สวัสดีค่ะ วิวจากแชนเนล Point of View ค่ะ จะบอกว่าเรื่องนึงนะคะที่มีคนขอวิวมาเยอะมากในแชนเนลนั้นก็คือ อยากให้วิวเล่าเรื่องอาหารไทยค่ะ แต่อย่างที่ทุกคนรู้นะ บ้านวิวก็ค่อนข้างจะเป็นคนจีนน่ะนะคะ ดังนั้นนะคะ เรื่องที่วิวนำมาเล่าต่างๆ ส่วนมากก็จะมาจากตำรานู่นนี่นั่นใช่มั้ย แต่พอมันเป็นเรื่องอาหาร เป็นเรื่องศิลปะวัฒนธรรมเนี่ยนะคะ บางทีมันก็มีอะไรที่มันอยู่นอกตำรา แล้วก็มันต้องอาศัยคนที่มีประสบการณ์จริงๆ นะคะ ดังนั้นนะคะ ตามคำเรียกร้องของทุกคนเลย วันนี้วิวก็เลยมาหาผู้รู้ด้านอาหารไทยค่ะ เชฟป้อมนั่นเองค่ะ วันนี้นะคะ วิวชวนอาป้อมมาที่ร้านอรรถรสค่ะ โอเค ตอนนี้อาป้อมรออยู่ข้างในแล้ว เรารีบเข้าไปด้านในกันดีกว่าค่ะ แต่ ก่อนจะตามไปฟังเรื่องอาหารไทยกัน อย่าลืมกดติดตามวิวให้ครบทุกช่องทางนะคะ ไม่ว่าจะเป็นเฟสบุ๊ค ยูทูป ทวิตเตอร์ อะไรต่างๆ จะได้ไม่พลาดคลิปวีดีโอสนุกๆ แล้วก็ข่าวสารดีๆ จากช่อง Point of View ค่ะ โอเค ตอนนี้พร้อมจะตามวิวเข้าไปข้างใน ไปฟังเรื่องที่ทั้งสนุก แล้วก็มีสาระกันรึยังคะ ถ้าพร้อมกันแล้วก็ตามเข้ามาเลยค่ะ ตอนนี้นะคะ เราก็มาอยู่กับอาป้อมเรียบร้อยแล้วค่ะ สวัสดีค่ะอาป้อม สวัสดีค่ะ ก็ วันนี้วิวอยากจะมาขอความรู้เรื่องอาหารไทยค่ะ เพราะว่าวิวเนี่ยไม่มีความรู้อะไรเลย เรียกได้ว่า มีอะไรให้ทานก็ทานไป แบบนั้นเลยค่ะ อย่าเรียกว่ามาขอความรู้เลย เรียกว่าเรามาคุยกันดีกว่า อาป้อมโชคดีที่พื้นฐานครอบครัว ครอบครัวเราเป็นครอบครัวที่อยู่กันหลายๆ รุ่น แล้วก็เป็นหลายรุ่นที่เน้นวัฒนธรรมการกินในบ้าน เมื่อก่อนนี้ เราไม่ได้รับประทานอาหารนอกบ้านกันค่ะ ซึ่งการอยู่หลายรุ่นในบ้านเนี่ยค่ะ มันทำให้การทานอาหารเนี่ย แตกต่างจากการทานอาหารนอกบ้านสมัยนี้มั้ยคะ จริงๆ แล้วนั่นมันคือวิถีชีวิตในความเป็นไทย อย่าเพิ่งมองสมัยนี้นะคะ ก็คือในหนึ่งหลังคาเรือนเนี่ย มันจะมีคนมากกว่าหนึ่งรุ่นอายุ ก็เหมือนที่เราดูในหนังในละครปกติ ที่แบบว่า ตายายอุ้มหลาน หลานวิ่งรอบ ถูกต้อง เพราะครอบครัวพื้นฐานไทยธรรมดาที่มาจากสังคมเกษตรกรรม ก็คือปู่ย่าตายายอยู่บ้านละ พ่อแม่ออกไปทำนาละ ลูกถ้ายังเล็กอยู่ ก็ไปอยู่กับปู่ย่าตายายนะคะ ถ้าโตหน่อยไปเรียนที่วัด เวลาคุณภาพของครอบครัวคือเวลาอาหาร คือทุกคนนั่งล้อมวงกันทานข้าว คือสมัยนี้เนี่ยสิ่งที่เปลี่ยนไปก็คือชอบเสิร์ฟกันแบบฝรั่ง ขึ้นต้นอาหารเรียกน้ำย่อย (appetizer) ซุป อาหารจานหลัก (main course) ตามด้วยของหวาน จริงๆ ไม่ใช่ ของไทย ถ้ามากินอย่างนั้น ลองนึกดู สมมุติ ต้มยำ ซดไปอ่ะ เผ็ดตายเลย จริงๆ แล้ว ต้มยำคือหนึ่งในสำรับ ก็คือสมัยก่อนคนไทยทานข้าวเป็นสำรับ สำรับ จริงๆ ถ้าแปลตรงตัวมันคือกลุ่มของถ้วยจานชาม แต่มาในแง่ของการกินเป็นสำรับ คำว่าสำรับเนี่ยก็คือการจัดสมดุลในมื้ออาหาร สมดุลมาจากคนสามรุ่นอายุสามารถกินอาหารร่วมกันได้ อาหารแค่เซ็ทเดียวเนี่ย ทุกคนต้องกินด้วยกันได้ หรือไม่ก็อย่างใดอย่างหนึ่ง อ๋อ จะกลายเป็นว่าใครสั่งอันนี้ปุ๊บ เอ้ย ชั้นกินไม่ได้ อันนี้เด็กกินไม่ได้ อันนี้อาหารเด็ก อันนี้อาหารผู้ใหญ่ งั้นมันจะคือเวลาคุณภาพของครอบครัวมั้ยล่ะ รุ่นที่หนึ่งกินได้ รุ่นที่สองกินได้ รุ่นที่สามกินได้ ทุกอย่างบนโต๊ะ มันคือรสชาติสมดุลและเอื้อกันไง ถ้าสมัยนี้เรียกว่า มิกซ์แอนด์แมตช์ อะไรทำนองนี้ใช่มั้ยคะ ปู่ย่าตายาย อายุเยอะละ ฟันฟางไม่ค่อยดี กินเผ็ดมากก็ไม่ค่อยได้ เพราะคนแก่กินเผ็ดแล้วจะสำลัก คนสมัยก่อนอายุซักประมาณสามสี่สิบกว่าฟันก็น่าจะเริ่มไปละ คือไม่ต้องอะไรหรอก อาป้อมก็รู้ตัว เพราะว่าตอนนี้ กินแล้วสำลักโดยไม่มีเหตุผล แค่กลิ่นพริกลงในคอ นิดเดียวเนี่ย เราจะสำลักเหมือนจะตายเอาเลย ทั้งๆ ที่ปกตินี่กัดพริกขี้หนูสดๆ ไม่มีปัญหา ดังนั้นเนี่ยในรุ่นกลาง รุ่นที่สอง รุ่นพ่อแม่ กินพริกเผ็ดได้ แต่คุณปู่คุณย่ากินไม่ได้แล้ว ปู่ย่ากินอะไรล่ะคะ ก็กินของทอด กินน้ำแกง หรือต้มยำให้มันเบาลง เพื่อที่ฟันน้อยๆ จะได้เคี้ยวได้ ซึ่งก็น่าจะเป็นอาหารคล้ายๆ กับอาหารของฝั่งเด็กเหมือนกัน คล้าย แต่เด็กเนี่ยอาจจะกินเนื้อ หมู ไก่ ที่แข็งแรงกว่านั้นได้ แต่คุณย่าคุณยายกินไม่ได้แล้ว กินหมูสับละกัน อะไรอย่างเงี้ยค่ะ แต่เด็กๆ สามารถกินหมูทอดทั้งชิ้นได้โดยไม่มีปัญหา หรือว่าในถ้วยนึงเนี่ย เราจะไม่เรียกไข่พะโล้ เราจะเรียกหมูหวานกับไข่ต้มเค็ม เพราะของไทยไม่มีเครื่องพะโล้ อ๋อ พะโล้นี่ไม่ใช่อาหารไทย พะโล้นี่คือจีนค่ะ คือ five spices แต่การต้มเค็มหมูหวานกับไข่ต้มเค็มเนี่ย เอาง่ายๆ พูดกันจนฮิตว่ามันคือไข่พะโล้ แต่กินเข้าไปไม่มีผงพะโล้ ไม่มีซีอิ๊วดำ แต่มันดำได้ด้วยการเคี่ยวน้ำตาล แต่ในขณะเดียวกัน หมูหวาน ไข่ต้มเค็ม ปู่ย่าตายายกินไข่ได้ ไม่ไหวละ เคี้ยวหมูไม่ไหวละ ก็เป็นหน้าที่ของเด็กเล็ก แต่ในขณะเดียวกัน หน้าที่ของหมูหวานไข่ต้มเค็มมีไว้ทำอะไร เวลาคุณพ่อคุณแม่เผ็ดจากน้ำพริกอ่ะ ก็กินไข่กับหมูหวานแกล้ม คือมันเหมือนทุกอย่างในสำรับมันโดนจัดมาเพื่อให้ช่วยกันและกัน ใช่ค่ะ นี่คือวิถีของคนไทย อย่างนี้แปลว่า มื้อหลักที่สุดของคนไทยก็เป็น มื้อเย็น แนวคิดที่แบบว่า มื้อเช้ากินอย่างราชานี่ ไม่มี ยังไม่เข้ามา อันนั้นคือการดูแลสุขภาพ ในสมัยหลัง เราก็ได้ฟังเรื่องอาหารกันไปคร่าวๆ แล้วนะคะ เดี๋ยวเราไปดูที่อาหารจริงๆ กันดีกว่า เริ่มจากจานของว่าง