1 00:00:03,460 --> 00:00:07,740 ก่อนรุ่งอรุณแห่งอารยธรรมแถบตะวันตกและภาษาที่ใช้เขียน 2 00:00:07,740 --> 00:00:13,990 วิทยาศาสตร์และจิตวิญญาณไม่ใช่สองสิ่งที่แยกจากกัน 3 00:00:14,040 --> 00:00:16,890 ในคำสอนแห่งวัฒนธรรมโบราณอันยิ่งใหญ่ 4 00:00:16,940 --> 00:00:19,529 การแสวงหาความรู้นอกตัวและความแน่นอน 5 00:00:19,529 --> 00:00:21,869 ถูกทำให้สมดุลด้วยความรู้สึกภายในแห่งความไม่แน่นอน 6 00:00:21,869 --> 00:00:27,119 และความเข้าใจตามสัญชาตญานในเรื่องวงก้นหอยแห่งการเปลี่ยนแปลง 7 00:00:27,119 --> 00:00:31,490 เมื่อความคิดเชิงวิทยาศาสตร์มีบทบาทมากขึ้นและข่าวสารเพิ่มมากขึ้น 8 00:00:31,490 --> 00:00:36,000 ความแตกแยกก็เริ่มเกิดขึ้นภายในระบบความรู้ของพวกเรา 9 00:00:36,000 --> 00:00:40,880 การมีผู้เชี่ยวชาญเพิ่มขึ้นหมายถึงมีเพียงไม่กี่คนที่สามารถมองเห็นภาพรวม 10 00:00:40,950 --> 00:00:45,530 ของความรู้สึกและหยั่งรู้ความงามของระบบโดยรวม 11 00:00:45,580 --> 00:00:52,430 ไม่มีใครถามว่า "ความคิดทั้งหมดนี้ดีต่อพวกเราหรือเปล่า ?" 12 00:00:57,220 --> 00:01:02,770 ความรู้โบราณอยู่ที่นี่ในแก่นกลางของเรา ซ่อนอยู่ในทัศนียภาพอันเรียบง่าย 13 00:01:02,870 --> 00:01:06,850 แต่พวกเราถูกครอบงำไว้ก่อนด้วยความคิดตนเองจนเกินจะตระหนักได้ 14 00:01:06,850 --> 00:01:10,440 ปัญญาที่ถูกลืมนี้คือหนทางฟื้นฟูสมดุล 15 00:01:10,490 --> 00:01:13,239 ระหว่างภายในและภายนอก 16 00:01:13,239 --> 00:01:14,689 หยินและหยาง 17 00:01:14,789 --> 00:01:21,789 ระหว่างวงก้นหอยแห่งการเปลี่ยนแปลง และความสงบนิ่งที่แก่นกลางของเรา 18 00:01:52,259 --> 00:01:59,559 ในตำนานกรีก แอสคลีพีอัสเป็นบุตรชายของเทพอพลอลโล่ และเป็นเทพแห่งการเยียวยา 19 00:01:59,659 --> 00:02:03,059 ปัญญาและทักษะของเขาในการเยียวยานั้นไม่มีผู้ใดเหนือกว่า 20 00:02:03,159 --> 00:02:09,909 มีคำบอกเล่าว่าเขาได้ค้นพบความลับของชีวิตและความตาย 21 00:02:10,490 --> 00:02:13,290 ในกรีกโบราณ วัดแอสคลีเปียนแห่งการเยียวยา 22 00:02:13,390 --> 00:02:16,290 ได้ยอมรับคุณค่าของพลังแห่งวงก้นหอยต้นกำเนิด 23 00:02:16,490 --> 00:02:22,960 ดังเห็นได้จากสัญลักษณ์คทาของแอสคลีพีอัสที่ถูกสร้างขึ้นที่นั่น 24 00:02:23,710 --> 00:02:26,200 ฮิปพอคราทีส บิดาแห่งการแพทย์ 25 00:02:26,250 --> 00:02:30,260 ผู้ซึ่งคำปฏิญาณของเขาถูกใช้เป็นจรรยาบรรณวิชาชีพแพทย์ 26 00:02:30,360 --> 00:02:33,900 ว่ากันว่าเขาก็ได้รับการฝึกฝนมาจากวัดแอสคลีเปียนนี้เช่นกัน 27 00:02:33,950 --> 00:02:37,640 จนกระทั่งถึงปัจจุบัน สัญลักษณ์ของพลังงานแห่งวิวัฒนาการของพวกเราอันนี้ 28 00:02:37,690 --> 00:02:40,810 ยังคงถูกใช้เป็นตราสัญลักษณ์ของสมาคมการแพทย์แห่งอเมริกา 29 00:02:40,860 --> 00:02:47,310 และองค์กรทางการแพทย์อื่นๆทั่วโลก 30 00:02:48,540 --> 00:02:52,140 ในประติมานวิทยาของอียิปต์ งูและนกเป็นตัวแทนของ 31 00:02:52,165 --> 00:02:56,340 ทวิลักษณ์หรือความมีขั้วของธรรมชาติมนุษย์ 32 00:03:01,829 --> 00:03:06,955 งู ในทิศพุ่งลงล่าง คือปรากฏการณ์ของวงก้นหอย 33 00:03:07,005 --> 00:03:11,155 เป็นพลังงานแห่งวิวัฒนาการของโลก 34 00:03:13,680 --> 00:03:17,575 นก คือทิศพุ่งขึ้นบน เป็นกระแสสู่เบื้องบน 35 00:03:17,600 --> 00:03:22,019 ไปยังดวงอาทิตย์ หรือจุดความรู้สึกตัวที่ตื่นแล้วจุดเดียวนั้น 36 00:03:22,069 --> 00:03:28,719 ความว่างเปล่าแห่งอากาสา (อากาศ) 37 00:03:33,925 --> 00:03:36,904 ฟาโรห์และพระเจ้าทั้งหลายถูกวาดภาพโดยมีพลังงานซึ่งตื่นแล้ว 38 00:03:36,954 --> 00:03:39,755 ที่ซึ่งงูกุณฑาลินีเลื้อยขึ้นไปตามกระดูกสันหลัง 39 00:03:39,805 --> 00:03:46,980 และโผล่ออกมาที่ "จักระอาชณา" ซึ่งอยู่ระหว่างดวงตาทั้งสอง 40 00:03:49,080 --> 00:03:52,900 นี่คือสิ่งที่เรียกกันว่า "ดวงตาของฮอรัส" 41 00:03:52,950 --> 00:03:58,200 ในประเพณีฮินดูก็ใช้บินดิ (bindi) เป็นสัญลักษณ์แทนดวงตาที่สาม 42 00:03:58,300 --> 00:04:05,300 สื่อถึงความเชื่อมโยงอันศักดิ์สิทธิ์สู่จิตวิญญาณ 43 00:04:08,255 --> 00:04:17,810 หน้ากากของพระราชาตุตันคาเมนเป็นตัวอย่างคลาสสิกที่มีลักษณะเด่นของทั้งงูและนก 44 00:04:18,910 --> 00:04:24,489 ประเพณีของชาวมายันและชาวแอสเท็กส์รวมลักษณะเด่นของงูและนกเข้าด้วยกันเป็นพระเจ้าองค์เดียว 45 00:04:24,539 --> 00:04:27,575 เควทซาลโคลท์ หรือ คูคูลคาน 46 00:04:27,600 --> 00:04:31,915 งูที่มีขนนกแสดงถึงความรู้สึกตัวที่วิวัฒนาการจนตื่นแล้ว 47 00:04:31,940 --> 00:04:34,675 หรือ กุณฑาลินีที่ตื่นแล้ว 48 00:04:34,700 --> 00:04:38,494 บุคคลผู้ซึ่งปลุกเควทซาลโคลท์ภายในตนเองจนตื่นแล้ว 49 00:04:38,569 --> 00:04:41,800 คือการแสดงออกที่มีชีวิตของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ 50 00:04:43,450 --> 00:04:46,664 ว่ากันว่าเควทซาลโคลท์หรือพลังงู 51 00:04:46,714 --> 00:04:53,389 จะกลับคืนสู่ต้นกำเนิดเมื่อสิ้นสุดเวลา 52 00:05:01,300 --> 00:05:06,305 สัญลักษณ์งูและนกสามารถพบได้ในคริสต์ศาสนาเช่นกัน 53 00:05:06,330 --> 00:05:09,430 ความหมายแท้จริงของมันอาจต้องถอดรหัสอย่างลึกซึ้ง 54 00:05:09,455 --> 00:05:14,310 แต่มันก็เหมือนกับที่มีในวัฒนธรรมโบราณอื่นๆ 55 00:05:14,310 --> 00:05:19,270 ในคริสต์ศาสนา มักพบนกหรือนกพิราบอยู่เบื้องบนศรีษะของพระคริสต์ 56 00:05:19,270 --> 00:05:23,605 แสดงถึงจิตวิญญาณอันศักดิ์สิทธิ์ หรือกุณฑาลินีศักติ 57 00:05:23,630 --> 00:05:29,110 เมื่อมันขึ้นมาถึงจักระที่หกและเหนือกว่านั้น 58 00:05:31,460 --> 00:05:36,110 ความขลังของคริสต์ศาสนาที่เรียกอีกชื่อว่ากุณฑาลินีหรือจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ 59 00:05:38,610 --> 00:05:45,330 ในคัมภีร์ไบเบิล ยอห์น 3:12 กล่าวว่า "และเมื่อโมเสสยกงูขึ้นไปในที่อันไพศาล 60 00:05:45,330 --> 00:05:51,120 บุตรชายแห่งมนุษย์ก็จำต้องถูกยกขึ้นด้วย" 61 00:05:51,120 --> 00:05:56,210 พระเยซูและโมเสสปลุกพลังกุณฑาลินีของตนเอง ซึ่งนำความรู้สึกตัวที่ตื่นพร้อม 62 00:05:56,260 --> 00:06:03,310 ให้เกิดขึ้นบนความไร้สำนึกแห่งพลังสัตว์เลื้อยคลานซึ่งเป็นตัวขับเคลื่อนแรงปรารถนาในมนุษย์ 63 00:06:03,370 --> 00:06:07,700 ว่ากันว่าพระเยซูใช้เวลา 40 วัน 40 คืนในทะเลทราย 64 00:06:07,750 --> 00:06:12,550 ระหว่างที่ท่านถูกทดสอบโดยซาตาน 65 00:06:14,850 --> 00:06:17,470 ในทำนองเดียวกัน พระพุทธเจ้าก็ถูกทดสอบโดยพญามาร 66 00:06:17,570 --> 00:06:26,220 เมื่อท่านนั่งกำลังจะตรัสรู้อยู่ใต้ต้นโพธิ์หรือต้นไม้แห่งปัญญา 67 00:06:26,889 --> 00:06:37,350 ทั้งพระเยซูและพระพุทธเจ้าได้หันหลังให้กับแรงดึงดูดแห่งความรู้สึกพอใจและการยึดมั่นถือมั่นในโลก 