WEBVTT 00:00:00.760 --> 00:00:04.936 ผมอยากจะพูดกับคุณ เกี่ยวกับอนาคตของวงการแพทย์ 00:00:04.960 --> 00:00:09.056 แต่ก่อนที่ผมจะทำอย่างนั้น ผมอยากจะพูดถึงอดีตนิดหน่อย 00:00:09.080 --> 00:00:12.696 ตลอดประวัติศาสตร์ทางการแพทย์ จนถึงเมื่อไม่นานมานี้ 00:00:12.720 --> 00:00:16.536 เรามีแนวคิดเกี่ยวกับความเจ็บป่วย และการรักษา 00:00:16.560 --> 00:00:19.936 ในรูปแบบที่ค่อนข้างเรียบง่ายชัดเจน 00:00:19.960 --> 00:00:22.656 อันที่จริง รูปแบบนั้นมันก็เรียบง่ายจริง ๆ 00:00:22.680 --> 00:00:25.736 จนคุณสามารถสรุปมันได้ในเพียงหกคำ 00:00:25.760 --> 00:00:29.840 เป็นโรค กินยา ฆ่ามัน NOTE Paragraph 00:00:31.080 --> 00:00:35.816 ครับ เหตุผลที่รูปแบบนั้นเป็นที่นิยม 00:00:35.840 --> 00:00:38.456 ก็เพราะการปฏิวัติทางยาปฏิชีวนะ 00:00:38.480 --> 00:00:41.656 พวกคุณหลายคนคงจะไม่รู้ แต่เราได้ผลบุญ 00:00:41.680 --> 00:00:45.736 ของการใช้ยาปฏิชีวนะเป็นปีที่หนึ่งร้อย ในสหรัฐอเมริกา 00:00:45.760 --> 00:00:47.376 แต่สิ่งที่คุณรู้ก็คือ 00:00:47.400 --> 00:00:51.640 การนำมันมาใช้นั้น เป็นเหมือนช่วงแห่งการเปลี่ยนแปลง 00:00:52.880 --> 00:00:56.736 คุณมีสารเคมี ไม่ว่ามันจะมาจากธรรมชาติ 00:00:56.760 --> 00:00:59.496 หรือจากการสังเคราะห์ในห้องทดลอง 00:00:59.520 --> 00:01:02.776 และมันจะกระจายไปทั่วร่างกายของคุณ 00:01:02.800 --> 00:01:05.576 และไปหาเป้าหมายของมัน 00:01:05.600 --> 00:01:07.256 เข้าจับกับเป้าหมาย -- 00:01:07.280 --> 00:01:09.496 ซึ่งเป็นจุลชีพ หรือส่วนหนึ่งของจุลชีพ -- 00:01:09.520 --> 00:01:12.960 และจากนั้นก็ปิดกั้น แม่กุญแจและลูกกุญแจ 00:01:13.960 --> 00:01:17.496 ด้วยความคล่องแคล่ว และจำเพาะเจาะจงอย่างยิ่ง 00:01:17.520 --> 00:01:21.816 และคุณอาจติดโรคร้ายแรง อะไรสักอย่างมาก่อนหน้านี้ 00:01:21.840 --> 00:01:24.976 เช่น ปอดบวม ซิฟิลิส วัณโรค -- 00:01:25.000 --> 00:01:29.040 และการเปลี่ยนมันให้กลายเป็น ความเจ็บป่วยที่รักษาและบำบัดได้ 00:01:30.080 --> 00:01:31.560 คุณมีเชื้อปอดบวม 00:01:32.480 --> 00:01:33.856 คุณกินเพนิซิลิน 00:01:33.880 --> 00:01:35.416 คุณฆ่าจุลชีพ 00:01:35.440 --> 00:01:37.576 และคุณก็หายจากโรค NOTE Paragraph 00:01:37.600 --> 00:01:40.536 แนวคิดที่น่าดึงดูด 00:01:40.560 --> 00:01:44.736 ศักยภาพที่เทียบได้กับ แม่กุญแจกับลูกกุญแจ 00:01:44.760 --> 00:01:46.296 และการฆ่าอะไรสักอย่าง 00:01:46.320 --> 00:01:48.336 มันแพร่กระจายไปทั่ววงการชีววิทยา 00:01:48.360 --> 00:01:50.480 มันเป็นการเปลี่ยนแปลง อย่างที่ไม่มีอะไรเหมือน 00:01:52.160 --> 00:01:55.336 และเราก็ใช้เวลา 100 ปีที่ผ่านมา 00:01:55.360 --> 00:01:58.816 ในการพยายามทำตามแบบแผนนั้น ครั้งแล้วครั้งเล่า 00:01:58.840 --> 00:02:00.079 กับโรคที่ไม่ใช่โรคติดต่อ 