ทำไมที่ญี่ปุ่นไม่มีขนมโตเกียว สวัสดีค่ะ วิวจากแชนเนล Point of View ค่ะ เป็นไงวันนี้ ฉากหลังแปลกตาไหมคะ เพราะว่าตอนนี้ฉากหลังของวิว อาจจะไม่ใช่เป็นชั้นหนังสือที่ทุกคนคุ้นเคยกันนะคะ แต่ว่าเป็นครัวค่ะ ถามว่าทำไม เพราะว่าตอนที่วิวอัดคลิปวิดีโอนี้ เรายังอยู่ในช่วง Social Distance นะคะ เนื่องจากเหตุการณ์ COVID-19 นั่นเอง อยากรณรงค์ให้ทุกคนอยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ นะคะ ซึ่งแน่นอนว่าการอยู่บ้านนาน ๆ เนี่ย มันก็จะทำให้เราจะต้อง หากิจกรรมอะไรต่าง ๆ กันนะคะ ดังนั้น วันนี้ก็หากิจกรรมมาให้ทุกคนทำไปพร้อม ๆ กับวิวแล้วค่ะ ก็คือวันนี้วิวจะมาชวนทุกคนทำ ขนมโตเกียวนะคะ และแน่นอน การที่คุณอยู่ในช่อง Point of View เนี่ย จะมาทำขนมโตเกียวเฉย ๆ มันไม่ได้ค่ะ มันต้องมีความรู้ประกอบด้วย สนุก อร่อย แล้วต้องได้สาระประกอบด้วยนะคะ ดังนั้น เดี๋ยวเรามาคุยเรื่องขนมโตเกียวกัน พร้อม ๆ กับทำขนมโตเกียวไปด้วยกันเลยดีกว่าค่ะ ที่สำคัญนะคะ ไม่ได้จะมาทำให้ดูเฉย ๆ แต่เดี๋ยวบอกสูตรด้วยค่ะ บอกเลยว่าขนมโตเกียวนี่เป็นขนมที่ทำง่ายมาก ๆ นะ ดังนั้นใครที่ออกไปกินขนมร้านลุงหน้าโรงเรียนไม่ได้ แล้วคิดถึงขนมโตเกียวก็มาทำไปพร้อม ๆ กับวิวเลยดีกว่าค่ะ สำหรับตอนนี้พร้อมจะไปฟังเรื่องราวที่ทั้ง สนุกและก็ได้สาระกันหรือยังคะ ถ้าพร้อมกันแล้วก็ไปฟังกันเลยค่ะ พูดถึงขนมโตเกียวนะคะ เชื่อว่าเป็นขนมที่แทบทุกคนน่าจะเคยได้กินกันค่ะ เพราะว่าชอบขายกันอยู่ตามหน้าโรงเรียนอะไรต่าง ๆ ใช่ไหม แล้วก็เป็นขนมที่มีไส้หลากหลายนะคะ ซึ่งเอาจริง ๆ หลายคนพอฟังชื่อขนมโตเกียวก็จะรู้สึกว่า นี่มันเป็นขนมญี่ปุ่นแน่ ๆ แต่ว่าหลาย ๆ คนก็จะแบบ เฮ้ย ที่ญี่ปุ่นมันไม่มีขนมโตเกียวนะ ขอบอกเลยว่า ประวัติที่มาของขนมโตเกียวเนี่ย มันเกิดขึ้นจากการพัฒนาอาหารญี่ปุ่นในประเทศไทยนี่ล่ะค่ะ หลายคนฟังแบบนี้ก็จะแบบ อ้าว แล้วสรุปมันเป็นอาหารญี่ปุ่นหรืออาหารไทยกันแน่ ก็ขอแนะนำให้ไปฟังคลิปนี้นะคะ กดไปตรงนี้เลย วิวเคยคุยกับอาป้อม หรือว่าเชฟป้อมเอาไว้นะคะ ว่าด้วยเรื่อง อาหารไทยคืออะไรค่ะ ซึ่งพอฟังคลิปนั้นจบเนี่ย จะทำให้ทุกคนเข้าใจกันมากขึ้นนะ ว่าเราสามารถนิยามอาหารไทยได้ว่ายังไง อย่างไรก็ดี อยากรู้กันไหมว่าขนมโตเกียวเนี่ย เข้ามาในประเทศไทยได้ยังไง และมันพัฒนายังไง บอกเลยค่ะว่า ประวัติมันก็เป็นแบบนี้นี่แหละ ขนมโตเกียวเนี่ยนะคะ ถึงจะชื่อว่าโตเกียวก็ตาม แต่ว่ามันไม่ได้เกิดขึ้นที่จังหวัดโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น