68 00:06:38,069 --> 00:06:46,669 ในตำนานแต่ละเรื่อง ปีศาจเป็นบุคลาธิษฐานของความยึดติดส่วนตน 69 00:07:01,139 --> 00:07:06,609 หากเราอ่านตำนานอดัมและอีฟในมุมมองของวัฒนธรรมพระเวทและอียิปต์ 70 00:07:06,659 --> 00:07:11,180 เราจะพบว่างูที่เฝ้าต้นไม้แห่งชีวิตคือกุณฑาลินี 71 00:07:11,230 --> 00:07:16,340 ลูกแอปเปิ้ลเป็นตัวแทนของแรงดึงดูดใจและการล่อลวงของประสาทสัมผัสแห่งโลกภายนอก 72 00:07:16,390 --> 00:07:19,649 ซึ่งแยกพวกเราออกจากความรู้แห่งโลกภายใน 73 00:07:19,699 --> 00:07:26,699 ต้นไม้แห่งความรู้ภายใน 74 00:07:33,620 --> 00:07:38,530 ต้นไม้ก็คือโครงข่ายของนาดีสหรือเส้นแวงแห่งพลังงานภายในตัวเรา 75 00:07:38,580 --> 00:07:45,330 ซึ่งตามที่เขียนไว้กล่าวว่ามีโครงสร้างคล้ายต้นไม้แผ่ไปทั่วร่างกาย 76 00:07:45,380 --> 00:07:48,470 ในการค้นหาอย่างเห็นแก่ตัวให้ได้มาซึ่งความพอใจภายนอก 77 00:07:48,470 --> 00:07:52,720 เราได้ตัดตนเองออกจากความรู้แห่งโลกภายใน 78 00:07:52,770 --> 00:08:01,720 ความเชื่อมโยงของพวกเราที่มีต่ออากาสาและแหล่งปัญญา 79 00:08:07,060 --> 00:08:09,759 ตำนานอภินิหารในประวัติศาสตร์จำนวนมากของโลกเกี่ยวกับมังกร 80 00:08:09,759 --> 00:08:12,120 สามารถตีความได้ว่าเทียบเท่ากับพลังภายใน 81 00:08:12,170 --> 00:08:15,560 ของวัฒนธรรมทั้งหลายที่พวกมันหยั่งรากลงไป 82 00:08:15,560 --> 00:08:22,560 ในประเทศจีน มังกรยังคงเป็นสัญลักษณ์ศักดิ์สิทธิ์แทนความสุข 83 00:08:24,189 --> 00:08:27,770 เช่นเดียวกับฟาโรห์แห่งอียิปต์ จักพรรดิ์จีนโบราณ 84 00:08:27,770 --> 00:08:30,819 ผู้ซึ่งได้ปลุกพลังงานแห่งวิวัฒนาการให้ตื่นแล้ว 85 00:08:30,819 --> 00:08:36,169 ถูกแทนด้วยงูมีปีกหรือมังกร 86 00:08:36,169 --> 00:08:40,578 รูปสลักบนเสาประจำราชวงศ์เง็กเซียนฮ่องเต้ หรือจักรพรรดิ์แห่งสรวงสวรรค์ 87 00:08:40,578 --> 00:08:46,110 แสดงถึงสมดุลที่คล้ายกับอิดะและปิงคละ 88 00:08:46,110 --> 00:08:50,200 หยินหยางของลัทธิเต๋า, หรือจุดศูนย์กลางต่อมไพเนียลที่ตื่นแล้ว 89 00:08:50,200 --> 00:08:57,200 หรือที่เต๋าเรียกกันว่าจุดตันเถียนบน 90 00:09:06,829 --> 00:09:11,240 ธรรมชาติเต็มไปด้วยการตรวจจับแสงและกลไกการนำเข้าต่างๆกัน 91 00:09:11,320 --> 00:09:15,880 ตัวอย่างเช่น หอยเม่นทะเลมองเห็นได้ด้วยตัวที่เต็มไปด้วยหนามของมัน 92 00:09:15,880 --> 00:09:19,730 ซึ่งทำหน้าที่เสมือนดวงตาขนาดใหญ่ดวงหนึ่ง 93 00:09:19,830 --> 00:09:22,730 หอยเม่นตรวจจับแสงที่ตกกระทบหนามของมัน 94 00:09:22,730 --> 00:09:29,730 และเปรียบเทียบความเข้มของลำแสงเพื่อประเมินสิ่งที่อยู่รอบตัว 95 00:09:36,940 --> 00:09:40,260 อีกัวน่าสีเขียวและสัตว์เลื้อยคลานชนิดอื่นๆมีดวงตาซึ่งมีผนังหุ้ม 96 00:09:40,260 --> 00:09:43,030 หรือต่อมไพเนียลอยู่ส่วนบนสุดของหัว 97 00:09:56,890 --> 00:10:00,300 ต่อมไพเนียลในคนเป็นต่อมไร้ท่อขนาดเล็ก 98 00:10:00,300 --> 00:10:04,410 ซึ่งช่วยวางระเบียบรูปแบบการตื่นและการหลับ 99 00:10:04,410 --> 00:10:06,950 แม้ว่ามันจะถูกฝังลึกลงไปข้างในหัว 100 00:10:06,950 --> 00:10:12,040 แต่ต่อมไพเนียลนี้ไวต่อแสงมาก 101 00:10:12,040 --> 00:10:15,120 นักปรัชญาชื่อ เดการ์ต ยอมรับว่าพื้นที่ตั้งของต่อมไพเนียล 102 00:10:15,120 --> 00:10:20,430 