1 00:00:00,000 --> 00:00:00,360 - 2 00:00:00,360 --> 00:00:03,870 ในวิดีโอนี้ผมอยากทำตัวอย่างการแยกตัวประกอบ 3 00:00:03,870 --> 00:00:06,590 ของพหุนามดีกรีสอง, ซึ่งมัก 4 00:00:06,590 --> 00:00:08,870 เรียกกันว่า พหุนามกำลังสอง (quadratic) 5 00:00:08,870 --> 00:00:12,650 บางครั้งก็เรียกว่า quadratic polynomial หรือแค่ 6 00:00:12,650 --> 00:00:15,850 quadratic เฉยๆ, หรือพจน์ quadratic, แต่ทั้งหมด 7 00:00:15,850 --> 00:00:18,300 นี่ก็คือพหุนามดีกรีสองนั่นเอง 8 00:00:18,300 --> 00:00:22,440 มันคือมีตัวแปรยกกำลัง 9 00:00:22,440 --> 00:00:23,080 สองนั่นเอง 10 00:00:23,080 --> 00:00:26,460 ในกรณีนี้, ในตัวอย่างที่เราทำ, ตัวแปรนั้นคือ x 11 00:00:26,460 --> 00:00:30,740 สมมุติว่าผมมีพจน์กำลังสอง, x 12 00:00:30,740 --> 00:00:35,280 กำลังสองบวก 10x, บวก 9 13 00:00:35,280 --> 00:00:39,870 และผมอยากแยกมันเป็นผลคูณของทวินามสองตัว 14 00:00:39,870 --> 00:00:41,520 เราจะทำยังไง? 15 00:00:41,520 --> 00:00:44,440 ลองคิดดูว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อเรา 16 00:00:44,440 --> 00:00:51,690 เอา x บวก a มาคูณกับ x บวก b 17 00:00:51,690 --> 00:00:55,050 ถ้าเราคูณสองตัวนี้เข้าด้วยกัน, จะเกิดอะไรขึ้น? 18 00:00:55,050 --> 00:00:57,090 ทีนี้, เราเคยทำของแบบนี้มานิดหน่อยแล้ว 19 00:00:57,090 --> 00:01:03,170 นี่ก็คือ x คูณ x, เท่ากับ x กำลังสอง, บวก x คูณ b, 20 00:01:03,170 --> 00:01:12,690 ก็คือ bx, บวก a คูณ x, บวก a คูณ b -- บวก ab 21 00:01:12,690 --> 00:01:15,800 หรือถ้าเราอยากรวมสองเทอมตรงกลางนี้, 22 00:01:15,800 --> 00:01:18,890 เพราะมันเป็นสัมประสิทธิ์ของ x ทั้งคู่ 23 00:01:18,890 --> 00:01:22,102 เราก็เขียนนี่เป็น x กำลังสองบวก -- ผมเขียนมันว่า 24 00:01:22,102 --> 00:01:29,700 b บวก a, หรือ a บวก b, x บวก ab 25 00:01:29,700 --> 00:01:34,390 โดยทั่วไปแล้ว, ถ้าเราถือว่านี่คือผลคูณ 26 00:01:34,390 --> 00:01:40,765 ของทวินามสองตัว, เราจะเห็นว่าเทอมตรงกลาง 27 00:01:40,765 --> 00:01:43,250 เทอม x, หรือคุณอยากบอกว่าสัมประสิทธิ์ดีกรีหนึ่ง 28 00:01:43,250 --> 00:01:49,040 ตรงนี้, มันคือผลรวมของ a กับ b 29 00:01:49,040 --> 00:01:51,360 แล้วเทอมค่าคงที่ จะเป้นผลคูณ 30 00:01:51,360 --> 00:01:52,520 ของ a กับ b 31 00:01:52,520 --> 00:01:57,290 สังเกตว่า, นี่โยงหาอันนี้, และอันนี้ 32 00:01:57,290 --> 00:01:58,790 ตรงกับอันนี้ 33 00:01:58,790 --> 00:02:02,600 และ, แน่นอนว่านี่เท่ากับอันนี้ 34 00:02:02,600 --> 00:02:05,590 แล้วเราจะจับคู่รูปแบบเจ้านี่กับเจ้านั่นได้ไหม? 35 00:02:05,590 --> 00:02:14,060 มันมี a กับ b ที่ a บวก b เท่ากับ 10? 