WEBVTT

00:00:00.816 --> 00:00:03.388
พวกเราไปหาหมอกันทั้งนั้น

00:00:04.944 --> 00:00:09.282
และเราไปหาหมอด้วยความไว้เนื้อเชื่อใจ

00:00:09.306 --> 00:00:13.164
ว่าหมอจะทำการทดสอบเพื่อวินิจฉัย
และจัดยาเพื่อรักษาเรา

00:00:13.188 --> 00:00:16.363
โดยมีหลักการและหลักฐานอ้างอิง --

00:00:16.387 --> 00:00:19.314
หลักฐานที่ออกแบบมาเพื่อช่วยพวกเรา

00:00:20.338 --> 00:00:26.181
อย่างไรก็ดี ความจริงก็คือว่า
มันไม่ได้เป็นอย่างนั้นในทุกกรณี

00:00:27.086 --> 00:00:28.381
และถ้าหากฉันบอกกับคุณว่า

00:00:28.405 --> 00:00:32.351
วิทยาศาสตร์การแพทย์ที่ถูกค้นพบ
ตลอดศตวรรษที่ผ่านมา

00:00:32.375 --> 00:00:36.042
อ้างอิงอยู่กับกลุ่มประชากร
แค่เพียงครึ่งเดียวล่ะ

NOTE Paragraph

00:00:36.066 --> 00:00:38.360
ฉันเป็นแพทย์ฉุกเฉิน

00:00:38.749 --> 00:00:42.400
และถูกฝึกมาเพื่อเตรียมให้การรักษา
ในสถานการณ์ฉุกเฉิน

00:00:42.940 --> 00:00:47.389
มันเกี่ยวข้องกับการช่วยชีวิต
เจ๋งใช่ไหมล่ะคะ

00:00:48.492 --> 00:00:51.652
ค่ะ คนไข้ส่วนใหญ่ก็น้ำมูกไหล
หรือหัวแม่เท้าโดนอะไรตำมา

00:00:51.676 --> 00:00:55.341
แต่ไม่ว่าใครก็ตาม
ที่ผ่านประตูห้องฉุกเฉินเข้ามา

00:00:55.365 --> 00:00:57.817
เราก็ทำการทดสอบแบบเดียวกัน

00:00:57.841 --> 00:00:59.975
เราจัดยาเพื่อการรักษาแบบเดียวกัน

00:00:59.999 --> 00:01:04.401
โดยไม่เคยนึกถึงเพศหรือเพศสภาพ
ของผู้ป่วยเลย

00:01:05.370 --> 00:01:06.624
ทำไมเราจะต้องไปคำนึงถึงด้วย

00:01:07.053 --> 00:01:10.794
เราไม่เคยถูกสอนว่า มันมีความแตกต่าง
ระหว่างชายหญิง

NOTE Paragraph

00:01:10.818 --> 00:01:15.377
การศึกษาจากสำนักงานบัญชีกลาง
เมื่อไม่นานมานี้เปิดเผยว่า 80 เปอร์เซ็นต์

00:01:15.401 --> 00:01:17.552
ของยาที่สุ่มจากตลาด

00:01:17.576 --> 00:01:19.969
มีผลค้างเคียงกับผู้หญิง

00:01:21.080 --> 00:01:23.391
ฉะนั้น ลองนึกถึงสิ่งนี้กันสักครู่

00:01:23.415 --> 00:01:27.289
ทำไมเราถึงพบผลข้างเคียงในผู้หญิง

00:01:27.313 --> 00:01:30.599
หลังจากที่ยาถูกปล่อยให้ขาย
ในท้องตลาดไปแล้ว

00:01:31.496 --> 00:01:37.156
คุณรู้ไหมคะว่ามันใช้เวลาหลายปี
ที่จะเปลี่ยนจากแค่ความคิด

