[Script Info] Title: [Events] Format: Layer, Start, End, Style, Name, MarginL, MarginR, MarginV, Effect, Text Dialogue: 0,0:00:14.81,0:00:17.55,Default,,0000,0000,0000,,มีใครในที่นี้ที่บังเอิญสนใจเรื่องมิติพิเศษบ้างครับ Dialogue: 0,0:00:17.55,0:00:18.96,Default,,0000,0000,0000,,(เสียงปรบมือ) Dialogue: 0,0:00:18.96,0:00:20.53,Default,,0000,0000,0000,,เยี่ยมเลย Dialogue: 0,0:00:20.53,0:00:23.95,Default,,0000,0000,0000,,ก่อนอื่น ผมขอขอบคุณทุกท่านสำหรับเวลา...\Nและพื้นที่ของท่าน Dialogue: 0,0:00:23.95,0:00:25.96,Default,,0000,0000,0000,,(เสียงหัวเราะ) Dialogue: 0,0:00:25.96,0:00:28.18,Default,,0000,0000,0000,,ดีครับ ผมดีใจที่มุขนี้ฮา Dialogue: 0,0:00:28.18,0:00:30.20,Default,,0000,0000,0000,,เอาล่ะ Dialogue: 0,0:00:33.58,0:00:37.28,Default,,0000,0000,0000,,ลองจินตนาการถึงโลก\Nที่ซึ่งผู้อยู่อาศัย เกิดและตาย Dialogue: 0,0:00:37.28,0:00:40.29,Default,,0000,0000,0000,,โดยเชื่อว่ามีมิติทางพื้นที่แค่ 2 มิติ Dialogue: 0,0:00:40.29,0:00:42.08,Default,,0000,0000,0000,,เป็นระนาบ Dialogue: 0,0:00:42.08,0:00:45.12,Default,,0000,0000,0000,,"ชาวโลกแบน" กลุ่มนี้จะเห็นสิ่งประหลาดเกิดขึ้น Dialogue: 0,0:00:45.12,0:00:51.32,Default,,0000,0000,0000,,สิ่งที่ไม่มีทางอธิบายได้\Nภายใต้ข้อจำกัดของเรขาคณิตในแบบของพวกเขา Dialogue: 0,0:00:51.32,0:00:58.58,Default,,0000,0000,0000,,ยกตัวอย่างเช่น ลองจินตนาการว่าวันหนึ่ง\Nนักวิทยาศาสตร์ชาวโลกแบนบางคนสังเกตเห็นสิ่งนี้: Dialogue: 0,0:00:58.58,0:01:01.51,Default,,0000,0000,0000,,ชุดของแสงสีที่ปรากฏขึ้นแบบสุ่ม Dialogue: 0,0:01:01.51,0:01:03.71,Default,,0000,0000,0000,,ในบริเวณต่างๆ ตามเส้นขอบฟ้า Dialogue: 0,0:01:03.71,0:01:06.42,Default,,0000,0000,0000,,ไม่ว่าพวกเขาจะพยายาม\Nจะอธิบายแสงเหล่านี้อย่างไร Dialogue: 0,0:01:06.42,0:01:10.10,Default,,0000,0000,0000,,พวกเขาก็ไม่สามารถจะหาทฤษฎี\Nที่ใช้อธิบายสิ่งนี้ได้ Dialogue: 0,0:01:10.10,0:01:11.30,Default,,0000,0000,0000,,นักวิทยาศาสตร์บางคนที่ฉลาดขึ้นมาหน่อย Dialogue: 0,0:01:11.30,0:01:14.57,Default,,0000,0000,0000,,อาจคิดค้นวิธีที่จะบรรยาย\Nแสงวูบวาบเหล่านี้ในเชิงสถิติ Dialogue: 0,0:01:14.57,0:01:16.76,Default,,0000,0000,0000,,เช่นทุกๆ 4 วินาที Dialogue: 0,0:01:16.76,0:01:20.99,Default,,0000,0000,0000,,มีโอกาส 11% ที่แสงสีแดงจะวาบขึ้น\Nณ จุดใดจุดหนึ่งบนเส้น Dialogue: 0,0:01:20.99,0:01:23.90,Default,,0000,0000,0000,,แต่จะไม่มีชาวโลกแบนคนไหนที่จะคาดเดาได้\Nอย่างแม่นยำว่า เมื่อใด Dialogue: 0,0:01:23.90,0:01:27.85,Default,,0000,0000,0000,,หรือ ณ จุดใด ที่แสงสีแดงจะปรากฏขึ้นอีกครั้ง Dialogue: 0,0:01:27.85,0:01:30.56,Default,,0000,0000,0000,,ผลที่ตามมาก็คือ พวกเขาเริ่มที่จะคิดว่า Dialogue: 0,0:01:30.56,0:01:33.61,Default,,0000,0000,0000,,โลกนั้นเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน Dialogue: 0,0:01:33.61,0:01:36.05,Default,,0000,0000,0000,,คิดว่า เหตุผลที่แสงเหล่านี้หาคำอธิบายไม่ได้ Dialogue: 0,0:01:36.05,0:01:41.53,Default,,0000,0000,0000,,เป็นเพราะโดยพื้นฐานแล้ว\Nธรรมชาตินั้นเป็นสิ่งที่อธิบายไม่ได้ Dialogue: 0,0:01:41.53,0:01:43.96,Default,,0000,0000,0000,,พวกเขาคิดถูกหรือเปล่า\Nความจริงที่ว่าพวกเขาถูกบังคับ Dialogue: 0,0:01:43.96,0:01:46.64,Default,,0000,0000,0000,,ให้บรรยายแสงเหล่านี้ในเชิงสถิติ Dialogue: 0,0:01:46.64,0:01:50.53,Default,,0000,0000,0000,,แปลว่า โลกนั้นคาดเดาไม่ได้ อย่างนั้นหรือ Dialogue: 0,0:01:52.28,0:01:54.39,Default,,0000,0000,0000,,บทเรียนที่เราเรียนรู้จาก โลกแบน ก็คือ Dialogue: 0,0:01:54.39,0:01:57.76,Default,,0000,0000,0000,,เมื่อเราคิดบนพื้นฐานของเศษเสี้ยว\Nของเรขาคณิตที่สมบูรณ์ของธรรมชาติ Dialogue: 0,0:01:57.76,0:02:02.36,Default,,0000,0000,0000,,เหตุการณ์ที่สามารถคาดเดาได้\Nจะดูเสมือนเหตุการณ์ที่คาดเดาไม่ได้ Dialogue: 0,0:02:02.36,0:02:05.40,Default,,0000,0000,0000,,อย่างไรก็ตาม เมื่อเราขยายมุมมองของเรา Dialogue: 0,0:02:05.40,0:02:08.52,Default,,0000,0000,0000,,และเข้าถึงเรขาคณิตที่สมบูรณ์ของระบบ Dialogue: 0,0:02:08.52,0:02:11.85,Default,,0000,0000,0000,,ความดาดเดาไม่ได้ก็จะหายไป Dialogue: 0,0:02:11.85,0:02:15.91,Default,,0000,0000,0000,,อย่างที่คุณเห็น ตอนนี้เราคาดเดาได้แม่นยำว่า\Nที่ใดและเมื่อไหร่ Dialogue: 0,0:02:15.91,0:02:20.91,Default,,0000,0000,0000,,แสงสีแดงจะปรากฏขึ้นบนเส้นนี้ Dialogue: 0,0:02:20.91,0:02:22.58,Default,,0000,0000,0000,,เรามาที่นี่ คืนนี้ Dialogue: 0,0:02:22.58,0:02:27.47,Default,,0000,0000,0000,,เพื่อพิจารณาถึงความเป็นไปได้\Nที่ว่าเราเองก็อาจเป็นเช่นชาวโลกแบน Dialogue: 0,0:02:27.47,0:02:31.14,Default,,0000,0000,0000,,เพราะที่จริงแล้ว โลกเรานั้น\Nก็เต็มไปด้วยปริศนามากมาย Dialogue: 0,0:02:31.14,0:02:37.18,Default,,0000,0000,0000,,ที่ซึ่งดูเหมือนจะไม่ลงตัว\Nกับสมมติฐานของเรขาคณิตที่เรามี Dialogue: 0,0:02:37.18,0:02:41.47,Default,,0000,0000,0000,,เรื่องลึกลับเช่น การบิดโค้งของอวกาศและเวลา,\Nหลุมดำ, อุโมงค์ควอนตัม Dialogue: 0,0:02:41.47,0:02:45.26,Default,,0000,0000,0000,,ค่าคงที่ทางธรรมชาติ,\Nสสารมืด, พลังงานมืด, ฯลฯ Dialogue: 0,0:02:45.26,0:02:48.26,Default,,0000,0000,0000,,รายชื่อยาวทีเดียว Dialogue: 0,0:02:48.26,0:02:50.72,Default,,0000,0000,0000,,แล้วเราตอบสนองต่อสิ่งลึกลับเหล่านี้อย่างไร Dialogue: 0,0:02:50.72,0:02:53.42,Default,,0000,0000,0000,,เรามีสองทางเลือก: Dialogue: 0,0:02:53.42,0:02:55.66,Default,,0000,0000,0000,,เราอาจเลือกที่จะยึดถือสมมติฐาน\Nที่มีก่อนหน้านั้น Dialogue: 0,0:02:55.66,0:02:59.09,Default,,0000,0000,0000,,และประดิษฐ์สมการขึ้นใหม่\Nที่อยู่นอกระบบ Dialogue: 0,0:02:59.09,0:03:02.34,Default,,0000,0000,0000,,ใช้ความพยายามแบบคลุมเครือ\Nเพื่ออธิบายสิ่งที่เกิดขึ้น Dialogue: 0,0:03:02.34,0:03:06.77,Default,,0000,0000,0000,,หรือเราอาจเลือกทางเดินที่อาจหาญ\Nโยนสมมติฐานเก่าทิ้งไป Dialogue: 0,0:03:06.77,0:03:09.36,Default,,0000,0000,0000,,แล้วสร้างพิมพ์เขียวใหม่สำหรับความเป็นจริง Dialogue: 0,0:03:09.36,0:03:14.30,Default,,0000,0000,0000,,พิมพ์เขียวที่ได้รวมเอาปรากฏการณ์เหล่านั้นไว้แล้ว Dialogue: 0,0:03:14.30,0:03:16.92,Default,,0000,0000,0000,,มันถึงเวลาที่จะเลือกทางเดินนั้นแล้ว Dialogue: 0,0:03:16.92,0:03:21.38,Default,,0000,0000,0000,,เพราะเราอยู่ในสถานการณ์เดียวกับชาวโลกแบน Dialogue: 0,0:03:21.38,0:03:23.38,Default,,0000,0000,0000,,กลศาสตร์ควอนตัมที่ต้องอธิบายในเชิงสถิติ Dialogue: 0,0:03:23.38,0:03:26.44,Default,,0000,0000,0000,,ทำให้นักวิทยาศาสตร์ของเรา เชื่อว่า Dialogue: 0,0:03:26.44,0:03:29.58,Default,,0000,0000,0000,,โดยลึกๆ แล้ว โลกเรานั้นคาดเดาไม่ได้ Dialogue: 0,0:03:29.58,0:03:31.52,Default,,0000,0000,0000,,และเชื่อว่าเมื่อเราศึกษาให้ลึกขึ้น เรายิ่งค้นพบ Dialogue: 0,0:03:31.52,0:03:34.42,Default,,0000,0000,0000,,ว่าธรรมชาตินั้นไม่สมเหตุผลเอาเสียเลย Dialogue: 0,0:03:34.42,0:03:36.20,Default,,0000,0000,0000,,อืม... Dialogue: 0,0:03:36.20,0:03:39.44,Default,,0000,0000,0000,,บางทีเรื่องลึกลับเหล่านี้กำลังบอกเราว่า Dialogue: 0,0:03:39.44,0:03:42.31,Default,,0000,0000,0000,,มันมีอะไรมากกว่าภาพที่เราเห็น Dialogue: 0,0:03:42.31,0:03:45.43,Default,,0000,0000,0000,,ว่าธรรมชาตินั้นมีเรขาคณิตที่สมบูรณ์มากกว่าที่เราคิด Dialogue: 0,0:03:45.43,0:03:48.76,Default,,0000,0000,0000,,บางทีปรากฏการณ์ลึกลับหลายๆ\Nอย่างในโลกเรา Dialogue: 0,0:03:48.76,0:03:51.39,Default,,0000,0000,0000,,จะสามารถถูกอธิบายได้โดยเรขาคณิตที่สมบูรณ์กว่า Dialogue: 0,0:03:51.39,0:03:54.22,Default,,0000,0000,0000,,ด้วยมิติที่มากขึ้น Dialogue: 0,0:03:54.22,0:03:57.88,Default,,0000,0000,0000,,นั่นก็จะแปลว่า\Nเรานั้นติดอยู่กับโลกแบบในแบบของเราเอง Dialogue: 0,0:03:57.88,0:04:01.65,Default,,0000,0000,0000,,และถ้าเป็นเช่นนั้นจริง\Nเราจะหนีออกไปได้อย่างไร Dialogue: 0,0:04:01.65,0:04:04.02,Default,,0000,0000,0000,,อย่างน้อยก็ในเชิงความคิด Dialogue: 0,0:04:04.02,0:04:08.02,Default,,0000,0000,0000,,ขั้นแรกที่ต้องแน่ใจเสียก่อนก็คือ\Nเราต้องรู้ให้แน่ชัดว่ามิติคืออะไร