สวัสดีค่า วิวจากแชนเนล Point of View ค่ะ ในสัปดาห์ที่ผ่านมาเนี่ยนะคะ ปฏิเสธไม่ได้เลยว่ามีข่าวๆ หนึ่งใหญ่มากในประเทศไทยค่ะ ก็คือข่าวสมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส เสด็จเยือนประเทศไทย ใช่ไหมคะ? ซึ่งแน่นอนค่ะว่า เป็นเรื่องใหญ่มากๆ เลยนะ เพราะว่า ถือว่าเป็นการที่สมเด็จพระสันตะปาปาเนี่ย เสด็จเยือนประเทศไทยครั้งแรกในรอบ 35 ปีเลยนะคะ ซึ่งคราวที่แล้วก็เป็นสมเด็จพระสันตะปาปาจอห์น ปอลที่ 2 เนอะ เราเห็นกันในภาพข่าวแล้วใช่ไหมคะ? ว่าชาวคริสต์ที่นับถือนิกายโรมันคาทอลิกเนี่ย ก็ปลาบปลื้มกันมากๆ ค่ะ ออกไปต้อนรับสมเด็จพระสันตะปาปา ออกไปเข้าเฝ้ากันอย่างล้นหลามเลย แต่เชื่อว่าหลายๆ คนนะคะ ที่ไม่ใช่ชาวคริสต์นิกายโรมันคาทอลิกเนี่ย ก็จะเกิดความสงสัยขึ้นในใจว่า ท่านเป็นใคร? คือรู้แหละว่าท่านเป็นบุคคลสำคัญ แต่สำคัญระดับไหน? ดังนั้นวันนี้นะคะ วิวก็เลยไปค้นหาข้อมูลมา เพื่อที่จะนำมาเล่าให้ทุกคนฟังค่ะว่า สมเด็จพระสันตะปาปาคือใคร? กว่าจะมาเป็นสมเด็จพระสันตะปาปาเนี่ย ต้องผ่านขั้นตอนอะไรมาบ้าง? และสุดท้าย ใครบ้างที่มีสิทธิ์เป็นสมเด็จพระสันตะปาปา? นะคะ ซึ่งเชื่อว่าพอฟังทุกขั้นตอนแล้วเนี่ยนะคะ ทุกคนจะเข้าใจถึงความยิ่งใหญ่เลยค่ะ ว่าทำไมการที่สมเด็จพระสันตะปาปาเนี่ย เสด็จเยือนประเทศไทย ถึงเป็นอะไรที่สุดยอดมากๆ ค่ะ แต่ที่สำคัญนะคะ ก่อนที่จะไปฟัง เรื่องราวเกี่ยวกับสมเด็จพระสันตะปาปากันเนี่ย อย่าลืมกดติดตามวิวให้ครบทุกช่องทางค่ะ ไม่ว่าจะเป็นทาง Youtube, Facebook, Twitter, Instagram นะคะ สัญญาว่าจะมีคลิปวิดีโอสนุกๆ อีกมากมายให้ทุกคนได้ชมค่ะ แล้วก็มีข่าวสารดีๆ มาบอกกันด้วยนะคะ สำหรับตอนนี้ พร้อมจะไปฟัง เรื่องราวที่ทั้งสนุก แล้วก็ได้สาระกันรึยังคะ? ถ้าพร้อมกันแล้วก็ไปฟังกันเลยค่ะ ขออนุญาตออกตัวก่อนนะคะ ก่อนที่จะเริ่มเล่าค่ะว่า ในบางจุดบางตอนเนี่ย วิวอาจจะใช้คำราชาศัพท์ไม่เป๊ะบ้าง อาจจะใช้ศัพท์เฉพาะที่แปลมาเป็นภาษาไทย ไม่ตรงกับที่คริสตจักรในไทยใช้ บ้างนะคะ ดังนั้นเชื่อว่าคนดูของวิวหลายๆ คนเนี่ยเป็นชาวคริสต์ค่ะ สามารถคอมเมนต์เพิ่มเติมมาด้านล่าง เพิ่มความรู้ให้วิวได้เลยนะคะ ที่วิวจะนำมาเล่าวันนี้อาจจะเป็นข้อมูลคร่าวๆ เป็นความรู้เบื้องต้นให้กับคนที่ไม่ทราบเลยนะคะ ว่าสมเด็จพระสันตะปาปาคือใคร และขั้นตอนกว่าจะมาเป็นสมเด็จพระสันตะปาปาเนี่ย ผ่านอะไรมาบ้างค่ะ ส่วนใครอยากอ่านเพิ่มเติมเองนะคะ วิวลงอ้างอิงไว้ให้ด้านล่างแล้ว สามารถไปดูได้ค่ะ เอาละ เริ่มกันเลยดีกว่านะคะ ตำแหน่งสมเด็จพระสันตะปาปา หรือที่เราเรียกว่า Pope เนี่ยนะคะ คือตำแหน่งประมุขของคริสตจักรโรมันคาทอลิกค่ะ ซึ่งเป็นตำแหน่งที่สืบทอดมาจากนักบุญเปโตรนะคะ หรือที่หลายๆ คนจะคุ้นกันในชื่อของเซนต์ปีเตอร์นั่นเอง ตำแหน่งนี้เป็นตำแหน่งที่ถือว่า พระเยซูเนี่ยนะคะ ทรงแต่งตั้งให้กับนักบุญเปโตรค่ะ หลังจากนั้นตำแหน่งนี้ก็สืบทอดกันมาเรื่อยๆ นะคะ จากรุ่นสู่รุ่น สู่รุ่น สู่รุ่น จนกระทั่งมาถึง สมเด็จพระสันตะปาปาองค์ปัจจุบันนั่นเองค่ะ ซึ่งองค์ปัจจุบันแนี่ย นับเป็นองค์ที่ 266 แล้วนะคะ ก็สืบต่อกันมาอย่างต่อเนื่องเลย และตำแหน่งนี้นะคะ ไม่ใช่แค่ตำแหน่งประมุขของคริสตจักรค่ะ เพราะว่าตั้งแต่ปี 1929 เนี่ยนะคะ ตำแหน่งนี้มีความสำคัญเพิ่มขึ้นมาอีกอย่างหนึ่งค่ะ นั่นก็คือ ถือว่าเป็นประมุขของนครรัฐวาติกันด้วยค่ะ วาติกันนี่ก็ถือว่าเป็นนครรัฐเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ในอิตาลีนะคะ เรียกได้ว่าเป็นศูนย์กลางของ คริสตจักรโรมันคาทอลิกในโลกนั่นเองค่ะ ทีนี้เราก็รู้แล้วนะคะว่าสมเด็จพระสันตะปาปาคือใคร ว่าแต่ ใครบ้างนะคะ ที่มีสิทธิ์จะขึ้นมาเป็นสมเด็จพระสันตะปาปา? ต้องบอกว่าเงื่อนไขเนี่ยนะคะ ถ้าพูดเอาตามกฎจริงๆ สุดๆ เลยเนี่ยนะคะ เงื่อนไขง่ายมากค่ะ เพราะว่ามี Requirement แค่ทั้งหมด 2 ข้อด้วยกันค่ะ ข้อแรก ง่ายมาก นั่นก็คือ คุณต้องเป็นเพศชายนะคะ และข้อที่สองนะคะ ง่ายเหมือนกันเลยคือ คุณต้องนับถือศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิกนั่นเอง ก็เรียกได้ว่าผู้ชายคนไหนก็ตาม ที่นับถือศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก มีสิทธิ์ขึ้นมาเป็นสมเด็จพระสันตะปาปาทั้งสิ้นเลยค่ะ ถ้าพูดกันตามกฎนะ สำหรับใครที่ไม่รู้นะคะ จริงๆ ศาสนาคริสต์มีหลายนิกาย ซึ่งสมเด็จพระสันตะปาปาเนี่ย ก็จะอยู่ในนิกายโรมันคาทอลิกนั่นเองค่ะ การที่จะบอกว่าใครคนหนึ่งนับถือศาสนาคริสต์ นิกายโรแมนคาทอลิก แปลว่าอะไร? แปลว่าคนๆ นั้นนะคะ ต้องผ่านการรับศีลล้างบาปนะคะ ก็คือพิธีล้างบาปกำเนิดนั่นเอง เพราะว่าศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิกเนี่ย เชื่อว่าคนเราเกิดมามีบาปนะคะ จะต้องเข้ารับศีลอันนี้ เพื่อชำระล้างบาปออกไปค่ะ ก็จะเป็นพิธีที่เอาน้ำราดหัว อะไรแบบนี้ ที่เราน่าจะเคยเห็นกันในหนังฝรั่ง หรือว่าเราเคยเห็นตามข่าวต่างๆ ที่แบบ เด็กๆ เกิดมาใหม่ๆ เขาจะต้องไปทำพิธีรับศีลกันใช่ไหมคะ? ที่จะมีพ่อทูนหัว แม่ทูนหัว อะไรต่างๆ แต่เราจะไม่ไปเจาะลึกตรงนี้ค่ะ เอาเป็นว่ามีสองข้อนี้ ก็สามารถขึ้นเป็นสมเด็จพระสันตะปาปาได้แล้วนะคะ ตามกฎ แต่ในทางปฏิบัติจริงๆ ค่ะ นับตั้งแต่ปีคริสต์ศักราชที่ 1378 เนี่ยนะคะ นานมากมาแล้วเนี่ยนะ ไม่มีใครที่ได้รับเลือกให้เป็นสมเด็จพระสันตะปาปา โดยที่ไม่ได้ผ่านตำแหน่งๆ หนึ่งมาก่อนค่ะ ตำแหน่งนั้นก็คือตำแหน่งพระคาร์ดินัลนั่นเอง ดังนั้นเราก็อาจจะพูดได้นะคะว่า การจะขึ้นมาเป็นสมเด็จพระสันตะปาปาเนี่ย ต้องผ่านการเป็นพระคาร์ดินัลมาก่อน เป็นกฎที่แบบ อาจจะไม่ได้เขียนลงไป แต่ว่าก็เป็นกฎที่รู้กันค่ะ ซึ่งถามว่าพระคาร์ดินัลคืออะไร? ศัพท์เริ่มมาคำที่สองแล้วนะคะ พระคาร์ดินัลเนี่ยนะคะ ถ้าสมมุติเอาแบบรูปลักษณ์ภายนอกเนี่ยนะคะ ถ้าเราไปดูตามข่าวตามอะไรต่างๆ ที่เกี่ยวกับศาสนาคริสต์ โดยเฉพาะที่วาติกันเนี่ย เราจะเห็นว่าพระคาร์ดินัลคือคนที่ ใส่เครื่องแบบสีประมาณแดงๆ นะคะ หน้าตาแบบนี้เลย นี่ละค่ะ นี่คือพระคาร์ดินัลนะคะ ถามว่า พระคาร์ดินัลคืออะไร? พระคาร์ดินัลเนี่ยนะคะ คือตำแหน่งพิเศษตำแหน่งหนึ่งของ นักบวชในศาสนาคริสต์นิกายคาทอลิกค่ะ โดยคนที่เป็นพระคาร์ดินัลนะคะ จะเป็นคนที่มีสิทธิ์เลือกสมเด็จพระสันตะปาปานั่นเองค่ะ ซึ่งเดี๋ยวเราจะไปพูดถึงที่หลังเนอะ แต่เรามาดูกันก่อนดีกว่าว่า กว่าคนๆ หนึ่งจะขึ้นมาเป็นพระคาร์ดินัลเนี่ยนะคะ จะต้องผ่านขั้นตอนอะไรมาบ้าง? ก่อนจะมาเป็นพระคาร์ดินัลค่ะ ขั้นตอนแรกที่สุดเลยคือ คุณต้องเป็นบาทหลวงก่อนนะคะ บาทหลวงเนี่ยก็คือนักบวช ในศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิกใช่ไหม? ทีนี้ถามว่า คนธรรมดาคนหนึ่ง จะขึ้นมาเป็นบาทหลวงได้ยังไง? อย่างแรกที่สุดเลยค่ะ คือคุณต้องเป็นผู้ชาย อันนี้เป็น Basic requirement ใช่ไหม? และเป็นผู้ชายที่ตั้งใจไว้แล้วว่า ฉันอยากจะเป็นนักบวชในศาสนาคริสต์นิกายคาทอลิก ฉันจะต้องเป็นโสดตลอดชีวิต คือไม่แต่งงาน แล้วก็จะต้องไม่ยุ่งเกี่ยวกับกิจกรรมทางเพศอีกต่อไปนะคะ นอกจากนี้ก็จะเป็นเรื่องของทางจิตใจละ เช่นแบบว่า ศรัทธาต่อพระเจ้า อะไรต่างๆ ค่ะ ซึ่งกว่าที่คนๆ หนึ่งจะได้เป็นบาทหลวงเนี่ยนะคะ ก็จะต้องมีการศึกษาอะไรต่างๆ การเป็นบาทหลวงในนิกายอื่นเนี่ย เป็นยังไงไม่ทราบค่ะ แต่ว่าการเป็นบาทหลวงในนิกายโรมันคาทอลิกเนี่ยนะคะ ค่อนข้างจะเป็นเรื่องจริงจังค่ะ หลายครั้งต้องการปริญญาด้วยนะ ก็จะต้องมีการไปเรียนปริญญาตรี ปริญญาโท อะไรต่างๆ ซึ่งก็จะมีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับความเชื่อต่างๆ ที่บาทหลวงจะนำไปใช้ได้ในการเป็นบาทหลวงน่ะนะคะ เช่น การเรียนเรื่องเทววิทยา การเรียนเรื่องปรัชญาคาทอลิก เป็นต้นค่ะ ก็จะมีทั้งปริญญาตรี แล้วก็ปริญญาโทเลยทีเดียวนะคะ หลังจากที่เรียนรู้อะไรต่างๆ แล้วเนี่ย เมื่อคุณผ่านสิ่งที่โบสถ์แต่ละแห่งต้องการแล้วเนี่ยนะคะ ก็ต้องเข้ารับศีลบวชค่ะ ก็คือศีลอนุกรมขั้นบาทหลวงนั่นเอง เพื่อที่จะบวชเป็นบาทหลวงนะคะ ซึ่งตรงนี้วิวจะไม่ขอเจาะลึก เพราะจริงๆ มันละเอียดมาก มีศีลแบบชั้นต้น ศีลอนุกรมชั้นหนึ่ง ชั้นสอง อันนี้เป็นศีลศักดิ์สิทธิ์ อันนี้เป็นศีลธรรมดา อันนี้เป็นศีลที่ปรากฏในไบเบิล อันนี้เป็นศีลที่ไม่ปรากฏ ซึ่งเดี๋ยวคลิปวิดีโอนี้จะยาวเกินไปค่ะ ดังนั้นขออนุญาตข้ามไปนะคะ ถ้าสมมุติว่าใครที่มีความรู้แล้วใจดี ก็สามารถคอนเมนต์เพิ่มเติมมาให้ด้านล่างนะคะ ซึ่งบาทหลวงเนี่ยนะคะ ก็คือคนที่จะประจำอยู่ตามโบสถ์คริสต์ต่างๆ นั่นเองค่ะ อาจจะประจำอยู่แค่คนเดียว หรือประจำอยู่มากกว่าหนึ่งคน ทำงานร่วมกัน ก็เป็นได้นะคะ ซึ่งบาทหลวงเหล่านี้ เราจะเรียกเขาว่า Father หรือว่าคุณพ่อนั่นเอง เคยดูในหนังกันใช่ไหมคะ? ที่ตัวเอกหลายๆ ตัวเนี่ย จะชอบไปปรึกษาบาทหลวงในโบสถ์ ก็จะเรียกเขาว่าคุณพ่อ หรือเรียกว่า Father นั่นเองค่ะ ทีนี้สมมุติว่าได้เป็นบาทหลวงแล้ว ขั้นต่อไปคืออะไรคะ? ท่านที่ตำแหน่งสูงขึ้นไป เขาเรียกว่าตำแหน่ง Bishop นั่นเอง คำว่า Bishop หลายคนคุ้นเคยจากการเล่นหมากรุกใช่ไหมคะ? แต่จริงๆ แล้วชื่อตัวหมากรุกเนี่ย มาจากชื่อตำแหน่งในศาสนาคริสต์นี่ละค่ะ ถามว่าตำแหน่ง Bishop แตกต่าง จากตำแหน่งบาทหลวงยังไง? ตำแหน่งบาทหลวงเนี่ยนะคะ ส่วนมากก็จะอยู่ในโบสถ์ อย่างที่วิวบอกไปเมื่อกี้ใช่ไหม? หรือถ้าพูดเป็นภาษาอังกฤษจะเข้าใจง่ายกว่าค่ะ คือบาทหลวงเนี่ย อยู่ใน Church แต่ Bishop เนี่ยนะคะ จะอยู่ในมหาวิหารค่ะ ซึ่งเราเรียกว่า Cathedral นั่นเอง ถ้าเราไปตามเมืองยุโรปต่างๆ จะเห็นว่า บางโบสถ์ที่เราไปเที่ยวเนี่ย เขาจะเรียกว่า Church แต่บางโบสถ์เขาจะเรียกว่า Cathedral ใช่ไหมคะ? ซึ่ง Bishop เนี่ยนะคะ นอกจากจะดูแลวิหารของตัวเองแล้วเนี่ยนะคะ ก็จะดูแลบาทหลวงต่างๆ ที่อยู่ในบริเวณแถบๆ นั้นด้วย ก็เหมือนกับว่าเป็นบาทหลวงที่ เลเวลสูงขึ้นมาอีกหนึ่งเลเวลค่ะ ซึ่งถามว่า Bishop เนี่ยมีเยอะไหม? บอกเลยว่า มีไม่เยอะนะคะ นักบวชในศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิกเนี่ย มีคนที่เป็นบาทหลวง หรือว่า Priest เนี่ย อยู่ทั้งหมด 400,000 คนค่ะ แต่ว่ามีคนที่ขึ้นมาเป็นระดับ Bishop เนี่ย ประมาณ 5,000 คนเท่านั้นเองค่ะ บาทหลวงเนี่ย เหมือนกับว่า ถ้าอยากบวช แล้วผ่าน Requirement ก็สามารถบวชได้เลย แต่คนที่จะขึ้นมาเป็น Bishop เนี่ยนะคะ ไม่สามารถที่อยู่ๆ จะขึ้นมาได้ค่ะ จะต้องรอให้ตำแหน่ง Bishop เนี่ย ว่างลงก่อนนะคะ จาก 5,000 คน สมมุติว่ามีคนๆ หนึ่ง Retire เกษียณตัวเองออกไป หรือว่าตาย เนี่ยนะคะ ทำให้ตำแหน่งว่างเนี่ย คนที่จะมาเป็น Bishop คนถัดไป ถึงจะสามารถขึ้นมาแทนที่ได้ค่ะ แล้วถามว่าใครจะขึ้นมาเป็น Bishop แทน? ก็ไม่ใช่ว่าใครก็ได้นะคะ เพราะว่า Bishop แต่ละคนเนี่ย ก็มีหน้าที่อยู่ค่ะ ที่จะต้องทำรายชื่อลับขึ้นมารายชื่อหนึ่งนะคะ ก็เขียนรายชื่อบาทหลวงต่างๆ ที่อยู่ในละแวกแถวๆ ตัวเองเนี่ย เขียนๆๆ เอาไว้เป็นรายชื่อลับค่ะ ซึ่งเขาจะทำรายชื่อนี้นะคะ ทุกๆ สามปีค่ะ ถามว่าใครบ้างที่จะมีสิทธิ์อยู่ในชื่อนั้นนะคะ ก็จะต้องเป็นบาทหลวงที่มีอายุมากกว่า 35 ปี แล้วก็บวชมาไม่น้อยกว่าห้าปีนั่นเองค่ะ และที่สำคัญนะคะ คนที่จะไปอยู่ในรายชื่อนี้ จะต้องจบปริญญาเอก หรือว่า Ph.D. นะคะ ในด้านเทววิทยา หรือว่าเทียบเท่าค่ะ อายุเกิน 35 บวชมาเกินห้าปี จบปริญญาเอกด้านเทววิทยานะคะ Bishop เนี่ย ก็จะมองหาบาทหลวงแบบนี้รอบๆ ตัวเองค่ะ แล้วก็ทำเป็นรายชื่อไว้ ทุกสามปีเนี่ยนะคะ Bishop ก็จะส่งรายชื่อนี้ไปให้คนๆ หนึ่งค่ะ คนๆ นี้เป็นตัวแทนของพระสันตะปาปา ที่อยู่ในแต่ละประเทศค่ะ ตำแหน่งนี้ชื่อว่า Apostolic Nuncio นั่นเองค่ะ สมมุติว่าตำแหน่ง Bishop เกิดว่างเว้นลงเนี่ยนะคะ เขาก็จะกลับไปดูที่รายชื่อนี้นี่ละค่ะ คุณ Apostolic Nuncio