00:01:37.180 --> 00:01:40.337
ไปเป็นยาที่ถูกทำการทดสอบในเซลล์
ในห้องทดลอง

00:01:40.361 --> 00:01:42.329
ไปถึงการศึกษาในสัตว์

00:01:42.353 --> 00:01:44.480
และจากนั้นการทดสอบทางคลินิคในมนุษย์

00:01:44.504 --> 00:01:48.375
และในที่สุดผ่านขั้นตอนกระบวนการ
รับรองตามมาตราฐาน

00:01:48.399 --> 00:01:52.735
เพื่อที่มันจะถูกนำไปใช้
โดยแพทย์ที่จ่ายยาให้กับคุณ

00:01:54.170 --> 00:01:57.540
นี่ยังไม่รวมถึงเงินมากมายมหาศาล
ที่ใช้ในการสนับสนุนวิจัย

00:01:57.564 --> 00:01:59.946
ที่ต้องใช้ในกระบวนการนี้

00:02:01.597 --> 00:02:04.549
แล้วทำไมเราจึงพบผลข้างเคียง
ที่ไม่อาจยอมรับได้

00:02:04.573 --> 00:02:09.024
กับประชากรครึ่งหนึ่ง
หลังจากที่มันผ่านกระบวนการนี้แล้ว

00:02:11.163 --> 00:02:12.427
เกิดอะไรขึ้น

NOTE Paragraph

00:02:12.777 --> 00:02:16.881
ค่ะ มันเป็นเพราะว่า
เซลล์ที่ถูกใช้ในห้องทดลองนั้น

00:02:16.905 --> 00:02:18.835
เป็นเซลล์ของผู้ชาย

00:02:18.859 --> 00:02:22.261
และสัตว์ที่ถูกใช้ในการศึกษาก็เป็นตัวผู้

00:02:22.285 --> 00:02:27.375
และการทดสอบทางคลินิค
ก็ยังถูกศึกษาแทบจะในผู้ชายทั้งหมด

NOTE Paragraph

00:02:29.176 --> 00:02:34.530
แบบจำลองเพศชาย กลายเป็นแกนหลัก
สำหรับงานวิจัยทางการแพทย์ได้อย่างไร

00:02:34.554 --> 00:02:38.625
ลองมาดูตัวอย่างที่เป็นที่นิยมทางสื่อกัน

00:02:38.649 --> 00:02:41.855
และมันก็เกี่ยวข้องกับ
ยาแอมเบียน ที่ช่วยในการนอนหลับ

00:02:41.879 --> 00:02:46.643
แอมเบียนถูกปล่อยสู่ตลาด
มากว่า 20 ปีแล้ว

00:02:46.667 --> 00:02:51.480
และตั้งแต่นั้น ใบสั่งยามากมาย
ก็ได้ถูกออกโดยแพทย์

00:02:51.504 --> 00:02:55.952
หลัก ๆ แล้ว เพื่อผู้หญิง เพราะว่าผู้หญิง
เป็นโรคนอนไม่หลับมากกว่าผู้ชาย

00:02:57.047 --> 00:02:59.223
แต่เมื่อปีที่แล้วนี่เอง

00:02:59.247 --> 00:03:02.671
องค์การอาหารและยาแนะนำว่า
ให้ลดโดสลงครึ่งหนึ่ง

00:03:02.695 --> 00:03:05.582
สำหรับผู้หญิงเท่านั้น

00:03:05.606 --> 00:03:08.443
เพราะว่าพวกเขาเพิ่งรู้ว่า
ผู้หญิงเมตาบอไลซ์ (metabolize) ยา

00:03:08.467 --> 00:03:11.380
ในอัตราที่ช้ากว่าผู้ชาย

00:03:11.404 --> 00:03:13.443
ทำให้พวกเขาตื่นขึ้นมาในตอนเช้า

00:03:13.467 --> 00:03:16.661
และมียาอยู่ในร่างกายมากกว่า

00:03:16.685 --> 00:03:20.615
และจากนั้น พวกเขาก็จะง่วงนอน
พวกเขาไปขับรถ

00:03:20.639 --> 00:03:23.606
และพวกเขาจะได้รับความเสี่ยง
ต่อการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน

00:03:24.955 --> 00:03:28.899
และฉันไม่อาจหยุดคิดได้ว่า
ในฐานะแพทย์ฉุกเฉิน

00:03:28.923 --> 00:03:33.716
จะมีคนไข้สักกี่คน
ที่ฉันได้ดูแลในหลายปีที่ผ่านมา

00:03:33.740 --> 00:03:36.546
ที่เกี่ยวข้องกับอุบัติเหตุทางท้องถนน

00:03:36.570 --> 00:03:40.022
ที่บางทีอาจถูกป้องกันได้

00:03:40.046 --> 00:03:45.161
ถ้าการวิเคราะห์แบบนี้ถูกดำเนินการ
และมีการปฏิบัติเมื่อ 20 ปีก่อน

00:03:45.185 --> 00:03:47.193
เมื่อยาตัวนี้ถูกปล่อยออกมาครั้งแรก

00:03:49.089 --> 00:03:52.284
มีอะไรอีกแค่ไหนที่จะต้องถูกวิเคราะห์
แยกตามเพศ

00:03:53.197 --> 00:03:54.879
เรายังขาดอะไรไปอีกบ้าง

NOTE Paragraph

00:03:57.555 --> 00:04:01.231
สงครามโลกครั้งที่ 2 เปลี่ยนแปลง
อะไรหลายอย่าง

00:04:01.255 --> 00:04:04.136
และอย่างหนึ่งก็คือ
ความต้องการในการปกป้องผู้คน

00:04:04.160 --> 00:04:08.500
จากการตกเป็นเหยื่อของการวิจัย
ทางการแพทย์โดยไม่ได้รับรู้ข้อมูลก่อน

00:04:09.467 --> 00:04:13.143
แนวทางปฏิบัติหรือกฎที่สำคัญถูกกำหนดขึ้น

00:04:13.167 --> 00:04:18.189
และส่วนหนึ่งก็คือ ความต้องการ
ที่จะปกป้องผู้หญิงในวัยที่อาจมีบุตร

00:04:18.213 --> 00:04:21.164
จากการเข้าสู่
การศึกษาวิจัยทางการแพทย์

00:04:22.016 --> 00:04:26.579
พวกเขากลัว ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น
กับตัวอ่อนในครรภ์ระหว่างการศึกษา

00:04:27.366 --> 00:04:28.915
ถ้าเป็นอย่างนั้นแล้วใครจะรับผิดชอบ

00:04:29.999 --> 00:04:32.488
ฉะนั้น นักวิทยาศาสตร์ในเวลานี้
จึงคิดว่า

00:04:32.512 --> 00:04:35.128
นี่มันเป็นเรื่องดีที่แฝงมา

00:04:35.152 --> 00:04:40.365
เพราะว่า ยอมรับกันเหอะค่ะ -- ร่างกาย
ของผู้ชายค่อนข้างที่จะเหมือน ๆ กัน

00:04:40.867 --> 00:04:44.313
พวกเขาไม่ได้มีระดับฮอร์โมน
ที่ขึ้น ๆ ลง ๆ ตลอดเวลา

00:04:44.337 --> 00:04:48.081
ที่อาจรบกวนผลการทดลอง
ถ้าเราทำการทดลองในผู้ชายเท่านั้น

00:04:49.210 --> 00:04:51.920
มันง่ายกว่า มันถูกกว่า

00:04:53.651 --> 00:04:56.484
นี่ยังไม่รวมถึง ที่ ณ เวลานี้
มีข้อสรุปโดยทั่วไปว่า

00:04:56.508 --> 00:05:00.733
ชายและหญิงมีความคล้ายกันทุกอย่าง

00:05:00.757 --> 00:05:04.200
นอกจากอวัยวะสืบพันธุ์และฮอร์โมนเพศ

00:05:05.211 --> 00:05:08.028
ฉะนั้น มันจึงถูกตัดสินว่า

00:05:09.117 --> 00:05:12.633
การวิจัยทางการแพทย์
จะดำเนินการในผู้ชาย

00:05:12.657 --> 00:05:15.414
และผลลัพท์ต่อมาก็ค่อยเอาไปใช้
กับผู้หญิง

NOTE Paragraph

00:05:17.203 --> 00:05:20.744
สิ่งนี้ส่งผลอย่างไรต่อความเข้าใจ
ในสุขภาพของผู้หญิง

