WEBVTT 00:00:00.000 --> 00:00:00.690 00:00:00.690 --> 00:00:03.660 ทุกอย่างที่เราได้เจอในการเดินทาง 00:00:03.660 --> 00:00:06.410 ในวิชาเคมีนั้นเกี่ยวข้องกับเสถียรภาพของ 00:00:06.410 --> 00:00:08.420 อิเล็กตรอนและตำแหน่งของอิเล็กตรอน 00:00:08.420 --> 00:00:10.340 ในชั้นที่เสถียร 00:00:10.340 --> 00:00:14.030 และเช่นเดียวกับสิ่งต่างๆ ในชีวิต ถ้าคุณสำรวจอะตอม 00:00:14.030 --> 00:00:16.400 ลึกลงไป คุณจะพบว่าอิเล็กตรอนไม่ได้ 00:00:16.400 --> 00:00:19.250 เป็นสิ่งเดียวที่อยู่ในอะตอม 00:00:19.250 --> 00:00:24.250 นิวเคลียสเองมีอันตรกิริยา หรือมี 00:00:24.250 --> 00:00:27.140 ความไม่เสถียร ที่ต้องถูกปลดปล่อยออกมาสักทาง 00:00:27.140 --> 00:00:28.740 นั่นคือสิ่งที่เราจะพูดถึงนิดหน่อย 00:00:28.740 --> 00:00:31.420 ในวิดีโอนี้ 00:00:31.420 --> 00:00:35.110 และกลไกของมันอยู่นอก 00:00:35.110 --> 00:00:37.450 บทเรียนเคมีปีหนึ่ง แต่อย่างน้อย 00:00:37.450 --> 00:00:39.570 การรู้ว่ามันเกิดขึ้นนั้นเป็นเรื่องดี 00:00:39.570 --> 00:00:43.110 และวันหนึ่ง เมื่อเราเรียนเรื่องแรงนิวเคลียร์อย่างเข้ม 00:00:43.110 --> 00:00:45.570 และควอนตัมฟิสิกส์ อะไรพวกนั้น แล้วเราจะเริ่ม 00:00:45.570 --> 00:00:49.280 พูดถึงกันว่าทำไมโปรตอนและนิวตรอนเหล่านี้ 00:00:49.280 --> 00:00:52.810 และควาร์กที่เป็นองค์ประกอบของพวกมัน จึงมีอันตรกิริยา 00:00:52.810 --> 00:00:53.530 แบบที่เป็นอยู่ 00:00:53.530 --> 00:00:55.500 พูดอย่างนี้แล้ว ลองมาคิดถึง 00:00:55.500 --> 00:01:00.890 วิธีต่างๆ ที่นิวเคลียสสามารถสลายตัวได้กัน 00:01:00.890 --> 00:01:03.880 สมมุติว่าผมมีโปรตอนหลายๆ ตัว 00:01:03.880 --> 00:01:06.830 ผมจะวาดหลายๆ ตัวตรงนี้ 00:01:06.830 --> 00:01:09.590 โปรตอนบางตัวอยู่ตรงนี้ ผมจะวาดนิวตรอนบ้าง 00:01:09.590 --> 00:01:13.430 และผมจะวาดด้วยสีกลางๆ 00:01:13.430 --> 00:01:16.780 ขอผมดูหน่อย สีเทาแบบนี้น่าจะดี 00:01:16.780 --> 00:01:21.520 ขอผมวาดนิวตรอนตรงนี้นะ 00:01:21.520 --> 00:01:22.020 ผมมีโปรตอนกี่ตัว? 00:01:22.020 --> 00:01:24.300 ผมมี 1, 2, 3, 4, 5, 6, 7, 8 00:01:24.300 --> 00:01:32.410 ผมจะมีนิวตรอน 1, 2, 3, 4, 5, 6, 7, 8, 9 ตัว 00:01:32.410 --> 00:01:34.870 สมมุติว่านี่คือนิวเคลียสของอะตอมเรา 00:01:34.870 --> 00:01:36.960 นึกดู -- นี่คือ ในวิดีโอแรก 00:01:36.960 --> 00:01:39.860 ที่ผมพูดถึงเรื่องอะตอม -- นิวเคลียส ถ้าคุณ 00:01:39.860 --> 00:01:43.320 วาดอะตอมจริงๆ -- มันยากที่จะ 00:01:43.320 --> 00:01:45.440 วาดอะตอม เพราะมันไม่มีขอบเขตที่ชัดเจน 00:01:45.440 --> 00:01:49.050 คุณก็รู้ ที่ขณะใดๆ อิเล็กตรอนสามารถ 00:01:49.050 --> 00:01:49.980 อยู่ที่ใดก็ได้ 00:01:49.980 --> 00:01:52.740 แต่ถ้าคุณบอกว่า โอเค อิเล็กตรอน 00:01:52.740 --> 00:01:53.700 จะอยู่ตรงไหน 90% ของเวลาที่มี? 