Bitcoin เป็นระบบเงินตราเสมือนอันใหม่
ที่ได้รับความสนใจอย่างมากเมื่อเร็วๆ นี้
และผมว่าผมอยากทำชุดวิดีโอ
ที่ผมลงลึกลงไปข้างในของ bitcoin
และอธิบายว่ามันทำงานอย่างไรโดยละเอียด
และแผนของผมในวิดีโอแรกของชุดวิดีโอนี้
คือบรรยายกลไกของมัน
ในระดับตื้นๆ
แล้วสิ่งที่ผมจะทำวิดีโอต่อไปๆ
คือลึกลงขึ้นอีกนิด ถึงแง่มุมเบื้องหลังทั้งหลาย
ที่ผมพูดถึงไปในวิดีโอแรกนี้
ผมหวังว่าเมื่อจบวิดีโอชุดนี้
คุณจะรู้ ไม่เพียงแต่ว่า bitcoin คืออะไร
แต่คุณจะเข้าใจกลไก
ว่าการซื้อขายเริ่มต้นอย่างไร
คุณจะเห็นว่าการตรวจสอบเกิดขึ้น
สำหรับการซื้อขายนั้นอย่างไร
และคุณจะได้เรียนด้วยว่า คน
เข้ามาในกระบวนการที่เรียกว่า
การขุด bitcoin (bitcoin mining)
นั้นหมายถึงอะไร
มันอาจเป็นเทอมที่คุณเคยได้ยิน
ถ้าคุณเพิ่งสนใจ bitcoin เร็วๆ นี้
ผมอยากชี้ให้เห็นด้วยว่า
กระบวนการ bitcoin นั้นยุ่งยากทีเดียว
มันต้องใช้เวลากว่าจะครอบคลุม
รายละเอียดที่เกี่ยวข้องทั้งหมด
สำหรับผมแล้ว วิธีเข้าใจที่ดีที่สุด
ในเรื่องซับซ้อนอย่าง bitcoin
คือการพักเรื่องความเเชื่อที่มีไว้
แล้วสัมผัสกับรายละเอียด
ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดก่อน
ทีนี้ คุณคงมีคำถามมากมายแน่นอน
ตลอดทาง
แต่หวังว่าเมื่อจบวิดีโอชุดนี้
ความลับทั้งหมดจะถูกเปิดเผย
และคำถามของคุณจะได้รับ
คำตอบที่เหมาะสม
แต่มันต้องใช้เวลาสักพัก
และส่วนหนึ่ง มันเป็นเพราะ
ผมพยายามบรรยายสิ่งต่างๆ
ให้เข้าใจได้ง่าย
และมันอาจต้องทิ้งรายละเอียดไปบ้าง
จนกว่าผมจะอธิบายกระบวนการมากพอ
แล้วค่อยเพิ่มรายละเอียดเมื่อผมเล่าไปเรื่อยๆ
คุณจะได้ไม่ถูกกวน
จากประเด็นหยิบย่อยรายทาง
มากเกินไป
แต่คุณจะรู้สึกถึงระบบโดยรวม
เมื่อผมเล่าไปเรื่อยๆ
เอาล่ะ ขอผมลงมือเจาะลงไปเลยนะ
ก่อนอื่น ผมอยากชี้ให้เห็นว่า
bitcoin สามารถบรรยายได้เป็น
เงินตราที่ไม่มีศูนย์กลาง
เพราะมันไม่มีธนาคารกลางหรือหน่วยงานจริงๆ
ที่เกี่ยวข้องกับการสร้างหรือซื้อขาย bitcoin
และที่จริงแล้ว สิ่งที่เกิดขึ้นในเนื้อของ bitcoin
คือว่าการซื้อขายทุกอย่างต้อง
ใช้สิ่งที่รู้จักกันในนาม peer-to-peer network
เครือข่ายของ host เดี่ยวๆ ที่
ตกลงร่วมกันในหัวข้อต่างๆ
ว่าจะสร้างและลงมือใช้ protocol อย่างไร
bitcoin เองบางครั้งเรียกว่า
cryptocurrency
และคำว่า cryptocurrency
ผมหมายความว่า
เราใช้เทคนิคเรื่องการถอดรหัส
จำนวนมากเพื่อให้การซื้อขาย
bitcoin เกิดขึ้นได้
และผมจะทำวิดีโอแยก
เรื่องเทคนิคบางอย่างในนี้
