1 00:00:00,371 --> 00:00:01,927 สตีฟ รามิเรส: ในช่วงปีแรกของการเรียนระดับบัณฑิตศึกษา 2 00:00:01,927 --> 00:00:03,931 ผมใช้เวลาส่วนใหญ่ในห้องนอน 3 00:00:03,931 --> 00:00:06,231 กินไอศกรีม (ยี่ห้อ) แบน แอ่น เจอรี่ เยอะเลย 4 00:00:06,231 --> 00:00:07,915 ดูรายการโทรทัศน์ไร้สาระ 5 00:00:07,915 --> 00:00:11,142 และ บางครั้ง บางครั้งก็ฟังเพลงเทเลอร์ สวิฟท์ (Taylor Swift) 6 00:00:11,142 --> 00:00:12,883 ผมกำลังอยู่ในช่วงอกหัก 7 00:00:12,883 --> 00:00:14,330 (เสียงหัวเราะ) 8 00:00:14,330 --> 00:00:16,526 ตลอดช่วงเวลาอันแสนยาวนาน สิ่งที่ผมทำก็คือ 9 00:00:16,526 --> 00:00:20,342 หวนทวนความทรงจำถึง 'คนนั้น' ซ้ำแล้วซ้ำอีก 10 00:00:20,342 --> 00:00:22,835 หวังจะหลุดพ้น จากความรู้สึกสะเทือนใจ 11 00:00:22,835 --> 00:00:25,368 อารมณ์อ่อนไหว ที่บอกไม่ถูก 12 00:00:25,368 --> 00:00:27,651 จนบัดนี้ ผมกลายเป็นนักประสาทวิทยา 13 00:00:27,651 --> 00:00:30,053 ผมจึงได้รู้ว่า ความทรงจำเกี่ยวกับ 'คนนั้น' 14 00:00:30,053 --> 00:00:33,193 กับ ความรู้สึกเลวร้าย ที่ปรุงแต่งความทรงจำ 15 00:00:33,193 --> 00:00:35,827 แท้จริงแล้ว ควบคุมโดยระบบสมองคนละส่วน 16 00:00:35,827 --> 00:00:38,192 และผมคิดว่า จะเป็นอย่างไรหากเราสามารถสืบค้นเข้าไปในสมอง 17 00:00:38,192 --> 00:00:40,282 แล้ว ตัดความรู้สึกที่ก่อความไม่สบายใจออกเสีย 18 00:00:40,282 --> 00:00:43,252 แต่ยังคงเก็บความทรงจำเกี่ยวกับ 'คนนั้น' เอาไว้ 19 00:00:43,252 --> 00:00:45,663 ผมรู้ว่าตอนนี้ มันอาจฟังดูเลิศหรูเกินไป 20 00:00:45,663 --> 00:00:48,456 แต่จะเป็นอย่างไร หากเราเริ่มต้นสืบค้นเข้าไปในสมอง 21 00:00:48,456 --> 00:00:51,089 ด้วยการแค่ ค้นหาสักหนึ่งความทรงจำ 22 00:00:51,089 --> 00:00:53,603 เราจะดึงความทรงจำนั้นกลับมาอีกครั้งได้ไหม 23 00:00:53,603 --> 00:00:57,471 บางที อาจถึงกับปรับแต่งเนื้อหาในความทรงจำนั้นด้วย 24 00:00:57,471 --> 00:00:59,700 ที่พูดมาทั้งหมดนี้ มีเพียงคนเดียวในโลก 25 00:00:59,700 --> 00:01:01,755 ที่ผมหวังว่าเขาจะไม่ดูผมบรรยายในวันนี้ 26 00:01:01,755 --> 00:01:05,696 (เสียงหัวเราะ) 27 00:01:05,696 --> 00:01:08,985 เอาล่ะครับ ใจความสำคัญก็คือว่า 28 00:01:08,985 --> 00:01:11,773 ความคิดนี้ อาจทำให้คุณคิดถึง (หนังเรื่อง) 'ฅนทะลุโลก' (Total Recall) 29 00:01:11,773 --> 00:01:13,747 (หนังเรื่อง) "ลบเธอให้ไม่ลืม" (Eternal Sunshine of the Spotless Mind) 30 00:01:13,747 --> 00:01:15,050 หรือ (หนังเรื่อง) "จิตพิฆาตโลก" (Inception) 31 00:01:15,050 --> 00:01:16,626 แต่ตัวเอก ที่เราใช้คือ 32 00:01:16,626 --> 00:01:18,569 ดารายอดนิยมของห้องปฎิบัติการ 33 00:01:18,569 --> 00:01:20,469 เซีย หลิว: หนูทดลองนั่นเอง 34 00:01:20,469 --> 00:01:21,597 (เสียงหัวเราะ) 35 00:01:21,597 --> 00:01:24,751 นักประสาทวิทยาอย่างเรา ทำงานในห้องทดลองกับหนู 36 00:01:24,751 --> 00:01:28,161 พยายามเข้าใจว่า ความทรงจำทำงานอย่างไร 37 00:01:28,161 --> 00:01:30,730 วันนี้ เราอยากจะโน้มน้าวให้คุณเชื่อ 38 00:01:30,730 --> 00:01:33,946 ว่าจริงๆ แล้วเราสามารถ กระตุ้นความทรงจำในสมอง 39 00:01:33,946 --> 00:01:36,116 ด้วยความเร็วเท่าแสง 40 00:01:36,116 --> 00:01:39,222 การทำเช่นนี้ ต้องการเพียงสองขั้นตอน 41 00:01:39,222 --> 00:01:42,732 หนึ่ง คุณหาและติดฉลากความทรงจำในสมอง 42 00:01:42,732 --> 00:01:46,362 จากนั้น ก็เปิดมันด้วยสวิทช์ มัน 43 00:01:46,362 --> 00:01:47,807 แค่นั้นแหละ 44 00:01:47,807 --> 00:01:49,629 (เสียงหัวเราะ) 45 00:01:49,629 --> 00:01:51,474 สตีฟ: คุณเชื่อไหมนี่? 