WEBVTT 00:00:01.235 --> 00:00:04.714 ทุกๆสิ่งที่ผมทำนั้น ทั้งในชีวิตส่วนตัวและหน้าที่การงาน 00:00:04.714 --> 00:00:08.699 ชีวิตทั้งชีวิตของผม เป็นผลพวงมาจากประสบการณ์ 00:00:08.699 --> 00:00:14.523 ที่ผมได้เรียนรู้จากการทำงานในทวีปแอฟริกาในวัยหนุ่ม 00:00:14.523 --> 00:00:18.044 ตั้งแต่เมื่อปี ค.ศ. 1971 ถึง 1977 (พ.ศ. 2514 ถึง 2520) 00:00:18.044 --> 00:00:21.924 ซึ่งตอนนี้ผมอาจดูหนุ่ม แต่ที่จริงผมอายุมากแล้วนะ (เสียงหัวเราะ) 00:00:21.924 --> 00:00:26.857 ผมเคยทำงานในประเทศแซมเบีย, เคนยา, ไอวอรีโคสต์, แอลจีเรีย และโซมาเลีย 00:00:26.857 --> 00:00:31.074 ในโครงการความร่วมมือด้านเทคโนโลยีกับประเทศในแอฟริกา NOTE Paragraph 00:00:31.074 --> 00:00:34.192 โดยตัวผมนั้นสังกัดอยู่กับเอ็นจีโอจากประเทศอิตาลี 00:00:34.192 --> 00:00:40.342 และโครงการทุกๆโครงการที่เราได้จัดตั้งขึ้นนั้น 00:00:40.342 --> 00:00:43.786 ล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง 00:00:43.786 --> 00:00:47.930 และนั่นทำให้ผมรู้สึกแย่มาก 00:00:47.930 --> 00:00:52.178 ความคิดของผมซึ่งอายุ 21 ในขณะนั้น ผมคิดว่า คนอิตาเลี่ยนเป็นคนดี 00:00:52.178 --> 00:00:55.560 และพวกเรากำลังทำสิ่งดีๆให้กับทวีปแอฟริกา 00:00:55.560 --> 00:01:02.573 แต่ในความเป็นจริง ทุกอย่างที่เราเข้าไปยุ่งนั้นกลับแย่ลงๆ NOTE Paragraph 00:01:02.573 --> 00:01:07.676 โครงการแรกของเรา ซึ่งเป็นโครงการที่ผลักดันให้ผมเขียนหนังสือเล่มแรกที่มีชื่อว่า 00:01:07.676 --> 00:01:10.564 "Ripples from the Zambezi" (ระลอกคลื่นจากแม่น้ำแซมบีซี) นั้น 00:01:10.564 --> 00:01:13.129 เป็นโครงการที่ชาวอิตาเลี่ยนตั้งขึ้นเพื่อที่จะ 00:01:13.129 --> 00:01:19.050 สอนการปลูกพืชผักอาหารให้กับชาวแซมเบียน 00:01:19.050 --> 00:01:23.399 เรานำเมล็ดพืชจากอิตาลี เดินทางไปยังหุบเขาแห่งหนึ่ง 00:01:23.399 --> 00:01:26.879 ที่ตั้งอยู่แนวแม่น้ำแซมเบซี 00:01:26.879 --> 00:01:30.132 ทางตอนใต้ของแซมเบีย 00:01:30.132 --> 00:01:33.760 แล้วเราก็ลงมือสอนชนท้องถิ่นให้ปลูกมะเขือเทศจากอิตาลี 00:01:33.760 --> 00:01:36.551 ปลูกแตงกวาจากอิตาลี และ... (พืชผักอื่นๆจากอิตาลี) 00:01:36.551 --> 00:01:38.746 และแน่นอนว่าชนท้องถิ่นไม่สนใจในโครงการของเราเลย 00:01:38.746 --> 00:01:41.661 ดังนั้นเราจึงต้องให้เงินเพื่อจ้างให้พวกเขามาปลูกพืช 00:01:41.661 --> 00:01:45.796 ถ้าเราโชคดี พวกเขาก็จะโผล่หน้ามาบ้างเป็นครั้งคราว (เสียงหัวเราะ) 00:01:45.796 --> 00:01:48.523 ที่นั่นสร้างความประหลาดใจให้กับพวกเราอย่างมาก เพราะคนท้องถิ่น 00:01:48.523 --> 00:01:51.610 ในหุบเขาที่แสนจะอุดมสมบูรณ์อย่างนี้ กลับไม่ทำการเกษตรเลย 00:01:51.610 --> 00:01:54.818 แต่แทนที่จะเอ่ยปากถามพวกเขาถึงเหตุผลที่ไม่ปลูกพืชผักอะไรเลย 00:01:54.818 --> 00:01:58.840 พวกเรากลับพูดว่า "ขอบคุณพระเจ้าที่ส่งพวกเรามาที่แห่งนี้" (เสียงหัวเราะ) 00:01:58.840 --> 00:02:03.508 "ได้ทันเวลาที่จะช่วยเหลือชาวแซมเบียนจากความอดอยากนี้" NOTE Paragraph 00:02:03.508 --> 00:02:06.968 และแน่นอนว่าการเกษตรในแอฟริกานั้นให้ผลที่น่าพอใจมาก 00:02:06.968 --> 00:02:09.626 เราปลูกได้มะเขือเทศชั้นยอดจำนวนมาก ซึ่งในอิตาลีนั้น มะเขือเทศจะมีขนาด 00:02:09.626 --> 00:02:13.235 ขนาดประมาณนี้ แต่มะเขือที่เราปลูกในแซมเบียนั้น มีขนาดเท่านี้เลยทีเดียว 00:02:13.235 --> 00:02:16.056 เราดีใจกับผลที่ได้มาก และเราก็บอกชาวแซมเบียนเหล่านั้น 00:02:16.056 --> 00:02:18.528 ว่า "ดูสิ การเกษตรมันไม่ได้ยากเย็นตรงไหนเลย" 00:02:18.528 --> 00:02:21.539 จนกระทั่งถึงวันที่มะเขือเทศเหล่านั้นเติบโตจนสุกงอมได้ที่ 00:02:21.539 --> 00:02:24.967 เพียงชั่วข้ามคืน ฝูงฮิปโปกว่า 200 ตัวก็ได้บุกขึ้นมาจากแม่น้ำ 00:02:24.967 --> 00:02:28.970 แล้วจัดการกินทุกอย่างที่เราปลูกจนราบ (เสียงหัวเราะ) NOTE Paragraph 00:02:28.970 --> 00:02:33.554 เรากรีดร้องว่า "พระเจ้า! นั่นมันฮิปโปนี่!" NOTE Paragraph 00:02:33.554 --> 00:02:39.235 แล้วชาวแซมเบียนเหล่านั้นก็ตอบว่า "ใช่ และนั่นคือเหตุผลที่พวกเราไม่ทำการเกษตรที่นี่" (เสียงหัวเราะ) NOTE Paragraph 00:02:39.235 --> 00:02:45.487 "แล้วทำไมพวกคุณไม่บอกเรา?" "ก็พวกคุณไม่เคยถามนี่" NOTE Paragraph 00:02:45.487 --> 00:02:50.575 แล้วผมก็คิดว่ามีแต่พวกเราชาวอิตาเลียน ที่ทำโครงการผิดพลาดอย่างนี้ในแอฟริกา 00:02:50.575 --> 00:02:53.319 จนกระทั่งผมได้ไปเห็นโครงการของชาวอเมริกัน 00:02:53.319 --> 00:02:56.055 โครงการของชาวอังกฤษ ของชาวฝรั่งเศส 00:02:56.055 --> 00:02:58.648 และหลังจากได้เห็นในสิ่งที่พวกเขาทำแล้ว 00:02:58.648 --> 00:03:02.007 ผมก็เกิดความภาคภูมิใจขึ้นมาในโครงการของเราที่แซมเบีย 00:03:02.007 --> 00:03:06.996 เพราะอย่างน้อยเราก็ได้เลี้ยงฝูงฮิปโปฝูงนั้น NOTE Paragraph 00:03:06.996 --> 00:03:11.243 ผมอยากให้คุณได้ไปเห็นกองขยะ... (เสียงปรบมือ) 00:03:11.243 --> 00:03:13.737 ผมอยากให้คุณได้ไปเห็นกองขยะอันไร้ค่า ที่พวกเรานำไปกอง 00:03:13.737 --> 00:03:15.537 ทิ้งไว้ให้กับชาวแอฟริกันที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่เหล่านั้น 00:03:15.537 --> 00:03:17.113 ถ้าคุณต้องการอ่านหนังสือเกี่ยวกับเรื่องแบบนี้ 00:03:17.113 --> 00:03:22.044 ลองอ่าน "Dead Aid" (การช่วยเหลือที่ไร้ค่า) เขียนโดยนักเศรษฐศาสตร์หญิง 00:03:22.044 --> 00:03:25.051 ชาวแซมเบียนที่ชื่อ แดมบีซา โมโย (Dambisa Moyo) 00:03:25.051 --> 00:03:27.421 หนังสือเล่มนี้ถูกตีพิมพ์เมื่อปี 2009 (พ.ศ. 2552) 00:03:27.421 --> 00:03:31.995 พวกเราประเทศตะวันตก ได้บริจาคเงินให้กับทวีปแอฟริกา 00:03:31.995 --> 00:03:36.988 ในช่วง 50 ปีที่ผ่านมา เป็นจำนวนถึง 2 ล้านล้านเหรียญ 00:03:36.988 --> 00:03:40.813 แต่ผมจะไม่บอกคุณว่าเงินจำนวนนั้น ได้สร้างความเสียหายขนาดไหนแก่แอฟริกา 00:03:40.813 --> 00:03:43.001 ผมขอให้คุณไปหาหนังสือเล่มนี้มาอ่านเองก็แล้วกัน 00:03:43.001 --> 00:03:51.364 ไปอ่านสิ่งที่ผู้หญิงชาวแอฟริกันคนหนึ่งเขียน เกี่ยวกับความเสียหายที่พวกเราได้ก่อไว้กับพวกเขา NOTE Paragraph 00:03:51.364 --> 00:03:57.331 พวกเราชาวตะวันตกนั้น เป็นพวกจักรวรรดินิยม เป็นพวกล่าอาณานิคม เป็นพวกเผยแพร่ศาสนา 00:03:57.331 --> 00:04:00.645 และเรารู้จักวิธีสร้างสัมพันธ์กับผู้อื่นเพียงแค่สองวิธีเท่านั้น 00:04:00.645 --> 00:04:05.034 นั่นคือเราใช้ระบบอุปถัมป์ หรือไม่เราก็ใช้ระบบพ่อปกครองลูก 00:04:05.034 --> 00:04:08.138 ซึ่งชื่อของระบบทั้งสองนี้ มีรากศัพท์มาจากภาษาละติน "pater" 00:04:08.138 --> 00:04:10.368 คำนี้มีความหมายแปลว่า "พ่อ" 00:04:10.368 --> 00:04:14.221 