WEBVTT 00:00:00.000 --> 00:00:03.000 ผมจะเริ่มจากวีดีโอนี้ 00:00:09.000 --> 00:00:12.000 ใช่ครับ มันคือไข่ที่ถูกตีแล้ว 00:00:13.000 --> 00:00:15.000 แต่เมื่อคุณมองไป 00:00:15.000 --> 00:00:17.000 ผมหวังว่าคุณจะเริ่มรู้สึก 00:00:17.000 --> 00:00:20.000 แปลกตาไปเล็กน้อย 00:00:21.000 --> 00:00:24.000 เพราะคุณจะเห็นว่า สิ่งที่กำลังเกิดขึ้น 00:00:24.000 --> 00:00:27.000 คือไข่ใบนั้นกำลังกลับเข้ารูปเข้าร่าง 00:00:27.000 --> 00:00:29.000 คุณจะเห็นว่า ไข่ขาวกับไข่แดงถูกแยกออกจากกัน 00:00:29.000 --> 00:00:32.000 และมันกำลังย้อนกลับขึ้นไปอยู่ในเปลือกไข่ 00:00:32.000 --> 00:00:35.000 และเรารู้อยู่แก่ใจของเรา 00:00:35.000 --> 00:00:38.000 ว่านี่ไม่ใช่หนทางของจักรวาล 00:00:39.000 --> 00:00:42.000 ไข่คนเป็นของที่เละเทะ มันอร่อย แต่ก็เละ 00:00:42.000 --> 00:00:45.000 แต่ไข่ฟองหนึ่งมันช่างสวยงาม ซับซ้อนเหลือเกิน 00:00:45.000 --> 00:00:47.000 ที่ยังสามารถสร้างสิ่งที่ซับซ้อนยิ่งกว่าได้อีก 00:00:47.000 --> 00:00:49.000 เช่น ไข่กลายเป็นไก่ 00:00:49.000 --> 00:00:51.000 และเรารู้อยู่แก่ใจ 00:00:51.000 --> 00:00:53.000 ว่าจักรวาลไม่ได้เดินหน้า 00:00:53.000 --> 00:00:55.000 จากสิ่งเละๆ กลายเป็นความซับซ้อน 00:00:55.000 --> 00:00:57.000 ที่จริง ความรู้สึกนึ้ 00:00:57.000 --> 00:01:00.000 ถูกบรรยายด้วยกฎรากฐานของฟิสิกส์ 00:01:00.000 --> 00:01:03.000 กฎของอุณหพลศาสตร์ข้อที่สอง หรือกฎของเอนโทรปี 00:01:03.000 --> 00:01:05.000 นั่นก็คือ 00:01:05.000 --> 00:01:08.000 แนวโน้มทั่วไปของจักรวาล 00:01:08.000 --> 00:01:10.000 คือการย้ายจากความเป็นระเบียบ 00:01:10.000 --> 00:01:12.000 และมีโครงสร้าง 00:01:12.000 --> 00:01:14.000 ไปสู่ความไม่มีระเบียบ และไม่มีโครงสร้าง 00:01:14.000 --> 00:01:16.000 ที่จริง ก็คือกลายเป็นของเละเทะนั่นแหละ 00:01:16.000 --> 00:01:18.000 และนั่นก็คือเหตุผลที่วีดีโอนี้ 00:01:18.000 --> 00:01:20.000 มันดูแปลกๆ NOTE Paragraph 00:01:20.000 --> 00:01:22.000 แต่กระนั้น 00:01:22.000 --> 00:01:24.000 ลองมองไปรอบๆตัวเราดูสิ 00:01:24.000 --> 00:01:26.000 สิ่งที่เราเห็นรอบตัว 00:01:26.000 --> 00:01:28.000 คือความซับซ้อนอย่างมหาศาล 00:01:28.000 --> 00:01:31.000 เอริค ไบน์ฮอคเกอร์ ประเมินไว้ว่า ในนิวยอร์ค ซิตี้เพียงเมืองเดียว 00:01:31.000 --> 00:01:35.000 มีสินค้าที่แตกต่างกันประมาณ 1 หมื่นล้านชิ้น วางจำหน่ายอยู่ 00:01:35.000 --> 00:01:38.000 คิดเป็นหลายร้อยเท่าของจำนวนสปีชีส์ 00:01:38.000 --> 00:01:40.000 ที่มีบนโลกใบนี้ 00:01:40.000 --> 00:01:42.000 และมันถูกค้าขายโดยสปีชีส์เดียว 00:01:42.000 --> 00:01:44.000 ที่มีเกือบ 7 พันล้านตัว 00:01:44.000 --> 00:01:47.000 ผู้ซึ่งถูกเชื่อมโยงด้วยการค้า การเดินทาง และอินเตอร์เน็ต 00:01:47.000 --> 00:01:49.000 เข้าสู่ระบบระดับโลก 00:01:49.000 --> 00:01:52.000 ที่มีความซับซ้อนอย่างมหัศจรรย์ NOTE Paragraph 00:01:52.000 --> 00:01:54.000 และนี่คือคำถามที่ย่ิงใหญ่ 00:01:54.000 --> 00:01:56.000 ในจักรวาล 00:01:56.000 --> 00:01:59.000 ที่มีกฎอุณหพลศาสตร์ข้อที่สองกำกับอยู่ 00:01:59.000 --> 00:02:01.000 มันเป็นไปได้อย่างไร 00:02:01.000 --> 00:02:04.000 ที่เราจะมีความซับซ้อนมากมายดังที่ผมกล่าวถึง -- 00:02:04.000 --> 00:02:07.000 ความซับซ้อนในแบบที่ผมและคุณก็มีอยู่ในตัว 00:02:07.000 --> 00:02:10.000 หรือรวมไปถึงศูนย์ประชุมแบบนี้ 00:02:10.000 --> 00:02:13.000 คำตอบที่เป็นไปได้ก็คือ 00:02:13.000 --> 00:02:16.000 จักรวาลสามารถสร้างความซับซ้อนได้ 00:02:16.000 --> 00:02:18.000 แต่ด้วยความยากลำบากอย่างมาก 00:02:18.000 --> 00:02:20.000 กล่าวสั้นๆ 00:02:20.000 --> 