Dialogue: 0,0:04:11.50,0:04:13.63,Default,,0000,0000,0000,,คำถามเริ่มต้นที่ดีก็คือ Dialogue: 0,0:04:13.63,0:04:18.55,Default,,0000,0000,0000,,ทำไม x, y, z ถึงประกอบกันเป็นมิติทางพื้นที่ได้ Dialogue: 0,0:04:18.55,0:04:22.21,Default,,0000,0000,0000,,คำตอบก็คือ การเปลี่ยนตำแหน่งในมิติหนึ่ง Dialogue: 0,0:04:22.21,0:04:25.49,Default,,0000,0000,0000,,ไม่ได้แปลว่าตำแหน่งในมิติอื่นๆ\Nจะต้องเปลี่ยนด้วย Dialogue: 0,0:04:25.49,0:04:28.85,Default,,0000,0000,0000,,มิติคือตัวบ่งชี้ตำแหน่งที่เป็นอิสระต่อกัน Dialogue: 0,0:04:28.85,0:04:33.68,Default,,0000,0000,0000,,ดังนั้นแกน z จึงเป็นหนึ่งมิติ เพราะวัตถุสามารถ\Nอยู่ที่ตำแหน่ง x และ y ใดๆ Dialogue: 0,0:04:33.68,0:04:36.39,Default,,0000,0000,0000,,ในขณะที่มันเคลื่อนที่ในแกน Z Dialogue: 0,0:04:36.39,0:04:39.43,Default,,0000,0000,0000,,ดังนั้น การที่จะบอกว่ามีมิติทางพื้นที่อื่นๆ Dialogue: 0,0:04:39.43,0:04:41.99,Default,,0000,0000,0000,,แปลว่าจะต้องเป็นไปได้ที่วัตถุนั้น Dialogue: 0,0:04:41.99,0:04:44.93,Default,,0000,0000,0000,,จะต้องอยู่นิ่งๆ ในตำแหน่ง x, y และ z Dialogue: 0,0:04:44.93,0:04:48.84,Default,,0000,0000,0000,,แต่กำลังเคลื่อนไหวในมิติอื่นๆ Dialogue: 0,0:04:48.84,0:04:51.70,Default,,0000,0000,0000,,แล้วมิติเหล่านั้นอยู่ไหนล่ะ Dialogue: 0,0:04:51.70,0:04:56.17,Default,,0000,0000,0000,,เพื่อไขปริศนานั้น\Nเราต้องเปลี่ยนแปลงสมมติฐานพื้นฐาน Dialogue: 0,0:04:56.17,0:05:00.33,Default,,0000,0000,0000,,เกี่ยวกับเรขาคณิตเรามีเกี่ยวกับอวกาศ Dialogue: 0,0:05:00.33,0:05:07.38,Default,,0000,0000,0000,,เราต้องคิดว่าพื้นที่นั้น แบ่งออกเป็นหน่วยเล็กๆ\Nที่ไม่ต่อเนื่อง (ควอนตัม) Dialogue: 0,0:05:07.38,0:05:10.79,Default,,0000,0000,0000,,และพื้นที่นั้นประกอบขึ้นจากส่วนเล็กๆ\Nที่มีปฏิสัมพันธ์กัน Dialogue: 0,0:05:10.79,0:05:12.64,Default,,0000,0000,0000,,ถ้าพื้นที่ประกอบไปด้วยควอนตัม Dialogue: 0,0:05:12.64,0:05:16.54,Default,,0000,0000,0000,,มันจะไม่สามารถถูกแบ่งให้ย่อยลงเป็นอนันต์ Dialogue: 0,0:05:16.54,0:05:19.90,Default,,0000,0000,0000,,เมื่อเราแบ่งมันลงจนถึงขนาดพื้นฐานขนาดหนึ่ง Dialogue: 0,0:05:19.90,0:05:22.11,Default,,0000,0000,0000,,เราจะแบ่งมันเพิ่มไม่ได้ Dialogue: 0,0:05:22.11,0:05:24.92,Default,,0000,0000,0000,,โดยยังคงการพิจารณาเรื่องระยะทางในพื้นที่อยู่ Dialogue: 0,0:05:24.92,0:05:27.12,Default,,0000,0000,0000,,ลองพิจารณาอุปมานี้ครับ: Dialogue: 0,0:05:27.12,0:05:29.74,Default,,0000,0000,0000,,จินตนาการว่าเรามีทองคำบริสุทธิ์อยู่ก้อนหนึ่ง Dialogue: 0,0:05:29.74,0:05:32.71,Default,,0000,0000,0000,,เราตั้งใจจะแบ่งครึ่งมันไปเรื่อยๆ Dialogue: 0,0:05:32.71,0:05:34.82,Default,,0000,0000,0000,,มีคำถามสองข้อให้เราตอบ: Dialogue: 0,0:05:34.82,0:05:37.58,Default,,0000,0000,0000,,เราแบ่งครึ่งมันได้กี่ครั้ง Dialogue: 0,0:05:37.58,0:05:42.89,Default,,0000,0000,0000,,และ เราแบ่งครึ่งมันได้กี่ครั้ง\Nแล้วโดยสิ่งที่เหลือที่ยังเป็นทองอยู่ Dialogue: 0,0:05:42.89,0:05:45.02,Default,,0000,0000,0000,,สองคำถามนี้ต่างกันโดยสิ้นเชิง Dialogue: 0,0:05:45.02,0:05:47.91,Default,,0000,0000,0000,,เพราะเมื่อเราแบ่งมันจนเหลือทองหนึ่งอะตอม Dialogue: 0,0:05:47.91,0:05:49.54,Default,,0000,0000,0000,,เราจะตัดแบ่งต่อไปอีกไม่ได้ Dialogue: 0,0:05:49.54,0:05:54.18,Default,,0000,0000,0000,,โดยไม่ทำลายนิยามของทองคำ Dialogue: 0,0:05:54.18,0:05:58.62,Default,,0000,0000,0000,,ถ้าพื้นที่ถูกแบ่งในระดับควอนตัม\Nการอุปมาแบบเดียวกันก็ใช้ได้ Dialogue: 0,0:05:58.62,0:06:00.55,Default,,0000,0000,0000,,เราไม่สามารถพูดถึงระยะทางภายในพื้นที่ Dialogue: 0,0:06:00.55,0:06:02.75,Default,,0000,0000,0000,,ที่น้อยกว่าหน่วยพื้นฐานได้ Dialogue: 0,0:06:02.75,0:06:06.15,Default,,0000,0000,0000,,ด้วยเหตุผลเดียวกัน\Nเราไม่สามารถพูดถึงปริมาณทองคำ Dialogue: 0,0:06:06.15,0:06:10.43,Default,,0000,0000,0000,,ที่น้อยกว่า 1 อะตอมของทองคำได้ Dialogue: 0,0:06:10.43,0:06:15.56,Default,,0000,0000,0000,,การแยกอวกาศออกเป็นหน่วยเล็กๆ \Nนำเราไปสู่เรขาคณิตแบบใหม่ Dialogue: 0,0:06:15.56,0:06:17.47,Default,,0000,0000,0000,,ที่ซึ่งคล้ายกับแบบนี้ Dialogue: 0,0:06:17.47,0:06:20.84,Default,,0000,0000,0000,,ชิ้นส่วนเล็กๆ เหล่านี้\Nหรือควอนตัมเหล่านี้ Dialogue: 0,0:06:20.84,0:06:25.04,Default,,0000,0000,0000,,ประกอบกัน กลายเป็นเนื้อแห่งมิติ x, y, z Dialogue: 0,0:06:25.04,0:06:27.73,Default,,0000,0000,0000,,รูปทรงแบบนี้มี 11 มิติ Dialogue: 0,0:06:27.73,0:06:30.89,Default,,0000,0000,0000,,ดังนั้น ถ้าคุณมองแบบนี้ คุณก็เข้าใจมันแล้ว\Nมันไม่ได้ยากเหนือความเข้าใจ Dialogue: 0,0:06:30.89,0:06:33.08,Default,,0000,0000,0000,,เราเพียงแค่ต้องเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น Dialogue: 0,0:06:33.08,0:06:37.16,Default,,0000,0000,0000,,โปรดสังเกตว่ามีปริมาตรที่แตกต่างกันอยู่ 3 แบบ Dialogue: 0,0:06:37.16,0:06:40.13,Default,,0000,0000,0000,,และปริมาตรทุกแบบ มี 3 มิติ Dialogue: 0,0:06:40.13,0:06:44.44,Default,,0000,0000,0000,,ระยะห่างระหว่างสองจุดใดๆ ภายในพื้นที่\Nจะเท่ากับจำนวนควอนตัม Dialogue: 0,0:06:44.44,0:06:47.86,Default,,0000,0000,0000,,ที่อยู่ระหว่างสองจุด ณ ขณะนั้น Dialogue: 0,0:06:47.86,0:06:50.89,Default,,0000,0000,0000,,ปริมาตรในแต่ละควอนตัมนั้นเรียกว่า \Nอินเตอร์สเปเชียล (interspatial) Dialogue: 0,0:06:50.89,0:06:55.15,Default,,0000,0000,0000,,ปริมาตรที่ควอนตัมกินเนื้อที่ขณะเคลื่อนที่ไปมานั้น\Nเรียกว่า ซุปเปอร์สเปเชียล (superspatial) Dialogue: 0,0:06:55.15,0:06:58.92,Default,,0000,0000,0000,,โปรดสังเกตว่า การมีข้อมูลตำแหน่ง x, y, z ครบถ้วน Dialogue: 0,0:06:58.92,0:07:03.36,Default,,0000,0000,0000,,ทำให้เราบ่งชี้ได้เพียงหนึ่งควอนตัมทางพื้นที่ Dialogue: 0,0:07:03.36,0:07:06.12,Default,,0000,0000,0000,,และโปรดสังเกตว่ามันก็เป็นไปได้ ที่วัตถุชิ้นหนึ่ง Dialogue: 0,0:07:06.12,0:07:09.66,Default,,0000,0000,0000,,จะเคลื่อนที่ในแบบอินเตอร์สเปเชียล \Nหรือซุปเปอร์สเปเชียล Dialogue: 0,0:07:09.66,0:07:14.96,Default,,0000,0000,0000,,โดยไม่เปลี่ยนแปลงพิกัด x, y, z เลย Dialogue: 0,0:07:14.96,0:07:16.85,Default,,0000,0000,0000,,นั่นแปลว่า มีวิธีทั้งหมด 9 แบบที่เป็นอิสระต่อกัน Dialogue: 0,0:07:16.85,0:07:18.83,Default,,0000,0000,0000,,ที่วัตถุสักชิ้น จะเคลื่อนที่ไปมา Dialogue: 0,0:07:18.83,0:07:21.31,Default,,0000,0000,0000,,นั่นรวมเป็น 9 มิติทางพื้นที่ Dialogue: 0,0:07:21.31,0:07:24.96,Default,,0000,0000,0000,,3 มิติของปริมาตรแบบ x, y, z\N3 มิติของปริมาตรแบบซุปเปอร์สเปเชียล Dialogue: 0,0:07:24.96,0:07:27.42,Default,,0000,0000,0000,,และ 3 มิติของปริมาตรแบบอินเตอร์สเปเชียล Dialogue: 0,0:07:27.42,0:07:29.56,Default,,0000,0000,0000,,และเรายังมีมิติของเวลา\Nซึ่งสามารถนิยามได้ว่า Dialogue: 0,0:07:29.56,0:07:33.07,Default,,0000,0000,0000,,เป็นเลขจำนวนเต็มของการสั่นพ้อง\Nที่แต่ละควอนตัมประสบ Dialogue: 0,0:07:33.07,0:07:39.11,Default,,0000,0000,0000,,และเวลาแบบซุปเปอร์ไทม์ (super-time)\Nทำให้เราอธิบายการเคลื่อนไหวของควอนตัม\Nผ่านซุปเปอร์สเปซได้ Dialogue: 0,0:07:39.11,0:07:42.14,Default,,0000,0000,0000,,เอาล่ะ ผมรู้ว่ามันฟังดูงง\Nและผมไปเร็วมากกว่าที่ผมตั้งใจไว้ Dialogue: 0,0:07:42.14,0:07:44.42,Default,,0000,0000,0000,,เพราะว่ามีรายละเอียดมากมายที่เรา\Nสามารถเจาะลึกลงไปได้ Dialogue: 0,0:07:44.42,0:07:48.74,Default,,0000,0000,0000,,แต่มีประโยชน์สำคัญอยู่ข้อหนึ่ง\Nในการที่เราสามารถอธิบายพื้นที่ Dialogue: 0,0:07:48.74,0:07:53.85,Default,,0000,0000,0000,,ว่าเป็นตัวกลางที่มีคุณสมบัติของ\Nความหนาแน่น การบิดเบือน และการกระเพื่อม Dialogue: 0,0:07:53.85,0:07:59.73,Default,,0000,0000,0000,,ยกตัวอย่างเช่น เราสามารถอธิบาย \Nการบิดโค้งของมิติพื้นที่และเวลาของไอน์สไตน์ Dialogue: 0,0:07:59.73,0:08:03.37,Default,,0000,0000,0000,,ได้โดยโดยไม่ต้องลดมิติของภาพลง Dialogue: 0,0:08:03.37,0:08:07.42,Default,,0000,0000,0000,,การบิดโค้งคือการเปลี่ยนแปลงความหนาแน่น\Nของควอนตัมอวกาศเหล่านี้ Dialogue: 