WEBVTT 00:00:07.420 --> 00:00:12.350 เส้นชัยอยู่อีกไม่ไกล และคุณก็กำลังเร่งความเร็วขึ้นอีก 00:00:12.350 --> 00:00:15.480 คุณซอยเท้าเร็วขึ้น คุณหายใจแรงขึ้น 00:00:15.480 --> 00:00:17.021 หัวใจของคุณเต้นแรง 00:00:17.021 --> 00:00:20.526 และเหงื่อก็ไหลลงมาตามผิวหนัง 00:00:20.526 --> 00:00:23.162 สารที่ว่านี้เกิดขึ้นมาได้อย่างไร 00:00:23.162 --> 00:00:26.460 และเพื่อจุดประสงค์ใดกันแน่ NOTE Paragraph 00:00:26.460 --> 00:00:29.782 เราเสียเหงื่อได้จากหลายกรณี 00:00:29.782 --> 00:00:30.896 การกินอาหารรสจัดจ้าน 00:00:30.896 --> 00:00:31.871 ความประหม่า 00:00:31.871 --> 00:00:33.589 และเมื่อคุณป่วย 00:00:33.589 --> 00:00:37.892 แต่มันเกิดขึ้นได้บ่อยที่สุด เมื่อเราออกกำลังกาย 00:00:37.892 --> 00:00:41.403 ในกรณีนี้ การเสียเหงื่อเกิดขึ้น เพื่อตอบสนองการเคลื่อนไหว 00:00:41.403 --> 00:00:43.902 ที่เกิดขึ้นอยู่ภายในเซลล์ 00:00:43.902 --> 00:00:47.093 เมื่อคุณเร่งจังหวะ กล้ามเนื้อของคุณทำงานมากขึ้น 00:00:47.093 --> 00:00:49.851 และต้องการพลังงานมากขึ้น 00:00:49.851 --> 00:00:52.693 กระบวนการที่เรียกว่า การหายใจระดับเซลล์ 00:00:52.693 --> 00:00:56.913 บริโภคกลูโคสและออกซิเจน เพื่อสร้าง ATP 00:00:56.913 --> 00:01:00.545 หน่วยพลังงานที่ใช้ในเซลล์ 00:01:00.545 --> 00:01:05.841 กระบวนการนี้ส่วนใหญ่จะเกิดขึ้น ในโครงสร้างที่เรียกว่า ไมโทคอนเดรีย NOTE Paragraph 00:01:05.841 --> 00:01:07.275 ยิ่งเราเคลื่อนไหวมาก 00:01:07.275 --> 00:01:11.713 ไมโทคอนเดรียก็ยิ่งทำงานมากขึ้น และให้พลังงานกับร่างกายของคุณ 00:01:11.713 --> 00:01:14.335 การทำงานทั้งหมดนี้มาพร้อมกับค่าเหนื่อย 00:01:14.335 --> 00:01:18.568 เมื่อเซลล์สลาย ATP พวกมันปลดปล่อยความร้อนออกมา 00:01:18.568 --> 00:01:23.002 ความร้อนดังกล่าวกระตุ้นหน่วยรับอุณหภูมิ ที่มีอยู่ทั่วไปบนร่างกาย NOTE Paragraph 00:01:23.002 --> 00:01:27.005 ตัวรับอุณหภูมิเหล่านี้สัมผัสได้ ถึงความร้อนจากเซลล์กล้ามเนื้อที่มากเกินไป 00:01:27.005 --> 00:01:30.713 และส่งข้อมูลนี้ไปยังไฮโปทาลามัส 00:01:30.713 --> 00:01:32.991 ซึ่งกำกับควบคุมอุณหภูมิของร่างกาย 00:01:32.991 --> 00:01:34.475 ไฮโปทาลามัสตอบสนอ 00:01:34.475 --> 00:01:37.825 โดยการส่งสัญญาณ ผ่านระบบประสาทซิมพาทีติก 00:01:37.825 --> 00:01:40.695 และต่อมเหงื่อในผิวหนังของคุณ 00:01:40.695 --> 00:01:42.896 พวกมันกระจายอยู่ทั่วไปบนร่างกาย 00:01:42.896 --> 00:01:46.786 ซึ่งโดยมากจะพบได้ที่ฝ่ามือ 00:01:46.786 --> 00:01:48.426 ฝ่าเท้า 00:01:48.426 --> 00:01:50.025 และบนศีรษะ NOTE Paragraph 00:01:50.025 --> 00:01:52.845 เมื่อต่อมเหงื่อเริ่มได้รับสัญญาณ 00:01:52.845 --> 00:01:56.121 ของไหลรอบ ๆ เซลล์ในฐานที่ขดไปมาของมัน 00:01:56.121 --> 00:01:59.986 มีปริมาณโซเดียมและคลอไรด์อยู่สูง 00:01:59.986 --> 00:02:03.531 เซลล์จะดันประจุเหล่านี้เข้าสู่ท่อกลวง 00:02:03.531 --> 00:02:06.176 ที่วิ่งผ่านต่อมเหงื่อ 00:02:06.176 --> 00:02:09.757 จากนั้น เพราะว่าความเค็มี่อยู่ภายในท่อ สูงกว่าภายนอก 00:02:09.757 --> 00:02:13.555 น้ำจึงเคลื่อนจากท่อโดยการออสโมซิส NOTE Paragraph 00:02:13.555 --> 00:02:18.268 เมื่อสิ่งที่เรียกว่าการหลั่งปฐมภูมิ เกิดขึ้นที่ฐานของท่อแล้ว 00:02:18.268 --> 00:02:24.057 ความดันน้ำจึงดันมันขึ้นไปตามความยาวของท่อ 