36 00:02:14,060 --> 00:02:22,070 แล้ว a คูณ b เท่ากับ 9 ไหม? 37 00:02:22,070 --> 00:02:23,850 ทีนี้, ลองคิดกันสักหน่อย 38 00:02:23,850 --> 00:02:25,470 ตัวประกอบของ 9 มีอะไรบ้าง? 39 00:02:25,470 --> 00:02:27,770 a กับ b เท่ากับอะไรได้บ้าง? 40 00:02:27,770 --> 00:02:29,170 เราสมมุติว่าทุกอย่างเป็นจำนวนเต็ม 41 00:02:29,170 --> 00:02:32,350 โดยทั่วไปแล้ว, ตอนเราแยกตัวประกอบ, ยิ่งตอนเรา 42 00:02:32,350 --> 00:02:33,950 เริ่มแยก, เรามักจะใช้ 43 00:02:33,950 --> 00:02:35,580 จำนวนเต็ม 44 00:02:35,580 --> 00:02:37,080 แล้วตัวประกอบของ 9 มีอะไรบ้าง? 45 00:02:37,080 --> 00:02:40,730 มันได้แก่ 1,3 และ 9 46 00:02:40,730 --> 00:02:45,000 แล้วนี่ก็อาจเป็น 3 กับ 3, หรือมันอาจเป็น 1 กับ 9 47 00:02:45,000 --> 00:02:48,630 ทีนี้, ถ้ามันเป็น 3 กับ 3, แล้วคุณมี 3 บวก 3 -- นั่น 48 00:02:48,630 --> 00:02:49,840 ไม่เท่ากับ 10 49 00:02:49,840 --> 00:02:53,760 แต่ถ้ามันเป็น 1 กับ 9, 1 คูณ 9 ได้ 9 50 00:02:53,760 --> 00:02:56,670 1 บวก 9 ได้ 10 51 00:02:56,670 --> 00:02:57,570 มันใช้ได้เลย 52 00:02:57,570 --> 00:03:04,190 ดังนั้น a เป็น 1, และ b เป็น 9 53 00:03:04,190 --> 00:03:08,920 เราก็แยกตัวประกอบนี่ได้เป็น x บวก 1, 54 00:03:08,920 --> 00:03:12,970 คูณ x บวก 9 55 00:03:12,970 --> 00:03:15,850 และถ้าคุณคูณสองตัวนี้ออกมา, ใช้หลักที่ 56 00:03:15,850 --> 00:03:18,970 เราทำไปในวิดีโอก่อนๆ, คุณจะเห็นว่ามัน 57 00:03:18,970 --> 00:03:22,880 คือ x กำลังสองบวก 10x, บวก 9 จริงๆ 58 00:03:22,880 --> 00:03:25,150 ดังนั้นเวลาคุณเห็นอะไรแบบนี้, เมื่อสัมประสิทธิ์ 59 00:03:25,150 --> 00:03:28,070 ของเทอม x กำลังสอง, หรือสัมประสิทธิ์ตัวนำพหุนาม 60 00:03:28,070 --> 00:03:31,650 กำลังสองเกป็น 1, คุณก็บอกว่า, เอาล่ะ, เลข 61 00:03:31,650 --> 00:03:34,530 สองตัวไหนบวกกันเท่ากับสัมประสิทธิ์นี่ตรงนี้? 62 00:03:34,530 --> 00:03:37,720 - 63 00:03:37,720 --> 00:03:39,870 แล้วเลขสองตัวเดิม, ตอนคุณเอามาคูณกัน, 64 00:03:39,870 --> 00:03:41,660 ต้องเท่ากับ 9 65 00:03:41,660 --> 00:03:43,510 และแน่นอน, นี่ต้องอยู่ในรูปมาตรฐาน 66 00:03:43,510 --> 00:03:46,000 หรือถ้ามันไม่อยู่ในรูปมาตรฐาน, คุณก็ควรทำให้ 67 00:03:46,000 --> 00:03:48,500 อยู่ในรูปนั้น, แล้วคุณก็บอกได้ว่า, โอเค, ไม่ว่า 68 00:03:48,500 --> 00:03:51,530 สัมประสิทธิ์ดีกรีหนึ่งจะเป็นอะไร, a กับ b 69 00:03:51,530 --> 00:03:52,300 ต้องรวมกันได้เท่านั้น 70 00:03:52,300 --> 00:03:55,890 และไม่ว่าเทอมค่าคงที่จะเป็นอะไร, a กับ b, ผลคูณ 71 00:03:55,890 --> 00:03:56,370 ต้องเท่ากับค่านั้น 72 00:03:56,370 --> 00:03:58,150 ลองทำตัวอย่างอีกดีกว่า 73 00:03:58,150 --> 00:04:00,510 ผมว่ายิ่งเราทำตัวอย่างมากเท่าไหร่ เรายิ่ง 74 00:04:00,510 --> 00:04:02,630 เข้าใจมันมากขึ้นเท่านั้น 75 00:04:02,630 --> 00:04:08,700 สมมุติว่าเรามี x กำลังสองบวก 10x, บวก -- เอาล่ะ, ผมทำ 76 00:04:08,700 --> 00:04:11,100 10x ไปแล้ว, ลองเลขอื่นบ้างดีกว่า -- x กำลังสอง 77 00:04:11,100 --> 00:04:15,366 บวก 