46 00:01:51,474 --> 00:01:55,195 แต่กลายเป็นว่า การค้นหาความทรงจำในสมอง นัั้นไม่ง่ายเลย 47 00:01:55,195 --> 00:01:57,998 เซีย: ความจริง มันยากมาก ลองนึกถึง 48 00:01:57,998 --> 00:02:00,402 ค้นหาเข็มในกองฟาง 49 00:02:00,402 --> 00:02:02,991 อย่างน้อย คุณก็ยังรู้ว่าเข็มมันมีตัวตน 50 00:02:02,991 --> 00:02:05,491 คุณสามารถใช้นิ้วหยิบมันขึ้นมาได้ 51 00:02:05,491 --> 00:02:07,468 แต่ ความทรงจำไม่ใช่แบบนั้น 52 00:02:07,468 --> 00:02:10,506 และยังมีเซลล์ประสาทมากมายในสมอง 53 00:02:10,506 --> 00:02:15,572 มากยิ่งกว่าจำนวนปล้องหญ้า ในกองฟาง 54 00:02:15,572 --> 00:02:18,451 ดังนั้น งานนี้จึงน่าหวาดหวั่น 55 00:02:18,451 --> 00:02:22,130 แต่โชคดี ที่เราได้รับความช่วยเหลือจากสมองเอง 56 00:02:22,130 --> 00:02:24,585 กลายเป็นว่า สิ่งที่เราต้องทำคือ เพียงแค่ 57 00:02:24,585 --> 00:02:26,578 ปล่อยในสมองสร้างความทรงจำ 58 00:02:26,578 --> 00:02:30,408 แล้ว สมองจะบอกเราว่าเซลล์ประสาทใดเกี่ยวข้อง 59 00:02:30,408 --> 00:02:32,174 กับความทรงจำนั้น 60 00:02:32,174 --> 00:02:34,531 สตีฟ: แล้วมันเกิดอะไรขึ้นในสมองของผม 61 00:02:34,531 --> 00:02:36,625 เมื่อผม หวนระลึกถึงความทรงจำเรื่องแฟนเก่า 62 00:02:36,625 --> 00:02:39,027 ถ้าเรา ไม่ต้องสนใจมนุษยธรรม สักวินาที 63 00:02:39,027 --> 00:02:40,695 แล้ว ตัดสมองผมเป็นแผ่นๆ ตอนนี้ 64 00:02:40,695 --> 00:02:42,713 คุณพบว่า มันมีบริเวณของสมอง มากมายหลายแห่ง 65 00:02:42,713 --> 00:02:45,891 ที่ตื่นตัว ในขณะระลึกความทรงจำนั้น 66 00:02:45,891 --> 00:02:48,803 บริเวณหนึ่งของสมอง ที่ตื่นตัวเป็นอย่างยิ่ง 67 00:02:48,803 --> 00:02:50,810 คือส่วนที่เรียกวา ฮิปโปแคมปัส (hippocampus) 68 00:02:50,810 --> 00:02:53,265 ซึ่งเป็นเวลาหลายสิบปี ที่มันถูกเข้าใจว่า เชื่อมโยงกับการสร้าง 69 00:02:53,265 --> 00:02:55,681 ความทรงจำเกี่ยวกับคนที่เราชื่นชอบ สนิทชิดใกล้ 70 00:02:55,681 --> 00:02:58,255 ซึ่งทำให้มันเป็น เป้าหมาย การสืบค้น 71 00:02:58,255 --> 00:03:01,040 และการพยายามค้นหา กระตุ้นความทรงจำ 72 00:03:01,040 --> 00:03:03,434 เซีย: เมื่อเรามองภาพขยาย ของฮิปโปแคมปัส 73 00:03:03,434 --> 00:03:05,782 คุณจะเห็นเซลล์จำนวนมหาศาล 74 00:03:05,782 --> 00:03:08,813 แต่เราสามารถพบเซลล์ที่เกี่ยวข้อง 75 00:03:08,813 --> 00:03:10,289 กับความทรงจำหนึ่งๆได้ 76 00:03:10,289 --> 00:03:12,907 เพราะ เมื่อไหร่ที่เซลล์ใดตื่นตัว 77 00:03:12,907 --> 00:03:14,371 เช่น เมื่อมันสร้างความทรงจำ 78 00:03:14,371 --> 00:03:18,128 มันจะเหลือร่องรอย ที่บอกให้เรารู้ภายหลัง 79 00:03:18,128 --> 00:03:20,830 ว่าเซลล์นั้นเพิ่ง ตื่นตัวเร็วๆนี้ 80 00:03:20,830 --> 00:03:22,990 สตีฟ: เหมือนกับ ตอนกลางคืนที่ไฟในตึกเปิดอยู่ 81 00:03:22,990 --> 00:03:25,938 บอกให้คุณรู้ว่า ตอนนั้นน่าจะมีคนทำงานอยู่ที่นั่น 82 00:03:25,938 --> 00:03:29,226 ในความเป็นจริงนั้น มันมีตัวรับสัญญาณทางชีวภาพ 83 00:03:29,226 --> 00:03:31,180 ภายในเซลล์ที่มีการเปิดใช้ 84 00:03:31,180 --> 00:03:33,315 ณ เวลาที่เซลล์นั้นทำงานอยู่เท่านั้น 85 00:03:33,315 --> 00:03:35,191 เหมือนกับ หน้าต่างที่มีแสงทางชีวภาพ 86 00:03:35,191 --> 00:03:37,169 ที่บอกให้เรารู้ว่า เซลล์เพิ่งตื่นตัว 87 00:03:37,169 --> 00:03:39,998 เซีย: ดังนั้น เราตัดเอาส่วนหนึ่งของตัวรับสัญญาณ 88 00:03:39,998 --> 00:03:43,145 แล้วติดมันเข้ากับปุ่มเปิดปิดเพื่อควบคุมเซลล์ 89 00:03:43,145 --> 00:03:47,045 แล้วเราก็ใส่เข้ามันไปในไวรัสที่มีการดัดแปลงทางพันธุกรรม 90 00:03:47,045 --> 00:03:49,633 แล้วฉีดไวรัสนี้เข้าไปในสมองหนู 91 00:03:49,633 --> 00:03:52,267 