WEBVTT 00:00:00.000 --> 00:00:02.000 ผมเป็นซาวองต์ (Savant) ครับ 00:00:02.000 --> 00:00:04.000 หรือถ้าพูดให้ละเอียดกว่านั้น 00:00:04.000 --> 00:00:06.000 ผมเป็นออทิสติกซาวองต์ 00:00:06.000 --> 00:00:08.000 ที่มีศักยภาพสูง 00:00:08.000 --> 00:00:10.000 มันเป็นลักษณะที่พบได้ยาก 00:00:10.000 --> 00:00:13.000 และในกรณีของผม ยิ่งพบได้ยากเข้าไปอีก 00:00:13.000 --> 00:00:15.000 ที่พบรวมกับ 00:00:15.000 --> 00:00:17.000 การตระหนักรู้ตัวตน 00:00:17.000 --> 00:00:20.000 และความรอบรู้ทางภาษา 00:00:20.000 --> 00:00:23.000 บ่อยครั้ง เมื่อผมพบใครสักคน 00:00:23.000 --> 00:00:25.000 และพวกเขารู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ของผม 00:00:25.000 --> 00:00:28.000 มักจะมีความรู้สึกอีดอัดใจเกิดขึ้น 00:00:28.000 --> 00:00:31.000 ผมสามารถมองเห็นสิ่งนั้นในแววตาพวกเขา 00:00:31.000 --> 00:00:34.000 พวกเขาต้องการถามอะไรผมบางอย่าง 00:00:34.000 --> 00:00:36.000 และท้ายที่สุด บ่อยครั้ง 00:00:36.000 --> 00:00:39.000 แรงกระตุ้นก็แข็งแรงกว่าพวกเขา 00:00:39.000 --> 00:00:41.000 และพวกเขาก็ถามโพล่งออกมา 00:00:41.000 --> 00:00:43.000 "ถ้าฉันบอกเลขที่วันเกิดของฉันกับคุณ 00:00:43.000 --> 00:00:45.000 คุณจะสามารถบอกได้ไหมว่าฉันเกิดวันอะไรในสัปดาห์ 00:00:45.000 --> 00:00:48.000 เสียงหัวเราะ 00:00:48.000 --> 00:00:51.000 หรือ พวกเขากล่าวถึงรากที่สามของจำนวนจริงต่างๆ 00:00:51.000 --> 00:00:55.000 หรือขอให้ผมท่องจำตัวเลขยาวๆ หรือข้อความยาวๆ 00:00:55.000 --> 00:00:57.000 ผมหวังว่าพวกคุณจะให้อภัยผมนะครับ 00:00:57.000 --> 00:01:00.000 ถ้าหากผมไม่แสดง 00:01:00.000 --> 00:01:04.000 การแสดงเดี่ยวของชาวซาวองต์แก่พวกคุณในวันนี้ 00:01:04.000 --> 00:01:07.000 แต่ผมกำลังจะบรรยายแทน 00:01:07.000 --> 00:01:09.000 เกี่ยวกับบางอย่าง 00:01:09.000 --> 00:01:11.000 ที่น่าสนใจมากกว่า 00:01:11.000 --> 00:01:14.000 วันเดือนปีเกิดหรือรากที่สามของจำนวนต่างๆ 00:01:14.000 --> 00:01:16.000 บางอย่างที่ค่อนข้างลึกซึ้งกว่า 00:01:16.000 --> 00:01:19.000 และใกล้ชิดกับจิตใจของผม มากกว่าชิ้นงาน NOTE Paragraph 00:01:19.000 --> 00:01:21.000 ผมต้องการจะบรรยายแก่พวกคุณอย่างกระชับ 00:01:21.000 --> 00:01:24.000 เกี่ยวกับการรับรู้ครับ 00:01:24.000 --> 00:01:27.000 เมื่อแอนตัน เชคอฟกำลังเขียนบทละครและเรื่องสั้นต่างๆ 00:01:27.000 --> 00:01:29.000 ซึ่งกำลังจะสร้างชื่อให้เขาอยู่นั้น 00:01:29.000 --> 00:01:32.000 เขาเก็บรักษาสมุดเล่มหนึ่ง 00:01:32.000 --> 00:01:34.000 ซึ่งเขาใช้จดบันทึก 00:01:34.000 --> 00:01:36.000 ข้อสังเกต 00:01:36.000 --> 00:01:38.000 เกี่ยวกับโลกรอบตัวเขา 