หรือดวงตาที่สามนั้นเป็นส่วนต่อประสานระหว่างความรู้สึกตัวกับวัตถุ 103 00:10:20,480 --> 00:10:23,489 เกือบทุกอย่างในตัวมนุษย์จัดว่ามีความสมมาตร 104 00:10:23,539 --> 00:10:30,539 สองตา สองหู สองรูจมูก แม้แต่สมองยังมีสองซีก 105 00:10:30,589 --> 00:10:33,970 แต่มีอยู่ที่หนึ่งในสมองที่ไม่มีคู่สะท้อน 106 00:10:33,970 --> 00:10:40,029 นั่นก็คือที่ตั้งของต่อมไพเนียลและศูนย์กลางพลังงานซึ่งล้อมรอบมันอยู่ 107 00:10:40,029 --> 00:10:43,170 ในระดับกายภาพ โมเลกุลพิเศษได้ถูกสร้างขึ้นตามธรรมชาติ 108 00:10:43,170 --> 00:10:48,260 โดยต่อมไพเนียลนี้ ตัวอย่างเช่น ดีเอ็มที (DMT) 109 00:10:48,460 --> 00:10:52,810 DMT ถูกสร้างขึ้นตามธรรมชาติในขณะที่เกิดและขณะที่ตาย 110 00:10:52,810 --> 00:11:01,460 ตามความหมายแล้วทำหน้าที่เป็นสะพานพิเศษเชื่อมระหว่างโลกแห่งสิ่งชีวิตและสิ่งที่ตายแล้ว 111 00:11:01,710 --> 00:11:06,909 DMT ยังถูกผลิตขึ้นตามธรรมชาติในสภาวะเข้าฌานลึกและเป็นสมาธิ 112 00:11:06,959 --> 00:11:09,990 หรือผ่านพิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ 113 00:11:10,090 --> 00:11:15,819 ตัวอย่างเช่น ต้นอายาวัสกา (Ayahuasca) ถูกใช้ในพิธีเข้าทรงในอเมริกาใต้ 114 00:11:15,869 --> 00:11:21,619 เพื่อทำลายม่านกั้นระหว่างโลกภายในและโลกภายนอก 115 00:11:23,170 --> 00:11:27,300 คำว่า "ไพเนียล" มีรากศัพท์เดียวกับคำว่า "ไพน์ คอร์น (ลูกสน)" 116 00:11:27,350 --> 00:11:32,680 เพราะต่อมไพเนียลแสดงลักษณะของวงก้นหอยที่คล้ายคลึงกับรูปแบบการเรียงใบพืช (phyllotaxis) 117 00:11:32,680 --> 00:11:36,370 รูปแบบนี้ เป็นที่รู้จักในอีกชื่อหนึ่งว่า "ดอกไม้แห่งชีวิต" 118 00:11:36,370 --> 00:11:41,209 ซึ่งเป็นรูปแบบสามัญในงานศิลปะโบราณใช้อธิบายถึงผู้ตรัสรู้แล้วหรือผู้ที่ตื่นแล้ว 119 00:11:41,209 --> 00:11:44,220 เมื่อรูปลูกสนปรากฎในงานศิลปะเพื่อสักการะพระเจ้า 120 00:11:44,320 --> 00:11:49,730 มันแสดงถึงดวงตาที่สามที่ตื่นแล้ว ความรู้สึกตัวในจุดเดียว 121 00:11:49,730 --> 00:11:54,670 นำกระแสของพลังแห่งวิวัฒนาการ 122 00:11:54,670 --> 00:11:58,589 ลูกสนเป็นตัวแทนแห่งการเบ่งบานของจักระส่วนบนทั้งหลาย 123 00:11:58,589 --> 00:12:05,589 ซึ่งจะถูกกระตุ้นเมื่อกระแสในสุษุมนาพุ่งขึ้นสู่จักระอาชณาและเหนือจากนั้น 124 00:12:06,570 --> 00:12:10,779 ในเทพนิยายกรีก ผู้บูชาเทพไดโอนิซัสถือช่อกระจุกแยกแขนง (thyrsus) 125 00:12:10,829 --> 00:12:16,410 หรือไม้เท้ายักษ์ที่มีเถาองุ่นพันเป็นเกลียวบนยอดเป็นลูกสน 126 00:12:16,410 --> 00:12:21,030 อีกครั้ง มันเป็นตัวแทนของพลังแห่งไดโอนิซัสหรือกุณฑาลินีศักติ 127 00:12:21,080 --> 00:12:27,880 ที่เคลื่อนตัวผ่านกระดูกสันหลังขึ้นสู่ส่วนไพเนียลที่จักระที่หก 128 00:12:31,130 --> 00:12:35,950 ที่ใจกลางกรุงวาติกัน เธออาจคาดว่าคงมีรูปปั้นที่ยิ่งใหญ่ของพระเยซูหรือพระแม่มารี 129 00:12:36,000 --> 00:12:39,620 แต่แทนที่จะเป็นอย่างนั้น เรากลับพบอนุสาวรีย์ลูกสนยักษ์ 130 00:12:39,670 --> 00:12:42,040 แสดงให้เห็นว่าในประวัติศาสตร์ของชาวคริสเตียน 131 00:12:44,960 --> 00:12:48,630 แต่ไม่ทราบว่าด้วยเหตุผลใด มันถูกเก็บงำเอาไว้จากคนหมู่มาก 132 00:12:48,730 --> 00:12:50,610 คำอธิบายอย่างเป็นทางการของโบสถ์คือ 133 00:12:50,660 --> 00:12:58,460 