1 00:00:00,000 --> 00:00:00,940 ก เอ๋ย กอไก่ 2 00:00:00,940 --> 00:00:02,140 ข ในเล้า 3 00:00:02,140 --> 00:00:03,400 ฃ ของเรา 4 00:00:03,400 --> 00:00:04,700 ค เข้านา 5 00:00:04,700 --> 00:00:05,820 ฅ ขึงขัง 6 00:00:05,820 --> 00:00:07,440 ฆ ข้างฝา 7 00:00:07,440 --> 00:00:09,340 สวัสดีค่ะ วิวจากแชนเนล Point of View ค่ะ 8 00:00:09,340 --> 00:00:10,760 แหม ฟังเมื่อกี้วิวท่องไป 9 00:00:10,760 --> 00:00:13,580 ก เอ๋ย กอไก่ ข ในเล้า ฃ ของเรา 10 00:00:13,580 --> 00:00:17,360 เชื่อว่า ทุกคนที่ฟังอยู่ตรงนี้จะต้องเคยเรียนภาษาไทยใช่ไหมคะ? 11 00:00:17,360 --> 00:00:20,920 และที่ท่องไปเมื่อกี้ น่าจะเป็นสิ่งแรกที่ทุกคนจะต้องท่องเลย 12 00:00:20,920 --> 00:00:22,700 ว่าแต่ อยากรู้กันไหมคะว่า 13 00:00:22,700 --> 00:00:24,960 ไอ้ที่ท่องๆ ไปเมื่อกี้มีที่มาจากไหน? 14 00:00:24,960 --> 00:00:26,000 ใครเป็นคนแต่ง? 15 00:00:26,000 --> 00:00:28,000 ทำไมจะต้องเป็น ก เอ๋ย กอไก่? 16 00:00:28,000 --> 00:00:28,820 ก กาได้ไหม? 17 00:00:28,820 --> 00:00:32,640 หรือว่า ก กง ก กุ้ง หรือได้เปล่านะคะ? 18 00:00:32,640 --> 00:00:35,120 บังเอิญว่า วิวเนี่ยอยากรู้เรื่องนี้มากๆ ค่ะ 19 00:00:35,120 --> 00:00:38,220 ดังนั้นนะคะ วิวก็เลยไปรวบรวมหาคำตอบมา 20 00:00:38,220 --> 00:00:40,480 แล้วก็สรุปมาเล่าให้ทุกคนฟังแล้วค่ะ 21 00:00:40,480 --> 00:00:43,540 เอาตั้งแต่ต้นกำเนิดเลยนะว่า มันเกิดขึ้นได้ยังไง? 22 00:00:43,540 --> 00:00:46,140 ไล่มาจนถึงที่เราท่องๆ กันในปัจจุบัน 23 00:00:46,140 --> 00:00:48,360 ที่สำคัญนะคะ ระหว่างฟัง รับรองว่า 24 00:00:48,360 --> 00:00:52,880 คุณจะได้รับคำตอบของหลายๆ คำถามที่ถามกันมาใน #วิวเอ๋ยบอกข้าเถิด ค่ะ 25 00:00:52,880 --> 00:00:54,900 ไม่ว่าจะเป็นที่มีคนถามมาว่า 26 00:00:54,900 --> 00:00:57,060 ทำไม ฑ ต้องเป็น ฑ นางมณโฑ 27 00:00:57,060 --> 00:00:58,420 เป็น ฑ อื่นไม่ได้เหรอ? 28 00:00:58,420 --> 00:01:00,940 ทำไมจะต้องเป็นชื่อนางในวรรณคดีตัวนี้? 29 00:01:00,940 --> 00:01:02,520 หรือหลายๆ คนที่ถามว่า 30 00:01:02,520 --> 00:01:04,920 ขอที่มาตัว ฌ หน่อยได้ไหม? 31 00:01:04,920 --> 00:01:08,020 แบบ อือฮืม ช่วงนี้ ฌ มาแรงเหลือเกินนะคะ 32 00:01:08,020 --> 00:01:11,020 ทั้งจากฝั่งไอดอลและจากฝั่งอีกฝั่งนึงอ่ะนะ 33 00:01:11,020 --> 00:01:14,000 เอาเป็นว่า อาจจะไม่ได้คำตอบเป๊ะๆ ในทุกคำถามนะคะ 34 00:01:14,000 --> 00:01:16,500 แต่ฟังประวัติที่มาของตัวอักษรกันเนี่ย 35 00:01:16,500 --> 00:01:18,960 น่าจะพอได้คำตอบคร่าวๆ แล้วค่ะ 36 00:01:18,960 --> 00:01:21,500 ดังนั้นพร้อมจะไปฟังเรื่องราวที่ทั้งสนุก 37 00:01:21,500 --> 00:01:23,200 แล้วก็ได้สาระนี้กันหรือยังคะ? 38 00:01:23,200 --> 00:01:25,200 ถ้าพร้อมกันแล้ว ก็ไปฟังกันเลยค่ะ 39 00:01:28,460 --> 00:01:33,080 ถ้าเราจะพูดถึงที่มาของ ก เอ๋ย กอไก่ ข ในเล้า ฃ ของเราเนี่ยนะคะ 40 00:01:33,080 --> 00:01:35,640 อย่างแรกค่ะ เราต้องย้อนเวลากลับไปนะคะ 41 00:01:35,640 --> 00:01:39,000 ไปที่ที่มาของ ก ข ค ง ก่อนค่ะ 42 00:01:39,000 --> 00:01:42,240 ต้องบอกว่า ในยุคสมัยแรกนะคะ ที่มันมีภาษาไทยเกิดขึ้น 43 00:01:42,240 --> 00:01:44,080 หรือมันมีตัวอักษรไทยเกิดขึ้นเนี่ย 44 00:01:44,080 --> 00:01:47,000 ตัวอักษรเหล่านี้ยังไม่เคยมีชื่อมาก่อนนะคะ 45 00:01:47,000 --> 00:01:49,200 ก็น่าจะเกิดขึ้นมาพร้อมๆ กับภาษาไทยนั่นแหละ 46 00:01:49,200 --> 00:01:51,900 ไม่งั้นเราก็คงไม่สามารถเอามาผสมเป็นคำ 47 00:01:51,900 --> 00:01:53,200 เป็นอะไรต่างๆ ได้เนอะ 48 00:01:53,200 --> 00:01:55,360 แม้ว่าจริงๆ ไอ้พวก ก ข อะไรพวกนี้ 49 00:01:55,360 --> 00:01:57,200 มันจะมีมาก่อนในภาษาอื่นๆ แล้วก็ตาม 50 00:01:57,200 --> 00:01:59,980 แต่เราพูดถึงเฉพาะเวอร์ชันภาษาไทยนะคะ 51 00:01:59,980 --> 00:02:01,900 ที่นี้หลังจากที่มันเกิดขึ้นมานะคะ 52 00:02:01,900 --> 00:02:04,560 ก็ต้องบอกว่า มันก็ไม่มีชื่อแบบนี้มาเรื่อยๆ 53 00:02:04,560 --> 00:02:06,280 เช่นเดียวกับแบบภาษาอังกฤษอ่ะ 54 00:02:06,280 --> 00:02:08,000 เห็นไหมว่าทุกวันนี้เราพูดถึงตัว A 55 00:02:08,000 --> 00:02:09,300 มันก็คือ A 56 00:02:09,300 --> 00:02:10,720 มันก็คือ B มันก็คือ C 57 00:02:10,720 --> 00:02:13,660 มันไม่ใช่แบบ อ่อ ตัวนี้ตัว A Ant ตัวนี้ตัว C Cat อะไรอย่างนั้น 58 00:02:13,660 --> 00:02:16,420 จะเห็นว่า มันไม่ได้เป็นชื่อทางการใช่ไหมคะ? ของภาษาอังกฤษ 59 00:02:16,420 --> 00:02:19,180 เราไม่ได้ใช้เหมือนกันในทุกประเทศทั่วโลก 60 00:02:19,180 --> 00:02:21,640 แม้ว่าจะมีระบบที่แบบทำให้บอกง่ายขึ้น 61 00:02:21,640 --> 00:02:23,360 อะไรเวลาที่บอกทางโทรศัพท์ 62 00:02:23,360 --> 00:02:26,700 แต่เวลาที่เรียนหนังสือ เค้าก็ไม่ได้เรียนตามระบบอย่างนั้นใช่ไหม? 63 00:02:26,700 --> 00:02:29,160 ทีนี้เช่นเดียวกันค่ะ ตัวหนังสือไทยของเราเนี่ย 64 00:02:29,160 --> 00:02:30,960 ก็ไม่มีชื่อมาเรื่อยๆ นะคะ 65 00:02:30,960 --> 00:02:34,660 ตั้งแต่สมัยสุโขทัย ไล่มาจนกระทั่งถึงสมัยอยุธยา 66 00:02:34,660 --> 00:02:36,180 แม้แต่ในหนังสือจินดามณีนะคะ 67 00:02:36,180 --> 00:02:38,120 ซึ่งเป็นแบบเรียนไทยเล่มแรกเนี่ย 68 00:02:38,120 --> 00:02:40,480 ก็ยังไม่ได้มีการระบุชื่ออะไรต่างๆ 69 00:02:40,480 --> 00:02:44,520 จินดามณี นี่ก็คือเล่มที่บูมๆ กันว่า พระโหราธิบดีเขียน 70 00:02:44,520 --> 00:02:46,960 ที่อยู่ในเรื่องบุพเพสันนิวาสก็คือ 71 00:02:46,960 --> 00:02:49,760 คุณลุงของแม่การะเกดเป็นคนเขียนนั่นแหละค่ะ 72 00:02:49,760 --> 00:02:50,560 นั่นเลยนะคะ 73 00:02:50,560 --> 00:02:53,840 ในนั้นเนี่ย เวลาที่จะสอนเรื่อง ก ข ค ง อะไรต่างๆ 74 00:02:53,840 --> 00:02:57,600 เค้าก็ไม่ได้มีการตั้งชื่อว่าเป็น ก ไก่ ข ไข่ อะไรนะคะ 75 00:02:57,600 --> 00:03:00,460 แต่ว่าในนั้นเนี่ย ก็คือจะเหมือนกับยกตัวอย่างขึ้นมาเลยว่า 76 00:03:00,460 --> 00:03:01,520 นี่คือตัว ก 77 00:03:01,520 --> 00:03:03,080 วิธีใช้ตัว ก ก็คือ... 78 00:03:03,080 --> 00:03:06,320 แล้วก็ไล่คำที่ใช้ตัว ก เนี่ย ปึ้บๆๆ มานะคะ 79 00:03:06,320 --> 00:03:08,460 เพื่อให้เด็กเนี่ย ท่องจำไปเรื่อยๆ ค่ะ 80 00:03:08,460 --> 00:03:11,180 จินดามณีในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราชเนี่ย 81 00:03:11,180 --> 00:03:12,520 ก็ยังเป็นลักษณะนั้นอยู่ 82 00:03:12,520 --> 00:03:15,200 ยังไม่ได้มีชื่อ ก ไก่ ข ไข่ อะไรต่างๆ นะคะ 83 00:03:15,200 --> 00:03:20,660 ไล่มาจนกระทั่งถึงจินดามณีในสมัยของรัชกาลที่ 3 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ของเราเนี่ย 84 00:03:20,660 --> 00:03:22,700 ก็ยังไม่มีชื่อเช่นเดียวกันค่ะ 85 00:03:22,700 --> 00:03:26,720 แล้วทีนี้ถามว่า ความเปลี่ยนแปลงของตัวหนังสือเนี่ย เกิดขึ้นได้ยังไง? 86 00:03:26,720 --> 00:03:29,060 ทำไมอยู่ดีๆ มันถึงเริ่มมีชื่อขึ้นมานะคะ? 87 00:03:29,060 --> 00:03:31,680 บอกเลยว่า มันไปเกี่ยวกับวงการๆ นึงค่ะ 88 00:03:31,680 --> 00:03:34,000 และจะเป็นวงการที่หลายคนตกใจนะคะว่า 89 00:03:34,000 --> 00:03:36,300 เอ้า แล้วมันมาเกี่ยวกับวงการตัวอักษรได้ยังไง? 90 00:03:36,300 --> 00:03:38,380 มาเกี่ยวกับการเรียนหนังสือได้ยังไง? 91 00:03:38,380 --> 00:03:41,940 วงการนั้นก็คือ วงการหวย นั่นเองค่ะ 92 00:03:41,940 --> 00:03:44,700 เอ้า หวยมาเกี่ยวอะไรกับการตั้งชื่อตัวอักษรนะคะ? 93 00:03:44,700 --> 00:03:47,560 ก็ต้องบอกว่า ในยุคสมัยก่อนรัชกาลที่ 3 ค่ะ 94 00:03:47,560 --> 00:03:50,800 ที่ประเทศจีนเนี่ย มีการคิดค้นหวยชนิดนึงขึ้นนะคะ 95 00:03:50,800 --> 00:03:52,860 เป็นหวยที่น่าสนใจมากก็คือ 96 00:03:52,860 --> 00:03:55,040 เค้าเนี่ย จะเอากระดาษ หรือว่าแผ่นไม้เนี่ยนะคะ 97 00:03:55,040 --> 00:03:56,160 ขึ้นมาค่ะหลายๆ แผ่น 98 00:03:56,160 --> 00:03:57,520 ประมาณ 30 กว่าแผ่นเนี่ย 99 00:03:57,520 --> 00:04:02,280 แล้วมีการเขียนชื่อคนเนี่ย ลงไปในกระดาษ หรือในแผ่นไม้แต่ละแผ่นนะคะ 100 00:04:02,280 --> 00:04:05,620 หลังจากนั้น เจ้ามือหวยเนี่ยก็จะมีการหยิบเอาชื่อคนนึงเนี่ย 101 00:04:05,620 --> 00:04:06,960 เอาไปซ่อนไว้บนหลังคาค่ะ 102 00:04:06,960 --> 00:04:08,840 แล้วก็เปิดให้ทุกคนแทงกันนะคะว่า 103 00:04:08,840 --> 00:04:11,500 เฮ้ย ชื่อที่เราหยิบออกไปเนี่ย เป็นชื่อของใครกันแน่? 104 00:04:11,500 --> 00:04:12,840 ทุกคนก็มีการลงเงินกัน 105 00:04:12,840 --> 00:04:15,500 ใครแทงถูกก็ได้เงินไป ถูกต้องไหมคะ? 106 00:04:15,500 --> 00:04:18,400 ทีนี้ต้องบอกว่า หวยชนิดนี้ค่อนข้างจะแพร่หลาย 107 00:04:18,400 --> 00:04:20,820 และได้รับความนิยมมากๆ ในประเทศจีนค่ะ 108 00:04:20,820 --> 00:04:23,620 ดังนั้นเมื่อถึงสมัยรัชกาลที่ 3 ของไทยนะคะ 109 00:04:23,620 --> 00:04:27,860 แน่นอนว่า ในยุคสมัยนั้นเป็นยุคสมัยที่เราค้าขายกับคนจีนเยอะมาก 110 00:04:27,860 --> 00:04:28,660 ถูกต้องไหม? 111 00:04:28,660 --> 00:04:31,060 มีความสัมพันธ์ มีความเกี่ยวข้องกับคนจีนเยอะมาก 112 00:04:31,060 --> 00:04:32,560 มีการค้าขายสำเภากัน 113 00:04:32,560 --> 00:04:34,560 และในช่วงสมัยรัชกาลที่ 3 ค่ะ 114 00:04:34,560 --> 00:04:36,960 เกิดเหตุการณ์นึงขึ้นในบ้านเมืองนะคะก็คือ 115 00:04:36,960 --> 00:04:39,020 เหตุการณ์ข้าวยากหมากแพงค่ะ 116 00:04:39,020 --> 00:04:40,240 เกิดเงินฝืดขึ้น 117 00:04:40,240 --> 00:04:42,820 คือมีความอดยากอยากแค้นอะไรต่างๆ 118 00:04:42,820 --> 00:04:45,880 ทำให้ประชาชนเนี่ย รู้สึกว่า เฮ้ย ฉันไม่มีเงินใช้ 119 00:04:45,880 --> 00:04:47,400 นี่มันอะไร? ข้าวยากหมากแพง 120 00:04:47,400 --> 00:04:50,320 ฉันจะต้องเก็บเงินตุนไว้ อย่าเอาออกมาใช้เลยนะคะ 121 00:04:50,320 --> 00:04:52,200 ซึ่งพอคนยิ่งไม่เอาเงินออกมาใช้ 122 00:04:52,200 --> 00:04:54,500 ก็ไม่มีเงินเข้าไปในระบบเศรษฐกิจใช่ไหมคะ? 123 00:04:54,500 --> 00:04:58,060 ดังนั้นมันก็เลยเกิดภาวะที่เรียกว่า ภาวะเงินฝืดขึ้น 124 00:04:58,060 --> 00:04:59,720 อ่ะ อันนี้ค่อนข้างที่จะเป็นปัจจุบันนะคะ 125 00:04:59,720 --> 00:05:01,520 ปัจจุบันก็ยังเป็นแบบนี้อยู่นี้นะ 126 00:05:01,520 --> 00:05:03,240 ตามหลักเศรษฐศาสตร์อะไรต่างๆ 127 00:05:03,240 --> 00:05:05,060 ซึ่งเมื่อเกิดภาวะเงินฝืดขึ้นเนี่ย 128 00:05:05,060 --> 00:05:07,280 ถ้าเป็นสมัยปัจจุบัน เราเรียนเศรษฐศาสตร์กันมา 129 00:05:07,280 --> 00:05:11,540 เราก็จะรู้ว่า รัฐบาลต้องแก้ไขด้วยการกระตุ้นให้ประชาชนเนี่ยใช้จ่าย 130 00:05:11,540 --> 00:05:12,300 ถูกต้องไหมคะ? 