ไม่ใช่จานเรียกน้ำย่อยนะ ของว่างระหว่างมื้อเนี่ย แล้วเมื่อไปที่อาหารเต็มๆ สำรับแล้วเนี่ย จะมีอะไรน่าสนใจบ้าง ให้อาป้อมค่อยๆ เล่าให้เราฟังค่ะ ในวันนี้นะคะ เราสั่งของกินเล่น อันเนี้ยน่าสนใจ คือคำว่าเมี่ยง เมี่ยงก็คือ อาหารที่เราต้องใช้การเคี้ยว จริงๆ แล้วเนี่ย เมี่ยงมาจากอะไรล่ะคะ เราสามารถทำน้ำเมี่ยง เคี่ยวน้ำเมี่ยง น้ำตาล น้ำปลา มะพร้าว อันนี้ก็แล้วแต่สูตรใครนะ เคี่ยวไว้ แล้วก็เก็บใส่โหล มะพร้าวก็เคี่ยวไว้แล้ว กุ้งแห้งก็มีอยู่แล้ว หัวหอม พริก ขิง อะไรเหล่าเนี้ย เรามีอยู่ในบ้าน ดังนั้น สิ่งที่สามารถเอามาทำเมี่ยงได้ ใบชะพลู ใบทองหลาง กลีบบัว จริงๆ แล้วข้างในเหมือนกันหมด ก็คือมีทุกอย่างหมดแล้วแหละ บังเอิญได้ดอกบัวมา อ่ะไปค้นๆ ของในบ้านมายัดรวมกัน ใช่ มันเหมือนกับมีแขกมาเยี่ยมตอนบ่ายๆ เอ้า หิวมั้ย เอานี่มั้ย เพลิน คือปกติเนี่ย เค้าไม่ได้จัดมาแบบนี้ เค้าจะกองทุกอย่าง แล้วเราก็เลือกใส่เอาเอง กินไปคุยไป มันเป็นความเพลิดเพลิน แล้วเหมือนกับ ใครมาถึงเรือนชานต้องต้อนรับ เชิญอาป้อมก่อนเลยค่ะ เวลาเรากินนะ เพื่อจะให้เข้าปากได้ง่ายๆ นะคะ จริงๆ แล้วเนี่ย คนไทยเป็นคนสุภาพ เราก็รับประทานให้มันละเมียดนิดนึง โดยการจับแล้วก็ไขว้เข้าไปอย่างนี้ จริงๆ แล้วการไขว้เนี่ย เค้าจะไขว้ก่อนที่ พับกรวยก่อนที่จะใส่เครื่องเข้าไป เหมือนที่บอก เวลามาเนี่ย เค้าไม่ได้จัดอย่างนี้ พอพับกรวยเสร็จแล้วเนี่ย เราก็หยิบมะพร้าวใส่ กุ้งใส่ มะนาวใส่ พริก หอม แล้วก็ค่อยเอาน้ำเมี่ยง น้ำเมี่ยงนี่สูตรบ้านใครบ้านมัน ใส่เข้าไปเพื่อเพิ่มรสชาติ แล้วด้วยวิธีนี้ เราจะเข้าปากได้ง่ายขึ้น ขออนุญาตทำสิ่งนึงก่อนค่ะ คือเขี่ยพริกออกนั่นเอง หยิบดีๆ เข้าเลย สิ่งที่เราเจอในปาก ความมันความเค็มของกุ้งแห้ง เค็มๆ หวานๆ ของน้ำเมี่ยง เปรี้ยวมะนาว หอมผิวมะนาวขึ้นไปด้วย ครบมาก คำเดียว ค่ะ ในคำเดียว ครบ แอบมีขิงแก่ เพื่ออะไรเหรอคะ คนไทยเนี่ย เมื่อไหร่ที่กินไขมันประมาณมะพร้าว เค้าก็จะใส่ขิงเพื่อเป็นการรักษาท้อง คือเหมือนกับว่าเค้าเตรียมไว้ละ ตอนนี้เรากินอะไรที่เป็นไขมัน เราต้องใส่อะไรแก้ไขมันลงไปด้วยในคำเดียว ใช่ๆ เพราะว่าเห็นมั้ยว่าคนไทย เมื่อก่อนมีมั้ยคะ ความดันโลหิต ไขมันในเส้นเลือดหัวใจ ไม่มี ทั้งๆ ที่กะทิอ่ะ คนไทยก็กินมาตั้งนานแล้ว หมูสามชั้นก็กินมาแล้ว ค่ะ มันกุ้งอีก ได้ข่าวว่าตอนอยุธยานี่เรากินมันกุ้งแล้วทิ้งเนื้อเลยใช่มั้ยคะ โอ๊ย รุ่นคุณพ่อพี่อ่ะ จำได้เลย บ้านเค้าอยู่ใกล้แม่น้ำเจ้าพระยา สมัยนั้นลงไปว่ายเล่นในแม่น้ำได้ พ่อเล่าว่า พ่อกระโดดลงไปในแม่น้ำเจ้าพระยาเล่นเนี่ยนะ ตรงเสาของท่า