WEBVTT 00:00:17.883 --> 00:00:19.783 ในช่วงศตวรรษที่ 11 และ ศตวรรษที่ 12 00:00:19.783 --> 00:00:22.055 ชาวอังกฤษส่วนมากไม่รู้หนังสือ 00:00:22.055 --> 00:00:24.077 ทำให้พวกเขาไม่มีหนทาง ในการเข้าถึงพระคัมภีร์ไบเบิล 00:00:24.077 --> 00:00:26.547 นักบวชจึงคิดค้นวิธีแก้ปัญหาดังกล่าว 00:00:26.547 --> 00:00:29.127 ด้วยการเล่นละครเพื่อแสดงเรื่องราว ในคัมภีร์ไบเบิล 00:00:29.127 --> 00:00:31.879 เพื่อให้ผู้คนที่อ่านหนังสือไม่ออก สามารถรับรู้เรื่องราวเหล่านี้ได้ 00:00:31.879 --> 00:00:33.271 ละครในยุคแรกนี้เรียกกันว่า ละครศาสนา (ละครปริศนา) 00:00:33.271 --> 00:00:35.939 เพราะมันช่วยเปิดเผยให้คนรู้จัก ความลึกล้ำของพระวาจาของพระเจ้า 00:00:35.939 --> 00:00:37.186 ในขณะเดียวกัน 00:00:37.186 --> 00:00:38.970 นักบวชก็พัฒนาการเล่นละครนี้ 00:00:38.970 --> 00:00:40.244 ให้เกี่ยวกับนักบุญท่านต่างๆในศาสนา 00:00:40.244 --> 00:00:41.904 กลายเป็นละครที่เรียกว่า ละครปาฏิหารย์ 00:00:41.904 --> 00:00:42.859 ในตอนแรก 00:00:42.859 --> 00:00:44.610 นักบวชก็ร่วมกันแสดงเรื่องจากพระคัมภีร์ไบเบิล 00:00:44.610 --> 00:00:47.029 บนขั้นบันได บริเวณหน้าโบสถ์ 00:00:47.029 --> 00:00:48.906 แต่ผู้ชมให้การต้อนรับดีมาก 00:00:48.906 --> 00:00:51.026 จนพวกเขาต้องย้ายออกไปแสดงกลางถนน 00:00:51.026 --> 00:00:52.573 รอบๆลานกลางเมือง 00:00:52.573 --> 00:00:55.099 ด้วยการสร้างรถเลื่อนได้ สำหรับเป็นฉากของละครแต่ละเรื่อง 00:00:55.099 --> 00:00:56.816 และด้วยการเรียงรถลากเหล่านี้ต่อๆกัน 00:00:56.816 --> 00:00:58.828 พวกเขาก็สามารถเล่นเรื่องต่างๆ ด้วยการวนรถเวียนออกไป 00:00:58.828 --> 00:00:59.997 และสามารถพาผู้ชม 00:00:59.997 --> 00:01:00.695 ให้ได้ดูเรื่องราวตั้งแต่บทแรก คือบทปฐมกาล (Genesis) 00:01:00.695 --> 00:01:02.039 ไปจนถึงบทสุดท้ายคือ คัมภีร์วิวรณ์ (Revelation) 00:01:02.039 --> 00:01:03.915 รถลากเหล่านี้ ที่เรียกว่า รถละครเร่ 00:01:03.915 --> 00:01:06.545 มีลักษณะคล้ายกล่องสี่เหลี่ยมติดล้อ 00:01:06.545 --> 00:01:08.379 แต่ละคันแบ่งออกเป็นสองชั้น 00:01:08.379 --> 00:01:09.922 ส่วนตอนล่างถูกบังด้วยผ้าม่าน 00:01:09.922 --> 00:01:12.925 และใช้สำหรับการเปลี่ยนเครื่องแต่งกาย และเก็บอุปกรณ์ 00:01:12.925 --> 00:01:16.086 ชั้นบนที่ยกสูงเป็นส่วนที่เป็นเวทีที่ใช้แสดง 00:01:16.086 --> 00:01:19.095 ผู้ชมมารวมตัวกันตามจุดต่างๆในเมือง 00:01:19.095 --> 