00:02:22.000 มีบางสิ่งที่เพื่อนผม เฟรด สเปียร์ เรียกว่า 00:02:22.000 --> 00:02:24.000 "เงื่อนไขโกลดิลอกซ์" -- 00:02:24.000 --> 00:02:26.000 ไม่ร้อนเกินไป ไม่เย็นเกินไป 00:02:26.000 --> 00:02:29.000 เหมาะสมสำหรับการสร้างความซับซ้อนพอดิบพอดี 00:02:29.000 --> 00:02:31.000 ณ จุดนั้น สิ่งที่มีความซับซ้อนมากขึ้น ก็จะเกิดขึ้น 00:02:31.000 --> 00:02:33.000 และเมื่อมีความซับซ้อนมากขึ้น 00:02:33.000 --> 00:02:35.000 เราก็จะได้เห็นความซับซ้อนที่มากขึ้นไปอีก 00:02:35.000 --> 00:02:38.000 และนี่คือวิธีที่ความซับซ้อนก่อตัวขึ้นเรื่อยๆ 00:02:38.000 --> 00:02:40.000 ค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป 00:02:40.000 --> 00:02:43.000 ในแต่ละช่วงนั้นก็เป็นสิ่งที่น่ามหัศจรรย์ 00:02:43.000 --> 00:02:46.000 เพราะเราจะได้เห็นสิ่งใหม่เอี่ยม 00:02:46.000 --> 00:02:49.000 ที่อยู่ดีๆก็เกิดขึ้นในจักรวาลแห่งนี้ 00:02:49.000 --> 00:02:51.000 เราพูดถึงเหตุการณ์เหล่านี้ในประวัติศาสตร์ภาพใหญ่ 00:02:51.000 --> 00:02:53.000 ในฐานะชั่วขณะแห่งการเปลี่ยนแปลง 00:02:53.000 --> 00:02:55.000 และในแต่ละช่วงการเปลี่ยนแปลงนั้น 00:02:55.000 --> 00:02:57.000 การเดินหน้าต่อไปก็ยากลำบากขึ้น 00:02:57.000 --> 00:03:00.000 เพราะสิ่งที่ซับซ้อนขึ้น ก็จะบอบบาง 00:03:00.000 --> 00:03:02.000 เสี่ยงจะถูกทำลายมากขึ้น 00:03:02.000 --> 00:03:05.000 เงื่อนไขในการเดินหน้าต่อก็รัดตัวขึ้น 00:03:05.000 --> 00:03:07.000 และมันก็ยากขึ้นเรื่อยๆ 00:03:07.000 --> 00:03:09.000 ในการสร้างความซับซ้อนต่อไป NOTE Paragraph 00:03:09.000 --> 00:03:12.000 ในฐานะที่เราเป็นสิ่งมีชีวิตที่ซับซ้อนมากๆ 00:03:12.000 --> 00:03:15.000 เราจำเป็นอย่างที่สุด ที่ต้องรู้เรื่องเหล่านี้ไว้ 00:03:15.000 --> 00:03:17.000 ว่าจักรวาลสร้างความซับซ้อนได้อย่างไร 00:03:17.000 --> 00:03:19.000 โดยก้าวผ่านกฎข้อที่สอง 00:03:19.000 --> 00:03:21.000 และทำไมความซับซ้อน 00:03:21.000 --> 00:03:23.000 ก็หมายถึงความเสี่ยง 00:03:23.000 --> 00:03:25.000 และความเปราะบาง 00:03:25.000 --> 00:03:28.000 และนั่นคือเรื่องราวที่เราเล่าในประวัติศาสตร์ภาพใหญ่ 00:03:28.000 --> 00:03:30.000 แต่ในการที่เราจะทำสิ่งนั้น เราอาจจะต้อง 00:03:30.000 --> 00:03:32.000 ทำในสิ่งที่ดูเหมือนเป็นไปไม่ได้ 00:03:32.000 --> 00:03:36.000 นั่นก็คือ เก็บข้อมูลประวัติศาสตร์จักรวาลทั้งหมด 00:03:37.000 --> 00:03:39.000 งั้นเรามาทำกันเถอะ 00:03:39.000 --> 00:03:41.000 (เสียงหัวเราะ) 00:03:41.000 --> 00:03:44.000 เราเริ่มจากย้อนเวลากลับไป 00:03:44.000 --> 00:03:47.000 สัก 13.7 พันล้านปีที่แล้ว 00:03:47.000 --> 00:03:50.000 ถึงจุดกำเนิดของกาลเวลา NOTE Paragraph 00:03:57.000 --> 00:03:59.000 รอบๆตัวเรา ไม่มีอะไรเลย 00:03:59.000 --> 00:04:03.000 ไม่มีแม้กระทั่งกาลเวลา หรือปริภูมิ 00:04:03.000 --> 00:04:06.000 ลองนึกถึงสิ่งที่มืดที่สุด ที่ว่างที่สุด ที่คุณจะจินตนาการได้ 00:04:06.000 --> 00:04:08.000 และยกกำลังมันเข้าไปอีกเป็นล้านๆครั้ง 00:04:08.000 --> 00:04:10.000 และนั่นคือที่ที่เราอยู่ 00:04:10.000 --> 00:04:13.000 ในทันใดนั้น 00:04:13.000 --> 00:04:16.000 แบง! จักรวาลผุดขึ้นมา ทั้งจักรวาล 00:04:16.000 --> 00:04:18.000 และเราก็ได้ก้าวข้ามจุดเปลี่ยนแรก 00:04:18.000 --> 00:04:20.000 จักรวาลยังเล็กมากนัก เล็กกว่าอะตอมเสียอีก 00:04:20.000 --> 00:04:22.000 มันร้อนมาก 00:04:22.000 --> 00:04:24.000 ในตัวมัน มีทุกอย่างที่รวมกันเป็นจักรวาลทุกวันนี้ 00:04:24.000 --> 00:04:26.000 คุณคงนึกภาพออก มันกำลังคึกคักเลยทีเดียว 00:04:26.000 --> 00:04:29.000 และขยายตัวอย่างรวดเร็ว 00:04:29.000 --> 00:04:31.000 