15x, บวก 50 78 00:04:15,366 --> 00:04:17,470 และเราต้องแยกตัวประกอบเจ้านี่ 79 00:04:17,470 --> 00:04:20,339 ทำเหมือนเดิมเลย 80 00:04:20,339 --> 00:04:22,600 เรามีเทอม x กำลังสอง 81 00:04:22,600 --> 00:04:25,130 เรามีเทอมดีกรีหนึ่ง 82 00:04:25,130 --> 00:04:27,960 นี่ตรงนี้ควรเท่ากับผลรวมของเลขสองตัว 83 00:04:27,960 --> 00:04:30,620 แล้วเทอมนี้, เทอมค่าคงที่ตรงนี้, 84 00:04:30,620 --> 00:04:32,870 ควรเท่ากับผลคูณของเลขสองตัว 85 00:04:32,870 --> 00:04:35,640 เราเลยต้องหาเลขสองตัวที่, ถ้าผมคูณ 86 00:04:35,640 --> 00:04:39,220 มันด้วยกันผมจะได้ 50, และถ้าผมบวกมันเข้าด้วยกัน, ผมได้ 15 87 00:04:39,220 --> 00:04:41,910 และนี่เป็นเหมือนศิลปะที่คุณต้อง 88 00:04:41,910 --> 00:04:44,530 ฝึกฝน, แต่ยิ่งคุณฝึกมากเท่าไหร่, คุณจะเห็น 89 00:04:44,530 --> 00:04:45,730 ว่ามันเริ่มเป็นไปเองโดยธรรมชาติ 90 00:04:45,730 --> 00:04:47,330 แล้ว a กับ b เป็นอะไรบ้าง? 91 00:04:47,330 --> 00:04:48,975 ลองคิดถึงตัวประกอบของ 50 กัน 92 00:04:48,975 --> 00:04:52,230 มันอาจเป็น 1 คูณ 50 93 00:04:52,230 --> 00:04:55,072 2 คูณ 25 94 00:04:55,072 --> 00:04:57,520 ลองดู 4 หาร 50 ไม่ลงตัว 95 00:04:57,520 --> 00:05:02,450 มันเป็น 5 กับ 10 ก็ได้ 96 00:05:02,450 --> 00:05:03,580 ผมว่ามีแค่นั้นแหละ 97 00:05:03,580 --> 00:05:05,920 ลองเลขพวกนี้ดู, แล้วดูว่าคู่ไหน 98 00:05:05,920 --> 00:05:07,310 รวมกันได้ 15 99 00:05:07,310 --> 00:05:12,630 ทีนี้ 1 บวก 50 รวมกันไม่เท่ากับ 15 100 00:05:12,630 --> 00:05:16,160 2 บวก 25 ก็ไม่เท่ากับ 15 101 00:05:16,160 --> 00:05:19,260 แต่ 5 บวก 10 รวมกันได้ 15 พอดี 102 00:05:19,260 --> 00:05:24,280 นี่ก็เป็น 5 บวก 10, และนี่ก็เป็น 5 คูณ 10 103 00:05:24,280 --> 00:05:28,760 แล้วถ้าเราแยกตัวนี้ออกมา, นี่จะเท่ากับ x บวก 104 00:05:28,760 --> 00:05:32,630 5, คูณ x บวก 10 105 00:05:32,630 --> 00:05:33,840 แล้วลองคูณออกมา 106 00:05:33,840 --> 00:05:36,710 ผมแนะนำให้คุณลองคูณนี่ออกมา, แล้วดูว่านี่ 107 00:05:36,710 --> 00:05:39,660 เท่ากับ x กำลังสองบวก 15x, บวก 10 จริงไหม 108 00:05:39,660 --> 00:05:43,320 ที่จริง, ลองทำดูดีกว่า x คูณ x, x กำลังสอง x 109 00:05:43,320 --> 00:05:45,800 คูณ 10, บวก 10x 110 00:05:45,800 --> 00:05:48,600 5 คูณ x, บวก 5x 111 00:05:48,600 --> 00:05:51,620 5 คูณ 10, บวก 50 112 00:05:51,620 --> 00:05:55,220 สังเกตว่า 5 คูณ 10 ให้ 50 เรามา 113 00:05:55,220 --> 00:06:00,890 แล้ว 5x บวก 10x จะให้ 15x ตรงกล่าง 114 00:06:00,890 --> 00:06:06,560 มันก็คือ x กำลังสองบวก 15x, บวก 50 115 00:06:06,560 --> 00:06:09,440 ลองดเพิ่มระดับขึ้นอีกหน่อย, ลองดู 116 00:06:09,440 --> 00:06:11,040 เทอมลบตรงนี้บ้าง 117 00:06:11,040 --> 00:06:18,890 สมมุติผมมี x กำลังสองลบ 11x, บวก 24 118 00:06:18,890 --> 00:06:21,610 ตรงนี้, หลักการเหมือนเดิมเป๊ะ 119 00:06:21,610 --> 00:06:24,580 ผมต้องคิดเลขขึ้นมาสองตัว, เวลาผมบวกพวกมัน 120 00:06:24,580 --> 00:06:26,570 ต้องได้เท่ากับลบ 11 121 00:06:26,570 --> 00:06:30,150 a บวก b ต้องเท่ากับลบ 11 122 00:06:30,150 --> 00:06:37,900 และ a คูณ b ต้องเท่ากับ 24 123 00:06:37,900 --> 00:06:41,290 ทีนี้, มีสิ่งที่คุณต้องคิดอยู่ 124 00:06:41,290 --> 00:06:43,960 เวลาผมคูณเลขสองตัวเข้า, ผมจะได้ 125 00:06:43,960 --> 00:06:45,080 จำนวนบวก 126 00:06:45,080 --> 00:06:46,960 ผมจะได้ 24 127 00:06:46,960 --> 00:06:50,260 นั่นหมายความว่าทั้งคู่ต้องเป็นบวก, หรือทั้งคู่ 128 00:06:50,260 --> 00:06:51,380 ต้องเป็นลบ 129 00:06:51,380 --> 00:06:55,050 นั่นคือวิธีเดียวที่ผมจะได้เลขบวกตรงนี้ 130 00:06:55,050 --> 00:06:58,290 ทีนี้, ถ้าผมบวกมันเข้า, ผมจะได้ค่าลบ, ถ้า 131 00:06:58,290 --> 00:07:00,720 สองตัวเป็นบวก, มันไม่มีทางที่ผมจะบวกจำนวบวกสองตัว 132 00:07:00,720 --> 00:07:03,280 แล้วได้จำนวนลบ, ดังนั้น จากความจริงที่ว่าผลบวกเป็นลบ 133 00:07:03,280 --> 00:07:05,750 และความจริงที่ว่าผลคูณเป็นบวก, 134 00:07:05,750 --> 00:07:10,420 ทำให้ผมรู้ว่า a กับ b เป็นลบ 135 00:07:10,420 --> 00:07:13,200 a กับ b ต้องเป็นลบ 136 00:07:13,200 --> 00:07:15,730 จำไว้, ตัวหนึ่งเป็นลบและอีกตัว 137 00:07:15,730 --> 00:07:18,710 เป็นบวกไม่ได้, เพราะผลคูณจะกลายเป็นลบแทน 138 00:07:18,710 --> 00:07:22,687 พวกมันเป็นบวกพร้อมกันไม่ได้, เพราะเมื่อคุณรวม 139 00:07:22,687 --> 00:07:24,520 มันเข้าคุณจะได้ค่าบวกแทน 140 00:07:24,520 --> 00:07:27,500 ลองคิดกันว่า a เป็น b เป็นอะไรได้ 141 00:07:27,500 --> 00:07:28,990 จำนวนลบ 2 ตัว 142 00:07:28,990 --> 00:07:31,260 ลองคิดถึงตัวประกอบของ 24 ก่อน 143 00:07:31,260 --> 00:07:33,140 แล้วเราค่อยคิดถึงตัวร่วมที่เป็นลบ 144 00:07:33,140 --> 00:07:44,670 ลองดูกัน, มันอาจเป็น 1 คูณ 24, 2 คูณ 11, 3 คูณ 145 00:07:44,670 --> 00:07:48,070 8, หรือ 4 คูณ 6 146 00:07:48,070 --> 00:07:51,220 ทีนี้, เวลาผมพูดเจ้าพวกนี้ -- เอาล่ะ, 147 00:07:51,220 --> 00:07:54,380 แน่นอนเวลาผมคูณ 1 กับ 24, ผมได้ 24 148 00:07:54,380 --> 00:07:58,910 เมื่อผมคูณ 2 กับ 11 -- โทษที, นี่คือ 2 คูณ 12 149 00:07:58,910 --> 00:07:59,790 ผมได้ 24 150 00:07:59,790 --> 00:08:03,090 ผมก้รู้ว่าพวกนี้คูณกันได้ 24 ทั้งหมด 151 00:08:03,090 --> 00:08:07,470 แต่คู่ไหนในนี้, เมื่อผมรวมมันเข้า, 152 00:08:07,470 --> 00:08:08,790 จะได้ 11? 