ลูกสนเป็นสัญลักษณ์ของการฟื้นฟูใหม่และแสดงถึงชีวิตใหม่ในตัวพระคริสต์ 134 00:13:10,840 --> 00:13:15,340 นักปรัชญาและจอมขมังเวทย์ในศตวรรษที่ 13 ชื่อ ไมสเตอร์ เอคคาร์ท กล่าวว่า 135 00:13:15,380 --> 00:13:20,530 "ดวงตาที่พระเจ้าเห็นฉัน และดวงตาที่ฉันเห็นพระเจ้า 136 00:13:20,630 --> 00:13:25,560 คือหนึ่งเดียวและเหมือนกัน" 137 00:13:25,560 --> 00:13:31,160 ในคัมภีร์ไบเบิ้ลฉบับคิงส์เจมส์ พระเยซูกล่าวว่า "แสงแห่งกายคือดวงตา 138 00:13:31,160 --> 00:13:38,160 ดังนั้นหากตาเธอเป็นเอก ทั่วกายของเธอย่อมเต็มไปด้วยแสง" 139 00:13:47,240 --> 00:13:52,989 โรงเรียนสอนศาสนาพุทธบางแห่งกล่าวว่า "กายก็คือดวงตา" 140 00:13:53,039 --> 00:13:57,560 ในสภาวะแห่งสมาธิ เราเป็นทั้งผู้ดูและผู้ถูกดู 141 00:13:57,560 --> 00:14:04,560 เราคือจักรวาลที่ตระหนักรู้ตัวมันเอง 142 00:14:13,930 --> 00:14:19,220 เมื่อกุณฑาลินีถูกกระตุ้น มันจะปลุกเร้าจักระที่หกและศูนย์กลางไพเนียล 143 00:14:19,270 --> 00:14:24,580 แล้วพื้นที่บริเวณนั้นจะเริ่มฟื้นคืนสู่หน้าที่บางอย่างที่มันมีเกี่ยวกับวิวัฒนาการ 144 00:14:26,710 --> 00:14:29,310 การเข้าฌานในความมืดถูกใช้มานับเป็นพันๆปีแล้ว 145 00:14:29,310 --> 00:14:35,520 ในฐานะที่เป็นวิธีกระตุ้นจักระที่หกที่อยู่ในบริเวณต่อมไพเนียล 146 00:14:35,570 --> 00:14:41,670 การกระตุ้นศูนย์กลางดังกล่าวทำให้บุคคลสามารถมองเห็นแสงภายในตัวเขาได้ 147 00:14:41,670 --> 00:14:46,070 ไม่ว่าจะเป็นโยคีผู้เลื่องชื่อ หรือหมอผีผู้ปลีกวิเวกอยู่ในถ้ำ 148 00:14:46,170 --> 00:14:50,229 หรือนักพรตเต๋า หรือผู้ก่อตั้งเผ่ามายา หรือพระทิเบต 149 00:14:57,170 --> 00:15:04,670 ต่อมไพเนียลคือทางเข้าสู่การรับประสบการณ์แห่งพลังลึกลับของบุคคลโดยตรง 150 00:15:04,770 --> 00:15:09,829 นักปรัชญาชื่อ นิตเช่ กล่าวว่า "หากคุณจ้องเข้าไปในหุบเหวจนนานพอ 151 00:15:09,929 --> 00:15:17,029 ในที่สุดคุณจะพบว่าหุบเหวจ้องกลับมาที่คุณ" 152 00:15:19,509 --> 00:15:25,959 เพิงหินหรือที่เก็บศพโบราณจัดเป็นสิ่งก่อสร้างเก่าแก่ที่สุดที่ยังคงเหลืออยู่ในโลก 153 00:15:26,059 --> 00:15:30,680 ส่วนใหญ่สร้างขึ้นในยุคหินใหม่คือ 3000-4000 ปีก่อนคริสต์ศักราช 154 00:15:30,780 --> 00:15:35,480 และมีบางส่วนอยู่ในยุโรปตะวันตกซึ่งมีอายุกว่า 7000 ปี 155 00:15:35,730 --> 00:15:39,419 เพิงหินถูกใช้เพื่อเข้าฌานแบบต่อเนื่อง 156 00:15:39,719 --> 00:15:46,369 ซึ่งเป็นวิธีหนึ่งสำหรับมนุษย์ที่จะสร้างสะพานเชื่อมระหว่างโลกภายในและโลกภายนอก 157 00:15:47,029 --> 00:15:49,930 เมื่อบุคคลเข้าฌานท่ามกลางความมืดสนิทอย่างต่อเนื่อง 158 00:15:50,180 --> 00:15:58,830 ในที่สุดเขาก็จะเริ่มสังเกตเห็นพลังภายในหรือแสงเมื่อดวงตาที่สามใช้งานได้ 159 00:15:59,579 --> 00:16:04,049 จังหวะวงจรชีวิต (circadian rhythm) ซึ่งถูกควบคุมโดยการโคจรของดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ 160 00:16:04,199 --> 00:16:06,799 ไม่ได้ควบคุมการทำงานของร่างกายอีกต่อไป 161 00:16:16,509 --> 00:16:19,110 จักระที่เจ็ด เมื่อหลายพันปีก่อน 162 00:16:19,110 --> 00:16:21,920 ถูกแทนด้วยสัญลักษณ์ "โอม" 163 00:16:21,920 --> 00:16:28,459 ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ที่ถูกสร้างขึ้นด้วยเครื่องหมายในภาษาสันสกฤตแสดงถึงธาตุองค์ประกอบต่างๆ 164 