131 00:05:12,300 --> 00:05:13,860 จะได้มีเงินเข้าไปหมุนในระบบ 132 00:05:13,860 --> 00:05:14,960 พอคนเริ่มใช้เงิน 133 00:05:14,960 --> 00:05:17,220 อ่ะ ร้านค้าก็ได้กำไรอะไรต่างๆ 134 00:05:17,220 --> 00:05:19,920 เหมือนกับช่วงนี้แหละที่เค้าพยายามโปรโมทกันว่า 135 00:05:19,920 --> 00:05:22,060 ให้คนไทยไปช่วยเท่ียวไทย อะไรอย่างนี้นะคะ 136 00:05:22,060 --> 00:05:24,620 นี่ก็เป็นมาตรการจัดการเงินฝืดแบบนึงนะ 137 00:05:24,620 --> 00:05:27,620 ซึ่งเมื่อเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 3 เนี่ยนะคะ 138 00:05:27,620 --> 00:05:31,040 มันก็จะต้องมีการพยายามกระตุ้นจากรัฐบาลในยุคนั้นค่ะว่า 139 00:05:31,040 --> 00:05:33,740 ทำยังไงดีที่จะทำให้ทุกคนออกมาใช้เงินกัน? 140 00:05:33,740 --> 00:05:35,780 แน่นอนค่ะว่า ในสมัยรัชกาลที่ 3 เนี่ย 141 00:05:35,780 --> 00:05:37,900 ความฟุ้งเฟ้ออย่างนึงที่เรียกได้ว่า 142 00:05:37,900 --> 00:05:40,420 ประชาชนในยุคนั้นเนี่ย เค้านิยมกัน 143 00:05:40,420 --> 00:05:42,000 ก็คือ การสูบฝิ่น นะคะ 144 00:05:42,000 --> 00:05:44,700 แต่ว่าตอนนั้นเนี่ย รัชกาลที่ 3 ไม่ค่อยปลื้มค่ะ 145 00:05:44,700 --> 00:05:46,780 ประมาณว่า เออ ไม่อยากให้ทุกคนสูบฝิ่นนะคะ 146 00:05:46,780 --> 00:05:49,060 ก็เลยมีการเผาทำลายฝิ่นต่างๆ ไป 147 00:05:49,060 --> 00:05:51,600 ดังนั้นคนก็เลยไ่ม่มีที่เอาเงินไปลงค่ะ 148 00:05:51,600 --> 00:05:53,800 ก็เลยไม่รู้จะเอาเงินไปใช้ฟุ่มเฟือยอะไร? 149 00:05:53,800 --> 00:05:55,380 จะเอาไปซื้อเครื่องอุปโภคบริโภค? 150 00:05:55,380 --> 00:05:57,040 สมัยก่อนก็ไม่ต้องซื้อขนาดนั้น 151 00:05:57,040 --> 00:05:59,240 ก็สามารถทำเองขึ้นมาได้ใช่ไหมคะ? 152 00:05:59,240 --> 00:06:01,060 ปรากฎว่ามีคนจีนคนนึงเนี่ยนะคะ 153 00:06:01,060 --> 00:06:02,100 ชื่อว่า จีนหง ค่ะ 154 00:06:02,100 --> 00:06:05,360 ก็เลยเข้าไปกราบบังคมทูลรัชกาลที่ 3 นะคะ บอกว่า 155 00:06:05,360 --> 00:06:09,400 เออ จริงๆ แล้วเหตุการณ์นี้ อั๊วว่า มันเกิดขึ้นในประเทศจีนค่อนข้างบ่อยน้า 156 00:06:09,400 --> 00:06:11,280 ซึ่งเวลาที่เกิดในประเทศจีนเนี่ย 157 00:06:11,280 --> 00:06:14,380 เค้าก็มีวิธีแก้กันอยู่ ก็คือ การออกหวย นั่นเอง 158 00:06:14,380 --> 00:06:15,480 พอออกหวยมาเนี่ย 159 00:06:15,480 --> 00:06:17,960 คนชอบเล่นพนัน คนก็จะเอาเงินไปเล่นพนัน 160 00:06:17,960 --> 00:06:21,040 เงินก็จะเข้าไปในระบบ แล้วก็มีการใช้จ่ายเกิดขึ้น 161 00:06:21,040 --> 00:06:22,620 เงินฝืดก็จะหายไป 162 00:06:22,620 --> 00:06:25,200 น่ะ ทำไมทำเสียงจีนได้ธรรมชาติขนาดนี้? 163 00:06:25,200 --> 00:06:27,300 เหมือนไม่ได้แกล้งทำ เหมือนพูดเป็นปกตินะคะ 164 00:06:27,300 --> 00:06:28,560 อย่างไรก็ตาม ช่างมันค่ะ 165 00:06:28,560 --> 00:06:30,000 กลับมาที่จีนหงของเรานะคะ 166 00:06:30,000 --> 00:06:31,960 หลังจากที่จีนหงแนะนำแบบนี้ไปนะคะ 167 00:06:31,960 --> 00:06:34,160 แน่นอนว่า รัชกาลที่ 3 ก็เห็นด้วยค่ะ 168 00:06:34,160 --> 00:06:36,920 ดังนั้นก็เลยเกิดหวยขึ้นในประเทศไทยนะคะ 169 00:06:36,920 --> 00:06:39,420 ทีนี้พอเอาหวยแบบนี้เนี่ยนะคะมาใช้ในไทยเนี่ย 170 00:06:39,420 --> 00:06:42,420 ก็ต้องบอกว่า คนไทยสมัยก่อน จำชื่อคนจีนไม่ได้ค่ะ 171 00:06:42,420 --> 00:06:44,020 เพราะว่ามันไม่คุ้นหูไง 172 00:06:44,020 --> 00:06:45,860 เหมือนแบบเราเล่นโปเกมอนวันแรกอ่ะ 173 00:06:45,860 --> 00:06:47,360 เราก็จำชื่อโปเกมอนไม่ได้หรอกว่า 174 00:06:47,360 --> 00:06:50,620 อะไรแบบไนจู ปิกาจู อะไรก็ไม่รู้ ชื่องงๆ เต็มไปหมดนะคะ 175 00:06:50,620 --> 00:06:54,520 ดังนั้นก็เลยมีการตั้งชื่อด้วยการเอาตัวอักษรไทยเนี่ยค่ะ 176 00:06:54,520 --> 00:06:55,420 ใส่เข้าไปนะคะ 177 00:06:55,420 --> 00:06:56,420 คนจะได้จำได้ 178 00:06:56,420 --> 00:07:00,260 แต่ไม่ได้ใส่ทุกตัวเนอะ ก็ตัดๆ ตัวที่มันซ้ำบ้างอะไรบ้างออกไปค่ะ 179 00:07:00,260 --> 00:07:03,700 สุดท้ายนะคะก็เลยกลายเป็นตัวอักษรไทยทั้งหมด 36 ตัวเนี่ย 180 00:07:03,700 --> 00:07:06,820 ประกบกับชื่อคนจีนที่เป็นหวยดั้งเดิมนะคะ 181 00:07:06,820 --> 00:07:09,460 เค้าเรียกหวยชนิดนี้ว่า หวย ก ข ค่ะ 182 00:07:09,460 --> 00:07:11,240 ส่วนใครที่ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย 183 00:07:11,240 --> 00:07:16,000 ไม่เคยรู้เลยว่า เอ๊ แล้วตัวอักษรที่มันประกบกับชื่อคนจีน มันเป็นยังไง อะไรยังไงนะคะ? 184 00:07:16,000 --> 00:07:17,900 ขออนุญาตอ่านให้ฟังสักเล็กน้อยนะคะ 185 00:07:17,900 --> 00:07:21,460 เพราะว่าอันนี้เราอาจจะไปเจอตามพวกนิยายเก่าๆ อะไรต่างๆ 186 00:07:21,460 --> 00:07:23,340 จะได้พอเก็ทไงว่า เค้าพูดถึงอะไร 187 00:07:23,340 --> 00:07:26,920 ยกตัวอย่างเช่น ในเรื่องสี่แผ่นดินก็มีการพูดถึงเรื่องหวย ก ข อันนี้เหมือนกัน 188 00:07:26,920 --> 00:07:29,300 ดังนั้นนี่แหละค่ะ เค้าก็จะประกบกันแบบนี้นะคะ 189 00:07:29,300 --> 00:07:31,760 เช่น ก สามหวย ข ง่วยโป๊ 190 00:07:31,760 --> 00:07:34,140 ฃ เจียมฃวย ค เม่งจู 191 00:07:34,140 --> 00:07:36,360 ฅ ฮะตั๋ง ฆ ยี่ซัว 192 00:07:36,360 --> 00:07:38,260 ง จีเกา ฉ ขายหมู 193 00:07:38,260 --> 00:07:40,780 อะไรประมาณนี้ แบบที่ขึ้นให้ดูตรงน้ีนี่แหละค่ะ 194 00:07:40,780 --> 00:07:42,600 มันก็จะเรียงๆ กันไปใช่ไหมคะ? 195 00:07:42,600 --> 00:07:44,820 ทีนี้เนี่ย หลังจากที่หวยชุดนี้ออกมานะคะ 196 00:07:44,820 --> 00:07:46,640 ก็บอกเลยว่า บูมเป็นพลุแตกค่ะ 197 00:07:46,640 --> 00:07:51,000 เพราะว่าคนไทยของเราก็เป็นคนที่ค่อนข้างจะชื่อชอบการพนันอยู่แล้วใช่ไหมคะ? 