แต่ว่าทั้งสองระบบนี้แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง 00:04:14.221 --> 00:04:17.582 ระบบพ่อปกครองลูก - ฉันปฏิบัติกับผู้คนต่างวัฒนธรรม 00:04:17.582 --> 00:04:23.385 เสมือนกับว่าพวกเขาเป็นลูกของฉัน "พ่อรักลูกมาก" 00:04:23.385 --> 00:04:27.892 ส่วนระบบอุปถัมป์นั้น - ฉันปฏิบัติกับทุกๆคนที่มีวัฒนธรรมต่างไปจากฉัน 00:04:27.892 --> 00:04:30.290 เสมือนกับว่าพวกเขาเหล่านั้นเป็นลูกน้อง เป็นทาสรับใช้ 00:04:30.290 --> 00:04:36.361 และนั่นคือเหตุผลที่คนขาวในแอฟริกาถูกเรียกว่า "bwana" ซึ่งหมายความว่า "เจ้านาย" NOTE Paragraph 00:04:36.361 --> 00:04:39.944 ผมรู้สึกเหมือนถูกตบหน้าหลังจากที่ได้อ่านหนังสือที่ชื่อ 00:04:39.944 --> 00:04:44.911 "Small is Beautiful" (เล็กนั้นงาม) เขียนโดย อี เอฟ ชูมาเกอร์ (E.F. Schumacher) ซึ่งได้กล่าวไว้ว่า 00:04:44.911 --> 00:04:47.869 สิ่งสำคัญที่สุดในการพัฒนาทางเศรษฐกิจใดๆก็ตาม 00:04:47.869 --> 00:04:52.424 หากผู้คนไม่ต้องการความช่วยเหลือ ก็จงอย่าไปยุ่งกับเขาเลย 00:04:52.424 --> 00:04:55.251 ซึ่งนี่ควรจะเป็นหลักสำคัญข้อแรกในการให้ความช่วยเหลือ กับใครก็ตาม 00:04:55.251 --> 00:04:58.937 หลักการข้อแรกของการช่วยเหลือ คือ การเคารพอีกฝ่าย 00:04:58.937 --> 00:05:01.465 เมื่อเช้านี้ สุภาพบุรุษผู้เปิดการสัมมนา 00:05:01.465 --> 00:05:05.266 ได้ตั้งคำถามขึ้นมาว่า 00:05:05.266 --> 00:05:09.524 "พวกคุณนึกภาพของเมือง หรือประเทศ 00:05:09.524 --> 00:05:13.446 ที่ไม่ถูกกดดันทางเศรษฐกิจและการเมือง จากมหาอำนาจออกไหม?" NOTE Paragraph 00:05:13.446 --> 00:05:17.599 ผมได้ตัดสินใจตั้งแต่ตอนอายุ 27 แล้วว่า 00:05:17.599 --> 00:05:21.806 ผมจะตอบสนองต่อผู้คนก็ต่อเมื่อพวกเขาร้องขอ 00:05:21.806 --> 00:05:26.230 และผมก็ได้คิดค้นระบบที่เรียกว่า "การส่งเสริมพัฒนาการของผู้ประกอบการ/บริษัท" (Enterprise Facilitation) 00:05:26.230 --> 00:05:29.605 ซึ่งคุณจะไม่เป็นผู้ริเริ่มความคิดใดๆ 00:05:29.605 --> 00:05:33.827 คุณจะไม่พยายามกระตุ้นให้พวกเขาคำตามคุณ แต่ในทางกลับกันคุณทำตัวเป็นผู้ช่วย 00:05:33.827 --> 00:05:37.388 ที่ตอบสนองต่อความต้องการของท้องถิ่นนั้นๆ เป็นผู้ช่วยให้กับชนท้องถิ่น 00:05:37.388 --> 00:05:41.786 ที่มีความฝันว่าพวกเขาจะสามารถพัฒนาเป็นคนที่ดียิ่งขึ้น 00:05:41.786 --> 00:05:46.195 แล้วสิ่งที่คุณทำก็คือ หุบปาก 00:05:46.195 --> 00:05:49.907 คุณไม่เดินเข้าไปในชุมชนด้วยความคิดบรรเจิดต่างๆนานา 00:05:49.907 --> 00:05:54.346 แต่ให้คุณเข้าไปนั่ง ไปใช้ชีวิตร่วมกับคนท้องถิ่นเหล่านั้น 00:05:54.346 --> 00:05:56.538 เราไม่นั่งทำงานและวางแผนภายในห้องในออฟฟิศ 00:05:56.538 --> 00:06:00.504 เรานัดประชุมกันตามคาเฟ่ เราพบปะกันตามผับ 00:06:00.504 --> 00:06:03.819 เราไม่มีโครงสร้างหรือรูปแบบใดๆทั้งสิ้น 00:06:03.819 --> 00:06:07.146 และสิ่งที่เราทำ? เราเปลี่ยนสถานะไปเป็นเพื่อนกับผู้คนเหล่านั้น 00:06:07.146 --> 00:06:11.906 แล้วเราก็เรียนรู้ว่าอะไรคือสิ่งที่เพื่อนของเราต้องการ NOTE Paragraph 00:06:11.906 --> 00:06:13.764 สิ่งที่สำคัญที่สุดคือไฟ คือความปรารถนา 00:06:13.764 --> 00:06:16.004 คุณสามารถเสนอความคิด ไอเดียของคุณให้ใครก็ได้ 00:06:16.004 --> 00:06:17.626 แต่ถ้าหากคนผู้นั้นไม่ได้คิดจะสานต่อแนวคิดของคุณล่ะ? 