153 00:08:08,790 --> 00:08:09,880 แล้วเราก็บอกว่า, ลองใส่ 154 00:08:09,880 --> 00:08:11,450 เครื่องหมายให้ทั้งคู่ 155 00:08:11,450 --> 00:08:15,470 ทีนี้เมื่อคุณดูเลขพวกนี้, 3 กับ 8 กระโดดออกมา 156 00:08:15,470 --> 00:08:19,150 3 คูณ 8 เท่ากับ 24 157 00:08:19,150 --> 00:08:22,810 3 บวก 8 เท่ากับ 11 158 00:08:22,810 --> 00:08:24,680 แต่มันยังใช้ไม่ได้, จริงไหม? 159 00:08:24,680 --> 00:08:26,510 เพราะเรามีลบ 11 ตรงนี้ 160 00:08:26,510 --> 00:08:29,690 แต่ถ้าเกิดเราใช้ลบ 3 กับ ลบ 8 ล่ะ? 161 00:08:29,690 --> 00:08:37,789 ลบ 3 คูณลบ 8 เท่ากับ บวก 24 162 00:08:37,789 --> 00:08:43,580 ลบ 3 บวก ลบ 8 เท่ากับลบ 11 163 00:08:43,580 --> 00:08:46,600 ดังนั้ันลบ 3 กับ ลบ 8 ใช้ได้ 164 00:08:46,600 --> 00:08:53,840 แล้วถ้าเราแยกตัวประกอบเจ้านี่, x กำลังสองลบ 11x, บวก 24 165 00:08:53,840 --> 00:09:02,940 จะเท่ากับ x ลบ 3, คูณ x ลบ 8 166 00:09:02,940 --> 00:09:06,270 ลองทำแบบนั้นอีกข้อดู 167 00:09:06,270 --> 00:09:08,330 ที่จริง, ขอผมผสมหน่อย 168 00:09:08,330 --> 00:09:19,810 สมมุติว่าผมมี x กำลังสองบวก 5x, ลบ 14 169 00:09:19,810 --> 00:09:21,770 ตรงนี้มีผมมีสถานการณ์ต่างออกไป 170 00:09:21,770 --> 00:09:26,460 ผลคูณของเลขสองตัวผมเป็นลบ, จริงไหม? a คูณ b 171 00:09:26,460 --> 00:09:28,190 เท่ากับลบ 14 172 00:09:28,190 --> 00:09:29,920 ผลคูณผมเป็นลบ 173 00:09:29,920 --> 00:09:32,930 นั่นบอกผมว่าตัวหนึ่งเป็นบวก, ส่วนอีกตัว 174 00:09:32,930 --> 00:09:33,910 เป็นลบ 175 00:09:33,910 --> 00:09:39,200 และเมื่อผมบวกสองตัวเข้าด้วยกัน, a บวก b, มันจะเท่ากับ 5 176 00:09:39,200 --> 00:09:41,360 ลองคิดถึงตัวประกอบของ 14 ดู 177 00:09:41,360 --> 00:09:44,300 คู่ไหนที่เวลาผมบวกมันเข้า, ถ้าตัวหนึ่ง 178 00:09:44,300 --> 00:09:46,560 เป็นบวกและอีกตัวเป็นลบ, มันก็เหมือนผม 179 00:09:46,560 --> 00:09:49,780 หาผลต่างของเลขสองตัว, แล้วได้ 5? 180 00:09:49,780 --> 00:09:53,450 งั้นถ้าผมเอา 1 กับ 14 มา -- ผมแค่ลองไปเรื่อย -- 181 00:09:53,450 --> 00:10:01,820 1 กับ 14, ลบ 1 บวก 14 ได้ลบ 13 182 00:10:01,820 --> 00:10:04,260 ลบ 1 บวก 14 ได้ 13 183 00:10:04,260 --> 00:10:07,430 ขอผมเขียนรูปแบบที่เป็นไปได้ทั้งหมดนะ 184 00:10:07,430 --> 00:10:09,440 แล้วสุดท้ายสมองคุณจะเข้าหามันได้ 185 00:10:09,440 --> 00:10:16,490 ทีนี้คุณได้ลบ 1 บวก 14 เท่ากับ 13 186 00:10:16,490 --> 00:10:20,460 กับ 1 บวก ลบ 14 เท่ากับลบ 13 187 00:10:20,460 --> 00:10:21,380 พวกนี้ใช้ไม่ได้ 188 00:10:21,380 --> 00:10:22,950 มันไม่เท่ากับ 5 189 00:10:22,950 --> 00:10:24,860 แล้ว 2 กับ 7 ล่ะ? 190 00:10:24,860 --> 00:10:29,600 ถ้าผมใช้ลบ 2 -- ขอผมใช้อีกสีนะ -- ถ้า 191 00:10:29,600 --> 00:10:35,290 ผมทำลบ 2 บวก 7, นี่จะเท่ากับ 5 192 00:10:35,290 --> 00:10:35,750 เสร็จแล้ว! 193 00:10:35,750 --> 00:10:36,670 มันใช้ได้! 