แต่คุณต้องยอมรับไปก่อนตอนนี้
ว่ามันไม่มีศูนย์กลาง
และมันเป็น crptyocurrency ประเภทหนึ่ง
ผมยังอยากชี้ให้เห็นว่า คำว่า bitcoin เอง
นั้นชวนให้สับสนได้
และหลาายๆ แง่ การซื้อขาย bitcoin
ไม่เหมือนการซื้อขายเหรียญแบบดั้งเดิม
ที่มันแสดงรายการ
เป็นบัญชีของโลกอย่างหนึ่ง
ผมหมายความว่า สมมุติว่าคุณมี
การซื้อขายเกิดขึ้น
และสมมุติว่าการซื้อขายเกิดขึ้น
ระหว่างสองฝ่าย
และเราจะเรียกพวกเขาว่าอลิซกับบ๊อบ
ซึ่งเป็นชื่อที่คนนิยมใช้
ใน cryptographic protocols หลายอย่าง
เพื่อบรรยายฝ่ายที่เกี่ยวข้อง
และสมมุติว่าอลิซอยากโอน
หรืออยากกำหนด
bitcoin จำนวนหนึ่งที่เธอเป็นเจ้าของ
ไปให้บ๊อบ
คุณคิดว่าการซื้อขายนี้
เป็นข้อมูลหนึ่งในบัญชีอะไรสักอย่าง
และผมอยากอธิบายก่อนว่า
ถึงแม้ผมจะใช้คำอย่าง
อลิซกับบ๊อบ
สิ่งที่ผมหมายถึงในเรื่อง bitcoin
มันไม่ใช่ตัวตนจริงๆ ในเชิงกายภาพ
จริงๆ แล้วอลิซกับบ๊อบเป็นตัวตน
ในระบบ bitcoin
และตัวตนเหล่านี้ก็แค่
ในการใช้งาน
เป็นเพียงชุดตัวเลข
ที่ไม่ต้องผูกมัด
กับตัวตนของอลิซและบ๊อบในโลกความจริง
ในแง่นั้น คุณก็คิดถึง bitcoin
ว่ามันก็คือ
การมีชื่อปลอม
แทนที่จะเป็นชื่อจริง
ไอเดียคือว่า bitcoin เป็น protocol
ที่ใช้ชื่อปลอมได้
โดยเราเรียกคนด้วย pseudonyms
และมันสร้างความเป็นส่วนตัวในระดับหนึ่ง
ในผู้ใช้ที่อยากซื้อขาย
โดยใช้ระบบ bitcoin
ทีนี้ ในการซื้อขายระหว่างอลิซกับบ๊อบ
สิ่งที่อลิซจะทำ
ก็คือระบุตัวเลขต่างๆ จำนวนหนึ่ง
เธอต้องระบบุจำนวน bitcoin
ที่เธออยากโอนให้บ๊อบ
สมมุติว่าอลิซเริ่มต้นด้วย
bitcoin 50 อันของเธอ
เธอตัดสินว่าเธออยาให้
bitcoin 30 อันนี้ให้่บ๊อบ
และสมมุติว่าเธอยาก
ส่ง bitcoin จนำนวนหนึ่งกลับมาให้เธอ
คุณก็ต้องระบุ
หรืออลิซต้องระบุมากกว่า
ว่าเธอจะได้เงินทอนเท่าใด
ในกรณีนี้ สมมุติว่าเธออยากได้ทอน
18 อันสำหรับตัวเอง
แล้ว bitcoin 2 เหรียญที่เหลือจะกลายเป็น
ค่าการซื้อขาย
และเราจะคุยกันว่าค่าโอนนั้นหมายถึง
อะไรต่อไป
ผมคิดว่าผมจะลงลึกในวิดีโอต่อๆ ไปด้วย
แต่มันคือแรงจูงใจให้โหนดอื่นๆ
ในเครือข่าย bitcoin ช่วยอลิซ
ตรวจสอบรายละเอียดบางอย่าง
ของการซื้อขายกับบ๊อบ
ทีนี้ อลิซจะนำรายละเอียดการซื้อขายเหล่านี้
และใช้มันเป็นลายเซ็นดิจิตอล
ไปยังรายละอียดการซื้อขายเหล่านี้
และลายเซ็นดิจิตอลก็คือ
ตัวแทนทางคณิตศาสตร์ของลายเซ็นทั่วไป
มันผูกตัวตนของอลิซไว้กับรายละเอียด
ของการซื้อขายนี้
และด้วยตัวตนของอลิซ
ผมหมายถึงตัวตนของเธอในระบบ bitcoin
และพันธะนี้เกิดขึ้นแล้ว