00:01:53.700 --> 00:01:55.680 คุณ็บอกว่า นั่นคือรัศมี หรือนั่น 00:01:55.680 --> 00:01:57.750 คือเส้นผ่านศูนย์กลางของอะตอม 00:01:57.750 --> 00:02:00.530 เราเรียนไปในวิดีโอแรกๆ ว่านิวเคลียส 00:02:00.530 --> 00:02:05.450 คือส่วนเล็กสุดๆ ในปริมาตรของ 00:02:05.450 --> 00:02:08.340 ทรงกลมนี้ที่อิเล็กตรอนอยู่ ประมาณ 90% ของเวลาที่มี 00:02:08.340 --> 00:02:12.080 และบทเรียนที่เยี่ยมยอดคือว่า สิ่งที่ 00:02:12.080 --> 00:02:15.280 เรามองเห็นในชีวิตแทบทุกอย่างเป็นเพียงที่ว่าง 00:02:15.280 --> 00:02:17.030 ทั้งหมดนี้เป็นแค่ที่ว่างเปล่า 00:02:17.030 --> 00:02:19.400 แต่ผมอยากย้ำเรื่องนั้นเพราะจุดเล็ก 00:02:19.400 --> 00:02:23.660 จิ๋วที่เราพูดถึงไปก่อนหน้านี้ 00:02:23.660 --> 00:02:26.320 ถึงแม้ว่ามันจะเป็นส่วนเล็กมากๆ เทียบกับ 00:02:26.320 --> 00:02:29.030 ปริมาตรของอะตอม -- มันเกือบเป็น 00:02:29.030 --> 00:02:31.890 มวลทั้งหมด -- นั่นคือภาพที่ผมขยายจุดตรงนี้ 00:02:31.890 --> 00:02:34.240 พวกนี้ไม่ใช่อะตอม พวกนี้ไม่ใช่อิเล็กตรอน 00:02:34.240 --> 00:02:36.580 เราได้ขยายเข้าไปข้างในนิวเคลียส 00:02:36.580 --> 00:02:40.040 และปรากฏว่า บางครั้งนิวเคลียส 00:02:40.040 --> 00:02:43.650 นั้นไม่เสถียร และมันอยากเปลี่ยนไปมีรูปแบบ 00:02:43.650 --> 00:02:44.400 ที่เสถียรขึ้น 00:02:44.400 --> 00:02:46.600 เราจะไม่เรียนกลไกที่กำหนด 00:02:46.600 --> 00:02:48.700 นิวเคลียสที่ไม่เสถียร อะไรพวกนั้น 00:02:48.700 --> 00:02:51.880 แต่เพื่อให้ได้นิวเคลียร์ที่เสถียรยิ่งขึ้น 00:02:51.880 --> 00:02:55.820 บางครั้งมันจะปล่อยสิ่งที่เรียกว่า อนุภาคอัลฟา 00:02:55.820 --> 00:02:58.470 หรือนี่เรียกว่าสลายตัวอัลฟา 00:02:58.470 --> 00:03:04.440 การสลายตัวอัลฟา 00:03:04.440 --> 00:03:06.220 และมันปล่อยอนุภาคอัลฟา 00:03:06.220 --> 00:03:09.160 ซึ่งฟังดูหรูหรามาก 00:03:09.160 --> 00:03:12.450 มันก็แค่กลุ่มนิวตรอนกับโปรตอน 00:03:12.450 --> 00:03:16.690 อนุภาคอัลฟาคือนิวตรอนสองตัว กับโปรตอนสองตัว 00:03:16.690 --> 00:03:20.850 บางทีพวกนี้ พวกมันไม่รู้สึกว่าพวกมัน 00:03:20.850 --> 00:03:25.110 เข้าลุ่ม พวกมันจึงจับกลุ่มกันตรงนี้ 00:03:25.110 --> 00:03:27.740 แล้วพวกมันก็ปล่อยตัวออกมา 00:03:27.740 --> 00:03:30.070 พวกมันออกมาจากนิวเคลียส 00:03:30.070 --> 00:03:33.870 ลองคิดกันว่าเกิดอะไรขึ้นกับอะตอมเมื่อ 00:03:33.870 --> 00:03:36.050 อะไรเช่นนั้นเกิดขึ้น 00:03:36.050 --> 00:03:38.500 สมมุติว่าผมมีธาตุสุ่มมาธาตุหนึ่ง ผมจะเรียก 00:03:38.500 --> 00:03:40.310 มันว่าธาตุ E 00:03:40.310 --> 00:03:43.020 สมมุติว่ามันมีโปรตอน p ตัว 00:03:43.020 --> 00:03:45.660 ที่จริง ขอผมใช้สีนั้นแทนโปรตอนดีกว่า 00:03:45.660 --> 00:03:47.800 มันมีโปรตอน p ตัว 00:03:47.800 --> 00:03:51.550 แล้วมันมีเลขมวลอะตอม คือจำนวน 00:03:51.550 --> 00:03:55.510 โปรตอนบวกจำนวนนิวตรอน 00:03:55.510 --> 00:03:59.480 และนิวตรอนมีสีเทา จริงไหม? 00:03:59.480 --> 00:04:06.590 เมื่อมันปล่อยรังสีอัลฟา 00:04:06.590 --> 00:04:08.180 ธาตุนั้นจะเป็นอย่างไร? 00:04:08.180 --> 00:04:11.890 โปรตอนของมันจะลดลง 2 00:04:11.890 --> 00:04:16.040 โปรตอนของมันจะกลายเป็น p ลบ 2 00:04:16.040 --> 00:04:19.450 แล้วนิวตรอนของมันจะลดลง 2 เช่นกัน 00:04:19.450 --> 00:04:21.320 มวลของมันจะลดลงไป 4 00:04:21.320 --> 00:04:27.100 บนนี้ คุณจะได้ p ลบ 2 บวกนิวตรอนลบ 2 00:04:27.100 --> 00:04:28.940 เราจึงได้ลบ 4 00:04:28.940 --> 00:04:31.080 มวลของคุณจึงลดลง 4 และคุณ 00:04:31.080 --> 00:04:32.700 