เนี่ย เขาก็จะดูที่รายชื่อนี้ ดูๆๆๆ นะคะ ว่าใครเหมาะสมบ้าง ใครอะไรยังไง นะคะ จากนั้นนะคะ จากรายชื่อทั้งหมดที่ได้มา ไม่ว่าจะจาก Bishop กี่คนเนี่ยนะคะ ก็จะเลือกออกมาทั้งหมดสามคน ที่เหมาะสมที่สุดค่ะ ว่าคนนี้ดูหน่วยก้านโอเค น่าจะขึ้นมาเป็น Bishop คนถัดไป หลังจากที่เลือกขึ้นมาสามคนแล้วเนี่ยนะคะ เขาก็จะทำการสืบค้นประวัติต่างๆ ค่ะ ประมาณว่า คนนี้เรียนจบแบบนี้จริงไหม? นิสัยเป็นยังไง? ดูแลชุมชนตัวเองรึเปล่า? อะไรอย่างนี้นะคะ ดูไปดูมา แล้วก็มีการเรียกเข้ามาสัมภาษณ์ด้วยค่ะ หลังจากที่สัมภาษณ์แล้ว สืบประวัติแล้ว อะไรต่างๆ เนี่ยนะคะ คุณ Nuncio เขาก็จะเลือกบาทหลวงขึ้นมาทั้งหมดหนึ่งคน เป็น Candidate ที่ดีที่สุดสำหรับเขาค่ะ หลังจากนั้นเนี่ยนะคะ เขาก็จะเอารายงานทั้งหมดนี้ค่ะ ส่งไปยังวาติกันนะคะ หลังจากที่ส่งไปที่วาติกันนะคะ วาติกันก็จะเอารายงานการเลือกทั้งหมดนี้ ส่งเข้าไปที่ Congress of bishops ค่ะ หรือว่าสภา Bishop นั่นเอง ทีนี้สภา Bishop นะคะ ก็จะทำการพิจารณาอะไรต่างๆ ค่ะ ว่าตัวเลือกที่ให้มาเหมาะสมไหม? ที่ตรวจสอบมา มีความเห็นตรงกันรึเปล่า? อะไรต่างๆ นะคะ จนกระทั่ง Congress of bishops เนี่ยนะคะ ตกลงกันได้ว่าคนๆ นั้นคือคนที่เหมาะสมจริงๆ ค่ะ ซึ่งถ้าบังเอิญว่ารายชื่อที่ส่งไปนะคะ คนแรกที่แนะนำว่าดีที่สุด รวมไปถึงอีกสองคนที่เป็นตัวสำรองเนี่ย Congress of bishops บอก "สามคนนี้ไม่เวิร์กทั้งสามคนเลย" Congress of bishops ก็มีสิทธิ์ที่จะปัดตกนะคะ แล้วก็บอกว่า "พวก Bishop ต่างๆ ไปทำรายชื่อมาใหม่จ้า" เสนอมาใหม่นะคะ ก็จะวนแบบนี้ไปเรื่อยๆ จนกว่าจะติดสินได้หนึ่งคนค่ะ เป็นคนที่เหมาะสมที่สุด แล้วถามว่า พอตัดสินได้ปุ๊บ ได้เป็น Bishop เลยรึเปล่า? ก็ต้องบอกว่า ยังนะคะ Congress of bishops เนี่ยค่ะ ก็จะเอารายชื่อนี้ แล้วก็รายงานทั้งหมดนี้ นำเสนอขึ้นไปที่สมเด็จพระสันตะปาปา หรือว่า Pope นั่นเองนะคะ ซึ่งสมเด็จพระสันตะปาปาจะเป็นคนตัดสินค่ะว่า โอเค ตกลง คนนี้แหละเหมาะสม ได้เป็น Bishop เรียบร้อยนะคะ ซึ่งบังเอิญถ้าสมเด็จพระสันตะปาปาบอกว่า "ที่เลือกมาเนี่ย ไม่เหมาะสมนะ ไม่โอเค" ก็สามารถปัดตกนะคะ แล้วขั้นตอนทั้งหมดก็จะเริ่มใหม่ตั้งแต่แรกค่ะ ดังนั้นกว่าจะได้ Bishop มาคนหนึ่งเนี่ย บางครั้งก็อาศัยเวลาเป็นอาทิตย์ เป็นเดือน หรือเป็นปี ก็เป็นได้นะคะ ขึ้นอยู่กับว่ามีคนที่เหมาะสมรึเปล่า ในสายตาของแต่ละคน ที่อยู่ในแต่ละขั้นตอนนะคะ ทีนี้หลังจากที่เป็น Bishop แล้วเนี่ย ก็ต้องบอกว่าตำแหน่งนี้เข้าใกล้ ความเป็นพระคาร์ดินัลขึ้นมาอีกนิดหนึ่งแล้วค่ะ ตำแหน่งพระคาร์ดินัลนะคะ จริงๆ ไม่ได้เป็นเหมือนหัวหน้าของ Bishop อะไรนะ แต่ว่าเป็น Bishop ที่มีหน้าที่พิเศษเพิ่มขึ้นค่ะ ก็จะมีหน้าที่ต่างๆ มากมาย เช่น เป็นที่ปรึกษาของสมเด็จพระสันตะปาปา รวมถึงหน้าที่สำคัญที่เราพูดถึงในวันนี้ คือหน้าที่เลือกสมเด็จพระสันตะปาปาองค์ใหม่นั่นเองนะคะ แล้วถามว่า จาก Bishop จะขึ้นไปเป็น Cardinal ได้ยังไงนะคะ ก็ต้องบอกว่ามีคนๆ เดียวที่มีสิทธิ์แต่งตั้งพระคาร์ดินัลค่ะ นั่นก็คือสมเด็จพระสันตะปาปานั่นเอง สมเด็จพระสันตะปาปาจะเป็นคนบอกนะคะว่า "โอเค คนนี้เป็น Cardinal" ซึ่งถามว่า พระคาร์ดินัลมีเยอะขนาดไหนนะคะ เมื่อกี้นี้บอกว่าจากทั้งโลกเนี้ย มีบาทหลวงทั้งหมด 400,000 คน เป็น Bishop 5,000 คน และจาก Bishop ทั้งหมดเนี่ย มีสิทธิ์เป็นพระคาร์ดินัลแค่ทั้งหมด 200 คนเท่านั้นเองค่ะ เรียกได้ว่าในโลกนี้มีน้อยมากๆๆ เลยนะคะ หลายคนฟังมาถึงขนาดนี้ น่าจะรู้สึกว่า โห ตำแหน่งพระคาร์ดินัลนี่ยิ่งใหญ่มากๆ น่าจะไม่ใกล้ตัวเราเลยนะคะ น่าจะไปอยู่แถวยุโรปอะไรมากกว่า ก็ต้องบอกว่าในประเทศไทยเนี่ย เราก็มีพระคาร์ดินัลเหมือนกันนะคะ ถึงทั้งหมดสองท่านด้วยกันนะคะ ท่านแรกคือ พระคาร์ดินัลไมเคิล มีชัย กิจบุญชู ค่ะ และอีกท่านหนึ่ง เพิ่งแต่งตั้งได้ไม่นานเนี่ยนะคะ ก็คือพระคาร์ดินัลฟรังซิสเซเวียร์ เกรียงศักดิ์ โกวิทวาณิช นั่นเองค่ะ ทีนี้เราก็ไล่กันขึ้นมาจนกระทั่ง ถึงตำแหน่งพระคาร์ดินัลแล้วนะคะ ซึ่งจะเป็นคนที่ เหมือนกึ่งๆ จะเป็น Candidate ที่ได้รับเลือกขึ้นมาเป็นสมเด็จพระสันตะปาปาค่ะ แล้วถามว่า ขั้นตอนการคัดเลือก เป็นยังไงนะคะ ก็ขั้นตอนการคัดเลือกทั้งหมดค่ะ จะเริ่มต้นขึ้นเมื่อตำแหน่งสมเด็จพระสันตะปาปาว่างลง ซึ่งสาเหตุที่จะว่างก็มีได้ทั้งหมดสองสาเหตุด้วยกันนะคะ หนึ่ง คือสิ้นพระชนม์ค่ะ และข้อที่สองนะคะ ก็คือเกษียณนั่นเองค่ะ เอาเป็นว่าไม่ว่าว่างเว้นลงด้วยสาเหตุใดนะคะ ก็จะต้องมีกระบวนการ เลือกสมเด็จพระสันตะปาปาองค์ใหม่ เกิดขึ้นค่ะ ภายในไม่กี่วันนะคะ หลังจากที่ ตำแหน่งสมเด็จพระสันตะปาปาว่างลงเนี่ย ก็จะมีการเรียกพระคาร์ดินัลจากทั้งโลกนะคะ มารวมตัวกันที่นครรัฐวาติกันค่ะ ซึ่งคนที่จะมารวมตัวกันเนี่ย ไม่ใช่ว่าพระคาร์ดินัลทุกคนจะได้รับเชิญนะคะ จะต้องเป็นคนที่อายุไม่เกิด 80 ปีเท่านั้นค่ะ ซึ่งในไทยนะคะ พระคาร์ดินัลไมเคิล มีชัย กิจบุญชู เนี่ย อายุเกินแล้วค่ะ ก็จะมีแค่พระคาร์ดินัลฟรังซิสเซเวียร์ เกรียงศักดิ์ โกวิทวาณิช นะคะ ที่จะได้รับเชิญไปค่ะ เมื่อไปถึงนะคะ ทุกคนก็จะมารวมตัวกันค่ะ และพระคาร์ดินัลทุกองค์ ก็จะถูกตัดขาดจากโลกภายนอกนะคะ โดนยึดมือถือ โดนยึดเครื่องมือสื่อสาร ยึดทุกอย่างหมดค่ะ หลังจากนั้นนะคะ ทุกคนก็จะไปรวมตัวกันที่โบสถ์น้อย Sistine หรือว่า Sistine Chapel นั่นเองนะคะ ซึ่งที่โบสถ์แห่งนี้ พิธีเลือกสมเด็จพระสันตะปาปาองค์ใหม่ก็จะเกิดขึ้นค่ะ โดยวิธีการเลือกนะคะ เขาจะมีการโหวตกันค่ะ ใช้วิธีการลงคะแนนเสียงนะคะ ไม่ใช่ว่าแบบ ไปถึง กาๆ แล้วก็หย่อนๆ แล้วจบนะคะ แต่ว่า ขั้นตอนเนี่ยก็คือ พระคาร์ดินัลทุกองค์ที่มารวมตัวกันนะคะ จะได้รับกระดาษพิเศษคนละใบค่ะ จากนั้นทุกคนก็เขียนชื่อคนที่คิดว่า อยากให้ขึ้นมาเป็นสมเด็จพระสันตะปาปาองค์ใหม่ค่ะ ซึ่งต้องบอกว่าตรงนี้ เขียนใครก็ได้นะคะ ใครก็ได้แบบ ใครก็ได้ ไม่จำเป็นต้องเป็นพระคาร์ดินัลก็ได้ อย่างที่วิวบอกตั้งแต่แรก คือ แค่เป็นผู้ชาย แล้วก็นับถือศาสนาคริสต์ นิกายโรมันคาทอลิกค่ะ แต่พอกบอกว่าใครก็ได้จากทั้งโลกเนี่ย ก็คงจะยากนิดหนึ่ง นี่ก็อาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้ ส่วนมากก็เขียนชื่อคนที่นั่งอยู่ในห้องด้วยกันนั่นละค่ะ หลังจากที่เขียนลงไปแล้วนะคะ พระคาร์ดินัลทุกท่านค่ะ ก็จะต้องลุกขึ้นมานะคะ ถือกระดาษแผ่นนี้แล้วก็ กล่าวบทสวดเป็นภาษาละตินค่ะ กล่าวๆ เสร็จปุ๊บก็พับกระดาษครึ่งหนึ่งนะคะ แล้วก็เอากระดาษนี้นะคะ หย่อนลงไปในภาชนะที่รออยู่ค่ะ เพื่อลงคะแนนเสียงนะคะ หลังจากที่ทุกคนทำแบบนี้แล้วเนี่ยนะคะ ก็จะมีพระคาร์ดินัลที่มีตำแหน่งพิเศษอยู่ด้านในค่ะ คอยนับคะแนนนะคะ โดยการขานออกมา หลังจากที่ขานแล้วนะคะ ก็จะมาดูว่าใครที่ เป็นคะแนนเสียงส่วนมากค่ะ ซึ่งปกติเวลาเราเลือกตั้งเนี่ย เราก็จะดูว่า ใครเสียงมากสุด คนนั้นก็จะได้ไปนะคะ แต่สำหรับตำแหน่งพระสันตะปาปาไม่ใช่แบบนั้นค่ะ สมมุติว่าเขียนมาจากพระคาร์ดินัลทุกองค์เนี่ยนะคะ คนนี้ได้ 50 คะแนน คนนี้ได้ 10 คนนี้ได้สอง สี่ ห้า เจ็ด อะไรอย่างนี้นะ 50 คะแนนดูเยอะแล้วใช่ไหม? แต่ว่าไม่พอให้ได้ตำแหน่งสมเด็จพระสันตะปาปานะคะ เพราะว่าคนที่จะขึ้นมาเป็นตำแหน่งสมเด็จพระสันตะปาปาเนี่ย จะต้องจะคะแนนเสียงมากกว่าสองในสาม ของคนที่มาโหวตทั้งหมดค่ะ ดังนั้นนะคะ ถือว่าโอกาสค่อนข้างยากค่ะ ซึ่งหลังจากที่อ่าน นับคะแนนเสียงอะไรต่างๆ แล้วเนี่ยนะคะ สมมุติว่าโหวตออกมาแล้ว ไม่มีใครได้คะแนนมากกว่าสองในสาม ยังไม่มีสมเด็จพระสันตะปาปาองค์ใหม่ เขาก็จะเอากระดาษทั้งหมดนี้นะคะ ใส่สารเคมีพิเศษสารหนึ่งค่ะ แล้วก็เผาไฟนะคะ ให้ควันเนี่ย ลอยออกไปด้านนอกค่ะ เราน่าจะเคยเห็นกันในทีวีนะคะ ตอนพิธีเลือกสมเด็จพระสันตะปาปา เมื่อหลายปีที่ผ่านมาเนอะ ว่าชาวคริสต์เนี่ยเขาจะไปยืนกันอยู่ตรง ลานหน้ามหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ใช่ไหม แล้วก็ดูว่าแบบ มีควันออกมาจากปล่องไฟไหม? หรือว่าพวกทีวีก็จะคอยถ่ายปล่องไฟไว้นะคะ เพราะว่าเขาจะดูตอนที่เผากระดาษนี่ละค่ะ ถ้าสมมุติว่ามีการใส่สารเคมีเข้าไป เผาไฟ ปึ้ง! แล้วควันออกมาเป็นสีดำ แปลว่ายังเลือกสมเด็จพระสันตะปาปาไม่ได้นะคะ ก็จะต้องมีการโหวตกันใหม่ค่ะ เขาก็จะโหวตกันแบบนี้ไปเรื่อยๆ นะคะ ถามว่าต้องทำใหม่บ่อยขนาดไหน? ถ้าสมมุติว่ายังไม่ได้นะ ก็วันหนึ่งจะโหวตแบบนี้ทั้งหมดสี่ครั้งด้วยกันค่ะ และถ้าวันนี้ยังไม่ได้ ก็จะพรุ่งนี้ต่อไปนะคะ โหวตอย่างนี้ไปเรื่อยๆ หกวันต่อสัปดาห์ ทิ้งวันอาทิตย์ไว้หนึ่งวัน ให้สวดภาวนาอะไรต่างๆ นะคะ ก็จะโหวตวนไปเรื่อยๆๆ จนกระทั่งมีใครสักคนได้คะแนนเสียงสองในสามนะคะ ก็ถือว่า เราได้ Candidate สมเด็จพระสันตะปาปาองค์ใหม่แล้ว ก็จะมีพิธีการเข้าไปถามก่อนว่า สมัครใจไหมที่จะขึ้นเป็นสมเด็จพระสันตะปาปา? ถ้าสมัครใจ โอเค ก็จะมีการเปลี่ยนชุดเปลี่ยนอะไรกันต่างๆ รวมไปถึงพิธีเลือกพระนามใหม่ค่ะ เพราะว่า ถือว่าเป็นคนใหม่แล้วไงคะ ดังนั้นต้องเปลี่ยนชื่อใหม่นะคะ ซึ่งโดยส่วนมากนะคะ เขาก็นิยมจะใช้ ชื่อของสมเด็จพระสันตะปาปาองค์ก่อนๆ ค่ะ ตรงนี้พิเศษมากๆ เพราะว่า สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส องค์ปัจจุบันเนี่ยนะคะ เป็นพระองค์แรกที่เลือกใช้ชื่อฟรังซิสค่ะ โดยเขาให้เหตุผลว่า เพราะว่าพระองค์ชอบช่วยเหลือคนจนนั่นเองค่ะ จากนั้นกระดาษที่ได้คะแนนโหวตเนี่ยค่ะ เขาก็จะนำไปเผาด้วยสารเคมีอีกตัวหนึ่ง ซึ่งจะทำให้ควันเนี่ย ออกมาเป็นสีขาวค่ะ คนด้านนอกก็จะแบบ อ้า เห็นควันสีขาวแล้ว เราได้สมเด็จพระสันตะปาปาองค์ใหม่แล้วนะคะ แล้วหลังจากนั้นนะคะ สมเด็จพระสันตะปาปาก็จะออกมาที่ระเบียงค่ะ แล้วก็จะมาทักทายกับฝูงชนต่างๆ ที่มาเข้าเฝ้านั่นเองค่ะ นี่ก็เป็นขั้นตอนทั้งหมดนะคะ ว่ากว่าจะมีพระสันตะปาปาองค์หนึ่งเนี่ย ต้องผ่านขั้นตอนมากมายขนาดไหน ต้องได้รับการยอมรับจากคนมากมายขนาดไหนค่ะ ซึ่งฟังแบบนี้แล้ว รู้สึกว่ายากไหมคะ? กว่าจะได้สมเด็จพระสันตะปาปาองค์หนึ่ง ก็บอกเลยค่ะว่า ขั้นตอนตั้งแต่เริ่มเข้า Sistine Chapel แล้วก็ตัดขาดจากโลกภายนอก แล้วโหวตๆๆ กันเนี่ยนะคะ ส่วนมากค่ะ ค่าเฉลี่ยจะอยู่ที่ประมาณสองสัปดาห์ค่ะ กว่าที่จะได้สมเด็จพระสันตะปาปาองค์ใหม่นะคะ แต่ตามสถิติแล้วเนี่ยนะคะ เขาบอกว่า สถิติสูงสุด กว่าจะได้สมเด็จพระสันตะปาปาองค์ใหม่เนี่ย คือโหวตกันแบบนี้ทุกวัน วันละสี่ครั้ง สัปดาห์ละหกวันเนี่ย อยู่ทั้งหมด สามปีด้วยกันค่ะ เรียกได้ว่า โหวตกันนานมากจริงๆ นะคะ นี่คือสาเหตุที่ทำให้ตำแหน่งของสมเด็จพระสันตะปาปา ถือเป็นตำแหน่งที่ยิ่งใหญ่มากๆ เลยทีเดียวค่ะ เป็นยังไงบ้างคะคลิปนี้? ได้ความรู้เพิ่มเติมกันมั้ย? สมมุติว่าใครมีความรู้เพิ่มเติมอะไรมากกว่าวิว วิวตกหล่นตรงไหนไป ก็สามารถคอมเมนต์มาคุยกันด้านล่างได้นะคะ และถ้าใครชื่นชอบคลิปนี้ อย่าลืมกดไลก์เป็นกำลังใจให้วิว แล้วก็กดแชร์เพื่อชวนเพื่อนๆ มาดูด้วยกันค่ะ แล้วพบหันใหม่โอกาสหน้านะคะ บ๊ายบาย~ สวัสดีค่ะ เอาจริงๆ เรื่องราวเกี่ยวกับศาสนาคริสต์เนี่ย โดยเฉพาะศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิกนะคะ ก็เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่วิวค่อนข้างสนใจมากๆ เลย เพราะว่าทั้งเรื่องราว ศาสนา ความเชื่อ พิธีกรรมเหล่านี้ มักจะไปปรากฏอยู่ในหนัง ในละคร ในหนังสือ ในนิยายอะไรต่างๆ ใช่ไหมคะ? ดังนั้นถามสมมุติว่าเราอยากอ่านหนังสือ อ่านนิยาย ดูหนัง ดูซีรี่ส์ ดูละคร ให้มันเข้าถึงเนี่ย เราก็ควรจะมีความรู้ไว้ค่ะ ส่วนตัววิวก็กำลังค่อนๆ อ่านเพิ่มอยู่นะคะ อาจจะยังไม่ได้เป๊ะมากขนาดนั้นนะคะ แต่ว่าถ้าสมมุติว่าอ่านเจออะไรน่าสนใจ เดี๋ยวจะเอามาแบ่งปันให้ทุกคนทราบในโอกาสถัดไปค่ะ วันนี้ลาไปก่อนนะคะทุกคน บ๊ายบาย~ สวัสดีค่ะ