มีกุ้งก้ามกรามเกาะอยู่ คือตัวใหญ่มากอ่ะ แล้วมันก็เป็นอะไรที่หาง่าย แล้วก็ไม่ได้แพงมหัศจรรย์แบบสมัยนี้ วันนี้กิโลละพันหก อะไรอย่างนี้นะคะ ใช่ค่ะ อ่ะ ในที่สุดนะคะ หลังจากที่เรานั่งทานของว่างแล้วก็คุยกันมาสักพักนึงแล้ว อาหารสำรับจริงก็มาแล้วค่ะ ดังนั้น นี่คืออะไรยังไงบ้างคะเนี่ยอาป้อม อย่างวันนี้เนี่ย ที่จัดมาให้ดูนะคะ มันเป็นการกินอาหารแบบสำรับที่เมื่อกี้เราเกริ่นไป จำได้มั้ยคะ ค่ะ นั่นก็คือว่า มีอาหารที่เป็นเผ็ด ผักสด ปลาทูทอด แค่จานนี้ น่าจะกินได้ทั้งสามรุ่น จานเดียวเนี่ยนะคะ จานเดียวกัน ก็คือเด็กหน่อยก็กินปลาทู แค่ข้าวคลุกปลาทู ยังกินน้ำพริกไม่ไหว พ่อแม่นี่เหมาได้ทั้งจาน พอปู่ย่าตายายเนี่ย อาจจะต้องรับประทานผักนิ่มๆ แล้วก็แตะน้ำพริกแค่น้อยๆ ซึ่งกรณีนี้เนี่ย มันสามารถที่จะสอนให้เด็กรุ่นเล็กๆ เนี่ย หัดเริ่มรับประทานเผ็ดได้ด้วย แตะๆ นิดหน่อย ใช่ แตะแล้วชอบให้รสชาติเป็นยังไง คนไทยก็จะเริ่มคุ้นกับกลิ่นกะปิ ซึ่งเป็นวัตถุดิบพื้นฐานในครัวไทย นี่แปลว่า โอ๊ย เด็กอยู่อย่าเพิ่งกิน อย่าไปแตะมันเลยเนี่ย เป็นการสอนที่ผิด เพราะมันจะทำให้กินไม่เป็นในอนาคต ให้แตะ อยากกิน เดี๋ยวเผ็ดก็จะได้รู้เอง ว่ากินเข้าไปแล้วเผ็ด อ๋ออออ ค่ะ เด็กก็จะต้องเผชิญปัญหาทุกอย่าง ซึ่งพี่ฝากไว้อย่างนึง พ่อแม่สมัยนี้เลี้ยงลูกแบบว่า overprootect ปกป้องมากเกินไป บางครั้งไม่ได้ให้ลูกเรียนรู้ที่จะแพ้ ไม่ได้ให้ลูกเรียนรู้ที่จะผิด ลูกคุณก็ผิดได้ ลูกคุณก็แพ้ได้ เพราะในวันข้างหน้าถ้าคุณไม่สามารถตามปกป้องเค้าได้แล้ว ถ้าเค้าต้องผิดต้องแพ้ขึ้นมา ในตัวเองเค้ารับไม่ได้ แล้วใครรับผิดชอบ จริงด้วยค่ะ เป็นข้อคิดที่ดีมาก เห็นมะ แม้กระทั่งเรื่องกินก็ยังสอนได้นะคนเรา ค่ะ อันนี้เป็นเครื่องจิ้ม อย่างนี้เค้าเรียกว่าเครื่องจิ้ม ซึ่งเครื่องจิ้มมีอะไรอีก เครื่องจิ้มก็อาจจะมีหลน ซึ่งเป็นกะทิ แต่วันนี้เอาพื้นบ้านเลย คือน้ำพริกกะปิเนี่ย รับประทานกับปลาทู ผักทอด ผักสด ผักลวก มีดอกโสน เมื่อน้ำพริกกะปิแซ่บแล้ว แกงที่จะมาคู่กันสามารถเป็นแกงกะทิได้ วันนี้เนี่ยใช้แกงเผ็ดเป็ดย่าง ค่ะ แกงเผ็ดเป็ดย่างเนี่ย ทำไมเป็นแกงเดียวที่ต้องใส่สับปะรด อ่า ไม่รู้สิคะ เนื่องจากสมัยก่อนเนี่ย เป็ด เป็ดบ้านไก่บ้าน เหนียวค่ะ อ๋อ เค้าออกกำลังของเค้าทุกวันเนี่ย พอเชือดมากิน เหนียว ย่างแล้วเหนียวทำยังไง การที่จะทำให้เนื้อเป็ดนุ่ม นั่นคือการใส่สับปะรดเข้าไป นั่นคือภูมิปัญญาของคนไทย มันจะเป็นตัวเอนไซม์ที่ไปย่อยให้เป็ดนุ่ม ดังนั้น ถ้าไปเห็นแกงเผ็ดเป็ดย่างที่ไหนที่สับปะรดหน้าตาสดเกินไป มันไม่ใช่ มันต้องใช้เวลาให้สับปะรดเนี่ย