00:05:20.768 --> 00:05:25.024
สุขภาพของผู้หญิง กลายเป็นคำคล้องจอง
กับเรื่องของระบบสืบพันธุ์

00:05:25.048 --> 00:05:29.593
เต้านม รังไข่ มดลูก การตั้งครรภ์

00:05:30.355 --> 00:05:33.387
นี่เป็นคำที่ตอนนี้เราเรียกกันในชื่อว่า
"การแพทย์บิกินนี่"

00:05:34.461 --> 00:05:37.105
และมันก็เป็นอย่างนั้นมา
ตั้งแต่ประมาณยุค 1980

00:05:37.129 --> 00:05:40.614
เมื่อแนวคิดนี้ถูกท้าทาย
โดยวงการแพทย์

00:05:40.638 --> 00:05:44.779
และโดยนักนโยบายสาธารณสุข
เมื่อพวกเขาตระหนักว่า

00:05:44.803 --> 00:05:49.106
เมื่อรวมเอาผู้หญิง
จากทุกการวิจัยทางการแพทย์

00:05:49.130 --> 00:05:52.619
เราจะไม่ได้ทำงานเพื่อพวกเขาเลย

00:05:52.643 --> 00:05:54.975
นอกเหนือจากเรื่อง
ปัญหาเกี่ยวกับระบบสืบพันธุ์

00:05:54.999 --> 00:05:57.563
ไม่มีอะไรเลย
ที่เรารู้เกี่ยวกับความต้องการจำเพาะ

00:05:57.587 --> 00:05:59.305
ของผู้ป่วยหญิง

NOTE Paragraph

00:06:00.999 --> 00:06:06.513
ตั้งแต่นั้น หลักฐานจำนวนมากมาย
ก็ได้ถูกเปิดเผย

00:06:06.537 --> 00:06:12.048
ซึ่งมันแสดงให้เราได้เห็นถึงความแตกต่าง
ระหว่างชายหญิงในทุกแง่มุม

00:06:17.297 --> 00:06:20.050
เรามีคำพูดในวงการแพทย์ที่ว่า

00:06:20.074 --> 00:06:23.022
เด็กไม่ได้เป็นแค่ผู้ใหญ่ตัวเล็ก ๆ

00:06:24.810 --> 00:06:26.747
และเราพูดอย่างนั้นเพื่อย้ำเตือนตัวเราเอง

00:06:26.771 --> 00:06:31.448
ว่าเด็กมีความแตกต่างทางสรีรวิทยา
มากกว่าผู้ใหญ่ปกติทั่วไป

00:06:32.678 --> 00:06:37.635
และด้วยเหตุนี้เราจึงมีกุมารเวชศาสตร์

00:06:37.659 --> 00:06:43.905
และตอนนี้เราก็ทำการวิจัยเพื่อเด็ก
เพื่อที่จะทำให้ชีวิตของพวกเขาดีขึ้น

00:06:45.039 --> 00:06:47.936
และฉันก็รู้ว่าเราสามารถพูดถึงผู้หญิง
ได้ในแบบเดียวกัน

00:06:47.960 --> 00:06:53.021
ผู้หญิงไม่ใช่ผู้ชาย
ที่มีหน้าอกแล้วก็มดลูก

00:06:54.561 --> 00:06:58.117
แต่พวกเขามีกายวิภาคและสรีระ
ที่เป็นในแบบของพวกเขา

00:06:58.141 --> 00:07:01.671
ที่สมควรได้รับการศึกษามากเท่า ๆ กัน

NOTE Paragraph

00:07:03.381 --> 00:07:06.312
ลองมาดูตัวอย่าง ระบบหมุนเวียนโลหิตกัน

00:07:06.999 --> 00:07:10.706
การแพทย์ในสาขานี้ได้ทำการศึกษามากมาย
เพื่อที่จะค้นพบว่า

00:07:10.730 --> 00:07:14.879
ทำไมชายและหญิงถึงเป็นหัวใจวาย
ในแบบที่ต่างกันอย่างสิ้นเชิง