00:01:38.000 --> 00:01:40.000 ค่อนข้างลงรายละเอียด 00:01:40.000 --> 00:01:43.000 ในเรื่องที่ผู้คนทั่วไปเหมือนจะมองข้าม 00:01:43.000 --> 00:01:46.000 ทุกๆครั้งที่ผมอ่านงานของเชคอฟ 00:01:46.000 --> 00:01:50.000 และทรรศนะอันเป็นเอกลักษณ์ของเขาที่มีต่อชีวิตมนุษย์ 00:01:50.000 --> 00:01:52.000 ผมนึกถึงสาเหตุ 00:01:52.000 --> 00:01:54.000 ที่ทำให้ผมเป็นนักเขียนเหมือนกับเขา 00:01:54.000 --> 00:01:56.000 ในหนังสือหลายเล่มของผม 00:01:56.000 --> 00:01:58.000 ผมสำรวจธรรมชาติของการรับรู้ 00:01:58.000 --> 00:02:01.000 และสำรวจว่า การรับรู้ในรูปแบบต่างๆ 00:02:01.000 --> 00:02:03.000 สร้างการรู้ 00:02:03.000 --> 00:02:06.000 และความเข้าใจในรูปแบบต่างๆอย่างไร NOTE Paragraph 00:02:08.000 --> 00:02:10.000 นี่คือคำถามสามข้อ 00:02:10.000 --> 00:02:12.000 ที่ดึงมาจากผลงานของผม 00:02:12.000 --> 00:02:14.000 แทนที่จะพยายามหาคำตอบ 00:02:14.000 --> 00:02:17.000 ผมกำลังจะขอให้พวกคุณพิจารณาสักครู่ 00:02:17.000 --> 00:02:19.000 ถึงการรู้โดยสัญชาตญาณ 00:02:19.000 --> 00:02:21.000 และสัญชาตญาณทางอารมณ์ 00:02:21.000 --> 00:02:23.000 ซึ่งไหลผ่านหัวของคุณและหัวใจของคุณ 00:02:23.000 --> 00:02:26.000 อย่างที่คุณเข้าใจ 00:02:26.000 --> 00:02:29.000 ยกตัวอย่างเช่น การคำนวณ 00:02:29.000 --> 00:02:31.000 คุณสามารถประมาณได้ไหมว่าตรงไหนบนเส้นจำนวน 00:02:31.000 --> 00:02:34.000 ที่คำตอบจะปรากฎอยู่? 00:02:34.000 --> 00:02:37.000 หรือมองคำศัพท์ภาษาต่างประเทศและเสียงของคำ 00:02:37.000 --> 00:02:39.000 คุณสามารถเดาทิศทาง 00:02:39.000 --> 00:02:42.000 ของความหมายของคำได้หรือไม่ 00:02:42.000 --> 00:02:45.000 และในแง่ของบทกวี 00:02:45.000 --> 00:02:47.000 ทำไมกวีถึงใช้คำว่า "hare" (กระต่ายป่า) 00:02:47.000 --> 00:02:50.000 แทนที่จะใช้คำว่า "rabbit" (กระต่าย) 00:02:51.000 --> 00:02:53.000 ผมขอให้พวกคุณทำสิ่งนี้ครับ 00:02:53.000 --> 00:02:57.000 เพราะผมเชื่อว่าการรับรู้ส่วนบุคคลของเรานั้น, เห็นไหมครับ, 00:02:57.000 --> 00:02:59.000 อยู่ที่หัวใจ 00:02:59.000 --> 00:03:01.000 ของวิธีการที่เราได้รับความรู้ 00:03:01.000 --> 00:03:03.000 การตัดสินเชิงสุนทรียศาสตร์ 00:03:03.000 --> 00:03:06.000 แทนการใช้เหตุผลเชิงนามธรรม 00:03:06.000 --> 00:03:08.000 ชี้นำและสร้างรูปแบบกระบวนการ 00:03:08.000 --> 00:03:11.000 ด้วยสิ่งที่พวกเราทุกคนมาเพื่อจะรู้ 00:03:11.000 --> 00:03:13.000 สิ่งที่พวกเรารู้อยู่แล้ว 00:03:13.000 --> 00:03:16.000 ผมเป็นตัวอย่างที่สุดโต่งของกรณีนี้ NOTE Paragraph 00:03:16.000 --> 00:03:19.000 โลกของคำและตัวเลขของผม 00:03:19.000 --> 