198 00:07:51,000 --> 00:07:53,540 เล่นถั่วเล่นโปกันมาตั้งแต่สมัยอยุธยา 199 00:07:53,540 --> 00:07:55,460 เจอหวยที่เป็นการพนันชนิดใหม่เข้าไป 200 00:07:55,460 --> 00:07:56,940 แหม ติดกันระนาวนะ 201 00:07:56,940 --> 00:07:59,040 เรียกได้ว่าก็กระตุ้นเศรษฐกิจกันไปนะคะ 202 00:07:59,040 --> 00:08:02,560 อย่างไรก็ตามค่ะ เราจะไม่ไปพูดถึงเรื่องการกระตุ้นเศรษฐกิจอะไรต่างๆ 203 00:08:02,560 --> 00:08:04,580 เราจะมาพูดถึงเรื่องตัวอักษรกันว่า 204 00:08:04,580 --> 00:08:08,300 ในยุคสมัยแรกเนี่ยนะคะ เราใช้ตัวอักษรเพื่อจำชื่อหวย ถูกต้องไหม? 205 00:08:08,300 --> 00:08:09,980 แต่ว่า พอเล่นไปเรื่อยๆ นะคะ 206 00:08:09,980 --> 00:08:11,760 เกิดความชอบ เกิดความอิน 207 00:08:11,760 --> 00:08:14,500 ต่อให้ชื่อมันจะ 36 ชื่อ เราก็จำได้ค่ะ 208 00:08:14,500 --> 00:08:18,060 เหมือนกับบางคนก็ท่องชื่อโปเกมอนร้อยกว่าตัว สองร้อยกว่าตัวได้ 209 00:08:18,060 --> 00:08:19,120 ประมาณนั้นเลยนะคะ 210 00:08:19,120 --> 00:08:22,920 ดังนั้นค่ะพอมันเกิดความชอบ เกิดการจำชื่อหวยได้เนี่ย 211 00:08:22,920 --> 00:08:24,300 มันก็เกิดกลับกันขึ้น 212 00:08:24,300 --> 00:08:27,360 ประมาณว่า แต่ก่อนเราบอกว่า เอ๊ เราจะซื้อสามหวยเนี่ย 213 00:08:27,360 --> 00:08:29,760 เราจำไม่ได้ เราต้องบอกว่า เราจะซื้อหวย ก 214 00:08:29,760 --> 00:08:31,740 แต่พอเราจำคำว่า สามหวยได้ปุ๊บ 215 00:08:31,740 --> 00:08:33,160 เราก็บอกว่า เราจะซื้อสามหวย 216 00:08:33,160 --> 00:08:34,980 แล้วสามหวยก็คือ ตัว ก นั่นเอง 217 00:08:34,980 --> 00:08:37,240 เหมือนกับว่า มันพูดกลับไปอีกทางนึงอ่ะค่ะ 218 00:08:37,240 --> 00:08:38,780 แล้วถามว่า เกิดอะไรขึ้น? 219 00:08:38,780 --> 00:08:43,500 แน่นอนนะคะว่า ต่อให้ตัดตัวอักษรที่มันเสียงซ้ำกัน อะไรออกไปบ้างแล้ว 220 00:08:43,500 --> 00:08:47,620 มันก็ยังมีตัวอักษรอีกหลายตัวค่ะ ที่เสียงซ้ำกันแล้วก็มาปรากฎเป็นชื่อหวย 221 00:08:47,620 --> 00:08:49,620 ยกตัวอย่างเช่น ข กับ ฃ 222 00:08:49,620 --> 00:08:52,360 ซึ่งตอนนั้นยังเป็น ข กับ ฃ เหมือนกันเป๊ะอยู่เลย 223 00:08:52,360 --> 00:08:55,420 แค่หน้าตามันต่างกัน แล้วก็ใช้สะกดคำต่างกันนะคะ 224 00:08:55,420 --> 00:08:57,800 ดังนั้นคนสมัยก่อนเนี่ย เวลาที่จะเขียนหนังสือ 225 00:08:57,800 --> 00:09:00,280 แล้วมีคนถามว่า เอ๊ ตัวนี้สะกดด้วยขอไหนนะ? 226 00:09:00,280 --> 00:09:01,240 ข หรือ ฃ? 227 00:09:01,240 --> 00:09:03,240 คือเค้ายังไม่มีคำว่า ข กับ ฃ 228 00:09:03,240 --> 00:09:05,200 เค้าก็เลยเอาชื่อหวยเข้ามาแทนค่ะว่า 229 00:09:05,200 --> 00:09:08,580 โอ๊ย คำนี้สะกดด้วย ข ง่วยโป๊ นะไม่ใช่ ฃ เจียมฃวย 230 00:09:08,580 --> 00:09:09,900 ประมาณนั้นเลยนะคะ 231 00:09:09,900 --> 00:09:15,440 ดังนั้นมันก็เลยเกิดการเอาชื่อหวยเนี่ย มาเรียกเป็นตัวอักษรตั้งแต่นั้นมาค่ะ 232 00:09:15,440 --> 00:09:19,100 และแล้วคนไทยนะคะ ก็ใช้วิธีนี้เรียกชื่อตัวอักษรมาเรื่อยๆ ค่ะ 233 00:09:19,100 --> 00:09:21,600 จนกระทั่งถึงสมัยรัชกาลที่ 5 นะคะ 234 00:09:21,600 --> 00:09:24,540 ปรากฎว่า มีคนๆ นึงค่ะ เค้าเกิดรู้สึกขึ้นมาว่า 235 00:09:24,540 --> 00:09:27,940 เฮ้ย ทำไมเราต้องเอาชื่อหวยมาเป็นชื่อตัวอักษรเราด้วยอ่ะ? 236 00:09:27,940 --> 00:09:29,660 คือเวลาที่เราจะสอนหนังสือเด็ก 237 00:09:29,660 --> 00:09:31,980 เราก็จะต้องไปสอนเล่นหวยด้วยเหรอ? หรืออะไรนะ? 238 00:09:31,980 --> 00:09:33,380 มันไม่ healthy เท่าไหร่เลย 239 00:09:33,380 --> 00:09:36,900 เราควรจะมีชื่อตัวอักษรที่เป็นชื่อตัวอักษรจริงๆ หรือเปล่านะ? 240 00:09:36,900 --> 00:09:40,020 คนคนนั้นนะคะ ก็คือ พระยาศรีสุนทรโวหาร ค่ะ 241 00:09:40,020 --> 00:09:42,600 เดี๋ยวก่อนทุกคน ก่อนที่หลายคนจะเข้าใจว่า 242 00:09:42,600 --> 00:09:45,600 อุ๊ย ชื่อคุ้นๆ นี่จะต้องเป็นช่ือของสุนทรภู่ใช่ไหม? 243 00:09:45,600 --> 00:09:46,680 ต้องบอกว่า ไม่ใช่นะคะ 244 00:09:46,680 --> 00:09:48,900 สุนทรภู่คือ พระสุนทรโวหาร ค่ะ 245 00:09:48,900 --> 00:09:52,860 อันนี้คือ พระยาศรีสุนทรโวหาร หรือว่า น้อย อาจารยางกูร นะคะ 246 00:09:52,860 --> 00:09:56,060 เป็นคนที่เขียนตำราเรียนภาษาไทยต่างๆ อ่ะนะ 247 00:09:56,060 --> 00:10:00,140 ท่านเนี่ยนะคะ เริ่มคิดขึ้นมาก่อนว่า ทำไมเราจะต้องเอาชื่อหวยมาสอนเด็กด้วย? 248 00:10:00,140 --> 00:10:03,020 ดังนั้นท่านก็เลยตั้งชื่อตัวอักษรของท่านเองค่ะ 249 00:10:03,020 --> 00:10:07,560 แล้วก็นำไปสอนในกูหลวงนะคะ หรือว่าโรงเรียนหลวงที่ท่านสอนอยู่ 250 00:10:07,560 --> 00:10:10,500 โดยตั้งชื่อนะคะ เน้นตัวที่พ้องเสียงกันค่ะ 251 00:10:10,500 --> 00:10:12,700 เช่น ข กับ ฃ อะไรแบบนี้นะ 252 00:10:12,700 --> 00:10:13,980 เพื่อให้เด็กจำง่ายๆ ค่ะ 253 00:10:13,980 --> 00:10:16,080 แต่ว่ายังไม่เป็น ข ยังไม่เป็น ฃ นะคะ 254 00:10:16,080 --> 00:10:19,780 ชื่อที่ท่านตั้งมาเนี่ย ก็เช่น ข ขัดข้อง ฃ อังกุษ 255 00:10:19,780 --> 00:10:21,680 ค คิด ฅ กัญฐา 256 00:10:21,680 --> 00:10:23,420 ฆ ระฆัง ช ชื่อ 257 00:10:23,420 --> 00:10:25,080 ฌ ฌาน ญ ญาติ 258 00:10:25,080 --> 00:10:26,780 ฎ ชฎา ฏ รกชัฏ 259 00:10:26,780 --> 00:10:28,780 ฐ สันฐาน ฑ บิณฑบาต 260 00:10:28,780 --> 00:10:30,180 ฒ จำเริญ 261 00:10:30,180 --> 00:10:32,040 พอฟังแบบนี้ไป อ่านตรงนี้ไป 262 00:10:32,040 --> 00:10:35,260 หลายคนก็จะแบบ เฮ้ย บางตัวมันไม่เห็นได้สะกดด้วยตัวนั้นเลย 263 00:10:35,260 --> 00:10:36,580 เช่น ตัว ข ขัดข้องเนี่ย 264 00:10:36,580 --> 00:10:39,020 ใช่ มันใช้ ข จริง ทั้งขัด ทั้งข้องเลย 265 00:10:39,020 --> 00:10:41,780 แต่ว่า เอ๊ะ แล้ว ฃ อังกุษ มันเกี่ยวอะไร? 266 00:10:41,780 --> 00:10:45,600 คำว่า ฃ อังกุษ ไม่เห็นมีการใช้ตัว ฃ เลยแม้แต่นิดเดียวนะคะ 267 00:10:45,600 --> 00:10:48,060 ก็ต้องบอกว่า ท่านไม่ได้เน้นการสะกดขนาดนั้นค่ะ 268 00:10:48,060 --> 00:10:50,380 ท่านเน้นทำยังไงก็ได้ให้เด็กจำได้นะคะ 269 00:10:50,380 --> 00:10:53,180 ดังนั้นบางอันก็เป็นตัวที่ใช้ตัวนั้นสะกด 270 00:10:53,180 --> 00:10:57,180 บางอันเนี่ย ก็เป็นคำที่เป็นความหมายของตัวอักษรนั้นๆ 271 00:10:57,180 --> 00:11:00,280 แล้วก็เป็นคำที่นิยมจะใช้ตัวนั้นสะกดนะคะ 272 00:11:00,280 --> 00:11:01,960 เช่น คำว่า ฃ อังกุษ เนี่ย 273 00:11:01,960 --> 00:11:05,080 อังกุษ แปลว่า ขอไอ้ที่มันเอาไว้เกี่ยวช้างอ่ะค่ะ 274 00:11:05,080 --> 00:11:07,160 ที่ไว้สับช้าง ขอสับช้าง ประมาณนั้น 275 00:11:07,160 --> 00:11:10,580 ดังนั้นเวลาพูดถึงอะไรที่เป็นแบบขอ แบบงอๆ อย่างนี้ 276 00:11:10,580 --> 00:11:12,580 สมัยก่อนเค้าใช้ ฃ สะกดค่ะ 277 00:11:12,580 --> 00:11:13,740 เห็นไหมก็จำง่าย 278 00:11:13,740 --> 00:11:14,900 หรือว่าอีกตัวนึงนะคะ 279 00:11:14,900 --> 00:11:17,520 ก็คือ ค คิดกับ ฅ กัณฐา 280 00:11:17,520 --> 00:11:20,700 อันนี้ค คิด ชัดเจนมากว่า คำว่า คิด เนี่ยใช่ ค ควายใช่ไหม? 281 00:11:20,700 --> 00:11:22,880 แต่กัณฐาเนี่ย เกี่ยวอะไรกับ ฅ? 282 00:11:22,880 --> 00:11:24,720 ต้องบอกว่า คำว่า กัณฐา เนี่ยนะคะ 283 00:11:24,720 --> 00:11:27,700 คือคำว่า กัณฐะ เหมือนคำว่า ทศกัณฐ์ นั่นแหละค่ะ 284 00:11:27,700 --> 00:11:28,880 ที่แปลว่า คอ นะคะ 285 00:11:28,880 --> 00:11:31,120 ทศกัณฐ์คือ ผู้ที่มี 10 คอ ถูกต้องไหม? 286 00:11:31,120 --> 00:11:33,160 ดังนั้นตัว ฅ สมัยก่อนนะคะ 287 00:11:33,160 --> 00:11:34,780 เค้าไม่ใช้เขียนคำว่า คน ค่ะ 288 00:11:34,780 --> 00:11:39,080 แต่เค้าใช้เขียนคำว่า คอ ที่แปลว่าแบบ คอ แบบ neck อย่างนี้ 289 00:11:39,080 --> 00:11:40,560 เช่นอะไรที่เกี่ยวข้องกับคอ 290 00:11:40,560 --> 00:11:41,780 อย่างคอเสื้อเนี่ยนะคะ 291 00:11:41,780 --> 00:11:44,140 ก็จะเขียนด้วย ฅ นั่นเองค่ะ 292 00:11:44,140 --> 00:11:47,120 ที่น่าสนใจจุดนึงนะคะ ก็คือตัว ฌ นั่นเอง 293 00:11:47,120 --> 00:11:49,820 ที่หลายๆ คน สงสัยว่า เอ๊ย มันเป็น ฌ ตั้งแต่เมื่อไหร่? 294 00:11:49,820 --> 00:11:51,520 ตอนนี้มันยังไม่เป็น ฌ นะคะ 295 00:11:51,520 --> 00:11:55,180 เพราะว่าถ้าไปสังเกตดีๆ จะเห็นว่า มันเป็น ฌ ฌานค่ะ 296 00:11:55,180 --> 00:11:57,620 ก็คือ การเข้าฌาน อะไรต่างๆ อยู่นะคะ 297 00:11:57,620 --> 00:11:59,240 ซึ่งเดี๋ยวมันจะเปลี่ยนเป็น ฌ เฌอ ตอนไหน? 298 00:11:59,240 --> 00:12:00,380 เดี๋ยวเรามาดูกันค่ะ 299 00:12:00,380 --> 00:12:03,760 แต่เราก็จะเห็นนะคะว่า ท่านเนี่ยไม่ได้คิดขึ้นมาจนครบ 44 ตัว 300 00:12:03,760 --> 00:12:05,720 ท่านคิดเฉพาะตัวที่แบบซ้ำกัน 301 00:12:05,720 --> 00:12:06,580 เช่น เวลาบอกรอ 302 00:12:06,580 --> 00:12:09,140 เอ๊ะ รอไหน? ร? ล? ฤ? ร อะไรต่างๆ 303 00:12:09,140 --> 00:12:10,640 ก็จะแบบ อ่ะ ตั้งชื่อให้มัน 304 00:12:10,640 --> 00:12:11,900 หรือว่า ข นี่ ข ไหน? 305 00:12:11,900 --> 00:12:13,520 อ่ะ ก็จะตั้งชื่อให้มันค่ะ 306 00:12:13,520 --> 00:12:17,120 แต่ว่าอย่างไรก็ตามนะคะ เราก็ถือว่าท่านก็เป็นบุคคลสำคัญคนนึง 307 00:12:17,120 --> 00:12:19,840 ที่เริ่มการตั้งชื่อตัวอักษรขึ้นมาค่ะ 308 00:12:19,840 --> 00:12:21,980 และแล้วนะคะ วิวขอ fast forward นิดนึงค่ะ 309 00:12:21,980 --> 00:12:25,580 จากกลางสมัยรัชกาลที่ 5 มาที่ปลายสมัยรัชกาลที่ 5 นะคะ 310 00:12:25,580 --> 00:12:28,440 เมื่อปีพุทธศักราชที่ 2442 ค่ะ 311 00:12:28,440 --> 00:12:30,520 มีคนสำคัญแห่งยุคคนนึงนะคะ 312 00:12:30,520 --> 00:12:32,060 ทำแอคชันๆ นึงขึ้นมา 313 00:12:32,060 --> 00:12:36,120 แล้วก็ส่งผลกระทบมาจนถึง ก เอ๋ย กอ ไก่ ของเราในปัจจุบันนี้ค่ะ 314 00:12:36,120 --> 00:12:38,260 คนๆ นั้นนะคะ ต้องบอกว่า พระองค์นั้นดีกว่า 315 00:12:38,260 --> 00:12:40,800 ก็คือ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ นะคะ 316 00:12:40,800 --> 00:12:43,080 กรมพระยาดำรงราชานุภาพ นั่นเอง 317 00:12:43,080 --> 00:12:44,300 แหม ชื่อนี้คุ้นจริงๆ 318 00:12:44,300 --> 00:12:46,220 เพราะว่าท่านทำแทบทุกอย่างเลยนะคะ 319 00:12:46,220 --> 00:12:47,620 ซึ่งถามว่า ท่านทำอะไร? 320 00:12:47,620 --> 00:12:49,940 ท่านเนี่ย แต่งหนังสือเรียนขึ้นมาเล่มนึงค่ะ 321 00:12:49,940 --> 00:12:52,560 เรียกว่า แบบเรียนเร็วเล่ม 1 นะคะ 322 00:12:52,560 --> 00:12:55,380 ทีนี้ถามว่า เอ้า แล้วทำไมต้องเรียนเร็ว แล้วเรียนช้าเป็นยัไง? 323 00:12:55,380 --> 00:12:57,840 ก็ต้องบอกว่า ท่านที่เมื่อกี้เราพูดถึงไปเนี่ยนะคะ 324 00:12:57,840 --> 00:13:01,100 ก็คือ พระยาศรีสุนทรโวหาร หรือว่า น้อย อาจารยางกูร 325 00:13:01,100 --> 00:13:03,520 คนที่วิวบอกว่า แต่งหนังสือเรียนมาก่อนเนี่ยนะคะ 326 00:13:03,520 --> 00:13:05,320 ก็คือ คนที่แต่งหนังสือเรียนหลวงเนี่ย 327 00:13:05,320 --> 00:13:08,140 ท่านเคยแต่งหนังสือเรียนขึ้นมาทั้งหมด 6 เล่มค่ะ 328 00:13:08,140 --> 00:13:09,800 เป็นตำราเล่าเรียนหลวงนะคะ 329 00:13:09,800 --> 00:13:11,920 ชื่อคล้องจองกันสวยงามกันมากว่า 330 00:13:11,920 --> 00:13:13,920 มูลบทพรรกิจ วาหนิติ์นิกร 331 00:13:13,920 --> 00:13:16,080 อักษรประโยค สังโยคพิธาน 332 00:13:16,080 --> 00:13:18,720 ไวพจน์พิจารณ์ พิศาลการันต์ นะคะ 333 00:13:18,720 --> 00:13:20,340 ก็เป็นแบบเรียนที่ยาวมากนะคะ 334 00:13:20,340 --> 00:13:21,320 ถึง 6 เล่มจบ 335 00:13:21,320 --> 00:13:23,620 คือเรียกได้ว่า คุณจะต้องเรียน 6 เล่มจบเนี่ย 336 00:13:23,620 --> 00:13:25,160 ถึงจะอ่านภาษาไทยออก 337 00:13:25,160 --> 00:13:28,560 ทีนี้ถามว่า ในสมัยรัชกาลที่ 5 เป็นยุคก่อนสมัยรัชกาลที่ 6 338 00:13:28,560 --> 00:13:29,260 ถูกต้องไหม? 