1 00:00:01,878 --> 00:00:06,679 กลไกของการวิวัฒนาการ 2 00:00:06,835 --> 00:00:11,021 การวิวัฒนาการคืออะไร 3 00:00:11,095 --> 00:00:14,290 การวิวัฒนาการคือการพัฒนาชีวิตในโลก 4 00:00:14,435 --> 00:00:19,897 ซึ่งเป็นกระบวนการที่เริ่มต้นเมื่อพันล้านปีก่อน และยังเกิดขึ้นอยู่ 5 00:00:20,045 --> 00:00:25,542 การวิวัฒนาการอธิบายได้ว่า ทำไมชีวิตในโลกจึงหลากหลายมาก 6 00:00:25,696 --> 00:00:31,122 มันอธิบายได้ว่า protozoa ง่ายๆ สามารถกลายเป็นสัตว์และพืชล้านๆ สปีชีสที่เห็นอยู่ทุกวันนี้ 7 00:00:31,270 --> 00:00:41,062 การวิวัฒนาการเป็นข้อสงสัยที่เราอาจมีเมื่อเราเห็นสุนัขพันธุ์ Dachshund และ Great Dane อยู่พร้อมกัน 8 00:00:41,262 --> 00:00:49,021 ทำไมบรรพบุรุษของสายพันธุ์หนึ่งสามารถมีลูกหลานที่ดูต่างกับเขามาก 9 00:00:49,319 --> 00:00:56,597 ในการตอบปัญหานี้เราจะโฟกัสไปที่สัตว์ โดยไม่คำนึงถึงสิ่งมีชีวิตอื่นๆ เช่นต้นไม้และฟังไจ 10 00:00:56,738 --> 00:01:04,337 คำถามแรกที่เราควรตอบคือ สัตว์สายพันธ์หนึ่งสามารถพัฒนากลายเป็นอีก สปีชีส์ หนึ่งได้อย่างไร 11 00:01:04,553 --> 00:01:10,552 อ้า แต่สปีชีส์ มีความหมายว่าอะไร 12 00:01:10,675 --> 00:01:21,573 สปีชีส์ หมายถึงประชาคมสัตว์ที่สามารถสืบพันธุ์กันได้และลูกหลานของมันก็สามารถสืบพันธุ์กันได้ต่อๆ ไป 13 00:01:21,739 --> 00:01:26,246 เพื่อที่จะเข้าใจปัญหาให้ดีขึ้น เราจำเป็นต้องโฟกัสไปที่สิ่งเหล่านี้ 14 00:01:26,472 --> 00:01:33,656 ความเป็นสิ่งเดียวอันเดียว (uniqueness) ของสิ่งมีชีวิต ซึ่งเป็นผลจากการผลิตลูกจำนวนมากเกินความจำเป็นและการถ่ายทอดลักษณะ (heredity) 15 00:01:33,874 --> 00:01:37,013 และประเด็นที่ 2 คือ การเลือกสรร (selection) 16 00:01:37,261 --> 00:01:41,869 เรามาดูเรื่องความเป็นสิ่งเดียวอันเดียวก่อน 17 00:01:42,063 --> 00:01:46,691 สัตว์ทุกตัวมีความเป็นสิ่งเดียวอันเดียวอยู่เสมอ และสิ่งนี้จำเป็นสำหรับการวิวัฒนาการ 18 00:01:46,892 --> 00:01:54,553 สมาชิกในแต่ละสปีชีส์อาจมีคุณลักษณะคล้ายกันมาก แต่ทุกตัวจะมีคุณสมบัติประจำตัวและคุณลักษณะที่แตกต่างกันบ้าง 19 00:01:54,740 --> 00:02:01,072 มันอาจใหญ่กว่า อ้วนกว่า แข็งแรงกว่า หรือกล้าหาญกว่า สัตว์พวกเดียวกัน 20 00:02:01,313 --> 00:02:07,758 เพราะเหตุใดถึงเกิดความแตกต่างเหล่านี้ ลองดูสัตว์ชนิดหนึ่ง 21 00:02:08,012 --> 00:02:11,385 สัตว์ทุกตัวประกอบด้วยเซลล์ 22 00:02:11,584 --> 00:02:13,859 เซลล์เหล่านี้มีนิวเคลียส 23 00:02:14,023 --> 00:02:17,123 ซึ่งในนิวเคลียสมีโครโมโซม 24 00:02:17,434 --> 00:02:20,766 และโครโมโซม มี ดีเอ็นเอ 25 00:02:21,036 --> 00:02:24,420 ดีเอ็นเอ ประกอบด้วยยีนต่างๆ 26 00:02:24,572 --> 00:02:27,835 และยีนเหล่านี้เป็นตัวที่เก็บข้อมูลชีวิต 27 00:02:28,000 --> 00:02:35,404 มันเก็บคำสั่งสำหรับเซลล์ และเป็นตัวกำหนดคุณสมบัติประจำตัวและคุณลักษณะของสิ่งมีชีวิตนั้น 28 00:02:35,574 --> 00:02:40,559 และเป็นเพราะดีเอ็นเอมีความเป็นได้อย่างเดียวสำหรับสัตว์ทุกตัว 29 00:02:40,684 --> 00:02:44,315 มันแตกต่าง กันในสัตว์แต่ละตัว จึงทำให้มันมีคุณลักษณะต่างกันไปบ้าง 30 00:02:44,553 --> 00:02:53,875 แต่ดีเอ็นเอที่หลากหลายมหาศาลเกิดขึ้นได้อย่างไร 31 00:02:53,982 --> 00:02:59,770 ปัจจัยสำคัญอันหนึ่งคือ การผลิตลูกมากเกินความต้องการหรือจำเป็น 32 00:03:00,039 --> 00:03:06,387 ในธรรมชาติเราสังเกตว่าสัตว์จะออกลูกมากกว่าที่จำเป็นสำหรับให้สปีชีส์นั้นอยู่รอดได้ 33 00:03:06,679 --> 00:03:09,744 และลูกเหล่านี้จะตายเมื่ออายุเยาว์ไว 34 00:03:09,870 --> 00:03:15,136 หรือมีจำนวนมากกว่าที่สิ่งแวดล้มจะสนับสนุนได้ 35 00:03:15,424 --> 00:03:18,751 นี่เป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เกิดความแตกต่างในแต่ละสปีชีส์ 36 00:03:18,991 --> 00:03:23,460 ยิ่งมีลูกมากเท่าใด ยิ่งมีความแตกต่างมากเท่านั้น 37 00:03:23,613 --> 00:03:29,948 และนี่คือสิ่งที่ธรรมชาติต้องการ คือความแตกต่างเล็กๆ น้อยๆ มากๆ เท่าที่เป็นไปได้ 38 00:03:30,203 --> 00:03:35,418 สาเหตุที่ 2 ที่ทำให้เกิดความเป็นหนึ่งเดียวคือ heredity 39 00:03:35,670 --> 00:03:41,835 หรือการถ่ายทอดทางพันธุกรรมนั่งเอง การถ่ายทอดทางพันธุกรรมหมายถึงการถ่ายทอด ดีเอ็นเอ ให้กับลูก 40 00:03:42,040 --> 00:03:47,348 ปัจจัย 2 อย่างที่มาเกี่ยวข้องกับกระบวนการนี้คือ 41 00:03:47,599 --> 00:03:51,794 recombination and mutation (รีคอมบินเนชั่น และ การกลายพันธุ์) 42 00:03:51,982 --> 00:03:56,245 รีคอมบินเนชัน เป็นการผสมผสานอย่างสุ่มของดีเอ็นเอของสัตว์ 2 ตัว 43 00:03:56,436 --> 00:04:01,517 เมื่อสัตว์ 2 ตัวผสมพันธุ์กัน มันจะ รีคอมไบน (รวมตัวใหม่) ยีนของมัน 2 ครั้ง 44 00:04:01,845 --> 00:04:08,823 ครั้งแรกจะต่างคนต่างทำกันเมื่อมันผลิตเซลล์สืบพันธุ์ คือตัวอสุจิหรือไข่ 45 00:04:09,041 --> 00:04:13,915 เซลล์สืบพันธุ์จะได้รับยีนครึ่งหนึ่ง และสลับมัน (เหมือนสับไผ้) 46 00:04:14,165 --> 00:04:19,901 รีคอมบินเนชันครั้งที่ 2 จะเกิดเมื่อตัวผู้ผสมพันุ์กับตัวเมีย 47 00:04:20,234 --> 00:04:27,321 พ่อแม่จะให้ 50% ของดีเอ็นเอของตนแก่ลูก เรียกได้ว่า ให้ 50% ของคุณสมบัติประจำตัวและคุณลักษณะที่ไม่ซ้ำใครให้แก่ลูก 48 00:04:27,689 --> 00:04:34,953 ยีนเหล่านี้จะถูกผสมผสานและผลก็คือ ลูกเหล่านี้จะมีดีเอ็นเอที่เป็นการผสมผสานอย่างสุ่ม 49 00:04:35,260 --> 00:04:41,663 และมีคุณสมบัติประจำตัวและคุณลักษณะ ของพ่อแม่ของมัน 50 00:04:41,945 --> 00:04:47,178 ซึ่งทำให้ความแตกต่างหลากหลายในแต่ละสปีชีส์ยิ่งเพิ่มมากขึ้น 51 00:04:47,395 --> 00:04:52,654 แต่การกลายพันธุ์ก็สำคัญไม่น้อยสำหรับการวิวัฒนาการ 52 00:04:52,902 --> 00:04:56,844 การกลายพันธุ์ (mutation) คือการเปลี่ยนแปลงอย่างสุ่มในดีเอ็นเอ 53 00:04:57,101 --> 00:05:02,625 Mutation จะเกิดขึ้นเมื่อส่วนใดส่วนหนึ่งของดีเอ็นเอถูกเปลี่ยนแปลง 54 00:05:02,856 --> 00:05:15,255 การเปลี่ยนแปลงนี้อาจมีผลเสียและทำให้ป่วยหรือเป็นโรคก็ได้เช่นมะเร็ง 55 00:05:15,515 --> 00:05:24,696 แต่มันอาจเป็นผลกลางหรือผลดีก็ได้ เช่นตาสีฟ้าในมนุษย์ เป็นต้น 56 00:05:24,933 --> 00:05:31,495 ในทุกกรณี mutation ต้องมีผลต่อเซลล์สืบพันธุ์ นั่นคือ เซลล์สเปิร์มหรือไข่ 57 00:05:31,718 --> 00:05:36,906 เพราะดีเอ็นเอในเซลล์สืบพันธุ์เท่านั้นที่ถูกถ่ายทอดให้ลูก 58 00:05:37,139 --> 00:05:45,128 นี่คือสาเหตุที่เราต้องปกปิดอวัยะสืบพันธุ์เมื่อมีการฉายเอ็กซเรย์ ส่วนอื่นของร่างกายจะไม่รับการเสี่ยงภัยแต่อย่างใด 59 00:05:45,357 --> 00:05:52,799 สรุป ในกระบวนการถ่ายทอด สัตว์จะถ่ายทอดคุณลักษณะให้ลูกในรูปแบบดีเอ็นเอ 60 00:05:52,969 --> 00:06:01,562 รีคอมบินเนชัน และการกลายพันธ์ทำการเปลี่ยนแปลงดีเอ็นเอ ทำให้ลูกๆ แต่ละตัวไม่เหมือนกัน 61 00:06:01,803 --> 00:06:07,123 และได้รับส่วนผสมอย่างสุ่มของคุณลักษณะของพ่อแม่ 62 00:06:07,431 --> 00:06:09,998 คำสำคัญที่นี่คือ 63 00:06:10,270 --> 00:06:13,900 สุ่ม กระบวนการทั้งหมดนี้ขึ้นอยู่กับความบังเอิญ 64 00:06:14,135 --> 00:06:22,935 รีคอมบินเนชัน และการกลายพันธุ์แบบสุ่มทำให้เกิดปัจเจกที่มีคุณสมบัติประจำตัวและคุณลักษณะผสมผสานกันอย่างสุ่ม 65 00:06:23,163 --> 00:06:26,630 ซึ่งก็จะถูกผสมผสานอีกทีและถูกถ่ายทอดต่อไปอีก 66 00:06:26,802 --> 00:06:31,759 แต่เราจะลงเอยว่ามันขึ้นอยู่กับความอังเอิญได้อย่างไร เมื่อสัตว์ทั้งหลายดูเหมือนว่าปรับตัวเข้าสิ่งแวดล้อมได้อย่างดี 67 00:06:31,995 --> 00:06:38,803 เช่น ตั๊กแตนกิ่งไม้ นกฮัมมิงเบิร์ด และปลากบ (frogfish) 68 00:06:39,119 --> 00:06:45,114 คำตอบอยู่ที่สองประเด็นที่กล่าวถึงแล้ว คือ การคัดเลือก (selection) 69 00:06:45,307 --> 00:06:48,998 สัตว์แต่ละตัวจะอยู่ภายใต้กระบวนการคัดเลือกตามธรรมชาติ 70 00:06:49,305 --> 00:06:54,896 ดังที่กล่าวมาแล้ว แต่ละบุคคลจะผิดเพี้ยนจากบุคคลอื่นเล็กน้อย 71 00:06:55,275 --> 00:06:59,344 และในแต่ละสปีชีส์ก็มีความแตกต่างมากพอ 72 00:06:59,542 --> 00:07:06,275 อิธิพลของสิ่งแวดล้อมก็มีผลต่อสิ่งมีชีวิต