00:03:21.000 เต็มไปด้วยสีสัน, อารมณ์ 00:03:21.000 --> 00:03:23.000 และบุคคลิกลักษณะ 00:03:23.000 --> 00:03:25.000 อย่างที่ฮวนกล่าวไว้ 00:03:25.000 --> 00:03:28.000 มันคือเงื่อนไขที่นักวิทยาศาสตร์เรียกว่าซินเนสเตเซีย (synesthesia) 00:03:28.000 --> 00:03:30.000 การสื่อสารสอดแทรกที่ผิดปกติ 00:03:30.000 --> 00:03:33.000 ระหว่างประสาทสัมผัสทั้งหลาย 00:03:36.000 --> 00:03:38.000 นี่คือตัวเลขตั้งแต่หนึ่งถึงสิบสอง 00:03:38.000 --> 00:03:40.000 สิ่งที่ผมมองเห็นคือ 00:03:40.000 --> 00:03:44.000 ทุกๆตัวเลขมีรูปร่างและอุปนิสัยของตัวเอง 00:03:44.000 --> 00:03:46.000 เลขหนึ่ง เป็นแสงสว่างสีขาว 00:03:46.000 --> 00:03:51.000 เลขหกนั้นเล็กและเป็นหลุมสีดำมืิด 00:03:51.000 --> 00:03:54.000 ภาพร่างเหล่านี้เป็นสีขาวดำในที่นี้ 00:03:54.000 --> 00:03:56.000 แต่ในความคิดของผมพวกมันมีสีสัน 00:03:56.000 --> 00:03:58.000 เลขสามเป็นสีเขียว 00:03:58.000 --> 00:04:00.000 เลขสี่เป็นสีฟ้า 00:04:00.000 --> 00:04:03.000 เลขห้าเป็นสีเหลือง NOTE Paragraph 00:04:05.000 --> 00:04:07.000 ผมวาดรูปด้วย 00:04:07.000 --> 00:04:10.000 และนี่คือผลงานภาพวาดชิ้นหนึ่งของผม 00:04:10.000 --> 00:04:14.000 มันเป็นผลคูณของจำนวนเฉพาะสองตัว 00:04:14.000 --> 00:04:16.000 รูปร่างแบบสามมิติ 00:04:16.000 --> 00:04:19.000 และพื้นที่ตรงกลางที่เลขทั้งสองสร้างขึ้น 00:04:19.000 --> 00:04:21.000 สร้างรูปร่างใหม่หนึ่งชิ้น 00:04:21.000 --> 00:04:24.000 ซึ่งก็คือคำตอบของผลลัพธ์ 00:04:24.000 --> 00:04:26.000 แล้วตัวเลขที่ใหญ่กว่านี้หล่ะ? 00:04:26.000 --> 00:04:30.000 เอาหล่ะ คุณไม่สามารถได้อะไรที่ใหญ่ไปกว่าพาย (Pi) 00:04:30.000 --> 00:04:32.000 ซึ่งเป็นค่าคงที่ทางคณิตศาสตร์ 00:04:32.000 --> 00:04:34.000 มันเป็นจำนวนอนันต์ 00:04:34.000 --> 00:04:36.000 ที่ไม่สิ้นสุด ตามทฤษฎี 00:04:36.000 --> 00:04:38.000 ภาพนี้ ผมวาดจาก 00:04:38.000 --> 00:04:42.000 ตัวเลขทศนิยมยี่สิบหน่วยแรกของค่าพาย 00:04:42.000 --> 00:04:44.000 ผมใช้หลากหลายสี 00:04:44.000 --> 00:04:47.000 และหลากหลายอารมณ์ รวมถึงพื้นผิวหลายๆแบบ 00:04:47.000 --> 00:04:49.000 และผมดึงทั้งหมดมารวมกัน 00:04:49.000 --> 00:04:54.000 ในรูปแบบของภาพทิวทัศน์เกี่ยวกับตัวเลขแบบเป็นลูกคลื่น (rolling numerical landscape) NOTE Paragraph 00:04:54.000 --> 00:04:57.000 ไม่ใช่แค่ตัวเลขเท่านั้นที่ผมมองเห็นสีของมัน 00:04:57.000 --> 00:04:59.000 แต่รวมถึงคำต่างๆด้วย สำหรับผม 00:04:59.000 --> 00:05:01.000 คำต่างๆมีสีสัน อารมณ์ 00:05:01.000 --> 00:05:03.000 และพื้นผิว 00:05:03.000 --> 00:05:05.000 และนี่ก็คือวลีเปิด 00:05:05.000 --> 00:05:07.000 