ในทศวรรษที่ผ่านมา
ดิฉันได้ศึกษากลุ่มติดอาวุธที่ไม่ใช่รัฐ
องค์กรติดอาวุธ อย่างกลุ่มก่อการร้าย
กลุ่มกบฎ หรือทหารกองหนุน
ดิฉันเก็บข้อมูลว่ากลุ่มเหล่านี้
ทำอะไรกันเวลาที่ไม่ได้จับปืน
ฉันมีเป้าหมายว่า อยากเข้าใจ
กลุ่มหัวรุนแรงเหล่านี้ให้มากขึ้น
และศึกษาหาวิธีการส่งเสริมการเปลี่ยนผ่าน
จากการต่อสู้ด้วยความรุนแรง
เป็นการเผชิญหน้าโดยไม่ใช้ความรุนแรง
ฉันทำงาน ทั้งในพื้นที่จริง
ในแวดวงนโยบายรัฐ และในห้องสมุด
ความเข้าใจกลุ่มติดอาวุธที่ไม่ใช่รัฐ
จะช่วยให้เราแก้ไขความขัดแย้งในปัจจุบันได้
เพราะสงคราม ได้เปลี่ยนรูปแบบแล้ว
จากการต่อสู้กันระหว่างรัฐ
ไม่ใช่อีกแล้ว
ตอนนี้ มันได้กลายเป็นการต่อสู้ระหว่างรัฐ
และตัวละครที่ไม่ใช่รัฐ
เช่น ในบรรดาข้อตกลงสันติภาพ 216 ฉบับ
ระหว่างปี ค.ศ. 1975 และ 2001
196 ฉบับเป็นข้อตกลงระหว่างรัฐ
และกลุ่มที่ไม่ใช่รัฐ
เราจึงต้องเข้าใจกลุ่มก่อการเหล่านี้
เราต้องเข้าจัดการ
หรือขจัดกลุ่มเหล่านี้ โดยใช้วิธี
คลี่คลายความขัดแย้งอย่างสัมฤทธิ์ผล
แล้วต้องใช้วิธีไหนล่ะ
เราต้องรู้ให้ได้ว่า องค์กรพวกนี้
คงอำนาจอยู่ได้อย่างไร
เรารู้เยอะแล้ว ว่ากลุ่มพวกนี้
สู้อย่างไร สู้เพื่ออะไร
แต่ยังไม่มีใครสนใจดูเลยว่า
พวกเขาทำอะไรกัน เวลาที่ไม่ได้ต่อสู้
การต่อสู้ด้วยอาวุธ
และการเมืองแบบไร้อาวุธ เกี่ยวเนื่องกัน
ทั้งสองกิจกรรม มีอยู่ในองค์กรเดียวกัน
เราจะไม่อาจเข้าใจ
หรือกระทั่งกำราบพวกเขาได้
หากเราไม่เข้าใจภาพรวม
กลุ่มติดอาวุธในปัจจุบัน
เป็นองค์กรที่ซับซ้อน
เช่น กลุ่มฮิซบอลเลาะห์ของเลบานอน
ซึ่งโด่งดังจากการก่อเหตุรุนแรง
ต่อต้านอิสราเอล
แต่นับแต่การก่อตั้งเมื่อต้นทศวรรษ 1980
ฮิซบอลเลาะห์ ยังตั้งพรรคการเมือง,
เครือข่ายบริการสาธารณะ,
และหน่วยทหาร
เช่นเดียวกัน กลุ่มฮามาสของปาเลสไตน์
ซึ่งเรารู้จักจากการจู่โจมอิสราเอล
โดยใช้ระเบิดพลีชีพ
ก็เป็นผู้ดูแลฉนวนกาซ่า
นับแต่ปี ค.ศ. 2007 ด้วย
ฉะนั้น กลุ่มก่อการพวกนี้ยัง
มีกิจกรรมอื่นนอกจากยิงปืน
หลากหลายกิจกรรม
พวกเขาสร้างเครือข่าย
กระจายข่าวสารซับซ้อน
สถานีวิทยุ, ช่องโทรทัศน์
เว็บไซต์อินเทอร์เน็ต
รวมถึงโซเชียล มีเดีย
ที่คุณเห็นนี้ คือนิตยสารของไอซิส
ตีพิมพ์เป็นภาษาอังกฤษ
และเป็นช่องทางรับคนร่วมขบวนการ
กลุ่มติดอาวุธยังมีการลงทุน
เพื่อระดมเงินสนับสนุน
ไม่ได้ไปปล้นใคร
แต่ทำธุรกิจหากำไรจริงจัง
เช่น บริษัทก่อสร้าง
กิจกรรมเหล่านี้ คือกุญแจสำคัญ
ที่ทำให้กลุ่มนี้
สามารถเสริมความเข้มแข็ง
และระดมเงินทุน
เพื่อรับสมัครกองกำลัง
และเสริมสร้างภาพลักษณ์ชื่อเสียง
อีกอย่างหนึ่งที่กลุ่มติดอาวุธทำ
คือการสร้างความสัมพันธ์ที่เหนียวแน่น
กับชาวบ้าน
โดยลงทุนในงานบริการสังคม
พวกเขาสร้างโรงเรียน บริหารโรงพยาบาล
เปิดสอนวิชาอาชีพ หรือปล่อยกู้ขนาดย่อย
ฮิซบอลเลาะห์ ให้บริการทุกอย่างนี้
และอย่างอื่นๆ อีก