ตอนแรกมันก็เป็นแค่ภาพจางๆ ปกคลุมไปทั่ว 00:04:31.000 --> 00:04:34.000 จากนั้น เริ่มมีสิ่งแปลกใหม่เกิดขึ้นในหมอกจางๆ เหล่านั้น 00:04:34.000 --> 00:04:36.000 ภายในวินาทีแรก 00:04:36.000 --> 00:04:39.000 พลังงานแตกละเอียดออกเป็นกำลังชนิดต่างๆ 00:04:39.000 --> 00:04:41.000 รวมถึงพลังแม่เหล็กไฟฟ้า และแรงดึงดูด 00:04:41.000 --> 00:04:44.000 และพลังงานเหล่านี้ก็ร่ายเวทย์มนต์ 00:04:44.000 --> 00:04:47.000 ก่อตัวขึ้นกลายเป็นสสาร 00:04:47.000 --> 00:04:49.000 กลายเป็นควาร์กซึ่งกลายเป็นโปรตอน 00:04:49.000 --> 00:04:52.000 และเลปตอนที่มีอิเล็กตรอนด้วย 00:04:52.000 --> 00:04:54.000 และทั้งหมดนั้น เกิดขึ้นภายในวินาทีแรก NOTE Paragraph 00:04:54.000 --> 00:04:59.000 จากนั้น ลองเดินหน้าไปสัก 380,000 ปี 00:04:59.000 --> 00:05:02.000 คิดเป็นสองเท่าของระยะเวลาที่มนุษย์อาศัยอยู่บนโลกนี้ 00:05:02.000 --> 00:05:05.000 จากนั้น อะตอมพื้นฐานก็เริ่มเกิดขึ้น 00:05:05.000 --> 00:05:08.000 มีไฮโดรเจน และฮีเลียม 00:05:08.000 --> 00:05:10.000 ผมขอหยุดไว้ตรงนี้ก่อนชั่วคราว 00:05:10.000 --> 00:05:13.000 ที่ 380,000 ปีหลังจากการกำเนิดของจักรวาล 00:05:13.000 --> 00:05:15.000 เพราะเรารู้จักมันค่อนข้างดี 00:05:15.000 --> 00:05:17.000 เกี่ยวกับจักรวาล ณ เวลานี้ 00:05:17.000 --> 00:05:20.000 ที่สุดแล้ว เรารู้ว่ามันเรียบง่ายมาก 00:05:20.000 --> 00:05:22.000 มันมีกลุ่มควันใหญ่โต 00:05:22.000 --> 00:05:24.000 ที่ประกอบไปด้วยไฮโดรเจนและฮีเลียม 00:05:24.000 --> 00:05:26.000 และมันไม่มีโครงสร้างใดๆทั้งสิ้น 00:05:26.000 --> 00:05:29.000 เป็นเพียงของเละๆในระดับจักรวาล 00:05:29.000 --> 00:05:31.000 แต่นั่นไม่ได้เป็นจริงทั้งหมด 00:05:31.000 --> 00:05:33.000 การศึกษาหลังๆมา 00:05:33.000 --> 00:05:36.000 โดยดาวเทียม เช่นดาวเทียม WMAP 00:05:36.000 --> 00:05:40.000 แสดงให้เห็นว่า มีความแตกต่างกันในพื้นหลัง 00:05:40.000 --> 00:05:42.000 สิ่งที่คุณเห็นอยู่นี้ 00:05:42.000 --> 00:05:45.000 บริเวณสีน้ำเงิน เย็นกว่าบริเวณสีแดง 00:05:45.000 --> 00:05:47.000 ประมาณ 1000 องศา 00:05:47.000 --> 00:05:49.000 ซึ่งเป็นเพียงความแตกต่างเล็กน้อย 00:05:49.000 --> 00:05:51.000 แต่ก็มากพอที่จะทำให้จักรวาลเดินหน้าต่อไปได้ 00:05:51.000 --> 00:05:53.000 สู่ความซับซ้อนขั้นต่อไป NOTE Paragraph 00:05:53.000 --> 00:05:55.000 และนี่คือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น 00:05:55.000 --> 00:05:58.000 แรงดึงดูดจะแรงขึ้น 00:05:58.000 --> 00:06:00.000 เมื่อมีสสารอยู่มากขึ้น 00:06:00.000 --> 00:06:02.000 เพราะฉะนั้น เมื่อมีบริเวณที่หนาแน่นกว่าบริเวณอื่น 00:06:02.000 --> 00:06:04.000 แรงดึงดูดก็เริ่มดูดกลุ่มควัน 00:06:04.000 --> 00:06:06.000 ที่มีไฮโดรเจน และฮีเลียมเข้าด้วยกัน 00:06:06.000 --> 00:06:08.000 เราจินตนาการถึงจักรวาลแตกออก 00:06:08.000 --> 00:06:10.000 กลายเป็นกลุ่มควันล้านๆ กลุ่ม 00:06:10.000 --> 00:06:12.000 และแต่ละกลุ่ม ก็เริ่มรวมตัวเข้าหากัน 00:06:12.000 --> 00:06:15.000 แรงดึงดูดเพิ่มมากขึ้น เมื่อมันเริ่มรวมตัว 00:06:15.000 --> 00:06:17.000 อุณหภูมิในใจกลางกลุ่มควันก็เริ่มสูงขึ้น 00:06:17.000 --> 00:06:19.000 จากนั้น ในใจกลางของกลุ่มควันเหล่านั้น 00:06:19.000 --> 00:06:22.000 อุณหภูมิก้าวข้ามจุดเปลี่ยนแปลง 00:06:22.000 --> 00:06:24.000 ที่ 10 ล้านองศา 00:06:24.000 --> 00:06:26.000 โปรตอนเริ่มเข้าปฎิกิริยาฟิวชั่น 00:06:26.000 --> 00:06:29.000 จากนั้นก็มีการแผ่พลังงานจำนวนออกมา 00:06:29.000 --> 00:06:31.000 และ แบง! 00:06:31.000 --> 00:06:33.000 เราก็ได้ดาวฤกษ์ดวงแรก 00:06:33.000 --> 00:06:37.000 200 ล้านปีหลังบิ๊กแบง 