194 00:10:36,670 --> 00:10:39,440 ผมหมารยความว่า, เราลอง 2 บวกลบ 7 ก็ได้, แต่มันจะ 195 00:10:39,440 --> 00:10:41,070 เท่ากับลบ 5, มันเลยใช้ไม่ได้ 196 00:10:41,070 --> 00:10:42,960 แต่ลบ 2 บวก 7 นั้นใช้ได้ 197 00:10:42,960 --> 00:10:46,590 และลบ 2 คูณ 7 เท่ากับลบ 14 198 00:10:46,590 --> 00:10:47,600 เราเลยได้คำตอบมา 199 00:10:47,600 --> 00:10:53,210 เรารู้ว่ามันคือ x ลบ 2, คูณ x บวก 7 200 00:10:53,210 --> 00:10:54,330 มันเจ๋งดี 201 00:10:54,330 --> 00:10:56,950 ลบ 2 คูณ 7 ได้ลบ 14 202 00:10:56,950 --> 00:11:00,880 ลบ 2 บวก 7 ได้ลบ 5 203 00:11:00,880 --> 00:11:03,760 - 204 00:11:03,760 --> 00:11:07,680 ลองทำตัวอย่างอีก, จะได้ฝึก 205 00:11:07,680 --> 00:11:09,520 ทักษะให้เฉียบคม 206 00:11:09,520 --> 00:11:16,360 สมมุติว่าเรามี x กำลังสองลบ x, ลบ 56 207 00:11:16,360 --> 00:11:19,570 ผลคูณของเลขทั้งสองต้องเป็นลบ 56, 208 00:11:19,570 --> 00:11:21,620 ต้องเท่ากับลบ 56 209 00:11:21,620 --> 00:11:24,430 และผลต่าง, เนื่องจากตัวหนึ่งต้องเป็นบวก, 210 00:11:24,430 --> 00:11:26,280 และตัวหนึ่งต้องเป็นลบ, จริงไหม? 211 00:11:26,280 --> 00:11:28,350 ผลต่างของมันต้องเป็นลบ 1 212 00:11:28,350 --> 00:11:30,130 แล้วตัวเลขที่โผล่ขึ้นมาในหัวผม 213 00:11:30,130 --> 00:11:31,900 -- ผมไม่รู้ว่ามันโผล่ขึ้นมาให้หัวคุณหรือเปล่า, 214 00:11:31,900 --> 00:11:33,740 แต่เราเพิ่งเรียนไปในสูตรคูณ -- 215 00:11:33,740 --> 00:11:36,480 ว่า 56 คือ 8 คูณ 7 216 00:11:36,480 --> 00:11:37,480 ที่จริง, มันมีเลขคู่อื่นด้วย 217 00:11:37,480 --> 00:11:39,950 มันยังเท่ากับ 28 คูณ 2 218 00:11:39,950 --> 00:11:41,140 ทั้งหลายทั้งปวง 219 00:11:41,140 --> 00:11:44,300 แต่ 8 คูณ 7 โผล่มาในหัวผมเลย, เพราะเลขสองตัว 220 00:11:44,300 --> 00:11:45,470 มีค่าใกล้เคียงกัน 221 00:11:45,470 --> 00:11:47,730 และเราอยากได้เลขที่ใกล้เคียงกัน 222 00:11:47,730 --> 00:11:50,430 ตัวหนึ่งต้องเป็นบวก, และตัวหนึ่งต้อง 223 00:11:50,430 --> 00:11:51,810 เป็นลบ 224 00:11:51,810 --> 00:11:55,250 ทีนี้, ความจริงที่ว่าผลบวกเป็นลบ, บอกเราว่า 225 00:11:55,250 --> 00:11:58,460 เลขที่โตกว่าควรเป็นลบ 226 00:11:58,460 --> 00:12:01,350 ดังนั้นถ้าเราเอา ลบ 8 คูณ 7, มัน 227 00:12:01,350 --> 00:12:03,320 จะเท่ากับลบ 56 228 00:12:03,320 --> 00:12:08,470 แล้วถ้าเราเอาลบ 8 บวก 7 มา, มันจะเท่ากับ 229 00:12:08,470 --> 00:12:12,100 ลบ 1, ซึ่งเท่ากับสัมประสิทธิ์ตรงนี้เป๊ะ 230 00:12:12,100 --> 00:12:16,490 แล้วเมื่อผมแยกตัวประกอบเจ้านี่, นี่จะเป็น x ลบ 8, 231 00:12:16,490 --> 00:12:18,690 คูณ x บวก 7 232 00:12:18,690 --> 00:12:21,695 นี่มักเป็นหลักที่ยากที่สุดอย่างหนึ่งเวลาคน 233 00:12:21,695 --> 00:12:23,920 เรียนพีชคณิต, เพราะมันใช้ศิลปะนิดหน่อย 234 00:12:23,920 --> 00:12:26,710 คุณต้องดูตัวประกอบทั้งหมดนี้, เล่นกับ 235 00:12:26,710 --> 00:12:29,710 เครื่องหมายบวกลบ, ดูว่าตัวประกอบคู่ไหน 236 00:12:29,710 --> 00:12:31,900 ตัวหนึ่งเป็นบวก, ตัวหนึ่งเป็นลบ, แล้วรวม 237 00:12:31,900 --> 00:12:33,590 กันเป็นสัมประสิทธิ์หน้าเทอม x 238 00:12:33,590 --> 00:12:35,860 