00:16:28,459 --> 00:16:30,989 เมื่อกุณฑาลินีขึ้นมาจนอยู่เหนือจักระที่หก 165 00:16:31,089 --> 00:16:34,350 มันเริ่มสร้างรัศมีแห่งพลังงาน (energy halo) 166 00:16:34,400 --> 00:17:00,010 รัศมีปรากฎอย่างสม่ำเสมอในงานวาดรูปทางศาสนาของหลายวัฒนธรรมในทุกที่ทั่วโลก 167 00:17:30,810 --> 00:17:36,060 รัศมี หรือการแสดงออกถึงสัญลักษณ์แห่งพลังงานรอบๆผู้ที่ตื่นแล้ว 168 00:17:36,080 --> 00:17:41,790 เป็นสิ่งสามัญที่พบเห็นได้ในทุกศาสนาและทุกส่วนของโลก 169 00:17:42,760 --> 00:17:46,390 กระบวนวิวัฒนาการแห่งการตื่นของจักระทั้งหลาย 170 00:17:46,390 --> 00:17:49,620 ไม่ใช่กรรมสิทธ์ของคนกลุ่มหนึ่งหรือศาสนาหนึ่ง 171 00:17:49,640 --> 00:18:05,300 มันเป็นสิทธิโดยกำเนิดของมนุษยชาติทุกคนบนดาวดวงนี้ 172 00:18:07,770 --> 00:18:12,180 จักระกระหม่อมเป็นที่เชื่อมต่อกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ 173 00:18:12,180 --> 00:18:15,080 ซึ่งอยู่เหนือทวิลักษณ์ 174 00:18:15,120 --> 00:18:20,590 เหนือชื่อเรียกและรูปแบบ 175 00:18:21,770 --> 00:18:28,400 อเคนาเทนคือฟาโรห์ ผู้ซึ่งมีพระมเหสีชื่อเนเฟอร์ตีติ 176 00:18:28,400 --> 00:18:32,020 เขาถูกกล่าวถึงในนามของบุตรแห่งดวงอาทิตย์ 177 00:18:32,020 --> 00:18:37,320 เขาค้นพบ "อเทน" หรือคำแห่งพระเจ้าภายในตัวเขา 178 00:18:37,320 --> 00:18:44,320 ซึ่งผสานกุณฑาลินีและความรู้สึกตัวเข้าด้วยกัน 179 00:18:47,060 --> 00:18:49,020 ในประติมานวิทยาของอียิปต์ 180 00:19:03,940 --> 00:19:06,620 ในประเพณีของชาวฮินดูและโยคีทั้งหลาย รัศมีนี้เรียกว่า 181 00:19:06,620 --> 00:19:13,620 "สหัสราระ", ดอกบัวพันกลีบ 182 00:19:17,640 --> 00:19:23,410 พระพุทธเจ้าถูกเชื่อมโยงเข้ากับสัญลักษณ์แห่งดอกบัว 183 00:19:23,430 --> 00:19:25,020 รูปแบบการเรียงกลีบในสหัสราระ 184 00:19:29,040 --> 00:19:31,690 มันคือรูปแบบของดอกไม้แห่งชีวิต 185 00:19:31,730 --> 00:19:33,390 เมล็ดพันธุ์แห่งชีวิต 186 00:19:33,430 --> 00:19:37,440 มันเป็นรูปแบบพื้นฐานซึ่งนำไปสู่ความลงตัวของทุกรูปแบบ 187 00:19:37,460 --> 00:19:50,980 มันเป็นรูปร่างของอวกาศ หรือคุณสมบัติโดยกำเนิดของอากาสา 188 00:19:54,140 --> 00:20:02,040 มีครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ที่สัญลักษณ์ดอกไม้แห่งชีวิตถูกเผยแพร่ไปทั่วโลก 189 00:20:02,610 --> 00:20:05,340 พบว่าดอกไม้แห่งชีวิตถูกคุ้มครองไว้โดยสิงโตทั้งหลาย 190 00:20:05,360 --> 00:20:14,860 ในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์เกือบทั้งหมดในประเทศจีนและสถานที่อื่นๆในเอเชีย 191 00:20:16,030 --> 00:20:21,620 เฮกซาแกรม (hexagrams) จำนวน 64 รูปของอี้จิงที่อยู่รอบๆสัญลักษณ์หยินหยาง 192 00:20:21,700 --> 00:20:26,950 ก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่แสดงถึงดอกไม้แห่งชีวิต 193 00:20:27,070 --> 00:20:30,100 ภายในดอกไม้แห่งชีวิต ก็คือพื้นฐานทางเรขาคณิต 194 00:20:30,100 --> 00:20:32,520 สำหรับทุกทรงตันเพลโต (platonic solids) 195 00:20:32,620 --> 00:20:37,360 ซึ่งโดยพื้นฐานแล้วทุกรูปทรงสามารถเกิดขึ้นได้ 196 00:20:37,380 --> 00:20:39,930 ดอกไม้แห่งชีวิตโบราณเริ่มด้วยทรงเรขาคณิต 197 00:20:39,930 --> 00:20:45,090 ของดวงดาวแห่งเดวิด หรือรูปสามเหลี่ยมหงายขึ้นและหงายลงประกบกัน 198 00:20:45,130 --> 00:20:49,460 หรือในรูปทรงสามมิติ สิ่งเหล่านี้จัดอยู่ในโครงสร้างแบบเตตระฮีดรอน (ปิรามิดฐานสามเหลี่ยมสี่หน้า) 199 00:20:49,480 --> 00:20:55,500 สัญลักษณ์นี้คือยันตระ ซึ่งเป็นโปรแกรมชนิดหนึ่งที่ดำรงอยู่ในจักรวาล 200 00:20:55,540 --> 00:21:00,580 เป็นเครื่องจักรที่สร้างโลกแห่งแฟร็คทัลของพวกเรา 201 00:21:01,020 --> 00:21:06,090 ยันตระถูกใช้เป็นเครื่องมือสำหรับปลุกความรู้สึกตัวมาได้กว่าพันปีแล้ว 202 00:21:06,410 --> 00:21:10,610 รูปแบบที่เห็นได้ด้วยตาของยันตระคือการแสดงออกภายนอก 203 00:21:10,650 --> 00:21:17,650 ของกระบวนการภายในแห่งการเผยตัวทางจิตวิญญาณ 204 00:21:17,870 --> 00:21:21,780 มันเป็นเพลงซ่อนเร้นแห่งจักรวาลที่ถูกทำให้มองเห็นได้ 205 00:21:21,780 --> 00:21:29,540 ประกอบด้วยรูปทรงเรขาคณิตที่ตัดกันและรูปแบบการแทรกซ้อนต่างๆ 206 00:21:39,230 --> 00:21:44,920 แต่ละจักระคือดอกบัว ยันตระ ศูนย์กลางแห่งจิตและกาย 207 00:21:44,980 --> 00:21:51,980 ที่ซึ่งได้รับประสบการณ์ของโลกทั้งโลกผ่านมัน 208 00:22:16,690 --> 00:22:20,990 ยันตระตามประเพณี เช่นแบบที่พบในประเพณีทิเบต 209 00:22:21,050 --> 00:22:24,410 ได้ถูกสวมไว้ด้วยหลากชั้นแห่งความหมายอันอุดม 210 00:22:24,510 --> 00:22:29,630 ซึ่งบางครั้งก็รวมเข้าไว้ในวิสัยทัศน์แห่งจักรวาลและโลกอย่างสมบูรณ์แบบ 211 00:22:29,680 --> 00:22:32,700 ยันตระคือรูปแบบของการพัฒนาอย่างคงที่ 212 00:22:32,750 --> 00:22:37,500 ซึ่งทำงานผ่านพลังแห่งการเกิดซ้ำ หรือการทำซ้ำของวัฏจักร 213 00:22:37,580 --> 00:22:41,430 พลังของยันตระคือทุกอย่างแต่มันได้สูญหายไปแล้วในโลกปัจจุบัน 214 00:22:41,630 --> 00:22:45,070 เพราะพวกเราค้นหาความหมายเพียงในรูปแบบภายนอก 215 00:22:45,070 --> 00:22:51,720 และพวกเราก็ไม่ได้เชื่อมต่อกับพลังภายในของเราผ่านเจตนา 216 00:22:59,100 --> 00:23:01,640 มันมีเหตุผลทีเดียวที่นักบวช พระ และโยคี 217 00:23:01,640 --> 00:23:04,260 ตามประเพณีแล้วต้องอยู่เป็นโสด 218 00:23:04,260 --> 00:23:08,430 ทุกวันนี้ก็เป็นอย่างนั้นแต่มีเพียงจำนวนน้อยที่รู้ว่าทำไมพวกเขาต้องฝึกละเว้นการมีเพศสัมพันธ์ 219 00:23:08,480 --> 00:23:11,540 เพราะจุดประสงค์ที่แท้จริงได้สูญหายไปแล้ว 220 00:23:11,590 --> 00:23:15,870 อธิบายง่ายๆ หากพลังงานของเธอถูกใช้ไปในการผลิตตัวอสุจิหรือไข่เสียแล้ว 221 00:23:15,870 --> 00:23:20,680 กรณีอย่างนี้ย่อมมีเชื้อเพลิงเหลือไม่มากที่จะส่งกุณฑาลินีให้พุ่งขึ้น 222 00:23:20,780 --> 00:23:24,120 เพื่อไปกระตุ้นจักระต่างๆที่อยู่สูงขึ้นไป 223 00:23:24,170 --> 00:23:32,620 กุณฑาลินีคือพลังชีวิต ซึ่งก็คือพลังทางเพศด้วย 224 00:23:34,200 --> 00:23:37,550 เมื่อความตระหนักรู้มุ่งไปที่แรงเร้าแห่งสัตว์น้อยลง 225 00:23:37,550 --> 00:23:41,725 และถูกวางไว้ในวัตถุที่สะท้อนถึงจักระต่างๆที่อยู่สูงกว่า 226 00:23:41,750 --> 00:23:48,800 พลังจะไหลผ่านกระดูกสันหลังขึ้นไปสู่จักระทั้งหลายเหล่านั้น 227 00:23:49,525 --> 00:23:54,590 แบบฝึกหัดตันตระจำนวนมากสอนวิธีควบคุมพลังเพศ 228 00:23:54,615 --> 00:24:04,165 ดังนั้นมันจึงสามารถใช้เพื่อวิวัฒนาการทางจิตวิญญาณในระดับสูงกว่า 229 00:24:06,960 --> 00:24:09,575 สภาวะแห่งการรู้สึกตัวของเธอสร้างเงื่อนไขที่เหมาะสม 230 00:24:09,600 --> 00:24:12,345 สำหรับพลังงานของเธอให้มีความสามารถในการเติบโต 231 00:24:12,395 --> 00:24:15,890 การเข้าสู่ภาวะแห่งการรู้สึกตัวใช้เวลาไม่นาน 232 00:24:15,890 --> 00:24:21,725 อย่างที่ เอกฮาร์ต โทลเล่ กล่าวว่า "ความตระหนักรู้และการดำรงอยู่เกิดขึ้นในปัจจุบันขณะเสมอ" 233 00:24:21,725 --> 00:24:24,030 หากเธอกำลังพยายามกระทำบางสิ่งให้เกิดขึ้น 234 00:24:24,055 --> 00:24:27,965 นั่นคือเธอกำลังสร้างแรงต้านทานสิ่งที่กำลังเป็นอยู่ 235 00:24:28,015 --> 00:24:30,410 มันคือการกำจัดแรงต้านทั้งหมด 236 00:24:30,410 --> 00:24:36,410 ที่ยอมให้พลังแห่งวิวัฒนาการเผยตัวออกมา 237 00:24:37,810 --> 00:24:41,625 ในวัฒนธรรมโยคะโบราณ ท่าร่างต่างๆของโยคะถูกใช้ 238 00:24:41,650 --> 00:24:44,600 เพื่อเตรียมร่างกายให้พร้อมสำหรับเข้าฌาน 239 00:24:44,650 --> 00:24:49,255 หฐโยคะไม่ได้เจตนาให้เป็นการออกกำลังกายเสียทั้งหมด 240 00:24:49,330 --> 00:24:54,250 แต่เป็นวิธีเชื่อมโลกภายในและโลกภายนอกของบุคคล 241 00:24:54,300 --> 00:25:01,450 คำสันสกฤตว่า "หฐ" หมายถึงดวงอาทิตย์ "ห" และดวงจันทร์ "ฐ" 242 00:25:01,835 --> 00:25:05,080 ในโยคะดั้งเดิมพระสูตรของปตัญชลี 243 00:25:05,080 --> 00:25:07,155 มีองค์แปดแห่งโยคะ 244 00:25:07,180 --> 00:25:10,745 ซึ่งมีผู้นำมาเทียบเคียงกับมรรคแปดแห่งพระพุทธเจ้า 245 00:25:10,770 --> 00:25:14,480 ในแง่ของความเป็นอิสระจากความทุกข์ทรมาน 246 00:25:14,500 --> 00:25:17,780 เมื่อขั้วทั้งสองของโลกแห่งทวิลักษณ์อยู่ในสมดุล 247 00:25:17,780 --> 00:25:20,830 สิ่งที่สามได้ถือกำเนิดขึ้น 248 00:25:20,850 --> 00:25:23,510 เราพบกุญแจทองอันลึกลับที่ไข 249 00:25:23,550 --> 00:25:27,750 พลังแห่งวิวัฒนาการของธรรมชาติ 250 00:25:27,770 --> 00:25:40,020 การสังเคราะห์กันของดวงอาทิตย์และดวงจันทร์เช่นนี้ คือพลังแห่งวิวัฒนาการของพวกเรา 251 00:25:43,370 --> 00:25:46,080 เพราะมนุษย์ในปัจจุบันถูกนิยามอย่างผูกขาด 252 00:25:46,130 --> 00:25:49,210 ด้วยความคิดของพวกเขาและโลกภายนอก 253 00:25:49,230 --> 00:25:53,820 น้อยนักที่บุคคลจะเข้าถึงสมดุลของแรงภายในและภายนอก 254 00:25:53,890 --> 00:25:57,920 ซึ่งจะยอมให้กุณฑาลินีตื่นขึ้นเองตามธรรมชาติ 255 00:25:59,320 --> 00:26:02,170 สำหรับผู้ซึ่งให้นิยามโดยใช้เฉพาะสิ่งลวงตา 256 00:26:02,270 --> 00:26:06,300 กุณฑาลินีย่อมเป็นเพียงการอุปมา 257 00:26:08,300 --> 00:26:10,280 ความคิดเห็น 258 00:26:10,430 --> 00:01:42,150 มากกว่าที่จะเป็นประสบการณ์ตรงแห่งพลังงานและความรู้สึกตัวของบุคคล 259 00:01:42,150 --> 00:01:48,650 ตอนที่ 3 งูและดอกบัว 260 00:12:42,050 --> 00:12:44,900 น่าจะมีความรู้เรื่องจักระและกุณฑาลินี 261 00:14:50,349 --> 00:14:57,099 ในทุกประเพณีปฏิบัติมีช่วงเวลาที่ผู้บำเพ็ญต้องเข้าไปอยู่ในความมืดเพียงลำพัง 262 00:18:53,320 --> 00:18:49,080 ที่เห็นบนศรีษะของพระเจ้าหรือผู้ที่ตื่นรู้แล้ว 263 00:18:49,080 --> 00:18:53,300 อีกครั้งหนึ่ง ที่ความรู้สึกตัวอันถูกปลุกจนตื่นแล้วถูกแสดงด้วยดวงอาทิตย์ 264 00:19:25,020 --> 00:09:43,100 เป็นรูปแบบเดียวกับที่พบในดอกบัวบาน 265 00:09:43,100 --> 00:09:50,000 ซึ่งพวกมันใช้สำหรับตรวจจับนักล่าจากด้านบน 266 00:16:06,800 --> 00:16:09,650 และจังหวะใหม่ได้ถูกสร้างขึ้นแล้ว