จากนวนิยายเรื่อง "โลลิต้า" (Lolita) 00:05:07.000 --> 00:05:11.000 ซึ่งตัวนาโบคอฟเอง (ผู้แต่ง) มีอาการซินเนสเตเซีย 00:05:11.000 --> 00:05:13.000 และพวกคุณสามารถมองเห็นที่นี่ 00:05:13.000 --> 00:05:16.000 ว่าการรับรู้เสียงแอลของผม 00:05:16.000 --> 00:05:18.000 ช่วยให้การสัมผัสอักษร 00:05:18.000 --> 00:05:21.000 โดดเด่นออกมาได้อย่างไร 00:05:21.000 --> 00:05:23.000 อีกหนึ่งตัวอย่าง 00:05:23.000 --> 00:05:25.000 ค่อนข้างเป็นเชิงคณิตศาสตร์มาก 00:05:25.000 --> 00:05:27.000 และผมสงสัยว่าจะมีพวกคุณสักคนไหมที่สังเกตเห็น 00:05:27.000 --> 00:05:29.000 โครงสร้างของประโยค 00:05:29.000 --> 00:05:32.000 จาก "The Great Gasby" 00:05:33.000 --> 00:05:36.000 มันมีขบวนการของพยางค์ 00:05:36.000 --> 00:05:38.000 wheat (ข้าวสาลี) หนึ่งพยางค์ 00:05:38.000 --> 00:05:40.000 prairies (ทุ่งหญ้า) สองพยางค์ 00:05:40.000 --> 00:05:43.000 lost Swede towns (เมืองสวีเดนที่สูญหาย) สามพยางค์ 00:05:43.000 --> 00:05:45.000 หนึ่ง สอง สาม 00:05:45.000 --> 00:05:49.000 และผลที่ได้คือความพึงพอใจของจิตใจ 00:05:49.000 --> 00:05:51.000 และมันช่วยให้ประโยค 00:05:51.000 --> 00:05:54.000 รู้สึก ถูกต้อง NOTE Paragraph 00:05:54.000 --> 00:05:56.000 เอาหล่ะ กลับมาที่คำถามกันครับ 00:05:56.000 --> 00:05:59.000 ผมทิ้งไว้ให้พวกคุณคิดเมื่อชั่วครู่ที่ผ่านมา 00:05:59.000 --> 00:06:02.000 หกสิบสี่คูณกับเจ็ดสิบห้า 00:06:02.000 --> 00:06:05.000 ถ้าพวกคุณบางคนเล่นหมากรุก 00:06:05.000 --> 00:06:07.000 คุณจะรู้ว่าตัวเลขหกสิบสี่ 00:06:07.000 --> 00:06:10.000 เป็นจำนวนยกกำลังสอง 00:06:10.000 --> 00:06:12.000 และนั่นคือเหตุผลว่าทำไมกระดานหมากรุก 00:06:12.000 --> 00:06:14.000 แปดคูณแปด 00:06:14.000 --> 00:06:17.000 มีสี่เหลี่ยมจัตุรัสหกสิบสี่อัน 00:06:17.000 --> 00:06:19.000 นั่นมอบรูปแบบแก่เรา 00:06:19.000 --> 00:06:22.000 ซึ่งเราสามารถวาดภาพได้ เราสามารถรับรู้ได้ 00:06:22.000 --> 00:06:25.000 แล้วเจ็ดสิบห้าหล่ะ 00:06:25.000 --> 00:06:27.000 เอาหล่ะ ถ้าหนึ่งร้อย 00:06:27.000 --> 00:06:30.000 ถ้าเราคิดถึงเลขหนึ่งร้อยในลักษณะที่เป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัส 00:06:30.000 --> 00:06:33.000 เจ็ดสิบห้าจะดูเหมือนแบบนี้ 00:06:33.000 --> 00:06:35.000 ดังนั้น สิ่งที่เราต้องทำตอนนี้ 00:06:35.000 --> 00:06:37.000 คือเอาภาพทั้งสองภาพ 00:06:37.000 --> 00:06:39.000 รวมกันในใจของเรา 00:06:39.000 --> 00:06:42.000 แบบนี้ 00:06:42.000 --> 00:06:46.000 หกสิบสี่กลายเป็นหกพันสี่ร้อย 00:06:46.000 --> 00:06:50.000 และที่มุมขวามือ 00:06:50.000 --> 00:06:52.000 