กลุ่มติดอาวุธยังพยายาม
ชนะใจชาวบ้าน
โดยเสนอบางสิ่งที่ภาครัฐไม่อาจให้ได้
คือความปลอดภัย และความคุ้มครอง
การเติบโตในระยะแรกกลุ่มตาลีบัน (Taliban)
ในอัฟกานิสถานที่ลุกโชนด้วยสงคราม
หรือกระทั่งจุดเริ่มต้นความรุ่งเรือง
ของไอซิส
สามารถเข้าใจได้โดยการศึกษา
วิธีการที่กลุ่มเหล่านี้
มอบความคุ้มครองให้ประชาชน
แต่โชคไม่ดี ที่ในกรณีนี้
การมอบความคุ้มครอง
มาพร้อมราคาอันสูงลิบอย่างยากแบกรับ
ต่อบรรดาประชาชน
แต่โดยทั่วไปแล้ว การให้
บริการแก่สังคมช่วยเติมช่องว่าง
ช่องว่างด้านการปกครองที่รัฐบาลทิ้งไว้
และทำให้กลุ่มเหล่านี้สามารถ
เพิ่มความแข็งแกร่ง
และอิทธิพลของตนเองได้
เช่น ชัยชนะการเลือกตั้งในปี ค.ศ. 2006
ของพรรคฮามาสแห่งปาเลสไตน์
จะดูน่าประหลาดใจมาก หากเราไม่ได้รับรู้
งานด้านบริการสังคมที่กลุ่มนี้ทำ
นี่เป็นเรื่องที่ซับซ้อนมากๆ
แต่ในโลกตะวันตก
พอเราเห็นเรื่องกลุ่มติดอาวุธ
เรากลับนึกถึงแต่การก่อความรุนแรง
ซึ่งยังไม่มากพอจะทำให้เราเข้าใจถึง
ความแข็งแกร่ง กลยุทธ์
หรือวิสัยทัศน์ระยะยาวของกลุ่มเหล่านี้
กลุ่มเหล่านี้มีลักษณะผสม
พวกเขาเติบใหญ่ได้ จากการเติม
ช่องว่างที่รัฐบาลทิ้งไว้
ดำเนินงาน ทั้งโดยใช้อาวุธ
และเวทีการเมือง
ต่อสู้ด้วยการก่อความรุนแรง
และให้ความปกป้องคุ้มครอง
ยิ่งองค์กรเหล่านี้มีความซับซ้อน
และแยบคายขึ้นเท่าไหร่
เราก็ยิ่งคิดถึงพวกเขาในฐานะขั้วตรงข้าม
ของภาครัฐได้น้อยลงเท่านั้น
คุณจะเรียกกลุ่มแบบ
ฮิซบอลเลาะห์อย่างไรดี
พวกเขาบริหารเขตปกครอง
ดูแลการดำเนินงานทั้งหมด
พวกเขาเก็บกวาดขยะ
จัดการระบบท่อน้ำทิ้ง
นี่เป็นตัวละครรัฐ หรือกลุ่มกบฏ
หรืออาจเป็นตัวละครแบบอื่น
ที่ทั้งแปลกใหม่ และแตกต่าง
แล้วไอซิสล่ะ
เส้นแบ่งพร่าเลือนแล้ว
เราอยู่ในโลกที่มีทั้งรัฐ,
กลุ่มที่ไม่ใช่รัฐ, และกลุ่มที่อยู่กึ่งกลาง
ยิ่งมีจำนวนรัฐที่อ่อนแอ อย่างเช่น
ในตะวันออกกลางเยอะขึ้นเท่าไหร่
ตัวละครที่ไม่ใช่รัฐ ก็จะมีบทบาท
และเข้ามาเติมช่องว่างเยอะขึ้นเรื่อย ๆ
สำหรับรัฐบาล นี่เป็นเรื่องสำคัญ
เพราะจะต่อต้านกลุ่มเหล่านี้ได้
พวกเขาจะต้องลงทุนในเครื่องมือ
ที่ไม่ใช่การทหารให้เยอะขึ้น
การปิดช่องว่างการปกครอง
ต้องเป็นหัวใจสำคัญของ
วิธีการจัดการอย่างยั่งยืน
เรื่องนี้ยังสำคัญอย่างยิ่ง
สำหรับกระบวนการสร้างสันติภาพ
หากเราเข้าใจกลุ่มติดอาวุธได้ดีขึ้น
เราก็จะรู้ว่า ควรเสนอมาตรการจูงใจ
แบบใด
เพื่อส่งเสริมการเปลี่ยนผ่าน
จากการใช้ความรุนแรงสู่การหยุดความรุนแรง
ในการต่อสู้รูปแบบใหม่
ระหว่างรัฐ และกลุ่มที่ไม่ใช่รัฐนี้
กำลังทางทหารอาจชนะการสู้รบ
แต่มันไม่อาจสร้าง
สันติภาพหรือความมั่นคงได้
หากจะบรรลุเป้าหมายเหล่านี้
เราต้องใช้การลงทุนระยะยาว
เพื่อปิดช่องว่างด้านความคุ้มครอง
ปิดช่องว่างด้านการปกรอง
ที่ทำให้กลุ่มก่อการเหล่านี้
เติบโตขึ้นมาได้นับแต่เริ่มต้น
ขอบคุณค่ะ
(เสียงปรบมือ)