เมื่อใดก็ตามที่มีการสร้างความทรงจำ 92 00:03:52,267 --> 00:03:54,615 เซลล์ใดก็ตามที่ตื่นตัวต่อความทรงจำนั้น 93 00:03:54,615 --> 00:03:57,357 จะมีปุ่มเปิดปิดติดอยู่ 94 00:03:57,357 --> 00:03:58,982 สตีฟ: นี่คือหน้าตาของสมองส่วน ฮิปโปแคมปัส 95 00:03:58,982 --> 00:04:01,822 หลังจากสร้างความทรงจำเกี่ยวกับความกลัว เป็นต้น 96 00:04:01,822 --> 00:04:03,962 แถบสีน้ำเงินที่เราเห็น 97 00:04:03,962 --> 00:04:05,914 คือ เซลล์สมองที่อัดแน่น 98 00:04:05,914 --> 00:04:07,459 แต่ส่วนเซลล์สีเขียว 99 00:04:07,459 --> 00:04:09,555 คือเซลล์สมอง ซื่งบันทึก 100 00:04:09,555 --> 00:04:11,398 ความทรงจำจำเพาะต่อเรื่องความกลัว 101 00:04:11,398 --> 00:04:13,377 คุณเห็นการตกผลึก 102 00:04:13,377 --> 00:04:15,764 ของการก่อตัวอย่างฉับพลันของความกลัว 103 00:04:15,764 --> 00:04:19,261 คุณกำลังเห็น ภาพตัดขวางของความทรงจำ 104 00:04:19,261 --> 00:04:21,669 เซีย: มาที่ปุ่มเปิดปิดที่เราพูดถึง 105 00:04:21,669 --> 00:04:24,639 ตามอุดมคติแล้ว สวิทช์ต้องทำงานเร็วมาก 106 00:04:24,639 --> 00:04:27,218 มันไม่ควรใช้เวลาเป็นนาทีหรือเป็นชั่วโมงในการทำงาน 107 00:04:27,218 --> 00:04:31,482 มันควรใช้เวลาเพียง หนึ่งในพันของวินาที 108 00:04:31,482 --> 00:04:32,912 สตีฟ: คุณคิดว่าอย่างไร เซีย? 109 00:04:32,912 --> 00:04:35,514 ถ้าเราจะใช้ยา 110 00:04:35,514 --> 00:04:37,352 ในการกระตุ้นหรือยับยั้งเซลล์สมองล่ะ ? 111 00:04:37,352 --> 00:04:41,415 เซีย: ไม่ดีมั้ง ยามันค่อนข้างจะยุ่งเหยิง พวกมันกระจายทั่วตัวไปหมด 112 00:04:41,415 --> 00:04:44,423 และมันยังใช้เวลา กว่าจะออกฤทธิ์กับเซลล์ 113 00:04:44,423 --> 00:04:48,072 ดังนั้น มันไม่อนุญาตให้เราควบคุมความทรงจำ ในแบบติดตามได้จริง 114 00:04:48,072 --> 00:04:52,366 สตีฟ ถ้างั้นเราใช้ไฟฟ้าช๊อตเลยดีไหม 115 00:04:52,366 --> 00:04:54,671 สตีฟ: ไฟฟ้าก็เร็วดี 116 00:04:54,671 --> 00:04:56,410 แต่บางทีเราไม่สามารถที่จะชี้เป้าได้ 117 00:04:56,410 --> 00:04:58,764 ในการบ่งชี้เซลล์เฉพาะที่เก็บความทรงจำ 118 00:04:58,764 --> 00:05:00,642 และเราอาจจะย่างสมอง 119 00:05:00,642 --> 00:05:03,837 เซีย: เออจริง ฉะนั้นมันจะเป็นอย่างนั้น 120 00:05:03,837 --> 00:05:06,448 เอาล่า เราจึงต้องมองหาทางอื่น 121 00:05:06,448 --> 00:05:09,743 ที่จะส่งผลกระทบต่อสมองด้วยความเร็วแสง 122 00:05:09,743 --> 00:05:14,829 สตีฟ: กลายเป็นว่า แสงนั้นเดินทางเร็วเท่าแสง 123 00:05:14,829 --> 00:05:18,312 ดังนั้นเราอาจกระตุ้นหรือระงับความทรงจำได้ 124 00:05:18,312 --> 00:05:19,809 เพียงแค่ใช้แสง 125 00:05:19,809 --> 00:05:21,164 เซีย: มันก็เร็วดี 126 00:05:21,164 --> 00:05:23,049 และเพราะเซลล์สมองธรรมดา 127 00:05:23,049 --> 00:05:24,637 ไม่สนองต่อจังหวะกระพริบไฟ 128 00:05:24,637 --> 00:05:26,595 ดังนั้นสมองส่วนที่จะตอบสนอง 129 00:05:26,595 --> 00:05:29,059 ต้องมีสวิทช์ติดอยู่ 130 00:05:29,059 --> 00:05:31,005 สิ่งแรกคือ การปรับเซลล์สมอง 131 00:05:31,005 --> 00:05:32,467 ให้ตอบสนอต่อแสงเลเซอร์ 132 00:05:32,467 --> 00:05:33,537 เซีย: ฟังดูดี 133 00:05:33,537 --> 00:05:35,669 เราจึงลองฉายเลเซอร์ที่สมอง 134 00:05:35,669 --> 00:05:37,414 หัวเราะ 135 00:05:37,414 --> 00:05:40,738 เราจึงใช้เทคนิคเรียกว่า ออพโตเจเนทิคส์ (optogenetics) 136 00:05:40,738 --> 00:05:44,020 ออพโตเจเนทิคส์ นี้ทำให้เรามีสวิตช์ 137 00:05:44,020 --> 00:05:45,528 เพื่อเปิด ปิด เซลล์สมอง 138 00:05:45,528 --> 00:05:48,045 และปุ่มที่ว่าก็มีชื่อคือ แชนเนลโรดอปซิน (channelrhodopsin) 139 00:05:48,045 --> 00:05:50,582 