00:02:00.103 --> 00:02:04.223 ในโรคเรื้อรัง อย่างเช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง และโรคหัวใจ 00:02:05.120 --> 00:02:08.759 และมันก็ได้ผล แต่มันได้ผลแค่บางส่วน 00:02:09.120 --> 00:02:10.776 ให้ผมแสดงให้คุณดูนะครับ 00:02:10.800 --> 00:02:13.696 ครับ ถ้าคุณพิจารณาองค์รวมทั้งหมด 00:02:13.720 --> 00:02:17.216 ของปฏิกิริยาเคมีทั้งหมดในร่างกายมนุษย์ 00:02:17.240 --> 00:02:20.536 ทุก ๆ ปฏิกิริยาเคมี ที่ร่างกายของคุณจะทำได้ 00:02:20.560 --> 00:02:23.576 คนส่วนใหญ่คิดว่ามันมีจำนวนเป็นล้าน 00:02:23.600 --> 00:02:24.896 เอาเป็นว่ามีประมาณล้านหนึ่งก็แล้วกัน 00:02:24.920 --> 00:02:26.616 และคุณก็ตั้งคำถามว่า 00:02:26.640 --> 00:02:29.296 มีส่วนปฏิกิริยาจำนวนเท่าไร 00:02:29.320 --> 00:02:31.136 ที่จะสามารถใช้เป็นเป้าหมาย 00:02:31.160 --> 00:02:35.976 ของเภสัชภัณฑ์ทั้งหลาย ซึ่งก็คือสารเคมีทางการแพทย์ทั้งหมด 00:02:36.000 --> 00:02:38.040 จำนวนนั้นก็คือ 250 00:02:39.680 --> 00:02:42.216 ที่เหลือคือสารเคมีที่เราไม่รู้จัก 00:02:42.240 --> 00:02:48.416 หรือพูดอีกนัยหนึ่งก็คือ 0.025 เปอร์เซ็นต์ ของปฏิกิริยาเคมีทั้งหมดในร่างกาย 00:02:48.440 --> 00:02:52.560 อันที่จริงแล้วสามารถเป็นเป้าหมาย ของกลไกแม่กุญแจและลูกกุญแจได้ 00:02:53.680 --> 00:02:56.736 ครับ ถ้าคุณคิดว่าสรีรวิทยาของมนุษย์ 00:02:56.760 --> 00:03:00.216 เป็นดั่งเครือข่ายโทรศัพท์ระหว่างประเทศ 00:03:00.240 --> 00:03:04.120 ที่มีจุดที่มีปฏิสัมพันธ์กัน และส่วนที่มีปฏิสัมพันธ์กัน 00:03:04.600 --> 00:03:07.776 จากนั้นสารเคมีทางการแพทย์ของเราทั้งหมด 00:03:07.800 --> 00:03:10.056 ก็จัดการในส่วนมุมเล็ก ๆ 00:03:10.080 --> 00:03:12.776 ที่ขอบ ที่ส่วนนอกของเครือข่ายนั้น 00:03:12.800 --> 00:03:16.616 มันเหมือนกับว่า สารเคมีทางเภสัชกรรมของเราทั้งหมด 00:03:16.640 --> 00:03:20.416 เป็นเหมือนเจ้าหน้าที่ชุมสาย ใน วิชิตา แคนซัส 00:03:20.440 --> 00:03:23.400 ที่ง่วนอยู่กับโทรศัพท์ 10 หรือ 15 สาย NOTE Paragraph 00:03:24.880 --> 00:03:27.040 แล้วเราจะทำอย่างไรกับแนวคิดนี้ล่ะ 00:03:28.160 --> 00:03:30.520 จะเป็นอย่างไร ถ้าเราสามารถจัดระเบียบ วิธีการนี้ใหม่ได้ 00:03:32.080 --> 00:03:35.456 อันที่จริง มันกลายเป็นว่า ธรรมชาติ 00:03:35.480 --> 00:03:40.536 ได้ให้แนวคิดว่าเราจะรู้สึก ต่อความเจ็บป่วยอย่างไร 00:03:40.560 --> 00:03:42.216 ในทางที่แตกต่างกันไป 00:03:42.240 --> 00:03:45.960 แทนที่จะเป็นเรื่องของโรค ยา และเป้าหมาย 00:03:47.080 --> 00:03:50.456 อันที่จริง ธรรมชาติถูกจัดระเบียบ ตามลำดับจากด้านล่างสู่ด้านบน 00:03:50.480 --> 00:03:52.336 ไม่ใช่จากด้านบนลงมา 00:03:52.360 --> 00:03:58.600 และเราเริ่มต้นจากหน่วยที่ทำงานด้วยตัวเอง แบบกึ่งอัตโนมัติ ซึ่งเรียกว่า เซลล์ 