จะได้ธาตุใหม่ 00:04:32.700 --> 00:04:34.710 นึกดู ธาตุของเรากำหนดโดย 00:04:34.710 --> 00:04:36.250 จำนวนโปรตอน 00:04:36.250 --> 00:04:40.630 ในการสลายตัวอลัฟา เมื่อคุณเสียนิวตรอนสองตัว 00:04:40.630 --> 00:04:43.300 และโปรตอนสองตัว โดยเฉพาะโปรตอนจะ 00:04:43.300 --> 00:04:44.460 ทำให้คุณได้ธาตุอีกธาตุ 00:04:44.460 --> 00:04:46.860 ถ้าเราเรียกว่าธาตุนี้ว่า 1 ผมจะเรียกมันว่า 00:04:46.860 --> 00:04:50.590 เราจะได้ธาตุอีกธาตุแล้วตอนนี้ เรียกว่าธาตุ 2 00:04:50.590 --> 00:04:54.050 และถ้าคุณคิดว่ามันสร้างอะไร เรากำลังปล่อย 00:04:54.050 --> 00:04:58.600 สิ่งที่มีโปรตอนสองตัว 00:04:58.600 --> 00:05:00.340 และมันมีนิวตรอนสองตัว 00:05:00.340 --> 00:05:02.740 มวลของมันจะเท่ากับมวลของโปรตอนสองตัว 00:05:02.740 --> 00:05:04.790 กับนิวตรอนสองตัว 00:05:04.790 --> 00:05:05.830 เรากำลังปล่อยอะไร? 00:05:05.830 --> 00:05:09.810 เรากำลังปล่อยสิ่งที่มีมวลเป็น 4 00:05:09.810 --> 00:05:12.170 ถ้าคุณดู อะไรมีโปรตอน 2 ตัวกับนิวตรอน 2 ตัว? 00:05:12.170 --> 00:05:14.740 ผมไม่จำตารางธาตุในหัว 00:05:14.740 --> 00:05:14.880 00:05:14.880 --> 00:05:17.020 ผมลืมลอกมันมาในวิดีโอนี้ 00:05:17.020 --> 00:05:19.680 แต่คุณไม่ต้องใช้เวลาหาในตารางธาตุนานนัก 00:05:19.680 --> 00:05:23.280 ว่าธาตุที่มีโปรตอน 2 ตัวคืออะไร มันคือฮีเลียม 00:05:23.280 --> 00:05:25.590 มันมีมวลอะตอมเป็น 4 00:05:25.590 --> 00:05:29.390 นี่คือนิวเคลียสฮีเลียมที่มันปล่อยใน 00:05:29.390 --> 00:05:30.080 การสลายตัวอัลฟา 00:05:30.080 --> 00:05:31.875 นี่คือนิวเคลียสฮีเลียม 00:05:31.875 --> 00:05:35.010 00:05:35.010 --> 00:05:39.170 และเนื่องจากมันเป็นนิวเคลียสฮีเลียม และมันไม่มี 00:05:39.170 --> 00:05:43.420 อิเล็กตรอนมากระทับกับโปรตอนสองตัว มันจะเป็น 00:05:43.420 --> 00:05:44.950 ไอออนฮีเลียม 00:05:44.950 --> 00:05:48.490 มันไม่มีอิเล็กตรอนเลย 00:05:48.490 --> 00:05:50.830 มันมีโปรตอน 2 ตัว มันจึงมีประจุเป็นบวก 2 00:05:50.830 --> 00:05:53.350 00:05:53.350 --> 00:05:59.110 อนุภาคอัลฟา จริงๆ แล้วก็คือฮีเลียมไอออน ไอออน 00:05:59.110 --> 00:06:01.960 ฮีเลียมที่มีประจุบวก 2 มันถูกปล่อยมาจาก 00:06:01.960 --> 00:06:05.780 นิวเคลียสทัทีเพื่อไปยังสถานะที่เสถียรขึ้น 00:06:05.780 --> 00:06:07.670 นั่นคือการสลายตัวประเภทหนึ่ง 00:06:07.670 --> 00:06:08.850 ลองสำรวจประเภทอื่นกัน 00:06:08.850 --> 00:06:14.050 ขอผมวาดนิวเคลียสอีกตัวตรงนี้นะ 00:06:14.050 --> 00:06:17.640 ผมจะวาดนิวตรอน 00:06:17.640 --> 00:06:19.310 ผมจะโปรตอนบ้าง 00:06:19.310 --> 00:06:24.200 00:06:24.200 --> 00:06:27.920 ปรากฏว่าบางครั้ง นิวตรอนรู้สึกว่า 00:06:27.920 --> 00:06:30.710 ไม่พอใจในตัวเอง 00:06:30.710 --> 00:06:33.710 มันดูสิ่งที่โปรตอนทำเป็นประจำ แล้วบอกว่า 00:06:33.710 --> 00:06:34.560 รู้ไหม? 00:06:34.560 --> 00:06:37.780 ด้วยเหตุผลบางอย่าง เวลาฉันมองเข้าไปในตัวตน ฉันรู้สึกว่าฉัน 00:06:37.780 --> 00:06:39.220 จริงๆ แล้วควรเป็นโปรตอน 00:06:39.220 --> 00:06:42.640 ถ้าฉันเป็นโปรตอน นิวเคลียสทั้งหมดจะ 00:06:42.640 --> 00:06:43.870 เสถียรกว่านี้ 00:06:43.870 --> 