เห็นจุดสีเขียวที่ติดกับสมองไหมครับ 140 00:05:50,582 --> 00:05:53,881 คุณลองคิดว่า แชนเนลโรดอปซิน เป็นปุ่มเปิดปิดไฟที่ไวต่อแสง 141 00:05:53,881 --> 00:05:56,508 ที่เราสามารถติดตั้งในเซลล์สมองได้ 142 00:05:56,508 --> 00:05:58,422 ทีนี้เราก็ใช้สวิตช์ได้แล้ว 143 00:05:58,422 --> 00:06:01,435 ในการกระตุ้นหรือยังยั้งการทำงานของสมอง โดยแค่คลิกมัน 144 00:06:01,435 --> 00:06:03,903 ในที่นี้ เราคลิกด้วยจังหวะความเร็วแสง 145 00:06:03,903 --> 00:06:07,689 เซีย: เราติดตั้ง สวิตช์ที่ไวต่อแสง ของแชนเนลโรดอปซิน 146 00:06:07,689 --> 00:06:09,897 ไว้กับตัวจับความเปลี่ยนแปลง ที่เราถึงพูดกัน 147 00:06:09,897 --> 00:06:12,352 แล้วฉีดเข้าสมอง 148 00:06:12,352 --> 00:06:15,563 ดังนั้น เมื่อความทรงจำถูกสร้างขึ้น 149 00:06:15,563 --> 00:06:17,790 เซลล์ใดก็ตามที่ตื่นตัวต่อความทรงจำนั้นๆ 150 00:06:17,790 --> 00:06:21,274 ก็จะมีสวิตช์ที่ไวต่อแสง ติดตั้งอยู่ 151 00:06:21,274 --> 00:06:23,675 เราจึงสามารถควบคุมเซลล์เหล่านั้นได้ 152 00:06:23,675 --> 00:06:27,939 โดยการกระพริบของเลเซอร์ อย่างที่เห็น 153 00:06:27,939 --> 00:06:30,803 สตีฟ: เอาล่ะ ลองมาทดลองกันเลยดีกว่า 154 00:06:30,803 --> 00:06:32,938 ที่เราทำได้คือ เรานำหนูทดลองมา 155 00:06:32,938 --> 00:06:35,866 จากนั้น เราเอามันใส่ไว้ในกล่องที่มีหน้าตาแบบนี้ 156 00:06:35,866 --> 00:06:38,206 และเราก็ปล่อยกระแสไฟฟ้าอ่อนๆ ที่เท้า 157 00:06:38,206 --> 00:06:40,241 ทำให้มันเกิดความทรงจำที่กลัวกล่องนี้ 158 00:06:40,241 --> 00:06:42,220 มันเรียนรู้ ว่ามีสิ่งเลวร้ายบางอย่าง เกิดขึ้นที่นี่ 159 00:06:42,220 --> 00:06:44,562 ในระบบของเรา เซลล์สมองที่ตื่นตัว 160 00:06:44,562 --> 00:06:47,493 ในฮิปโปแคมปัสที่ทำหน้าที่สร้างความทรงจำ 161 00:06:47,493 --> 00:06:50,376 แค่เฉพาะเซลล์เหล่านี้เท่านั้น ที่จะมี แชนเนลโรดอปซิน 162 00:06:50,376 --> 00:06:53,393 เซีย: เมื่อเราตัวเล็กเท่าหนู 163 00:06:53,393 --> 00:06:56,988 เราจะรู้สึก เหมือนทั้งโลกกำลังไล่ล่าคุณ 164 00:06:56,988 --> 00:06:58,736 ฉะนั้นการตอบสนองเพื่อป้องกันตัวที่ดีที่สุด 165 00:06:58,736 --> 00:07:01,218 ก็คือการพยายามซ่่อนตัว 166 00:07:01,218 --> 00:07:03,251 เมื่อไหร่หนูกลัว 167 00:07:03,251 --> 00:07:04,777 มันจะแสดงพฤติกรรมที่เป็นไปตามแบบฉบับนี้ 168 00:07:04,777 --> 00:07:06,546 ด้วยการยืนนิ่งๆ ที่มุมของกล่อง 169 00:07:06,546 --> 00:07:09,664 ไม่ขยับส่วนไหนของร่างกาย 170 00:07:09,664 --> 00:07:12,959 ซึ่งเรียกท่าทางนี้ว่า การหยุดชะงัก (freezing) 171 00:07:12,959 --> 00:07:17,253 ดังนั้นเมื่อหนู จจดำเรื่องเลวร้ายในกล่องนี้ได้ 172 00:07:17,253 --> 00:07:19,876 และเมื่อเราเอามันกลับในกล่องเดิม 173 00:07:19,876 --> 00:07:21,680 มันก็แสดงอาการนิ่งแบบนั้น เช่นกัน 174 00:07:21,680 --> 00:07:23,965 เพราะมันกลัวถูกจับได้ 175 00:07:23,965 --> 00:07:26,660 จากสิ่งที่อาจเป็นอันตราย ในกล่องนี้ 176 00:07:26,660 --> 00:07:28,015 สตีฟ: คุณสามารถคิดถึงอาการชะงักแบบนี้ 177 00:07:28,015 --> 00:07:30,230 ว่าเป็นเหมือนเมื่อคุณเดินไปบนถนน สนใจแต่เรื่องคุณเอง 178 00:07:30,230 --> 00:07:31,955 และโดยไม่ทันตั้งตัว คุณได้เจอกับ 179 00:07:31,955 --> 00:07:34,147 แฟนเก่า 180 00:07:34,147 --> 00:07:36,281 ในช่วงเวลา 2 วินาที แห่งความน่าสะพรึงกลัว 181 00:07:36,281 --> 00:07:38,157 ที่คุณเริ่มคิดว่า "ทำอย่างไรดี? ทักทายดีไหม?" 182 00:07:38,157 --> 00:07:39,525 จะจับมือทัก? หรือกลับหลังหันวิ่งหนี? 