1 00:00:04,659 --> 00:00:05,980 ผมมีคำถามให้คุณ 2 00:00:06,290 --> 00:00:10,029 คิดว่าฮัมเพลงจาก Star War ได้หรือไม่ 3 00:00:28,499 --> 00:00:30,060 แล้ว James Bond ล่ะ 4 00:00:40,569 --> 00:00:42,578 Harry Potter ล่ะ 5 00:00:56,398 --> 00:01:01,089 คำถามสุดท้าย : ฮัมเพลงจาก หนังของ Marvel ได้ไหม 6 00:01:04,689 --> 00:01:07,838 ผมเป็นแฟนพันธ์ุแท้ Marvel เลยแหละ แต่ผมคิดว่าผม.... 7 00:01:07,908 --> 00:01:11,138 ผมคิดไม่ออกสักเพลงเลย 8 00:01:16,918 --> 00:01:18,180 ไม่อ่ะ ไม่เหมือนกัน 9 00:01:19,014 --> 00:01:22,014 คิดว่าน่าจะรู้นะ แต่ก็ไม่ 10 00:01:22,562 --> 00:01:23,292 เวรล่ะ 11 00:01:27,626 --> 00:01:30,700 ฉันไม่คิดว่าจะมีนะ Theme Song เนี่ย 12 00:01:31,250 --> 00:01:33,130 ทำไมเป็นอย่างนั้นล่ะ 13 00:01:33,360 --> 00:01:38,030 เพราะว่าจักรวาล Marvel เป็นแฟรนไชส์ที่ ทำเงินได้มากที่สุดในประวัติศาสตร์ภาพยนตร์ 14 00:01:38,030 --> 00:01:40,628 มากกว่า Star Wars มากกว่า James Bond อีก 15 00:01:40,628 --> 00:01:43,118 มากกว่า Harry Potter ด้วย 16 00:01:43,118 --> 00:01:46,118 แล้วอะไรที่หายไป 17 00:01:57,069 --> 00:02:00,909 ปัญหาแรกเลยคือ เพลงส่วนมากปลุกอารมณ์คนดูไม่ได้ 18 00:02:00,909 --> 00:02:04,179 มาดูฉากนี้จาก Iron Man ภาคแรก 19 00:02:04,779 --> 00:02:08,359 วันที่ 11 การทดลองที่ 37 เวอร์ชั่น 2.0 20 00:02:08,359 --> 00:02:10,899 ไม่มีความเห็นดีกว่านี้ งั้นเตรียมดับไฟหุ่น 21 00:02:10,899 --> 00:02:15,299 ถ้าฉันไม่ได้ติดไฟแล้วแกพ่นใส่ฉันนะ จะบริจาคให้วัด 22 00:02:15,299 --> 00:02:16,919 เรียบร้อยนะ ช้าๆ นิ่มๆ 23 00:02:17,169 --> 00:02:20,349 มันเบามากก ลองฟังอีกที 24 00:02:20,349 --> 00:02:23,739 แต่ครั้งนี้มีแค่ดนตรี 25 00:02:37,274 --> 00:02:39,904 คุณรู้สึกมีอารมณ์ร่วมไหม 26 00:02:40,924 --> 00:02:43,300 แล้วถ้าเราเอาดนตรีออกล่ะ 27 00:02:43,930 --> 00:02:48,390 วันที่ 11 การทดลองที่ 37 เวอร์ชั่น 2.0 28 00:02:48,390 --> 00:02:51,209 ไม่มีความเห็นดีกว่านี้ งั้นเตรียมดับไฟหุ่น 29 00:02:51,209 --> 00:02:54,439 ถ้าฉันไม่ได้ติดไฟแล้วแกพ่นใส่ฉันนะ จะบริจาคให้วัด 30 00:02:54,439 --> 00:02:56,500 เรียบร้อยนะ ช้าๆ นิ่มๆ 31 00:02:57,060 --> 00:03:00,619 ฉากนี้ทำได้ดีเลย ไม่ต้องใช้ดนตรีประกอบด้วย 