00:06:46.860 แล้วสิ่งที่มันทำคือ มันกลายเป็นโปรตอน -- นึกดู 00:06:46.860 --> 00:06:49.180 นิวตรอนมีประจุเป็นกลาง 00:06:49.180 --> 00:06:52.060 สิ่งที่มันก็คือ มันปล่อยอิเล็กตรอน 00:06:52.060 --> 00:06:54.070 และผมรู้ คุณจะบอกว่า ซาล มันบ้ามาก ฉัน 00:06:54.070 --> 00:06:55.760 ไม่รู้เลยว่านิวตรอนมีอิเล็กตรอน 00:06:55.760 --> 00:06:56.900 ในนั้นด้วย อะไรอย่างนั้น 00:06:56.900 --> 00:06:58.050 และผมเห็นด้วยกับคุณ 00:06:58.050 --> 00:06:58.810 มันบ้ามาก 00:06:58.810 --> 00:07:01.750 และวันหนึ่ง เราจะศึกษาว่ามีอะไร 00:07:01.750 --> 00:07:03.540 อยู่ในนิวเคลียสบ้าง 00:07:03.540 --> 00:07:08.880 แต่ลองคิดไปก่อนว่ามันปล่อยอิเล็กตรอนได้ 00:07:08.880 --> 00:07:10.206 ตัวนี้ปล่อยอิเล็กตรอน 00:07:10.206 --> 00:07:12.730 00:07:12.730 --> 00:07:15.460 และเราแสดงมันได้ -- มวลของมันประมาณเท่ากับ 0 00:07:15.460 --> 00:07:17.830 เรารู้ว่าอิเล็กตรอนจริงๆ แล้วไม่ได้มีมวลเป็นศูนย์ 00:07:17.830 --> 00:07:19.970 แต่เรากำลังพูดถึงหน่วยมวลอะตอม 00:07:19.970 --> 00:07:25.130 ถ้าโปรตอนเป็น 1 อิเล็กตรอนจะเป็น 1/1,836 ของค่านั้น 00:07:25.130 --> 00:07:25.940 เราจึงปัดมันทิ้ง 00:07:25.940 --> 00:07:27.250 เราบอกว่ามันมีมวลเป็น 0 00:07:27.250 --> 00:07:29.380 มวลของมันจริงๆ แล้วไม่ใช่ 0 00:07:29.380 --> 00:07:32.670 และประจุของมันเป็นลบ 1 00:07:32.670 --> 00:07:34.370 เลขอะตอม คุณบอกว่าเลข 00:07:34.370 --> 00:07:35.200 อะตอมเป็นลบ 1 ก็ได้ 00:07:35.200 --> 00:07:36.570 มันปล่อยอิเล็กตรอน 00:07:36.570 --> 00:07:39.760 และเมื่อปล่อยอิเล็กตรอน แทนที่จะเป็นนิวตรอน ตอนนี้ 00:07:39.760 --> 00:07:41.020 มันเปลี่ยนเป็นโปรตอนแล้ว 00:07:41.020 --> 00:07:44.490 00:07:44.490 --> 00:07:47.090 และนี่เรียกว่าการสลายตัวบีต้า 00:07:47.090 --> 00:07:52.500 00:07:52.500 --> 00:07:56.780 และอนุภาคบีต้าจริงๆ แล้วก็แค่อิเล็กตรอนที่ปล่อยออกมา 00:07:56.780 --> 00:08:00.480 ลองกลับไปดูธาตุของเรากัน 00:08:00.480 --> 00:08:03.940 มันมีโปรตอนจำนวนหนึ่ง และมันมี 00:08:03.940 --> 00:08:05.980 นิวตรอนจำนวนหนึ่ง 00:08:05.980 --> 00:08:08.340 คุณมีโปรตอนกับนิวตรอน แล้วคุณได้ 00:08:08.340 --> 00:08:09.660 เลขมวลของคุณมา 00:08:09.660 --> 00:08:13.480 เมื่อมันผ่านการสลายตัวบีต้า จะเกิดอะไรขึ้น? 00:08:13.480 --> 00:08:15.490 โปรตอนเปลี่ยนไปไหม? 00:08:15.490 --> 00:08:18.890 แน่นอน เรามีโปรตอนมากกว่าแต่ก่อนอยู่ 1 ตัว 00:08:18.890 --> 00:08:20.500 เพราะนิวตรอนเปลี่ยนไปเป็นโปรตอน 1 ตัว 00:08:20.500 --> 00:08:23.410 โปรตอนของเราจึงกลายเป็นบวก 1 00:08:23.410 --> 00:08:25.186 เลขมวลเปลี่ยนไปหรือไม่? 00:08:25.186 --> 00:08:26.720 ลองดูกัน 00:08:26.720 --> 00:08:28.750 นิวตรอนลดลงไป 1 แต่ 00:08:28.750 --> 00:08:30.365 โปรตอนเพิ่มขึ้น 1 00:08:30.365 --> 00:08:32.380 เลขมวลจึงไม่เปลี่ยนไป 00:08:32.380 --> 00:08:36.789 มันจะเท่ากับ p บวก N 00:08:36.789 --> 00:08:39.909 มวลของเรายังเท่าเดิม ไม่เหมือนกับ 00:08:39.909 --> 00:08:42.679 การสลายตัวอัลฟา แต่ธาตุของคุณเปลี่ยนไป 00:08:42.679 --> 00:08:44.039 จำนวนโปรตอนของคุณเปลี่ยนไป 00:08:44.039 --> 00:08:47.975 ทีนี้ เหมือนเดิม คุณจะได้ธาตุใหม่จาก 00:08:47.975 --> 00:08:49.470 การสลายตัวบีต้า 00:08:49.470 --> 00:08:52.530 ทีนี้ สมมุติว่าเรามีอีกกรณีหนึ่ง 00:08:52.530 --> 00:08:57.360 สมมุติว่าเรามีกรณีที่โปรตอนตัวหนึ่งในนี้ 00:08:57.360 --> 00:09:00.750 มองดูนิวตรอน แล้วบอกว่า รู้ไหม? 00:09:00.750 --> 00:09:02.240 ฉันเห็นนิวตรอนใช้ชีวิตยังไง 00:09:02.240 --> 00:09:04.170 มันโดนใจฉันมาก 00:09:04.170 --> 00:09:13.910 ฉันว่าฉันจะรู้สึกเข้ากลุ่มดีกว่านี้ ในสังคมอนุภาค 00:09:13.910 --> 00:09:15.660 ในนิวเคลียสนั้น มันจะดีกว่าถ้าฉัน 00:09:15.660 --> 00:09:17.160 เป็นนิวตรอนด้วย 00:09:17.160 --> 00:09:19.770 เราจะอยู่ในสถานการณ์ที่เสถียรกว่านี้ 00:09:19.770 --> 00:09:23.660 สิ่งที่พวกมันทำคือ โปรตอนที่ค่อนข้างอึดอัดนี้ 00:09:23.660 --> 00:09:27.340 มีโอกาสจะปล่อย -- และตอนนี้นี่คือ 00:09:27.340 --> 00:09:31.020 แนวคิดใหม่สำหรับคุณ -- โพสิตรอน ไม่ใช่โปรตอน 00:09:31.020 --> 00:09:33.070 มันปล่อยโพสิตรอนออกมา 00:09:33.070 --> 00:09:34.670 แล้วโพสิตรอนคืออะไร? 00:09:34.670 --> 00:09:36.390 มันคืออนุภาคที่ 00:09:36.390 --> 00:09:38.610 มีมวลเท่ากับอิเล็กตรอนพอดี 00:09:38.610 --> 00:09:42.890 มันมีมวล 1/1836 เท่าของโปรตอน 00:09:42.890 --> 00:09:46.200 แต่เราใส่ 0 ตรงนี้เพราะในหน่วยมวลอะตอม 00:09:46.200 --> 00:09:47.830 มันใกล้ 0 มาก 00:09:47.830 --> 00:09:50.006 แต่มันมีประจุบวก 00:09:50.006 --> 00:09:51.720 และมันน่าสับสนเล็กน้อย เพราะเขายังเขียน 00:09:51.720 --> 00:09:52.630 e ตรงนี้ 00:09:52.630 --> 00:09:54.440 เมื่อใดก็ตามที่ผมเห็น e ผมจะคิดถึงอิเล็กตรอน 00:09:54.440 --> 00:09:56.720 แต่ไม่ เขาบอกว่า e เพราะมันเป็นอนุภาค 00:09:56.720 --> 00:09:59.500 ประเภทเดียวกัน แต่แทนที่จะมีประจุลบ 00:09:59.500 --> 00:10:00.830 มันมีประจุบวก 00:10:00.830 --> 00:10:02.080 นี่คือโพสิตรอน 00:10:02.080 --> 00:10:04.980 00:10:04.980 --> 00:10:08.450 และตอนนี้ เราเริ่มเจออนุภาค 00:10:08.450 --> 00:10:10.210 และสิ่งต่างๆ ที่พิเศษขึ้นแล้ว 00:10:10.210 --> 00:10:11.730 แต่มันเกิดขึ้นจริง 00:10:11.730 --> 00:10:15.920 และถ้าคุณมีโปรตอนที่ปล่อยอนุภาคนี้ 00:10:15.920 --> 00:10:19.370 มันมีประจุบวกไปกับมันด้วย 00:10:19.370 --> 00:10:26.330 โปรตอนนี้กลายเป็นนิวตรอน 00:10:26.330 --> 00:10:29.160 และนั่นเรียกว่าการปล่อยโพสิตรอน 00:10:29.160 --> 00:10:31.350 การปล่อยโพสิตรอนนั้นจำง่าย 00:10:31.350 --> 00:10:33.510 เพราะเขาเรียกมันว่าการปล่อยโพสิตรอน 00:10:33.510 --> 00:10:37.880 ถ้าเราเริ่มต้นด้วย E เดิม มันมีจำนวน 00:10:37.880 --> 00:10:41.500 โปรตอนค่าหนึ่ง และนิวตรอนค่าหนึ่ง 00:10:41.500 --> 00:10:43.190 แล้วธาตุใหม่จะเป็นอย่างไร? 00:10:43.190 --> 00:10:46.060 มันจะเสียโปรตอนไปเป็น p ลบ 1 00:10:46.060 --> 00:10:47.770 และมันจะกลายเป็นนิวตรอน 00:10:47.770 --> 00:10:49.620 p จะลดลงไป 1 00:10:49.620 --> 00:10:51.030 N จะเพิ่มขึ้น 1 00:10:51.030 --> 00:10:55.020 มวลของอะตอมทั้งหมดจะไม่เปลี่ยนไป 00:10:55.020 --> 00:10:57.550 มันจะเท่ากับ p บวก N 00:10:57.550 --> 00:11:00.500 