สวัสดีค่ะ วิวจากแชนเนล Point of View ค่ะ อยากรู้กันมั้ยคะว่าทำไม เราต้องใช้หญ้าแพรกไหว้ครู แต่ก่อนที่จะไปรู้กันเนี่ย บอกเลยนะคะว่าพูดถึงครู ครูไม่ได้มีแค่ในห้องเรียนค่ะ สมัยนี้นะคะเราสามารถ เรียนรู้นอกห้องเรียนได้ด้วย และที่สำคัญตรงกับหลักสูตรกระทรวงเป๊ะๆๆๆเลยนะคะ ไม่ว่าใครจะเอาไปใช้สอบ O-NET GAT-PAT กสพท. 9วิชาสามัญ SATmath หรือว่า BMAT นะคะ ก็สามารถเข้าไปทบทวนและลองทำข้อสอบ พร้อมๆกับรุ่นพี่ระดับ Top ประเทศ ที่จะมาเฉลยละเอียดยิบได้ในช่อง Nestle School Channel ค่ะ บอกเลยว่าเนื้อหาละเอียดยิบ ไม่ได้ต่างจากที่ครูสอนในห้องเรียนเลยค่ะ ส่วนใครที่เข้าไปดูแล้ว อย่าลืมกด Subscribe กันนะคะ จะได้ไม่พลาดเลยเวลาที่ต้องติวสอบค่ะ ที่สำคัญเขามีเป็น App ด้วยนะคะ ลองไปใช้งานกันได้ค่ะ เอาละ จบเรื่องที่เค้าฝากมาบอกแล้วนะคะ เข้าเรื่องของเรากันดีกว่าค่ะ จริงๆแล้วช่วงสัปดาห์นี้ก็เป็นวันครูด้วยใช่ไหมคะ ดังนั้นไม่แปลกเลยถ้าเราจะมาคุยเรื่องครูกันค่ะว่า เฮ้ย ทำไมอยู่ดีๆเราต้องเอาหญ้าแพรกมาไหว้ครู ซึ่งเรื่องนี้บอกว่าวิวขออนุญาต ตอบด้วยดราม่าระดับเทพค่ะ รับรองว่าเรื่องในวันนี้ดราม่าแน่ๆนะคะ ดังนั้นนะคะอย่าลืม กดติดตามวิวให้ครบทุกช่องทางค่ะ จะได้ไม่พลาดข่าวสารดีๆแล้วก็คลิปวิดีโอสนุกๆ จากช่อง Point of View นะคะ สำหรับตอนนี้พร้อมจะไปฟังเรื่องราวที่ ทั้งสนุกแล้วก็ได้สาระกันรึยังคะ ถ้าพร้อมกันแล้วก็ไปฟังกันเลยค่ะ ถ้าเราจะมาพูดถึงว่า ทำไมเราต้องใช้หญ้าแพรกไหว้ครูนะคะ เราต้องมาดูที่พิธีไหว้ครูของไทยก่อนว่า เฮ้ย มันมีต้นไม้ใบหญ้าอะไรที่ เกี่ยวข้องกับการไหว้ครูบ้างนะคะ ซึ่งเอาจริงๆในสมัยนี้ เวลาเราจัดพานไหว้ครูหรืออะไร ทุกวันนี้เราก็จัดกันเอามันส์ใช่ไหม จัดให้แบบว่าตื่นเต้นอลังการ เป็นการประกวดแฟนซีอะไรกันไปต่างๆแล้ว แต่จริงๆนะคะในสมัยก่อนมันมีความเชื่ออยู่ค่ะว่า มันจะมีต้นไม้ดอกไม้จำพวกนึงเนี่ย ที่เรานิยมนำมาไหว้ครูกันค่ะ ประกอบไปด้วย หนึ่ง หญ้าแพรกนะคะ ที่เราจะเล่าถึงในวันนี้ สองคือดอกมะเขือ สามคือดอกเข็ม และสุดท้ายนะคะ ไม่ใช่ดอกไม้ใบหญ้าค่ะ แต่ว่าเป็นข้าวตอกนั่นเอง ทีนี้ถามว่าทำไมต้องใช้สิ่งเหล่านี้ในการไหว้ครูนะคะ เค้าบอกว่าแต่ละอย่างเนี่ย มันก็มีความหมายของมันเองค่ะ อะ หญ้าแพรกเนี่ยนะคะ ตามความเชื่อไทยเค้าเชื่อกันว่า สาเหตุที่เราต้องนำหญ้าแพรกมาไหว้ครูเพราะว่า หญ้าแพรกเป็นตัวแทนของความอดทนค่ะ คือหญ้าแพรกเนี่ยเป็นหญ้าที่ทนมากนะ เรียกได้ว่าไปปลูกตรงไหนก็ขึ้นนะ กระทืบ กระทืบ กระทืบก็ไม่ตาย อากาศร้อนแห้งแล้งอะไรต่างๆ หญ้าแพรกอาจจะแค่เหี่ยว