0:00:18.708,0:00:20.792 เมื่อต้นปี ค.ศ. 1905 0:00:20.792,0:00:27.370 อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ ในวัยใกล้จะครบ 26 ปี[br]ถูกมองว่าเป็นนักวิชาการตกอับ 0:00:27.370,0:00:30.486 นักฟิสิกส์ส่วนใหญ่ในเวลานั้น [br]คงหัวเราะเยาะถ้ามีใครบอกว่า 0:00:30.486,0:00:35.015 ข้าราชการชั้นผู้น้อยคนนี้อาจทำประโยชน์[br]อย่างใหญ่หลวงให้แก่วงการวิทยาศาสตร์ 0:00:35.015,0:00:36.809 กระนั้น ในปีต่อมา 0:00:36.809,0:00:38.933 ไอน์สไตน์ได้ตีพิมพ์ผลงาน[br]ไม่เพียงแค่ หนึ่ง 0:00:38.933,0:00:40.251 ไม่ใช่ สอง 0:00:40.251,0:00:41.420 ไม่ใช่ สาม 0:00:41.420,0:00:45.577 แต่เป็นผลงานถึงสี่เรื่องที่ยอดเยี่ยม[br]ในหัวข้อที่แตกต่างกันไป 0:00:45.577,0:00:51.159 ที่จะพลิกโฉมความเข้าใจของเราเกี่ยวกับเอกภพ 0:00:51.159,0:00:54.740 เรื่องเล่าที่ว่าไอน์สไตน์ตกเลขนั้น[br]เป็นแค่ข่าวลือ 0:00:54.740,0:00:58.097 เขาศึกษาแคลคูลัส (Calculus) ด้วยตนเอง[br]จนเชี่ยวชาญ เมื่ออายุ 15 ปี 0:00:58.097,0:01:00.672 และมีผลการเรียนดี[br]ทั้งที่โรงเรียนมัธยมในมิวนิค 0:01:00.672,0:01:02.881 และที่สถาบันเทคโนโลยีสวิสเซอร์แลนด์ 0:01:02.881,0:01:06.309 ที่ซึ่งเขาได้ศึกษาเพื่อเป็น [br]อาจารย์สาขาคณิตศาสตร์และฟิสิกส์ 0:01:06.309,0:01:09.247 แต่เนื่องจากไม่ค่อยได้เข้าชั้นเรียน[br]เพราะไปหมกตัวอยู่ในห้องทดลอง 0:01:09.247,0:01:12.232 แถมยังไม่เคารพเชื่อฟังอาจารย์ของเขา 0:01:12.232,0:01:15.643 ทำให้เส้นทางการเป็นอาจารย์ของเขา[br]ไม่เป็นอย่างที่หวัง 0:01:15.643,0:01:18.034 ถูกปฏิเสธแม้กระทั่ง[br]ตำแหน่งผู้ช่วยในห้องแลป 0:01:18.034,0:01:21.520 เขาจึงต้องไปทำงาน[br]ที่สำนักงานสิทธิบัตรในสวิตเซอร์แลนด์ 0:01:21.520,0:01:24.539 ด้วยความช่วยเหลือจาก[br]เพื่อนของพ่อ 0:01:24.539,0:01:26.592 ทำงาน 6 วันต่อสัปดาห์ ในตำแหน่ง[br]พนักงานตรวจสอบสิทธิบัตร 0:01:26.592,0:01:29.832 เขายังคงแบ่งเวลาส่วนหนึ่งให้กับฟิสิกส์ 0:01:29.832,0:01:33.074 อภิปรายถึงงานวิจัยใหม่ๆ[br]ร่วมกับเพื่อนสนิทกลุ่มเล็กๆ 0:01:33.074,0:01:35.638 และได้ตีพิมพ์ผลงานเล็กๆ 2-3 เรื่อง 0:01:35.638,0:01:37.149 และแล้วเป็นที่น่าประหลาดใจ 0:01:37.149,0:01:42.737 ที่ในเดือนมีนาคม ปีค.