แต่เรายังได้ธาตุคนละตัว จริงไหม? 00:11:00.500 --> 00:11:03.230 เวลาเรามีการสลายตัวบีต้า เราเพิ่ม 00:11:03.230 --> 00:11:04.150 จำนวนโปรตอน 00:11:04.150 --> 00:11:06.700 เราขยับไปทางขวาของตารางธาตุ 00:11:06.700 --> 00:11:09.070 หรือเราเพิ่ม อืม คุณคงเข้าใจ 00:11:09.070 --> 00:11:12.440 เมื่อเรามีการปล่อยโพสิตรอน เราลด 00:11:12.440 --> 00:11:14.700 จำนวนโปรตอนลง 00:11:14.700 --> 00:11:16.300 และที่จริงผมควรเขียนมันตรงนี้ 00:11:16.300 --> 00:11:17.510 ในปฏิกิริยาทั้งคู่นี้ 00:11:17.510 --> 00:11:20.460 นี่คือการปล่อยโพสิตรอน และผมเหลือ 00:11:20.460 --> 00:11:22.060 โพสิตรอนหนึ่งตัว 00:11:22.060 --> 00:11:29.430 และในการสลายตัวบีต้า ผมเลือกแค่อิเล็กตรอนหนึ่งตัว 00:11:29.430 --> 00:11:30.670 มันเขียนเหมือนกันเลย 00:11:30.670 --> 00:11:32.660 คุณรู้ว่านี่คืออิเล็กตรอนเพราะมันมีประจุลบ 1 00:11:32.660 --> 00:11:33.890 คุณรู้ว่านี่คือโพสิตรอนเพราะมัน 00:11:33.890 --> 00:11:35.810 มีประจุบวก 1 00:11:35.810 --> 00:11:38.170 ทีนี้ มันมีการสลายตัวประเภทสุดท้ายที่ 00:11:38.170 --> 00:11:39.140 คุณควรรู้จัก 00:11:39.140 --> 00:11:42.810 และมันไม่เปลี่ยนจำนวนโปรตอนหรือนิวตรอน 00:11:42.810 --> 00:11:43.970 ในนิวเคลียส 00:11:43.970 --> 00:11:46.940 แต่มันปล่อยพลังงานมหาศาล หรือบางครั้งเรียกว่า 00:11:46.940 --> 00:11:48.350 โฟตอนพลังงานสูงก็ได้ 00:11:48.350 --> 00:11:50.160 และมันเรียกว่าการสลายตัวแกมมา 00:11:50.160 --> 00:11:52.510 และการสลายตัวแกมมาหมายความว่า ธาตุเหล่านี้เรียงตัวกันเองใหม่ 00:11:52.510 --> 00:11:52.795 00:11:52.795 --> 00:11:54.460 บางที มันอาจใกล้กันมากขึ้น 00:11:54.460 --> 00:11:57.990 และเมื่อทำเช่นนั้น มันจะปล่อยพลังงานในรูป 00:11:57.990 --> 00:12:03.180 คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่มีความยาวคลื่นสั้นมาก 00:12:03.180 --> 00:12:05.820 ซึ่งก็คือแกมมา คุณเรียกมันว่า 00:12:05.820 --> 00:12:08.230 อนุภาคหรือรังสีแกมมา 00:12:08.230 --> 00:12:09.450 และมันมีพลังงานสูงมาก 00:12:09.450 --> 00:12:11.720 รังสีแกมมาคือสิ่งที่คุณไม่อยากเข้าใกล้ 00:12:11.720 --> 00:12:15.460 มันมีโอกาสฆ่าคุณได้ 00:12:15.460 --> 00:12:17.130 ทุกอย่างที่เราทำ ที่ผมบอก ค่อนข้างเป็นเรื่องทางทฤษฎี 00:12:17.130 --> 00:12:20.000 ลองทำโจทย์จริงๆ ลองหาว่า 00:12:20.000 --> 00:12:21.750 เรากำลังยุ่งกับการสลายตัวแบบใดกัน 00:12:21.750 --> 00:12:24.400 ตรงนี้เรามีแบริเลียม-7 โดย 7 00:12:24.400 --> 00:12:26.900 คือมวลอะตอมของมัน 00:12:26.900 --> 00:12:30.520 และผมได้ว่า มันเปลี่ยนเป็นลิเธียม-7 00:12:30.520 --> 00:12:31.440 เกิดอะไรขึ้นตรงนี้? 00:12:31.440 --> 00:12:36.000 แบริเลียม มวลนิวเคลียร์เท่าเดิม แต่ผม 00:12:36.000 --> 00:12:42.240 จะเปลี่ยนโปรตอน 4 ตัวเป็นโปรตอน 3 ตัว 00:12:42.240 --> 00:12:45.130 ผมกำลังลดจำนวนโปรตอน 00:12:45.130 --> 00:12:46.840 มวลโดยรวมของผมไม่เปลี่ยนไป 00:12:46.840 --> 00:12:49.100 มันจึงไม่ใช่การสลายตัวอัลฟาแน่นอน 00:12:49.100 --> 00:12:50.960 การสลายตัวอัลฟา คุณก็รู้ คุณจะปล่อย 00:12:50.960 --> 00:12:52.770 ฮีเลียมทั้งตัวจากนิวเคลียส 00:12:52.770 --> 00:12:54.960 แล้วผมกำลังปล่อยอะไร? 