อาจจะแค่เหลือง แต่สุดท้ายเมื่อเจอฝน หญ้าแพรกก็จะกลับมา งอกงามเหมือนเดิมอีกครั้งนึงนะคะ ดังนั้นนะคะเราก็เลยนำหญ้าแพรกไปไหว้ครูกันค่ะ เพื่อเป็นตัวแทนของความเข้มแข็งอดทน ในการเรียน อะไรทำนองนี้นะคะ ส่วนดอกมะเขือเนี่ยเป็นตัวแทนของความอ้อนน้อมค่ะ คือดอกมะเขือเนี่ยนะคะเป็น ดอกไม้ที่มันจะไม่ชูขึ้นด้านบนค่ะ มันจะเป็นดอกไม้ที่ค้อมลงอย่างนี้นะคะ คือถ้าเรานึกถึงดอกไม้ ปกติดอกกุหลาบ ดอกอะไรอย่างนี้ ส่วนใหญ่มันจะชูขึ้นฟ้าใช่ไหม แต่ดอกมะเขือนะคะ จะเป็นดอกค้อมลงค่ะ เพราะว่าอะไร เพราะว่าดอกมะเขือมันจะกลายเป็น ก้านของลูกมะเขือในอนาคตไง ถ้ามันชูขึ้น ลูกมะเขือมันก็หนัก มันก็พุ่งขึ้น มันก็ไม่รอดนะคะ ดังนั้นค่ะ เค้าก็เลยบอกว่า เออ ดอกมะเขือนี่แหละ ตัวแทนของความอ่อนน้อมถ่อมตน ถ้าไม่อ่อนน้อมมันจะไม่เจริญงอกงามเป็นผลนะจ๊ะ ก็เลยนำมาใช้ไหว้ครูนั่นเองค่ะ ส่วนดอกเข็มเนี่ยอันนี้เป็นคอนเซปต์ค่อนข้างใหม่ เค้าบอกว่าการที่เรานำดอกเข็มไปไหว้ครูนะคะ จะทำให้สติปัญญาของเราเฉียบแหลมประดุจเข็ม น่ะ ประมาณนั้นเลย ส่วนข้าวตอก อันนี้เป็นปริศนาธรรมนิดนึง รู้จักข้าวตอกกันไหมทุกคน ข้าวตอกคือการที่เอาข้าวนะคะมาคั่วๆๆๆ ปกติเค้าจะคั่วกันในกระทะค่ะ แล้วก็มันก็จะกระเด็น กระเด็น กระเด็น เหมือนที่เค้าบอกว่า ดังเป็นข้าวตอกแตกประมาณนั้นแหละ พอคั่วๆๆ ข้าวมันแตก มันก็จะกลายเป็นข้าวตอกนะคะ ซึ่งมันเอามาใช้ประโยชน์ได้ นำมาใช้กิน ใช้ทำนู่นใช้ทำนี่ค่ะ ทีนี้ถามว่าข้าวตอกเป็นตัวแทนของอะไร ข้าวตอกนะคะเป็นตัวแทนของความมีระเบียบค่ะ เอ๊า แล้วเป็นข้าวตอกแตก แล้วมันมีระเบียบยังไงนะคะ ก็ต้องบอกว่าพอพูดถึงการคั่วข้าวตอกนี่ล่ะค่ะ เวลาข้าวตอกอยู่ในกระทะเนี่ยนะคะ เมล็ดข้าวแต่ละเมล็ดจะโดนโยนลงไปในกระทะค่ะ ระหว่างคั่วมันก็จะแตกไปนู่น แตกไปนี่ ซึ่งข้าวตอกไหนที่อยู่ในระเบียบวินัยนะคะ มันก็จะยังอยู่ในกระทะ อาจจะมีการดิ้นซนบ้าง เด้งบ้าง ดึ๊งๆๆๆ อะไรอย่างนี้ แต่มันก็ยังอยู่ในกระทะค่ะ ซึ่งเมล็ดข้าวเหล่านี้ที่ยังอยู่ในกระทะเนี่ยนะคะ มันก็จะกลายเป็นข้าวตอกที่สามารถ นำไปใช้ประโยชน์ได้ต่อไปค่ะ แตกต่างจากเมล็ดข้าวหลายๆเมล็ดนะคะ ที่พอโยนลงไปเนี่ยมันแตก แล้วมันก็จะเด้งออกมาจากกระทะ เป๊าะๆๆๆ ดังนั้นข้าวเมล็ดไหนนะคะที่กระเด็น ออกไปนอกกระทะแบบไม่มีระเบียบเนี่ย ก็จะกลายเป็นข้าวที่ไม่มีประโยชน์นั่นเองค่ะ สื่อให้เห็นว่าความเชื่อไทยสมัยก่อนเนี่ย คนที่เป็นนักเรียนก็ต้องอยู่ในระเบียบวินัยนะคะ ประมาณนี้เลย อันนี้คือความเชื่อแบบไทย ทีนี้เราช่างสามอันหลังไปค่ะ เรามาพูดถึงหญ้าแพรกกันวันนี้ คือจะบอกว่าหญ้าแพรกเนี่ย ถึงความเชื่อแบบไทย จะบอกว่าเป็นความเข้มแข็งอดทนอะไรต่างๆนะคะ แต่หญ้าแพรกเนี่ยไปเกี่ยวกับ ความเชื่อของทางอินเดียด้วยค่ะ ซึ่งมันแซ่บกว่าของไทยไง ดังนั้นวันนี้นะคะเราจะมาเล่าเรื่อง เกี่ยวกับความเชื่ออินเดียกันค่ะ พูดถึงหญ้าแพรกเนี่ยนะ บอกเลยว่าหญ้าแพรก เป็นหญ้าที่ค่อนข้างจะฮอตฮิตในอินเดียนะ มีการกล่าวถึงหลายต่อหลายครั้งเลยทีเดียว อย่างในคัมภีร์ปุราณะนะคะ หลายฉบับก็กล่าวถึงหญ้าแพรกค่ะ เช่น ปุราณะที่ชื่อว่า Bhavisya Purana เนี่ยนะคะ ก็มีการกล่าวถึงหญ้าแพรกว่า หญ้าแพรกเป็นหญ้าที่เกิดขึ้นจาก มือของพระวิษณุหรือพระนารายณ์ ดังนั้นนี่คือหญ้าศักดิ์สิทธิ์ หรือว่าใน Vamana Purana นะคะก็บอกว่า หญ้าแพรกนี่คือหญ้าที่อยู่กับ หางของพญานาควาสุกรี ซึ่งพญานาควาสุกรีเราก็รู้ใช่ไหมคะ ว่าเป็นพญานาคสำคัญขนาดไหน แต่วันนี้วิวไม่ได้จะมาเล่าสองตำนานนี้ค่ะ ตำนานที่เราจะมาเล่าถึงเนี่ย เกี่ยวข้องกับเทพองค์นึงที่หลายๆคนถามถึง และอยากให้วิวเล่าเรื่อง เทพองค์นี้มานานมากแล้วนะคะ เทพองค์นั้นก็คือ พระพิฆเนศ หรือว่า พระคเณศ นั่นเองค่ะ ซึ่งในวันนี้นะคะ วิวจะเล่าเรื่องพระคเณศเนี่ย โฟกัสไปเฉพาะเรื่องราวเกี่ยวกับพิธีไหว้ครูนะคะ อาจจะไม่ได้ไปเล่าถึง ประวัติต่างๆที่เหลืออะไรนะคะ ถ้ามีโอกาสเดี๋ยวจะมาเล่าให้ฟังในโอกาสหน้าค่ะ อะ พูดถึงพระคเณศของเรา เกี่ยวข้องยังไงกับหญ้าแพรก และเกี่ยวข้องยังไงกับครูนะคะ ก็ต้องบอกว่าถ้าใครเป็นคนที่บูชาพระคเณศเนี่ย หรือใครเคยไปเที่ยวที่ เทวสถานโบสถ์พราหมณ์เนี่ยนะคะ ก็จะเห็นว่าพระคเณศเนี่ย เวลาเราจะบูชาพระคเณศเนี่ยนะคะ ก็จะมีของต่างๆที่เราเชื่อกันว่า เป็นของโปรดของพระคเณศ ที่เอาไปบูชาแล้วพระคเณศจะเลิฟๆเรามากๆนะคะ ยกตัวอย่างเช่น ขนมโมทกะ เป็นต้น อันนี้วิวก็เขียนไว้ในหนังสือเล่มนึงแล้ว ที่ชื่อว่า วรรณคดีไทยไดเจสต์ เป็นหนังสือรวม เกร็ดเรื่องราวเกี่ยวกับวรรณคดีแซ่บๆ เล่มสีชมพูๆนะคะ สามารถซื้อหากันได้ตามลิงก์ด้านล่าง และ ขายทำไม กลับมาก่อนค่ะ แต่วันนี้เราจะไม่ได้พูดถึงขนมโมทกะนะคะ เราจะพูดอีกอย่างนึงค่ะ คือเวลาที่ใครไปไหว้พระคเณศเนี่ยนะคะ รวมที่โบสถ์พราหมณ์ด้วยเนี่ย จะเห็นว่าเรานิยมนำ หญ้าแพรกไปไหว้พระคเณศกันค่ะ และที่สำคัญนะคะ เวลาเอาหญ้าแพรกไปไหว้พระคเณศเนี่ย ไม่ใช่ว่าเอาหญ้าเป็นต้นๆไปไหว้ได้เฉยๆนะคะ เค้าต้องเอาไปเป็นกำๆค่ะ แล้วส่วนใหญ่นิยมประมาณ 21 กำ หรือว่า 21 ต้น ประมาณนี้นะคะ อะ ทีนี้ถามว่าแล้วทำไมพระคเณศ ถึงโปรดหญ้าแพรกนะคะ ก็ต้องบอกว่ามีตำนานที่ใช้ อธิบายเรื่องนี้ถึงสามตำนานด้วยกันค่ะ เลเวลความแซ่บแตกต่างกันไป และเลเวลความละเอียดก็แตกต่างกันไป สองตำนานแรกจะเป็นสองตำนานที่แซ่บกว่า แต่มีรายละเอียดน้อยมากนะคะ ส่วนตำนานที่สามเนี่ยจะเป็นตำนานที่แพร่หลายกว่า แล้วก็อาจจะแซ่บน้อยกว่านิดนึงนะจ๊ะ ตำนานแรกนะคะกล่าวถึงวันนึงค่ะ เค้าว่ากันว่ามีอยู่ช่วงนึงนะคะ พระคเณศกำลังอยู่ในช่วงทำสมาธิอะไรต่างๆค่ะ ทีนี้มีนางอัปสรอยู่นางนึงเนี่ยนะคะ เกิดหลงรักพระคเณศค่ะ รู้สึกว่าแบบโอ๊ย พระคเณศหล่อจังเลย อยากได้พระคเณศเป็นแฟน อยากได้เป็นสามี นี่แหละคู่ครองในฝันของชั้น ดังนั้นนะคะนางอัปสรก็เลยพุ่งตรงมาหา พระคเณศที่กำลังนั่งสมาธิอยู่ค่ะ แล้วก็อ้อนวอนต่างๆ ประมาณว่า ได้โปรดเถอะท่าน ได้โปรดมาเป็นผัวดิชั้นเถอะ ชั้นชอบท่านมากเลย อะไรทำนองนี้นะคะ ซึ่งพระคเณศค่ะ ด้วยความที่นั่งสมาธิอยู่ แล้วก็ไม่ชอบนางไง พระคเณศก็เลยปฏิเสธไปนะคะ ประมาณว่าแบบ ไม่เอาอะ ชั้นไม่อยากได้เธอเป็นเมีย ไม่เอานะ ชั้นนั่งสมาธิของชั้นอยู่ดีๆ อย่ามายุ่ง นะคะ ซึ่งทำให้นางอัปสรตนนั้นนะคะ โกรธมากค่ะ นางอัปสรแบบนี่อะไร นี่คือการหักหน้าผู้หญิงอย่างใหญ่หลวง คือชั้นอุตส่าห์มาอ้อนวอนขอร้อง ขอให้เธอมาเป็นของชั้น แล้วเธอยังจะมาหักหน้าชั้นแบบนี้อีก ชั้นรับไม่ได้ ดังนั้นนางอัปสรนางนั้นนะคะ ก็เลยสาปพระคเณศค่ะ สาปบอกว่าในเมื่อเธอมาโกรธชั้น ไม่รับรักชั้น ดังนั้นชั้นขอสาปให้เธอหัวร้อน ขอให้เธอจงหัวร้อนตั้งแต่นี้เป็นต้นไป เปรี้ยง! นะคะ แล้วนางอัปสรนางนั้นก็จากไปค่ะ ทิ้งให้พระคเณศนะคะหัวร้อนอยู่อย่างนั้น คือไม่รู้ว่าหัวร้อนเพราะโกรธ หรือว่าหัวร้อนเพราะโดนสาปอะนะ ก็เรียกได้ว่าร้อน แล้วไม่ใช่ร้อนแบบโกรธเฉยๆ คือร้อนจริงๆ ร้อนแบบเหมือนเป็นไข้นะคะ คือสมัยก่อนมันคงไม่มีที่แปะลดไข้อะนะ ดังนั้นพระคเณศนะคะก็เลยพยายาม หานู่นหานี่หานั่นมาแปะหัวตัวเองค่ะ แปะยังไงก็ไม่หายนะคะ จนสุดท้ายไปได้ของอย่างนึงมาค่ะ เดาไม่ยากหรอก เกริ่นชื่อเรื่องมาขนาดนี้แล้ว พระคเณศไปได้หญ้าแพรกมานี่แหละค่ะ เอามาแปะหัว แล้วก็ค้นพบว่า อุ้ย มันเย็นสบาย มีฤทธิ์ลดความร้อน ชั้นหัวเย็นแล้ว ตั้งแต่นั้นมานะคะ หญ้าแพรกก็เลย กลายเป็นของโปรดของพระคเณศค่ะ และนี่คือตำนานที่หนึ่งนะคะ ตำนานที่สองค่ะ คล้ายๆกับตำนานแรกนะคะ แต่ว่าลง detail มากขึ้นอีกนิดนึง ตำนานนี้จะมีความดราม่ามาก สมกับชื่อหัวข้อดราม่าระดับเทพของเราจริงๆ ตำนานนี้นะคะกล่าวถึงนางอัปสรตนนึงค่ะ ชื่อว่า Durva นะคะ Durva อะไรประมาณอย่างนี้แหละ คืออ่านมาเป็นภาษาอังกฤษอะนะ ซึ่งนี่คือชื่อภาษาสันสกฤตของหญ้าแพรกนะคะ นางเนี่ยหลงรักพระคเณศมานานแล้วค่ะ เหมือนเรื่องแรกเป๊ะเลย ต่างกันนิดนึงคือเรื่องแรกนางนกใช่ไหม แต่ว่าเรื่องนี้ค่ะ นางอัปสร Durva เนี่ยรักพระคเณศ แล้วพระคเณศก็รักด้วย สองคนนี้รักกันค่ะ คือเหมือนกับว่ากำลังเล็งๆกันอยู่ แบบว่าชั้นชอบเธอ ชั้นชอบเธอ แต่ว่ามีคนนึงนะคะที่ไม่ปลื้ม ตามสไตล์เลย คนที่ไม่ปลื้มก็คือ แม่ผัวนั่นเองค่ะ พระอุมาซึ่งเป็นแม่ของพระคเณศนะคะ ไม่ชอบนางอัปสรตนนี้เลยประมาณว่าแบบ เธอเป็นนางอัปสรผู้ต่ำต้อย ลูกชั้นเป็นถึง ลูกแห่งเทพเจ้าที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก เธอจะมาคู่ควรอะไรกับลูกชั้น ดังนั้นนะคะ ถามว่าพระอุมาใจร้อนมั้ย ใจร้อนแน่นอน พระอุมาไม่ทนนะคะ ปกติเจอแม่ผัวก็แย่พอแล้วนะ นี่คือเจอแม่ผัวเลเวลแบบพระอุมาทุกคน ใครจะไปสู้นะคะ ดังนั้นค่ะ เมื่อไม่ปลื้ม พระอุมาก็หาทางขัดขวางค่ะ ด้วยวิธีง่ายๆเลยคือ อะ ชั้นไม่ชอบใช่ไหม สาปมันเลย ดังนั้น Durva ชั้นขอสาปเธอให้กลายเป็นต้นไม้ แล้วชั้นจะไม่ให้เธอเป็นต้นไม้สวยงาม มีดอกออกผลมาให้ลูกชั้นชื่นชมหรอก ชั้นจะขอสาปให้เธอเป็นแค่หญ้า เป็นหญ้าธรรมดาสามัญที่หาเจอได้ทุกที่ ให้คนเดินเหยียบไปเหยียบมา ไม่มีใครสนใจ ไม่มีใครสังเกต พระคเณศลูกชั้นจะได้ลืมเธอ นะคะ แต่ปรากฏว่าแม้นางว่าจะโดนสาป เป็นหญ้าแล้วนะคะ พระคเณศก็ไม่ลืมค่ะ และที่สำคัญนางก็มีการสวดมนต์อ้อนวอน ต่อพระอุมาเรื่อยๆนะคะ ประมาณว่า หนูไม่ได้อะไรผิด อย่าว่าไรหนูเลย สวดมนต์อ้อนวอน สวดมนต์อ้อนวอน ซึ่งตามสเต็ปเนี่ยเราก็รู้กันว่า พระอิศวร พระอุมาเหมือนกันแหละค่ะ ใครสวดมนต์อ้อนวอนเยอะๆก็จะใจอ่อนอะนะ ดังนั้นพระอุมาสุดท้ายก็ใจอ่อนนะคะ ก็เลยลงมาให้พรค่ะ แต่จะให้พรแบบอะ เธอกลับมา เป็นคนได้แล้ว มันก็ไม่ได้ไงคือ คำสาปที่สาปไปแล้วมันก็เป็นคำสาปที่ ไม่มีใครล้มล้างได้นะคะแม้แต่ตัวเองก็ตาม ทำได้แต่บิดคำสาปเล็กๆน้อยๆ ดังนั้นพระอุมาก็เลยบิดคำสาปให้ค่ะบอกว่า อะ ไม่เป็นไรนะ ถึงเธอจะเป็นหญ้า แต่ชั้นก็ขอให้เธอเป็นหญ้าโปรดพระคเณศแล้วกัน ไม่คุ้มเลยเนอะทุกคน คือแบบแล้วไงอะ เค้ารักกันอะ เค้าก็จะแต่งงานกันอะ แล้วเป็นหญ้าของโปรด แล้วไงอะคะ แต่อย่างไรก็ตามนะคะช่างมันค่ะ นี่คือตำนานที่สองนะคะ ว่าทำไมพระคเณศถึงชอบหญ้าแพรกค่ะ และเราก็มาถึงตำนานที่สามนะคะ ซึ่งเป็นตำนานที่ค่อนข้างจะฮอตฮิตที่สุด เป็นตำนานที่หลายๆคนรู้จักดีที่สุดนะคะ ตำนานนี้กล่าวถึงอสูรตนนึงค่ะ อสูรตนนี้เป็นลูกของพระยมนะคะ กับนางอัปสรนางนึง คือพระยมกับนางอัปสรเนี่ย เกิดการเริงระบำกันเกิดขึ้นค่ะ มีการเต้น แดนซ์กันอยู่ ณ ลานแดนซ์ที่นึงนะคะ ระหว่างที่แดนซ์นะคะ ก็มีอสูรตนนึงเนี่ยงอกออกมาค่ะ คือการแดนซ์กันเนี่ยมันอาจจะไม่ใช่ การกระทำที่มีเกียรติอะไรขนาดนั้นนะ สิ่งที่งอกออกมาก็เลยไม่ใช่เทพค่ะ แต่ว่าเป็นอสูรนะคะ ซึ่งอสูรตนนี้นะคะชื่อว่า Analasura ค่ะ Analasura เนี่ยเกิดมาแล้วก็ มีความสามารถมากๆนะคะ ประกอบกับเค้าเนี่ยนับถือพระศิวะค่ะ ก็ไปนั่งสมาธิอะไรต่างๆ แบบที่วิวบอกเลยว่าพระศิวะเนี่ยใจง่ายนะคะ นั่งสมาธิอะไรนิดๆหน่อยๆ อะ ให้พร ถามว่าให้พรว่าอะไร อะ Analasura Anala แปลว่าไฟใช่ไหม งั้นข้าขอให้พรให้เจ้าตาเป็นไฟแล้วกัน Analasura นะคะก็เลย กลายเป็นอสูรที่มีฤทธิ์มากค่ะ แล้วก็มีดวงตาเป็นไฟ แผดเผาทุกสิ่งทุกอย่างได้นะคะ Analasura เนี่ยหลังจากได้พรไปแล้ว ก็กำเริบเสิบสานค่ะ ออกอาละวาดไปทั่วเลยนะคะสามโลก อาละวาดตรงนั้น ตรงนี้ ตรงนู้น สุดท้ายถึงขั้นขึ้นไปอาละวาดบุกสวรรค์นะคะ แล้วก็ยึดสวรรค์เลยทีเดียว เหล่าเทพเหล่าอะไรต่างๆก็เดือดร้อนกันไปหมดเลย รวมถึงพระอินทร์ก็โดนขับไล่ลงมาจากสวรรค์ด้วย เหล่าเทพก็ไม่รู้จะทำยังไงนะคะ ก็พยายามจะหาทางกำจัด Analasura ด้วยวิธีต่างๆ ซึ่งตรงนี้ตำนานแต่ละตำนานเล่าไม่เหมือนกันนะ บางตำนานก็บอกว่าเหล่าเทพก็ไปหาพระศิวะ บางตำนานก็บอกว่าไปหาพระวิษณุ ซึ่งพระศิวะกับพระวิษณุเนี่ย บอกเหมือนกันเลยประมาณว่า โอ๊ย ไม่ต้องถึงมือข้าหรอก เดี๋ยวอีกแป๊บนึง พระพิฆเนศก็ทนไม่ไหวแล้วไปจัดการให้แหละ ส่วนอีกตำนานนึงเนี่ยนะคะก็บอกว่า พระคเณศหรือพระพิฆเนศเนี่ย อยู่ดีๆก็อยากจัดการอสูรตนนี้ด้วยตนเองนะคะ อย่างไรก็ตาม ผลลัพธ์สุดท้ายเนี่ยก็เกิดขึ้นก็คือ พระคเณศเนี่ยนะคะเดินทางมา เพื่อมาสู้กับ Analasura ค่ะ ซึ่งมาถึงเนี่ยพระคเณศก็ไม่ได้มา ในร่างแบบพระคเณศนะจ๊ะ แต่ว่ามาในร่างเด็กน้อยคนนึงค่ะ ก็มาแล้วก็มาสู้กับ Analasura ขณะที่สู้กันไปสู้กันมาเนี่ยนะคะ อยู่ดีๆมีจังหวะนึงค่ะ Analasura รู้สึกรำคาญประมาณว่าแบบ โอ๊ย ไอเด็กคนนี้ ชั้นสู้ไม่ชนะซะที ทำไงดี ว่าแล้วนะคะ Analasura ก็กะว่าจะขยายร่างตัวเองค่ะ แล้วก็กินเด็กน้อยคนนี้เข้าไปเลย แต่จังหวะนั้นนะคะ พระพิฆเนศอาศัยจังหวะเดียวกันเนี่ย ขยายร่างตัวเองใหญ่เบิ้มกว่าค่ะ ใหญ่แบบใหญ่เบิ้มมม! เบิ้มขึ้นมาเลยนะคะ แล้วก็ จัดการงับ Analasura เข้าไปในคำเดียวเลยค่ะ เรียกได้ว่ากลืนลงท้องไปเลย ทำให้พระคเณศเนี่ยนะคะ สามารถปราบ Analasura ได้ในที่สุดค่ะ แต่ ถามว่าเรื่องของเราจบรึยัง ยังไม่เกี่ยวกับหญ้าแพรกเลยใช่ไหม ยังไม่จบค่ะ เพราะว่า ไม่ต้องพระคเณศที่กินอสูรตาไฟ ลงไปตั้งหนึ่งตนหรอก นึกสภาพพวกเรากินอะไรแปลกๆ เกิดอะไรขึ้นคะ แน่นอนว่ากระเพาะต้องมีปัญหาน่ะนะ พระคเณศค่ะ กิน