32 00:03:00,619 --> 00:03:02,619 นี่แหละทำไมคุณถึงไม่ได้สนได้ดนตรีเลย 33 00:03:02,619 --> 00:03:06,819 เหมือนเป็นเครื่องปรับอากาศในพื้นหลัง เมื่อฟังสักพักจะไม่สนใจมันอีกเลย 34 00:03:07,729 --> 00:03:10,409 อีกปัญหาหนึ่งก็คือใช้ดนตรีที่คาดเดาได้ 35 00:03:10,409 --> 00:03:13,159 ดังนั้นสิ่งที่คุณเห็นคือสิ่งที่ได้ 36 00:03:13,159 --> 00:03:15,899 ถ้าคุณเห็นอะไรสนุกๆ คุณจะได้ยินดนตรีสนุกๆ 37 00:03:29,860 --> 00:03:32,740 ถ้าคุณเห็นอะไรเศร้าๆ คุณจะได้ยินดนตรีเศร้าๆ 38 00:03:44,780 --> 00:03:49,479 มันเป็นวิธีเซฟๆในการทำสกอร์หนัง เพราะมันให้สิ่งที่คนคาดหวังอยู่แล้ว 39 00:03:49,479 --> 00:03:52,418 เพลงก็แค่ทำงานตรงไปตรงมาตามภาพ 40 00:03:52,418 --> 00:03:54,538 ถ้าคนในฉากดูกลัว คนก็จะได้ยิน : 41 00:04:01,150 --> 00:04:04,010 และนี่ ก็คือเหตุผลที่สองที่ทำให้สกอร์ไม่น่าจดจำ 42 00:04:04,010 --> 00:04:06,300 มันไม่ท้าทายความคาดหวังของคนดู 43 00:04:07,340 --> 00:04:10,610 แต่บางครั้ง หนังของ Marvel ก็มีเพลงที่โดดเด้งขึ้นมา 44 00:04:10,610 --> 00:04:13,120 แค่คนทำหนังเขาไม่อยากให้เราได้ยินมัน 45 00:04:13,120 --> 00:04:16,190 พวกเขาจะกลบมันด้วยเสียงอย่างนี้ : 46 00:04:21,200 --> 00:04:24,000 [เขาถูกปฏิเสธการเป็นทหารเพราะปัญหาสุขภาพ] 47 00:04:24,000 --> 00:04:29,559 [Steven Rogers กลับได้รับเลือกเข้าสู่โปรแกรมสำคัญ ในการรบของอเมริกา] 48 00:04:30,379 --> 00:04:35,810 [โปรแกรมที่เปลี่ยนเขาให้เป็น ทหารที่เหนือใครคนแรกของโลก] 49 00:04:37,590 --> 00:04:40,340 บทบรรยายนี้บอกในสิ่งที่เรารู้อยู่แล้ว 50 00:04:40,340 --> 00:04:42,809 และเบี่ยงเบนเราจากอารมณ์ของซีน 51 00:04:43,499 --> 00:04:46,159 แล้วถ้าเราจะไม่ทำอย่างนั้นล่ะ? 52 00:05:14,230 --> 00:05:15,440 คุณรู้สึกถึงความต่างไหม? 53 00:05:17,890 --> 00:05:21,240 เพลงประกอบเป็นเรื่องที่พึ่งรสนิยมส่วนบุคคลอย่างมาก และยังพึ่งพาเทรนด์ของยุคสมัยด้วย 54 00:05:21,240 --> 00:05:24,119 ในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา รสนิยมต่อเรื่องนี้เปลี่ยนแปลงไป 55 00:05:24,379 --> 00:05:27,888 ทุกวันนี้ คนทำหนังส่วนใหญ่คิดว่า เพลงประกอบควรจะเป็นสิ่งที่คนไม่สังเกตถึง 56 00:05:29,208 --> 00:05:31,878 [นั่นเป็นคำพูดที่ผมได้ยินบ่อยมากๆ] 57 