00:12:54.960 --> 00:12:57.410 ผมกำลังปล่อยประจุบวกหนึ่งตัว หรือผม 00:12:57.410 --> 00:12:58.560 ปล่อยโพสิตรอน 00:12:58.560 --> 00:13:00.940 และที่จริง ผมมีอันนี้ในสมการนี้ 00:13:00.940 --> 00:13:04.040 นี่คือโพสิตรอน 00:13:04.040 --> 00:13:07.140 ประเภทการสลายตัว จากแบริเลียม-7 เป็นลิเธียม-7 ก็คือ 00:13:07.140 --> 00:13:09.760 การปล่อยโพสิตรอน 00:13:09.760 --> 00:13:10.830 ใช้ได้ 00:13:10.830 --> 00:13:12.400 ทีนี้ลองดูอันต่อไปบ้าง 00:13:12.400 --> 00:13:19.870 เรามียูเรเนียม-238 สลายตัวเป็นธอเรียม-234 00:13:19.870 --> 00:13:25.140 และเราเห็นว่ามวลอะตอมลดลง 4 ลบ 00:13:25.140 --> 00:13:28.910 4 แล้วเลขอะตอมลดลง หรือ 00:13:28.910 --> 00:13:31.270 โปรตอนของคุณลดลงไป 2 00:13:31.270 --> 00:13:33.810 คุณต้องปล่อย สิ่งที่มี 00:13:33.810 --> 00:13:37.390 มวลอะตอมเป็น 4 และเลขอะตอม 00:13:37.390 --> 00:13:39.680 เป็น 2 หรือก็คือฮีเลียม 00:13:39.680 --> 00:13:42.210 นี่จึงเป็นการสลายตัวอัลฟา 00:13:42.210 --> 00:13:46.100 อันนี้ตรงนี้จึงเป็นอนุภาคอัลฟา 00:13:46.100 --> 00:13:48.400 และนี่คือตัวอย่างการสลายตัวอัลฟา 00:13:48.400 --> 00:13:51.110 ทีนี้ คุณอาจบอกว่า เฮ้ ซาล มันมีเรื่องแปลก 00:13:51.110 --> 00:13:51.850 เกิดขึ้นตรงนี้ 00:13:51.850 --> 00:13:56.630 เนื่องจากฉันไปจากโปรตอน 92 ตัวเป็น 90 ตัว 00:13:56.630 --> 00:13:59.430 ฉันยังมีอิเล็กตรอน 92 ตัวข้างนอกนั่น 00:13:59.430 --> 00:14:02.750 ทำไมตอนนี้ฉันจึงไม่มีประจุลบ 2 ล่ะ? 00:14:02.750 --> 00:14:08.270 ยิ่งกว่านั้น ฮีเลียมที่ฉันกำลังปล่อยไป มันไม่มี 00:14:08.270 --> 00:14:09.090 อิเล็กตรอนอยู่เลย 00:14:09.090 --> 00:14:10.390 มันก็แค่นิวเคลียสฮีเลียม 00:14:10.390 --> 00:14:12.700 มันไม่ได้มีประจุบวก 2 เหรอ? 00:14:12.700 --> 00:14:15.180 ถ้าคุณพูดอย่างนั้น คุณก็พูดถูกแล้ว 00:14:15.180 --> 00:14:19.510 แต่ความจริงคือวา เมื่อการสลายตัวเช่นนี้เกิดขึ้น 00:14:19.510 --> 00:14:22.290 ธอเรียม มันไม่มีสาเหตุที่จะดึงอิเล็กตรอนสองตัวนั้น 00:14:22.290 --> 00:14:25.050 ไว้ อิเล็กตรอนสองตัวนั้นจึงจากไปและ 00:14:25.050 --> 00:14:26.840 ธอเรียมกลายเป็นกลางเหมือนเดิม 00:14:26.840 --> 00:14:30.480 และฮีเลียมก็รวดเร็วมากเช่นกัน 00:14:30.480 --> 00:14:33.040 มันอยากได้อิเล็กตรอนสองตัวเพื่อให้มันเสถียร 00:14:33.040 --> 00:14:36.880 มันจึงจับอิเล็กตรอนสองตัวที่มันได้ 00:14:36.880 --> 00:14:38.460 เจอ แล้วมันก็เสถียร 00:14:38.460 --> 00:14:40.305 คุณจึงเขียนแบบไหนก็ได้ 00:14:40.305 --> 00:14:42.250 ทีนี้ ลองทำอีกสมการกัน 00:14:42.250 --> 00:14:43.500 ตรงนี้ผมมีไอโอดีน 00:14:43.500 --> 00:14:45.820 00:14:45.820 --> 00:14:46.670 ลองดูกันว่าเกิดอะไรขึ้น 00:14:46.670 --> 00:14:51.020 มวลของผมไม่เปลี่ยน 00:14:51.020 --> 00:14:53.790 ผมจึงต้องมีโปรตอนเปลี่ยนเป็นนิวตรอน 00:14:53.790 --> 00:14:55.560 หรือนิวตรอนเปลี่ยนเป็นโปรตอน 00:14:55.560 --> 00:14:58.810 และผมเห็นตรงนี้ว่าผมมีโปรตอน 53 ตัวและ 00:14:58.810 --> 00:15:00.800 ตอนนี้ผมมีโปรตอน 54 ตัว 00:15:00.800 --> 00:15:04.060 นิวตรอนจึงต้องเปลี่ยนเป็นโปรตอน 