ศ.1905 [br]เขาก็ได้ตีพิมพ์ผลงาน เสนอทฤษฎีที่น่าตกตะลึง 0:01:42.737,0:01:45.469 แม้จะมีหลักฐานยึนยันว่าแสงเป็นคลื่น[br]มาหลายทศวรรษแล้ว 0:01:45.469,0:01:49.132 ไอน์สไตน์กลับเสนอว่า[br]แสงอาจเป็นอนุภาค 0:01:49.132,0:01:53.049 โดยแสดงว่าปรากฎการณ์ที่ยังไม่มีคำอธิบาย [br]เช่น ปรากฏการณ์โฟโตอิเล็กทริก 0:01:53.049,0:01:56.097 สามารถอธิบายได้ด้วยทฤษฎีของเขา 0:01:56.097,0:01:58.341 แนวคิดของเขาเป็นเรื่องน่าหัวร่อไปอีกหลายปี 0:01:58.341,0:02:01.997 แต่ไอน์สไตน์ก็แค่ล้ำหน้ากว่าคนอื่นๆ ไปยี่สิบปี 0:02:01.997,0:02:07.811 ทวิภาคของคลื่นและอนุภาคได้กลายเป็นหลักสำคัญ[br]ของศาสตร์แขนงใหม่เรื่องกลศาสตร์ควอนตัม 0:02:07.811,0:02:11.051 สองเดือนต่อมา ในเดือนพฤษภาคม[br]ไอน์สไตน์ได้ตีพิมพ์ผลงานชิ้นที่ 2 0:02:11.051,0:02:16.528 บทความนี้เกี่ยวกับคำถามเก่าแก่ที่ว่า[br]อะตอมมีจริงหรือไม่ 0:02:16.528,0:02:19.866 แม้ว่าหลายทฤษฎีจะถูกสร้างขึ้นโดยอาศัย[br]แนวคิดที่ว่ามีอะตอมที่มองไม่เห็นอยู่ 0:02:19.866,0:02:24.393 นักวิทยาศาสตร์ชื่อดังบางคนยังคงเชื่อว่า[br]มันเป็นสิ่งที่จินตนาการขึ้นมา 0:02:24.393,0:02:26.901 มากกว่าจะเป็นสิ่งที่มีตัวตนอยู่จริงๆ 0:02:26.901,0:02:29.028 แต่ไอน์สไตน์ได้ใช้ข้อพิสูจน์อันหลักแหลม 0:02:29.028,0:02:31.270 แสดงให้เห็นถึงพฤติกรรมของอนุภาคขนาดเล็ก 0:02:31.270,0:02:35.372 ที่เคลื่อนที่ในของเหลวอย่างไม่เป็นระเบียบ[br]ที่เรียกว่า การเคลื่อนที่แบบบราวเนียน 0:02:35.372,0:02:37.085 นั้นสามารถทำนายได้อย่างแม่นยำ 0:02:37.085,0:02:40.424 โดยเกิดจากการชนกันของอะตอม[br]ที่มองไม่เห็นนับไม่ถ้วน 0:02:40.424,0:02:43.331 การทดลองในภายหลังได้พิสูจน์ยืนยัน[br]แบบจำลองของไอน์สไตน์ 0:02:43.331,0:02:47.009 และข้อกังขาเกี่ยวกับการมีอยู่ของอะตอม[br]ก็สิ้นสุดลง 0:02:47.009,0:02:49.942 ผลงานชิ้นที่สามออกมาในเดือนมิถุนายน 0:02:49.942,0:02:51.012 นานมาแล้ว 0:02:51.012,0:02:53.461 ที่ไอน์สไตน์มีปัญหาเรื่อง[br]ความไม่สอดคล้องกัน 0:02:53.461,0:02:56.299 ของหลักฟิสิกส์พื้นฐานสองเรื่อง 0:02:56.299,0:02:58.637 หนึ่งคือ หลักสัมพันธภาพ (Principle of relativity) 0:02:58.637,0:03:00.655 ที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางมา[br]ตั้งแต่ยุคกาลิเลโอ 0:03:00.655,0:03:04.178 ที่กล่าวว่า การเคลื่อนที่สัมบูรณ์[br]ไม่สามารถนิยามได้ 0:03:04.178,0:03:07.357 และแต่ทฤษฎีแม่เหล็กไฟฟ้า [br]ที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางเช่นกัน 0:03:07.357,0:03:10.181 กลับยืนยันว่า การเคลื่อนที่สัมบูรณ์มีอยู่จริง 0:03:10.181,0:03:13.322 ความขัดแย้งที่ว่านี้ [br]และการที่เขาไม่สามารถที่จะไขความกระจ่าง 0:03:13.322,0:03:17.635 ทำให้ไอน์สไตน์ตกอยู่ในภาวะที่เขาเรียกว่า[br]ภาวะความตึงเครียดทางจิตใจ 