00:07:15.999 --> 00:07:21.089
โรคหัวใจเป็นนักฆ่าหมายเลขหนึ่ง
สำหรับทั้งชายและหญิง

00:07:21.113 --> 00:07:25.549
แต่มีผู้หญิงเสียชีวิตมากกว่าภายในปีแรก
ที่มีอาการหัวในวายมากกว่าผู้ชาย

00:07:27.049 --> 00:07:31.063
ผู้ชายจะบ่นถึงอาการเจ็บแน่นหน้าอก --

00:07:31.087 --> 00:07:33.569
เหมือนกับว่ามีช้างมานั่งอยู่บนอก

00:07:34.455 --> 00:07:35.995
และเราเรียกว่านั่นเป็นอาการโดยทั่วไป

00:07:37.622 --> 00:07:40.712
ผู้หญิงก็มีอาการเจ็บแน่นหน้าอกเช่นกัน

00:07:40.736 --> 00:07:47.433
แต่มีผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย
ที่จะบอกว่า "มันรู้สึกไม่ปกติ"

00:07:48.898 --> 00:07:51.767
"เหมือนว่าหายใจเข้าไม่อิ่ม"

00:07:51.791 --> 00:07:53.765
"ช่วงนี้เหนื่อยมาก"

00:07:55.000 --> 00:07:57.903
และด้วยเหตุผลบางประการ
เราเรียกอาการแบบนี้ว่าไม่เป็นไปตามปกติ

00:07:57.927 --> 00:08:01.854
อย่างที่ฉันบอก แม้ว่าผู้หญิง
จะเป็นประชากรตั้งครึ่งหนึ่ง

NOTE Paragraph

00:08:03.537 --> 00:08:09.308
และหลักฐานอะไรบ้าง
ที่จะช่วยอธิบายความแตกต่างนี้

00:08:09.999 --> 00:08:12.530
ถ้าหากเรามองดูที่กายวิภาค

00:08:12.554 --> 00:08:18.569
เส้นเลือดที่อยู่รอบ ๆ หัวใจ
ในผู้หญิงมีขนาดเล็กกว่าเมื่อเทียบกับผู้ชาาย

00:08:18.593 --> 00:08:23.073
และการที่เส้นเลือดเหล่านี้
พัฒนาอาการของโรคก็ต่างกัน

00:08:23.097 --> 00:08:25.152
ในผู้หญิงมากกว่าในผู้ชาย

00:08:25.875 --> 00:08:31.027
และการทดสอบที่เราใช้เพื่อกำหนดว่า
ใครสักคนจะมีความเสี่ยงเป็นโลกหัวใจ

00:08:31.051 --> 00:08:35.623
พวกเขาออกแบบ ทดสอบ และทำให้มันเหมาะ
กับร่างกายของผู้ชายตั้งแต่แรก

00:08:35.647 --> 00:08:38.781
และนั่นก็ไม่ได้เป็นการทดสอบที่ดี
สำหรับผู้หญิง

00:08:40.305 --> 00:08:43.242
และจากนั้น ถ้าเราคิดถึงการรักษา --

00:08:43.266 --> 00:08:46.513
การรักษาโดยทั่วไปที่เราใช้
อย่างแอสไพริน

00:08:47.767 --> 00:08:52.294
เราให้แอสไพรินกับชายที่แข็งแรง
เพื่อช่วยป้องกันพวกเขาจากอาการหัวใจวาย

00:08:52.318 --> 00:08:56.552
แต่คุณรู้หรือไม่ว่า
ถ้าคุณให้แอสไพรินกับผู้หญิงที่แข็งแรง

00:08:56.576 --> 00:08:58.162
มันจะเป็นอันตราย

NOTE Paragraph

00:09:00.376 --> 00:09:02.758
สิ่งที่เราทำอยู่นี่เป็นการบอกเราจัง ๆ เลยว่า

00:09:02.782 --> 00:09:05.534
เรากำลังง่วนอยู่กับแค่เปลือกนอก

00:09:07.145 --> 00:09:10.571
การแพทย์ฉุกเฉินขึ้นอยู่กับความรวดเร็ว

00:09:11.563 --> 00:09:14.916
มีสาขาทางการแพทย์
ที่เกี่ยวข้องกับการช่วยชีวิตใดอีก

