WEBVTT 00:00:00.800 --> 00:00:03.800 เราคงเคยได้ยินคำว่านามธรรม (Abstract) มาบ้าง 00:00:03.800 --> 00:00:07.621 ผมเลยคิดว่าจะลองอธิบาย ความหมายของมัน 00:00:07.621 --> 00:00:09.267 หรือยิ่งกว่านั้น 00:00:09.267 --> 00:00:11.800 คำว่า Abstract หมายความว่ายังไงกันแน่ 00:00:11.800 --> 00:00:14.067 abstract เป็นคำคุณศัพท์ 00:00:14.067 --> 00:00:16.267 เรามีความคิดแบบ abstract 00:00:16.267 --> 00:00:19.267 เราวาดภาพแนว abstract 00:00:19.267 --> 00:00:20.600 ถ้าเป็นกริยา 00:00:20.600 --> 00:00:22.200 เรา abstract บางสิ่ง 00:00:22.200 --> 00:00:25.067 abstract แนวคิดจากแนวคิดอี่นๆ 00:00:25.067 --> 00:00:26.836 หรือเป็นคำนาม 00:00:26.836 --> 00:00:28.467 เรามี abstract 00:00:28.467 --> 00:00:30.252 ส่วนมาก ถ้าเป็นคำนาม 00:00:30.252 --> 00:00:31.572 ผมมักจะนึกถึง 00:00:31.572 --> 00:00:34.200 Abstract ของงานวิจัย 00:00:34.200 --> 00:00:37.133 ซึ่งกรั่นกรองเฉพาะส่วนสำคัญของงาน 00:00:37.133 --> 00:00:38.733 ซึ่งหมายถึงบทสรุปของงานวิจัยนั้นๆ 00:00:38.733 --> 00:00:40.200 และอีกอย่างที่คุณจะเจอ 00:00:40.200 --> 00:00:41.400 ไม่ว่าคุณจะใช้คำนี้ 00:00:41.400 --> 00:00:44.467 ในรูปแบบไหนก็ตาม 00:00:44.467 --> 00:00:46.800 ก็บ่งบอกถึงการดึงส่วนสำคัญ 00:00:46.800 --> 00:00:51.200 จากวัตถุชิ้นหนึ่ง 00:00:51.200 --> 00:00:54.231 ไม่ว่าจะใช้ในรูปคำนาม คุณศัพท์ หรือ กริยา 00:00:54.231 --> 00:00:56.067 ตรงนี้ให้เป็นโลกแห่งความจริง 00:00:56.067 --> 00:00:58.379 นี่คือโลกแห่งความเป็นจริง 00:00:58.379 --> 00:01:01.410 และตรงนี้ให้เป็นโลก 00:01:01.410 --> 00:01:05.267 ของแนวคิดและหลักการ 00:01:05.267 --> 00:01:08.400 วิธีการสำคัญของ abstraction 00:01:08.400 --> 00:01:09.733 หรือ abstract บางอย่าง 00:01:09.733 --> 00:01:10.933 คือการที่เราดึงอะไรออกมา 00:01:10.933 --> 00:01:13.467 จากวัตถุหนึ่งในโลกแห่งความจริง 00:01:13.467 --> 00:01:17.867 ไปยังเส้นทางของโลกแห่งแนวคิดและหลักการ 00:01:17.867 --> 00:01:22.267 สำหรับผมนะ ความหมายที่เป็นรูปธรรมของ 00:01:22.267 --> 00:01:25.733 คำว่า abstraction ซึ่งอาจจะฟังดูสับสน 00:01:25.733 --> 00:01:28.400 เพราะเรากำลังคิด abstraction ในรูปธรรม 00:01:28.400 --> 00:01:31.713 นั่นคือรูปทรงเลขาคณิต 00:01:31.713 --> 00:01:34.969 ถ้าผมบอกว่าให้มองหาลูกบาศก์ 00:01:34.969 --> 00:01:38.267 คุณอาจจะชี้ไปยัง borg vessel (ยานอวกาศ ในเรื่อง Star Trek) 00:01:38.267 --> 00:01:39.302 borg vessel 00:01:39.302 --> 00:01:44.800 หรือคุณชี้ไปยังลูกเต๋า 00:01:44.800 --> 00:01:46.867 