00:05:31,888 --> 00:05:33,579 ["คนไม่ควรสังเกตมันได้"] 58 00:05:33,719 --> 00:05:36,859 [ก็อาจจะใช่ แต่ทำไมเราต้องจำมันไม่ได้ล่ะ?] 59 00:05:37,549 --> 00:05:42,309 [ผมเติบโตมากับหนัง Hitchcock และผมจำเพลง ที่ Bernard Herrmann ทำได้ทุกโน้ต] 60 00:05:42,309 --> 00:05:47,298 [ผมเลยรู้สึกยากที่จะเข้าใจ ว่าทำไมมันถึงเป็นเรื่องที่ทุกคนคิด] 61 00:05:47,298 --> 00:05:48,518 [ต่อความสัมพันธ์ของเพลงกับหนัง] 62 00:05:49,388 --> 00:05:52,879 มีเรื่องสำคัญเรื่องนึงที่เรายังไม่ได้พูดถึง 63 00:05:52,889 --> 00:05:57,209 ทุกวันนี้ การทำสกอร์ในอุตสาหกรรมหนัง เป็นไปตามขั้นตอนแบบนึง 64 00:05:57,209 --> 00:06:00,769 และขั้นตอนนั้น เริ่มต้นจากสิ่งที่เราควรจะถกเถียงกัน 65 00:06:02,209 --> 00:06:08,049 [Danny ก่อนหน้านี้คุณเคยบ่นเมื่อมีคนพูดถึงสกอร์ไกด์ อะไรคือสิ่งดีและไม่ดีของมัน?] 66 00:06:08,049 --> 00:06:12,460 [สำหรับผม สกอร์ไกด์คือสิ่งที่ทำลายตัวตนของผม] 67 00:06:12,940 --> 00:06:16,878 [หน้าที่ผมคือ การทำให้ผกก. ลืมทุกสิ่งที่มาจากสกอร์ไกด์ให้ได้] 68 00:06:16,878 --> 00:06:19,959 [ผมจะฟังมันแค่รอบเดียว ไม่มีครั้งที่สอง] 69 00:06:20,449 --> 00:06:24,129 [ถ้าผกก.ติดหล่มไปกับมันแล้ว คราวนี้ก็เป็นงานยากของผม] 70 00:06:24,629 --> 00:06:25,849 ย้อนกลับมาสักนิด : 71 00:06:25,929 --> 00:06:32,820 สกอร์ไกด์คือการที่คุณยืมเพลงจากหนังเรื่องอื่นมาใช้ตอนตัด มาวางชั่วคราวก่อน แบบนี้: 72 00:06:56,171 --> 00:07:00,130 สกอร์ไกด์ ควรจะต้องถูกแทนที่ด้วยสกอร์จริง ที่คอมโพเซอร์ทำให้หนังเรื่องนั้นๆ 73 00:07:00,760 --> 00:07:05,650 แต่หลายครั้ง ผกก.และโปรดิวเซอร์กลับบอกให้ คอมโพเซอร์ ลอกมัน 74 00:07:35,239 --> 00:07:38,679 เท่าที่รู้ นี่คือครั้งเดียวที่ผมเห็นสตูดิโอ ยอมรับและขอโทษเป็นทางการ 75 00:07:38,679 --> 00:07:40,730 กับการลอกสกอร์คนอื่น 76 00:07:41,810 --> 00:07:44,128 สิ่งนี้แพร่ระบาดไปทั่ววงการ 77 00:07:44,128 --> 00:07:46,578 หนังฟอร์มยักษ์ทั้งหลาย ต่างลอกสกอร์กันไปมา 78 00:07:46,578 --> 00:07:50,128 ซึ่งมันเลยออกมาเหมือนกันไปหมด แค่ทำในแบบที่จะไม่โดนฟ้อง 79 00:08:34,280 --> 00:08:36,480 ยิ่งหนัง Marvel ได้รับความนิยม 80 00:08:36,480 --> 00:08:39,860 หนังอื่นก็เลยมีสกอร์เหมือนหนัง Marvel ไปหมด 81 00:09:08,469 --> 00:09:11,519 ผมอยากจะเน้นว่า เราไม่โทษไปที่คอมโพสเซอร์ 82 00:09:11,519 --> 00:09:14,700 ระบบต่างหากที่ทำให้มันเป็นแบบนี้ 83 00:09:43,469 --> 00:09:45,359 ก่อนยุคของการใช้สกอร์ไกด์ 84 00:09:45,359 --> 00:09:49,010 ผกก.