00:03:59.640 --> 00:04:02.856 หน่วยที่ทำงานด้วยตัวเอง แบบกึ่งอัตโนมัตินี้ 00:04:02.880 --> 00:04:07.696 ก่อกำเนิดเป็นหน่วยที่ทำงานด้วยตัวเอง แบบกึ่งอัตโนมัติ ซึ่งเรียกว่า อวัยวะ 00:04:07.720 --> 00:04:10.720 และอวัยวะเหล่านี้รวมตัวกัน เพื่อก่อกำเนิดเป็นสิ่งที่เรียกว่า มนุษย์ 00:04:11.920 --> 00:04:15.816 และสิ่งมีชีวิตเหล่านี้ สุดท้ายแล้ว ใช้ชีวิตอยู่ในสิ่งแวดล้อม 00:04:15.840 --> 00:04:19.440 ซึ่งส่วนหนึ่งทำงานด้วยตัวเอง และส่วนหนึ่งเป็นแบบกึ่งอัตโนมัติ NOTE Paragraph 00:04:20.920 --> 00:04:23.736 แผนภาพที่มีการลดหลั่นเป็นลำดับนี้ มันเจ๋งตรงที่ 00:04:23.760 --> 00:04:26.456 มันถูกสร้างขึ้นมาจากด้านล่าง แทนที่จะเป็นการสร้างมาจากด้านบน 00:04:26.480 --> 00:04:29.856 มันทำให้เราสามารถคิดถึง เรื่องความเจ็บป่วย 00:04:29.880 --> 00:04:31.214 ในแบบที่แตกต่างออกไปได้ 00:04:32.400 --> 00:04:34.520 ลองพิจารณาดูโรค อย่างเช่น มะเร็ง 00:04:36.120 --> 00:04:37.416 ตั้งแต่ยุค 1950 00:04:37.440 --> 00:04:42.967 เราพยายามง่วนอยู่กับการหารูปแบบ แม่กุญแจและลูกกุญแจให้กับมะเร็ง 00:04:42.991 --> 00:04:45.880 เราพยายามที่จะฆ่าเซลล์ 00:04:45.905 --> 00:04:50.252 โดยใช้เคมีบำบัดมากมาย หรือการบำบัดแบบกำหนดเป้าหมาย 00:04:50.276 --> 00:04:52.696 และอย่างที่เรารู้ ๆ กัน มันได้ผล 00:04:52.720 --> 00:04:54.578 มันได้ผลสำหรับโรคอย่าง มะเร็งเม็ดเลือดขาว 00:04:54.602 --> 00:04:56.976 มันได้ผลกับบางรูปแบบ ของมะเร็งเต้านม 00:04:57.000 --> 00:05:00.736 แต่สุดท้ายแล้ว คุณก็ไปถึงจุดสูงสุด ของวิธีการนั้น 00:05:00.760 --> 00:05:03.256 และเมื่อประมาณ 10 ปีที่ผ่านมานี้เอง 00:05:03.280 --> 00:05:06.416 เราเพิ่งจะเริ่มคิดที่จะใช้ระบบภูมิคุ้มกัน 00:05:06.440 --> 00:05:09.536 จำไว้นะครับว่าอันที่จริง เซลล์มะเร็งไม่ได้เติบโตขึ้นมาในสุญญากาศ 00:05:09.560 --> 00:05:11.616 มันเติบโตอยู่ในร่างกายมนุษย์ 00:05:11.640 --> 00:05:13.936 และคุณจะใช้ความสามารถของเรา 00:05:13.960 --> 00:05:17.103 ระบบภูมิคุ้มกันของมนุษย์เรา ในการโจมตีมะเร็งไม่ได้เชียวหรือ 00:05:17.127 --> 00:05:21.327 อันที่จริง มันนำเราไปสู่ยาใหม่ ที่น่าทึ่งที่สุดสำหรับรักษามะเร็ง NOTE Paragraph 00:05:22.480 --> 00:05:25.814 และท้ายที่สุด มันมีระดับของสิ่งแวดล้อมไม่ใช่หรือ 00:05:26.160 --> 00:05:29.136 รู้ไหมครับ ว่าเราไม่ได้คิดถึงมะเร็ง ว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงสิ่งแวดล้อม 00:05:29.160 --> 00:05:34.056 แต่ให้ผมได้ยกตัวอย่างให้คุณฟังเกี่ยวกับ สิ่งแวดล้อมที่ก่อให้เกิดมะเร็งอย่างมาก 00:05:34.080 --> 00:05:35.280 มันเรียกว่า คุก 00:05:36.160 --> 00:05:41.296 คุณเอาความเดียวดาย ความเครียด และการถูกกักขัง 00:05:41.320 --> 00:05:42.520 ลองนึกต่อไปนะครับว่ามีอะไรอีก 00:05:43.400 --> 00:05:45.960 พับม้วนมันด้วยกระดาษสีขาวแผ่นเล็ก ๆ 00:05:47.000 --> 00:05:50.776 หนึ่งในสารกระตุ้นประสาทที่มีฤทธิ์มากที่สุด ที่เรารู้จักในนาม นิโคติน 00:05:50.800 --> 00:05:55.736 และเอาหนึ่งในสารเสพติดที่มีฤทธิ์มากทึ่สุด ที่คุณรู้จักเติมเข้าไป 00:05:55.760 --> 00:05:58.556 และคุณก็จะได้สิ่งแวดล้อม ที่พร้อมจะก่อให้เกิดมะเร็ง 00:05:59.520 --> 00:06:01.976 แต่คุณสามารถมีสิ่งแวดล้อม ที่ต้านการเกิดมะเร็งได้เช่นกัน 00:06:02.000 --> 00:06:04.696 มีความพยายามที่จะสร้างสื่อกลาง 00:06:04.720 --> 00:06:07.482 ยกตัวอย่างเช่น เปลี่ยนแปลงสื่อกลาง ที่เป็นฮอร์โมนที่ทำให้เกิดมะเร็งเต้านม 00:06:08.440 --> 00:06:11.856 เราพยายามเปลี่ยนสื่อกลางเมตาบอลิก สำหรับมะเร็งรูปแบบอื่น ๆ NOTE Paragraph 00:06:11.880 --> 00:06:14.296 หรือลองพิจารณาโรคอื่น อย่างเช่น โรคเครียด 00:06:14.320 --> 00:06:16.976 เช่นเดียวกัน มันก่อตัวจากด้านล่างขึ้นไป 00:06:17.000 --> 00:06:21.016 ตั้งแต่ยุค 1960 และ 1970 เราพยายามอย่างมาก 00:06:21.040 --> 00:06:25.216 ในการปิดการทำงานของโมเลกุล ที่กำกับทำงานระหว่างเซลล์ประสาท -- 00:06:25.240 --> 00:06:27.416 เซราโทนิน โดปามีน -- 00:06:27.440 --> 00:06:29.256 และพยายามรักษาอาการเครียด ด้วยวิธีการนั้น 00:06:29.280 --> 00:06:31.720 และมันก็ได้ผล แต่จากนั้น เราก็ไปถึงทางตัน 00:06:33.000 --> 00:06:35.620 และตอนนี้เราก็รู้ว่า สิ่งที่คุณจะต้องทำจริง ๆ ก็คือ 00:06:35.644 --> 00:06:38.616 เปลี่ยนสรีรวิทยาของอวัยวะ ซึ่งก็คือสมอง 00:06:38.640 --> 00:06:40.776 ย้อนมันกลับ จัดรูปแบบมันใหม่ 00:06:40.800 --> 00:06:43.376 และจากนั้น แน่นอนครับ การศึกษามากมายได้แสดงว่า 00:06:43.400 --> 00:06:45.115 การบำบัดด้วยการพูดคุย ทำให้เกิดสิ่งดังกล่าวเหล่านี้ 00:06:45.139 --> 00:06:47.395 และการศึกษามากมาย ได้แสดงให้เห็นว่า การบำบัดด้วยการพูดคุย 00:06:47.419 --> 00:06:50.536 เมื่อใช่ร่วมกับเภสัชภัณฑ์ และยาแล้ว 00:06:50.560 --> 00:06:52.989 มีประสิทธิภาพมากกว่า ใช้แค่อย่างใดอย่างหนึ่ง 00:06:53.840 --> 00:06:57.416 เราจะสามารถจินตนาการถึงสิ่งแวดล้อม ที่จะเปลี่ยนความเครียดนั้นได้หรือไม่ 00:06:57.440 --> 00:07:01.496 เราจะสามารถกั้นสัญญาณ ที่กระตุ้นให้เกิดความเครียดได้หรือเปล่า 00:07:01.520 --> 00:07:07.000 เช่นเดียวกันครับ เคลื่อนขึ้นไป ตามสายโซ่ที่ลดหลั่นกันอย่างเป็นระเบียบนี้ 00:07:07.760 --> 00:07:10.456 สิ่งที่สำคัญจริง ๆ 00:07:10.480 --> 00:07:13.736 อาจจะไม่ใช่ตัวยาเอง แต่เป็นการเปรียบเปรย 00:07:13.760 --> 00:07:15.816 แทนที่จะเป็นการฆ่าอะไรสักอย่าง 00:07:15.840 --> 00:07:19.536 ในกรณีของโรคเกี่ยวกับการเสื่อมสภาพ ที่เรื้อรัง -- 00:07:19.560 --> 00:07:23.056 เช่น ไตล้มเหลว เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ข้อเสื่อม -- 00:07:23.080 --> 00:07:26.652 บางที สิ่งที่เราต้องทำกันจริง ๆ ก็คือการเปลี่ยนการเปรียบเปรย 00:07:26.676 --> 00:07:28.616 และบางที นั่นก็เป็นกุญแจสำคัญ 00:07:28.640 --> 00:07:31.136 เพื่อสร้างกรอบการคิดใหม่ของเรา เกี่ยวกับวงการแพทย์ NOTE Paragraph 00:07:31.160 --> 00:07:34.616 เอาล่ะครับ แนวคิดเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลง 00:07:34.640 --> 00:07:36.976 ของการสร้างแนวคิดใหม่นี้ 00:07:37.000 --> 00:07:40.296 พาผมกลับไปยังรากเหง้า ในแบบที่เป็นส่วนตัว เมื่อประมาณ 10 ปีก่อน 00:07:40.320 --> 00:07:43.096 ประมาณ 10 ปีก่อน -- ผมเป็นนักวิ่งมาเกือบทั้งชีวิต -- 00:07:43.120 --> 00:07:45.096 ผมออกไปวิ่ง ตอนเช้าวันเสาร์ 00:07:45.120 --> 00:07:47.776 และกลับมา ตื่นขึ้นมา และไม่อาจขยับตัวได้ 00:07:47.800 --> 00:07:49.816 เข่าขวาของผมบวม 00:07:49.840 --> 00:07:53.360 และคุณก็ได้ยินเสียงกรุบกรับของกระดูก ที่กระทบกัน ที่เป็นการสื่อลางร้าย 00:07:54.240 --> 00:07:59.136 และประโยชน์หนึ่งของการเป็นแพทย์ก็คือ คุณสามารถส่งตัวเองไปตรวจ MRI ได้ 00:07:59.160 --> 00:08:03.136 ผมได้ผล MRI ในอีกสัปดาห์ต่อมา และมันก็มีหน้าตาเป็นแบบนี้ 00:08:03.160 --> 00:08:07.456 โดยรวมแล้วกระดูกอ่อนมินิสคัส ที่อยู่ระหว่างกระดูก 00:08:07.480 --> 00:08:10.896 ถูกฉีกเสียจนไม่เหลือ และกระดูกเองก็แตกด้วย NOTE Paragraph 00:08:10.920 --> 00:08:13.376 เอาล่ะครับ ถ้าคุณมองมาที่ผม และรู้สึกเสียใจไปกับผม 00:08:13.400 --> 00:08:15.216 ให้ผมได้บอกอะไรคุณสักนิดนะครับ 00:08:15.240 --> 00:08:19.416 ถ้าผมได้ผล MRI ของทุกคนในที่นี้ 00:08:19.440 --> 00:08:21.496 เราจะพบว่า พวกคุณ 60 เปอร์เซ็นต์ 00:08:21.520 --> 00:08:24.296 จะมีอาการของการเสื่อมของกระดูก และการเสื่อมของกระดูกอ่อน 00:08:24.320 --> 00:08:28.096 85 เปอร์เซ็นต์ของผู้หญิงทุกคน ตอนมีอายุประมาณ 70 ปี 00:08:28.120 --> 00:08:31.376 จะมีอาการกระดูกอ่อนเสื่อม ในระดับปานกลางถึงรุนแรง 00:08:31.400 --> 00:08:33.696 50 ถึง 60 เปอร์เซ็นต์ ของผู้ชายในที่นี้ 00:08:33.720 --> 00:08:35.056 จะมีอาการแบบนั้นเช่นกัน 00:08:35.080 --> 00:08:36.856 ฉะนั้น มันเป็นโรคที่พบได้มาก 00:08:36.880 --> 00:08:38.976 ครับ อีกประโยชน์หนึ่งของการเป็นแพทย์ 00:08:39.000 --> 00:08:42.135 ก็คือคุณสามารถทำการทดลอง กับอาการป่วยของตัวเองได้ 00:08:42.159 --> 00:08:44.376 ฉะนั้น ประมาณ 10 ปีก่อน 00:08:44.400 --> 00:08:46.816 ผมนำกระบวนการนี้ไปยังห้องทดลอง 00:08:46.840 --> 00:08:48.856 และเราก็เริ่มทำการทดลองง่าย ๆ 00:08:48.880 --> 00:08:51.336 พยายามแก้ไขการเสื่อมสภาพนี้ 00:08:51.360 --> 00:08:56.176 เราพยายามที่จะฉีดสารเคมี เข้าไปในช่องว่างระหว่างเขาของสัตว์ 00:08:56.200 --> 00:08:58.856 เพื่อพยายามย้อน