183 00:07:39,525 --> 00:07:41,554 อยู่ตรงนี้แต่แกล้งทำเป็นว่าฉันไร้ตัวตน? 184 00:07:41,554 --> 00:07:44,738 ความคิดที่จะเผ่นแว๊บเหล่านี้ ทำให้คุณไม่สามารถขยับได้ 185 00:07:44,738 --> 00:07:47,484 ทำให้คุณตกอยู่ในสภาพเหมือน กวางที่เจอไฟหน้ารถส่อง 186 00:07:47,484 --> 00:07:50,775 เซีย: อย่างไรก็ดีเมื่อเรา นำหนูใส่ในกล่องอันถัดไป 187 00:07:50,775 --> 00:07:53,936 ที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิง 188 00:07:53,936 --> 00:07:56,083 มันจะไม่กลัวกล่องนี้ 189 00:07:56,083 --> 00:08:00,812 เพราะมันไม่มีเหตุให้ต้องกลัวสิ่งแวดล้อมใหม่ 190 00:08:00,812 --> 00:08:03,992 แล้วจะเป็นอย่างไร หากเราเอาหนูใส่ในกล่องใหม่นี้ 191 00:08:03,992 --> 00:08:07,603 แต่ในเวลาเดียวกันเรากระตุ้นความทรงจำที่น่ากลัว 192 00:08:07,603 --> 00:08:10,282 โดยใช้เลเซอร์เหมือนที่เราทำก่อนหน้านี้ 193 00:08:10,282 --> 00:08:13,136 เราจะดึงความทรงจำที่น่ากลัวจากในกล่องแรก 194 00:08:13,136 --> 00:08:17,133 มายังที่ซึ่งเป็นสิ่งแวดล้อมใหม่อย่างสมบูรณ์ได้หรือไม่ 195 00:08:17,133 --> 00:08:19,868 สตีฟ: เอาละ และนี่คืองานวิจัยล้านดอลลาร์ 196 00:08:19,868 --> 00:08:22,781 เพื่อที่จะปลุกเอาความทรงจำวันนั้นกลับมาอีกครั้ง 197 00:08:22,781 --> 00:08:24,964 ผมจำได้ ตอนนั้นทีม เรดซอกซ์ (Red Sox) เพิ่งชนะการแข่งขัน 198 00:08:24,964 --> 00:08:26,873 มันเป็นวันในฤดูใบไม้ผลิอันเขียวชะอุ่ม 199 00:08:26,873 --> 00:08:28,690 เหมาะต่อการล่องไปตามแม่น้ำ 200 00:08:28,690 --> 00:08:31,024 และบางทีอาจะไปต่อทางทิศเหนือ 201 00:08:31,024 --> 00:08:33,184 เพื่อลิ้มรส ขนมแคโนลิ อะไรทำนองนั้น 202 00:08:33,184 --> 00:08:36,286 กลายเป็นว่าตอนนี้ เซีย และผม 203 00:08:36,286 --> 00:08:39,115 กลับอยู่ในห้องมืดสนิท ไร้หน้าต่าง 204 00:08:39,115 --> 00:08:42,776 ไม่ขยับตาหรือแม้แต่กระพริบตา 205 00:08:42,776 --> 00:08:45,242 เพราะตาเรา จ้องแต่จอคอมพิวเตอร์ 206 00:08:45,242 --> 00:08:47,798 พวกเราดูหนูที่จะเราพยายามกระตุ้นความทรงจำ 207 00:08:47,798 --> 00:08:49,681 เป็นครั้งแรกโดยเทคนิคนี้ของเรา 208 00:08:49,681 --> 00:08:52,369 เซีย: และนี่คือสิ่งที่เราเห็น 209 00:08:52,369 --> 00:08:54,571 เมื่อเราใส่หนูในกล่องนี้ 210 00:08:54,571 --> 00:08:57,684 มันวิ่งสำรวจ, ดมกลิ่น, เดินรอบๆ 211 00:08:57,684 --> 00:08:59,373 วุ่นวายกับเรื่องของตัวเอง 212 00:08:59,373 --> 00:09:01,074 เพราะอันที่จริงแล้ว โดยธรรมชาติ 213 00:09:01,074 --> 00:09:03,053 หนูเป็นสัตว์ขี้สงสัย 214 00:09:03,053 --> 00:09:05,675 มันอยากรู่วามีอะไรเกิดขึ้น ในกล่องใหม่นี้ 215 00:09:05,675 --> 00:09:07,206 มันช่างน่าสนใจ 216 00:09:07,206 --> 00:09:10,657 แต่เมื่อเราใส่เลเซอร์ 217 00:09:10,657 --> 00:09:13,689 ทันใดนั้น หนูเข้าสู่อาการหยุดชะงัก 218 00:09:13,689 --> 00:09:18,120 มันอยู่นิ่งตรงนั้น พยายามไม่ขยับร่างกาย 219 00:09:18,120 --> 00:09:19,748 ชัดเจน ว่ามันหยุดนิ่งจังงัง 220 00:09:19,748 --> 00:09:22,331 ครับ มันดูเหมือนว่าเราสามารถ 221 00:09:22,331 --> 00:09:24,395 นำความทรงจำน่ากลัวจากกล่องแรกนั่นกลับมาได้ 222 00:09:24,395 --> 00:09:27,762 เมื่อหนูอยู่ในสิ่่งแวดล้อมใหม่โดยสิ้นเชิง 223 00:09:27,762 --> 00:09:29,874 เมื่อเราเห็นสิ่งนี้ สตีฟกับผม 224 00:09:29,874 --> 00:09:32,007 ตะลึงเหมือนหนูทดลองเสียเอง 225 00:09:32,007 --> 00:09:33,269 (เสียงหัวเราะ) 226 00:09:33,269 --> 00:09:36,576 หลังการทดลอง เราออกจากห้อง 227 00:09:36,576 --> 00:09:38,329 โดยไม่พูดอะไรเลย 228 00:09:38,329 --> 00:09:41,725 หลังจากช่วงเวลาที่เราทำตัวเก้ๆกังๆอยู่นาน 229 00:09:41,725 --> 00:09:43,937 