เราวาดรูปลูกเต๋ากัน 00:01:46.867 --> 00:01:48.952 ถ้าเรามองหาลูกบาศก์ 00:01:48.952 --> 00:01:51.733 คุณอาจจะชี้ไปยังลูกเต๋า 00:01:51.733 --> 00:01:53.933 ที่คล้ายๆแบบนี้ 00:01:53.933 --> 00:01:55.733 คุณอาจชี้ไปยังร Rublik's cube 00:01:55.733 --> 00:01:56.800 อะไรก็ได้ที่หาเจอ 00:01:56.800 --> 00:01:58.733 อาจจะมีตึกที่มีทรงลูกบาศก์ก็ได้ 00:01:58.733 --> 00:02:00.733 ตึกที่มีทรงลูกบาศก์ 00:02:00.733 --> 00:02:03.467 หรือกล่องในบ้านอาจเป็นทรงลูกบาศก์ 00:02:03.467 --> 00:02:07.667 แต่ในหัวของคุณ คุณรู้ว่าลูกบาศก์เป็นยังไง 00:02:07.667 --> 00:02:09.733 เหมือนรู้ว่านั่นคือลูกบาศก์เมื่อเราเห็นมัน 00:02:09.733 --> 00:02:13.133 แนวคิดกว้างๆนี่เองที่ทำให้ความคิด นั่นกระจ่างขึ้น 00:02:13.133 --> 00:02:15.600 อย่างเช่นการนิยามลูกบาศก์ 00:02:15.600 --> 00:02:17.000 และหลายความคิดก็แตกต่างกันไป 00:02:17.000 --> 00:02:19.267 นี่คือวัตถุพลาสติกที่ถูกถืออยู่ 00:02:19.267 --> 00:02:20.733 นี่คือสิ่งๆหนึ่งที่มีสีขาว 00:02:20.733 --> 00:02:23.200 พวกมันก็ไม่ได้เป็นลูกบาศก์เสียทีเดียว 00:02:23.200 --> 00:02:26.400 เพราะว่ามีมุมเว้าๆตรงขอบ 00:02:26.400 --> 00:02:29.200 และยาน borg vessel 00:02:29.200 --> 00:02:31.067 มันไม่มีอยู่จริงนะ 00:02:31.067 --> 00:02:32.733 เป็นของสมมุติขึ้นมา 00:02:32.733 --> 00:02:35.400 ก็มีความเป็นลูกบาศก์อยู่ในตัวมันเอง 00:02:35.400 --> 00:02:37.800 สิ่งที่น่าสนใจของเลขาคณิตก็คือ 00:02:37.800 --> 00:02:41.733 มันพยายามจะนิยามวัตถุหลายๆอย่างบนโลกนี้ 00:02:41.733 --> 00:02:44.800 ดังนั้นเราจึงมีคำนิยามเหล่านี้ในเรขาคณิต 00:02:44.800 --> 00:02:49.918 อย่างเช่นวัตถุอย่างนี้ 00:02:49.918 --> 00:02:52.700 ที่ทุกด้านมีความยาวเท่ากัน 00:02:52.900 --> 00:02:55.108 ถ้าตรงนี้ยาวหนึ่งหน่วย อีกด้านก็ยาวเท่ากัน 00:02:55.108 --> 00:02:56.815 คือยาวหนึ่งหน่วย 00:02:56.815 --> 00:02:58.098 แต่ไม่จำเป็นว่า 00:02:58.113 --> 00:02:59.621 ไม่ว่าด้านนี้จะยาวเท่าไหร่ 00:02:59.621 --> 00:03:00.800 ในแกนนี้ 00:03:00.800 --> 00:03:02.200 หรือยาวเท่าไหร่ในแกนนี้ 00:03:02.200 --> 00:03:04.133 หรือแกนนี้ก็ตาม 00:03:04.133 --> 00:03:05.933 และเราจะไม่เจาะลึกถึงนิยาม ของลูกบาศก์ 00:03:05.933 --> 00:03:08.267 แต่ที่ผมอยากจะเน้นก็คือ 00:03:08.267 --> 00:03:12.200 มันมีแนวคิดเกี่ยวกับลูกบาศก์ 00:03:12.200 --> 00:03:14.267 ที่นิยามมันไว้ 00:03:14.267 --> 00:03:16.733 และในโลกของความเป็นจริง 00:03:16.733 --> 00:03:18.533 ไม่มีทรงรูปบาศก์ที่เพอร์เฟคหรอก 00:03:18.533 --> 00:03:20.333 ถ้าเราจะพยายามวัดอย่างละเอียด 