การเสื่อมสภาพของกระดูกอ่อนกลับ 00:08:58.880 --> 00:09:03.416 และเราสรุปกระบวนการ ที่แสนจะยาวนานนั้นได้ง่าย ๆ ว่า 00:09:03.440 --> 00:09:05.216 ที่สุดแล้ว มันไม่เหลืออะไรเลย 00:09:05.240 --> 00:09:06.440 มันไม่เกิดอะไรขึ้นเลยครับ 00:09:06.880 --> 00:09:11.656 และจากนั้นประมาณเจ็ดปีก่อน ผมก็ได้ นักเรียนวิจัยของผมคนหนึ่งจากออสเตรเลีย 00:09:11.680 --> 00:09:13.205 สิ่งที่น่ารักสำหรับชาวออสเตรเลีย 00:09:13.205 --> 00:09:16.521 ก็คือพวกเขาชอบมองอะไรกลับหัว NOTE Paragraph 00:09:16.546 --> 00:09:17.703 (เสียงหัวเราะ) NOTE Paragraph 00:09:17.727 --> 00:09:21.816 และแดนก็บอกผมว่า "รู้อะไรไหม บางทีมันไม่ใช่ปัญหาเรื่องกลไกหรอก 00:09:21.840 --> 00:09:25.840 บางทีมันอาจเป็นปัญหาทางเคมี บางทีมันอาจเป็นปัญหาเรื่องสเต็มเซลล์" 00:09:27.760 --> 00:09:29.656 หรือพูดอีกนัยหนึ่ง เขามีสองสมมติฐาน 00:09:29.680 --> 00:09:33.496 อย่างแรก มันมีสิ่งที่เรียกว่า สเต็มเซลล์โครงกระดูก -- 00:09:33.520 --> 00:09:37.040 ซึ่งก็คือ สเต็มเซลล์โครงกระดูก ที่สร้างโครงกระดูก 00:09:37.064 --> 00:09:39.596 กระดูกแข็ง กระดูกอ่อน และโครงสร้างเส้นใยของโครงกระดูก 00:09:39.620 --> 00:09:41.485 ของสัตว์ที่มีกระดูกสันหลัง เช่นเดียวกับสเต็มเซลล์ในเลือด 00:09:41.510 --> 00:09:43.945 เช่นเดียวกับที่มันมีสเต็มเซลล์ ในระบบประสาท 00:09:43.969 --> 00:09:47.529 และอย่างที่สองก็คือ การเสื่อมสภาพ หรือการพร่องประสิทธิภาพของสเต็มเซลล์นี้ 00:09:47.554 --> 00:09:51.056 คือสิ่งที่ทำให้เกิดข้อกระดูกเสื่อม ซึ่งเป็นอาการที่พบได้มาก 00:09:51.080 --> 00:09:54.296 ฉะนั้น คำถามก็คือ เรากำลังมองหายารักษา 00:09:54.320 --> 00:09:56.936 ในเมื่อเราควรที่จะมองหาเซลล์หรือเปล่า 00:09:56.960 --> 00:09:59.816 เราก็เลยเปลี่ยนแบบจำลองของเรา 00:09:59.840 --> 00:10:02.960 และตอนนี้ เราก็เริ่มมองหา สเต็มเซลล์โครงกระดูก 00:10:03.560 --> 00:10:06.056 และเพื่อเป็นการสรุปเรื่องให้กระชับ 00:10:06.080 --> 00:10:09.000 ประมาณห้าปีก่อน เราพบเซลล์เหล่านี้ 00:10:09.800 --> 00:10:12.296 พวกมันอยู่ในโครงกระดูก 00:10:12.320 --> 00:10:15.216 นี่คือแผนภาพและภาพถ่ายจริงของพวกมัน 00:10:15.240 --> 00:10:17.176 ส่วนสีขาวคือกระดูก 00:10:17.200 --> 00:10:20.216 และคอลัมสีแดงที่คุณเห็นเหล่านี้ และเซลล์สีเหลือง 00:10:20.240 --> 00:10:23.496 คือเซลล์ที่เกิดขึ้น จากสเต็มเซลล์โครงกระดูกเซลล์เดียว -- 00:10:23.520 --> 00:10:26.816 คอลัมของกระดูกอ่อน กระดูกแข็ง เกิดมาจากเซลล์เพียงเซลล์เดียว 00:10:26.840 --> 00:10:30.136 เซลล์เหล่านี้น่าทึ่งมาก พวกมันมีคุณสมบัติสี่ประการ 00:10:30.160 --> 00:10:33.936 อย่างแรกคือพวกมันอยู่ในที่ที่พวกมันควรอยู่ 00:10:33.960 --> 00:10:36.336 พวกมันอยู่ใต้พื้นผิวของกระดูก 00:10:36.360 --> 00:10:37.896 ใต้กระดูกอ่อน 00:10:37.920 --> 00:10:40.540 ครับ ในทางชีววิทยา บริเวณและสถานที่มันมีความสำคัญ 00:10:40.564 --> 00:10:44.816 และพวกมันก็ย้ายเข้าไปในบริเวณที่เหมาะสม และก่อกำเนิดเป็นกระดูกและกระดูกอ่อน 00:10:44.840 --> 00:10:46.096 นั่นครับ 00:10:46.120 --> 00:10:47.656 คุณสมบัติที่น่าสนใจอีกประการคือ 00:10:47.680 --> 00:10:50.336 คุณสามารถเอาพวกมันออกมา จากโครงกระดูกของสัตว์มีกระดูกสันหลัง 00:10:50.360 --> 00:10:52.936 คุณเลี้ยงพวกมันในจานเลี้ยงเชื้อ ในห้องทดลอง 00:10:52.960 --> 00:10:54.936 และพวกมัน ก็อยากจะสร้างกระดูกอ่อนใจจะขาดแล้ว 00:10:54.960 --> 00:10:57.682 จำไว้นะครับว่า เราไม่สามารถสร้างกระดูกอ่อน ได้จากความรักหรือว่าเงิน 00:10:57.706 --> 00:10:59.625 เซลล์เหล่านี้อยากจะสร้างกระดูกอ่อนมาก 00:10:59.650 --> 00:11:02.655 พวกมันสร้างกระดูกอ่อนของพวกมันเอง ไว้ล้อมรอบพวกมัน 00:11:02.680 --> 00:11:04.296 อย่างที่สาม พวกมันยัง 00:11:04.320 --> 00:11:08.496 เป็นผู้ซ่อมแซมส่วนที่หักที่มีประสิทธิภาพที่สุด ที่เราไม่เคยพบมาก่อน 00:11:08.520 --> 00:11:11.816 นี่คือกระดูกเล็ก ๆ กระดูกของหนูที่เราทำให้มีรอยแตก 00:11:11.840 --> 00:11:13.376 และปล่อยให้มันซ่อมตัวเอง 00:11:13.400 --> 00:11:16.416 สเต็มเซลล์เหล่านี้เข้ามา และซ่อมกระดูก ในส่วนสีเหลือง 00:11:16.440 --> 00:11:19.056 กระดูกอ่อน ในส่วนสีขาว เกือบที่จะสมบูรณ์ 00:11:19.080 --> 00:11:22.616 คุณจะเห็นพวกมันมากมาย ถ้าย้อมด้วยสีย้อมเรืองแสง 00:11:22.640 --> 00:11:26.376 คุณจะเห็นว่าพวกมันดูคล้าย ๆ กับกาวในระดับเซลล์ 00:11:26.400 --> 00:11:28.256 เข้ามาในบริเวณของรอยแตก 00:11:28.280 --> 00:11:31.256 ซ่อมบริเวณนั้น แลจากนั้นก็หยุดการทำงาน 00:11:31.280 --> 00:11:33.616 ตอนนี้ อย่างที่สี่ เป็นสิ่งที่ลางร้าย 00:11:33.640 --> 00:11:37.776 และมันก็คือ จำนวนของพวกมัน ลดลงอย่างรวดเร็ว 00:11:37.800 --> 00:11:42.496 รวดเร็วประมาณ สิบถึงสิบหน้าเท่า เมื่อคุณมีอายุมากขึ้น NOTE Paragraph 00:11:42.520 --> 00:11:44.096 และสิ่งที่เกิดขึ้นน่ะหรือครับ 00:11:44.120 --> 00:11:46.976 ก็คือเราพบว่า พวกเรามีความเปลี่ยนแปลง 00:11:47.000 --> 00:11:49.736 เราพยายามตามล่าหายา 00:11:49.760 --> 00:11:52.256 แต่เราก็จบลงที่การมาค้นหาทฤษฎี 00:11:52.280 --> 00:11:53.496 และในทำนองเดียวกัน 00:11:53.520 --> 00:11:56.136 เรากลับไปได้ความคิดในแบบเก่า ๆ 00:11:56.160 --> 00:11:59.056 เกี่ยวกับ เซลล์ สิ่งมีชีวิต สิ่งแวดล้อม 00:11:59.080 --> 00:12:01.656 เพราะว่าเราไม่ได้คิดเกี่ยวกับ สเต็มเซลล์กระดูก 00:12:01.680 --> 00:12:05.120 เราคิดถึงโรคข้อเสื่อม ในแบบของโรคระดับเซลล์ NOTE Paragraph 00:12:05.840 --> 00:12:08.126 และจากนั้น คำถามต่อไปก็คือ แล้วอวัยวะล่ะ 00:12:08.150 --> 00:12:10.389 