มักจะใช้การอ้างอิงเพลงจากหลายๆแหล่ง เพื่อทำความเข้าใจกับคนทำเพลง 85 00:09:49,830 --> 00:09:53,250 แต่สิ่งที่สร้างความเปลี่ยนแปลงคือ การตัดต่อด้วยคอมพิวเตอร์ 86 00:09:53,250 --> 00:09:58,070 ซึ่งให้โอกาสผกก.วางเพลงที่ชอบตั้งแต่ช่วงตัดต่อ 87 00:10:02,289 --> 00:10:05,919 และผกก.ก็จะจิ้มไปที่ไกด์และบอกให้ "ทำตามนี้แหละ" 88 00:10:05,919 --> 00:10:08,610 มันอาจไม่ใช่ว่าเพลงนั้นดีที่สุด 89 00:10:08,610 --> 00:10:11,480 แต่เป็นเพราะพวกเขา คุ้นกับมันที่สุดตะหาก 90 00:10:11,480 --> 00:10:14,469 [ในตอนทำโพสท์ มันมีหลายครั้งที่เราทำอะไรวนไปวนมา] 91 00:10:14,469 --> 00:10:17,849 [เปลี่ยนไอเดียกันไปมา มีความคิดใหม่ๆ เวอร์ชั่นใหม่ๆ] 92 00:10:17,849 --> 00:10:20,539 [แต่สุดท้ายเราก็ต้องใช้เพลงเดิม เพราะเพลงมันเหมือนติดอยู่กับภาพไปแล้ว] 93 00:10:20,539 --> 00:10:24,699 [เขาอาจจะต้องทำงานกันสักปีก่อนคุณจะเข้ามาทำนะ] 94 00:10:25,379 --> 00:10:30,539 [ยังไงก็ตาม พอเราลองเอาเพลงพวกนั้นออก กลายเป็นว่าคัตติ้งหนังมันไม่ดีไปซะงั้น] 95 00:10:30,539 --> 00:10:33,880 [เพราะเขาตัดหนังไปกับ... เฮ้อ! มันน่าหงุดหงิด] 96 00:10:35,060 --> 00:10:38,439 ส่วนนึงของความน่าหงุดหงิด มาจากการใช้ซ้ำของคนทำงาน 97 00:10:38,439 --> 00:10:42,499 ของที่ใช้ไปแล้วกับหนังเรื่องอื่น ซึ่งมันทำให้งานเราจบลงกับสิ่งที่น่าเบื่อที่สุด 98 00:10:42,499 --> 00:10:43,638 จำนี่ได้ไหม? 99 00:10:47,979 --> 00:10:49,439 งั้นลองสิ่งที่ต่างออกไปดู 100 00:10:50,539 --> 00:10:53,819 ตอนต้นของหนังเรื่องนี้ Thor เกลี้ยกล่อมเพื่อนๆให้ทำสิ่งผิดกฏหมาย 101 00:10:53,819 --> 00:10:55,089 แล้วเขาก็ถูกแบน 102 00:10:55,549 --> 00:10:59,080 พอช่วงนี้ของหนัง พวกเพื่อนก็ทำสิ่งผิดกฏหมาย เพื่อตามหาเขา 103 00:10:59,080 --> 00:11:01,480 เขาไม่ได้ร้องขอความช่วยเหลือ แต่พวกนั้นเต็มใจทำเอง 104 00:11:01,480 --> 00:11:04,700 ถ้าเรารู้สึกถึงสิ่งนี้ได้จากเพลงล่ะ? 105 00:11:21,249 --> 00:11:25,659 ผมไม่ได้บอกว่านี่คือสิ่งที่ถูกที่สุดนะ แต่ก็น่าลองแล้วกัน 106 