คุณไม่จำเป็นต้องคำนวณอะไร 00:06:52.000 --> 00:06:54.000 สี่แนวขวาง สี่บนและล่าง 00:06:54.000 --> 00:06:57.000 มันคือสิบหก 00:06:57.000 --> 00:06:59.000 ดังนั้น ผลลัพธ์จริงๆคือ 00:06:59.000 --> 00:07:01.000 คือสิบหก 00:07:01.000 --> 00:07:04.000 สิบหก สิบหก 00:07:04.000 --> 00:07:06.000 นั่นง่ายกว่า 00:07:06.000 --> 00:07:09.000 วิธีที่โรงเรียนสอนให้คุณคำนวณมากๆ ผมมั่นใจ 00:07:09.000 --> 00:07:11.000 มันคือ สิบหก สิบหก สิบหก สี่สิบแปด 00:07:11.000 --> 00:07:13.000 สี่พันแปดร้อย 00:07:13.000 --> 00:07:15.000 สี่พัน 00:07:15.000 --> 00:07:18.000 คำตอบของผลลัพธ์ 00:07:18.000 --> 00:07:20.000 ง่าย เมื่อคุณรู้วิธีทำ NOTE Paragraph 00:07:20.000 --> 00:07:23.000 เสียงหัวเราะ NOTE Paragraph 00:07:23.000 --> 00:07:26.000 คำถามที่สองเป็นคำในภาษาไอซ์แลนด์ 00:07:26.000 --> 00:07:29.000 ผมคะเนว่า ในที่นี้มีคนจำนวนไม่มาก 00:07:29.000 --> 00:07:31.000 ที่พูดภาษาไอซ์แลนด์ 00:07:31.000 --> 00:07:34.000 ดังนั้น ผมจะลดตัวเลือกลงให้เหลือแค่สองตัวเลือกนะครับ 00:07:36.000 --> 00:07:38.000 Hnugginn 00:07:38.000 --> 00:07:40.000 คำนี้เป็นคำที่มีความสุข 00:07:40.000 --> 00:07:42.000 หรือเป็นคำที่เศร้าครับ 00:07:42.000 --> 00:07:44.000 คิดว่าเป็นคำประเภทไหนครับ 00:07:45.000 --> 00:07:47.000 เอาหล่ะ 00:07:47.000 --> 00:07:49.000 บางคนบอกว่ามันคือคำที่มีความสุข 00:07:49.000 --> 00:07:51.000 หลายคน, คนส่วนใหญ่, 00:07:51.000 --> 00:07:53.000 บอกว่าเศร้า 00:07:53.000 --> 00:07:57.000 และจริงๆแล้วมันแปลว่าเศร้าครับ 00:07:57.000 --> 00:08:00.000 เสียงหัวเราะ 00:08:00.000 --> 00:08:03.000 ทำไม ,ตามสถิติ, 00:08:03.000 --> 00:08:05.000 คนส่วนใหญ่ 00:08:05.000 --> 00:08:07.000 บอกว่าคำนั้นคือเศร้า, ในกรณีนี้ 00:08:07.000 --> 00:08:10.000 หรือหนัก ในกรนีอื่นๆ 00:08:10.000 --> 00:08:13.000 ตามทฤษฎีของผม ภาษาเกิดจากการที่ 00:08:13.000 --> 00:08:15.000 เสียง 00:08:15.000 --> 00:08:18.000 สื่อสารโต้ตอบกันกับสิ่งทีี่อยู่ภายในจิตใจ 00:08:18.000 --> 00:08:20.000 เข้าคู่กับประสบการณ์เชิงสัญชาตญาณ 00:08:20.000 --> 00:08:22.000 ส่วนบุคคล 00:08:22.000 --> 00:08:24.000 ของผู้ฟัง NOTE Paragraph 00:08:25.000 --> 00:08:28.000 มาดูคำถามที่สามกันครับ 00:08:29.000 --> 00:08:32.000 มันเป็นข้อความจากบทกวีของจอห์น คีธ 00:08:32.000 --> 00:08:35.000 คำต่างๆ เช่นเดียวกับตัวเลขต่างๆ 00:08:35.000 --> 00:08:38.000 แสดงถึงความสัมพันธ์เชิงพื้นฐาน 00:08:38.000 --> 00:08:40.000 ระหว่างวัตถุ 00:08:40.000 --> 00:08:42.000 กับเหตุการณ์ และพลัง 00:08:42.000 --> 00:08:44.000 