00:06:37.000 --> 00:06:40.000 ดาวฤกษ์เริ่มผุดขึ้นทั่วจักรวาล 00:06:40.000 --> 00:06:42.000 เป็นพันๆล้านดวง 00:06:42.000 --> 00:06:45.000 และจักรวาลก็เริ่มมีความน่าสนใจมากขึ้น 00:06:45.000 --> 00:06:48.000 และเริ่มซับซ้อนมากขึ้น NOTE Paragraph 00:06:48.000 --> 00:06:50.000 ดาวฤกษ์เริ่มสร้างเงื่อนไข 00:06:50.000 --> 00:06:53.000 ที่ก้าวข้ามจุดเปลี่ยนแปลงอีกสองจุด 00:06:53.000 --> 00:06:55.000 เมื่อดาวฤกษ์ดวงใหญ่ๆดับลง 00:06:55.000 --> 00:06:58.000 มันดึงอุณหภูมิขึ้นไปสูงมากๆ 00:06:58.000 --> 00:07:01.000 จนโปรตอนเริ่มเกิดฟิวชั่นในหลายๆรูปแบบ 00:07:01.000 --> 00:07:04.000 จนเกิดธาตุทั้งหมดที่เห็นในตารางธาตุ 00:07:04.000 --> 00:07:07.000 ถ้าคุณสวมแหวงทองคำเหมือนผม 00:07:07.000 --> 00:07:10.000 แหวนนี่แหละถูกสร้างขึ้นจากการระเบิดของซุปเปอร์โนวา 00:07:10.000 --> 00:07:13.000 ในตอนนี้ จักรวาลก็เร่ิมมีความซับซ้อนทางเคมีแล้ว 00:07:13.000 --> 00:07:16.000 และเมื่อมีความซับซ้อนทางเคมีมากขึ้น 00:07:16.000 --> 00:07:18.000 ก็มีความเป็นไปได้ที่จะสร้างสิ่งต่างๆมากขึ้น 00:07:18.000 --> 00:07:20.000 และสิ่งที่เกิดขึ้น 00:07:20.000 --> 00:07:22.000 ก็คือ รอบๆดวงอาทิตย์รุ่นเยาว์ 00:07:22.000 --> 00:07:24.000 และดาวฤกษ์รุ่นเยาว์ต่างๆ 00:07:24.000 --> 00:07:26.000 ธาตุต่างๆเร่ิมรวมตัว วิ่งไปวิ่งมา 00:07:26.000 --> 00:07:28.000 พลังงานจากดาวฤกษ์เหวี่ยงมันไปมา 00:07:28.000 --> 00:07:31.000 ทำให้เกิดอนุภาค เกิดเกล็ดหิมะ 00:07:31.000 --> 00:07:33.000 เกิดผงธุลี 00:07:33.000 --> 00:07:35.000 เกิดก้อนหิน เกิดอุกกาบาต 00:07:35.000 --> 00:07:38.000 และในที่สุดก็มีดาวเคราะห์ และดวงจันทร์บริวาร 00:07:38.000 --> 00:07:41.000 และนั่นคือความเป็นมาของระบบสุริยะจักรวาล 00:07:41.000 --> 00:07:44.000 ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อ 4.5 พันล้านปีที่แล้ว 00:07:44.000 --> 00:07:47.000 ดาวเคราะห์อย่างโลกของเรา 00:07:47.000 --> 00:07:50.000 มีความซับซ้อนมากกว่าดาวฤกษ์ค่อนข้างมาก 00:07:50.000 --> 00:07:53.000 เพราะมีส่วนประกอบที่หลากหลายกว่ามาก 00:07:53.000 --> 00:07:56.000 ดังนั้น เราก็ได้ก้าวข้ามจุดเปลี่ยนที่สี่แล้ว NOTE Paragraph 00:07:57.000 --> 00:08:00.000 อะไรๆก็เริ่มยากขึ้นแล้วล่ะ 00:08:01.000 --> 00:08:03.000 ขั้นต่อไป เราเริ่มเห็นตัวตน 00:08:03.000 --> 00:08:05.000 ที่มีความเปราะบางมาก 00:08:05.000 --> 00:08:07.000 แตกหักได้ง่ายมาก 00:08:07.000 --> 00:08:10.000 แต่ก็มีความสร้างสรรค์มากขึ้นอย่างมาก 00:08:10.000 --> 00:08:13.000 และสามารถสร้างความซับซ้อนได้เก่งยิ่งขึ้น 00:08:13.000 --> 00:08:15.000 แน่นอน ผมกำลังพูดถึง 00:08:15.000 --> 00:08:17.000 สิ่งมีชีวิต 00:08:17.000 --> 00:08:19.000 สิ่งมีชีวิตเกิดขึ้นจากปฏิกิริยาเคมี 00:08:19.000 --> 00:08:22.000 เราเป็นหีบห่อเคมีขนาดใหญ่ 00:08:23.000 --> 00:08:26.000 เคมีเป็นสิ่งที่ถูกปกครองโดยพลังแม่เหล็กไฟฟ้า 00:08:26.000 --> 00:08:28.000 ซึ่งทำงานในระดับที่เล็กกว่าแรงดึงดูดมาก 00:08:28.000 --> 00:08:30.000 ซึ่งเป็นเหตุผลที่ว่า ทำไมคุณและผม 00:08:30.000 --> 00:08:32.000 จึงมีขนาดเล็กกว่าดาวฤกษ์หรือดาวเคราะห์ 00:08:32.000 --> 00:08:35.000 แล้วมาถึงคำถามที่ว่า 00:08:35.000 --> 00:08:37.000 อะไรคือเงื่อนไขที่เหมาะสมสำหรับเคมีเหล่านี้ 00:08:37.000 --> 00:08:39.000 ก่อนอื่น คุณต้องมีพลังงาน 00:08:39.000 --> 00:08:41.000 แต่ไม่ใช่มีมากเกินไปนะ 00:08:41.000 --> 00:08:43.000 ในใจกลางดาวฤกษ์ มีพลังงานมากเกิน 00:08:43.000 --> 00:08:46.000 ที่อะตอมอะไรก็ตามที่รวมตัวกันได้ ก็จะถูกแยกออกจากกันทันที 00:08:46.000 --> 00:08:48.000 