WEBVTT 00:00:09.003 --> 00:00:11.065 สวัสดีครับทุกท่าน 00:00:11.825 --> 00:00:16.625 เมื่อสองปีที่แล้ว ชีวิตผมได้เปลี่ยนแปลงไปตลอดกาล 00:00:16.625 --> 00:00:19.261 ผมและภรรยา เคลซี 00:00:19.261 --> 00:00:23.033 ได้ให้กำเนิดลูกสาวของเรา ลีล่า ออกมาดูโลก 00:00:23.033 --> 00:00:27.456 การได้เป็นพ่อแม่ เป็นประสบการณ์ที่สุดยอดมาก 00:00:27.456 --> 00:00:30.704 โลกทั้งใบของคุณเปลี่ยนแปลงไปในชั่วข้ามคืน 00:00:30.704 --> 00:00:33.285 ลำดับความสำคัญทั้งหมดในชีวิต เปลี่ยนไปกะทันหัน 00:00:33.285 --> 00:00:39.294 เปลี่ยนเร็วเสียจนบางครั้ง เราทำตามไม่ทัน 00:00:39.294 --> 00:00:43.547 นอกจากนั้น คุณยังต้องเรียนรู้อะไรมากมาย เกี่ยวกับการเลี้ยงเด็ก 00:00:43.547 --> 00:00:46.820 ตัวอย่างเช่น การแต่งตัวให้ลูก 00:00:46.820 --> 00:00:47.954 (เสียงหัวเราะ) 00:00:47.954 --> 00:00:50.091 นี่เป็นเรื่องใหม่สำหรับผม 00:00:50.091 --> 00:00:53.844 นี่เป็นเสื้อผ้าที่ใส่จริงๆ ผมคิดว่า มันเป็นไอเดียที่เข้าท่า 00:00:53.844 --> 00:00:59.558 แม้แต่ลีล่าเองก็ยังรู้ว่า นั่นไม่เข้าท่าเอาเสียเลย (เสียงหัวเราะ) 00:00:59.558 --> 00:01:04.409 มีเรื่องต่างๆ ที่ต้องเรียนรู้ และความวุ่นวายโกลาหลเกิดพร้อมๆ กัน 00:01:04.409 --> 00:01:08.533 ส่วนที่เพิ่มเข้าไปในความโกลาหล ก็คือทั้งเคลซีและผมต่างก็ทำงานที่บ้าน 00:01:08.533 --> 00:01:11.223 เราเป็นผู้ประกอบการ เรามีธุรกิจส่วนตัวของเราเอง 00:01:11.223 --> 00:01:16.992 เคลซีพัฒนาคอร์สออนไลน์ สำหรับครูสอนโยคะ 00:01:16.992 --> 00:01:18.333 ส่วนผมเป็นนักเขียน 00:01:18.333 --> 00:01:20.782 เอาละ ผมทำงานที่บ้าน เคลซีเองก็ทำงานที่บ้าน 00:01:20.782 --> 00:01:23.901 เรามีเด็กทารก และเราก็พยายามทำให้ดีที่สุด 00:01:23.901 --> 00:01:26.725 ให้แน่ใจว่า เราได้ทำสิ่งที่ต้องทำทุกอย่าง 00:01:26.725 --> 00:01:31.107 และชีวิตก็ช่างวุ่นวายเสียเหลือเกิน 00:01:32.357 --> 00:01:36.718 ในเวลาแค่ไม่กี่อาทิตย์ ในประสบการณ์สุดยอดนี้ 00:01:36.718 --> 00:01:40.247 เมื่ออาการอดนอนเริ่มส่งผลให้เห็น 00:01:40.247 --> 00:01:42.299 ประมาณสัปดาห์ที่แปด 00:01:42.299 --> 00:01:45.732 ผมเกิดความคิดขึ้นมา มันเป็นความคิดแบบเดียวกับที่ 00:01:45.732 --> 00:01:49.773 พ่อแม่คนอื่นๆ ทุกช่วงอายุ ทุกชนชาติ 00:01:49.773 --> 00:01:52.467 ทุกคนเคยมีความคิดนี้ ซึ่งก็คือ 00:01:52.467 --> 00:01:58.054 ฉันคงไม่มีเวลาว่างอีกแล้ว ... ตลอดทั้งชาตินี้ 00:01:58.054 --> 00:01:59.183 (เสียงหัวเราะ) 00:01:59.183 --> 00:02:02.403 ใครบางคนเคยบอกว่า มันก็จริง 00:02:02.403 --> 00:02:05.214 มันก็ไม่จริงเสียทีเดียว 00:02:05.214 --> 00:02:09.866 แต่ว่ามันให้ความรู้สึก ในตอนนั้น ว่ามันเป็นอย่างนั้นจริงๆ 00:02:09.866 --> 00:02:12.075 และนั่นทำให้ผมกังวลใจมาก 00:02:12.075 --> 00:02:15.484 เพราะหนึ่งในกิจกรรมที่ผมชอบทำมาก 00:02:15.484 --> 00:02:19.428 มากกว่าอย่างอื่น คือการได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ 00:02:19.428 --> 00:02:22.261 การได้ทุ่มเทลงไปเรียนรู้สิ่งที่เคยสงสัยอยากรู้ 00:02:22.261 --> 00:02:25.164 ได้ลองทำ และเรียนรู้ผ่านการลองผิดลองถูก 00:02:25.164 --> 00:02:28.440 และในท้ายที่สุด ก็กลายเป็นผู้รู้ ผู้เชี่ยวชาญในเรื่องนั้นๆ 00:02:28.440 --> 00:02:32.336 และหากไม่มีเวลาว่างอีกต่อไปแล้ว 00:02:32.336 --> 00:02:36.405 ผมไม่รู้ว่า จะสามารถได้ทำสิ่งต่างๆ เหล่านั้นอีกได้อย่างไร 00:02:36.405 --> 00:02:38.877 เอาละ ผมเป็นพวกบ้าวิชาการอย่างหนัก 00:02:38.877 --> 00:02:42.070 ผมต้องการที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ต้องการเติบโตต่อไปเรื่อยๆ 00:02:42.070 --> 00:02:45.087 ดังนั้น สิ่งที่ผมตัดสินใจที่จะทำก็คือ 00:02:45.087 --> 00:02:47.784 ไปห้องสมุด ไปร้านหนังสือ 00:02:47.784 --> 00:02:49.922 มองหาผลงานวิจัยที่มีเรื่องเกี่ยวกับ 00:02:49.922 --> 00:02:53.523 ทำอย่างไรที่จะเรียนรู้ได้อย่างรวดเร็ว 00:02:53.523 --> 00:02:56.834 ผมได้อ่านหนังสือหลายเล่ม เว็บไซต์หลายแห่ง 00:02:56.834 --> 00:02:59.091 และได้ลองพยายามตอบคำถามที่ว่า 00:02:59.091 --> 00:03:03.040 ต้องใช้เวลานานแค่ไหน กว่าที่จะพัฒนาทักษะใหม่สักอย่างหนึ่ง 00:03:03.040 --> 00:03:05.117 คุณรู้ไหมว่าผมพบอะไร? 00:03:05.117 --> 00:03:09.438 หนึ่งหมื่นชั่วโมงครับ! 00:03:09.438 --> 00:03:11.200 มีใครเคยได้ยินเรื่องนี้บ้างไหม? 00:03:11.200 --> 00:03:14.134 มันต้องใช้เวลา 10,000 ชั่วโมง หากคุณต้องการเรียนรู้อะไรใหม่ๆ บางอย่าง 00:03:14.134 --> 00:03:15.574 ถ้าคุณต้องการที่จะทำให้ได้ผลดี 00:03:15.584 --> 00:03:17.934 มันต้องใช้เวลาถึง 10,000 ชั่วโมงเพื่อไปถึงจุดนั้น 00:03:17.934 --> 00:03:21.455 ผมได้อ่านเรื่องนี้ในหนังสือหลายเล่ม เว็บไซต์หลายแห่ง 00:03:21.455 --> 00:03:28.421 ระหว่างอ่านข้อมูลเหล่านั้น ผมก็คิดอยู่ในใจว่า 00:03:28.421 --> 00:03:30.799 ไม่นะ!! 00:03:30.799 --> 00:03:34.539 ผมไม่มีเวลาหรอก ไม่มีเวลาถึง 10,000 ชั่วโมง 00:03:34.539 --> 00:03:39.088 ผมคงไม่สามารถเรียนรู้อะไรใหม่ๆ 00:03:39.088 --> 00:03:42.421 ได้อีกต่อไปแล้ว (เสียงหัวเราะ) 00:03:42.421 --> 00:03:43.479 แต่ว่านั่นไม่จริงเลย 00:03:43.479 --> 00:03:46.559 เวลา 10,000 ชั่วโมง ลองคิดดูคร่าวๆ นะครับ 00:03:46.559 --> 00:03:52.422 เวลา 10,000 ชั่วโมงคือการทำงานเต็มเวลาตลอด 5 ปี 00:03:52.422 --> 00:03:54.008 นั่นนานมากเลย 00:03:54.008 --> 00:03:56.364 และเราเองต่างก็เคยมีประสบการณ์ เรียนรู้อะไรใหม่ๆ มาบ้าง 00:03:56.364 --> 00:04:00.439 มันไม่ได้ใช้เวลานานยาวนานขนาดนั้น ใช่ไหมครับ? 00:04:00.439 --> 00:04:03.505 แล้วมันเป็นยังไงล่ะ ดูเหมือนมีอะไรทะแม่งๆ อยู่นะ 00:04:03.505 --> 00:04:07.078 ระหว่างสิ่งที่งานวิจัยบอก กับสิ่งที่เราคาดหวัง และเคยประสบมาแล้ว 00:04:07.078 --> 00:04:09.416 มันดูไม่สอดคล้องกันเลย 00:04:09.416 --> 00:04:12.993 และสิ่งที่ผมค้นพบ ปัญหาอยู่ตรงนี้ครับ 00:04:12.993 --> 00:04:19.721 กฎ 10,000 ชั่วโมงนี่มาจากการศึกษา ของการฝึกฝนให้เก่งถึงระดับผู้เชี่ยวชาญ 00:04:19.721 --> 00:04:22.228 มีศาสตราจารย์ท่านหนึ่งในมหาวิทยาลัยแห่งรัฐฟลอริดา 00:04:22.228 --> 00:04:24.226 ท่านชื่อ เค แอนเดอร์ส อีริคสัน (K. Anders Ericsson) 00:04:24.226 --> 00:04:26.725 ท่านเป็นผู้ให้กำเนิด กฎ 10,000 ชั่วโมง 00:04:26.725 --> 00:04:31.261 มันมาจากการที่ท่านได้ศึกษานักกีฬาอาชีพ 00:04:31.261 --> 00:04:35.763 นักดนตรีระดับโลก นักหมากรุกชั้นเซียน 00:04:35.763 --> 00:04:40.775 เหล่าพวกผู้เชี่ยวชาญในสาขาที่ต้องใช้ ทักษะเฉพาะทางอย่างยิ่งยวด 00:04:40.775 --> 00:04:43.751 และเขาพยายามที่จะหาว่า มันต้องใช้เวลานานแค่ไหน 00:04:43.751 --> 00:04:46.811 กว่าที่จะไต่ขึ้นไปอยู่จุดสูงสุดในสาขาเหล่านั้นได้ 00:04:46.811 --> 00:04:49.668 และสิ่งที่เขาพบก็คือ มันเป็นเรื่องของ การฝึกซ้อมอย่างมุ่งมั่น 00:04:49.668 --> 00:04:52.194 เป็นเรื่องของการใช้เวลาของแต่ละคน 00:04:52.194 --> 00:04:55.304 ในการซักซ้อมทักษะต่างๆ ที่จำเป็นในสาขานั้นๆ 00:04:55.304 --> 00:04:57.246 ยิ่งใช้เวลาฝึกซ้อมมากเท่าไหร่ ยิ่งเชี่ยวชาญมากเท่านั้น 00:04:57.246 --> 00:05:00.165 และกลุ่มคนพิเศษ ที่อยู่บนยอดสูงสุดของสาขาเหล่านั้น 00:05:00.165 --> 00:05:05.101 ต่างก็ได้ทุ่มเวลาประมาณ 10,000 ชั่วโมง ไปในการฝึกซ้อม 00:05:05.101 --> 00:05:09.442 เราคงเคยได้ยินเรื่องที่เนื้อหาเปลี่ยนไป จากการเล่าปากต่อปากกันมาแล้ว 00:05:09.442 --> 00:05:11.236 นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้น 00:05:11.236 --> 00:05:13.458 มีนักเขียนท่านหนึ่งชื่อ มาลคอล์ม แกลดเวลล์ 00:05:13.458 --> 00:05:17.901 เขียนหนังสือเล่มหนึ่งในปี 2007 ชื่อ สัมฤทธิ์พิศวง (Outliers) 00:05:17.901 --> 00:05:21.592 และเนื้อหาสำคัญของหนังสือ มีการกล่าวถึงกฎ 10,000 ชั่วโมงนี้ด้วย 00:05:21.592 --> 00:05:25.642 ฝึกซ้อมให้มาก ฝึกซ้อมให้ดี แล้วคุณจะทำได้ดีมากๆ 00:05:25.642 --> 00:05:27.367 คุณจะสามารถก้าวขึ้นไปสู่จุดสุดยอดในสาขาของคุณได้ 00:05:27.367 --> 00:05:29.472 ดังนั้น สาระสำคัญ 00:05:29.472 --> 00:05:32.455 ที่ด็อกเตอร์อีริคสันได้กล่าวไว้ก็คือ 00:05:32.455 --> 00:05:37.425 มันใช้เวลาถึง 10,000 ชั่วโมง ที่จะก้าวไปสู่จุดสูงสุด ในวงการที่มีการแข่งขันสูง 00:05:37.425 --> 00:05:41.857 ในสาขาที่เฉพาะเจาะจงมากๆ นั่นคือความหมายที่แท้จริง 00:05:41.857 --> 00:05:45.294 แต่สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ หลังจากที่หนังสือ สัมฤทธิ์พิศวง ออกตีพิมพ์ 00:05:45.294 --> 00:05:47.449 มันก็ทะยานขึ้นไปติดอันดับหนังสือขายดีในทันที 00:05:47.449 --> 00:05:50.056 แล้วก็ติดอันดับอยู่ยาวนานถึงสามเดือนเต็ม 00:05:50.056 --> 00:05:54.171 ในทันใดนั้นเอง กฎ 10,000 ชั่วโมง ก็เป็นที่แพร่หลายไปทั่ว 00:05:54.171 --> 00:06:00.022 และก็เกิดเหตุการณ์ที่ข้อมูลถูกบิดเบือนปากต่อปาก ในระดับทั้งสังคม 00:06:00.022 --> 00:06:04.955 สาระสำคัญที่ว่า มันใช้เวลา 10,000 ชั่วโมง ที่จะไต่ไปให้ถึงจุดสูงสุดของวงการที่ใช้ทักษะเฉพาะ 00:06:04.955 --> 00:06:09.927 กลายเป็นว่า มันต้องใช้เวลา 10,000 ชั่วโมง เพื่อที่จะเป็นผู้เชี่ยวชาญในอะไรสักอย่าง 00:06:09.927 --> 00:06:11.366 ซึ่งต่อมากลายเป็น 00:06:11.366 --> 00:06:15.667 ว่าต้องใช้ 10,000 ชั่วโมง เพื่อจะทำอะไรบางอย่างได้ดีพอ 00:06:15.667 --> 00:06:17.192 และต่อมาได้เพี้ยนไปเป็น 00:06:17.192 --> 00:06:21.455 ว่าต้องใช้ 10,000 ชั่วโมง เพื่อที่จะเรียนรู้อะไรบางอย่าง 00:06:21.455 --> 00:06:25.337 แต่ประโยคสุดท้ายนี่แหละครับ ต้องใช้เวลา 10,000 ชั่วโมงเพื่อเรียนรู้อะไรบางอย่าง 00:06:25.337 --> 00:06:28.600 มันไม่จริง มันไม่จริงเลย 00:06:28.600 --> 00:06:33.346 แล้วงานวิจัยจริงๆ แล้วบอกว่าอะไร 00:06:33.346 --> 00:06:36.217 ผมใช้เวลาเป็นอย่างมากในห้องสมุดของซีเอสยู 00:06:36.217 --> 00:06:39.523 ในส่วนของจิตวิทยาการเรียนรู้ เพราะผมเป็นพวกบ้าวิชาการ 00:06:39.523 --> 00:06:44.216 เมื่อคุณอ่านผลการศึกษาของการเรียนรู้ทักษะใหม่ๆ 00:06:44.216 --> 00:06:48.039 คุณจะได้เห็นแผนภาพในลักษณะนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า 00:06:48.039 --> 00:06:51.694 นักวิจัย ไม่ว่าจะทางที่เกี่ยวกับทักษะ การเคลื่อนไหวทางกาย 00:06:51.694 --> 00:06:54.328 หรือทักษะทางสมองและความคิด 00:06:54.328 --> 00:06:57.174 พวกเขาต่างก็ชอบที่จะศึกษาทักษะ ที่สามารถจับเวลาได้ 00:06:57.174 --> 00:06:59.185 เพราะพวกเขาสามารถแสดงผลปริมาณเป็นตัวเลขได้ 00:06:59.185 --> 00:07:02.452 พวกเขาจะให้ผู้เข้าร่วมวิจัย ทำงานเล็กๆ ซักอย่างหนึ่ง 00:07:02.452 --> 00:07:04.156 งานที่จำเป็นต้องใช้ทักษะทางร่างกาย 00:07:04.156 --> 00:07:08.925 หรืองานบางอย่างที่ต้องใช้เทคนิคทางการคิด 00:07:08.925 --> 00:07:13.357 และพวกเขาจะจับเวลาว่า ผู้เข้าร่วมใช้เวลานานแค่ไหนในการทำงาน 00:07:13.357 --> 00:07:16.095 และนี่คือสิ่งที่แผนภาพนี้บอกเรา เมื่อเราเริ่ม 00:07:16.095 --> 00:07:20.398 ตอนที่ให้ผู้เข้าร่วมเริ่มทำงาน มันจะใช้เวลานานมาก 00:07:20.398 --> 00:07:23.053 เพราะมันเป็นเรื่องใหม่ และผลที่ได้ก็แย่มาก 00:07:23.053 --> 00:07:26.651 พอได้ฝึกฝนไปซักพัก พวกเขาจะทำได้ดีขึ้น ดีขึ้น และดีขึ้น 00:07:26.651 --> 00:07:30.632 ดังนั้นในช่วงแรกของการฝึกซ้อม จะมีประสิทธิภาพสูงมาก 00:07:30.632 --> 00:07:36.021 ผู้คนจะสามารถทำอะไรบางอย่างได้ดี โดยใช้การฝึกฝนเพียงเล็กน้อยเท่านั้น 00:07:36.021 --> 00:07:39.663 ทีนี้ สิ่งที่น่าสนใจที่ควรจะสังเกตไว้ก็คือ 00:07:39.663 --> 00:07:42.869 สำหรับทักษะที่เราต้องการจะเรียนเพื่อใช้สำหรับตัวเอง 00:07:42.869 --> 00:07:45.736 เราไม่สนใจเรื่องของเวลามากเท่าไหร่นัก ใช่ไหมครับ? 00:07:45.736 --> 00:07:49.283 เราแค่สนใจว่า เราจะทำได้ดีแค่ไหน ไม่ว่าเราจะนิยามคำว่าดีอย่างไรก็ตาม 00:07:49.283 --> 00:07:54.943 ดังนั้นถ้าเราเปลี่ยนตรงนี้จากเวลา ให้เป็นคุณภาพของงาน 00:07:54.943 --> 00:07:59.346 แผนภาพจะเปลี่ยนไป กลายเป็นภาพ ที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันไปทั่ว 00:07:59.346 --> 00:08:01.274 นี่คือเส้นโค้งของการเรียนรู้ 00:08:01.274 --> 00:08:03.852 เรื่องราวเกี่ยวกับเส้นโค้งของการเรียนรู้ก็คือ เมื่อคุณเริ่มต้น 00:08:03.852 --> 00:08:06.567 คุณขาดความสามารถนั้นๆ และคุณก็รู้ตัว ใช่ไหมครับ? 00:08:06.567 --> 00:08:08.635 (เสียงหัวเราะ) 00:08:08.635 --> 00:08:11.997 พอได้ฝึกซ้อมสักหน่อย คุณก็จะเริ่มดีขึ้น ดีขึ้นอย่างรวดเร็ว 00:08:11.997 --> 00:08:15.715 ดังนั้นระดับการปรับปรุงในช่วงแรกๆ จะเป็นไปอย่างรวดเร็วมาก 00:08:15.715 --> 00:08:18.630 และจนถึงจุดหนึ่ง จะเหมือนขึ้นถึงที่ราบยอดเนิน 00:08:18.630 --> 00:08:21.960 และต่อจากนั้น การพัฒนาปรับปรุงก็จะยากมากขึ้น 00:08:21.960 --> 00:08:24.659 จะต้องใช้เวลามากขึ้นมาก 00:08:24.659 --> 00:08:28.620 คำถามก็คือ นั่นเป็นสิ่งที่ผมต้องการ ใช่ไหมครับ 00:08:28.620 --> 00:08:31.605 ต้องใช้เวลานานแค่ไหน ที่จะเริ่มทำอะไรบางอย่าง 00:08:31.605 --> 00:08:35.265 จากคนที่ไม่รู้อะไรเลย ทำไม่เป็นเลย 00:08:35.265 --> 00:08:37.575 ไปจนถึงจุดที่ทำได้ดีพอสมควร 00:08:37.575 --> 00:08:42.328 ในเวลาที่สั้นที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ 00:08:42.328 --> 00:08:44.539 งั้น มันต้องใช้เวลานานแค่ไหนกันละ 00:08:44.539 --> 00:08:49.518 ผลการวิจัยของผมบอกว่า 20 ชั่วโมงครับ 00:08:49.518 --> 00:08:53.163 เท่านั้นเอง คุณสามารถเริ่มเรียนรู้จากศูนย์ 00:08:53.163 --> 00:08:55.739 เพื่อพัฒนาทักษะอะไรก็ได้ที่คุณอยากเรียน 00:08:55.739 --> 00:08:59.175 อยากจะเรียนรู้ภาษาใหม่ หรือว่าอยากเรียนวาดรูป 00:08:59.175 --> 00:09:02.294 หรืออยากหัดโยนเลี่อยยนต์ติดไฟโชว์ 00:09:02.294 --> 00:09:03.320 (เสียงหัวเราะ) 00:09:03.320 --> 00:09:08.532 ถ้าคุณสละเวลา 20 ชั่วโมงให้กับการตั้งใจ ทุ่มเทฝึกฝน ทักษะเหล่านั้น 00:09:08.532 --> 00:09:10.964 คุณจะพบกับความประหลาดใจ 00:09:10.964 --> 00:09:14.135 ประหลาดใจในแง่ที่ว่า คุณทำได้ดีเป็นอย่างมาก 00:09:14.135 --> 00:09:15.645 เวลา 20 ชั่วโมงสามารถจัดสรรได้ 00:09:15.645 --> 00:09:19.956 ใช้เวลาประมาณวันละ 45 นาที ติดต่อกันประมาณหนึ่งเดือน 00:09:19.956 --> 00:09:22.066 ต่อให้ข้ามไปบ้างบางวันด้วยซ้ำ 00:09:22.066 --> 00:09:25.221 ลงทุนเวลา 20 ชั่วโมง ไม่ได้ยากมากนัก 00:09:25.221 --> 00:09:28.100 อย่างไรก็ตาม มันก็มีวิธีการอยู่เหมือนกัน 00:09:28.100 --> 00:09:31.097 ไม่ใช่ว่า คุณแค่ใช้เวลามั่วๆ ไปเรื่อยๆ 20 ชั่วโมง 00:09:31.097 --> 00:09:33.044 แล้วคาดหวังว่าจะมีพัฒนาการได้เป็นอย่างดี 00:09:33.044 --> 00:09:35.713 มันมีหนทางที่จะฝึกฝนอย่างชาญฉลาด 00:09:35.713 --> 00:09:37.997 มีหนทางที่จะฝึกฝนให้มีประสิทธิภาพ 00:09:37.997 --> 00:09:41.051 ซึ่งจะทำให้แน่ใจได้ว่า คุณได้ลงทุนเวลา 20 ชั่วโมงนั้น 00:09:41.051 --> 00:09:43.592 ไปอย่างคุ้มค่าที่สุดเท่าที่จะทำได้ 00:09:43.592 --> 00:09:47.518 วิธีการเป็นอย่างนี้ครับ ใช้ได้กับทุกเรื่อง 00:09:47.518 --> 00:09:51.363 ขั้นแรกคือการแยกส่วนของทักษะนั้นๆ 00:09:51.363 --> 00:09:56.262 ตัดสินใจให้ได้ว่า คุณต้องการจะทำอะไรให้ได้บ้าง 00:09:56.262 --> 00:10:02.072 แล้วก็พิจารณาทักษะนั้น แยกส่วนมันออกเป็นกลุ่มย่อยๆ 00:10:02.072 --> 00:10:06.042 สิ่งต่างๆ ที่เราเรียกรวมๆ กันว่าเป็นทักษะนั้น 00:10:06.042 --> 00:10:10.639 ความจริงแล้วเป็นกลุ่มของกิจกรรมหลายอย่าง ที่แตกต่างกัน 00:10:10.639 --> 00:10:14.211 ยิ่งคุณสามารถแยกส่วนประกอบของทักษะ เหล่านั้นได้มากเท่าไหร่ 00:10:14.211 --> 00:10:16.583 คุณจะยิ่งสามารถตัดสินใจได้ง่ายขึ้น 00:10:16.583 --> 00:10:18.974 ว่าส่วนใหนของทักษะนั้นที่จะช่วยให้คุณ 00:10:18.974 --> 00:10:21.365 ทำสิ่งที่คุณต้องการได้ 00:10:21.365 --> 00:10:23.758 และคุณสามารถฝึกฝนกิจกรรมย่อยๆ นั้นได้ก่อน 00:10:23.758 --> 00:10:25.960 และถ้าคุณฝึกฝนกิจกรรมสำคัญที่สุดก่อนแล้ว 00:10:25.960 --> 00:10:28.731 คุณจะพัฒนาความสามารถในทักษะนั้น 00:10:28.731 --> 00:10:31.502 ได้โดยใช้เวลาน้อยที่สุด 00:10:31.502 --> 00:10:34.273 ข้อที่สองคือ เรียนรู้ให้มากพอที่จะแก้ไขตัวเองได้ 00:10:34.273 --> 00:10:38.467 ให้หาตัวช่วยสามถึงห้าอย่าง ในหัวข้อที่คุณต้องการจะเรียนรู้ 00:10:38.467 --> 00:10:43.719 อาจจะเป็นหนังสือ ดีวีดี อาจจะเป็นคอร์สอบรม หรืออื่นๆ 00:10:43.719 --> 00:10:48.950 แต่อย่าใช้ตัวช่วยเหล่านั้นเป็นข้ออ้าง ผัดผ่อนการลงมือฝึกฝน 00:10:48.950 --> 00:10:50.585 ผมรู้ว่าผมทำอย่างนั้น ใช่มั้ยครับ 00:10:50.585 --> 00:10:52.661 หาหนังสือมา 20 เล่ม เกี่ยวกับหัวข้อนั้น เช่น 00:10:52.661 --> 00:10:55.138 "ผมจะเริ่มเรียนเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ 00:10:55.138 --> 00:10:57.615 เมื่อผมอ่านหนังสือ 20 เล่มนี้จบแล้ว" 00:10:57.615 --> 00:11:00.094 ไม่ใช่หรอกครับ นั่นน่ะ ผลัดวันประกันพรุ่ง 00:11:00.094 --> 00:11:04.141 ที่คุณต้องการก็คือ เรียนรู้แค่ให้มากพอ 00:11:04.141 --> 00:11:05.850 ที่คุณจะสามารถลงมือฝึกฝน 00:11:05.850 --> 00:11:10.914 และสามารถแก้ไขหรือปรับปรุงตัวเองได้ ในระหว่างการฝึก 00:11:10.914 --> 00:11:13.819 การเรียนรู้กลายเป็นวิถีทางที่จะรู้ได้ดีขึ้น 00:11:13.819 --> 00:11:16.724 ในระหว่างการฝึก ว่าคุณผิดพลาดที่ตรงไหน 00:11:16.724 --> 00:11:19.630 แล้วก็จะได้ทำอะไรบางสิ่งบางอย่างให้แตกต่างไปจากเดิม 00:11:19.630 --> 00:11:24.106 ข้อที่สามก็คือ การขจัดอุปสรรคทั้งหลายของการฝึกฝน 00:11:24.106 --> 00:11:26.550 สิ่งยั่วเย้าต่างๆ เช่น ทีวี อินเตอร์เน็ต 00:11:26.550 --> 00:11:29.929 สิ่งทั้งหลาย ที่เข้ามาขวาง 00:11:29.929 --> 00:11:33.308 การนั่งลงทำงานและฝึกฝนของคุณ 00:11:33.308 --> 00:11:36.689 และยิ่งคุณใช้ความตั้งใจสักเล็กน้อย 00:11:36.689 --> 00:11:39.887 ขจัดสิ่งยั่วยวนใจที่มาขัดขวางการฝึกฝนของคุณได้เท่าไหร่ 00:11:39.887 --> 00:11:46.270 คุณยิ่งจะมีโอกาสนั่งลงทำงานฝึกฝน ได้อย่างตั้งใจ ใช่ไหมครับ? 00:11:46.270 --> 00:11:51.473 และข้อที่สี่ก็คือ ฝึกฝนอย่างน้อย 20 ชั่วโมง 00:11:51.473 --> 00:11:54.770 ทักษะโดยส่วนใหญ่แล้วจะมี สิ่งที่ผมเรียกว่า กำแพงแห่งความคับข้องใจ 00:11:54.770 --> 00:11:58.078 มันคือความรู้สึกที่ว่า เรารู้ตัวว่า ไม่มีความสามารถด้านนั้น 00:11:58.078 --> 00:12:02.374 มันทำให้เกิดความคับข้องใจมาก ไม่มีใครอยากรู้สึกว่าตัวเองโง่ 00:12:02.374 --> 00:12:07.314 และความรู้สึกว่าโง่ ก็เป็นกำแพงขวาง ไม่ให้เราลงมือทำงานเพื่อฝึกตัวเอง 00:12:07.314 --> 00:12:11.762 การสร้างพันธะล่วงหน้า ว่าจะใช้เวลาฝึกฝนทักษะที่ต้องการ 00:12:11.762 --> 00:12:14.378 เป็นเวลาอย่างน้อย 20 ชั่วโมง 00:12:14.378 --> 00:12:18.918 จะทำให้คุณสามารถก้าวข้าม กำแพงแห่งความคับข้องใจนี้ไปได้ 00:12:18.918 --> 00:12:23.029 และทำให้ยึดติดอยู่กับการฝึกฝน นานพอที่จะเก็บเกี่ยวผลรางวัลนั้นได้ 00:12:23.029 --> 00:12:25.368 แค่นั้นเองครับ ไม่มีอะไรลึกลับซับซ้อนเลย 00:12:25.368 --> 00:12:30.479 เพียงแค่สี่ขั้นตอนง่ายๆ ที่คุณสามารถใช้ในการเรียนรู้อะไรก็ได้ 00:12:31.466 --> 00:12:35.302 เอาล่ะ มันก็พูดง่ายนะครับ ในทางทฤษฎี 00:12:35.302 --> 00:12:37.703 แต่ถ้าพูดเรื่องการฝึกฝนละก็ จะสนุกกว่ามาก 00:12:37.703 --> 00:12:41.964 หนึ่งในหลายอย่างที่ผมอยากเรียนรู้มานานแล้ว 00:12:41.964 --> 00:12:44.163 คือการเล่นอูคูเลเล่ 00:12:44.163 --> 00:12:47.787 มีใครเคยดู TEDTalk ของ เจค ชิมาบูโคโร (Jake Shimabukuro) ไหมครับ 00:12:47.787 --> 00:12:50.901 ที่เขาเล่นอูคูเลเล่ ที่พอเราฟังแล้ว 00:12:50.901 --> 00:12:52.260 เขาเหมือนเป็นเทพเจ้าอูคูเลเล่เลย 00:12:52.260 --> 00:12:54.026 น่าทึ่งมาก 00:12:54.026 --> 00:12:57.206 ตอนที่ผมได้ดู ผมร้องว่า "นี่มันเจ๋งมาก!" 00:12:57.206 --> 00:13:01.373 เป็นเครื่องดนตรีที่ประณีตมาก ผมอยากหัดเล่นบ้าง 00:13:01.373 --> 00:13:03.960 ดังนั้น ผมตัดสินใจที่จะทดสอบทฤษฎีนี้ 00:13:03.960 --> 00:13:07.636 ผมต้องการที่จะลงทุน 20 ชั่วโมงในการฝึกซ้อมอูคูเลเล่ 00:13:07.636 --> 00:13:09.819 แล้วดูว่า จะไปได้แค่ไหนกัน 00:13:09.819 --> 00:13:13.635 สิ่งแรกที่ต้องทำเกี่ยวกับการเล่นอูคูเลเล่ก็คือ 00:13:13.635 --> 00:13:17.701 ก่อนที่จะฝึกซ้อมได้ เราต้องมีอูคูเลเล่ตัวหนึ่งก่อน ใช่ไหมครับ? 00:13:17.701 --> 00:13:21.791 ดังนั้นผมก็มีอูคูเลเล่ตัวหนึ่ง แล้วผู้ช่วยที่น่ารักของผมล่ะ? 00:13:21.791 --> 00:13:24.526 (เสียงหัวเราะ) 00:13:24.526 --> 00:13:29.973 ขอบคุณครับ ผมคิดว่าผมต้องใช้สายที่นี่นะ 00:13:31.580 --> 00:13:35.569 มันไม่เพียงเป็นอูคูเลเล่นะ มันเป็นอูคูเลเล่ไฟฟ้า (เสียงหัวเราะ) 00:13:35.569 --> 00:13:37.204 ใช่แล้วครับ 00:13:40.635 --> 00:13:45.195 ในช่วงสองสามชั่วโมงแรก ก็เหมือนกับช่วงแรกของทุกอย่างนั่นแหละ 00:13:45.195 --> 00:13:48.554 คุณต้องมีเครื่องไม้เครื่องมือ ที่จะใช้ในการฝึกซ้อมเสียก่อน 00:13:48.554 --> 00:13:50.616 ทำให้แน่ใจว่า เครื่องมือต่างๆ พร้อมใช้งาน 00:13:50.616 --> 00:13:52.582 อูคูเลเล่ของผมตอนมาไม่ได้ขึ้นสายมาด้วย 00:13:52.582 --> 00:13:54.548 ผมต้องหาวิธีขึ้นสายให้มัน 00:13:54.548 --> 00:13:56.515 นั่นเป็นเรื่องสำคัญ ใช่ไหมครับ 00:13:56.515 --> 00:13:58.468 แล้วก็เรียนวิธีตั้งสาย เรียนวิธีเทียบเสียง 00:13:58.468 --> 00:14:00.321 ให้แน่ใจว่า ได้ทำทุกอย่างที่จำเป็นต้องทำ 00:14:00.321 --> 00:14:04.515 เพื่อให้สามารถเริ่มต้นฝึกซ้อมได้ 00:14:04.515 --> 00:14:11.187 สิ่งหนึ่งที่ผมทำ เมื่อผมพร้อมที่จะเริ่มฝึกเล่นแล้วก็คือ 00:14:11.187 --> 00:14:15.996 ผมลองค้นฐานข้อมูลหนังสือเพลงออนไลน์ ดูว่าจะเล่นเพลงอย่างไร 00:14:15.996 --> 00:14:19.088 และมันก็บอกว่า อูคูเลเล่สามารถเล่นพร้อมๆ กัน หลายสายได้ 00:14:19.088 --> 00:14:20.969 นั่นคือเล่นเป็นคอร์ด นั่นเยี่ยมไปเลย 00:14:20.969 --> 00:14:24.242 คุณเล่นประสานคู่ไปกับตัวคุณเอง ใช่คุณเองนั่นแหละ (เสียงหัวเราะ) 00:14:24.242 --> 00:14:28.356 และเมื่อผมเริ่มมองหาเพลงที่จะเล่น 00:14:28.356 --> 00:14:32.471 ผมมีคู่มือคอร์ดอูคูเลเล่ ที่มีคอร์ดมากมายเป็นร้อยคอร์ด 00:14:32.471 --> 00:14:35.534 ดูพวกนั้นแล้วก็ "โห... น่ากลัวจัง" 00:14:35.534 --> 00:14:37.859 แต่พอคุณได้ดูเพลงต่างๆ จริงๆ แล้ว 00:14:37.859 --> 00:14:42.710 คุณจะพบคอร์ดเดิมๆ ซ้ำๆ กัน ใช่มั้ยครับ 00:14:42.710 --> 00:14:46.299 มันกลายเป็นว่า การเล่นอูคูเลเล่ก็เหมือนกับ การทำอะไรอีกหลายๆ อย่าง 00:14:46.299 --> 00:14:49.552 มันมีเรื่องที่สำคัญจริงๆ อยู่แค่ไม่กี่อย่างเท่านั้น 00:14:49.552 --> 00:14:52.422 และเทคนิคเหล่านั้นคุณจะได้ใช้มันตลอดเวลา 00:14:52.422 --> 00:14:58.420 ในเพลงเกือบทั้งหมด คุณจะใช้แค่เพียง สี่ หรือ ไม่ก็ห้าคอร์ดเท่านั้น 00:14:58.420 --> 00:15:00.229 แค่นั้นเอง แค่นั้นก็เป็นเพลงได้แล้ว 00:15:00.229 --> 00:15:04.993 คุณไม่ต้องรู้จักคอร์ดเป็นร้อย ขอแค่รู้สี่หรือห้าก็เพียงพอแล้ว 00:15:04.993 --> 00:15:06.813 ในขณะที่ผมทำการค้นคว้าอยู่นั้น 00:15:06.813 --> 00:15:11.264 ผมได้พบเพลงเมดเล่ย์ ที่รวมเพลงป็อป หลายๆ เพลงไว้ด้วยกัน 00:15:11.264 --> 00:15:16.178 โดยวงชื่อ แอกซิส ออฟ ออซั่ม (Axis of Awesome) (เสียงเป่าปาก) 00:15:16.178 --> 00:15:19.199 บางคนก็รู้จักวงนี้นะครับ 00:15:19.199 --> 00:15:23.418 วงแอกซิส ออฟ ออซั่ม บอกไว้ว่า คุณสามารถเรียน 00:15:23.418 --> 00:15:27.017 หรือเล่นเพลงป็อปเพลงไหนก็ได้ ในช่วงห้าสิบปีที่ผ่านมา 00:15:27.017 --> 00:15:28.685 เพียงแค่คุณรู้คอร์ดสี่คอร์ด 00:15:28.685 --> 00:15:33.062 คอร์ดเหล่านั้นคือ จี ดี อีไมเนอร์ และซี 00:15:33.062 --> 00:15:37.931 แค่สี่คอร์ดนี้ก็เล่นเพลงป็อปได้ทุกเพลงแล้ว ใช่ไหมครับ 00:15:37.931 --> 00:15:39.401 ผมก็คิดว่า มันเยี่ยมมาก 00:15:39.401 --> 00:15:42.584 ผมอยากจะเล่นเพลงป็อปได้ทุกเพลงเหมือนกัน (เสียงหัวเราะ) 00:15:42.584 --> 00:15:45.627 ดังนั้น มันเลยเป็นเพลงแรกที่ผมตัดสินใจที่จะเรียน 00:15:45.627 --> 00:15:49.445 และผมอยากเล่นให้คุณฟัง พร้อมหรือยังครับ? 00:15:49.445 --> 00:15:51.423 (เสียงปรบมือ) เอาละ 00:15:51.423 --> 00:15:54.733 (เสียงดนตรี) 00:16:03.600 --> 00:16:06.104 (เสียงร้อง) ♫ เป็นแค่เด็กหญิงจากเมืองเล็กๆ ♫ 00:16:06.104 --> 00:16:08.878 ♫ อาศัยอยู่ในโลกอันเปล่าเปลี่ยว ♫ 00:16:08.878 --> 00:16:14.652 ♫ เธอขึ้นรถไฟเที่ยวดึก ท่องเที่ยวไป ... ♫ 00:16:14.652 --> 00:16:18.209 ♫ ได้ข่าวว่าคุณลงหลักปักฐานแล้ว ♫ (เสียงหัวเราะ) 00:16:18.209 --> 00:16:21.672 ♫ ว่าคุณเจอหญิงในฝัน ♫ 00:16:21.672 --> 00:16:25.013 ♫ ว่าคุณแต่งงานแล้ว ♫ 00:16:25.013 --> 00:16:27.323 ♫ ทุกค่ำคืน ในฝันของฉัน ♫ (เสียงหัวเราะ) 00:16:27.323 --> 00:16:30.496 ♫ ฉันเห็นคุณ ฉันรู้สึกถึงคุณ ♫ 00:16:30.496 --> 00:16:36.253 ♫ ฉันจึงรู้ว่ายังมีคุณด้วยต่อไป ♫ (เสียงหัวเราะ) 00:16:36.253 --> 00:16:42.227 ♫ ฉันจะไม่ลังเลอีกต่อไป ผมรอไม่ได้แล้ว ผมเป็นของคุณ ♫ 00:16:42.227 --> 00:16:47.600 ♫ เพราะคุณนั้นน่าทึ่งเหลือเกิน และเราก็ได้ทำสิ่งน่าทึ่งร่วมกัน ♫ 00:16:47.600 --> 00:16:52.682 ♫ ถ้าฉันทำได้ ฉันก็จะทำ ฉันจะไปทุกที่ที่เธอไป ♫ 00:16:52.682 --> 00:16:58.244 ♫ เธอรู้สึกถึงความรักในค่ำคืนนี้ไหม ♫ (เสียงหัวเราะ) 00:16:58.244 --> 00:17:03.400 ♫ มีเธอฉันก็อยู่ไม่ได้ ไม่มีเธอฉันก็ขาดใจ ♫ 00:17:03.400 --> 00:17:05.190 ♫ เมื่อฉันตกอยู่ ♫ 00:17:05.190 --> 00:17:07.489 ♫ เมื่อฉันตกอยู่ในความยากลำบาก พระแม่มารี ก็ปรากฏกาย ♫ 00:17:07.489 --> 00:17:11.865 ♫ บางครั้งฉันรู้สึกไร้เหมือนไร้คู่ ไม่มีเธอ ก็ไม่ต้องร้องไห้ ♫ 00:17:11.865 --> 00:17:13.503 ♫ แม่จ๋า นี่มันฝันไปชัดๆ ♫ 00:17:13.503 --> 00:17:15.836 ♫ ฉันมาจากดินแดนซีกโลกใต้ ♫ (เสียงหัวเราะ) 00:17:15.836 --> 00:17:18.863 ♫ กาลครั้งหนึ่ง มีนักเดินทางผู้ร่าเริง ตั้งแคมป์อยู่ใกล้แอ่งน้ำ ♫ 00:17:18.863 --> 00:17:22.252 ♫ เฮ้ ฉันเพิ่งพบคุณ นี่มันอาจฟังดูแปลก ♫ (เสียงหัวเราะ) 00:17:22.252 --> 00:17:26.413 ♫ แต่เอาเบอร์ฉันไป แล้วโทรมาบ้างนะ ♫ 00:17:26.413 --> 00:17:30.190 ♫ เฮ้ เซ็กซี เลดี้ อบ อบ อบ อบ อบ ปะ กังนัมไสตล์ ♫ (เสียงหัวเราะ) 00:17:30.190 --> 00:17:35.932 ♫ ถึงเวลาต้องลาจาก ♫ 00:17:35.932 --> 00:17:45.790 ♫ ถึงเวลาต้องจบแล้ว ทุกการเริ่มต้น ล้วนมาจากจุดจบก่อนหน้า ♫ 00:17:45.790 --> 00:17:49.861 (เสียงดนตรีและเสียงร้องจบลง) (เสียงปรบมือ) 00:17:56.911 --> 00:18:01.199 ขอบคุณครับ ขอบคุณ 00:18:03.013 --> 00:18:06.856 ผมรักเพลงนั้นนะครับ (เสียงหัวเราะ) 00:18:07.395 --> 00:18:10.499 และผมมีความลับจะบอกกับคุณ 00:18:10.499 --> 00:18:14.471 โดยการเล่นเพลงนี้ให้คุณฟัง 00:18:14.471 --> 00:18:19.221 ผมเพิ่งจะทำเวลาครบ 20 ชั่วโมง ในการฝึกเล่นอูคูเลเล่ครับ 00:18:19.221 --> 00:18:23.209 (เสียงปรบมือ) ขอบคุณครับ 00:18:24.933 --> 00:18:28.974 มันเป็นเรื่องวิเศษมากครับ แทบจะทุกสิ่งทุกอย่าง ที่คุณสามารถคิดได้ 00:18:28.974 --> 00:18:30.752 คุณอยากจะลองทำอะไรดีล่ะ 00:18:30.752 --> 00:18:35.317 อุปสรรคสำคัญของการเรียนรู้อะไรใหม่ๆ ไม่ใช่ความฉลาด 00:18:35.317 --> 00:18:40.998 ไม่ใช่เรื่องขั้นตอนที่เรียนรู้เทคนิค หรือวิธีการ ในการทำสิ่งต่างๆ 00:18:40.998 --> 00:18:44.753 อุปสรรคสำคัญเป็นเรื่องเกี่ยวกับอารมณ์ เรากลัวครับ 00:18:44.753 --> 00:18:47.140 ความรู้สึกว่าตัวเองโง่ เป็นความรู้สึกที่แย่มาก 00:18:47.014 --> 00:18:49.275 ในช่วงแรกเริ่มของการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ 00:18:49.275 --> 00:18:51.537 คุณจะรู้สึกว่าตัวเองโง่มากๆ 00:18:51.537 --> 00:18:55.633 ดังนั้นอุปสรรคสำคัญไม่ใช่เรื่องความฉลาด เป็นเรื่องอารมณ์ 00:18:55.633 --> 00:18:58.971 แต่การลงทุน 20 ชั่วโมงสำหรับอะไรก็ตาม 00:18:58.971 --> 00:19:01.377 มันไม่ใช่เรื่องใหญ่เลย คุณอยากเรียนอะไรล่ะครับ? 00:19:01.377 --> 00:19:04.848 คุณอยากจะเรียนภาษาใหม่หรือเปล่า หรือว่าอยากจะเรียนทำอาหาร? 00:19:04.848 --> 00:19:07.114 อยากจะเรียนวาดภาพ? 00:19:07.114 --> 00:19:10.860 อะไรที่ทำให้คุณตื่นเต้นสนใจ? อะไรทำให้คุณกระตือรือล้น? 00:19:10.860 --> 00:19:14.747 ลองออกไปแล้วก็ทำสิ่งเหล่านั้นสิครับ มันใช้แค่ 20 ชั่วโมงเท่านั้นเอง 00:19:14.747 --> 00:19:16.093 ขอให้สนุกนะครับ 00:19:16.093 --> 00:19:19.060 (เสียงปรบมือ)