ซึ่งสถาปนาโลกของเรา 00:08:44.000 --> 00:08:47.000 มันแสดงถึงเหตุผลที่พวกเราที่ยังมีชีวิตบนโลกใบนี้ 00:08:47.000 --> 00:08:49.000 ควรดำเนินชีวิต 00:08:49.000 --> 00:08:52.000 และดูดซับความสัมพันธ์เหล่านั้นด้วยสัญชาตญาณ 00:08:52.000 --> 00:08:55.000 และนักกวี เช่นเดียวกับศิลปินอื่นๆ 00:08:55.000 --> 00:08:58.000 เล่นกับความเข้าใจด้วยสัญชาตญาณเหล่านั้น 00:08:58.000 --> 00:09:01.000 ในกรณีของ hare (กระต่ายป่า) 00:09:01.000 --> 00:09:03.000 มันเป็นความคลุมเคลือของเสียงในภาษาอังกฤษ 00:09:03.000 --> 00:09:06.000 มันสามารถหมายถึงเส้นใยที่เติบโตบนศีรษะ (เส้นผม) 00:09:06.000 --> 00:09:08.000 และถ้าเราคิดถึงสิ่งนั้น 00:09:08.000 --> 00:09:10.000 ผมขออนุญาตอธิบายด้วยรูปภาพ 00:09:10.000 --> 00:09:13.000 เส้นใยเหล่านั้น แสดงถึงความเปราะบาง 00:09:14.000 --> 00:09:17.000 มันบ่งบอกถึงการเครลื่อนไหวที่เล็กน้อยมากที่สุด 00:09:17.000 --> 00:09:20.000 หรือการเคลื่อนที่ หรืออารมณ์ 00:09:20.000 --> 00:09:24.000 ดังนั้น สิ่งที่พวกคุณมีคือบรรยากาศ 00:09:24.000 --> 00:09:26.000 ของความเปราะบาง และการยึด 00:09:26.000 --> 00:09:28.000 กระต่ายป่าเอง สัตว์ 00:09:28.000 --> 00:09:31.000 ไม่ใช่แมว ไม่มีสุนัข แต่เป็นกระต่ายป่า 00:09:31.000 --> 00:09:33.000 ทำไมต้องเป็นกระต่ายป่า? 00:09:33.000 --> 00:09:35.000 ให้คิดถึงรูปภาพครับ 00:09:35.000 --> 00:09:37.000 ไม่ใช่คำ นึกภาพครับ 00:09:37.000 --> 00:09:39.000 หูที่ยาวเกินไป 00:09:39.000 --> 00:09:41.000 เท้าที่ใหญ่เกินไป 00:09:41.000 --> 00:09:44.000 ช่วยให้เราจินตนาการ และช่วยให้รู้สึกโดยสัญชาตญาณ 00:09:44.000 --> 00:09:47.000 ถึงสิ่งที่ดำเนินไปอย่างเชื่องช้า 00:09:47.000 --> 00:09:50.000 และสื่งที่เป็นทุกข์ NOTE Paragraph 00:09:50.000 --> 00:09:52.000 ดังนั้น ในเวลาไม่กี่นาทีนี้ 00:09:52.000 --> 00:09:54.000 ผมหวังว่าผมจะสามารถแบ่งปัน 00:09:54.000 --> 00:09:57.000 เสี้ยวเล็กๆของทรรศนะเกี่ยวกับสิ่งต่างๆของผม 00:09:57.000 --> 00:10:00.000 และแสดงแก่พวกคุณ 00:10:00.000 --> 00:10:03.000 ว่าคำต่างๆสามารถมีสีสันและอารมณ์ 00:10:03.000 --> 00:10:06.000 ตัวเลข รูปร่าง และบุคลิกลักษณะต่างๆ 00:10:06.000 --> 00:10:08.000 โลกนั้นอุดมสมบูรณ์มากกว่า 00:10:08.000 --> 00:10:10.000 กว้างขวางกว่า 00:10:10.000 --> 00:10:13.000 ที่มันดูเหมือนจะเป็นอยู่บ่อยๆ 00:10:13.000 --> 00:10:16.000 ผมหวังว่าผมได้มอบความปรารถนา 00:10:16.000 --> 00:10:19.000 ในการเรียนรู้ที่จะมองโลกด้วยสายตาใหม่ๆแก่พวกคุณ NOTE Paragraph 00:10:19.000 --> 00:10:21.000 ขอบคุณครับ NOTE Paragraph 00:10:21.000 --> 00:10:32.000 (เสียงปรบมือ)