นิทานของเราเกี่ยวกับเด็กหญิงชื่อว่า ไอริส ไอริสอ่อนไหวมาก มากเสียจนเธอนั้นน้ำตาไหลตลอด เธอร้องไห้เมื่อเศร้า เมื่อดีใจ และถึงกับน้ำตาเอ่อเมื่อมีสิ่งใดมากระทบเธอ เธอมีต่อมน้ำตาพิเศษเอาไว้สร้างน้ำตาใหม่ และท่อพิเศษที่เรียกว่า ลาไครมอล พันช์ทา (lacrimal puncta) เอาไว้ระบายน้ำตาเก่าออกไป และเธอร้องไห้เยอะแยะเสียจน เธอเสียน้ำตาไปวันละสิบออนซ์ นั่นเท่ากับสามสิบแกลอนต่อปี อันที่จริง ถ้าคุณมองดูดีๆ คุณจะเห็นว่าเธอร้องไห้นิดหน่อยตลอดเวลา น้ำตาที่หล่ออยู่ซึ่งไอริสผลิตออกมาตลอดนั้น ก่อตัวขึ้นเป็นชั้นปกคลุมบางๆ สามชั้น ที่ปกคลุมเธอและป้องกันฝุ่นและละออง ถัดจากไอริสคือชั้นเมือก ซึ่งทำให้ส่วนประกอบทั้งหมดกระชับติดกับเธอ เหนือขึ้นไปคือชั้นน้ำ ซึ่งทำให้ไอริสชุ่มชื้น ไล่แบคทีเรียที่มารุกราน และป้องกันผิวหนังของเธอ หรือกระจกตา จากอันตราย และท้ายที่สุด ก็คือชั้นไขมัน ซึ่งเป็นฟิล์มมันๆ บางๆ ด้านนอก ที่ทำให้พื้นผิวเรียบ เพื่อให้ไอริสมองผ่านได้ และป้องกันชั้นอื่นๆ จากการระเหย ตามปกติ ไอริสใช้ชีวิตประจำวัน โดยไม่ได้สังเกตว่าน้ำตาที่หล่ออยู่ ทำหน้าที่ของมัน ซึ่งนั่นก็เป็นไปตามจุดประสงค์ แต่วันหนึ่ง เธอเจอกับเด็กผู้หญิงที่มีชื่อว่าหัวหอม ไอริสตกหลุมรักเธอทันที หัวหอมดูงามเลิศในเสื้อคลุมสีม่วงของเธอ และเธอก็หอมรัญจวน ดังนั้น ไอริสจึงเชิญหัวหอมมาที่บ้านเธอสำหรับมื้อค่ำ แต่เมื่อเธอเข้ามาและถอดเสื้อนอกออก สิ่งแย่ๆ ก็เกิดขึ้น คุณเห็นไหม เมื่อเสื้อนอกของหัวหอมถูกถอดออกไป ปฏิกิริยาเคมีก็เกิดขึ้น เปลี่ยนซัลฟอกไซด์ที่ทำให้เธอมีกลิ่นหอมๆ ไปเป็นกรดซัลฟีนิค ซึ่งจากนั้นกลายเป็นสารที่น่ารังเกียจ ซึ่งมีชื่อยาวๆ ว่า ซิน-โพรพานีเทียล เอส-ออกไซด์ (syn-Propanethial S-oxide) ก๊าซนั้นทิ่มไอริส และทันใดนั้น เธอก็ยั้งไม่ไหว เธอเริ่มที่จะสะอื้นอย่างไม่อาจควบคุม น้ำตาที่เกิดโดยนอกอำนาจจิตใจนี้ ต่างจากน้ำตาที่หล่ออยู่ตามปกติ ซึ่งไอริสคุ้นเคย เพราะพวกมันถูกออกแบบ ให้ชะล้างสิ่งที่เป็นอันตราย หรืออนุภาคต่างๆ พวกมันถูกขับออกมาในปริมาณที่เยอะกว่ามาก และชั้นน้ำของพวกมันประกอบด้วยแอนติบอดีมากกว่า เพื่อที่จะยับยั้งจุลชีพใดๆ ก็ตามที่อาจพยายามบุกเข้ามา ไอริสและหัวหอมต่างก็เสียใจ พวกเขารู้ว่าไม่สามารถที่จะสานต่อความสัมพันธ์นี้ได้ ถ้าไอริสจะต้องเจ็บและเสียน้ำตา ทุกครั้งที่หัวหอมถอดเสื้อนอกออก ดังนั้น พวกเขาจึงตัดสินใจที่จะแยกทางกัน เมื่อหัวหอมเดินออกจากประตูไป ไอริสก็หยุดร้องไห้ และก็ร้องขึ้นมาอีกในทันที เพียงแต่ว่าตอนนี้ เธอไม่ได้ร้องไห้ ขับน้ำตาโดยนอกอำนาจจิตใจ แต่เป็นน้ำตาที่เกิดจากอารมณ์ เมื่อใครก็ตามเศร้าหรือสุขมากๆ มันรู้สึกเหมือนกับเสียการควบคุม ซึ่งสามารถเป็นอันตรายได้ ดังนั้น น้ำตาจากอารมณ์จะเข้ามา เพื่อปรับสมดุลอารมณ์ ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ พร้อมๆ ไปกับการตอบสนองทางกายภาพอื่นๆ อย่างเช่น เพิ่มอัตราการเต้นของหัวใจ และลดอัตราการหายใจ แต่นักวิทยาศาสตร์ยังคงไม่แน่ใจจริงๆ ว่าทำไม หรือด้วยเหตุใดที่น้ำตานั้นถึงช่วยได้ มันอาจเป็นกลไกทางสังคม ที่จะแสดงความเห็นใจสงสาร หรือการยอมจำนน แต่การศึกษาบางชิ้นยังได้พบว่า น้ำตาจากอารมณ์นั้นมีองค์ประกอบเป็น ฮอร์โมนความเครียดในระดับสูง ดังเช่น ACTH และ เอ็นคีพาห์ลิน (enkephalin) เอ็นโดรฟิน และ ยาแก้ปวดจากธรรมชาติ ในกรณีนี้ น้ำตาจากอารมณ์ ก็ยังได้ทำให้ไอริสใจเย็นลง และยังสื่ออารมณ์ของเธอออกไปให้คนอื่นทราบ น่าเสียใจที่หัวหอมและไอริสไม่ได้ลงเอยกัน แต่ไม่ต้องห่วง ตราบใดที่คุณยังมีน้ำตาทั้งสามชนิด ที่ยังคงความสมดุลและพลานามัยที่ดีให้กับคุณ มันก็จะดีขึ้นเอง เดี๋ยวก็รู้