00:02:24.057 --> 00:02:25.818 ก่อนที่มันจะซึมออกสู่ผิวหนัง 00:02:25.818 --> 00:02:29.968 เซลล์ที่เรียงตัวอยู่รอบท่อจะดึงเกลือกลับมา ให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ 00:02:29.968 --> 00:02:32.057 กระบวนการนี้ก็จะเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง NOTE Paragraph 00:02:32.057 --> 00:02:35.147 น้ำในเหงื่อดึงเอาพลังงานความร้อนจากร่างกาย 00:02:35.147 --> 00:02:39.027 และจากนั้นพามันระเหยออกไป เมื่อมันไปถึงผิวหนัง 00:02:39.027 --> 00:02:43.498 ซึ่งเป็นการลดอุณหภูมิร่างกาย 00:02:43.498 --> 00:02:46.494 กระบวนการนี้เรียกว่า การทำให้เย็นโดยการระเหย 00:02:46.494 --> 00:02:49.479 ซึ่งเป็นการปรับตัวที่สำคัญมาก สำหรับบรรพบุรุษของเรา NOTE Paragraph 00:02:49.479 --> 00:02:53.199 ผลจากการทำให้เย็นนี้ ไม่ได้เพียงแต่เป็นประโยชน์เมื่อออกกำลังกาย 00:02:53.199 --> 00:02:56.796 เราเสียเหงื่อให้กับกรณีอื่น ๆ ด้วย NOTE Paragraph 00:02:56.796 --> 00:03:02.269 การกินอาหาร โดยเฉพาะอาหารที่รสจัดจ้าน ทำให้บางคนเหงือแตกเต็มหน้าผาก 00:03:02.269 --> 00:03:06.771 มันเกิดขึ้นเพราะเครื่องเทศกระตุ้น การตอบสนองของเส้นประสาทเดียวกันในสมอง 00:03:06.771 --> 00:03:12.600 ที่กระตุ้นตัวรับอุณหภูมิ ซึ่งมักสนองตอบความร้อนที่เพิ่มขึ้น 00:03:12.600 --> 00:03:15.935 การเสียเหงื่อยังเป็นส่วนหนึ่ง ของการตอบสนองว่าจะหนีหรือสู้ 00:03:15.935 --> 00:03:19.991 ที่ถูกกระตุ้นโดยเหตุการณ์ที่ตึงเครียด อย่างเช่นการขอใครสักคนเป็นแฟน 00:03:19.991 --> 00:03:22.290 หรือในการสัมภาษณ์งาน 00:03:22.290 --> 00:03:25.821 มันเกิดขึ้นเพราะอะดรีนาลีน กระตุ้นการทำงานของกล้ามเนื้อ 00:03:25.821 --> 00:03:28.751 และทำให้หลอดเลือดขยายตัว 00:03:28.751 --> 00:03:33.481 ซึ่งการกระตุ้นทั้งสองนี้ เพิ่มความร้อนและกระตุ้นการหลั่งเหงื่อ 00:03:33.481 --> 00:03:36.780 และการเสียเหงี่อนี้ ยังเกิดขึ้นได้เมื่อเราป่วย NOTE Paragraph 00:03:36.780 --> 00:03:39.521 เมื่อเราเป็นไข้ เราเสียเหงื่อเพราะเกิดการติดเชื้อ 00:03:39.521 --> 00:03:43.281 ซึ่งกระตุ้นไฮโปทาลามัส ให้เพิ่มการทำงานของกล้ามเนื้อ 00:03:43.281 --> 00:03:46.951 ซึ่งส่งผลให้เกิดการปลดปล่อยพลังงาน ออกมาเป็นความร้อน 00:03:46.951 --> 00:03:49.021 ความร้อนที่เพิ่มขึ้นนั้น 00:03:49.021 --> 00:03:54.482 เป็นกลไกการป้องกันที่ทำให้ร่างกายของคุณ ไม่เหมาะสมต่อการเติบโตของเชื้อโรค 00:03:54.482 --> 00:03:58.163 เช่นเดียวกับการวิ่ง การเสียเหงื่อ ยังช่วยให้ร่างกายถ่ายเทความร้อนออกไป NOTE Paragraph 00:03:58.163 --> 00:04:00.561 เมื่อเราหมดไข้ หรือคุณเข้าเส้นชัยแล้ว 00:04:00.561 --> 00:04:03.960 ตัวรับอุณหภูมิจะสัมผัสได้ ถึงความร้อนที่ลดลง 00:04:03.960 --> 00:04:08.473 และไฮโปทาลามัสก็จะจบการตอบสนอง การหลั่งเหงื่อของคุณ 00:04:08.473 --> 00:04:10.352 ในบางกรณี หลังจากการวิ่ง 00:04:10.352 --> 00:04:13.004 ไฮโปทาลามัสยังส่งสัญญาณ ไปยังร่างกายของคุณ 00:04:13.004 --> 00:04:16.452 ว่าคุณต้องการทดแทนน้ำ ที่สูญเสียออกไปในรูปของเหงื่อ NOTE Paragraph 00:04:16.452 --> 00:04:19.411 ฉะนั้น ครั้งหน้า เมื่อคุณกำลังพยายาม วิ่งเข้าเส้นชัย 00:04:19.411 --> 00:04:23.386 คิดว่าเหงื่อก็เป็นเสมือนเครื่องปรับระดับ 00:04:23.386 --> 00:04:26.193 ที่จะทำให้คุณไปได้ไกลกว่าเดิม