แต่อย่างใดค่ะ ขนมชนิดนี้เกิดขึ้นในประเทศไทยของเรานี่แหละ แต่ว่าจริง ๆ นะคะ ไม่มีใครทราบหรอกว่า มันเกิดขึ้นตอนไหน ใครเป็นคนประดิษฐ์ อย่างไรก็ตามนะคะ จริง ๆ ที่ญี่ปุ่นเนี่ยก็มีขนมอยู่ชนิดนึงค่ะ ที่หน้าตาคล้ายขนมโตเกียวสุด ๆ อยู่เหมือนกันนะ ชื่อว่าขนม Angomaki ค่ะ เป็นเครปสไตล์ญี่ปุ่นนะ ใส่ไส้ถั่วแดง แล้วหลัง ๆ ก็มีการประยุกต์ใส่ไส้ต่าง ๆ มากมายเลยค่ะ ก็จริง ๆ ชื่อขนมก็มาจาก Ango ที่แปลว่า ถั่วแดง แล้วก็ Maki ที่แปลว่า ม้วนนั่นเองนะคะ เขาว่าขนมชนิดนี้ เป็นขนมที่ขายในสมัยเอโดะค่ะ ขายอยู่ในร้านยากิโซบะนะ ใช้เตายากิโซบะนั่นแหละทำขนมขึ้นมานะ ดูไปดูมาหน้าตาก็คล้ายขนมโตเกียวอยู่เหมือนกันนะคะ แต่ว่าวิวเนี่ยยังหาหลักฐานอ้างอิงไม่ได้นะคะว่า สรุปนี่คือที่มาของขนมโตเกียวจริง ๆ หรือเปล่า ก็เลยได้แต่เดากันไปเดากันมาค่ะ มันอาจจะบังเอิญเหมือนกัน หรือมันอาจจะเป็นที่มาของขนมโตเกียวจริง ๆ ก็ได้นะคะ เพราะว่า ก็หน้าตามันก็เหมือนขนมโตเกียว แล้วมันก็เกิดขึ้นที่โตเกียวจริง ๆ ด้วย แต่ที่แน่ ๆ นะคะ ที่โตเกียวนี่ไม่มีขนมชื่อโตเกียวแน่นอนค่ะ แต่อย่างไรก็ตามนะคะ หลายคนเนี่ยเขาสัณนิษฐานว่า ขนมชนิดนี้เกิดขึ้นในปี พ.ศ. 2510 ที่ห้างสรรพสินค้าไทยไดมารูค่ะ ห้างนี้ก็อารมณ์คล้าย ๆ เซ็นทรัลนะคะ คือมีหลายสาขา ไปเปิดที่ต่างประเทศอะไรต่าง ๆ ก็ยังใช้ชื่อ เซ็นทรัล อยู่ ไดมารูนี่ก็เป็นห้างของญี่ปุ่นนะคะ มีหลากหลายที่เลยทีเดียว ใครที่ไปเที่ยวประเทศญี่ปุ่นบ่อย ๆ น่าจะคุ้นกันดีค่ะ อย่างที่โอซาก้านี่ก็มีทั้ง ไดมารูอุเมะดะ ไดมารูชินไซบาชิ อะไรอย่างนี้เลยใช่ไหมคะ ซึ่งไดมารูเนี่ยก็มาเปิดที่ประเทศไทย แถบราชประสงค์ นี่แหละค่ะ แล้วก็เป็นห้างที่ได้รับความนิยมมาก ๆ เลยนะคะในยุคสมัยนั้น แน่นอนว่าเป็นห้างญี่ปุ่นทั้งที่ก็ต้องมีขนมญี่ปุ่นขายค่ะ เขาเลยเชื่อว่าขนมโตเกียวเนี่ย ถือกำเนิดที่ห้างไทยไดมารูแห่งนี้นี่แหละ โดยที่ห้างแห่งนี้นะคะ ดัดแปลงมาจากขนมโดรายากิของญี่ปุ่นค่ะ โดรายากินี่ก็จะเป็นขนมที่คล้าย ๆ กับ เป็นแป้งแพนเค้กสองชิ้นประกบกันนะคะ แล้วตรงกลางก็ใส่ไส้ค่ะ มักจะเป็นไส้ถั่วแดงนั่นเอง ซึ่งหลายคนคุ้นชื่อกันดีนะคะ เพราะว่าเป็นขนมที่โดราเอมอนชอบนั่นเองค่ะ แต่ว่าแทนที่จะเอามาประกบกันแบบเดิมเนี่ยนะคะ เขาก็เปลี่ยนค่ะ เอามาใช้วิธีม้วนเอานะ แล้วก็เพิ่มไส้ต่าง ๆ เข้าไปค่ะ เสร็จแล้วก็ตั้งชื่อใหม่ให้คนไทยในสมัยที่ยังไม่คุ้นเคย กับภาษาญี่ปุ่นอย่างทุกวันนี้จำได้ง่ายขึ้นนะคะ ไหน ๆ ทำขนมญี่ปุ่นขึ้นมาจะใช้ชื่ออะไรไปดีกว่า ชื่อเมืองหลวงของประเทศญี่ปุ่นใช่ไหมคะ ดังนั้น ขนมชนิดนี้ก็เลยได้ชื่อว่า ขนมโตเกียวตั้งแต่นั้นมาค่ะ แต่เดี๋ยวก่อนนะคะ หลายคนเนี่ย พูดถึงประวัติขนมโตเกียวก็น่าจะหยุดตรงนี้นะว่า ได้รับอิทธิพลมาจากโดรายากิแล้วก็จบ แต่นี่ช่อง Point of View ค่ะ เราจะขุดลึกไปกว่านั้นนะคะ เพราะว่าจริง ๆ แล้วขนมโดรายากิเนี่ย ก็ไม่ใช่ขนมญี่ปุ่นจ๋าขนาดนั้นค่ะ แต่ว่าเป็นขนมที่ได้รับอิทธิพลมาจากชาติอื่นอีกทีนึงนะคะ ฟังมาถึงตอนนี้นะคะ หลายคนก็น่าจะร้องอ๋อแล้วแหละ เพราะว่าเมื่อกี้วิวก็เผลอหลุดมาแล้วใช่ไหมว่า โดรายากิเนี่ยเกิดจากแพนเค้กสองชิ้นประกบกัน ดังนั้นมันต้องได้รับอิทธิพลจากแพนเค้กแน่ ๆ เลย วิวขอบอกว่าไม่ใช่ค่ะ เพราะจริง ๆ แล้ว แป้งของขนมโดรายากิเนี่ย ไม่ใช่แป้งแพนเค้กนะคะ แต่เป็นแป้งของขนมโปรตุเกสอีกชนิดนึงต่างหาก นั่นก็คือ Castella Cake นะคะ ที่เข้ามาในญี่ปุ่นผ่านมิชชันนารีนะคะ ในสมัยคริสตศตวรรษที่ 16 ค่ะ ขนม castella cake เนี่ยก็จะเป็น sponge cake นะคะ ซึ่งเนื้อเนี่ยมันจะฟูนุ่มกว่าแพนเค้กที่เนื้อจะแน่นกว่า texture ก็จะต่างกันนิดนึงค่ะ ดังนั้นแป้งของโดรายากินะคะ ก็เลยเนื้อจะนุ่มกว่าแพนเค้กแบบคลาสสิกค่ะ ซึ่งนี่ก็เป็นหนึ่งในที่มานะคะ ที่ทำให้แพนเค้กแบบญี่ปุ่น หรือที่เค้าเรียกว่า แพนเกกิ เนี่ย จะมีเนื้อนุ่มฟูนะคะ แตกต่างจากแพนเค้กสไตล์ตะวันตก ที่จะแบนแล้วก็เนื้อแน่นกว่านั่นเองค่ะ คนไทยเราคุ้นกับแพนเค้กสไตล์ญี่ปุ่นเนอะ ดังนั้นถ้าไปสั่งที่ประเทศแถบตะวันตก อย่าตกใจกันค่ะ ที่แพนเค้กมันจะหนาแล้วก็แน่นนะคะ ซึ่งเอาจริง ๆ เนี่ย สมัยนี้ในญี่ปุ่นเนี่ย ก็มีบางคนนะคะ ประยุกต์ทำโดรายากิแบบต่าง ๆ ขึ้นมามากมายเหมือนกันนะ ทั้งเอาไส้นู้นไส้นี้มาใส่เพิ่มเติม ไม่ได้มีแค่ไส้ถั่วแดงเหมือนแต่ก่อนแล้ว ไส้คัสตาร์ดครีม ไส้เกาลัดก็มีค่ะ หรือบางคนก็ใส่ครีมสดเข้าไปด้วย เรียกว่า นามะโดรายากิ ค่ะ หรือว่าโดรายากิสดนั่นเองนะ หนักกว่านั้นอีกก็เป็นแบบที่ไม่ใช่แบบสองแผ่นประกบกัน ก็มีเหมือนกัน บางคนเขาก็เอามาม้วน ๆ ๆ แล้วใส่ไส้แปลก ๆ นะคะ เรียกว่า โรลโดรายากิ ก็มีเหมือนกัน เอ้า พอเอาโดรายากิมาโรลนี่ก็ คล้ายโตเกียวเข้าไปอีกค่ะ แต่โตเกียวของไทยเนี่ยอาจจะมีการประยุกต์มากกว่านิดนึง คือทำแป้งให้บางแล้วก็กรอบนะคะ เพราะว่าคนไทยเราชอบอะไรกรอบ ๆ ไง ใช่ไหม โอ้โห เห็นไหมคะว่าศิลปะวัฒนธรรมของแต่ละชาติเนี่ย หายากมาก ๆ เลยนะคะที่จะมีอะไรออริจินัล อย่าให้วิวคุ้ยต่อเลยว่าโปรตุเกสเนี่ย ไปได้ castella cake มาจากอะไร เพราะทุกคนก็คิดแค่ว่าอยากทำอาหารของตัวเอง ให้อร่อยแล้วก็ถูกปากมากที่สุด จะสร้างสรรค์ขึ้นมาเพิ่ม ประยุกต์ต่อ หรือว่าได้รับอิทธิพลมาจากชาติอื่น ก็ขึ้นอยู่กับว่าใครชอบแบบไหนค่ะ สำหรับตอนนี้ คนที่ชอบขนมโตเกียว ฟังวิวมามากพอแล้ว อยากไปทำขนมโตเกียวกินกันหรือยังคะ ถ้าพร้อมกันแล้วก็ ไปดูวิธีทำกันเลยค่ะ เป็นไงบ้างคะได้ฟังประวัติขนมโตเกียวกันไปแล้ว วันนี้ก็ขอมาสั้น ๆ นิดนึงนะ เพราะว่าเดี๋ยวเราจะไปทำขนมโตเกียวกันค่ะ แต่ก่อนอื่นนะคะ ก่อนที่เราจะไปเริ่มทำแป้งโตเกียว ก่อนที่เราจะไปเริ่มหมุน ๆ ๆ ๆ เหมือนกับคุณลุงหน้าโรงเรียนเนี่ยนะคะ อย่างแรกที่เราต้องทำก่อนเลยก็คือ เตรียมไส้นั่นเองค่ะ ซึ่งขนมโตเกียวเนี่ยมันมีได้หลากหลายไส้เนอะ เพราะว่าแล้วแต่ว่าใครจะประยุกต์ขึ้นมานะคะ อย่างวันนี้ที่วิวจะทำก็กะว่าจะทำไส้เค็มค่ะ ก็จะมีไส้ไข่ ไส้ไส้กรอก แล้วก็ไส้ครีมค่ะ ดังนั้นอย่างแรกที่เราต้องทำกันนะคะก็คือ ไส้ที่ต้องมีการเตรียมการมากที่สุดค่ะ นั่นก็คือไส้ครีมนั่นเอง วันนี้เราจะกวนครีมด้วยตัวเองกันเลยนะคะ มา เริ่มทำกันเลยดีกว่า สำหรับวัตถุดิบในการทำไส้ครีมของเราในวันนี้นะคะ ที่เราจะใช้ก็คือ หนึ่ง ไข่ไก่ค่ะ ใช้แต่ไข่แดงนะ แล้วก็ นม น้ำตาล กลิ่นวนิลา แล้วก็แป้งสาลี ที่จะทำให้ไส้ครีมของเราเนี่ยข้นขึ้นนั่นเองค่ะ เดี๋ยวเรามาเริ่มทำกันเลย ขั้นตอนแรกในการทำไส้ครีมของเรานะคะ ก็คือการแยกไข่ขาวไข่แดงค่ะ ซึ่งเราจะไม่ทำแบบกอล์ฟมาเยือนแล้วโยนไข่ก่อนเริ่มนะคะ แต่ว่าเราจะแยกไข่ขาวไข่แดงเลยนะ ก็เริ่มจากอย่างนี้ก่อนนะคะ จริง ๆ มันก็มีหลายวิธีอะนะในการแยกไข่ขาวไข่แดง แล้วแต่ความถนัดของแต่ละคนเลย แต่วันนี้วิวจะใช้วิธีนี้ ก็ใช้เปลือกไข่นี่แหละ ในการตวงกันไปตวงกันมานะฮะ เราเคยเล่น Cooking Mama กันอยู่แล้ว ก็อันนี้ล่ะค่ะ Cooking Mama Real-life นะคะทุกคน แยกไปแยกมา เอาให้ไข่ขาว ออกไปให้หมดที่สุดที่ทำได้นะคะ อะ ประมาณนี้แล้วกันนะคะ แล้วก็ใส่ไข่แดงลงไปก่อนเลย หลังจากนั้นเราก็ทิ้งไข่ขาวไปค่ะ หรือใครจะเก็บไว้ใช้เป็นแบบไส้โตเกียวไส้ไข่ ก็ได้นะเหมือนกัน หลังจากใส่ไขเข้าไปแล้วนะคะ จริง ๆ แล้วเราสามารถใส่สลับกันได้นะ ใส่ทุกอย่างลงไปในหม้อทีเดียวเลย แล้วเดี๋ยวเราคนทีเดียว แต่ว่าจากประสบการณ์วิวเนี่ยนะคะ ถ้าใส่แป้งลงไปทีหลัง แป้งมันจะลอยอยู่เหนือของเหลวค่ะ แล้วมันจะคนยาก ดังนั้นเราจะใส่แป้งลงไปก่อนนะคะ 1 ช้อนโต๊ะด้วยกันค่ะ แล้วก็โป๊ะมันลงไปเลย นม 1/2 ถ้วยตวงค่ะ ซึ่งอันนี้เป็นถ้วย 1/2 นะคะ หรือ 120 มล. นั่นเอง ใส่ลงไป เทมันลงไปเลย หลังจากนั้นค่ะ ก็คือใส่น้ำตาลลงไป ทั้งหมด 1/6 ถ้วยตวงนะคะ ซึ่งตามสไตล์คนชอบหวานก็จะใส่เยอะหน่อยนะคะ แต่อันนี้อาจจะเยอะไปนิดนึง เอาคืนไปนิดนึง และน้ำตาลก็หกนะคะ เดี๋ยวก็จะโดนแม่ด่า แต่ไม่เป็นไรนะคะ แม่ไม่ได้ดูคลิปนี้ รึเปล่า ไม่รู้ จุ๊ ๆ ๆ อย่าบอกแม่นะว่าน้ำตาลหก พอใส่ลงไปเรียบร้อยนะคะ เราก็ใส่สิ่งสุดท้าย นั่นก็คือกลิ่นวนิลานั่นเองค่ะ ก็กะ ๆ แล้วก็ใส่ลงไปนะ ตามแต่ว่าชอบความหอมขนาดไหน เป็นอันครบทุกเครื่องปรุงแล้วนะคะ สิ่งถัดไปที่เราต้องทำก็คือ เปิดไฟเลยจ้า จริง ๆ ก็อย่าเปิดไฟแรงเกินไปนะ แต่สำหรับวิว วิวใช้เตาไฟฟ้า มันต้องมีการวอร์มเตาก่อนนิดนึงนะคะ หลังจากนั้นก็จัดการคน คนเข้าไป อยากบอกทุกคนว่าพยายามอย่าหยุดคนนะคะ เพราะว่าไม่งั้นนมมันจะฟู่ แล้วมันก็จะไหม้นะ เราก็จะคนไปเรื่อย ๆ อย่างนี้แหละ เห็นไหม มันก็จะเริ่มเข้ากันแล้ว ส่วนแป้งมันก็จะแบบต้องอาศัยการขยี้ ๆ นิดนึง ให้มันเข้ากันนะคะ หลังจากที่เราคนไปสักพักนะคะ เราก็จะเริ่มเห็นว่ามันข้นขึ้นเรื่อย ๆ นะ ตามความสุกของแป้งนะคะ มองด้วยตาอาจจะสังเกตยากนิดนึง แต่ว่าถ้าเป็นคนที่คนเอง ก็จะสัมผัสได้ว่ามันเริ่มข้นขึ้นแล้วนะ นี่เห็นไหม ๆ ๆ ตอนนี้จะเริ่มข้นขึ้นเร็วมากนะคะ เพราะฉะนั้นห้ามหยุดคนเด็ดขาดนะทุกคน เห็นไหม texture มันเริ่มเปลี่ยนนะคะ หลังจากที่มันเริ่มข้นขึ้นเลเวลนึงแล้ว มันเดือดแล้วนะคะ ก็รีบปิดไฟนะคะ แล้วคนต่อนะ อย่าให้มันเดือด อย่าให้มันไหม้ติดก้นหม้อ เห็นไหมว่ามันข้นแล้ว เป็นครีมแล้วนะ ซึ่งหลายคนดูตรงนี้ก็จะแบบ เฮ้ย ครีมมันยังไม่ข้นเลย มันยังดูไม่ใช่ครีมโตเกียว เดี๋ยวพอมันคายความร้อนนะคะ มันก็จะแข็งขึ้นนะคะ เพราะว่าแป้งมันสุกนั่นเอง ตอนนี้เราก็เอาให้มันแค่ลดความร้อนลงหน่อย เพื่อให้มันไม่ติดก้นหม้อ แล้วเดี๋ยวเราจะเอามันไปพักไว้นะคะ เอาล่ะเรียบร้อยค่ะ ทีนี้ก็เสร็จเรียบร้อยนะคะ สำหรับครีมไส้โตเกียวของเรา เดี๋ยวเราทิ้งมันไว้ เดี๋ยวเรากลับมาดูกันทีหลังนะคะ สำหรับตอนนี้ไปทำแป้งโตเกียวกันก่อน ขั้นตอนถัดไปนะคะ เราก็จะมาเริ่มผสมแป้งโตเกียวกันค่ะ อย่างแรกเลยเราจะเอาของแห้งทั้งหมด ผสมกันลงไปก่อนนะคะ ก็คือ แป้งนั่นเอง ซึ่งอันนี้เราจะใช้ทั้งหมด 2 ถ้วยตวงค่ะ แต่ว่าเนื่องจากวิวหาถ้วยตวงถ้วยเต็มของตัวเองไม่เจอนะ วิวก็เลยใช้ถ้วยครึ่งนี่แหละค่ะ ดังนั้นวิวจะใส่ไป 4 นะ อย่าแปลกใจนะจ๊ะทุกคน อะ ใส่ลงไปทั้งหมดหนึ่งถ้วย สามถ้วย โอเค 4 ถ้วยตวงค่ะ เรียบร้อยนะคะ ไปต่อที่ของแห้งชิ้นที่สองนะคะ นั่นก็คือ ผงฟูนั่นเอง อันนี้ผงฟูหรือว่า baking powder นะคะ เราจะใช้ทั้งหมด 1 ช้อนโต๊ะนะฮะ ก็โบ๊ะมันลงไปเลยนะคะ หลังจากนั้นก็ใส่น้ำตาลค่ะ ทั้งหมด 2 ช้อนโต๊ะนะคะ 1 2 ช้อนโต๊ะค่ะ แล้วก็ตามด้วยของแห้งอันสุดท้ายนั่นก็คือเกลือนั่นเอง จริง ๆ ต้องใส่ประมาณ 1 ช้อนชานะคะ ถามว่าใส่เกลือลงไปทำไม ก็คือมันเป็นการตัดรสนิดนึงนะ ให้มันแบบกลมกล่อมจ้า 1 2 เวลาเห็นวิวพูดกับทำอะไรไม่ตรงกันนะคะ ก็คือช้อนตวงมันไม่ได้ขนาดนั่นเองนะคะ ก็เลยบางทีอาจจะใช้ช้อนครึ่ง ก็คือใช้ 2 ช้อนแทนอะไรอย่างนี้ แล้วเราก็จัดการคนของแห้งทั้งหมดให้เข้ากันก่อนนะคะ แล้วก็แหวก ๆ ไว้ตรงกลางนิดนึง ของเปียกอย่างแรกที่เราต้องใส่ก็คือ ไข่ไก่ 2 ฟองนั่นเอง เราก็ตอกลงไปเลยนะคะ ไม่ต้องแยกไข่แดงไข่ขาวแล้ว อันนี้เราใช้ทั้งฟองนะ 1 2 ถัดไปนะคะก็ได้แก่นมนั่นเอง เราใส่ทั้งหมด 1 1/2 ถ้วยตวงนะคะ 1 ถ้วยตวงแล้ว แล้วก็อีก 1/2 นะทุกคน ทีนี้ก็ถึงอีกหนึ่งขั้นตอนนะคะที่หลายคนจะตกใจ นั่นก็คือน้ำมันพืชนั่นเอง เราจะใส่น้ำมันพืชลงไป 1/4 ถ้วยตวงค่ะ อะ ใส่มันลงไปเลย ก็เป็นอันครบเรียบร้อยนะคะ แต่สำหรับใครที่ชอบวนิลา ก็สามารถใส่กลิ่นวนิลาลงไปแต่งนิดหน่อยได้เหมือนกันนะคะ เทมันลงไปแล้วเราก็จัดการคนทุกอย่างให้เข้ากันนะคะ คนไปเลย คน ๆ ๆ จริง ๆ สูตรนี้นะคะมันไม่ใช่สูตรแป้งโตเกียวหรอก หลายคนที่เคยทำแพนเค้กมาก็จะคุ้น ๆ ว่า เฮ้ย นี่มันสูตรแพนเค้กรึเปล่า อะไรยังไงนะ ใช่ นี่คือสูตรแพนเค้กค่ะ คือจริง ๆ ถ้าจะเป็นแป้งโตเกียว แบบที่เขาขายกันตามร้านข้างถนนเนี่ยนะ เขาก็จะใช้น้ำปูนใสใช้อะไรด้วย จะเป็นอีกสูตรนึง มันก็จะได้แป้งกรอบ ๆ เหมือนกับแป้งเครป พวกแบบเครปที่เราชอบกินกัน เครปตามโรงเรียนน่ะค่ะ แต่ว่าเนื่องจากเราอยู่บ้านไง น้ำปูนใสก็จะหายากนิดนึง เราใช้แป้งแพนเค้กทดแทนกันก็พอได้ค่ะ เพราะว่าเวลาที่เราเอาแพนเค้ก เอาไม่ใช่สูตร fluffy นะ เอาสูตรแบบแพนเค้กแบน ๆ นะ เอามาทำเป็นโตเกียวเนี่ย มันก็จะได้หน้าตา texture คล้าย ๆ กันอยู่ค่ะ แล้วก็ทำไม่ได้ยากขนาดนั้นนะจ๊ะทุกคน ดังนั้น เวลาเราอยู่บ้านเราก็ประยุกต์ ๆ อะไรประมาณนี้ล่ะค่ะ อะ เดี๋ยวเราคนให้มันเข้ากันก่อน แล้วเดี๋ยวเรามาดูกันว่าจะเป็นยังไงต่อนะ นี่นะคะ หลังจากที่เราทิ้งไส้ครีมของเราไว้แป๊บนึงนะคะ ตอนนี้ไส้ครีมของเราก็ข้นได้ที่แล้วนะคะ พร้อมสำหรับการทำโตเกียวแล้ว แล้วก็แป้งก็ได้ที่แล้วเรียบร้อย ดังนั้นมาเริ่มทำกันเลยดีกว่าค่ะ อย่างแรกนะคะที่ทุกคนต้องทำก็คือการวอร์มเตานั่นเอง เราต้องหาอุณหภูมิที่เหมาะสมของเตา ซึ่งก็คือไม่ร้อนเกินไปแล้วก็ไม่เย็นเกินไป แต่ว่าแนะนำให้ทดสอบกันดูก่อนนะ ดังนั้นไม่แปลกเลยนะคะ ถ้าชิ้นแรกที่เทลงไปเนี่ยมันจะเละนะ เราหาช้อนมาคันนึงนะ ใครจะใช้ช้อนกินข้าวก็ได้ แต่ว่าถ้าบ้านใครมีช้อนตักซุปแบบวิวก็จะเหมาะมากนะคะ ก็อย่างนี้เลย เทมันลงไปนะคะ เสร็จแล้วอย่าแรงเกินไปแล้วอย่าเบาเกินไป ขยี้มันออกมาค่ะ ให้มันหน้าตาเหมือนกับที่คุณลุงโตเกียวทำให้เราดู อ้า ประมาณนั้นเลย เสร็จปุ๊บก็รอมันสุกแป๊บนึงนะคะ สังเกตว่าถ้าใครเคยทำแพนเค้กน่าจะเก็ตนะว่า ไอ้ปุด ๆ ๆ ๆ เนี่ย ที่มันเป็นฟองอากาศนี่แปลว่ามัน แป้งมันเริ่มสุกนะคะ เพราะว่าด้วยความเป็นโตเกียว เราต้องการให้สีข้างนอกมันสวยงามนิดนึง เราก็ต้องใช้เวลารอนิดนึงนะ พอมันเริ่มสุกนะคะ ก็ได้เวลาที่เราจะใส่ไส้ละ อะ อย่างอันนี้วิวก็จะใส่ไส้ครีมก่อนเลยนะคะ เราก็โปะไส้ครีมของเราเนี่ยลงไป ชึบ อ้า เป็นก้อน อยากได้เยอะใส่เยอะ อยากได้น้อยใส่น้อย นี่คือข้อดีของการทำเองนะคะ อันนี้ขั้นตอนนี้ถ้าใครเป็นเด็ก ๆ ระวังนิดนึงนะ มันจะร้อนนะคะ รอให้มันสุกแว่บนึง แล้วก็เอาอะไรแซะ เหมือนถ้าเป็นปกติเราจะใช้เกรียงใช่ไหม เราก็จัดการม้วนมันเลย นี่ เห็นไหม สีสัน นี่นะคะ แล้วก็ทิ้งมันไว้แป๊บนึงให้มันติดกัน แล้วเราก็จะได้ขนมโตเกียวของเราแล้ว เป็นยังไงบ้างทุกคน เหมือนไหม เห็นไหม เหมือนตามร้านเลยนะคะ แล้วเราก็เอาไปใส่ไว้ เรียบร้อย มาทำไส้ต่อไปกันดีกว่า มา เรามาทำไส้ถัดไปกันนะ อะ ก็เหมือนเดิมเลยนะคะ ตักเทมันลงไป แล้วก็ค่อย ๆ บี้นะคะ บี้มันออกมา ๆ อยากได้แผ่นใหญ่ตักเยอะ อยากได้แผ่นเล็กก็ตักน้อยนะคะ หลายคนชอบกินโตเกียวไส้ไข่นกกระทานะ นี่ก็มีมาเหมือนกันนะคะ นี่หลายคนไม่รู้นะว่าไข่นกกระทาอะ จุดที่ต่างจากไข่ไก่ก็คือ เปลือกมันเนี่ยเหนียวกว่าเยอะนะคะ ก็อาจจะ ตอนแกะก็จะลำบากชีวิตนิดนึงนะ มันจะเหนียวมากนะ เพราะว่ามันเล็กด้วยแหละ เทมันลงไป ชึบ ก็ทำการตีไข่ให้แตกนะฮะ ตีไข่ ๆ อะ ราดมันไปทั่ว ๆ นะ เสร็จแล้วก็ นี่เลย ตามสูตรคุณลุงเลยนะฮะ ใส่แม็กกี้ลงไปนิดนึงค่ะ อย่าเยอะไม่งั้นจะเค็มนะทุกคน แล้วก็ใส่พริกไทยลงไปนะฮะ ใส่เสร็จปุ๊บ เรามีไส้กรอกเราก็เอาไส้กรอกแปะลงไปนิดนึง รอทุกอย่างสุกแป๊บนึงนะคะ เสร็จปุ๊บนะคะ พอมันเริ่มสุกอ เราก็จัดการแซะมันออกมา แล้วก็ม้วนเลย