Analasura ลงไป เคี้ยวก็ไม่เคี้ยว เป็นตาไฟอีก ท้องอืด ท้องเฟ้อ คือในท้องเนี่ยนะคะ เกิดความรู้สึกร้อนรุ่มค่ะ เหมือนมีไฟไปเผาไหม้อยู่ในท้อง พระคเณศก็ทรมานมากนะคะ เหล่าเทพทั้งหลายค่ะก็พยายามจะช่วยพระคเณศ พระอุมาในฐานะแม่เนี่ยเริ่มก่อนเลย เอาผงจันทน์นะคะ ผงจันทน์ที่เป็นพวก เครื่องหอมต่างๆของอินเดียใช่ไหม ผสมน้งผสมน้ำเอามาลูบตัวพระคเณศก่อน ลูบๆๆ ลดความร้อนนะลูก ลดความร้อน ถามว่าความร้อนลดลงไหม ไม่ลดค่ะ พระอิศวรไม่มีอะไรอยู่กับตัว อ้อ ของตัวเองมีงูที่พันอยู่ เออ งูมันก็เป็นสัตว์เลื้อยคลานก็น่าจะเย็นๆนะ อะ เอางูไปพันตัวพระคเณศ ก็ไม่ช่วย ความร้อนก็ยังอยู่ในตัวพระคเณศ พระคเณศก็นอนบิดเลยนะคะ ประมาณว่าแบบโอ๊ย ทรมาน ทรมานมาก โอ๊ยมันร้อนไปหมด นะคะ เหล่าเทพก็ยังไม่หยุดความพยายามค่ะ เทพองค์ถัดไปที่มาช่วยนะคะก็คือพระวรุณนั่นเอง หรือว่า Varuna นะคะ ซึ่งเป็นเทพแห่งฝน อะ ฟังดูน่าจะช่วยใช่ไหม เทพแห่งฝนค่ะก็เสกฝนเรียกลมเรียกฝนมา โปรยน้ำหอบใหญ่เลยค่ะใส่พระคเณศ ถามว่าช่วยไหม บอกเลยว่าไม่ค่ะ ความร้อนก็ยังพวยพุ่งออกจาก ตัวพระคเณศเหมือนเดิมนะคะ พระจันทร์ค่ะ พระจันทร์บอกว่า เออ ชั้นก็เป็นก้อนพระจันทร์กลมๆ น่าจะเย็นๆน้า คือสมัยก่อน นึกภาพพระจันทร์กับพระอาทิตย์ พระจันทร์มันก็น่าจะเย็นอะนะ พระจันทร์ก็เลยเอาตัวเองนะคะ ไปแปะไว้บนหน้าผากพระคเณศ เหมือนกับเจลลดไข้ประมาณนั้น กะว่ามันจะช่วยให้มันเย็นลงได้นะคะ ถามว่าช่วยไหม บอกเลยว่าไม่ค่ะ เพราะว่า พระคเณศยังร้อนเหมือนเดิม แต่สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือเกิด พระคเณศอีกปางนึงขึ้นมานะคะ ก็คือปางพระคเณศที่มีพระจันทร์เสี้ยวอยู่บนหัว ที่เรียกว่า พาลจันทร์ นั่นแหละค่ะ หลายๆคนที่บูชาพระคเณศกันน่าจะเคยเห็นนะคะ ส่วนเทพองค์ถัดไปที่มาช่วยนะคะ ก็คือพระวิษณุหรือพระนารายณ์นั่นเอง พระวิษณุนี่ก็ไม่มีอะไร มีดอกบัวอยู่ ก็เลยเอาดอกบัวมาวางบนพระคเณศ กะว่าจะช่วย ก็ไม่ช่วยอยู่ดี ตัวพระคเณศก็ยังร้อนๆๆอยู่นะคะ จนในที่สุดค่ะ เรื่องราวทั้งหมดนี้ ร้อนไปถึง พระกศยปเทพบิดร นะคะ พระกศยปนี่ก็บอกว่า อ่าว พระคเณศตัวร้อนเหรอ มาๆๆ ข้าช่วย ว่าแล้วนะคะพระกศยปก็เอาหญ้าแพรกนี่ล่ะค่ะ ทั้งหมด 21 กอเนี่ยนะคะ มาถักๆๆๆ แล้วก็เอาไปวางบนตัวพระคเณศค่ะ ตอนแรกทุกคนก็แบบ โอ๊ย แค่หญ้ามันจะไปรอดเหรอ แต่ปรากฏว่าตัวพระคเณศเย็นลงจริงๆค่ะ แล้วในที่สุดพระคเณศก็กลับมา แฮปปี้กระดี๊กระด๊าเหมือนเดิมนะคะ ตั้งแต่นั้นมาค่ะ พระคเณศก็เลยประกาศว่า หนึ่งในของโปรดของชั้นก็คือหญ้าแพรกนั่นเอง จงใช้หญ้าแพรกบูชาชั้นนะคะ และนี่ก็คือเรื่องราวที่ว่าทำไมเรา ถึงใช้หญ้าแพรกบูชาพระคเณศ ทีนี้ แล้วใช้หญ้าแพรกบูชาพระคเณศ เกี่ยวอะไรกับการใช้หญ้าแพรกไหว้ครู ก็ต้องบอกว่าปกติเวลาเราจัดพิธีไหว้ครูต่างๆค่ะ หนึ่งในเทพที่เรามักจะนำไปตั้งไว้ใน ที่บูชาด้วยนะคะก็คือพระคเณศนั่นเอง โดยเฉพาะการบูชาในสายศิลปวิทยาแขนงต่างๆ คือถ้าในอินเดียเนี่ย เวลาที่จะบูชาก่อนที่จะ เริ่มศึกษาวิชาความรู้ศิลปวิทยาอะไรต่างๆ ส่วนมากจะตั้งทั้งหมดสององค์ด้วยกันค่ะ องค์แรกคือพระสรัสวตี (สุรัสวดี) ที่เป็นเทพแห่งศิลปวิทยาการอะไรต่างๆนะคะ ส่วนพระคเณศเนี่ยตั้งไว้คู่กัน ถามว่าทำไมต้องตั้งพระคเณศไว้ พระคเณศเป็นเทพแห่งศิลปะเหรอ ก็ต้องบอกว่าไม่ใช่ค่ะ สาเหตุที่ต้องตั้งพระคเณศไว้เนี่ย เพราะว่า พระคเณศคือปฐมบูชานะคะ คือเทพที่จะต้องบูชาก่อนที่จะบูชาเทพอื่นค่ะ ไม่งั้นการบูชาเทพอื่นจะไม่เป็นผลเลยนะ อันนี้คือความเชื่อในนิกายนึงนะต้องบอกก่อน บางนิกายอาจจะเชื่อไม่เหมือนกันนะคะ แล้วถามว่าทำไมพระคเณศถึงได้มาเป็นปฐมบูชา ทำไมเราต้องบูชาพระคเณศก่อน ก็เพราะว่าพระคเณศคือเทพแห่งอุปสรรคค่ะ อ่าว แล้วเราบูชาอุปสรรคทำไม คือเราไม่ได้บูชาให้เกิดอุปสรรคนะคะ เวลาเราบูชาพระคเณศเนี่ย เราบูชาให้บอกว่า เออ อะไรก็ตามที่เรากำลังจะทำเนี่ย ขออย่าให้มันเกิดอุปสรรคมาขัดขวางเลยนะ ดังนั้นก็เหมือนเวลาก่อนที่เราจะเข้าไปเรียนหนังสือ ก่อนที่เราจะเรียนรู้ศิลปวิทยาต่างๆค่ะ การบูชาพระคเณศก็เหมือนกับการบอกว่า เอาล่ะ ขอให้สิ่งที่ชั้นจะเรียนรู้ต่อไปนี้ สิ่งที่ชั้นจะศึกษาต่อไปนี้ อย่าได้เกิดอุปสรรคใดๆมาขัดขวางเลยนะคะ และนี่ก็คือสาเหตุที่ทำให้พระคเณศไปอยู่ในพิธีไหว้ครู และน่าจะเป็นสาเหตุนึงที่ทำให้ไทยเราเนี่ย รับความเชื่อเรื่องการนำหญ้าแพรกมาไหว้ครู เข้ามาอยู่ในพิธีไหว้ครูแบบไทยค่ะ โอ้โห เป็นไงบ้างคะเรื่องราว สนุกสนานไหม จริงๆเรื่องไหว้ครูนี่ก็เกริ่นมาเล็กๆน้อยๆแหละ ไม่ได้ตั้งใจจะเล่าหรอก หลักๆที่อยากเล่าก็คือเรื่องความแซ่บ ของพระคเณศเรานี่ล่ะค่ะ เป็นยังไงบ้าง ชอบคลิปนี้กันไหม ถ้าใครชื่นชอบคลิปแบบนี้นะคะ อย่าลืมกดไลก์เป็นกำลังใจให้วิว แล้วก็กดแชร์เพื่อชวนเพื่อนๆมาดูด้วยกันค่ะ และพบกันใหม่โอกาสหน้านะคะทุกคน บ๊ายบาย สวัสดีค่ะ ช่วงนี้จะมีคลิปที่เป็นเกร็ดความรู้ ค่อนข้างเยอะนะคะ ชอบกันไหม ชอบไม่ชอบยังไง คอมเมนต์มาด้านล่างได้นะคะ หรือว่าใครอยากรู้เรื่องไหนเป็นพิเศษ อยากได้คำตอบเรื่องไหนแล้ววิวยังไม่ได้ตอบ ก็คอมเมนต์ขอมาได้เช่นกันค่ะ ถ้าเป็นไปได้ วิวก็จะพยายาม หาคำตอบมาให้ทุกคนนะคะ สำหรับวันนี้ลาไปก่อนละกันค่ะ บ๊ายบาย สวัสดีค่ะ