00:11:25,659 --> 00:11:28,448 เพราะมันทำให้ความรู้สึกของซีนอิ่มขึ้น 107 00:11:29,078 --> 00:11:31,190 และทุกสิ่งที่ว่ามา มีให้เห็นในหนัง Marvel : 108 00:11:31,190 --> 00:11:36,710 เสียงแบคกราวด์ เพลงตามภาพ ใส่เสียงบรรยาย แม้แต่สกอร์ไกด์ 109 00:11:37,690 --> 00:11:42,350 ทั้งหมดเกิดขึ้นจากความต้องการเดียว : ทำทุกอย่างแบบปลอดภัย 110 00:11:44,310 --> 00:11:47,859 เพลงนี้ไม่ได้แย่ตรงไหน แค่มันจืดและไร้รสนิยม 111 00:11:49,259 --> 00:11:53,119 และเพราะ Marvel เลือกที่จะแลกความอิ่มของอารมณ์ ไปกับการสร้างเซฟโซน 112 00:11:53,119 --> 00:11:55,070 ผลลัพท์จึงเป็นแบบนี้ 113 00:12:03,169 --> 00:12:07,329 [โอ้ มาร์เวล?] [เอ่อ ไม่อะ] 114 00:12:10,849 --> 00:12:14,480 แล้วอะไรที่ขาดหายไปในเพลงหนัง Marvel ความเสี่ยงไง 115 00:12:15,990 --> 00:12:21,360 ความเสี่ยงที่จะสร้างความลึกทางอารมณ์กับคนดู ที่จะทำให้เขาจดจำเพลงในหนังได้ 116 00:12:21,990 --> 00:12:24,908 คนดู จะไม่จำอะไรเซฟๆ 117 00:12:24,908 --> 00:12:27,910 คนจะจำเพลงที่แข็งแรงและเป็นตัวของตัวเอง 118 00:12:32,680 --> 00:12:37,950 แต่เรายังเจอสิ่งที่ Marvel ทำให้คนดู เกิดปฏิกิริยาแบบนี้ได้ 119 00:12:41,350 --> 00:12:44,939 [Spiderman ! Spiderman ! Friendly neighborhood Spiderman !] 120 00:12:44,939 --> 00:12:50,939 [Spins web any size, catch thieves, just like flies. Look out ! Here comes Spider-man!] 121 00:12:53,219 --> 00:12:57,440 [Is he strong? Listen bud, he's got radioactive blood.] 122 00:12:57,440 --> 00:13:01,270 [Can he swing from a thread Take a look overhead.] 123 00:13:01,270 --> 00:13:03,879 [Hey there There goes the Spiderman.] 124 00:13:05,079 --> 00:13:08,760 [In the chill of night At the scene of a crime] 125 00:13:08,760 --> 00:13:13,010 [Like a streak of light He arrives just in time] 126 00:13:13,790 --> 00:13:21,310 [Spiderman, Spiderman, Friendly neighborhood Spiderman, Wealth and fame, He's ignored, Action is his reward] 127 00:13:21,310 --> 00:13:28,719 [To him, life is a great big bang up. Wherever there's a hang up, You'll find the Spider man] 128 00:13:31,509 --> 00:13:33,909 นั่นมันน่าเหลือเชื่อจริงๆ! ขอบคุณมากครับ!