สตีฟจึงเอ่ยขึ้นว่า 230 00:09:43,937 --> 00:09:46,278 สตีฟ "มันสำเร็จใช่ไหม" 231 00:09:46,278 --> 00:09:49,252 เซีย: "ใช่" ผมตอบ "มันใช่ได้จริงๆ" 232 00:09:49,252 --> 00:09:51,369 เราตื่นเต้นมาก 233 00:09:51,369 --> 00:09:53,993 และเมื่อเราตีพิมพ์ผลการค้นพบ 234 00:09:53,993 --> 00:09:55,689 ในวารสาร เนเจอร์ (Nature) 235 00:09:55,689 --> 00:09:58,160 ตั้งแต่ตีพิมพ์ผลงานของเรา 236 00:09:58,160 --> 00:10:00,575 เราได้รับความเห็นมากมาย 237 00:10:00,575 --> 00:10:02,700 จากอินเทอร์เน็ตทุกสารทิศ 238 00:10:02,700 --> 00:10:06,450 เราขอคัดมาเพื่อดูเป็นบางส่วนนะครับ 239 00:10:06,450 --> 00:10:08,907 คุณพระ!!!!..ในที่สุด เราก็มาถึง ความจริงเสมือน, การปรับแต่งประสาท, การเลียนแบบความฝัน..การใส่รหัสทางประสาท, 'เขียนและเปลี่ยนแปลงความทรงจำ', ความผิดปกติทางจิต. อาาา อนาคตเนี่ยโคตรเจ๋ง 240 00:10:08,907 --> 00:10:10,907 สตีฟ: สิ่งแรกที่เราสังเกตก็คือผู้คน 241 00:10:10,907 --> 00:10:13,810 ผู้คนมีความเห็นที่เข้มข้นจริงจังต่องานประเภทนี้ 242 00:10:13,810 --> 00:10:16,364 ตอนนี้ผมเห็นด้วยเต็มที่เลยกับพวกที่มองโลกในแง่ดี 243 00:10:16,364 --> 00:10:17,180 ของความเห็นแรก 244 00:10:17,180 --> 00:10:19,988 เพราะจากเสียงระดับศูนย์ ถึงระดับ [ของนักแสดง] มอร์แกน ฟรีแมน (Morgan Freeman) 245 00:10:19,988 --> 00:10:22,111 นับว่ามันเป็นรางวัลเกียรติยศที่น่าย้อนระลึกถึงมากที่สุด 246 00:10:22,111 --> 00:10:23,661 ที่ผมเคยได้ยินมา 247 00:10:23,661 --> 00:10:25,857 (เสียงหัวเราะ) 248 00:10:25,857 --> 00:10:27,808 แต่คุณจะเห็นว่า นั่นไม่ใช่แค่ความเห็นเดียว 249 00:10:27,808 --> 00:10:29,372 นี่มันขนหัวลุกจริงๆ ถ้าทำแบบนี้กับคนได้ง่ายๆในอีกสักสองสามปีหน้าล่ะ โอ พระเจ้า แย่แล้วๆ 250 00:10:29,372 --> 00:10:31,290 เซีย: ครับ ถ้าเราดูความเห็นที่สอง 251 00:10:31,290 --> 00:10:33,397 ผมคิดว่าเราอาจเห็นตรงกันว่า แหม.. 252 00:10:33,397 --> 00:10:35,772 มันอาจไม่เป็นไปในเชิงบวกเท่าไร 253 00:10:35,772 --> 00:10:37,957 แต่มันก็เตือนเราว่า 254 00:10:37,957 --> 00:10:40,143 แม้เรายังคงทดลองแค่ในหนู 255 00:10:40,143 --> 00:10:43,660 บางทีมันเป็นเรื่องดี ที่เราจะเริ่มคิดและอภิปราย 256 00:10:43,660 --> 00:10:46,651 ถึงเป็นไปได้ในความเห็นต่างเรื่องจริยธรรม 257 00:10:46,651 --> 00:10:48,599 ของการควบคุมความจำ 258 00:10:48,599 --> 00:10:50,799 สตีฟ: จากแรงบันดาลใจ จากความเห็นที่สาม 259 00:10:50,799 --> 00:10:52,773 เราอยากบอกคุณ ถึงงานชิ้นล่าสุดที่เรากำลังทำการทดลองอยู่ 260 00:10:52,773 --> 00:10:55,201 ซึ่งเรียกว่า โครงการแห่งความริเริ่ม (Project Inception) 261 00:10:55,201 --> 00:10:58,444 "พวกเขาควรสร้างหนังเกี่ยวกับสิ่งนี้ ซึ่งเกี่ยวกับการใส่ความคิดในจิตใจผู้คน เพื่อที่จะให้เขาสามารถควบคุมตัวเองเพื่อประโยชน์ของพวกเขาเอง เราเรียกมันว่า ความริเริ่ม" 262 00:10:58,444 --> 00:11:02,178 ด้วยเหตุผลที่ ว่าตอนนี้เราสามารถเรียกคืนความทรงจำได้ 263 00:11:02,178 --> 00:11:05,130 จะเป็นอย่างไรถ้าหากเราทำอย่างนั้น และเริ่มที่จะเชื่อมต่อความทรงจำ 264 00:11:05,130 --> 00:11:08,163 เราอาจเปลี่ยนมันเป็นความทรงจำที่ผิดเพี้ยนได้หรือไม่ 265 00:11:08,163 --> 00:11:12,262 เซีย: ความทรงจำ มีความซับซ้อนและเปลี่ยนแปลงได้ตลอด 266 00:11:12,262 --> 00:11:15,241 แต่หากคิดง่ายๆ ลองนึกถึง 267 00:11:15,241 --> 00:11:16,643 คลิปวีดีโอ 268 00:11:16,643 --> 00:11:19,313 ถึงตอนนี้เราบอกคุณว่า เราสามารถควบคุมมันได้ง่ายๆ โดย 269 00:11:19,313 --> 00:11:21,244 กดปุ่ม "เล่น" 270 00:11:21,244 --> 00:11:25,829 