339 00:13:29,260 --> 00:13:30,660 ฟังดูกำปั้นทุบดินมาก 340 00:13:30,660 --> 00:13:33,380 แต่ว่าสิ่งหนึ่งที่เกิดขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 6 ก็คือ 341 00:13:33,380 --> 00:13:35,540 พระราชบัญญัติประถมศึกษา ใช่ไหมคะ? 342 00:13:35,540 --> 00:13:39,120 ที่มีการบังคับให้เด็กเนี่ย จะต้องไปเข้าเรียนทุกคน อะไรต่างๆ 343 00:13:39,120 --> 00:13:40,840 ดังนั้นในสมัยรัชกาลที่ 5 เนี่ย 344 00:13:40,840 --> 00:13:42,680 ไม่มีการบังคับให้เข้าเรียนค่ะ 345 00:13:42,680 --> 00:13:45,160 สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ เด็กๆ เนี่ยมาโรงเรียนนะคะ 346 00:13:45,160 --> 00:13:46,700 แล้วก็ไม่ได้เรียนตลอดเวลา 347 00:13:46,700 --> 00:13:48,360 บางคนมาเรียน อ่ะ เรียนครึ่งเทอม 348 00:13:48,360 --> 00:13:50,160 อ่ะ ได้เวลาหน้าทำนาละ 349 00:13:50,160 --> 00:13:52,080 ขอกลับไปช่วยพ่อแม่ทำนาก่อน 350 00:13:52,080 --> 00:13:54,360 เดี๋ยวทำนาเสร็จ ค่อยกลับมาเรียนต่อนะคะ 351 00:13:54,360 --> 00:13:56,200 แล้วหนังสือ 6 เล่มยาวขนาดนี้ 352 00:13:56,200 --> 00:13:57,100 เกิดอะไรขึ้น? 353 00:13:57,100 --> 00:13:58,080 เด็กลืมค่ะ 354 00:13:58,080 --> 00:13:59,240 เรียนเล่มแรกไปครึ่งเล่ม 355 00:13:59,240 --> 00:14:00,700 กลับมา เอ้า เค้าขึ้นเล่ม 3 แล้ว 356 00:14:00,700 --> 00:14:01,880 เรียนไม่รู้เรื่องนะคะ 357 00:14:01,880 --> 00:14:03,020 อ่านหนังสือไม่ออก 358 00:14:03,020 --> 00:14:04,940 ดังนั้นเมื่อมีการปฏิรูปการศึกษาขึ้น 359 00:14:04,940 --> 00:14:07,740 ในช่วงปลายรัชสมัยของสมัยรัชกาลที่ 5 เนี่ยนะคะ 360 00:14:07,740 --> 00:14:09,960 สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพเนี่ยนะคะ 361 00:14:09,960 --> 00:14:12,800 ก็เลยแต่งหนังสือเรียนขึ้นมา ชื่อว่า แบบเรียนเร็ว ค่ะ 362 00:14:12,800 --> 00:14:15,120 เพื่อที่ว่าจะได้ให้เด็กเนี่ยเรียนเล่มนี้เล่มเดียว 363 00:14:15,120 --> 00:14:16,720 แล้วก็อ่านหนังสือออกนะคะ 364 00:14:16,720 --> 00:14:18,540 ทีนี้นอกเรื่องเวิ่นเว้อไปซะไกล 365 00:14:18,540 --> 00:14:20,600 ถามว่า ในเล่มนี้มีอะไรสำคัญ? 366 00:14:20,600 --> 00:14:23,260 ในเล่มนี้สำคัญเพราะว่า พระองค์เนี่ยคิดว่า 367 00:14:23,260 --> 00:14:24,580 เออ ไหนๆ ก็ไหนๆ 368 00:14:24,580 --> 00:14:26,560 มีการตั้งชื่อตัวอักษรมาแล้ว 369 00:14:26,560 --> 00:14:28,640 ตั้งแต่สมัยพระยาศรีสุนทรโวหาร 370 00:14:28,640 --> 00:14:30,180 ทำไมเราไม่ตั้งให้ครบทุกตัวเลยล่ะ? 371 00:14:30,180 --> 00:14:32,380 เราจะได้มีชื่อเรียกตัวอักษรทุกไง 372 00:14:32,380 --> 00:14:35,640 และที่สำคัญ บางตัวเนี่ยมันจะต้องมีการตีความ 373 00:14:35,640 --> 00:14:37,360 จะต้องมีอาจารย์มานั่งอธิบาย 374 00:14:37,360 --> 00:14:38,620 เช่น ฃ อังกุษ 375 00:14:38,620 --> 00:14:40,380 เด็กเพิ่งอ่านหนังสือ ใครจะไปเข้าใจ? 376 00:14:40,380 --> 00:14:43,120 หรือว่า ฅ กัณฐา เนี่ย เด็กที่ไหนจะไปเข้าใจ? 377 00:14:43,120 --> 00:14:46,540 เราตั้งชื่อง่ายๆ ด้วยตัวหนังสือที่ใช้ตัวนั้นสะกด 378 00:14:46,540 --> 00:14:48,240 แบบไม่ต้องตีความเลยดีกว่า 379 00:14:48,240 --> 00:14:51,120 ดังนั้นนะคะ ท่านก็เลยตั้งชื่อตัวอักษรขึ้นมาค่ะ 380 00:14:51,120 --> 00:14:55,720 เรียกได้ว่า ครบทั้ง 44 ตัวอักษรขึ้นเป็นครั้งแรกของประเทศไทยนะคะ 381 00:14:55,720 --> 00:14:58,980 และทั้ง 44 ตัวเนี่ยก็เหมือนกับที่เราท่องทุกวันนี้นี่แหละ 382 00:14:58,980 --> 00:15:02,020 ก็คือ ก ไก่ ค ควาย ง งู อะไรต่างๆ นะคะ 383 00:15:02,020 --> 00:15:04,820 แต่ว่าจะมีอยู่ทั้งหมด 2 ตัวนะคะที่แตกต่างกัน 384 00:15:04,820 --> 00:15:07,620 ที่วิวไปนั่งอ่านตัวแบบเรียนเร็วมานะ 385 00:15:07,620 --> 00:15:09,360 ก็คือตัว ฅ ค่ะ 386 00:15:09,360 --> 00:15:11,080 ซึ่งปัจจุบันเราเป็น ฅ คน ใช่ไหม? 387 00:15:11,080 --> 00:15:13,300 แต่ว่าสมัยนั้นเค้าคือ ฅ ฅอ เลย 388 00:15:13,300 --> 00:15:14,940 คอแบบคออ่ะ คออ่ะค่ะ 389 00:15:14,940 --> 00:15:16,980 เพราะว่าคำว่า คน สมัยก่อนใช้ ค 390 00:15:16,980 --> 00:15:19,820 แต่ว่าคำว่า คอ ที่เป็น neck เนี่ย มันใช้ ฅ นะคะ 391 00:15:19,820 --> 00:15:21,940 และอีกตัวนึงก็คือตัว ฬ นั่นเอง 392 00:15:21,940 --> 00:15:23,720 ซึ่งตอนนั้นไม่ได้ใช้ตัว ฬ 393 00:15:23,720 --> 00:15:25,760 แต่ว่าจะเป็น ล ลานะคะ 394 00:15:25,760 --> 00:15:27,900 ลาก็คือแบบ ลาที่ใช้ลากของอ่ะ 395 00:15:27,900 --> 00:15:30,400 ลากับล่อสมัยก่อน ใช้ตัว ฬ ค่ะ 396 00:15:30,400 --> 00:15:31,980 อ่ะ ฟังมาถึงตรงนี้นะคะ 397 00:15:31,980 --> 00:15:34,820 ใครที่อยากรู้ว่า ฌ ฌาน เปลี่ยนมาเป็น ฌ เฌอตอนไหน? 