ใครกลัวก็มีที่หนีบก็ใช้ได้นะ ใครกลัวร้อน แต่ใครไม่กลัวร้อน จะเอามือไปจกก็ได้ แต่ไม่แนะนำนะจ๊ะ ทีนี้นะคะก็ได้จะได้เป็นขนมโตเกียว เรียบร้อย นี่เป็นไงมั่งคะ เราก็เสร็จแล้วนะกับขนมโตเกียวร้อน ๆ จากเตานะคะ ที่เรากินได้เลย กินให้ดูด้วย นี่ เผื่อว่าใครจะอยากทำตามนะคะ หือ ใช้ได้ค่ะทุกคน ฝีมือตัวเอง ต้องชมอย่างเดียวนะ ด่าไม่ได้นะคะ และนี่นะคะก็คือ ขนมโตเกียวนั่นเองค่ะ ขนมแบบไทย ๆ ที่ได้รับอิทธิพลมาจากขนมญี่ปุ่นนะคะ ก็แสดงถึงอัตลักษณ์ความเป็นไทยอย่างชัดเจน นั่นก็คือการเลือกรับสิ่งต่าง ๆ มาจากภายนอก แล้วก็ปรับใช้ให้เหมาะกับความเป็นไทยนั่นเองค่ะ ซึ่งจริง ๆ อันนี้มันก็เป็นการศึกษา พวกศิลปะวัฒนธรรมแบบที่วิวพูดบ่อย ๆ นั่นแหละว่า พวกนี้มันอย่าไปโฟกัสเลยว่าอะไรเป็นของประเทศไหน อะไรเป็นของอะไรต่าง ๆ นะคะ อยู่ที่ว่าประเทศไหนรับอะไรไป ได้รับอิทธิพลอะไรไป แล้วมาประยุกต์ให้เข้ากับตัวเอง เป็นยังไงมากกว่าค่ะ สำหรับวันนี้นะคะ ถ้าใครชื่นชมคลิปนี้ อยากให้วิวมาทำอะไรแบบนี้อีก ก็คอมเมนต์มาด้านล่างได้เลยค่ะ แล้วก็ถ้าชอบคลิปนี้มาก ๆ อย่าลืม กด Like เป็นกำลังใจให้วิว แล้วก็กด Share เพื่อชวนเพื่อน ๆ มาดูด้วยกันนะคะ สำหรับวันนี้ลาไปก่อนละกันค่ะทุกคน บาย ๆ สวัสดีค่ะ นี่นะ เอาจริง ๆ มันก็ไม่ได้มีแค่ขนมโตเกียวนะ ที่เราน่าทำในช่วงเวลาแบบนี้ จริง ๆ มันมีอีกหลายเรื่องมากเลยที่วิวสามารถ เอามาทำแล้วก็เล่าให้ทุกคนฟังได้นะคะ อย่างเช่น เอาจริง ๆ ตอนแรกคลิปนี้ ตอนแรกตั้งใจจะผัดข้าวผัดอเมริกันนะทุกคน เพราะว่ารู้ปะ ข้าวผัดอเมริกันก็เกิดในประเทศไทยนะ ถ้ามีโอกาสเดี๋ยวไว้มาผัด ข้าวผัดอเมริกัน กัน แล้วก็เล่าเรื่องข้าวผัดอเมริกันละกันค่ะ สำหรับตอนนี้ก็ขออนุญาตไปเคลียร์แป้งทั้งหมดนี้ก่อนนะคะ นึกสภาพวาดทีละหนึ่งช้อน ๆ จะได้ขนมโตเกียวเยอะขนาดไหนนะคะ เอาเป็นว่าใครจะทำตามแล้วอยู่คนเดียว แค่จะกินนิด ๆ หน่อย ๆ ก็ลดสูตรเอาแล้วกันนะคะ หัดใช้วิชาเลขให้เป็นประโยชน์นะ อย่างเช่นวิวใช้หนึ่งถ้วยก็ลดลงเหลือแบบครึ่งถ้วย อะไรอย่างนี้ไปนะจ๊ะ ทำออกกล้องก็ทำสวย ๆ หน่อย พอทำแบบกินเองก็ชิ้นใหญ่ ๆ สะใจ เวลาไปซื้อแล้วมันแพง ชิ้นมันหลายบาท โปะมันเข้าไป อยากได้อะไรบ้าง ไส้กรอกสามชิ้นไรงี้ คิดว่าพอเหรอ ใส่ชีสด้วย โตเกียวไส้ไข่ไส้กรอกชีส ความเบื่อทำให้คนมีครีเอทีฟนะจ๊ะทุกคน เมื่อกี้ตอนโชว์ใช้พริกไทยธรรมดาใช่ป้ะ ตอนกินเองค่ะ พริกไทยฝรั่งค่ะ ทำเองไง อยากใส่อะไรก็ได้ ไปพอแล่ว บาย ๆ ทุกคน สวัสดีค่ะ