00:06:17.626 --> 00:06:21.307 คุณจะทำอย่างไร? 00:06:21.307 --> 00:06:25.853 ความปรารถนา ของผู้หญิงคนหนึ่ง ที่ต้องการจะเติบโตก้าวหน้านั้น 00:06:25.853 --> 00:06:27.579 เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดต่างหาก 00:06:27.579 --> 00:06:32.136 ความปรารถนา ของผู้ชายอีกคนหนึ่ง ต่อความสำเร็จของตัวเขาเอง 00:06:32.136 --> 00:06:33.801 ต่างหากที่สำคัญที่สุด 00:06:33.801 --> 00:06:36.888 แล้วเราก็ช่วยนำพาคนเหล่านั้นไปสู่ภูมิความรู้ 00:06:36.888 --> 00:06:42.357 เพราะว่าไม่มีใครในโลกหรอก ที่จะสามารถประสบความเร็จได้ด้วยตัวคนเดียว 00:06:42.357 --> 00:06:45.076 คนคนหนึ่งที่มีแนวคิดดีๆ อาจจะขาดความรู้สำคัญที่จะใช้สานต่อแนวคิดนั้นๆก็ได้ 00:06:45.076 --> 00:06:47.214 แต่ความรู้เหล่านั้น นั้นมีอยู่และรอการถูกนำไปใช้ NOTE Paragraph 00:06:47.214 --> 00:06:51.073 ดังนั้นเมื่อหลายปีก่อน ผมได้เกิดความคิดที่ว่า 00:06:51.073 --> 00:06:55.239 ทำไมเราไม่ลองดูสักครั้ง? ว่าเวลาที่เราจะเดินเข้าไปสู่ชุมชน 00:06:55.239 --> 00:06:59.942 แทนที่จะไปบอกให้พวกเขาทำสิ่งต่างๆนั้น ขอให้ลองดูสักครั้ง 00:06:59.942 --> 00:07:04.767 ที่จะเข้าไปฟังสิ่งที่พวกเขาต้องการบอก แต่ไม่ใช่ในรูปแบบของการประชุมระดับชุมชนหรือหมู่บ้าน NOTE Paragraph 00:07:04.767 --> 00:07:09.681 ขอให้ผมได้บอกความลับให้คุณฟัง 00:07:09.681 --> 00:07:14.026 การะประชุมระดับชุมชนนั้นมีปัญหาใหญ่อยู่ข้อหนึ่ง 00:07:14.026 --> 00:07:17.732 เหล่าผู้ประกอบการนั้นไม่เคยโผล่หน้ามาหรอก 00:07:17.732 --> 00:07:20.904 และต่อให้มา พวกเขาก็จะไม่บอกพวกคุณในที่สาธารณะหรอก 00:07:20.904 --> 00:07:24.520 ว่าพวกเขาวางแผนที่จะลงทุนกันอย่างไร 00:07:24.520 --> 00:07:28.349 หรือพวกเขาเล็งเห็นโอกาสอะไรบ้างในชุมชนนั้นๆ 00:07:28.349 --> 00:07:33.273 ดังนั้นการประชุมวางแผนรูปแบบนี้มีช่องโหว่ 00:07:33.273 --> 00:07:37.564 มีคนฉลาดในชุมชนของคุณจำนวนมาก แต่คุณไม่เคยรู้ 00:07:37.564 --> 00:07:45.404 เพราะพวกเขาไม่เข้าร่วมการประชุมใดๆที่พวกคุณจัดขึ้นเลย NOTE Paragraph 00:07:45.404 --> 00:07:49.364 สิ่งที่เราทำ เราทำงานร่วมกับพวกเขาแบบหนึ่งต่อหนึ่ง 00:07:49.364 --> 00:07:51.077 และในการที่จะร่วมงานกันแบบตัวต่อตัวได้นั้น คุณจะต้องสร้าง 00:07:51.077 --> 00:07:53.752 โครงสร้างทางสังคมแบบใหม่ขึ้นมา 00:07:53.752 --> 00:07:56.324 คุณจะต้องสร้างอาชีพใหม่ขึ้นมา 00:07:56.324 --> 00:08:01.828 ซึ่งอาชีพใหม่นี้จะทำหน้าที่เหมือนกับแพทย์ประจำองค์กร 00:08:01.828 --> 00:08:05.399 เป็นแพทย์ประจำภาคธุรกิจ ซึ่งนั่งคุยกับคุณ 00:08:05.399 --> 00:08:08.524 ไม่ว่าจะเป็นที่บ้าน ในครัว หรือแม้แต่ในคาเฟ่ 00:08:08.524 --> 00:08:12.562 และช่วยเหลือคุณในการหาทรัพยากรต่างๆ ที่จะช่วยเปลี่ยนความปรารถนาของคุณ 00:08:12.562 --> 00:08:14.955 ให้เป็นหนทางในการหาเลี้ยงชีพ NOTE Paragraph 00:08:14.955 --> 00:08:20.276 ผมได้เริ่มทดลองระบบนี้ในเมืองเอสเปรานซ์ ทางตะวันตกของทวีปออสเตรเลีย 00:08:20.276 --> 00:08:22.528 ขณะนั้นผมซึ่งศึกษาอยู่ในระดับปริญญาเอก 00:08:22.528 --> 00:08:26.851 พยายามที่จะหลีกหนีจากความไร้สาระของระบบอุปถัมป์ 00:08:26.851 --> 00:08:30.663 ซึ่งเราบุกเข้าไปในชุมชนของคุณ และสั่งคุณว่าจะต้องทำอะไร 00:08:30.663 --> 