และไม่ใช่มีพลังงานน้อยเกิน 00:08:48.000 --> 00:08:50.000 ในพื้นที่ระหว่างกาแล็กซี่ มีพลังงานน้อยเหลือเกิน 00:08:50.000 --> 00:08:53.000 จนอะตอมไม่สามารถรวมตัวกันได้ 00:08:53.000 --> 00:08:55.000 สิ่งที่คุณต้องการ คือพลังงานที่พอเหมาะ 00:08:55.000 --> 00:08:57.000 และดาวเคราะห์นี่แหละ คือที่ที่เหมาะสม 00:08:57.000 --> 00:09:00.000 เพราะมันอยู่ใกล้ดาวฤกษ์ แต่ก็ไม่ใกล้เกินไป NOTE Paragraph 00:09:00.000 --> 00:09:03.000 คุณต้องมีธาตุที่หลากหลายด้วย 00:09:03.000 --> 00:09:06.000 และคุณต้องมีของเหลว เช่นน้ำ 00:09:06.000 --> 00:09:08.000 ทำไมน่ะหรือ? 00:09:08.000 --> 00:09:11.000 สำหรับก๊าซ อะตอมวิ่งสวนกันเร็วมาก 00:09:11.000 --> 00:09:13.000 จนไม่สามารถจับตัวกันไว้ได้ 00:09:13.000 --> 00:09:15.000 ในของแข็ง 00:09:15.000 --> 00:09:18.000 อะตอมก็อยู่ติดกัน จนขยับตัวไม่ได้ 00:09:18.000 --> 00:09:20.000 ในของเหลว 00:09:20.000 --> 00:09:22.000 มันสามารถเดินไปมา จับตัวกัน 00:09:22.000 --> 00:09:25.000 และรวมตัวกันกลายเป็นโมเลกุลได้ 00:09:25.000 --> 00:09:28.000 แล้วที่ไหนล่ะที่เราจะพบเงื่อนไขเหล่านี้ได้ 00:09:28.000 --> 00:09:30.000 ดาวเคราะห์เป็นที่ที่ดีที่สุด 00:09:30.000 --> 00:09:32.000 และโลกของเรา 00:09:32.000 --> 00:09:34.000 ก็เกือบจะสมบูรณ์แบบเลยทีเดียว 00:09:34.000 --> 00:09:36.000 มันอยู่ในระยะที่พอเหมาะจากดาวฤกษ์ 00:09:36.000 --> 00:09:39.000 มีมหาสมุทร มีน้ำจำนวนมาก 00:09:39.000 --> 00:09:41.000 และใต้มหาสมุทรเหล่านั้น 00:09:41.000 --> 00:09:43.000 บริเวณจุดแตกของเปลือกโลก 00:09:43.000 --> 00:09:46.000 เราก็มีความร้อน ที่เล็ดลอดมาจากใจกลางโลก 00:09:46.000 --> 00:09:48.000 และเราก็มีความหลากหลายทางเคมี 00:09:48.000 --> 00:09:50.000 เพราะฉะนั้น ปฏิกิริยาเคมีที่น่ามหัศจรรย์ 00:09:50.000 --> 00:09:53.000 ก็เกิดขึ้นตามจุดแตกเหล่านั้น 00:09:53.000 --> 00:09:56.000 อะตอมรวมตัวกันในรูปแบบต่างๆ นาๆ NOTE Paragraph 00:09:57.000 --> 00:09:59.000 แต่แน่นอนว่า ชีวิตเป็นมากกว่า 00:09:59.000 --> 00:10:01.000 ปฏิกิริยาทางเคมีหาได้ยาก 00:10:01.000 --> 00:10:03.000 คุณทำให้โมเลกุลใหญ่ๆ 00:10:03.000 --> 00:10:05.000 ที่เจริญเติบโตได้ 00:10:05.000 --> 00:10:08.000 มีความมั่นคงได้อย่างไร 00:10:08.000 --> 00:10:10.000 ตรงนี้นี่แหละ ที่ชีวิตได้แนะนำให้เรารู้จัก 00:10:10.000 --> 00:10:13.000 กับการพลิกแพลงใหม่เอี่ยม 00:10:13.000 --> 00:10:15.000 เราไม่พยายามทำให้โมเลกุลมั่นคง 00:10:15.000 --> 00:10:17.000 แต่เราทำให้แม่พิมพ์มันมั่นคงต่างหาก 00:10:17.000 --> 00:10:19.000 แม่พิมพ์ที่จะส่งต่อข้อมูล 00:10:19.000 --> 00:10:21.000 และก็ทำให้แม่พิมพ์เหล่านั้น สามารถทำสำเนาได้ 00:10:21.000 --> 00:10:23.000 และแน่นอนว่า ดีเอ็นเอ 00:10:23.000 --> 00:10:25.000 ก็คือโมเลกุลแสนสวย 00:10:25.000 --> 00:10:27.000 ที่บันทึกข้อมูลเหล่านั้น 00:10:27.000 --> 00:10:30.000 คุณคงคุ้นเคยกับเกลียวคู่ในดีเอ็นเอ 00:10:30.000 --> 00:10:32.000 แต่ละคู่ก็มีข้อมูลเก็บไว้ 00:10:32.000 --> 00:10:34.000 ดังนั้น ดีเอ็นเอมีข้อมูล 00:10:34.000 --> 00:10:37.000 ถึงวิธีการสร้างสิ่งมีชีวิต 00:10:37.000 --> 00:10:39.000 และดีเอ็นเอก็ทำสำเนาตัวเองได้ 00:10:39.000 --> 00:10:41.000 มันจึงทำสำเนาตัวเอง 00:10:41.000 --> 00:10:43.000 และปล่อยแม่พิมพ์เหล่านั้นออกไปทั่วมหาสมุทร 00:10:43.000 --> 00:10:45.000 ข้อมูลก็แพร่ขยายออกไป 00:10:45.000 --> 00:10:48.000 สังเกตนะ ว่าข้อมูลเริ่มกลายเป็นส่วนหนึ่งของเรื่องราวของเรา 00:10:48.000 --> 00:10:50.000 ความสวยงามของดีเอ็นเอนั้น 00:10:50.000 --> 00:10:52.000 อยู่ที่ความไม่สมบูรณ์แบบของมัน 00:10:52.000 --> 00:10:54.000 เมื่อมันทำสำเนาตัวเอง 00:10:54.000 --> 00:10:56.000 ในทุกๆ พันล้านรอบ 00:10:56.000 --> 00:10:58.000 มักจะมีความผิดพลาดเกิดขึ้น 00:10:58.000 --> 00:11:00.000 นั่นหมายความว่า 00:11:00.000 --> 00:11:03.000 ดีเอ็นเอกำลังเรียนรู้ 00:11:03.000 --> 00:11:05.000 มันกำลังรวบรวมวิธีการใหม่ๆในการสร้างสิ่งมีชีวิต 00:11:05.000 --> 00:11:07.000 เพราะความผิดพลาด บางทีก็ใช้งานได้จริง 00:11:07.000 --> 00:11:09.000 ดังนั้น ดีเอ็นเอกำลังเรียนรู้ 00:11:09.000 --> 00:11:12.000 และกำลังสร้างความหลากหลาย ความซับซ้อนมากขึ้นเรื่อยๆ 00:11:12.000 --> 00:11:15.000 เราสามารถเห็นการทำงานของมันได้ตลอด 4 พันล้านปีที่ผ่านมา NOTE Paragraph 00:11:15.000 --> 00:11:17.000 ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาบนโลกใบนี้ 00:11:17.000 --> 00:11:19.000 สิ่งมีชีวิตค่อนข้างจะเรียบง่าย -- 00:11:19.000 --> 00:11:21.000 เป็นสัตว์เซลล์เดียว 00:11:21.000 --> 00:11:23.000 แต่มีความหลากหลายอยู่มาก 00:11:23.000 --> 00:11:25.000 และภายใน ก็ซ่อนความซับซ้อนมากมาย 00:11:25.000 --> 00:11:28.000 จากนั้น เมื่อ 600 ถึง 800 ล้านปีที่แล้ว 00:11:28.000 --> 00:11:30.000 สิ่งมีชีวิตหลายเซลล์ก็เริ่มกำเนิดขึ้น 00:11:30.000 --> 00:11:32.000 เราเริ่มมีสิ่งมีชีวิตตระกูลเห็ด เริ่มมีปลา 00:11:32.000 --> 00:11:34.000 เริ่มมีพืช 00:11:34.000 --> 00:11:37.000 มีสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ มีสัตว์เลื้อยคลาน 00:11:37.000 --> 00:11:40.000 และแน่นอน เราก็มีไดโนเสาร์ 00:11:40.000 --> 00:11:44.000 และในบางครั้งบางคราว เราเจอะเจอกับภัยธรรมชาติ 00:11:44.000 --> 00:11:46.000 65 ล้านปีที่แล้ว 00:11:46.000 --> 00:11:48.000 อุกกาบาตตกลงมายังโลก 00:11:48.000 --> 00:11:50.000 ใกล้คาบสมุทรยูคาตัน 00:11:50.000 --> 00:11:53.000 เกิดเงื่อนไขที่เทียบเท่ากับสงครามนิวเคลียร์ 00:11:53.000 --> 00:11:55.000 และไดโนเสาร์ก็สูญพันธ์ 00:11:55.000 --> 00:11:59.000 ข่าวร้ายสำหรับเหล่าไดโนเสาร์ 00:11:59.000 --> 00:12:02.000 แต่เป็นข่าวดีของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม บรรพบุรุษของเรา 00:12:02.000 --> 00:12:04.000 ที่รุ่งเรือง 00:12:04.000 --> 00:12:07.000 จากที่ที่ไดโนเสาร์ทิ้งเอาไว้ 00:12:07.000 --> 00:12:09.000 และมนุษย์อย่างเรา 00:12:09.000 --> 00:12:12.000 ก็เป็นส่วนหนึ่งของวิวัฒนาการ 00:12:12.000 --> 00:12:15.000 ที่เริ่มต้นเมื่อ 65 ล้านปีที่แล้ว 00:12:15.000 --> 00:12:17.000 จากการทักทายของอุกกาบาต NOTE Paragraph 00:12:18.000 --> 00:12:21.000 มนุษย์เกิดขึ้นเมื่อ 200,000 ปีที่แล้ว 00:12:21.000 --> 00:12:23.000 และผมเชื่อว่าจุดนี้ 00:12:23.000 --> 00:12:25.000 คืออีกหนึ่งจุดเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ 00:12:25.000 --> 00:12:27.000 ผมจะอธิบายให้ฟังว่าทำไม 00:12:27.000 --> 00:12:30.000 เรารู้แล้วว่าดีเอ็นเอเรียนรู้ได้ 00:12:30.000 --> 00:12:32.000 โดยการเก็บรวบรวมข้อมูล 00:12:32.000 --> 00:12:34.000 แต่มันก็ช้ามากๆ 00:12:34.000 --> 00:12:36.000 ดีเอ็นเอรวบรวมข้อมูล 00:12:36.000 --> 00:12:38.000 จากข้อผิดพลาด 00:12:38.000 --> 00:12:41.000 ที่มีประโยชน์โดยบังเอิญ 00:12:41.000 --> 00:12:43.000 แต่ดีเอ็นเอก็ได้สร้างวิธีการเรียนรู้แบบใหม่ 00:12:43.000 --> 00:12:46.000 โดยสร้างสิ่งมีชีวิตที่มีสมอง 00:12:46.000 --> 00:12:49.000 และสิ่งมีชีวิตเหล่านั้นสามารถเรียนรู้ได้โดยตรง 00:12:49.000 --> 00:12:52.000 มันสามารถรวบรวมข้อมูล เรียนรู้ได้ 00:12:52.000 --> 00:12:54.000 แต่ที่น่าเสียดายคือ 00:12:54.000 --> 00:12:57.000 เมื่อมันตาย ข้อมูลก็หายไปกับพวกมัน 