00:09:14.940 --> 00:09:18.916
อย่างมะเร็งและ
อาการเส้นโลหิตในสมองแตกอย่างเฉียบพลัน

00:09:18.940 --> 00:09:23.073
ที่มีความแตกต่างสำคัญระหว่างระหว่างชายหญิง
ที่เราควรนำมาใช้

00:09:24.252 --> 00:09:29.056
หรือแม้แต่ว่า ทำไมบางคนถึงน้ำมูกไหล

00:09:29.080 --> 00:09:31.265
มากกว่าอีกคนหนึ่ง

00:09:31.289 --> 00:09:34.616
หรือทำไมการรักษาอาการเจ็บปวด
ที่เรากับคนที่นิ้วเท้าถูกทับ

00:09:34.640 --> 00:09:37.845
ได้ผลกับบางคนและไม่ได้ผลกับบางคน

NOTE Paragraph

00:09:41.288 --> 00:09:46.518
สถาบันทางการแพทย์บอกว่า
ทุกเซลล์มีเพศ

00:09:47.820 --> 00:09:49.233
มันหมายความว่าอย่างไร

00:09:50.532 --> 00:09:52.930
เพศคือดีเอ็นเอ

00:09:52.954 --> 00:09:57.295
เพศสภาพคือการที่ใครสักคน
แสดงฐานะของตนในสังคม

00:09:57.883 --> 00:10:00.423
และทั้งสองสิ่งนี้ไม่ได้เหมือนกันเสมอไป

00:10:00.447 --> 00:10:03.613
อย่างที่เราเห็นได้
ในประชากรข้ามเพศของเรา

00:10:04.740 --> 00:10:09.655
แต่มันสำคัญที่จะตระหนักว่า
ตั้งแต่วินาทีที่มีการปฏิสนธิ

00:10:09.679 --> 00:10:11.801
ทุก ๆ เซลล์ในร่างกาย --

00:10:11.825 --> 00:10:15.126
ผิวหนัง ผม หัวใจ และปอด --

00:10:15.150 --> 00:10:18.437
มีดีเอ็นเอเป็นของพวกมันเอง

00:10:18.461 --> 00:10:22.212
และดีเอ็นเอนั้น
มีโครโมโซมที่กำหนด

00:10:22.236 --> 00:10:27.297
ว่าเราจะกลายเป็นเพศชายหรือหญิง
เป็นชายหรือหญิง

NOTE Paragraph

00:10:28.400 --> 00:10:29.988
มันเคยถูกเข้าใจว่า

00:10:30.012 --> 00:10:34.340
โครโมโซมที่กำหนดเพศ
ดังที่เห็นได้ในภาพนี้ --

00:10:34.364 --> 00:10:37.737
XY ถ้าคุณเป็นชาย XX ถ้าคุณเป็นหญิง --

00:10:37.761 --> 00:10:42.975
บอกเราว่าคุณจะเกิดมา
พร้อมกับรังไข่ หรือว่าลูกอัณฑะ

00:10:42.999 --> 00:10:46.740
และโครโมโซมเพศนี้เอง
ที่อยู่ในอวัยวะเหล่านี้

00:10:46.764 --> 00:10:51.329
ที่ทำให้เกิดความแตกต่าง
ที่เราเห็นในเพศที่ต่างกัน

00:10:52.757 --> 00:10:57.591
แต่เรารู้แล้วว่าทฤษฎีนั้นผิด --

00:10:57.615 --> 00:11:00.060
หรืออย่างน้อยมันก็ไม่สมบูรณ์

00:11:00.084 --> 00:11:04.862
และต้องขอขอบคุณนักวิทยาศาสตร์อย่าง 
ดร. เพจ จากสถาบัน ไวท์เฮด

00:11:04.886 --> 00:11:06.860
ที่ทำงานวิจัย Y โครโมโซม

00:11:06.884 --> 00:11:09.051
และ ดร.ยัง จาก UCLA

00:11:09.075 --> 00:11:14.734
พวกเขาพบหลักฐานที่บอกพวกเรา
ว่าโครโมโซมที่กำหนดเพสเหล่านี้