00:08:35.243 ดังนั้นสิ่งที่ผมทำที่เอสเปรานซ์ในช่วงปีแรก 00:08:35.243 --> 00:08:39.869 ก็คือการลงไปเดินตามถนน และเพียงแค่สามวันหลังจากที่ผมเริ่มทำเช่นนั้น 00:08:39.869 --> 00:08:42.763 ผมก็ได้ลูกค้า (ผู้รับความช่วยเหลือ) รายแรก ที่ผมได้ลงมือช่วยเหลือ 00:08:42.763 --> 00:08:47.308 เขาเป็นชาวเมารี ที่มีอาชีพผลิตปลารมควันจากในโรงจอดรถ 00:08:47.308 --> 00:08:50.613 ผมได้ช่วยเขาหาช่องทางในการส่งปลารมควันของเขา ให้กับร้านอาหารในเมืองเพิร์ธ 00:08:50.613 --> 00:08:53.743 ช่วยให้เขาวางระบบการทำงานให้ดีขึ้น หลังจากนั้นมีชาวประมงกลุ่มหนึ่ง มาหาผมแล้วกล่าวว่า 00:08:53.743 --> 00:08:56.729 "คุณคือคนที่ช่วยชายเมารีคนนั้นใช่ไหม? ถ้าอย่างนั้น คุณมาช่วยพวกเราหน่อยได้ไหม?" 00:08:56.729 --> 00:08:59.893 แล้วผมก็ลงไปช่วยชาวประมงห้าคนนี้ ให้ทำงานร่วมกัน 00:08:59.893 --> 00:09:04.029 และนำปลาทูน่าที่พวกเขาจับได้ไปขาย ซึ่งเราไม่ได้ขายให้กับโรงงานทูน่ากระป๋องในอัลแบนี 00:09:04.029 --> 00:09:07.862 ที่ให้ราคาเพียง 60 เซนต์ต่อกิโล แต่เราพบช่องทาง 00:09:07.862 --> 00:09:13.213 ที่จะส่งออกทูน่าเหล่านั้นไปยังญี่ปุ่น ซึ่งให้ราคา ถึง 15 เหรียญต่อกิโลเลยทีเดียว 00:09:13.213 --> 00:09:14.735 หลังจากนั้นก็มีชาวนามาหาผมแล้วถามแบบเดียวกันอีก 00:09:14.735 --> 00:09:17.024 "คุณช่วยพวกเขาสำเร็จ คุณมาช่วยเราหน่อยได้ไหม?" 00:09:17.024 --> 00:09:19.950 ภายในปีเดียว ผมมีโครงการถึง 27 โครงการด้วยกัน 00:09:19.950 --> 00:09:22.102 แล้วรัฐบาลก็ส่งคนมาหาผม เพื่อที่จะถามว่า 00:09:22.102 --> 00:09:24.489 "คุณทำมันได้อย่างไร? 00:09:24.489 --> 00:09:27.815 แล้วผมก็ตอบว่า "ผมทำสิ่งที่ยาก ยาก ยากมากๆ" 00:09:27.815 --> 00:09:33.468 "ผมหุบปาก แล้วก็ฟังพวกเขาพูด" (เสียงหัวเราะ) NOTE Paragraph 00:09:33.468 --> 00:09:41.690 ซึ่ง... (เสียงปรบมือ) 00:09:41.690 --> 00:09:46.295 ซึ่งเจ้าหน้าที่รัฐก็ได้บอกผมว่า "คุณทำมันอีกสิ" (เสียงหัวเราะ) 00:09:46.295 --> 00:09:49.453 เราได้ใช้วิธีดังกล่าวในกว่า 300 ชุมชนทั่วโลก 00:09:49.453 --> 00:09:52.988 เราได้ช่วยสร้างธุรกิจกว่า 40,000 เจ้า 00:09:52.988 --> 00:09:54.660 ขณะนี้มีผู้ประกอบการรุ่นใหม่ 00:09:54.660 --> 00:09:57.189 ที่ไม่มีโอกาสเติบโต เพราะถูกมองข้ามไป NOTE Paragraph 00:09:57.189 --> 00:10:03.348 Peter Drucker, ที่ปรึกษาเรื่องการจัดการที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ท่านหนึ่งในประวัตืศาสตร์ 00:10:03.348 --> 00:10:07.900 ได้เสียชีวิตเมื่อไม่กี่ปีก่อนหน้านี้ไปด้วยวัย 96 ปี 00:10:07.900 --> 00:10:09.680 Peter Drucker เคยเป็นศาสตราจารย์วิชาปรัชญา 00:10:09.680 --> 00:10:11.644 ก่อนที่จะมีบทบาทสำคัญในด้านธุรกิจ 00:10:11.644 --> 00:10:14.521 และนี่คือสิ่งที่ท่านเคยกล่าวไว้ 00:10:14.521 --> 00:10:20.185 "การวางแผนนั้น ที่แท้จริงแล้วเข้ากันไม่ได้เลย 00:10:20.185 --> 00:10:24.434 กับสังคมและเศรษฐกิจแบบผู้ประกอบการ" 00:10:24.434 --> 00:10:30.677 การวางแผน เปรียบเสมือนจูบแห่งความตาย สำหรับผู้ประกอบการ NOTE Paragraph 00:10:30.677 --> 00:10:33.372 และตอนนี้พวกคุณก็กำลังบูรณะเมืองไครสต์เชิร์ช (จากแผ่นดินไหว ในปี พ.