00:15:04.060 --> 00:15:06.830 นิวตรอนต้องกลายเป็นโปรตอน 00:15:06.830 --> 00:15:09.160 และวิธีที่นิวตรอนเปลี่ยนเป็นโปรตอน 00:15:09.160 --> 00:15:11.620 คือการปล่อยอิเล็กตรอน 00:15:11.620 --> 00:15:13.360 และเราเห็นมันในปฏิกิริยานี่ตรงนี้ 00:15:13.360 --> 00:15:16.880 อิเล็กตรอนถูกปล่อยออกมา 00:15:16.880 --> 00:15:19.130 และนี่คือการสลายตัวบีต้า 00:15:19.130 --> 00:15:20.380 นี่คืออนุภาคบีต้า 00:15:20.380 --> 00:15:25.580 00:15:25.580 --> 00:15:26.750 และเหตุผลนั้นเป็นจริง 00:15:26.750 --> 00:15:32.780 คุณอาจจะบอกว่า เฮ้ เดี๋ยวนะ ฉันเปลี่ยนจาก โปรตอน 53 เป็น 54 ตัว 00:15:32.780 --> 00:15:34.440 ตอนนี้ฉันมีโปรตอนเกินมา ฉัน 00:15:34.440 --> 00:15:35.750 ไม่ต้องมีประจุบวกตรงนี้เหรอ? 00:15:35.750 --> 00:15:36.480 คุณจะมีก็ได้ 00:15:36.480 --> 00:15:40.810 แต่มันอาจ -- อาจไม่ได้อิเล็กตรอน 00:15:40.810 --> 00:15:42.740 เท่านี้พอดี มันมีอิเล็กตรออยู่ข้างนอกมากมาย -- 00:15:42.740 --> 00:15:45.950 มันจะจับอิเล็กตรอนจากสักแห่งเพื่อให้มันเสถียร 00:15:45.950 --> 00:15:47.080 แล้วมันจะเสถียรอีกครั้ง 00:15:47.080 --> 00:15:48.890 แต่คุณคิดถูกแล้วว่า มันจะ 00:15:48.890 --> 00:15:51.690 ไม่ใช่ไอออนเป็นเวลาสั้นๆ เหรอ? 00:15:51.690 --> 00:15:52.900 ลองทำอีกกัน 00:15:52.900 --> 00:15:57.210 เรามี เรดอน-222 -- มันมีเลขอะตอมเป็น 86 -- 00:15:57.210 --> 00:16:01.720 กลายเป็นโพโลเนียม-218 ที่มีเลขอะตอม 84 00:16:01.720 --> 00:16:03.540 และนี่คือข้อมูลเสริมที่น่าสนใจ 00:16:03.540 --> 00:16:08.380 โพโลเนียมตั้งชื่อจากโปแลนด์ เพราะมารี คูรี 00:16:08.380 --> 00:16:11.220 เธอ -- ในเวลานั้น โปแลนด์ นี่คือตอน 00:16:11.220 --> 00:16:15.120 ปลายศตรวรรษ แถวๆ ปลาศตวรรษปี 1800 โปแลนด์ไม่ได้ 00:16:15.120 --> 00:16:15.910 เป็นประเทศที่แยกออกมา 00:16:15.910 --> 00:16:19.540 มันถูกแบ่งเป็นของปรัสเซีย รัสเซีย และออสเตรีย 00:16:19.540 --> 00:16:21.590 แล้วเขาอยากให้คนรู้ว่า เฮ้ 00:16:21.590 --> 00:16:24.000 รู้ไหม เราคิดว่าเราเป็นกลุ่มคน 00:16:24.000 --> 00:16:27.170 เขาค้นพบว่า เมื่อเรดอนสลายตัว มัน 00:16:27.170 --> 00:16:27.730 เกิดธาตุนี้ขึ้นมา 00:16:27.730 --> 00:16:31.430 และเขาตั้งชื่อมันตามบ้านเกิด คือประเทศโปแลนด์ 00:16:31.430 --> 00:16:33.880 นั่นคือสิทธิพิเศษของการค้นพบธาตุใหม่ 00:16:33.880 --> 00:16:35.090 แต่ช่างเถอะ กลับมาที่ปัญหากัน 00:16:35.090 --> 00:16:35.930 เกิดอะไรขึ้น? 00:16:35.930 --> 00:16:39.210 มวลอะตอมของเราลดลง 4 00:16:39.210 --> 00:16:41.430 เลขอะตอมลดลง 2 00:16:41.430 --> 00:16:44.580 เหมือนเดิม เราต้องปล่อยอนุภาคฮีเลียม 00:16:44.580 --> 00:16:47.070 นิวเคลียสฮีเลียม สิ่งที่มีมวลอะตอม 00:16:47.070 --> 00:16:51.160 เป็น 4 และเลขอะตอมเป็น 2 00:16:51.160 --> 00:16:52.100 แล้วเราก็จบแล้ว 00:16:52.100 --> 00:16:55.950 นี่คือการสลายตัวอัลฟา 00:16:55.950 --> 00:16:57.810 เราเขียนอันนี้เป็นนิวเคลียสฮีเลียมได้ 00:16:57.810 --> 00:16:59.145 มันไม่มีอิเล็กตรอน 00:16:59.145 --> 00:17:00.820 เราบอกได้ทันทีว่าตัวนี้ 00:17:00.820 --> 00:17:02.990 มีประจุลบ แต่มันจะหายไป