0,0:08:07.42,0:08:10.55,Default,,0000,0000,0000,,ยิ่งควอนตัมหนาแน่นมากเท่าไหร่\Nพวกมันยิ่งมีอิสระน้อยลงในการสั่นพ้อง Dialogue: 0,0:08:10.55,0:08:12.65,Default,,0000,0000,0000,,ดังนั้นมันจึงประสบกับเวลาที่เดินช้าลง Dialogue: 0,0:08:12.65,0:08:15.32,Default,,0000,0000,0000,,และในบริเวณที่มีความหนาแน่นสูงสุด Dialogue: 0,0:08:15.32,0:08:18.21,Default,,0000,0000,0000,,และควอนตัมเหล่านี้ถูกอัดรวมเข้าด้วยกัน Dialogue: 0,0:08:18.21,0:08:22.49,Default,,0000,0000,0000,,เช่นในหลุมดำ ควอนตัมเหล่านั้นจะไม่รู้สึกถึงเวลาเลย Dialogue: 0,0:08:22.49,0:08:26.62,Default,,0000,0000,0000,,แรงโน้มถ่วงนั้นคือผลลัพธ์ง่ายๆ\Nของวัตถุที่เดินทางเป็นเส้นตรง Dialogue: 0,0:08:26.62,0:08:28.88,Default,,0000,0000,0000,,ผ่านห้วงอวกาศที่บิดโค้ง Dialogue: 0,0:08:28.88,0:08:31.37,Default,,0000,0000,0000,,การเดินทางเป็นเส้นตรงผ่านมิติ x, y, z Dialogue: 0,0:08:31.37,0:08:33.69,Default,,0000,0000,0000,,แปลว่าทั้งด้านซ้ายและด้านขวาของคุณ Dialogue: 0,0:08:33.69,0:08:38.06,Default,,0000,0000,0000,,เดินทางด้วยระยะทางเท่ากัน\Nมีปฏิสัมพันธ์กับจำนวนควอนตัมที่เท่ากัน Dialogue: 0,0:08:39.24,0:08:42.24,Default,,0000,0000,0000,,แต่เมื่อมีความเปลี่ยนแปลงความหนาแน่น\Nเกิดขึ้นในห้วงอวกาศ Dialogue: 0,0:08:42.24,0:08:46.50,Default,,0000,0000,0000,,ทางเดินที่เป็นเส้นตรง\Nจะให้ความรู้สึกทางพื้นที่ที่เท่ากัน Dialogue: 0,0:08:46.50,0:08:50.94,Default,,0000,0000,0000,,สำหรับทุกๆ ส่วนของวัตถุนั้น Dialogue: 0,0:08:50.94,0:08:52.95,Default,,0000,0000,0000,,นี่เป็นเรื่องสำคัญมาก Dialogue: 0,0:08:52.95,0:08:56.06,Default,,0000,0000,0000,,ถ้าคุณเคยเห็นกราฟเส้นโค้งของไอน์สไตน์มาก่อน Dialogue: 0,0:08:56.06,0:08:58.11,Default,,0000,0000,0000,,การโค้งของมิติอวกาศและเวลา Dialogue: 0,0:08:58.11,0:09:02.33,Default,,0000,0000,0000,,คุณอาจไม่สังเกตว่ามีอยู่หนึ่งมิติที่ไม่ได้ตั้งชื่อเอาไว้ Dialogue: 0,0:09:02.33,0:09:05.71,Default,,0000,0000,0000,,เราสมมติว่า เราใช้ระนาบตามแบบของเรา Dialogue: 0,0:09:05.71,0:09:08.19,Default,,0000,0000,0000,,เมื่อใดก็ตามที่มีมวลอยู่บนระนาบนี้\Nระนาบจะยืดออก Dialogue: 0,0:09:08.19,0:09:10.13,Default,,0000,0000,0000,,ถ้ามีมวลมากขึ้น ระนาบก็ถูกยืดมากขึ้น Dialogue: 0,0:09:10.13,0:09:12.66,Default,,0000,0000,0000,,เพื่อแสดงให้เห็นการบิดโค้งที่มากขึ้น Dialogue: 0,0:09:12.66,0:09:14.93,Default,,0000,0000,0000,,แต่เรายืดมันออกไปในทิศทางไหนล่ะ Dialogue: 0,0:09:14.93,0:09:17.17,Default,,0000,0000,0000,,เรากำจัดแกน z ออกไป Dialogue: 0,0:09:17.17,0:09:19.88,Default,,0000,0000,0000,,เราทำพลาดแบบนี้ทุกครั้งในตำราเรียน Dialogue: 0,0:09:19.88,0:09:22.72,Default,,0000,0000,0000,,ตอนนี้ เราไม่ต้องกำจัดมิติแกน z ออกไป Dialogue: 0,0:09:22.72,0:09:26.58,Default,,0000,0000,0000,,เราสามารถแสดงให้เห็นการบิดโค้งได้\Nในรูปแบบเต็มๆ Dialogue: 0,0:09:26.58,0:09:28.100,Default,,0000,0000,0000,,และนี่ถือเป็นเรื่องสำคัญ Dialogue: 0,0:09:28.100,0:09:31.76,Default,,0000,0000,0000,,ปริศนาอื่นๆ ที่ผุดขึ้นมาจากเรขาคณิตแบบใหม่นี้ Dialogue: 0,0:09:31.76,0:09:33.82,Default,,0000,0000,0000,,เช่น อุโมงค์ควอนตัม (quantum tunneling) Dialogue: 0,0:09:33.82,0:09:36.59,Default,,0000,0000,0000,,จำ "ชาวโลกแบน" ของเราได้ไหมครับ Dialogue: 0,0:09:36.59,0:09:40.50,Default,,0000,0000,0000,,พวกเขาเห็นแสงสีแดงปรากฏขึ้น\Nณ จุดหนึ่งบนขอบฟ้า Dialogue: 0,0:09:40.50,0:09:43.95,Default,,0000,0000,0000,,และจากนั้นมันก็จะหายไป\Nและเท่าที่พวกเขารู้ Dialogue: 0,0:09:43.95,0:09:46.30,Default,,0000,0000,0000,,มันได้หายไปจากเอกภพ Dialogue: 0,0:09:46.30,0:09:50.06,Default,,0000,0000,0000,,แต่ถ้าแสงสีแดงนั้นปรากฏขึ้นอีก\Nณ อีกจุดหนึ่งบนเส้นขอบฟ้า Dialogue: 0,0:09:50.06,0:09:52.56,Default,,0000,0000,0000,,พวกเขาอาจเรียกมันว่าอุโมงค์ควอนตัม Dialogue: 0,0:09:52.56,0:09:54.76,Default,,0000,0000,0000,,เช่นเดียวกับที่เราสังเกตเห็นอิเล็กตรอน Dialogue: 0,0:09:54.76,0:09:57.32,Default,,0000,0000,0000,,หายไปจากห้วงอวกาศ Dialogue: 0,0:09:57.32,0:09:59.42,Default,,0000,0000,0000,,และปรากฏขึ้นอีกครั้ง ณ อืกแห่งหนึ่ง\Nและที่แห่งนั้น Dialogue: 0,0:09:59.42,0:10:03.38,Default,,0000,0000,0000,,สามารถอยู่นอกเหนือขอบเขตที่มัน\Nไม่ควรจะหลุดออกไปได้ Dialogue: 0,0:10:03.38,0:10:07.60,Default,,0000,0000,0000,,เอาล่ะ เราสามารถใช้ภาพนี้ได้\Nเพื่อไขปริศนานั้นได้ไหม Dialogue: 0,0:10:07.60,0:10:11.38,Default,,0000,0000,0000,,คุณเห็นไหม ว่าปริศนาต่างๆ บนโลกเรา\Nสามารถเปลี่ยนเป็นมุมมองที่สวยงาม Dialogue: 0,0:10:11.38,0:10:13.83,Default,,0000,0000,0000,,ภายใต้ภาพของเรขาคณิตแบบใหม่นี้ Dialogue: 0,0:10:13.83,0:10:16.36,Default,,0000,0000,0000,,สิ่งที่เราต้องทำ ก็เพียงแต่\Nพยายามเข้าใจปริศนาเหล่านี้ Dialogue: 0,0:10:16.36,0:10:22.86,Default,,0000,0000,0000,,เปลี่ยนสมมติฐานเรื่องเรขาคณิตต่างๆ\Nให้เป็นพื้นที่แบบควอนตัม Dialogue: 0,0:10:22.86,0:10:25.26,Default,,0000,0000,0000,,ภาพนี้บอกเราได้อีกอย่างหนึ่ง Dialogue: 0,0:10:25.26,0:10:27.39,Default,,0000,0000,0000,,เกี่ยวกับว่าค่าคงที่ต่างๆ ในธรรมชาตินั้นมาจากไหน Dialogue: 0,0:10:27.39,0:10:31.56,Default,,0000,0000,0000,,เช่น ความเร็วแสง ค่าคงที่ของแพลงค์ \Nค่าคงที่ของแรงดึงดูด และอื่นๆ Dialogue: 0,0:10:31.56,0:10:36.28,Default,,0000,0000,0000,,เนื่องจากหน่วยวัดต่างๆ \Nนิวตัน จูล ปาสคาล ฯลฯ Dialogue: 0,0:10:36.28,0:10:39.100,Default,,0000,0000,0000,,สามารถลดรูปลงได้เป็นการผสมกันของ 5 หน่วย Dialogue: 0,0:10:39.100,0:10:43.27,Default,,0000,0000,0000,,คือ ความยาว มวล เวลา กระแสไฟฟ้า และอุณหภูมิ Dialogue: 0,0:10:43.27,0:10:45.28,Default,,0000,0000,0000,,การแบ่งพื้นที่ออกเป็นควอนตัม Dialogue: 0,0:10:45.28,0:10:51.04,Default,,0000,0000,0000,,แปลว่าหน่วยทั้ง 5 นั้นจะต้องอยู่\Nในรูปหน่วยควอนตัมที่แบ่งออกไม่ได้อีก Dialogue: 0,0:10:51.04,0:10:55.18,Default,,0000,0000,0000,,นี่ทำให้เราได้ตัวเลข 5 ตัว\Nที่เกิดขึ้นมาจากเรขาคณิตแบบใหม่ของเรา Dialogue: 0,0:10:55.18,0:10:58.44,Default,,0000,0000,0000,,ผลทางธรรมชาติจาก 11 มิติ\Nซึ่งมีหน่วยเป็นหนึ่ง Dialogue: 0,0:10:58.44,0:11:00.87,Default,,0000,0000,0000,,มีตัวเลขอีก 2 ตัวในมุมมองใหม่ของเรา Dialogue: 0,0:11:00.87,0:11:03.93,Default,,0000,0000,0000,,ตัวเลขที่สะท้อนถึงข้อจำกัดด้านการบิดโค้ง Dialogue: 0,0:11:03.93,0:11:07.02,Default,,0000,0000,0000,,พาย (Pi) สามารถใช้เพื่อแสดงส่วนโค้งที่น้อยที่สุด Dialogue: 0,0:11:07.02,0:11:10.79,Default,,0000,0000,0000,,หรือความโค้งเป็นศูนย์ \Nในขณะที่ตัวเลขอีกตัวหนึ่งที่เราเรียกว่า เฌอ (Zhe) Dialogue: 0,0:11:10.79,0:11:13.81,Default,,0000,0000,0000,,สามารถใช้เพื่อแสดงสถานะการบิดโค้งสูงสุด Dialogue: 0,0:11:13.81,0:11:17.28,Default,,0000,0000,0000,,เหตุผลที่เราต้องมีค่าสูงสุดเพราะ\Nเรามีอวกาศแบบควอนตัม Dialogue: 0,0:11:17.28,0:11:22.64,Default,,0000,0000,0000,,เราไม่สามารถแบ่งมันออกไปได้เป็นอนันต์ Dialogue: 0,0:11:22.64,0:11:24.39,Default,,0000,0000,0000,,แล้วเลขเหล่านี้ให้อะไรแก่เรา Dialogue: 0,0:11:24.39,0:11:27.37,Default,,0000,0000,0000,,รายชื่อยาวเหยียดเหล่านี้\Nคือค่าคงที่ตามธรรมชาติ Dialogue: 0,0:11:27.37,0:11:29.86,Default,,0000,0000,0000,,และถ้าคุณสังเกต แม้ในขณะที่เรามองมันแบบผ่านๆ Dialogue: 0,0:11:29.86,0:11:33.19,Default,,0000,0000,0000,,พวกมันต่างประกอบขึ้นด้วยตัวเลขห้าตัว Dialogue: 0,0:11:33.19,0:11:34.96,Default,,0000,0000,0000,,ที่เกิดจากเรขาคณิตแบบใหม่ของเรา และตัวเลขอีกสองตัว Dialogue: 0,0:11:34.96,0:11:38.79,Default,,0000,0000,0000,,ที่มาจากข้อจำกัดของการบิดโค้ง Dialogue: 0,0:11:38.79,0:11:42.28,Default,,0000,0000,0000,,นั่นมันเป็นเรื่องสำคัญมาก\Nสำหรับผมมันสำคัญมาก Dialogue: 0,0:11:42.28,0:11:44.25,Default,,0000,0000,0000,,มันแปลว่าค่าคงที่ของธรรมชาติ Dialogue: 0,0:11:44.25,0:11:47.04,Default,,0000,0000,0000,,เกิดจากเรขาคณิตของพื้นที่ Dialogue: 0,0:11:47.04,0:11:50.53,Default,,0000,0000,0000,,พวกมันเป็นผลพวงโดยตรงที่เกิดจากแบบจำลองนั้น Dialogue: 0,0:11:54.04,0:11:58.02,Default,,0000,0000,0000,,เอาล่ะ ถึงตอนสนุกแล้ว\Nเพราะมีประโยคเด็ดๆ อยู่หลายที่ Dialogue: 0,0:11:58.02,0:12:00.80,Default,,0000,0000,0000,,ออกจะยากสักหน่อยที่จะรู้ว่า\Nใครจะชอบตรงไหน Dialogue: 0,0:12:00.80,0:12:04.13,Default,,0000,0000,0000,,ด้วยเรขาคณิตในมิติแบบใหม่นี้ Dialogue: 0,0:12:04.13,0:12:07.26,Default,,0000,0000,0000,,ทำให้เราสามารถอธิบายแรงดึงดูด Dialogue: 0,0:12:07.26,0:12:09.34,Default,,0000,0000,0000,,ได้ในเชิงแนวคิดทั้งหมด Dialogue: 0,0:12:09.34,0:12:11.50,Default,,0000,0000,0000,,คุณจะเห็นภาพทั้งหมดได้ในหัวของคุณ Dialogue: 0,0:12:11.50,0:12:14.18,Default,,0000,0000,0000,,หลุมดำ อุโมงค์ควอนตัม ค่าคงที่ในธรรมชาติ Dialogue: 0,0:12:14.18,0:12:16.33,Default,,0000,0000,0000,,และในกรณีที่ไม่มีสิ่งไหนเลยที่คุณสนใจ Dialogue: 0,0:12:16.33,0:12:18.02,Default,,0000,0000,0000,,หรือคุณไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับพวกมันมาก่อน Dialogue: 0,0:12:18.02,0:12:23.80,Default,,0000,0000,0000,,คุณคงแทบไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับสสารมืด\Nและพลังงานมืดเป็นแน่ Dialogue: 0,0:12:23.80,0:12:27.80,Default,,0000,0000,0000,,สองสิ่งนี้ก็เป็นผลพวงมาจากเรขาคณิตแบบใหม่ Dialogue: 0,0:12:27.80,0:12:31.17,Default,,0000,0000,0000,,สสารมืดนั้น\Nเมื่อเราสังเกตดาราจักรที่ห่างไกลออกไป Dialogue: 0,0:12:31.17,0:12:34.82,Default,,0000,0000,0000,,และสังเกตเหล่าดาวฤกษ์ที่โคจรอยู่ในดาราจักรเหล่านั้น Dialogue: 0,0:12:34.82,0:12:38.45,Default,,0000,0000,0000,,ดาวฤกษ์ที่อยู่ใกล้ขอบดาราจักรนั้นเคลื่อนที่เร็วเกินไป Dialogue: 0,0:12:38.45,0:12:41.77,Default,,0000,0000,0000,,ราวกับว่าพวกมันมีแรงดึงดูดมากกว่าปกติ Dialogue: 0,0:12:41.77,0:12:45.90,Default,,0000,0000,0000,,เราจะอธิบายสิ่งเหล่านี้ได้อย่างไร\Nเราอธิบายไม่ได้ Dialogue: 0,0:12:45.90,0:12:48.62,Default,,0000,0000,0000,,เราจึงคิดว่าต้องมีสสารอย่างอื่นอยู่ที่นั่น\Nซึ่งสร้างแรงดึงดูดเพิ่มเติม Dialogue: 0,0:12:48.62,0:12:51.46,Default,,0000,0000,0000,,ที่ส่งผลกระทบแบบนั้น\Nแต่เรามองไม่เห็นสสารนั้น Dialogue: 0,0:12:51.46,0:12:57.84,Default,,0000,0000,0000,,เราจึงเรียกมันว่าสสารมืด และเรานิยามสสารมืด\Nว่าเป็นบางสิ่งที่เรามองไม่เห็น! Dialogue: 0,0:12:57.84,0:12:59.89,Default,,0000,0000,0000,,ซึ่งก็ดี มันเป็นขั้นตอนที่ดี\Nเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี Dialogue: 0,0:12:59.89,0:13:02.64,Default,,0000,0000,0000,,แต่ในแบบจำลองของเรา\Nเราไม่ต้องใช้วิธีคิดก้าวกระโดดแบบนั้น Dialogue: 0,0:13:02.64,0:13:04.99,Default,,0000,0000,0000,,เราคิดแบบก้าวกระโดด\Nในเชิงที่ว่าพื้นที่นั้นเป็นควอนตัม Dialogue: 0,0:13:04.99,0:13:07.70,Default,,0000,0000,0000,,และสิ่งอื่นๆที่เหลือ\Nเป็นผลพวงจากสมมติฐานนั้น Dialogue: 0,0:13:07.70,0:13:11.44,Default,,0000,0000,0000,,เราเชื่อว่า\Nพื้นที่นั้นสร้างขึ้นจากสิ่งพื้นฐาน Dialogue: 0,0:13:11.44,0:13:15.22,Default,,0000,0000,0000,,แบบเดียวกับที่เราเชื่อ\Nว่าอากาศนั้นเกิดจากโมเลกุล Dialogue: 0,0:13:15.22,0:13:18.30,Default,,0000,0000,0000,,ถ้านั่นเป็นจริง\Nแปลว่าข้อกำหนดที่ตามมาก็คือ Dialogue: 0,0:13:18.30,0:13:22.48,Default,,0000,0000,0000,,คุณสามารถมีการเปลี่ยนแปลงของความหนาแน่น\Nซึ่งเป็นต้นกำเนิดของแรงโน้มถ่วง Dialogue: 0,0:13:22.48,0:13:26.88,Default,,0000,0000,0000,,และคุณควรจะต้องมีการเปลี่ยนสถานะ Dialogue: 0,0:13:26.88,0:13:29.72,Default,,0000,0000,0000,,แล้วอะไรเป็นตัวกระตุ้นการเปลี่ยนสถานะล่ะ Dialogue: 0,0:13:29.72,0:13:32.20,Default,,0000,0000,0000,,ก็อุณหภูมิไง Dialogue: 0,0:13:32.20,0:13:36.60,Default,,0000,0000,0000,,เมื่อบางสิ่งเย็นตัวถึงจุดหนึ่ง\Nการเรียงตัวของโครงสร้างของมันจะเปลี่ยนไป Dialogue: 0,0:13:36.60,0:13:39.55,Default,,0000,0000,0000,,และมันจะเปลี่ยนสถานะ Dialogue: 0,0:13:39.55,0:13:43.44,Default,,0000,0000,0000,,การเปลี่ยนแปลงความหนาแน่นนี้\Nณ บริเวณขอบนอกของดาราจักร Dialogue: 0,0:13:43.44,0:13:47.06,Default,,0000,0000,0000,,จะก่อให้เกิดสนามแรงโน้มถ่วง