ศ. 2554) 00:10:33.372 --> 00:10:36.853 โดยที่คุณไม่ได้เรียนรู้เลยว่าเหล่าผู้คนที่ฉลาด และมีความสามารถในไครสต์เชิร์ชนั้น 00:10:36.853 --> 00:10:41.511 ต้องการที่จะลงทุนและลงแรงอย่างไรบ้าง ในการฟื้นฟูเมืองของพวกเขาเลย 00:10:41.511 --> 00:10:44.709 คุณจะต้องเรียนรู้วิธีที่จะทำให้คนเหล่านี้ 00:10:44.709 --> 00:10:47.706 ออกมาแสดงความคิดเห็นและพูดคุยกับคุณ 00:10:47.706 --> 00:10:52.534 คุณจะต้องให้ความมั่นใจในเรื่องความเป็นส่วนตัว และการรักษาความลับในข้อมูลหลายๆประเภท 00:10:52.534 --> 00:10:56.318 คุณต้องแสดงให้พวกเขาเห็นถึงความพยายาม ในการช่วยเหลือของพวกคุณ 00:10:56.318 --> 00:11:00.312 แล้วพวกเขาจะออกมาหาคุณ และจะออกมาเป็นกองทัพเลยด้วย 00:11:00.312 --> 00:11:03.207 ในชุมชนที่มีประชากร 10,000 คน เรามีลูกค้า 200 ราย 00:11:03.207 --> 00:11:05.779 คุณจินตนาการออกไหมว่าในชุมชนขนาด 400,000 คน 00:11:05.779 --> 00:11:08.021 คุณจะพบกับผู้ประกอบการ ที่มีแนวคิดและมีไฟจำนวนมากขนาดไหน? 00:11:08.021 --> 00:11:11.552 การนำเสนอแบบไหนที่พวกคุณปรบมือชื่นชมดังสนั่นที่สุด ในการสัมมนาวันนี้ 00:11:11.552 --> 00:11:17.512 คนธรรมดาๆ ที่มีไฟ มีความปรารถนาที่จะพัฒนาขึ้นไป คนเหล่านั้นแหล่ะคือคนที่คุณชื่นชม NOTE Paragraph 00:11:17.512 --> 00:11:22.783 สิ่งที่ผมอยากจะพูดก็คือ 00:11:22.783 --> 00:11:25.250 การมีความเป็นผู้ประกอบการนั้นเป็นสิ่งที่จำเป็น 00:11:25.250 --> 00:11:28.396 เรามาถึงช่วงท้ายของการปฏิวัติอุตสาหกรรมเก่า 00:11:28.396 --> 00:11:31.709 การใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล การผลิตต่างๆนานา 00:11:31.709 --> 00:11:36.166 แล้วเราก็เพิ่งจะรู้ตัวว่า ระบบที่เราใช้กันมานานนั้นไม่มีความยั่งยืน 00:11:36.166 --> 00:11:38.813 เครื่องยนต์สันดาปภายใน ที่เราใช้กันอยู่นั้นไม่ยั่งยืน 00:11:38.813 --> 00:11:42.134 การใช้สารจำพวกฟรีออน (Freon) ของเรานั้นก่อให้เกิดความไม่ยั่งยืน 00:11:42.134 --> 00:11:45.222 สิ่งที่เราต้องให้ความสนใจในขณะนี้ คือ วิธีการที่เราจะทำอย่างไรเพื่อให้ 00:11:45.222 --> 00:11:51.240 การใช้ชีวิตในแต่ละวัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอาหาร เวชภัณฑ์ การศึกษา การขนส่ง การสื่อสาร ฯลฯ 00:11:51.240 --> 00:11:54.791 สำหรับผู้คนจำนวนเจ็ดล้านล้านคนบนโลกนั้น เป็นไปอย่างยั่งยืน 00:11:54.791 --> 00:11:58.685 ขณะนี้เราไม่มีเทคโนโลยีที่จะทำเช่นนั้นได้ 00:11:58.685 --> 00:12:02.053 ใครที่จะเป็นผู้คิดค้นเทคโนโลยีใหม่ๆ 00:12:02.053 --> 00:12:08.551 สำหรับการปฏิวัติเขียว? มหาวิทยาลัยหรือ? ลืมมันไปได้เลย! 00:12:08.551 --> 00:12:11.444 รัฐบาลหรือ? อย่าคาดหวังเลย! 00:12:11.444 --> 00:12:16.698 ผู้คิดค้นใหม่ๆก็มาจากผู้ประกอบการทั้งหลายนั่นเอง และพวกเขาก็กำลังดำเนินการทางความคิดใหม่ๆกันแล้ว NOTE Paragraph 00:12:16.698 --> 00:12:19.593 ผมได้อ่านเรื่องราวดีๆเรื่องหนึ่งจากนิตยาสาร Futurist 00:12:19.593 --> 00:12:21.266 เมื่อหลายปีมาแล้ว 00:12:21.266 --> 00:12:23.486 มีผู้ชำนาญการกลุ่มหนึ่ง ได้รับคำเชิญ 00:12:23.486 --> 00:12:28.114 ให้ไปร่วมสนทนาเกี่ยวกับอนาคตของนครนิวยอร์ก ในปี ค.ศ. 1860 (พ.