00:01:20.911 แล้วรถละครเร่เหล่านี้ก็จะขยับไปเรื่อยๆ วนเป็นวงกลม 00:01:20.911 --> 00:01:24.144 จนกระทั่งชาวบ้านได้ดูเรื่องครบทุกตอน 00:01:24.144 --> 00:01:25.939 ไม่นานนักคณะละครก็ต้องการนักแสดง เพิ่มมากขึ้น 00:01:25.939 --> 00:01:27.648 ซึ่งมากเกินกว่าที่บุคคลากรทางศาสนาจะช่วยได้ 00:01:27.648 --> 00:01:29.191 ดังนั้น ในศตวรรษที่ 13 00:01:29.191 --> 00:01:31.241 สมาคมอาชีพต่างๆ ก็ถูกขอให้ช่วยรับผิดชอบ 00:01:31.241 --> 00:01:33.862 ในการแสดงเนื้อเรื่องส่วนต่างๆ ของเรื่องราวทั้งหมด 00:01:33.862 --> 00:01:35.447 การแบ่งเนื้อเรื่องส่วนต่างๆ ก็ตั้งใจจะให้สะท้อนกับ 00:01:35.447 --> 00:01:37.366 ลักษณะอาชีพของแต่ละสมาคม 00:01:37.366 --> 00:01:39.651 ยกตัวอย่างเช่น กลุ่มช่างไม้ อาจจะเป็นคนจัดการแสดง 00:01:39.651 --> 00:01:41.245 เรื่อง เรือของโนอาห์ 00:01:41.245 --> 00:01:44.167 และ กลุ่มช่างทำขนมปัง อาจจะเป็นคนจัดแสดง เรื่อง อาหารมื้อสุดท้าย 00:01:44.167 --> 00:01:46.458 คุณนึกภาพออกไหมว่าจะเป็นอย่างไร 00:01:46.458 --> 00:01:49.964 ถ้ากลุ่มพ่อค้าเนื้อเป็นคนจัดการแสดง เรื่องการตรึงกางเขนพระเยซูคริสต์ 00:01:49.964 --> 00:01:51.297 ใช่แล้ว เมื่อไม่มีบุคคลากรทางศาสนามาเกี่ยวข้อง 00:01:51.297 --> 00:01:53.122 เนื้อหาของละครก็ค่อยๆเปลี่ยนแปลงไป 00:01:53.122 --> 00:01:55.217 จากเรื่องดั้งเดิมตามพระคัมภีร์ไบเบิล 00:01:55.217 --> 00:01:58.099 พอถึงช่วงปลายศตวรรษที่ 14 ก็เกิดลักษณะของละครแบบใหม่ขึ้น 00:01:58.099 --> 00:02:00.622 ชื่อว่า ละครคุณธรรม 00:02:00.622 --> 00:02:01.060 ความเชื่อ 00:02:01.060 --> 00:02:01.518 ความจริง 00:02:01.518 --> 00:02:02.030 การช่วยเหลือผู้อื่น 00:02:02.030 --> 00:02:02.980 และการกระทำดี 00:02:02.980 --> 00:02:05.194 กลายเป็นคัวละครที่มาแสดงอยู่บนเวที 00:02:05.194 --> 00:02:07.483 ในขณะเดียวกัน ลักษณะที่ตรงกันข้ามเช่น 00:02:07.483 --> 00:02:08.274 ความผิด 00:02:08.274 --> 00:02:09.110 ความขลาดกลัว 00:02:09.110 --> 00:02:10.070 เรื่องโลกีย์ 00:02:10.070 --> 00:02:10.954 และซาตาน 00:02:10.954 --> 00:02:12.951 ก็กลายเป็นตัวร้ายเช่นกัน 00:02:12.951 --> 00:02:15.451 ละครคุณธรรมเหล่านี้ก็เป็นเรื่องที่แฝงคติธรรม 00:02:15.451 --> 00:02:18.743 ซึ่งตัวละครที่เป็นนามธรรมเหล่านี้ ต่อสู้กันเพื่อยึดครองจิตวิญญานของเรา 00:02:18.743 --> 00:02:21.249 ผู้ชมชื่นขอบตัวละครที่ไร้คุณธรรม 00:02:21.249 --> 00:02:23.097 และผู้ชมยังได้รับการสนับสนุน 00:02:23.097 --> 00:02:24.998 ให้โต้ตอบกับนักแสดง 00:02:24.998 --> 00:02:26.461 เช่น การโยนผลไม้เน่า 00:02:26.461 --> 00:02:29.132 หรือแม้แต่การถกเถียงกับผู้ชมคนอื่นๆ 00:02:29.132 --> 00:02:30.672 กลายเป็นเรื่องปกติธรรมดาในการชมละคร 00:02:30.672 --> 00:02:32.376 โดยเฉพาะอย่างยิ่งตัวละครซาตาน 00:02:32.376 --> 00:02:33.801 มักจะเดินเข้าไปในกลุ่มผู้ชม 00:02:33.801 --> 00:02:35.671 และดึงเอาคนที่กำลังไม่ได้ระวังตัว 00:02:35.671 --> 00:02:38.943 เข้ามาอยู่ในฉากนรก ซึ่งจำลอง เป็นปากของมังกร 00:02:38.943 --> 00:02:41.302 ละครที่เคยเป็นกระบวนการเล่าเรื่องราวในพระคัมภีร์ไบเบิลที่ศักดิ์สิทธ์ ได้วิวัฒนาการกลายเป็น 00:02:41.302 --> 00:02:43.969 เรื่องหยาบโลน และเรื่องขำขัน 00:02:43.969 --> 00:02:47.014 จากละครที่กลุ่มศาสนาอยากจะใช้สอนศีลธรรม 00:02:47.014 --> 00:02:49.590 แต่เป็นเรื่องตลกร้ายที่สุดท้ายแล้ว ละครคุณธรรม 00:02:49.590 --> 00:02:54.104 ก็กลับกลายเป็นละครที่ได้รับความนิยม จากเนื้อหาที่ไม่ได้สื่อถึงคุณธรรม 00:02:54.104 --> 00:02:55.707 พอถึงช่วงกลางศตวรรษที่ 15 00:02:55.707 --> 00:02:58.287 โบสถ์ก็แบนการจัดการแสดงละครประเภทนี้ 00:02:58.287 --> 00:03:00.284 เทศบาลเมืองออกข้อกำหนดให้โรงละคร 00:03:00.284 --> 00:03:02.613 ต้องถูกสร้างขึ้นนอกเขตกำแพงเมือง 00:03:02.613 --> 00:03:03.874 และหนึ่งในโรงละครแห่งแรกๆ 00:03:03.874 --> 00:03:06.359 ก็ถูกสร้างขึ้นในรูปของแท่นที่ใช้ในงานฉลอง 00:03:06.359 --> 00:03:08.074 มีที่นั่งที่ลดหลั่นกัน 00:03:08.074 --> 00:03:11.128 ซึ่งล้อมรอบบริเวณที่เป็นพื้นหญ้าเล็กๆที่อยู่หน้าเวที 00:03:11.128 --> 00:03:12.341 ฟังดูคุ้นๆไหม? 00:03:12.341 --> 00:03:13.568 ตอนที่เขายังเด็ก วิลเลียม เชคสเปียร์ (William Shakespeare) 00:03:13.568 --> 00:03:16.205 ก็ฝึกฝนฝีมือของเขาที่โรงละครแห่งนี้ 00:03:16.205 --> 00:03:18.565 โรงละครซึ่งในตอนท้ายถูกตั้งชื่อใหม่ว่า เดอะโกลบ (The Globe) 00:03:18.565 --> 00:03:21.566 สิ่งที่พัฒนาจากละครเรื่องศีลธรรมในยุคกลาง ก็คือบทละครยุคฟื้นฟูศิลปวัฒนธรรมที่โด่งดัง 00:03:21.566 --> 00:03:23.456 ละครซึ่งได้แรงบันดาลใจมาจากแรงผลักดันภายในจิตใจ 00:03:23.456 --> 00:03:25.237 และจิตสำนึกของมนุษย์ 00:03:25.237 --> 00:03:27.657 และนี่แหละคือบทสรุปต้นกำเนิดของการละคร 00:03:27.657 --> 00:03:30.207 ในฐานะที่เป็นศิลปะ และวรรณกรรม