แล้วเราก็สามารถเล่นวีดีโอได้ทุกที่ ทุกเวลา 271 00:11:25,829 --> 00:11:28,360 แต่จะเป็นไปได้ไหมว่าเราอาจจะ 272 00:11:28,360 --> 00:11:31,220 เข้าไปในสมอง แล้วตัดต่อคลิปหนังนี้ 273 00:11:31,220 --> 00:11:34,116 ทำให้มันแตกต่างไปจากของเดิม 274 00:11:34,116 --> 00:11:36,294 ใช่ เราทำได้ 275 00:11:36,294 --> 00:11:38,424 กลายเป็นว่า สิ่งที่เราต้องทำ ง่ายๆก็คือ 276 00:11:38,424 --> 00:11:42,699 เรียกคืนความทรงจำด้วยเลเซอร์ เหมือนที่เราทำในงานก่อน 277 00:11:42,699 --> 00:11:46,138 แต่ในเวลาเดียวกัน เรามีข้อมูลใหม่ใส่เข้าไปด้วย 278 00:11:46,138 --> 00:11:50,112 และให้ข้อมูลใหม่นี้ประสานเข้าไปในข้อมูลเก่า 279 00:11:50,112 --> 00:11:52,550 นั่นมันจะเปลี่ยนความทรงจำ 280 00:11:52,550 --> 00:11:56,213 มันเหมือนกับการทำ เทปรีมิกซ์ 281 00:11:56,213 --> 00:11:59,071 สตีฟ: แล้วเราทำได้อย่างไร 282 00:11:59,071 --> 00:12:01,028 แทนที่จะค้นหาความทรงจำที่น่ากลัวในสมอง 283 00:12:01,028 --> 00:12:02,744 เราเริ่มโดยนำสัตว์ทดลอง 284 00:12:02,744 --> 00:12:05,677 ใส่ในกล่องสีน้ำเงินแบบนี้ 285 00:12:05,677 --> 00:12:08,171 และค้นหาเซลล์สมองส่วนรับรู้เกี่ยวกับกล่องสีน้ำเงิน 286 00:12:08,171 --> 00:12:10,244 จากนั้นเรา ทำให้เซลล์นั้นตอบสนองต่อแสง 287 00:12:10,244 --> 00:12:12,365 อย่างที่เราพูดก่อนหน้านี้ 288 00:12:12,365 --> 00:12:14,489 วันต่อมา เรานำหนูทดลอง มาวาง 289 00:12:14,489 --> 00:12:17,188 ในกล่องแดงที่มันไม่เคยอยู่มาก่อน 290 00:12:17,188 --> 00:12:19,214 เราใช้เลเซอร์ยิงเข้าไปกระตุ้นสมอง 291 00:12:19,214 --> 00:12:21,323 เพื่อเรียกคืนความทรงจำกล่องน้ำเงิน 292 00:12:21,323 --> 00:12:23,067 จะเกิดอะไรขึ้น หากขณะที่หนูทดลอง 293 00:12:23,067 --> 00:12:24,961 กำลังเรียกคืนความทรงจำกล่องน้ำเงิน 294 00:12:24,961 --> 00:12:27,604 เราก็ให้กระแสไฟอ่อนช็อคที่เท้ามันด้วย 295 00:12:27,604 --> 00:12:30,297 ณ ตรงนี้ เราพยายามสร้าง ความเชื่อมโยงแบบจำแลง 296 00:12:30,297 --> 00:12:32,212 ระหว่างความทรงจำกับกล่องน้ำเงิน 297 00:12:32,212 --> 00:12:33,715 กับ การช็อคที่เท้า 298 00:12:33,715 --> 00:12:35,494 เราพยายามเชื่อมสองสิ่งนั้น 299 00:12:35,494 --> 00:12:37,037 เพื่อทดสอบว่าเราทำได้จริงๆ 300 00:12:37,037 --> 00:12:38,365 เรานำหนูทดลอง 301 00:12:38,365 --> 00:12:40,311 ใส่ในกล่องน้ำเงินอีกครั้ง 302 00:12:40,311 --> 00:12:43,049 และเป็นอีกครัง ที่เราเรียกความทรงจำ ตอนที่มันอยู่ในกล่องน้ำเงิน 303 00:12:43,049 --> 00:12:45,216 และโดนช็อคเท้าในกล่องแดง 304 00:12:45,216 --> 00:12:47,586 ปรากฎว่า หนูมีอาการหยุดนิ่ง 305 00:12:47,586 --> 00:12:50,788 เป็นไปดังคาด มันเรียกคืนควาทรงจำที่โดนช็อคในสิ่งแวดล้อมนี้ 306 00:12:50,788 --> 00:12:53,790 แม้มันไม่เคยเกิดมาก่อนในที่แห่งนี้ 307 00:12:53,790 --> 00:12:55,652 มันสร้างความทรงจำที่ผิด 308 00:12:55,652 --> 00:12:57,663 เพราะมันกลัวในนสิ่งแวดล้อมผิด 309 00:12:57,663 --> 00:12:58,917 ซึ่งทางเทคนิค เรากล่าวได้ว่า 310 00:12:58,917 --> 00:13:01,266 ไม่มีอะไรเลวร้ายเกิดที่นี่จริงๆ 311 00:13:01,266 --> 00:13:03,719 เซีย: ถึงตอนี้ เราแค่กำลังพูดถึง 312 00:13:03,719 --> 00:13:06,085 การใช้แสง เป็นปุ่ม "เปิด" 313 00:13:06,085 --> 00:13:09,373 จริงๆ แล้ว เราสามารถใช้แสง เป็นปุ่ม "ปิด" ได้ด้วย 314 00:13:09,373 --> 00:13:11,453 และคิดง่ายๆ ก็คือ 315 00:13:11,453 --> 00:13:13,931 โดยการติดตั้ง ปุ่มปิด ที่ใช้แสงควบคุม 316 00:13:13,931 --> 00:13:19,519 เราสามารถปิด ความทรงจำ ที่ไหน เมื่อไหร่ก็ได้ 317 00:13:19,519 --> 00:13:21,733 