ศ. 2403) 00:12:28.114 --> 00:12:30.604 และพวกเขาได้มารวมตัวกัน 00:12:30.604 --> 00:12:33.551 แล้วก็เริ่มคาดการณ์ถึงอนาคตที่จะเกิดขึ้น 00:12:33.551 --> 00:12:35.405 กับนิวยอร์กในอีก 100 ปีข้างหน้า 00:12:35.405 --> 00:12:36.881 บทสรุปที่ได้นั้นเป็นเอกฉันท์ 00:12:36.881 --> 00:12:40.822 นครนิวยอร์กนั้นจะไม่มีอยู่อีกแล้วในอีก 100 ปีข้างหน้า 00:12:40.822 --> 00:12:43.083 ทำไมน่ะหรือ? พวกเขาดูข้อมูลกราฟประชากรแล้วกล่าวว่า 00:12:43.083 --> 00:12:46.049 ถ้าประชากรยังคงเพิ่มขึ้นด้วยอัตราเช่นนี้แล้วล่ะก็ 00:12:46.049 --> 00:12:50.185 ในการที่ประชาชนจะคมนาคม เดินทางไปมานั้น 00:12:50.185 --> 00:12:53.050 พวกเขาจะต้องใช้ม้าถึง 6 ล้านตัว 00:12:53.050 --> 00:12:56.405 และมันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะจัดการกับ 00:12:56.405 --> 00:12:58.784 ปริมาณมูลสัตว์ที่เกิดจากม้าจำนวน 6 ล้านตัวนั่นเอง 00:12:58.784 --> 00:13:04.414 พวกเขาคงต้องจมกองอุจจาระม้าตายอย่างแน่นอน (เสียงหัวเราะ) 00:13:04.414 --> 00:13:09.463 ดังนั้น ในปี 1860 นั่นเอง พวกเขาก็ได้มองเห็นข้อเสีย ของเทคโนโลยีที่มีอยู่ 00:13:09.463 --> 00:13:14.281 ที่จะส่งผลต่อคุณภาพชีวิตของชาวนิวยอร์กในระยะยาว NOTE Paragraph 00:13:14.281 --> 00:13:19.410 แล้วเกิดอะไรขึ้นต่อ? ภายใน 40 ปีหลังจากนั้น ซึ่งก็คือปี ค.ศ. 1900 (พ.ศ. 2443) 00:13:19.410 --> 00:13:24.013 ในสหรัฐอเมริกา มีบริษัทผลิตรถยนต์ 00:13:24.013 --> 00:13:30.393 รวมกันถึง 1001 รายด้วยกัน 00:13:30.393 --> 00:13:33.999 แนวความคิดที่จะมองหา หรือคิดค้นเทคโนโลยีใหม่ๆนั้น 00:13:33.999 --> 00:13:36.361 ได้ถูกผู้ประกอบการนำไปสานต่ออย่างจริงจัง 00:13:36.361 --> 00:13:41.277 รวมไปถึงเจ้าของโรงงานเล็กๆในเมืองเดียร์บอน รัฐมิชิแกน 00:13:41.277 --> 00:13:46.909 เฮนรี่ ฟอร์ด NOTE Paragraph 00:13:46.909 --> 00:13:51.280 อย่างไรก็ตาม ผมมีเคล็ดลับในการร่วมงาน กับผู้ประกอบการจะมาบอก 00:13:51.280 --> 00:13:54.674 เริ่มแรกนั้น คุณจะต้องให้ความมั่นใจเรื่อง การเก็บความลับกับพวกเขา 00:13:54.674 --> 00:13:57.012 ไม่เช่นนั้น พวกเขาก็จะไม่แสดงตัวออกมาพูดคุยกับคุณ 00:13:57.012 --> 00:14:01.322 จากนั้นคุณก็ต้องแสดงให้เห็นถึงความตั้งใจอันแรงกล้า 00:14:01.322 --> 00:14:04.774 และความปรารถนาที่จะช่วยเหลืออย่างจริงใจของคุณ 00:14:04.774 --> 00:14:08.421 หลังจากนั้นคุณจะต้องบอกพวกเขาเกี่ยวกับความจริง ของการเป็นผู้ประกอบการ 00:14:08.421 --> 00:14:11.192 ไม่ว่าจะเป็นบริษัทเล็ก หรือบริษัทยักษ์ใหญ่ก็ตาม 00:14:11.192 --> 00:14:14.582 จะต้องมีความสามารถในการปฏิบัติ 3 สิ่งนี้อย่างไม่มีที่ติ 00:14:14.582 --> 00:14:18.833 หนึ่ง ผลิตภัณฑ์หรือสินค้าของคุณจะต้องมีคุณภาพดีเยี่ยม 00:14:18.833 --> 00:14:22.657 สอง คุณจะต้องมีการตลาดที่มีประสิทธิภาพ 00:14:22.657 --> 00:14:26.026 และสาม คุณจะต้องมีการจัดการด้านการเงินที่รัดกุมและ ได้รับการปฏิบัติอย่างเคร่งครัด 00:14:26.026 --> 00:14:28.614 แล้วคุณเชื่อไหม? 00:14:28.614 --> 00:14:31.028 เราไม่สามารถหามนุษย์คนใดคนหนึ่งในโลกนี้ 00:14:31.028 --> 00:14:36.675 ที่มีความสามารถในการผลิต ในการตลาด อีกทั้งยังสามารถดูแลการเงินได้หมดภายในคนคนเดียว 00:14:36.675 --> 00:14:39.506 คนคนนั้นไม่มีอยู่จริง 00:14:39.506 --> 00:14:42.256 หรือต่อให้มี เขาคนนั้นก็คงยังไม่เกิด 00:14:42.256 --> 00:14:44.748 เราได้ทำการวิจัย และเราก็ได้สำรวจ 00:14:44.748 --> 00:14:48.699 องค์กรชั้นนำของโลกเป็นจำนวน 100 แห่ง 