00:03:20.333 --> 00:03:22.533 ถ้าจะวัดขนาดที่ละเอียดมากๆ 00:03:22.533 --> 00:03:24.667 ทุกด้านไม่มีทางเท่ากันหรอก 00:03:24.667 --> 00:03:32.267 แต่แนวคิดที่บอกว่าทุกด้านยาวเท่ากัน 00:03:32.267 --> 00:03:35.200 ด้านนี้และด้านนี้ และทุกด้านต้อง 00:03:35.200 --> 00:03:37.467 ยาวเท่ากัน 00:03:37.467 --> 00:03:39.015 ดังนั้นเราพยายามคิดให้ออก 00:03:39.015 --> 00:03:40.933 มาจากโลกแห่งความจริง 00:03:40.933 --> 00:03:43.933 ถ้าเรานึกถึงศตวรรษที่ 24 หรือ 25 00:03:43.933 --> 00:03:49.205 ไปยังแนวคิดที่ซ้อนอยู่ หลักการที่กว้างๆ 00:03:49.205 --> 00:03:51.748 และคุณอาจจะเคยได้ยินคำว่า abstract 00:03:51.748 --> 00:03:54.267 จากงานศิลปะ อย่างเช่น abstract art 00:03:54.267 --> 00:03:56.467 ดังนั้น abstract art 00:03:56.467 --> 00:03:57.933 ก็ใช้หลักการเดียวกัน 00:03:57.933 --> 00:03:59.000 ถ้าหาความหมายดู 00:03:59.000 --> 00:04:01.000 เราจะเจออย่างน้อย 20 ความหมาย ของ abstract 00:04:01.000 --> 00:04:04.200 แต่สุดท้าย ก็สื่อถึงสิ่งเดียวกัน 00:04:04.200 --> 00:04:09.467 abstract art คือศิลปะที่ไม่พยายาม 00:04:09.467 --> 00:04:11.667 วาดตามความเป็นจริง 00:04:11.667 --> 00:04:15.000 ถ้าเรามองงานศิลปะยุค Renaissance 00:04:15.000 --> 00:04:16.998 นักศิลปะเหล่านี้เก่งในการวาด 00:04:16.998 --> 00:04:18.933 ที่เสมือนของจริง 00:04:18.933 --> 00:04:20.333 แต่นักศิลปะแนว abstract 00:04:20.333 --> 00:04:22.060 เขาไม่ได้พยายามจะ 00:04:22.060 --> 00:04:24.267 แสดงจินตนาการของโลกความจริง 00:04:24.267 --> 00:04:26.800 แต่เขาพยายามแสดงจินตนาการออก 00:04:26.800 --> 00:04:31.000 มาในรูปสีสัน รูปทรง หรือ ลาย 00:04:31.000 --> 00:04:33.200 นี่คือ ผลงานรูปวาดของ Jackson Pollock 00:04:33.200 --> 00:04:35.533 อยู่ตรงนี้ 00:04:35.533 --> 00:04:39.267 เอามากจาก Steven Zucker นักประวัติศาสตร์ศิลปะ 00:04:39.267 --> 00:04:41.800 จะเห็นว่ารูปนี้ไม่ชัดเจน 00:04:41.800 --> 00:04:44.000 แจ๊คสัน โพลอค ไม่ได้พยายามจะวาด 00:04:44.000 --> 00:04:46.856 รูปสุนัขหรือม้า 00:04:46.856 --> 00:04:49.333 แต่เขาวาดรูปแบบอิสระ 00:04:49.333 --> 00:04:51.379 ไม่มีต้นแบบจากที่ไหน 00:04:51.379 --> 00:04:55.733 ไม่มีวัตถุในเหมือนในรูป 00:04:55.733 --> 00:04:58.133 และคำว่า abstract 00:04:58.133 --> 00:05:01.800 ไม่ได้ใช้เฉพาะในเลขาคณิตหรือศิลปะ 00:05:01.800 --> 00:05:04.800 แต่ใช้กับทุกสิ่งที่เราเจอทุกๆวัน 00:05:04.800 --> 00:05:06.467 เมื่อเราพูดถึงบางอย่าง 00:05:06.467 --> 00:05:08.815 เราใช้คำศัพท์หรือสัญลักษณ์ 00:05:08.815 --> 00:05:10.867 จริงๆเราก็ abstracting บางอย่าง 00:05:10.867 --> 00:05:16.471 เราดึงเนื้อหาจากวัตถุที่เราเห็น 00:05:16.471 --> 00:05:19.867 ถ้าใช้คำว่าสุนัข 00:05:19.867 --> 00:05:23.671 มันเป็นเพียงสัญลักษณ์ที่อยู่ในสมองเรา 00:05:23.671 --> 00:05:25.533 ที่เกี่ยวข้องกับสุนัข 00:05:25.533 --> 00:05:27.467 ในสมองเราพอจะรู้ว่า 00:05:27.467 --> 00:05:29.533 สุนัขมันเป็นยังไง 00:05:29.533 --> 00:05:31.667 มันต้องมีสี่ขา 00:05:31.667 --> 00:05:34.554 กระดิกหู และเราชอบลูบหัวมัน 00:05:34.554 --> 00:05:37.458 มันเป็นเพื่อนสนิทของมนุษย์ 00:05:37.458 --> 00:05:39.708 เราก็คิดว่านี่แหละคือสุนัข 00:05:39.708 --> 00:05:41.975 และนี่คืิอคุณสมบัติสำคัญของมัน 00:05:41.975 --> 00:05:43.748 เมื่อเรามองดูสุนัขจริงๆ 00:05:43.748 --> 00:05:46.538 สุนัขไม่ได้เหมือนกันหมด 00:05:46.538 --> 00:05:48.152 ถ้ามองไปที่พันธุ์ great dane 00:05:48.152 --> 00:05:52.385 หรือพันธุ์พุดเดิ้ลจิ๋ว 00:05:52.385 --> 00:05:55.429 แต่เราจะตระหนักถึงคุณสมบัติของมัน 00:05:55.429 --> 00:05:58.231 จุดนี้เราก็ได้ abstract สิ่งนี้และ เรียกว่าสุนัข 00:05:58.231 --> 00:06:00.871 เรา abstract ออกมาในรูปของสัญลักษณ์ 00:06:00.871 --> 00:06:02.948 และเห็นออกมาเป็นภาพ 00:06:02.948 --> 00:06:05.000 แม้แต่เราจะเขียนตัวเลข 00:06:05.000 --> 00:06:09.354 ถ้าเขียนเลข 5 00:06:09.354 --> 00:06:11.533 เราเขียนบ่อยมากจนกระทั่ง 00:06:11.533 --> 00:06:14.292 เลข 5 เหมือนเป็นวัตถุชิ้นหนึ่งๆเลย 00:06:14.292 --> 00:06:15.687 แต่จริงๆมันคือนามธรรม 00:06:15.687 --> 00:06:17.487 เป็นเพียงจำนวนของวัตถุ 00:06:17.487 --> 00:06:19.000 และมีสัญลักษณ์แบบนี้ 00:06:19.000 --> 00:06:21.968 เราจะเขียนเลขห้าอีกแบบก็ได้ 00:06:21.968 --> 00:06:24.887 อย่างเลขห้าของโรมัน 00:06:24.887 --> 00:06:26.800 จะเขียนแบบนี้ก็ได้ 00:06:26.800 --> 00:06:28.667 จะเขียนแบบไหนก็ตาม 00:06:28.667 --> 00:06:32.333 ก็แสดงถึงจำนวนห้าอย่าง 00:06:32.333 --> 00:06:35.933 เราอาจจะบอกว่า ห้าเป็นยังไง 00:06:35.933 --> 00:06:38.400 เราก็อาจจะวาด หรือชี้ให้เห็นได้ 00:06:38.400 --> 00:06:41.477 แต่ว่าเราแสดงสัญลักษณ์ของห้า 00:06:41.477 --> 00:06:45.188 นั่นก็เป็นเพียงนามธรรมนั่นเอง 00:06:45.188 --> 00:06:47.267 หวังว่าคุณจะเข้าใจมากขึ้น 00:06:47.267 --> 00:06:48.831 สำหรับคำว่า abstract 00:06:48.831 --> 00:06:50.200 ก็อย่างที่ได้สอนมา 00:06:50.200 --> 00:06:53.000 ไม่มีคำไหนแทนคำนี้ได้ 00:06:53.000 --> 00:06:56.400 เพราะมันเป็นนามธรรม 00:06:56.400 --> 00:06:59.108 อาจจะดูสับสนนิดหน่อย