อย่างหนาแน่นในระบบการถอดรหัส
ทีนี้ รายละเอียดของการซื้อขายนี้
เมื่อเกิดขึ้น
จะถูกกระจายเสียงออกไป
อลิซก็นำรายละเอียดการซื้อขายพวกนี้
แล้วกระจายเสียงออกไป
ให้ทุกโหนดใน peer-to-peer network
ที่แสดงโหนด bitcoin
ทีนี้ บ๊อบ เมื่อเขาได้รับข้อมูล
เกี่ยวกับการซื้อขายนี้
เขาจะได้รับผ่าน peer-to-peer network
เขาน่าจะตรวจสอบ
บางส่วนของการซื้อขาย
ตัวอย่างเช่น เขาอาจเช็คว่าตัวเลข
ออกมาถูกต้อง
อย่างเช่น อลิซเริ่มต้นมี bitcoin 50 อัน
และไม่ได้พยายามโอน
bitcoin มากกว่า 50 อันให้เขา อะไรพวกนั้น
เขาจะมีตัวช่วยยืนยันทางคณิตศาสตร์
เนื่องจากมีการเข้ารหัสมาเกี่ยวข้อง
ว่าตัวเลขที่อ้างมานั้นถูกต้อง
ตัวอย่างเช่น อลิซมี bitcoins
ที่เธออ้างว่าเป็นเจ้าของ
และเธอแสดงความสนใจ
ว่าจะกำหนด bitcoin เหล่านั้นให้เป็นของเขา
แต่สิ่งที่เขายังไม่รู้คือว่า
อลิซพยายามโอน bitcoin เดียวกันนั้น
ให้คนอื่นในเวลาต่อมา
หรือก่อนหน้าการซื้อขายหรือเปล่า
วิธีที่เราจัดการกรณีนั้น
อ่อ ผมควรบอกก่อน
ว่าหลักการที่อลิซพยายาม
ใช้เหรียญสองครั้ง
ในบริบทของเงินดิจิตอล
และระบบเงินตราอิเล็กทรอนิกส์
หลักการนี้เรียกว่า การใช้เงินซ้ำซ้อน
(double spending)
มันคือสิ่งที่คุณต้องระวัง
เวลาคุณมีเงินตราเสมือน
เพราะคนสามารถลอกเลขพวกนี้
ที่แทนการซื้อขาย
และพยายามใช้ที่อื่นได้ง่ายมาก
วิธีที่เราจัดการ
และลดความเสี่ยงของการใช้เงินซ้ำซ้อน
คือผ่านชุดของโหลด
ใน peer-to-peer network นี้
ที่รู้จักกันในนามนักขุด bitcoin
คุณอาจเคยได้ยินคำว่า นักขุด bitcoin มาก่อน
และนักขุด bitcoin ก็คือ
บุคคลเดี่ยวๆ
โหนดเดี่ยวๆ ใน peer-to-peer network นี้
และสิ่งที่เขาทำ คือเขาจะนำ
การซื้อขายทั้งหมดที่เขาเห็น
นึกดู
เขาพยายามฟังการซื้อขายทั้งหมด
ไม่ใช่แค่อลิซกับบ๊อบ
แต่ยังฟังการซื้อขายอื่นที่เกิดขึ้น
และเขาจะนำการซื้อขายเหลานั้นมา
สุดท้ายแล้ว เขาจะนำการซื้อขายเหล่านั้นมา
และสะสมมัน
เป็นสิ่งที่เรียกว่า บล็อกการซื้อขาย
(transaction block)
มันก็คือการบันทึก
การซื้อขายที่ยังไม่ได้ถูกบันทึกมาก่อนทั้งหมด
ถ้าคุณคิดการซื้อขายเดี่ยวๆ
สมมุติว่าเป็นวัตถุหนึ่งในบัญชี
คุณก็คิดถึงบล็อกการซื้อขาย
ว่าแทนด้วย หน้ากระดาษของ
สมุดบัญชี
นักขุด bitcoin เหล่านี้จะอยู่ในบล็อกนี้ด้วย
นอกจากการซื้อขายที่ไม่ได้ถูกบันทึกทั้งหมดนี้
เขาจะรวมอยู่ในบล็อกนี้
เป็นรายการซื้อพิเศษที่มีไว้สำหรับตัวเอง
เป็นรางวัลให้กับตัวเองที่พยายาม
ทำการขุดนี้