00:14:48.699 --> 00:14:53.280 ไม่ว่าจะเป็นคาร์เนกี, เวสติงเฮาส์, เอดิสัน, ฟอร์ด 00:14:53.280 --> 00:14:55.883 หรือแม้แต่องค์กรชั้นนำยุคใหม่อย่างกูเกิ้ล หรือยาฮู 00:14:55.883 --> 00:14:58.559 มีอยู่ปัจจัยเดียวที่องค์กรที่ประสบความสำเร็จทั้งหลายเหล่านี้ 00:14:58.559 --> 00:15:02.047 ทุกองค์กรมีเหมือนกัน ร่วมกันเพียงแค่ปัจจัยเดียว 00:15:02.047 --> 00:15:06.582 นั่นก็คือ พวกมันไม่ได้ถูกสร้างมาด้วยคนคนเดียว 00:15:06.582 --> 00:15:11.084 เราได้สอนเรื่องความเป็นผู้ประกอบการให้กับเด็กอายุ 16 ปี (เทียบเท่ามัธยม 4) 00:15:11.084 --> 00:15:14.625 ในนอร์ทธัมเบอร์แลนด์ และเราเริ่มต้นวิชาดังกล่าว 00:15:14.625 --> 00:15:19.049 โดยการให้พวกเขาอ่านสองหน้าแรกของอัตชีวประวัติของ ริชาร์ด แบรนสัน (Richard Branson ผู้ก่อตั้งบริษัทเวอร์จิ้น) 00:15:19.049 --> 00:15:22.886 และมอบหมายให้เด็กเหล่านั้นขีดเส้นใต้ 00:15:22.886 --> 00:15:26.514 บนสองหน้าแรกของอัตชีวประวัติที่อ่านไปดูว่า 00:15:26.514 --> 00:15:29.669 ริชาร์ดใช้คำว่า "ฉัน" เป็นจำนวนกี่หน 00:15:29.669 --> 00:15:32.378 และมีจำนวนกี่หนที่เขาใช้คำว่า "เรา" 00:15:32.378 --> 00:15:37.118 ผลคือ ไม่มีการใช้คำว่า "ฉัน" เลยแม่แต่หนเดียว และเขาใช้คำว่า "เรา" ถึง 32 หนด้วยกัน 00:15:37.118 --> 00:15:40.371 เพราะเขาไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวตอนที่ริเริ่มก่อตั้งบริษัทขึ้นมา 00:15:40.371 --> 00:15:45.415 ไม่มีใครในโลกที่ก่อตั้งบริษัท หรือองค์กรขึ้นมาได้ด้วยตัวคนเดียว 00:15:45.415 --> 00:15:48.521 เราสามารถที่จะสร้างชุมชน 00:15:48.521 --> 00:15:51.947 ที่จะมีผู้ช่วยเหลือประสานงานที่มีประสบการณ์ มาจากภาคธุรกิจ 00:15:51.947 --> 00:15:59.444 ซึ่งคุณสามารถหาพวกเขาได้ตามคาเฟ่ ตามบาร์ และพวกเขาจะเป็นเพื่อนใหม่ของคุณ 00:15:59.444 --> 00:16:03.116 ผู้ซึ่งจะมาช่วยเหลือคุณ อย่างที่พวกเขาได้ช่วยเหลือ 00:16:03.116 --> 00:16:06.357 สุภาพบุรุษท่านนี้ที่ได้มาเล่าถึงประสบการณ์ของเขา 00:16:06.357 --> 00:16:08.612 ผู้ซึ่งจะถามคุณว่า "คุณต้องการให้ช่วยอะไร?" 00:16:08.612 --> 00:16:10.551 คุณทำอะไรได้บ้างล่ะ? คุณทำอย่างนี้ได้ไหม? 00:16:10.551 --> 00:16:12.801 คุณมีประสบการณ์ขายไหม? คุณดูแลการเงินของฉันได้ไหม? 00:16:12.801 --> 00:16:16.555 "โอ้ เราไม่มีประสบการณ์ในด้านนี้" "คุณต้องการให้เราหาคนที่จะมาช่วยคุณได้ไหมล่ะ?" 00:16:16.555 --> 00:16:18.643 เรากระตุ้นให้ผู้คนในชุมชนเคลื่อนไหวด้วยความตั้งใจ ของพวกเขาเอง 00:16:18.643 --> 00:16:22.687 เรามีกลุ่มอาสาสมัครที่จะคอยสนับสนุน เหล่าผู้ส่งเสริมพัฒนาการของผู้ประกอบการ/บริษัท เหล่านี้ 00:16:22.687 --> 00:16:25.810 ในการช่วยคุณเฟ้นหาทรัพยากรและบุคคลากรที่จำเป็น 00:16:25.810 --> 00:16:28.799 และเราก็ได้ค้นพบความมหัศจรรย์ 00:16:28.799 --> 00:16:31.303 ของปัญญาและแนวคิดที่เกิดขึ้นในชุมชนท้องถิ่น 00:16:31.303 --> 00:16:35.010 ที่จะสามารถเปลี่ยนแปลงและพัฒนาวัฒนธรรม และเศรษฐกิจของแต่ละท้องถิ่น 00:16:35.010 --> 00:16:39.191 ให้ก้าวไปข้างหน้าได้ เพียงแค่คุณจุดไฟให้กับความปรารถนา 00:16:39.191 --> 00:16:42.828 ให้กับพลังสร้างสรรค์และจิตนาการ ของคนในชุมชนของคุณเท่านั้นเอง NOTE Paragraph 00:16:42.828 --> 00:16:47.521 ขอบคุณครับ (เสียงปรบมือ)