ครับ ทุกอย่างที่เราพูดถึงในวันนี้ 318 00:13:21,733 --> 00:13:26,410 ตั้งอยู่บนการเปลี่ยนแปลงทางปรัชญาของประสาทวิทยาพื้นฐาน 319 00:13:26,410 --> 00:13:30,528 ที่ว่าจิตใจ ที่มันเหมือนจะมีคุณสมบัติอันลึกลับ 320 00:13:30,528 --> 00:13:34,173 แท้จริงแล้ว มันทำขึ้นจากสิ่งที่จับต้องได้ และเราสามารถเชื่อมต่อมันได้ 321 00:13:34,173 --> 00:13:35,648 สตีฟ: โดยส่วนตัวแล้ว 322 00:13:35,648 --> 00:13:37,229 ผมเห็นโลก ที่เราสามารถกระตุ้นเรียกคืน 323 00:13:37,229 --> 00:13:39,345 ความทรงจำใดก็ได้ที่เราต้องการ 324 00:13:39,345 --> 00:13:42,643 และผมยังเห็นโลกที่เราสามารถลบความทรงจำที่ไม่ต้องการได้ 325 00:13:42,643 --> 00:13:44,579 ตอนนี้ ผมเห็นแม้กระทั่งโลก ที่การถปรับแต่งความทรงจำ 326 00:13:44,579 --> 00:13:46,118 ใกล้ความเป็นจริง 327 00:13:46,118 --> 00:13:47,823 เพราะเรากำลังอยู่ในช่วงเวลาแห่งความเป็นไปได้ 328 00:13:47,823 --> 00:13:50,048 ที่จะดึงคำถามจากต้นไม้แห่งนิยายวิทยาศาสตร์ 329 00:13:50,048 --> 00:13:52,468 และปลูกมันในการทดลองจริง 330 00:13:52,468 --> 00:13:54,351 เซีย: ทุกวันนี้ คนในห้องทดลอง 331 00:13:54,351 --> 00:13:56,737 และคนกลุ่มอื่นๆทั่วโลก 332 00:13:56,737 --> 00:14:00,554 กำลังใช้วิธีเดียวกันนี้กระตุ้นหรือปรับแต่งความทรงจำ 333 00:14:00,554 --> 00:14:04,395 ไม่ว่าจะเป็นสิ่ง ใหม่ เก่า บวกหรือลบ 334 00:14:04,395 --> 00:14:07,067 ทุกประเภทของความทรงจำ เพื่อที่เราจะสามารถเข้าใจ 335 00:14:07,067 --> 00:14:08,931 ว่าความทรงจำทำงานอย่างไร 336 00:14:08,931 --> 00:14:10,715 สตีฟ: ตัวอย่างเช่น คนในกลุ่มเรา 337 00:14:10,715 --> 00:14:13,353 สามารถพบเซลล์สมองที่สร้างความทรงจำน่ากลัว 338 00:14:13,353 --> 00:14:16,128 แล้วปรับเปลี่ยนเป็นความทรงจำที่สวยงามน่าพิศมัย 339 00:14:16,128 --> 00:14:19,190 นั่นคือสิ่งที่ผมหมายถึง เกี่ยวกับการปรับแต่งกระบวนการเหล่านี้ 340 00:14:19,190 --> 00:14:21,002 ตอนนี้คนหนึ่งในทีม ทำได้กระทั่ง 341 00:14:21,002 --> 00:14:23,503 เรียกคืนความทรงจำเกี่ยวกับหนูตัวเมีย ในหนูตัวผู้ 342 00:14:23,503 --> 00:14:26,498 ซึ่งลือกันว่ามันเป็นประสบการณ์ที่น่าพิศมัยเชียว 343 00:14:26,498 --> 00:14:30,615 เซีย: แน่นอน เราอยู่ในช่วงเวลาแห่งความตื่นเต้น 344 00:14:30,615 --> 00:14:34,420 เมื่อวิทยาศาสตร์ สามารถก้าวหน้าได้อย่างไร้ขอบเขต 345 00:14:34,420 --> 00:14:37,607 มันถูกจำกัดเพียงแค่จินตนาการของเรา 346 00:14:37,607 --> 00:14:39,754 สตีฟ: สุดท้าย เราได้อะไรจากทั้งหมดนี้ 347 00:14:39,754 --> 00:14:41,725 เราจะผลักดันเทคโนโลยีนี้ไปข้างหน้าได้อย่างไร 348 00:14:41,725 --> 00:14:43,562 นี่ยังคงมีคำถามที่ไม่ควรเก็บไว้ 349 00:14:43,562 --> 00:14:45,237 เพียงแต่ในห้องทดลอง 350 00:14:45,237 --> 00:14:47,809 และเป้าหมายหนึ่งของการบรรยายของเราในวันนี้ คือการนำทุกคน 351 00:14:47,809 --> 00:14:50,128 ทันกับสิ่งเหล่านี้ที่เป็นไปได้ 352 00:14:50,128 --> 00:14:51,512 ในประสาทวิทยาสมัยใหม่ 353 00:14:51,512 --> 00:14:53,022 แต่ตอนนี้ สิ่งที่สำคัญไม่แพ้กัน 354 00:14:53,022 --> 00:14:56,354 ก็คือ เพื่อให้ทุกท่านมีส่วนร่วมคิดในบทสนทนานี้ 355 00:14:56,354 --> 00:14:58,683 ลองช่วยกันคิดด้วยกัน ว่าทั้งหมดนี้มันคืออะไร 356 00:14:58,683 --> 00:15:01,157 เราจะสามารถทำสิ่งใดได้ และควรดำเนินไปในลู่ทางใด 357 00:15:01,157 --> 00:15:03,255 เพราะ เซียและผมคิดว่า เราทุกคน 358 00:15:03,255 --> 00:15:05,791 มีการตัดสินใจครั้งใหญ่ รอเราอยู่ข้างหน้า 359 00:15:05,791 --> 00:15:06,916 ขอบคุณครับ 360 00:15:06,916 --> 00:15:08,550 (เสียงปรบมือ)