00:12:57.000 --> 00:12:59.000 สิ่งที่ทำให้มนุษย์แตกต่าง 00:12:59.000 --> 00:13:01.000 ก็คือภาษาของมนุษย์ 00:13:01.000 --> 00:13:03.000 เรามีภาษา มีระบบในการติดต่อสื่อสาร 00:13:03.000 --> 00:13:06.000 ที่ทรงพลัง และมีความแม่นยำมาก 00:13:06.000 --> 00:13:09.000 จนเราสามารถแบ่งปันสิ่งที่เราเรียนรู้ได้อย่างแม่นยำ 00:13:09.000 --> 00:13:12.000 และสามารถรวบรวม เป็นการใช้ความจำร่วมกัน 00:13:12.000 --> 00:13:14.000 และนั่นหมายความว่า 00:13:14.000 --> 00:13:17.000 ข้อมูลอยู่ได้นานกว่าบุคคลที่เรียนรู้ข้อมูลนั้นๆ 00:13:17.000 --> 00:13:21.000 และสามารถรวบรวมได้จากรุ่นสู่รุ่น 00:13:21.000 --> 00:13:23.000 และนั่นคือเหตุผลที่เรา ในฐานะสปีชีส์หนึ่ง มีความสร้างสรรค์ 00:13:23.000 --> 00:13:25.000 และทรงพลังมาก 00:13:25.000 --> 00:13:27.000 และนั่นคือเหตุผลที่เรามีประวัติศาสตร์ 00:13:27.000 --> 00:13:30.000 เราเหมือนจะเป็นสปีชีส์เดียวใน 4 พันล้านปี 00:13:30.000 --> 00:13:32.000 ที่ได้ของขวัญชิ้นนี้ NOTE Paragraph 00:13:32.000 --> 00:13:34.000 ผมเรียกความสามารถนี้ว่า 00:13:34.000 --> 00:13:36.000 การเรียนรู้ร่วมกัน 00:13:36.000 --> 00:13:38.000 นั่นคือสิ่งที่ทำให้เราแตกต่าง 00:13:38.000 --> 00:13:40.000 เราเห็นการทำงานของมัน 00:13:40.000 --> 00:13:42.000 ได้ตั้งแต่ยุคเริ่มต้นของมนุษยชาติ 00:13:42.000 --> 00:13:44.000 เราวิวัฒนาการในฐานะสปีชีส์ 00:13:44.000 --> 00:13:46.000 ในทุ่งหญ้าในแอฟริกา 00:13:46.000 --> 00:13:49.000 แต่เราก็เห็นมนุษย์ย้ายถิ่นฐานไปในสภาพแวดล้อมใหม่ๆ -- 00:13:49.000 --> 00:13:51.000 ไปยังทะเลทราย ในป่าใหญ่ 00:13:51.000 --> 00:13:53.000 ในทุ่งหญ้ายุคน้ำแข็งของไซบีเรีย -- 00:13:53.000 --> 00:13:55.000 ในสภาพแวดล้อมที่โหดร้ายมากๆ -- 00:13:55.000 --> 00:13:57.000 ไปยังอเมริกา และออสเตรเลเซีย 00:13:57.000 --> 00:13:59.000 ในทุกการย้ายถิ่นฐาน ล้วนมีการเรียนรู้ -- 00:13:59.000 --> 00:14:02.000 เรียนรู้วิธีใหม่ในการอยู่กับสภาพแวดล้อม 00:14:02.000 --> 00:14:04.000 วิธีใหม่ในการต่อสู้กับสิ่งรอบตัว NOTE Paragraph 00:14:04.000 --> 00:14:06.000 แล้วเมื่อ 10,000 ปีที่ผ่านมา 00:14:06.000 --> 00:14:08.000 มีการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศครั้งใหญ่ 00:14:08.000 --> 00:14:10.000 จุดสิ้นสุดของยุคน้ำแข็ง 00:14:10.000 --> 00:14:13.000 มนุษย์เรียนรู้การทำเกษตรกรรม 00:14:13.000 --> 00:14:15.000 เกษตรกรรมเป็นแหล่งกำเนินพลังงานมหาศาล 00:14:15.000 --> 00:14:17.000 และด้วยพลังงานเหล่านั้น 00:14:17.000 --> 00:14:19.000 ประชากรมนุษย์ก็ทวีคูณขึ้นไม่รู้จบ 00:14:19.000 --> 00:14:21.000 สังคมมนุษย์เติบใหญ่ขึ้น หนาแน่นขึ้น 00:14:21.000 --> 00:14:23.000 เชื่อมต่อกันมากขึ้น 00:14:23.000 --> 00:14:27.000 จากนั้นเมื่อ 500 ปีที่แล้ว 00:14:27.000 --> 00:14:29.000 มนุษย์เริ่มเชื่อมต่อกันทั่วโลก 00:14:29.000 --> 00:14:31.000 ผ่านการเดินเรือ ทางรถไฟ 00:14:31.000 --> 00:14:34.000 ผ่านโทรเลข ผ่านอินเตอร์เน็ต 00:14:34.000 --> 00:14:36.000 ตอนนี้เราเหมือนจะเห็น 00:14:36.000 --> 00:14:38.000 ทั้งโลกเป็นเสมือนสมองหนึ่งเดียว 00:14:38.000 --> 00:14:40.000 ที่มีมนุษย์ถึง 7 ล้านคนร่วมสร้าง 00:14:40.000 --> 00:14:45.000 และสมองก้อนนั้น กำลังเรียนรู้ด้วยความเร็วแสง 00:14:45.000 --> 00:14:47.000 และ 200 ปีที่ผ่านมา มีบางอย่างเกิดขึ้นอีก 00:14:47.000 --> 00:14:49.000 เราพบเจอขุมทรัพย์พลังงานอีกอย่างหนึ่ง 00:14:49.000 --> 00:14:51.000 จากเชื้อเพลิงฟอสซิล 00:14:51.000 --> 00:14:54.000 ด้วยฟอสซิล และการเรียนรู้ร่วมกัน 00:14:54.000 --> 00:14:56.000 เป็นเหตุผลที่เราเห็นความซับซ้อนมหาศาล 00:14:56.000 --> 00:14:58.000 อยู่รอบตัวเรา NOTE Paragraph 00:15:01.000 --> 00:15:04.000 และแล้วเราก็กลับมาสู่ปัจจุบัน 00:15:04.000 --> 00:15:06.000 ในศูนย์ประชุมแห่งนี้ 00:15:06.000 --> 00:15:08.000 เราได้เดินทางไปบนเส้นทาง 00:15:08.000 --> 00:15:11.000 ความยาวถึง 13.7 ล้านปี 00:15:11.000 --> 00:15:14.000 ผมหวังว่าคุณก็เห็นด้วย ว่านี่เป็นเรื่องราวที่ทรงพลังมาก 00:15:14.000 --> 00:15:16.000 มันเป็นเรื่องราวที่มนุษย์ 00:15:16.000 --> 00:15:19.000 ได้มีบทบาทที่สำคัญและน่าทึ่ง 00:15:19.000 --> 00:15:22.000 แต่มันก็มีสัญญาณเตือนเหมือนกัน 00:15:22.000 --> 00:15:26.000 การเรียนรู้ร่วมกัน เป็นพลังที่ยิ่งใหญ่ 00:15:26.000 --> 00:15:28.000 และเราก็ยังไม่ค่อยแน่ใจ 00:15:28.000 --> 00:15:31.000 ว่าเราควบคุมมันได้หรือไม่ 00:15:31.000 --> 00:15:34.000 ผมจำได้ลางๆ เมื่อครั้งยังเป็นเด็ก เติบโตที่ประเทศอังกฤษ 00:15:34.000 --> 00:15:37.000 ใช้ชีวิตผ่านช่วงวิกฤตการณ์ขีปนาวุธคิวบา 00:15:37.000 --> 00:15:39.000 ในระยะเวลาหลายวัน 00:15:39.000 --> 00:15:41.000 โลกทั้งใบ 00:15:41.000 --> 00:15:44.000 เกือบจะถึงจุดหายนะ 00:15:44.000 --> 00:15:47.000 และอาวุธในวันนั้น ก็ยังคงอยู่ทุกวันนี้ 00:15:47.000 --> 00:15:49.000 และพร้อมที่จะถูกใช้ในทุกเมื่อ 00:15:49.000 --> 00:15:51.000 ถึงเราจะหลีกเลี่ยงจุดนั้นได้ 00:15:51.000 --> 00:15:53.000 ก็ยังมีอีกหลายสิ่งที่คอยเราอยู่ 00:15:53.000 --> 00:15:56.000 เรากำลังเผาเชื้อเพลิงฟอสซิล 00:15:56.000 --> 00:15:59.000 ในระดับที่เราเริ่มพังทลายเงื่อนไข 00:15:59.000 --> 00:16:01.000 ที่ทำให้อารยธรรมมนุษย์สร้างตัวขึ้นมาได้ 00:16:01.000 --> 00:16:05.000 ตลอด 10,000 ปีที่ผ่านมา 00:16:05.000 --> 00:16:07.000 สิ่งที่ประวัติศาสตร์ภาพใหญ่นี้จะทำได้ 00:16:07.000 --> 00:16:10.000 คือแสดงให้เห็นถึงความซับซ้อน และความเปราะบาง 00:16:10.000 --> 00:16:12.000 และอันตรายที่เรากำลังเผชิญ 00:16:12.000 --> 00:16:15.000 แต่มันก็แสดงให้เราเห็น 00:16:15.000 --> 00:16:17.000 ถึงพลังของเรา จากการเรียนรู้ร่วมกัน NOTE Paragraph 00:16:17.000 --> 00:16:20.000 และสุดท้ายนี้ 00:16:20.000 --> 00:16:24.000 นี่คือสิ่งที่ผมต้องการ 00:16:24.000 --> 00:16:27.000 ผมต้องการหลายของผม แดเนียล 00:16:27.000 --> 00:16:29.000 และเพื่อนของเขา และรุ่นของเขา 00:16:29.000 --> 00:16:31.000 ที่อยู่ทั่วโลกใบนี้ 00:16:31.000 --> 00:16:34.000 ได้รู้จักเรื่องราวประวัติศาสตร์ทั้งหมดของเรา 00:16:34.000 --> 00:16:36.000 และรู้จักมันดีพอ 00:16:36.000 --> 00:16:38.000 ที่จะเข้าใจ 00:16:38.000 --> 00:16:40.000 ทั้งอุปสรรคที่เรากำลังเผชิญ 00:16:40.000 --> 00:16:43.000 และโอกาสที่อยู่ใกล้เอื้อม 00:16:43.000 --> 00:16:45.000 และนั่นก็คือเหตุผลที่พวกผม 00:16:45.000 --> 00:16:47.000 กำลังสร้างแบบเรียนออนไลน์ฟรี 00:16:47.000 --> 00:16:49.000 เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ภาพใหญ่ 00:16:49.000 --> 00:16:51.000 ให้กับนักเรียนมัธยมทั่วโลกได้ใช้ 00:16:51.000 --> 00:16:54.000 เราเชื่อว่าประวัติศาสตร์ภาพใหญ่นี้ 00:16:54.000 --> 00:16:57.000 จะเป็นเครื่องมือทางปัญญาที่สำคัญสำหรับพวกเขา 00:16:57.000 --> 00:17:00.000 เพราะแดเนียลและเพื่อนของเขา 00:17:00.000 --> 00:17:02.000 กำลังเผชิญความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ 00:17:02.000 --> 00:17:04.000 และโอกาสที่ยิ่งใหญ่ 00:17:04.000 --> 00:17:07.000 อยู่ภายภาคหน้า ณ จุดเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง 00:17:07.000 --> 00:17:11.000 ในประวัติศาสตร์ของโลกที่สวยงามของเรา NOTE Paragraph 00:17:11.000 --> 00:17:13.000 (เสียงปรบมือ)