0:03:17.635,0:03:18.715 แต่วันหนึ่งในเดือนพฤษภาคม 0:03:18.715,0:03:21.838 หลังจากที่เขาขบคิดถึงปัญหานี้[br]กับเพื่อนชื่อ มิเชล เบส์โซ 0:03:21.838,0:03:24.016 เมฆหมอกบังตาก็หายไป 0:03:24.016,0:03:26.871 ไอน์สไตน์ตระหนักว่า[br]ความขัดแย้งกันนี้สามารถจัดการได้ 0:03:26.871,0:03:29.861 ถ้าความเร็วแสงนั้นคงที่ตลอดเวลา 0:03:29.861,0:03:32.110 ไม่ว่าจะอยู่ในกรอบอ้างอิงใด 0:03:32.110,0:03:36.381 ขณะที่เวลาและพื้นที่นั้นสัมพัทธ์กับผู้สังเกต 0:03:36.381,0:03:39.434 ไอน์สไตน์ใช้เวลาเพียงไม่กีสัปดาห์จากนั้น[br]แต่งเติมรายละเอียด 0:03:39.434,0:03:43.614 และคิดค้นสิ่งที่ต่อมารู้จักกันในชื่อ[br]ทฤษฎีสัมพัทธภาพพิเศษ (Special relativity) 0:03:43.614,0:03:46.821 ทฤษฎีนี้ไม่เพียงเปลี่ยนความเข้าใจของเรา[br]ก่อนหน้านี้เกี่ยวกับความเป็นจริง 0:03:46.821,0:03:49.189 แต่ยังนำไปสู่ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี 0:03:49.189,0:03:51.186 ตั้งแต่เครื่องเร่งอนุภาค 0:03:51.186,0:03:53.752 ไปจนถึง ระบบกำหนดตำแหน่งบนโลก [br](Global positioning system) 0:03:53.752,0:03:55.587 บางคนอาจคิดว่าผลงานเท่านี้น่าจะเพียงพอแล้ว 0:03:55.587,0:03:56.593 แต่ในเดือนกันยายน 0:03:56.593,0:04:02.071 งานตีพิมพ์ชิ้นที่ 4 ได้ออกมา[br]ในฐานะภาคต่อของทฤษฎีสัมพันธภาพพิเศษ 0:04:02.071,0:04:04.931 ไอน์สไตน์ได้คิดต่อยอดจากทฤษฎีของเขา 0:04:04.931,0:04:08.694 และได้ตระหนักว่า[br]มันยังบ่งบอกถึงสสารและพลังงาน 0:04:08.694,0:04:12.479 ซึ่งอันหนึ่งมีตัวตน และอีกอันไม่มีตัวตน 0:04:12.479,0:04:15.059 ว่าจริงๆ แล้วเป็นอันเดียวกัน 0:04:15.059,0:04:18.928 ความสัมพันธ์ของมันสามารถแสดงออกมาได้เป็น 0:04:18.928,0:04:21.831 สมการอันโด่งดังในตำนาน 0:04:21.831,0:04:25.304 E=mc^2 0:04:25.304,0:04:29.947 ไอน์สไตน์ยังคงไม่เป็นที่รู้จักมากนัก[br]จนกระทั่งอีก 15 ปีถัดมา 0:04:29.947,0:04:34.795 ในตอนที่ทฤษฎีสัมพัทธภาพทั่วไป[br]ได้รับการพิสูจน์ในปีค.ศ. 1919 0:04:34.795,0:04:38.515 โดยการวัดว่าแสงมีการโค้งเบน[br]ขณะเกิดสุริยุปราคา 0:04:38.515,0:04:41.441 ซึ่งสื่อได้ทำให้เขากลายเป็นคนดัง 0:04:41.441,0:04:44.590 แต่ต่อให้เขากลับไปหมกตัวทำงาน[br]ที่สำนักงานสิทธิบัตร 0:04:44.590,0:04:47.745 และไม่ได้สร้างผลงานอะไรออกมาอีกเลย[br]นับจากปีค.ศ. 1905 เป็นต้นมา 0:04:47.745,0:04:50.046 งานตีพิมพ์ทั้งสี่ในปีมหัศจรรย์ของเขา 0:04:50.046,0:04:55.697 ก็ยังคงเป็นสิ่งที่แสดงถึง[br]อัจฉริยภาพที่น่าทึ่งของเขาอยู่ดี