เข้าไปช่วยเป็ดให้นุ่มก่อน แล้วถึงใส่เครื่อง ก็คือเหมือนกับว่าเคี่ยวไปก่อนเลย แล้วเดี๋ยวค่อยเติมอย่างอื่น แล้วเสร็จแล้ว อาหาร ไม่ต้องว่าอะไร ทุกอย่างมีวิวัฒนาการ ดังนั้นในวันนี้ อาจจะเปลี่ยนเพิ่มลิ้นจี่บ้าง เพิ่มองุ่นบ้าง อะไรบ้าง แต่เห็นมั้ยว่า เค้าก็ยังคงความมีสับปะรดอยู่ในนี้ ให้มันนิ่ม ยังไงก็เป็นสับปะรด ไม่ใช่ไม่เป็นสับปะรด ในเมื่อมีแกงแล้ว เผ็ดแล้ว นี่ก็เผ็ดอีก มีนี่แกล้ม จานนี้เนี่ย เห็นที่เขียนไว้คือหมูฮ้อง หมูฮ้องเนี่ยคือ เหมือนกับเป็นหมูต้มเค็มของทางภูเก็ตนะคะ จะเป็นลูกผสมระหว่างหมูต้มเค็มของไทยกับหมูพะโล้ อ่ะเพราะว่าภูเก็ตก็คนจีนค่อนข้างเยอะ ใช่ค่ะ แต่ว่าก็ยังผสมสามเกลอ นั่นคือรากผักชีกระเทียมพริกไทย แบบไทยอยู่ ชอบชื่อมากค่ะ สามเกลอ สามเกลอ อันนี้เค้าจะเรียกกันสามเกลอ เพราะขี้เกียจพูดอ่ะ รากผักชี กระเทียม พริกไทย ยาว สามเกลอ จบ เราจะเข้าใจนะคะ แล้วก็ถ้าเป็นหมูฮ้องเนี่ย สามารถใส่ผงพะโล้เข้าไปด้วย ผงพะโล้ก็ประกอบไปด้วย อบเชย กานพลู ลูกจันทน์ ลูกกระวาน แล้วก็พริกไทย ลงไป ประมาณนี้นะคะ เพราะภาษาจีนมาจากคำว่า five spices อื้ม ก็คือเครื่องเทศห้าอย่าง เครื่องเทศของจีน ก็ผงพะโล้นั่นเอง แล้วก็ เคี่ยวจนหมูนุ่ม แต่น้ำตาลในหมูฮ้องหรือหมูพะโล้ ก็จะไปรัดทั้งไข่ทั้งหมูให้ผิวตึง แต่อันนี้ก็คืออาหารจานไข่และหมู ซึ่งลูกเล็กกินได้ไง และเป็นอาหารแก้เผ็ดของรุ่นใหญ่ ก็คือเห็นเด็กกินอยู่ โอ๊ย อันนี้เผ็ดจังเลย ไปแย่งเด็กกิน ใช่ค่ะ ทีนี้เจอความหนักแล้ว เรามาเบาด้วยยำ สมัยก่อนน่ะ ตามบ้านชนบทไทย เค้ามีหัวปลีอยู่แล้ว ก็เลยเอาหัวปลีมายำ แต่รสยำหัวปลี ทำไมถึงสั่งมาในวันนี้ ก็เพราะว่าเรามีน้ำพริกเผ็ดเปรี้ยว แซ่บอยู่แล้วถูกมั้ยคะ ยำหัวปลีเค้าจะนวลๆ เค้าจะเป็นยำที่ใส่หัวกะทิลงไป หัวกะทิแล้วก็มะพร้าวคั่วนะคะ เพราะงั้นความสดชื่นที่ไม่ถึงกับปี๊ดป๊าดเกินไป แล้วจบด้วยแกงจืด จะแกงจืดอะไรก็ตามที ไว้ล้างปาก คุณย่าคุณตาคุณยายจะได้คล่องคอหน่อย เพราะว่าไม่งั้นเนี่ย เดี๋ยวข้าวแข็งติดคอ ทีนี้ หนูแอบถามนิดนึงได้มั้ยคะ เห็นว่าตอนนี้เรามีช้อนส้อมอะไรเสร็จเรียบร้อย แต่ว่าจริงๆ แล้วอ่ะ เท่าที่เคยอ่านมา คนไทยสมัยก่อนเค้าใช้มือเปิบใช่มั้ยคะ ใช่ค่ะ ใช้มือเปิบ แต่คนไทยก็ไม่ใช่ไม่มีช้อนนะ อย่างพวกเนี้ยเค้าก็จะใช้ช้อนตรงกลาง แต่บางอย่างนี่เค้าจะใช้มือหยิบ เช่น การแกะปลาทู หรือว่า การหยิบผัก ซึ่งนี่ก็เคลียร์เลยใช่มั้ยคะ เพราะว่าที่ผ่านมาหนูสงสัยมาตลอดเลยว่าเปิบมือแล้วเนี่ย แล้วจะไปซดซุปได้ยังไง เค้าก็ยังมีช้อนกลางอยู่นะคะ ในแต่ละอันเนี่ย แล้วก็ด้วยความที่ถ้าในบ้านนึงสนิทกัน