ปัจจัยการคัดเลือกเหล่านี้ คือ 73 00:07:06,496 --> 00:07:15,224 ผู้ล่า ปรสิต สัตว์สปีชีส์เดียวกัน คุณลักษณะของถิ่นที่อยู่ และภูมิอากาศ 74 00:07:15,451 --> 00:07:20,518 การคัดเลือกเป็นกฎเกณฑ์ที่สัตว์ทุกตัวต้องอยู่ภายใต้ 75 00:07:20,726 --> 00:07:25,041 สัตว์แต่ละตัวมีคุณสมบัติประจำตัวและคุณลักษณะต่างๆ ที่ไม่เหมือนใคร 76 00:07:25,357 --> 00:07:31,561 คุณสมบัติประจำตัวและคุณลักษณะนี้ทำให้มันสามารถเอาตัวรอดได้หรือไม่ได้ในสภาพแวดล้อมต่างๆ 77 00:07:31,691 --> 00:07:39,114 ตัวใดที่มีคุณสมบัติประจำตัวและคุณลักษณะที่ไม่เหมาะสมก็จะถูกคัดออกจากสิ่งแวดล้อม 78 00:07:39,336 --> 00:07:44,952 พวกที่รอดได้ก็จะถ่ายทอดคุณสมบัติประจำตัวและคุณลักษณะที่เพิ่มสมรรถนะให้ลูก 79 00:07:45,127 --> 00:07:51,107 เพราะเหตุนี้ความหลากหลายจึงสำคัญมาก 80 00:07:51,333 --> 00:07:55,759 เพราะเหตุนี้สัตว์จึงพยายามมีลูกที่แตกต่างกันให้มากที่สุด 81 00:07:55,944 --> 00:08:01,701 มันเป็นการรับประกันว่าลูกอย่างน้อย 1 ตัวจะผ่านการคัดเลือกธรรมชาติ ทำให้โอกาสรอดได้สูงขึ้น 82 00:08:01,864 --> 00:08:10,513 ตัวอย่างที่ดีคือ นกฟินช์ที่อยู่บนเกาะเล็กๆห่างชายฝั่งอเมริกาใต้ 83 00:08:10,788 --> 00:08:19,114 มันเป็นสัตว์ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในโลกวิทยาศาสตร์ นกนี้เรียกว่า Darwin’s finches (นกฟินช์ของดาร์วิน) เป็นการให้เกียรติผู้ที่ค้นพบ 84 00:08:19,333 --> 00:08:24,354 และนี่คือเรื่องของนกฟินช์พวกนี้ 85 00:08:24,560 --> 00:08:30,555 2-3 ร้อยปีมาแล้ว นกฟินช์ฝูงเล็กๆ ถูกลพายุพัดออกทะเลไปตกที่เกาะกาลาพากอส กลางมหาสมุทรปาซิฟิก 86 00:08:30,739 --> 00:08:40,220 นกฟินช์พวกนี้พบสิ่งแวดล้อมใหม่ที่เป็นสวรรค์ของฟินช์ 87 00:08:40,444 --> 00:08:43,476 นกฟินช์พวกนี้พบสิ่งแวดล้อมใหม่ที่เป็นสวรรค์ของฟินช์ 88 00:08:43,651 --> 00:08:48,164 มันจึงแพร่พันธุ์อย่างรวดเร็วและเป็นจำนวนมาก ในไม่ช้าเกาะก็เต็มไปด้วยนกฟินช์ 89 00:08:48,446 --> 00:08:52,277 ซึ่งหมายความว่า อาหารก็ร่อยหรอ 90 00:08:52,527 --> 00:08:57,217 สวรรค์ฟินช์ก็ถูกคุกคามโดยการอดตายและเพื่อนฟินช์ก็กลายเป็นฟินช์คู่แข่ง 91 00:08:57,444 --> 00:09:00,481 ตอนนี้ละที่การคัดเลือก (selection) จะมาเกี่ยวข้อง 92 00:09:00,713 --> 00:09:08,899 ความแตกต่างเล็กน้อย ในกรณีนี้คือจะงอย ที่แตกต่างกันเล็กน้อยทำให้นกเหล่านี้อยู่ได้โดยไม่ต้องแข่งขันกับฟินช์เพื่อนด้วยกัน 93 00:09:09,049 --> 00:09:15,568 จะงอยของฟินช์บางตัวจะเหมาะสมสำหรับการขุดหาไส้เดือน 94 00:09:15,754 --> 00:09:21,170 ตัวอื่นสามารถใช้จะงอยสำหรับการกะเทาะเปลือกเมล็ดต่างๆ 95 00:09:21,451 --> 00:09:26,079 นกฟินช์เหล่านี้จึงหาช่องทางในระบบนิเวศน์ให้กับตนเองได้ 96 00:09:26,313 --> 00:09:29,150 ในช่องทางนี้มันปลอดภัยจากการเข็งขันสูง 97 00:09:29,388 --> 00:09:33,792 มันเริ่มผสมพันธุ์กับฟินช์ที่ใช้ช่องทางระบบนิเวศน์เดียวกันเท่านั้น 98 00:09:33,963 --> 00:09:40,779 ในหลายชั่วอายุของมัน คุณลักษณะพิเศษของมันก็จะเพิ่มสมรรถนะเรื่อยๆ 99 00:09:40,915 --> 00:09:45,078 ซึ่งทำให้นกฟินช์สามารถทำประโยชน์กับช่องทางของมันได้อย่างสำเร็จ 100 00:09:45,380 --> 00:09:49,873 ความแตกต่างระหว่างนกที่กินหนอนกับนกที่กินเมล็ดยิ่งห่างเหิญจนมันไม่สามารถผสมพันธุ์กันได้ 101 00:09:50,065 --> 00:09:54,542 จึงเกิดสปีชีสใหม่ 102 00:09:54,745 --> 00:09:59,616 ทุกวันนี้มีนกฟินช์14สปีชีส์บนเกาะกาลาพากอส 103 00:09:59,796 --> 00:10:03,359 ซึ่งทั้งหมดเป็นลูกหลานนกฝูงเดิมที่ถูกพัดพาไปที่เกาะ 104 00:10:03,593 --> 00:10:07,866 ทั้งหมดนี้คือ วิธีที่เกิดสปีชีส์ใหม่โดยการวิวัฒนาการ 105 00:10:08,233 --> 00:10:12,887 ซึ่งอาศัยความแตกต่างของแต่ละบุคคลและการออกลูกหลานจำนวนมากเกินความจำเป็น 106 00:10:13,236 --> 00:10:17,301 รีคอมบินเนชันและการกลายพันธุ์ ในการถ่ายทอดพันธุกรรม 107 00:10:17,499 --> 00:10:20,403 และในการคัดเลือก โดยธรรมชาติ 108 00:10:20,542 --> 00:10:22,597 ทำไมเรื่องนี้จึงสำคัญ 109 00:10:22,682 --> 00:10:28,273 เพราะมันอธิบายว่าความหลากหลายของชีวิตเกิดขึ้นได้อย่างไร และทำไมสิ่งมีชีวิตจึงเหมาะกับสภาพแวดล้อมของมัน 110 00:10:28,518 --> 00:10:31,819 แต่มันมีผลต่อเราส่วนตัวด้วย 111 00:10:32,038 --> 00:10:35,901 เราทุกคนเป็นผลของการวิวัฒนาการ 3.5 พันล้านปี 112 00:10:36,140 --> 00:10:38,161 ซึ่งรวมถึงคุณด้วย 113 00:10:38,433 --> 00:10:41,891 บรรพบุรุษของคุณได้ต่อสู้และปรับตัวเพื่อให้อยู่รอดมาได้ 114 00:10:42,136 --> 00:10:46,148 ซึ่งความอยู่รอดนี้เป็นเรื่องที่ไม่แน่นอนมาก 115 00:10:46,375 --> 00:10:50,902 อย่าลืมว่า 99% ของทุกสปีชีส์ที่เคยมีมาในโลกสูญพันธุหมดไปแล้ว 116 00:10:51,077 --> 00:10:55,889 คุณก็อาจนับได้ว่าเป็น เรื่องที่สำเร็จก็ได้ 117 00:10:56,091 --> 00:11:00,162 พวกไดนาเสาได้สูญพันธุ์หมดไปแล้ว แต่คุณยังมีชีวิตอยู่ 118 00:11:00,362 --> 00:11:02,699 กำลังชมวีดีโอนี้ 119 00:11:02,858 --> 00:11:05,469 เพราะฉะนั้นคุณเป็นสิ่งพิเศษมาก 120 00:11:05,716 --> 00:11:07,417 เช่นเดียวกับสัตว์อื่นที่มีชีวิตอยู่ในวันนี้ 121 00:11:07,616 --> 00:11:15,131 ไม่สามารถมีอะไรมาแทนได้และไม่เหมือนสิ่งใดอื่นในเอภพ 122 00:11:15,131 --> 00:11:15,381 123 00:11:15,381 --> 00:11:15,631