398 00:15:34,820 --> 00:15:38,180 ก็เปลี่ยนมาในสมัยของสมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพนี่แหละค่ะ 399 00:15:38,180 --> 00:15:41,360 เพราะว่าพระองค์เนี่ย เปลี่ยนจาก ฌ ฌาน เป็น ฌ เฌอ นะคะ 400 00:15:41,360 --> 00:15:42,520 ซึ่งแปลว่า ต้นไม้ 401 00:15:42,520 --> 00:15:43,820 ซึ่งเราจะไม่ไปเจาะลึกนะคะว่า 402 00:15:43,820 --> 00:15:46,900 ในภาษาเขมร คำว่า เฌอ ใช้เดี่ยวๆ แปลว่า ต้นไม้ ได้จริงหรือเปล่า? 403 00:15:46,900 --> 00:15:47,580 อะไรอย่างนี้นะ 404 00:15:47,580 --> 00:15:49,780 เอาเป็นว่า แปลง่ายๆ คร่าวๆ ก่อน 405 00:15:49,780 --> 00:15:52,360 อนุโลมได้ว่า คำว่า เฌอ แปลว่า ต้นไม้ ค่ะ 406 00:15:52,360 --> 00:15:54,240 แล้วก็เริ่มมาใช้กับตัว ฌ เนี่ย 407 00:15:54,240 --> 00:15:57,240 ในสมัยของสมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพเนี่ยแหละค่ะ 408 00:15:57,240 --> 00:15:59,480 รวมถึงอีกตัวนึงนะคะที่หลายๆ คนสนใจ 409 00:15:59,480 --> 00:16:02,880 ก็คือตัว ฑ ซึ่งแต่เดิมก็คือ ฑ บิณฑบาตเนี่ย 410 00:16:02,880 --> 00:16:04,640 ก็เปลี่ยนมาเป็น ฑ นางมณโฑ 411 00:16:04,640 --> 00:16:08,460 ในยุคสมัยของสมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ เช่นเดียวกันนะคะ 412 00:16:08,460 --> 00:16:10,860 ส่วนคำถามที่ว่า ทำไมจะต้องเป็น ฑ นางมณโฑ? 413 00:16:10,860 --> 00:16:13,720 ทำไมถึงไม่เป็นนางในวรรณคดีคนอื่น? อะไรต่างๆ 414 00:16:13,720 --> 00:16:16,060 วิวเดาว่านะคะ อันนี้เป็นความเห็นส่วนตัวเนอะ 415 00:16:16,060 --> 00:16:17,120 ไม่มีอ้างอิงอะไรทั้งสิ้น 416 00:16:17,120 --> 00:16:20,000 คือเรื่องรามเกียรติ์เนี่ย เป็นเรื่องที่ค่อนข้างดังในสังคมไทย 417 00:16:20,000 --> 00:16:21,480 ทุกคนรู้จักนางมณโฑค่ะ 418 00:16:21,480 --> 00:16:24,860 ดังนั้นเมื่อต้องการหาคำที่สะกดด้วย ฑ เนี่ย 419 00:16:24,860 --> 00:16:26,040 มันมีไม่กี่คำหรอกค่ะ 420 00:16:26,040 --> 00:16:30,300 คำว่า นางมณโฑ ก็เป็นอีกหนึ่งคำที่มันแบบเด้งขึ้นมาในใจของคนได้ง่ายเนอะ 421 00:16:30,300 --> 00:16:34,540 ส่วนถามว่า ทำไมไม่มีตัวละครวรรณคดีตัวอื่นมาเป็นชื่อตัวอักษรเลย? 422 00:16:34,540 --> 00:16:37,380 ก็ต้องบอกว่า ส สีดา มันคงยากกว่า ส เสือ อ่ะ 423 00:16:37,380 --> 00:16:39,680 หรือว่า ร พระราม มันก็ไม่ใช่ไหม? 424 00:16:39,680 --> 00:16:42,060 ร มันก็ควรเป็น ร เรือ มันเข้าใจง่ายกว่า 425 00:16:42,060 --> 00:16:43,720 คิดว่า เพราะว่าตัว ฑ เนี่ย 426 00:16:43,720 --> 00:16:47,620 มันเป็นตัวอักษรที่หาคำสะกดด้วยคำนี้แบบง่ายๆ ยากค่ะ 427 00:16:47,620 --> 00:16:52,000 แล้วคำว่า นางมณโฑ น่าจะเป็นคำที่ง่ายที่สุดที่ใช้ตัว ฑ นะคะ 428 00:16:52,000 --> 00:16:54,780 อ่ะ อย่างไรก็ตาม เรากลับเข้าเรื่องของเรากันต่อค่ะ 429 00:16:54,780 --> 00:16:57,180 หลังจากที่สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพเนี่ย 430 00:16:57,180 --> 00:17:01,520 ทรงตั้งชื่อให้กับตัวอักษรทั้งหลายขึ้นมาให้คล้ายกับปัจจุบันมากๆ นะคะ 431 00:17:01,520 --> 00:17:04,740 ก็เกิดยุคสมัยของการเขียนแบบเรียนหนังสือขึ้นค่ะ 432 00:17:04,740 --> 00:17:07,480 เพราะว่าเป็นยุคสมัยที่การพิมพ์ค่อนข้างจะแพร่หลายแล้ว 433 00:17:07,480 --> 00:17:10,240 การโรงเรียนอะไรต่างๆ มีการปฏิรูปการศึกษา 434 00:17:10,240 --> 00:17:12,980 ก็เลยมีการพิมพ์แบบเรียนแบบหลายเวอร์ชัน 435 00:17:12,980 --> 00:17:15,280 บริษัทนั้นพิมพ์แบบนี้ บริษัทนี้พิมพ์แบบนั้น 436 00:17:15,280 --> 00:17:17,680 หน่วยงานนั้น หน่วยงานนี้พิมพ์กันขึ้นมานะคะ 437 00:17:17,680 --> 00:17:19,100 ยกตัวอย่างเช่น ดรุณศึกษา 438 00:17:19,100 --> 00:17:23,240 ซึ่งเป็นหนังสือเรียนของมิชชันนารีที่ใช้กับคณะอัสสัมชัญเนี่ยนะคะ 439 00:17:23,240 --> 00:17:25,880 ก็มีการใช้ ก ไก่ ข ไข่ อะไรอย่างนี้ 440 00:17:25,880 --> 00:17:30,140 ตามที่สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพทรงนิพนธ์ไว้ เช่นเดียวกันค่ะ 441 00:17:30,140 --> 00:17:31,480 แต่ว่า อย่างไรก็ตามนะคะ 442 00:17:31,480 --> 00:17:33,440 ในสมัยนั้นก็ไม่ได้มีใครมาจัดระเบียบ 443 00:17:33,440 --> 00:17:36,300 หรือว่ามีใครมากำหนดมาตรฐานอะไรมากมาย 444 00:17:36,300 --> 00:17:38,140 ดังนั้นแต่ละสำนักพิมพ์ แต่ละเจ้าเนี่ย 445 00:17:38,140 --> 00:17:40,160 บางทีก็มีการปรับเปลี่ยนอะไรกันบ้าง 446 00:17:40,160 --> 00:17:42,440 บางอันก็ไม่ตรงกันบ้าง อะไรบ้างนะคะ 447 00:17:42,440 --> 00:17:44,380 อาจจะเปลี่ยนบ้างเล็กๆ น้อยๆ 448 00:17:44,380 --> 00:17:47,880 เช่น บางคนก็ไม่ใช้ ฌ เฌอ แต่ว่าใช้ ฌ ฤาษีเข้าฌาน 449 00:17:47,880 --> 00:17:49,720 หรือว่า บางคนก็ไปใช้ ฌ คิชฌะ 450 00:17:49,720 --> 00:17:50,820 อะไรประมาณยังงี้ 451 00:17:50,820 --> 00:17:52,760 เอาเป็นว่า บางที ใครคุ้นกับคำไหน 452 00:17:52,760 --> 00:17:54,820 ใครรู้สึกว่า เออ ใช้คำนี้มันจำง่ายกว่า 453 00:17:54,820 --> 00:17:57,500 ก็เอาไปใส่ในเวอร์ชันของหนังสือเรียนตัวเองนะคะ 454 00:17:57,500 --> 00:17:59,180 เรื่องราวก็เป็นแบบนี้มาเรื่อยๆ นะคะ 455 00:17:59,180 --> 00:18:01,680 จนกระทั่งถึงปี 2490 ค่ะ 456 00:18:01,680 --> 00:18:03,000 มีบริษัทๆ นึงนะคะ 457 00:18:03,000 --> 00:18:05,640 นั่นก็คือ บริษัท ประชาช่าง จำกัดนั่นเอง 458 00:18:05,640 --> 00:18:07,960 