แต่เมื่อคุณทำแบบฝึกหัดมากขึ้นเรื่อยๆ, คุณจะเห็น 239 00:12:35,860 --> 00:12:39,280 ว่ามันกลายเป็นสัญชาตญาณไป 240 00:12:39,280 --> 00:12:42,350 ทีนี้ลองทำโจทย์ยากขึ้นอีก 241 00:12:42,350 --> 00:12:46,140 สมมุติเรามีลบ x กำลังสอง -- ทุกอย่างที่ 242 00:12:46,140 --> 00:12:49,040 เราทำไปสัมประสิทธิ์เป็นบวก, บวก 1 243 00:12:49,040 --> 00:12:50,690 ตรงเทอม x กำลังสอง 244 00:12:50,690 --> 00:12:55,590 แต่สมมุติว่าเรามี ลบ x กำลังสอง 245 00:12:55,590 --> 00:12:59,440 ลบ 5x, บวก 24 246 00:12:59,440 --> 00:13:00,910 เราจะทำยังไง? 247 00:13:00,910 --> 00:13:03,420 ทีนี้, วิธีคิดที่ผมว่าง่ายที่สุดคือแยก 248 00:13:03,420 --> 00:13:05,670 ลบ 1 ออกมา, แล้วมันก็จะกลายเป็นโจทย์ 249 00:13:05,670 --> 00:13:07,260 ที่เราเคยทำมา 250 00:13:07,260 --> 00:13:11,660 แล้วนี่ก็เหมือนกับลบ 1 คูณ บวก x 251 00:13:11,660 --> 00:13:15,990 กำลังสอง, บวก 5x, ลบ 24 252 00:13:15,990 --> 00:13:16,300 จริงไหม? 253 00:13:16,300 --> 00:13:18,080 ผมแค่ดึงลบ 1 ออกมา 254 00:13:18,080 --> 00:13:20,180 คุณคูณลบ 1 เข้าไปให้ทั้งหมดนี้, แล้วคุณ 255 00:13:20,180 --> 00:13:21,690 จะได้เห็นนี่ออกมา 256 00:13:21,690 --> 00:13:23,555 หรือคุณอาจแยกลบ 1 ออกมาแล้วหาร 257 00:13:23,555 --> 00:13:25,000 ตลอดด้วยลบ 1 ก็ได้ 258 00:13:25,000 --> 00:13:26,760 แล้วก็คุณได้ตรงนี้มา 259 00:13:26,760 --> 00:13:29,360 เหมือนกับที่เคยเล่นกันมา 260 00:13:29,360 --> 00:13:33,510 ผมอยากได้เลขสองตัว, โดยที่ผมหาผลคูณแล้ว 261 00:13:33,510 --> 00:13:34,690 จะได้ ลบ 24 262 00:13:34,690 --> 00:13:37,125 ตัวหนึ่งจึงเป็นบวก, อีกตัวจะเป็นลบ 263 00:13:37,125 --> 00:13:41,550 - 264 00:13:41,550 --> 00:13:43,770 เมื่อผมหาผลรวม, มันจะเท่ากับ 5 265 00:13:43,770 --> 00:13:48,850 ลองคิดถึง 24 กัน มันคือ 1 คูณ 24 266 00:13:48,850 --> 00:13:55,750 ลองดู, ถ้านี่คือลบ 1 กับ 24, มันจะได้บวก 23, 267 00:13:55,750 --> 00:13:57,540 ถ้ากลับกัน, มันจะเป็นลบ 23 268 00:13:57,540 --> 00:13:58,500 ใช้ไม่ได้ 269 00:13:58,500 --> 00:14:01,210 แล้ว 2 กับ 12 ล่ะ? 270 00:14:01,210 --> 00:14:04,530 ทีนี้, ถ้านี่เป็นลบ -- จำไว้, ตัวหนึ่งต้อง 271 00:14:04,530 --> 00:14:05,040 เป็นลบ 272 00:14:05,040 --> 00:14:07,570 ถ้า 2 เป็นลบ, ผลรวมจะเป็น 10 273 00:14:07,570 --> 00:14:09,750 ถ้า 12 เป็นลบ, ผมรวมจะเป็นลบ 10 274 00:14:09,750 --> 00:14:11,300 ยังใช้ไม่ได้ 275 00:14:11,300 --> 00:14:13,290 3 กับ 8 276 00:14:13,290 --> 00:14:16,850 ถ้า 3 เป็นลบ, ผลคูณจะป็น 5 277 00:14:16,850 --> 00:14:17,910 แล้วมันใช้ได้! 