00:11:14.758 --> 00:11:17.355
ที่อยู่ในทุก ๆ เซลล์ของร่างกาย

00:11:17.379 --> 00:11:22.738
ทำงานต่อเนื่องไปตลอดชีวิตของเรา

00:11:24.517 --> 00:11:28.092
และอาจเป็นตัวทำให้เกิดความแตกต่าง
ที่เราเห็นได้

00:11:28.116 --> 00:11:30.331
ในการกำหนดโดสของยา

00:11:30.355 --> 00:11:33.321
หรือเหตุผลว่าทำไม
ชายและหญิงถึงแตกต่างกัน

00:11:33.345 --> 00:11:36.861
ในเรื่องความไวและความรุนแรงต่อโรค

00:11:39.032 --> 00:11:41.952
ความรู้ใหม่นี้เป็นตัวพลิกเกมส์

00:11:45.425 --> 00:11:48.799
และมันขึ้นอยู่กับนักวิทยาศาสตร์เหล่านั้น
ที่จะหาหลักฐานต่อไป

00:11:48.823 --> 00:11:52.976
แต่มันขึ้นอยู่กับแพทย์ด้วย
ที่จะเริ่มแปลงข้อมูลนี้

00:11:53.000 --> 00:11:55.999
เมื่อพบกับคนไข้ ในวันนี้

00:11:57.168 --> 00:11:58.324
ในตอนนี้

00:12:01.450 --> 00:12:04.474
และเพื่อที่จะช่วยในเรื่องนี้
ฉันเป็นผู้ร่วมก่อตั้งองค์กรระดับชาติ

00:12:04.498 --> 00:12:07.481
ที่เรียกว่า ความร่วมมือเพื่อสุขภาพหญิง
ในเรื่องเพศและเพศสภาพ

00:12:07.505 --> 00:12:12.125
และเราเก็บตัวอย่างเหล่านี้
เพื่อที่มันจะได้มีไว้สอน

00:12:12.149 --> 00:12:13.554
และมีไว้สำหรับดูแลผู้ป่วย

00:12:14.380 --> 00:12:18.748
และเราทำงานเพื่อที่จะรวบรวบนักการศึกษา

00:12:19.756 --> 00:12:21.224
มันเป็นงานที่สำคัญ

00:12:22.162 --> 00:12:27.301
มันเปลี่ยนแปลงวิธีการฝึกทางการแพทย์
ที่เราทำต่อ ๆ กันมา

NOTE Paragraph

00:12:29.039 --> 00:12:30.882
แต่ฉันเชื่อในตัวพวกเขา

00:12:31.882 --> 00:12:37.479
ฉันรู้ว่าพวกเขากำลังเห็นคุณค่า
ของการนำเอาการพิจารณาเพศ

00:12:37.503 --> 00:12:39.225
เข้าไปในหลักสูตรในปัจจุบัน

00:12:40.598 --> 00:12:45.216
มันเกี่ยวกับการฝึกฝน
อนาคตบุคลากรทางการแพทย์อย่างถูกต้อง


00:12:48.437 --> 00:12:49.588
และถูกเป้า

00:12:49.612 --> 00:12:53.473
ฉันเป็นผู้ร่วมสร้างของหน่วยภายใน
ภาควิชาการแพทย์ฉุกเฉิน

00:12:53.497 --> 00:12:55.217
ที่มหาวิทยาลัยบราวน์

00:12:55.241 --> 00:12:57.851
ที่เรียกว่า เพศและเพศสภาพ
ต่อการแพทย์ฉุกเฉิน

00:12:57.875 --> 00:13:02.501
และเราทำการวิจัยเพื่อกำหนด
ความแตกต่างระหว่างชายหญิง

00:13:02.525 --> 00:13:04.683
ในสภาวะฉุกเฉิน

00:13:04.707 --> 00:13:09.975
อย่างโรคหัวใจและอาการเส้นเลือดสมองแตก
และการติดเชื้อ และการได้รับสารพิษ