ก็จัดพิมพ์แบบเรียนของตัวเองขึ้นมาค่ะ 459 00:18:07,960 --> 00:18:10,280 ซึ่งในยุคสมัยของแบบเรียนเล่มนี้นี่เอง นี่แหละค่ะ 460 00:18:10,280 --> 00:18:12,340 ที่ตัว ฅอ ฅ เนี่ย 461 00:18:12,340 --> 00:18:14,200 เปลี่ยนจากฅอที่หมายถึง neck เนี่ย 462 00:18:14,200 --> 00:18:16,560 กลายเป็นคำว่า ฅ ฅน ในที่สุดนะคะ 463 00:18:16,560 --> 00:18:19,500 แม้ว่าคำว่า คน เดิมจะสะกดด้วย ค ก็ตามนะ 464 00:18:19,500 --> 00:18:22,440 แล้วอีกตัวนึงที่เปลี่ยนไปก็คือตัว ฬ ค่ะ 465 00:18:22,440 --> 00:18:23,740 ก็เกิดเป็น ฬ จุฬา ขึ้น 466 00:18:23,740 --> 00:18:26,120 ส่วนลาที่แบบใช้ลากจูงอะไรต่างๆ 467 00:18:26,120 --> 00:18:28,680 ก็ไปใช้ ล แทนซะอย่างนั้นเลยนะคะ 468 00:18:28,680 --> 00:18:32,360 นอกจากนี้เนี่ย ในแบบเรียนเล่มนี้ ก็มีอีกอย่างนึงที่สำคัญมากๆ ค่ะ 469 00:18:32,360 --> 00:18:34,620 คือ เค้าน่าจะกลัวว่าเด็กจะท่องไม่ได้ 470 00:18:34,620 --> 00:18:37,860 แบบ ก ไก่ ข ไข่ ฃ ขวด ค ควาย ง งู 471 00:18:37,860 --> 00:18:39,980 ท่องไปเรื่อยๆ มันก็ไม่คล้องจองอะไรกัน 472 00:18:39,980 --> 00:18:42,340 ก็เลยมีการแต่งคำคล้องจองเข้าไปนะคะ 473 00:18:42,340 --> 00:18:45,580 เพื่อให้เด็กเนี่ย จำ ก-ฮ เนี่ย ได้ง่ายขึ้นค่ะ 474 00:18:45,580 --> 00:18:49,960 ดังนั้นบริษัทนี้ค่ะ ก็คือบริษัทแรกที่มีการแต่ง ก เอ๋ย ก ไก่ 475 00:18:49,960 --> 00:18:50,880 ข ไข่ในเล้า 476 00:18:50,880 --> 00:18:51,940 ฃ ขวดของเรา 477 00:18:51,940 --> 00:18:53,120 ค ควายเข้านา 478 00:18:53,120 --> 00:18:56,560 แล้วก็แต่งไปจนกระทั่งถึง ฮ นกฮูกตาโตที่เราท่องกันนี่แหละค่ะ 479 00:18:56,560 --> 00:18:58,340 แต่ว่าขออนุญาตไม่ท่องทั้งหมดตรงนี้ 480 00:18:58,340 --> 00:19:01,040 เพราะว่าต้องบอกว่า ทั้งหมดนี้มีลิขสิทธิ์นะคะทุกคน 481 00:19:01,040 --> 00:19:03,620 ดังนั้นไอ้ที่เราท่องๆ กันเนี่ย มีลิขสิทธิ์กันหมด 482 00:19:03,620 --> 00:19:05,980 ถ้าสมมติว่า ใครจะมาจัดพิมพ์ซ้ำ หรืออะไรต่างๆ 483 00:19:05,980 --> 00:19:08,820 ต้องมีการขอลิขสิทธิ์ หรือต้องมีการแต่งใหม่ 484 00:19:08,820 --> 00:19:10,820 เราจะเห็นหนังสือเรียนเวอร์ชันใหม่ๆ เนี่ย 485 00:19:10,820 --> 00:19:12,780 บางทีมันก็จะเป็น ก เอ๋ย ก ไก่ 486 00:19:12,780 --> 00:19:14,940 ข ไข่วางตั้ง อะไรอย่างนี้ 487 00:19:14,940 --> 00:19:16,480 คือเค้าต้องแต่งใหม่ของตัวเอง 488 00:19:16,480 --> 00:19:18,340 เพราะว่า ถ้าใช้จะผิดลิขสิทธิ์ค่ะ 489 00:19:18,340 --> 00:19:20,720 อย่างไรก็ตามนะคะ ในหนังสือของประชาช่างเล่มนี้ 490 00:19:20,720 --> 00:19:23,860 ก็มีอีกจุดนึงที่ไม่เหมือนกับที่เราใช้ในปัจจุบันค่ะ 491 00:19:23,860 --> 00:19:25,760 นั่นก็คือตัว ฌ เฌอ นั่นเอง 492 00:19:25,760 --> 00:19:29,700 เพราะว่าในของประชาช่างนะคะ เค้าไปเขียนว่า ฌ กระเฌอ ค่ะ 493 00:19:29,700 --> 00:19:32,940 ซึ่งคำว่า กระเฌอ เนี่ย ไม่สามารถแปลว่า ต้นไม้ ได้นะคะ 494 00:19:32,940 --> 00:19:36,000 ดังนั้นมันก็จะไปมีดราม่าของตัวเองใหญ่โตนะคะ 495 00:19:36,000 --> 00:19:38,200 จนกระทั่งเมื่อประมาณ 30 ปีที่แล้วเนี่ย 496 00:19:38,200 --> 00:19:40,780 ถึงจะมีแบบ มีคนไปทักท้วงอะไรหนักมาก 497 00:19:40,780 --> 00:19:43,140 เพราะว่าทั้งประเทศเนี่ย ท่องกันผิดหมดเลย 498 00:19:43,140 --> 00:19:44,740 จนกระทั่งกระทรวงศึกษาธิการเนี่ย 499 00:19:44,740 --> 00:19:46,340 ต้องออกมาร่อนหนังสือเวียนเลยนะคะ 500 00:19:46,340 --> 00:19:48,960 ประมาณว่า ทุกคน หยุดท่องว่า ฌ กระเฌอ นะ 501 00:19:48,960 --> 00:19:51,460 จงท่องว่า ฌ เฌอ เป็นสิ่งที่ถูกต้อง 502 00:19:51,460 --> 00:19:54,120 เพราะว่า มันแปลว่า ต้นไม้ จ้า นะคะ 503 00:19:54,120 --> 00:19:57,500 และนี่ก็คือเรื่องราวที่มาของ ก เอ๋ย ก ไก่ ข ในเล้า 504 00:19:57,500 --> 00:20:00,460 ที่เราท่องกันมาตั้งแต่สมัยอนุบาลนั่นเองค่ะ 505 00:20:00,460 --> 00:20:02,360 เป็นยังไงบ้าง ชอบเรื่องราวแบบนี้ไหม? 506 00:20:02,360 --> 00:20:03,880 ถ้าใครชอบเรื่องราวแบบนี้นะคะ 507 00:20:03,880 --> 00:20:05,540 อย่าลืมกดไลก์เป็นกำลังใจให้วิว 508 00:20:05,540 --> 00:20:08,080 แล้วก็กดแชร์ เพื่อชวนเพื่อนๆ มาดูด้วยกันค่ะ 509 00:20:08,080 --> 00:20:09,640 พบกันใหม่โอกาสหน้านะคะ 510 00:20:09,640 --> 00:20:11,500 บ๊าย บาย สวัสดีค่ะ 511 00:20:11,500 --> 00:20:13,980 โอ๋ ไม่น่าเชื่อเลยนะคะว่า เรื่องราวของ ก เอ๋ย ก ไก่เนี่ย 512 00:20:13,980 --> 00:20:15,600 เพิ่งจะเกิดขึ้นไม่นานมานี้เองนะคะ 513 00:20:15,600 --> 00:20:17,420 ไม่ได้เกิดขึ้นมาตั้งแต่ในยุคสมัยแรก 514 00:20:17,420 --> 00:20:20,480 แต่ก็เป็นที่น่าดีใจนะที่คนไทยของเราเนี่ย 515 00:20:20,480 --> 00:20:22,040 มีการท่อง ก เอ๋ย ก ไก่ขึ้น 516 00:20:22,040 --> 00:20:25,260 ทำให้เราสามารถจำตัวอักษรของเราเนี่ยได้ง่ายนะคะ 517 00:20:25,260 --> 00:20:27,060 ไม่งั้นอาจจะต้องลำบากนิดนึง 518 00:20:27,060 --> 00:20:30,180 มานั่งท่อง ก ข ฃ ค ฅ อะไรต่างๆ 519 00:20:30,180 --> 00:20:31,780 ส่วนตัวเนี่ย ท่องแบบนี้ก็ไม่ได้นะ 520 00:20:31,780 --> 00:20:33,840 ถ้าเป็น ก เอ๋ย ก ไก่ ท่องได้ค่ะ 521 00:20:33,840 --> 00:20:36,000 ทุกคนท่อง ก-ฮ กันได้ไหมคะ? 522 00:20:36,000 --> 00:20:37,620 ไหนลองคอมเมนต์มาคุยกันก่อน 523 00:20:37,780 --> 00:20:39,700 แต่สำหรับวันนี้ลาไปก่อนละกันค่ะทุกคน 524 00:20:39,700 --> 00:20:41,360 บ๊าย บาย สวัสดีค่ะ