ก็สามารถซดช้อนเดียวกันไปได้เลย ซึ่งจริงๆ เราฟังดูอาจจะฟังดูไม่ถูกสุขลักษณะ แต่บางครั้งเนี่ย ในความสนิทสนม แล้วก็เมื่อก่อนเค้าก็ไม่ได้มีเชื้อโรคเยอะขนาดนี้เนอะ แล้วก็อีกอย่างนึงก็คือ สามารถจะตักมาใส่ช้อนตัวเอง แล้วก็ค่อยซดน้ำซุป ได้เช่นกันค่ะ ทีนี้หนูแอบอยากขออย่างนึงค่ะ คือสงสัยมานานละ อยากรู้มาตลอดชีวิตเลย เวลาเค้าเปิบมือนี่เค้าเปิบยังไงอ่ะคะ มันไม่เละเหรอ งั้นลอง อย่างแรกเราล้างมือก่อน ก็คือต้องมีถ้วย ถ้วยไว้ใช้ล้างมือ เราล้างมือก่อน ถ้าอยู่ในบ้านนี่ก็อาจจะต้องวิ่งไปโอ่งหลังบ้าน ละเอาข้าวใส่จาน ข้าวนี่คือสิ่งเดียวที่คุณเป็นเจ้าของในโต๊ะอาหาร นั่นคือการตักข้าวใส่จาน ยิ่งถ้าสมมุติว่าบ้านไหนมีนานะ ข้าวใหม่นี่โอ้โหมันจะเกาะกันเป็นก้อน ในแง่ของน้ำพริกปลาทู อย่างแรกเลย ก็แกะเนื้อปลาทูที่เราจะกินมาในจาน คือคนไทยเมื่อก่อนเค้าก็ไม่ค่อยถือกันเท่าไหร่หรอกนะ การใช้มือ ปัญหาคือแกะปลาทูไม่เป็น อย่าให้เกินข้อแรกนะ ให้อยู่แค่นี้นะ ข้อแรกคือตรงนี้ใช่มั้ยคะ เห็นมั้ยคะของอาป้อมไม่ได้เกิน โห ยากละ งานเข้า สวยหน่อย กรีดนิด กรีดกรายนิดๆ แล้วก็ลองคลุกไปกับข้าว มือเดียวๆ นี่ลองเอามือนี้เก็บไว้ข้างหลัง แล้วก็ใช้ปลายนิ้ว คลุกอย่างงี้ก่อน คลุกเสร็จแล้ว เราตักน้ำพริกใส่ สมมุติเราตักน้ำพริกเหยาะลงไป อ่ะ ลองตักน้ำพริก ไม่เป็นไร หนแรกเก้งก้างหน่อย เราเหมือนกับต้องจับงี้นะ ให้ใช้ห้านิ้วเนี่ย แล้วก็บีบ ให้มันค่อนข้างจับอย่างนี้ เห็นมั้ยคะ จับตรงนี้ บีบเข้าไป บีบห้านิ้วรวมเข้าไป ไม่อยู่ อยู่ กดที่จานแล้วบีบเข้าไป กดที่จานแล้วบีบเข้าไปค่ะ ปั้นหลายคำจังเว้ย เอาล่ะ พอ แล้วก็เราจับอย่างนี้ ปึ๊ด ผลักเข้าไป ใช้นิ้วโป้งผลักเข้าไป เหมือนช้อนอ่ะ เหมือนตรงนี้เป็นช้อนแล้วใช้นิ้วโป้งผลักเข้าไป เสร็จแล้ว เราก็รับประทานผักแกล้ม ในขณะเดียวกัน คนไทยเมื่อก่อนเค้าก็คงไม่กินแกงโชกขนาดนั้น ลองตักแกงเผ็ดเป็ดย่าง แล้วเดี๋ยวเราจะแกล้มด้วยไข่พะโล้ อันนี้มีน้ำแกงก็ต้องกดแรงหน่อย น้ำแกง ต้องคลุกก่อน ใช่ แล้วก็บีบ ถูกต้อง บีบให้อยู่ปึ๊บ ไม่ต้องขึ้นทั้งหมดก็ได้ เอ้า แล้วดันเข้าปาก แขนกางเชียว กินให้ละเมียดนิดนึง คือแขนเนี่ยอยู่ใกล้ๆ ตัว แล้วก็ แค่นี้เอง พอรู้สึกว่า สมมุติว่า กินแกงเผ็ด พอมันเผ็ด ก็ ตักไข่ ขอบคุณค่ะ แล้วก็กินกับข้าว บางคนเนี่ย อันนี้คนที่บ้านก็เคยกินนะคะ มันไม่ต้องเปิบข้าวทุกคำ เราอาจจะต้องกินแบบนี้ ก็กิน แล้วค่อยเปิบข้าวตาม นี่ แขนลงมานิดนึง กดก่อนๆ นี่หยิบเป็นข้าวเหนียวเลย แล้ววิธีการจับนี่มัน มีแตกต่างอะไรกันยังไงมั้ยคะ ก็คือเค้าบอกว่าถ้าหัดดีๆ แล้วเนี่ย ห้ามเกินข้อนิ้วบน ห้ามเลอะเกินข้อนิ้วบน เพราะฉะนั้นการหยิบก็คือการจับแบบนี้ถึงจะอยู่ เราสังเกตความเป็นผู้ดีได้จากความเละของมือนะคะ มันก็ไม่แย่เท่าไหร่ ยังไม่แย่เท่าไหร่อ่ะ แรกๆ ก็อย่าเกินข้อสองเท่านั้นเองค่ะ แล้วก็เมื่อไหร่ที่ฝืดคอ เราก็ซดน้ำซุปตาม แค่นั้นเอง นี่คือการกินแบบไทย แล้วเมื่อกี้ค่ะ อย่างที่อาป้อมบอกว่าอันนี้คืออาหารแบบชาวบ้านใช่มั้ยคะ แล้วถ้าสมมุติว่าอาหารชาววังมันจะต่างจากชาวบ้านยังไงอ่ะคะ คำว่าวังไง ก็คือคำว่าบ้าน ที่มีเจ้าอยู่ วังคือหนึ่งในราชาศัพท์ นั่นก็คือบ้านที่มีตั้งแต่ระดับหม่อมเจ้าอยู่ขึ้นไป เค้าจะเรียกว่าวัง แล้วก็ อาหารชาววัง เช่นในวังหลวงอย่างงี้ คือเจ้าจอมต่างๆ เนี่ย ท่านก็มีตำหนัก แล้วก็มีข้าทาสบริวาร ทีนี้ เวลาเหลือเยอะ แล้วกลัวลูกน้องไม่มีงานทำ นะ ทำยังไง ก็เริ่มเลย เห็นมะ อย่างเงี้ยก็ไม่เชิงชาวบ้าน อันนี้เป็นชาววัง ดู๊ แค่ใบบัวบกก็ยังจะต้องมามัดช่อสวยงาม ประมาณนี้ หรือผักอ่ะ ก็จะมาเป็นคำ ไม่ใช่ว่าต้องมานั่งกัดกรุ๊บๆๆๆ คือชาวบ้านเนี่ย บางทีเค้าจะเด็ดสดข้างบ้านมา แล้วกินไปกัดไป หรือแตงกวาเค้ากัดทั้งลูกเลย อันนั้นน่ะได้ มันเป็นความอร่อยจากความสดนะคะ แต่ว่า พอในชาววังนี่ ไม่เอาไม่งามค่ะ ไม่งาม ก็ต้องค่อยๆ อะไรที่เข้าปากได้ในคำเดียว อ๋อ เพราะว่าอย่างเมื่อกี้ ถ้าสมมุติต้องมานั่งจกๆ เองมันก็เก้งก้าง ไม่สวย ก็เลยจับมาเป็นคำๆ หมดแล้ว ใช่ เนี่ย อย่างนี้เราเข้าหนึ่งคำได้ ทีนี้อีกข้อนึงก็คือว่า ถ้าเป็นชาวบ้านรสชาติจะเผ็ดจัด เค็มจัด ทุกอย่างจะแซ่บ แต่ของชาววัง ที่คนมันตีความหมายผิดว่าอาหารชาววังหวาน ไม่ใช่ค่ะ อาหารชาววังเป็นอาหารที่มีรสชาติกลมกล่อม นุ่มนวล มีสัมผัสในทุกรส บางคน คุณกินชาวบ้านมา คุณก็ต้องบอกของชาววังรสอ่อน หรือจืด เลยกลายเป็นไปตีความว่าหวานอ่ะ ซึ่งอันนี้มันไม่ใช่ เพราะว่าอาหารไทย เห็นมั้ย อันนี้เปรี้ยวเค็ม อันนี้แกงเผ็ดออกเค็ม แต่อันนี้ เค็มหวาน นั่นหมายความว่าอาหารแต่ละจานเค้ามีรสชาติของเค้า ไม่งั้นเราจะจัดสำรับมาทำไมคะ ก็คือในหนึ่งสำรับ เค้าคิดและว่าอันนี้คู่กับอันนี้ ไม่ใช่สั่งมั่วซั่ว แล้วแกงจืดน่ะ มีเปรี้ยวมีหวานมั้ย มันก็มีแค่เค็มของมัน เพื่อที่จะเป็นน้ำซดให้คล่องคอ แต่ไม่จำเป็นต้องมีรสอะไรเลย เหมือนกับกึ่งๆ จะล้างปาก นี่คือชาววังกับชาวบ้านกินเหมือนกัน แล้วอันเนี้ยแกะมาให้แล้ว อันนี้คือกึ่งๆ ชาววัง เนี่ย ไม่มีก้าง คือเลาะกลางออก และเอาก้างกลางออก เอาข้างนี่ออก แล้วประกบกลับเข้าไปเป็นตัวปลาทู คือความละเอียด นั่นหมายความว่า เค้ามีเวลา ในการประณีต แต่ชาวบ้านทั่วไปทำไมเหรอคะ ชาวบ้านทั่วไปต้องทำมาหากินอ่ะ เวลาที่จะมาประณีต ไม่มีหรอก การทำงานสำคัญกว่า ดังนั้นเนี่ย ในทุกวัน ความสุขของเค้าทุกวันคือการเจอกัน แต่อาจจะไปเด็ดแตงกวามาจากต้น ไปเด็ดมะเขือมาจากต้นเลย ล้างแล้วกินสดๆ โห หวาน กรอบ อร่อย ไม่ต้องเสียเวลามาตัด เข้าใจขึ้นเยอะมากๆ เลยค่ะ เกี่ยวกับอาหารไทยทั้งหลาย วันนี้ก็ขอบคุณอาป้อมมากๆ เลยค่ะ ที่มาให้ความรู้กับพวกเราในวันนี้ แต่วิวอยากแอบบอกทุกคนอีกนิดนึงค่ะ คือวิวอ่ะ เคยมีโอกาสไปเห็นอาป้อมในอีกบทบาทนึงซึ่งไม่ใช่เชฟหรืออะไรอย่างนี้ คือวิวเคยไปงานคอนเสิร์ตในสวนค่ะ Concert in the Park แล้ววิวเห็นอาป้อมร้องเพลงด้วย ถ้าสมมุติว่าวิวอยากได้ยินอาป้อมร้องเพลงอีกรอบเนี่ย วิวจะต้องไปหาฟังที่ไหนอะไรยังไงมั้ยคะ ตอนนี้เนี่ย ที่กลับมาก็คือ กลับมาเล่นละครเพลง ละครเพลงเลยเหรอคะ ละครเพลง ซึ่ง เอาใกล้ๆ นี่เลย สูตรเสน่หา เดอะมิวสิคัล ก็ไม่ได้มีบทมาก แต่ก็ได้เพลงที่ยากพอตัวนะคะ ซึ่งก็ไม่ทราบว่าเค้าคิดว่าอาป้อมร้องอยู่เป็นประจำเหมือนแต่ก่อนรึเปล่า ก็ทรมานทรกรรมกันหน่อย แต่อาป้อมก็จะพยายามทำให้ดีที่สุด หกวันสิบรอบเท่านั้นนะคะ ใครอยากเห็นอาป้อมหรือเชฟป้อมร้องเพลงนะคะ ก็พลาดไม่ได้เลยจริงๆ เพราะว่าเป็นทั้งละครเพลง แล้วก็เกี่ยวกับอาหารด้วยนะคะ ดังนั้น ถ้าใครอยากได้รายละเอียดเพิ่มเติม ก็ดูด้านล่างเลยค่ะ รายละเอียดอยู่ใน description box ข้างล่างแล้วนะคะ วันนี้ก็ต้องขอขอบคุณอาป้อมอีกครั้งมากๆ เลยค่ะ ที่มาให้ความรู้กับเราในวันนี้ ถ้าใครชื่นชอบคลิปนี้นะคะ อยากให้วิวพาไปทำอะไรอีก อยากให้วิวพาไปเจอใครหรืออะไรยังไง คอมเม้นท์มาด้านล่างค่ะ แล้วก็อย่าลืมกดไลก์เป็นกำลังให้เรา แล้วก็กดแชร์เพื่อชวนเพื่อนๆ มาดูด้วยกันค่ะ วันนี้ลาไปก่อนนะคะทุกคน บ๊ายบาย สวัสดีค่า เป็นไง คิดถึงเสียงวิวกันมั้ยคะ เป็นหนึ่งคลิปที่รู้สึกว่าตัวเองแทบไม่ได้พูดไรเลยนะ เพราะว่ามัวแต่นั่งอ้าปากค้างนะคะ เป็นความรู้ที่ดีมากๆ เลย คือก็ไม่รู้จะไปหาอ่านเองจากไหนอะไรยังไงนะคะ เอาเป็นว่าอย่างแรกนะคะ ก็ขอขอบคุณร้านอาหารอรรถรส ซอยสุขุมวิท 39 นะคะ ที่ให้เรามาชิมอาหารไทยดีๆ ในวันนี้ แล้วก็ให้ใช้สถานที่ด้วยค่ะ นอกจากนี้ถ้าใครอยากติดตามผลงานของอาป้อมหรือว่าเชฟป้อมนะคะ สูตรเสน่หา เดอะมิวสิคัลนะคะ เล่นวันที่ 27 กันยายน ถึง 6 ตุลาคม 2562 นะคะ มีรอบสุดสัปดาห์นะคะ วันศุกร์เย็น วันเสาร์บ่าย เสาร์เย็น อาทิตย์บ่าย อาทิตย์เย็น ทั้งหมดแค่ 10 รอบด้วยกันนะคะ พลาดแล้วพลาดเลย ดังนั้นถ้าใครสนใจนะคะ รายละเอียดอยู่ด้านล่างเลย ใน description box นะคะ รีบจองบัตรค่ะทุกคน สำหรับวันนี้วิวลาไปก่อนนะคะ บ๊ายบาย สวัสดีค่ะ