ทีนี้ บล็อกการซื้อขายจะบันทึก
การเข้ารหัสของบล็อกการซื้อขายอันก่อน
มันจึงมีความต่อเนื่องในระดับหนึ่ง
แล้วนักขุด bitcoin ก็สามารถรวม
ลำดับตัวเลขที่จัดมาเป็นพิเศษ
เชื่อมกับการซื้อขายเหล่านี้
และชุดตัวเลขนี้รู้จักกันในนาม
บทพิสูจน์งาน (proof of work)
มันเรียกว่า บทพิสูจน์งาน
เพราะมันสร้างได้ยาก
เป็นสิ่งที่ต้องใช้ความพยายามมาก
เป็นสิ่งที่ยากที่ใครจะ
เข้ามาขุด bitcoin ได้ตามใจ
มันต้องใช้กำลัง
ของการคำนวณ
เพื่อแลกเปลี่ยนกับรางวัลเพิ่มเติม
เป็นการจ่ายนี้
และยังแลกกับ
ค่าธรรมเนียมการซื้อขายที่อลิซ
เข้ามาในงานนี้ด้วย
ผมจะพูดถึงเรื่อง proof-of-work protocols
อย่างละเอียดในวิดีโออีกอื่น
ทีนี้ เนื่องจากบล็อกการซื้อขาย
มีข้อมูลเกี่ยวกับการซื้อขายก่อนๆ
สิ่งที่คุณได้จึงไม่ใช่
แค่บล็อกเดียว
สุดท้ายคุณจะได้สิ่งที่เรียกว่าเป็นสาย
ของการซื้อขาย
และคุณเรียกมันว่า สายของบล็อกการซื้อขาย
แนวคิดคือว่า เมื่อนักขุด bitcoin
สามารถสร้างสายของบล็อกการซื้อขาย
ที่มีการซื้อขายที่ไม่ได้ถูกบันทึกไว้ทั้งหมด
และบทพิสูจน์งานนี้
มันส่งรายละเอียดของสายนั้น
ไปยังทุกโหนด ไปยังสมาชิกทุกคน
ใน peer-to-peer network สำหรับ bitcoin
แล้วเมื่อสายใหม่ถูกปล่อยออกมา
มันจะถูกตรวจสอบว่ามีคุณสมบัติถูกต้อง
โหนดในเครือข่าย
ก็จะลงมือใช้มัน
เขาจะเริ่มต่อ
บล็อกการซื้อขายใหม่เข้ากับสายนั้น
มันจะนำอะไรที่ตาม
ที่ยังไม่ได้ผ่านกระบวนการ
และรวมมันเข้าไปในสายการซื้อขาย
โดยปล่อยออกมาจากโหนด
ที่สร้างบทพิสูจน์งานที่ถูกต้อง
ทีนี้ สายของบล็อกการซื้อขายนี้
สิ่งที่เราจะทำ
ในบริบทของ bitcoin
คือว่าโหนดจะพิจารณา
สายของบล็อกการซื้อขายที่สะท้อน
ปริมาณงานที่มากที่สุดที่สร้างเนื้อหาขึ้นมา
และมันมีบทพิสูจน์งานที่ผมบอกไป
มันใช้ระบุ
และบอกได้ว่า มีงานอะไรเกิดขึ้นบ้าง
กับสายของบล็อกการซื้อขายนั้น
อันที่ยาวที่สุดจะนับว่าเป็น
อันที่ทรงคุณค่าที่สุดในระบบ bitcoin
นักขุดในอนาคตควรจะทำงาน
จากสายที่มีงานอยู่ด้วยมากที่สุด
ทีนี้สิ่งที่น่าประทับใจคือว่า
กระบวนการทั้งหมดนี้ไม่มีศูนย์กลาง
ไม่มีธนาคารหรือน่วยงานที่ได้รับ
ความเชื่อถือโดยรวม
มาเกี่ยวข้องกับการซื้อขายเลย
หวังว่าวิดีโอแรกนี้คงช่วยอธิบาย
ให้คุณพอรู้รส
ว่ากลไกของระบบ bitcoin
อย่างคร่าวๆ เป็นอย่างไร
ยังมีปัญหาหลายอย่างที่ผมยังไม่ได้พูดถึง
สิ่งที่ผมจะทำในวิดีโอต่อๆ ไป
คือเริ่มพูดถึงรายละเอียด
ผมแน่ใจว่าคุณมีคำถามมากมาย
หวังว่าวิดีโอต่อๆ ไป
จะช่วยตอบคำถามเหล่านั้นให้คุณได้นะ