00:13:09.999 --> 00:13:14.376
แต่เรายังเชื่อว่าการให้การศึกษา
เป็นสิ่งที่สำคัญมากที่สุด

NOTE Paragraph

00:13:15.304 --> 00:13:19.305
เราสร้างแบบจำลองการศึกษา 360 องศา


00:13:19.329 --> 00:13:25.287
เรามีโครงการสำหรับแพทย์
สำหรับพยาบาล สำหรับนักเรียน

00:13:25.311 --> 00:13:27.017
และสำหรับผู้ป่วย

00:13:27.511 --> 00:13:31.569
เพราะว่านี่ไม่สามารถถูกปล่อยไว้
ให้เป็นภาระของผู้นำด้านการแพทย์ได้

00:13:32.315 --> 00:13:35.792
เราทุกคนมีบทบาทที่จำทำให้เกิดความแตกต่าง

00:13:36.650 --> 00:13:40.507
แต่ฉันต้องเตือนคุณ ว่ามันไม่ง่ายเลย

00:13:41.840 --> 00:13:43.432
อันที่จริง มันยากมาก

00:13:45.146 --> 00:13:49.538
มันเป็นการเปลี่ยนวิธีที่เราคิด
เกี่ยวกับการแพทย์

00:13:49.562 --> 00:13:52.559
และสุขภาพ และงานวิจัย จริง ๆ

00:13:53.711 --> 00:13:56.847
มันเปลี่ยนความสัมพันธ์ของเรา
กับระบบการดูแลสุขภาพ

00:13:57.760 --> 00:14:00.648
แต่มันไม่มีทางเดินกลับไป

00:14:01.339 --> 00:14:05.038
ตอนนี้เรารู้พอแล้วว่า

00:14:05.062 --> 00:14:07.418
เรากำลังจะทำมันให้ถูกต้อง

NOTE Paragraph

00:14:09.672 --> 00:14:11.990
มาติน ลูเธอร์ คิง จูเนียร์ กล่าวว่า

00:14:12.014 --> 00:14:16.663
"การเปลี่ยนแปลงไม่ได้เข้ามา
บนล้อที่ไม่สามารถหยุดยั้งได้

00:14:16.687 --> 00:14:18.861
แต่มันผ่านฝ่าความยากลำบากเข้ามา"

NOTE Paragraph

00:14:20.314 --> 00:14:23.044
และขั้นตอนแแรกที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง
ก็คือการสร้างความตระหนัก

00:14:24.116 --> 00:14:28.194
มันไม่ใช่แค่การพัฒนาการแพทย์
สำหรับผู้หญิง

00:14:28.702 --> 00:14:33.661
นี่มันเกี่ยวข้องกับการดูแลสุขภาพส่วนบุคคล
ของแต่ละคน ในทุก ๆ คน

00:14:35.090 --> 00:14:41.192
การตระหนักนี้มีพลังที่จะเปลี่ยน
การดูแลสุขภาพของชายและหญิง

00:14:42.827 --> 00:14:48.515
และจากนี้ไป เราอยากให้คุณถามหมอของคุณ

00:14:48.539 --> 00:14:52.816
ว่าการรักษาที่คุณกำลังได้รับนี้
มีความจำเพาะต่อเพศและเพศสภาพหรือไม่

00:14:54.246 --> 00:14:56.935
พวกเขาอาจไม่รู้คำตอบ --

00:14:56.959 --> 00:14:58.125
ในตอนนี้

00:14:59.101 --> 00:15:02.963
แต่การพูดคุณได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว
และเราจะเรียนมันไปด้วยกัน

00:15:03.797 --> 00:15:08.174
จำไว้นะคะว่า สำหรับฉัน
และเพื่อนร่วมงานในสาขานี้

00:15:08.198 --> 00:15:10.475
เพศและเพศสภาพของคุณมีความสำคัญ

NOTE Paragraph

00:15:11.379 --> 00:15:12.531
ขอบคุณค่ะ

NOTE Paragraph

00:15:12.555 --> 00:15:16.999
(เสียงปรบมือ)