278 00:14:17,910 --> 00:14:24,620 ดังนั้นถ้าเราเลือกลบ 3 กับ 8, ลบ 3 กับ 8 ใช้ได้ 279 00:14:24,620 --> 00:14:26,630 เพราะลบ 3 บวก 8 เป็น 5 280 00:14:26,630 --> 00:14:29,510 ลบ 3 คูณ 8 เท่ากับลบ 24 281 00:14:29,510 --> 00:14:31,640 นี่ก็จะเท่ากับ -- อย่าลืม 282 00:14:31,640 --> 00:14:35,230 ลบ 1 ข้างหน้าด้วย, แล้วเราก็แยกตัวประกอบข้างใน 283 00:14:35,230 --> 00:14:42,990 ลบ 1 คูณ x ลบ 3, คูณ x บวก 8 284 00:14:42,990 --> 00:14:44,800 แล้วถ้าคุณอยากทำ, คุณก็คูณ 285 00:14:44,800 --> 00:14:46,450 ลบ 1 กับเจ้านี่, แล้วคุณจะได้ 3 286 00:14:46,450 --> 00:14:47,560 ลบ x ถ้าทำดู 287 00:14:47,560 --> 00:14:48,810 หรือคุณไม่ต้องทำก็ได้ 288 00:14:48,810 --> 00:14:51,810 - 289 00:14:51,810 --> 00:14:53,220 ลองทำอีก 290 00:14:53,220 --> 00:14:56,060 ยิ่งทำยิ่งดีนะผมว่า 291 00:14:56,060 --> 00:15:01,630 เอาล่ะ, สมมุติว่าผมมี ลบ x กำลังสอง 292 00:15:01,630 --> 00:15:06,690 บวก 18x, ลบ 72 293 00:15:06,690 --> 00:15:09,320 เหมือนเดิม, ผมอยากดึงลบ 1 ออกมาก่อน 294 00:15:09,320 --> 00:15:13,040 นี่ก็จะเท่ากับลบ 1 คูณ x กำลังสอง, 295 00:15:13,040 --> 00:15:16,910 ลบ 18x, บวก 72 296 00:15:16,910 --> 00:15:19,650 ทีนี้เราต้องคิดเลขสองตัว, เมื่อผม 297 00:15:19,650 --> 00:15:22,330 คูณพวกมัน, ผมจะได้บวก 72 298 00:15:22,330 --> 00:15:24,480 พวกมันเลยต้องมีเครื่องหมายเหมือนกัน 299 00:15:24,480 --> 00:15:26,930 และมันทำให้คิดในใจได้ง่าย, อย่างน้อยก็ในใจผม 300 00:15:26,930 --> 00:15:29,260 เมื่อผมคูณพวกมัน, ผมจะได้บวก 72 301 00:15:29,260 --> 00:15:32,040 และถ้านำมารวมกัน, ผมจะได้ลบ 18 302 00:15:32,040 --> 00:15:34,410 ดังนั้นมันมีเครื่องหมายเหมือนกัน, และผลรวมเป็น 303 00:15:34,410 --> 00:15:36,470 จำนวนลบ, พวกมันต้องเป็นลบทั้งคู่ 304 00:15:36,470 --> 00:15:41,470 - 305 00:15:41,470 --> 00:15:43,790 และเราก็ลองหาตัวประกอบของ 72 306 00:15:43,790 --> 00:15:48,510 แต่อันที่โผล่ขึ้นมาก่อนใคร, บางทีคุณอาจคิดถึง 8 คูณ 9, 307 00:15:48,510 --> 00:15:53,270 แต่ 8 คูณ 9, หรือลบ 8 ลบ 9, หรือลบ 8 บวก 308 00:15:53,270 --> 00:15:55,210 ลบ 9, ใช้ไม่ได้ 309 00:15:55,210 --> 00:15:58,060 มันกลายเป็น 17 310 00:15:58,060 --> 00:15:58,860 เกือบแล้ว 311 00:15:58,860 --> 00:15:59,560 ขอผมทำให้ดูนะ 312 00:15:59,560 --> 00:16:04,400 ลบ 9 บวกลบ 8, นั่นเท่ากับลบ 17 313 00:16:04,400 --> 00:16:06,140 ใกล้, แต่ยังไม่ใช่ 314 00:16:06,140 --> 00:16:06,990 แล้วมีอีกไหม? 315 00:16:06,990 --> 00:16:08,005 เรามี 6 กับ 12 316 00:16:08,005 --> 00:16:09,705 นั่นดูใช้ได้อยู่นะ 317 00:16:09,705 --> 00:16:13,710 ถ้าเรามีลบ 6 บวกลบ 12, นั่นะจ 318 00:16:13,710 --> 00:16:15,360 เท่ากับลบ 18 319 00:16:15,360 --> 00:16:16,590 เห็นไหม, มันเป็นศิลปะนิดหน่อย 320 00:16:16,590 --> 00:16:18,810 คุณต้องลองตัวประกอบหลายๆ แบบ 321 00:16:18,810 --> 00:16:22,360 แล้วนี่ก็กลายเป็นลบ 1 -- ผมต้องไม่ลืม 322 00:16:22,360 --> 00:16:29,440 มันด้วย -- คูณ x ลบ 6, คูณ x ลบ 12 323 00:16:29,440 --> 00:16:29,866 -