 ต้องต่อสายไฟออกมาสองเส้นเพื่อแทนหน่วยเลขฐานสอง[br]สองหน่วยในการเสนอผลลัพธ์ 0:02:40.060,0:02:44.500 เมื่อมีหนึ่งแอดเดอร์เพื่อเพิ่มข้อมูลสองบิท 0:02:44.500,0:02:50.340 ก็ใส่แอดเดอร์เข้าไปอีกหลาย ๆ อันได้[br]เพื่อคำนวณตัวเลขที่มากกว่านั้นมาก 0:02:51.170,0:02:56.229 เช่นแอดเดอร์ 8-บิท[br]จะบวกเลข 25 และ 50 แบบนี้ 0:02:57.260,0:03:03.730 แต่ละเลขนำเสนอด้วย 8 บิท[br]ทำให้มีสัญญาณไฟฟ้าที่ต่างกัน 16 สัญญาณเข้าวงจร 0:03:04.920,0:03:10.760 ในวงจรสำหรับแอดเดอร์ 8 บิทมีแอดเดอร์เล็ก ๆ อีกมาก[br]ซึ่งพอมารวมกันแล้วก็คำนวณผลลัพธ์ได้ 0:03:12.500,0:03:17.340 วงจรไฟฟ้าที่ต่างกันสามารถ[br]คำนวณแบบง่ายอื่น ๆ ได้เช่น ลบ คูณ 0:03:17.340,0:03:24.720 ที่จริงข้อมูลทั้งที่คอมพิวเตอร์ประมวล [br]ก็เป็นเพียงการทำงานเล็ก ๆ มารวมกัน 0:03:24.720,0:03:30.520 แต่ละการทำงานที่คอมพิวเตอร์ทำนั้น[br]เรียบง่ายมากจนมนุษย์เองก็ทำได้ 0:03:30.520,0:03:34.100 แต่วงจรในคอมพิวเตอร์นั้นไวกว่ามาก 0:03:34.820,0:03:38.660 วงจรสมัยก่อนทั้งใหญ่และเทอะทะ 0:03:38.660,0:03:44.780 แอดเดอร์ 8 บิทอาจใหญ่เท่าตู้เย็น[br]ใช้เวลาหลายนาทีกว่าจะคำนวณง่าย ๆ ได้ 0:03:45.100,0:03:50.060 วงจรคอมพิวเตอร์ปัจจุบันมีจนาวจิ๋ว[br]และไวกว่ามาก 0:03:50.580,0:03:53.200 ทำไมเล็กกว่าแล้วยังไวกว่า 0:03:53.200,0:03:58.140 เพราะยิ่งวงจรเล็ก[br]สัญญาณไฟฟ้ายิ่งไม่ต้องเดินทางไกล 0:03:58.360,0:04:04.340 สัญญาณไฟฟ้าเดินทางไวพอกับแสง[br]วงจรยุคนี้จึงคำนวณหลักพันล้านได้ใน 1 วินาที 0:04:05.320,0:04:10.720 ฉะนั้นไม่ว่าคุณจะเล่นเกม บันทึกวีดีโอ[br]หรือ สำรวจจักรวาล 0:04:11.860,0:04:18.019 ทุกสิ่งที่คุณใช้เทคโนโลยีทำ [br]ต้องประมวลผลมากมายอย่างรวดเร็ว 0:04:18.860,0:04:24.900 เบื้องหลังความซับซ้อนนี้คือ[br]วงจรจิ๋วมากมายที่เปลี่ยนสัญญาณฐานสอง 0:04:24.900,0:04:27.720 เป็นเว็บไซต์ วีดีโอ เพลงและเกมส์ 0:04:27.720,0:04:31.960 วงจรพวกนี้ยังช่วยเราถอดรหัสดีเอ็นเอ[br]เพื่อวินิจฉัยและรักษาโรคด้วย 0:04:31.960,0:04:34.920 แล้วคุณล่ะ[br]อยากใช้วงจรพวกนี้ทำอะไร