Dialogue: 0,0:13:47.06,0:13:49.84,Default,,0000,0000,0000,,เพราะนั่นคือนิยามของสนามแรงโน้มถ่วง Dialogue: 0,0:13:49.84,0:13:53.32,Default,,0000,0000,0000,,มันคือการเปลี่ยนแปลงของความหนาแน่น Dialogue: 0,0:13:53.32,0:13:55.32,Default,,0000,0000,0000,,เอาล่ะ Dialogue: 0,0:13:56.10,0:13:59.69,Default,,0000,0000,0000,,ข้ามพวกนี้ไปเลย Dialogue: 0,0:13:59.69,0:14:04.75,Default,,0000,0000,0000,,ทีนี้ ผมจะอธิบายเรื่องพลังงานมืด\Nในเวลา 15 วินาที Dialogue: 0,0:14:04.75,0:14:07.71,Default,,0000,0000,0000,,เมื่อเรามองออกไปยังขอบอวกาศ\Nเราสังเกตว่าแสงจากที่ห่างไกล Dialogue: 0,0:14:07.71,0:14:09.60,Default,,0000,0000,0000,,จะเกิดปรากฏการณ์เรดชิฟท์ \N(redshift - ความยาวคลื่นเคลื่อนไปทางสีแดง) Dialogue: 0,0:14:09.60,0:14:12.44,Default,,0000,0000,0000,,แปลว่ามันสูญเสียพลังงานบางส่วน\Nในขณะที่เดินทางมาหาเรา Dialogue: 0,0:14:12.44,0:14:14.23,Default,,0000,0000,0000,,โดยใช้เวลานับพันล้านปี Dialogue: 0,0:14:14.23,0:14:16.37,Default,,0000,0000,0000,,แล้วเราจะอธิบายเรดชิฟท์ได้อย่างไร Dialogue: 0,0:14:16.37,0:14:21.33,Default,,0000,0000,0000,,ณ ปัจจุบัน เราเข้าใจว่า \Nมันแปลว่าเอกภพกำลังขยายตัวออก Dialogue: 0,0:14:21.33,0:14:24.04,Default,,0000,0000,0000,,ข้อกล่าวอ้างของเราทั้งหมดที่ว่าเอกภพ\Nกำลังขยายตัว ล้วนมาจากสิ่งนี้ Dialogue: 0,0:14:24.04,0:14:25.76,Default,,0000,0000,0000,,จากการวัดว่า เรดชิฟท์ นั้นเปลี่ยนแปลงอย่างไร Dialogue: 0,0:14:25.76,0:14:28.33,Default,,0000,0000,0000,,ณ ที่ระยะห่างเท่านี้ ระยะห่างนี้ ระยะห่างนี้ Dialogue: 0,0:14:28.33,0:14:31.56,Default,,0000,0000,0000,,และเช่นกัน เราวัดการขยายตัวด้วยวิธีนี้ Dialogue: 0,0:14:31.56,0:14:34.58,Default,,0000,0000,0000,,แต่มีอีกวิธีหนึ่งที่สามารถอธิบายเรดชิฟท์ได้ Dialogue: 0,0:14:34.58,0:14:37.48,Default,,0000,0000,0000,,เช่นเดียวกับที่ อาจมีวิธีอื่นที่จะใช้อธิบายว่า\Nทำไม ถ้าผมถือส้อมเสียงอันหนึ่ง Dialogue: 0,0:14:37.48,0:14:39.24,Default,,0000,0000,0000,,ที่ปรับมาให้เป็นเสียงโน้ตดนตรี C Dialogue: 0,0:14:39.24,0:14:43.05,Default,,0000,0000,0000,,แต่เมื่อผมนำมันไปไว้ในอุโมงค์แล้ว\Nคุณกลับได้ยินเสียงโน้ต B Dialogue: 0,0:14:43.05,0:14:46.17,Default,,0000,0000,0000,,แน่นอนว่า คุณอาจบอกว่านั่นเป็นเพราะ\Nผมกำลังเคลื่อนที่ออกห่างจากคุณในอุโมงค์ Dialogue: 0,0:14:46.17,0:14:51.01,Default,,0000,0000,0000,,แต่มันก็อาจเป็นได้ว่า\Nความดันอากาศในอุโมงค์ Dialogue: 0,0:14:51.01,0:14:54.40,Default,,0000,0000,0000,,นั้นลดลงในขณะที่เสียงเดินทางมายังหูของคุณ Dialogue: 0,0:14:54.40,0:14:56.31,Default,,0000,0000,0000,,นั่นฟังดูออกจะเป็นไปได้ยากสักหน่อย Dialogue: 0,0:14:56.31,0:14:58.67,Default,,0000,0000,0000,,เพราะความดันอากาศไม่ได้ลดลงเร็วแบบนั้น Dialogue: 0,0:14:58.67,0:15:02.80,Default,,0000,0000,0000,,แต่เมื่อเราคิดถึงแสงที่เดินทางมานับพันล้านปี Dialogue: 0,0:15:02.80,0:15:05.13,Default,,0000,0000,0000,,ที่เราต้องการ ก็คือเหล่าควอนตัม Dialogue: 0,0:15:05.13,0:15:11.15,Default,,0000,0000,0000,,ที่มีความยืดหยุ่นเพียงเล็กน้อย\Nแล้วผลของเรดชิฟท์ก็จะโดดเด่นขึ้นมา Dialogue: 0,0:15:11.15,0:15:13.78,Default,,0000,0000,0000,,ยังมีอะไรอีกมากมายในการสำรวจแนวคิดนี้ Dialogue: 0,0:15:13.78,0:15:17.22,Default,,0000,0000,0000,,ถ้าคุณสนใจ เชิญไปยังเว็บไซต์นี้ได้ Dialogue: 0,0:15:17.22,0:15:20.34,Default,,0000,0000,0000,,และเชิญติชมได้ตามสบายเลยนะครับ Dialogue: 0,0:15:20.34,0:15:25.95,Default,,0000,0000,0000,,เวลาจะหมดแล้ว ดังนั้นให้ผมสรุป ว่าพิมพ์เขียวใหม่\Nของมิติทั้ง 11 นี้ ให้เครื่องมือทางความคิดแก่เรา Dialogue: 0,0:15:25.95,0:15:28.93,Default,,0000,0000,0000,,เครื่องมือที่ใช้ขยายขอบเขตของจินตนาการ Dialogue: 0,0:15:28.93,0:15:34.82,Default,,0000,0000,0000,,และ บางที อาจจุดประกายความโรแมนติก\Nในภารกิจของไอน์สไตน์ขึ้นมาอีกครั้ง Dialogue: 0,0:15:34.82,0:15:36.46,Default,,0000,0000,0000,,ขอบคุณครับ Dialogue: 0,0:15:36.46,0:15:38.51,Default,,0000,0000,0000,,(เสียงปรบมือ)