เราสร้างสิ่งนี้เป็นอวัยวะภายนอกร่างกาย ได้หรือเปล่า 00:12:10.413 --> 00:12:14.256 เราจะสามารถปลูกถ่ายกระดูกอ่อน เข้าไปในบริเวณที่เกิดแผล 00:12:14.280 --> 00:12:16.256 และบางทีที่น่าสนใจที่สุด 00:12:16.280 --> 00:12:18.656 คุณจะสามารถสร้างขึ้นไป จนถึงสิ่งแวดล้อมได้หรือเปล่า 00:12:18.680 --> 00:12:21.736 ครับ เรารู้ว่าการออกกำลังสร้างกระดูกใหม่ 00:12:21.760 --> 00:12:24.176 แต่เอาจริง ๆ นะครับ ไม่มีใครจะออกกำลังกายกันหรอก 00:12:24.200 --> 00:12:29.376 แล้วคุณนึกวิธีที่จะเอากระดูกเข้าและออก อย่างไม่ต้องใช้แรงได้หรือเปล่า 00:12:29.400 --> 00:12:34.216 เพื่อที่คุณจะได้สร้างหรือทำให้กระดูกอ่อน เจริญเกิดขึ้นมาใหม่ NOTE Paragraph 00:12:34.240 --> 00:12:36.621 และบางทีที่น่าสนใจ และน่าจะมีความสำคัญมากที่สุด 00:12:36.645 --> 00:12:40.096 คำถามก็คือ คุณจะนำเอาแบบจำลองนี้ ไปใช้กับโลกความเป็นจริงนอกวงการแพทย์ได้ไหม 00:12:40.120 --> 00:12:44.176 สิ่งที่เป็นความท้าทาย ดังที่ผมได้บอกก่อนหน้านี้ ไม่ใช่การฆ่าอะไรสักอย่าง 00:12:44.200 --> 00:12:45.640 แต่เป็นการเลี้ยงอะไรสักอย่าง 00:12:46.280 --> 00:12:51.096 และผมก็คิดว่า มันก็ทำให้เกิดคำถามที่น่าสนใจที่สุด 00:12:51.120 --> 00:12:53.640 และการที่เราคิดเกี่ยวกับอนาคตของวงการแพทย์ 00:12:55.040 --> 00:12:57.920 ยาของคุณจะเป็นเซลล์ ไม่ใช่ยาเม็ด 00:12:58.840 --> 00:13:01.216 เราจะเลี้ยงเซลล์ได้อย่างไร 00:13:01.240 --> 00:13:04.256 เราจะหยุดการเติบโตอย่างลุกลาม ของเซลล์เหล่านี้ได้อย่างไร 00:13:04.280 --> 00:13:08.176 เราทราบถึงปัญหาที่ทำให้เกิดการเติบโต แบบลุกลามนี้ 00:13:08.200 --> 00:13:10.976 เราจะสามารถปลูกถ่ายยีนฆ่าตัวตาย เข้าไปในเซลล์เหล่านี้ได้หรือเปล่า 00:13:11.000 --> 00:13:12.440 เพื่อหยุดการเจริญเติบโตของพวกมัน 00:13:13.040 --> 00:13:16.976 ยาของคุณจะเป็นอวัยวะ ที่ถูกสร้างขึ้นภายนอกร่างกาย 00:13:17.000 --> 00:13:18.936 และปลูกถ่ายเข้าไปในร่างกายได้หรือไม่ 00:13:18.960 --> 00:13:21.696 แล้วมันจะหยุดการเสื่อมถอยได้หรือเปล่า 00:13:21.720 --> 00:13:23.625 ถ้าหากอวัยวะที่ต้องการเป็นความทรงจำล่ะ 00:13:23.649 --> 00:13:28.416 ในกรณีของโรคที่เกี่ยวกับระบบประสาท อวัยวะเหล่านี้มีความทรงจำอยู่ 00:13:28.440 --> 00:13:30.896 เราจะปลูกถ่ายความทรงจำกลับไปได้อย่างไร 00:13:30.920 --> 00:13:32.736 เราเก็บรักษาอวัยวะเหล่านี้ได้หรือเปล่า 00:13:32.760 --> 00:13:35.903 อวัยวะแต่ละอย่างจะต้องถูกพัฒนา สำหรับมนุษย์แต่ละคน 00:13:35.927 --> 00:13:37.127 และนำมันกลับไปใช่หรือเปล่า 00:13:38.520 --> 00:13:41.136 และบางที ที่น่าฉงนที่สุด 00:13:41.160 --> 00:13:42.970 ยาของคุณจะเป็นสิ่งแวดล้อมได้หรือไม่ 00:13:44.160 --> 00:13:45.816 คุณจะจดสิทธิบัตรสิ่งแวดล้อมได้หรือเปล่า 00:13:45.840 --> 00:13:49.296 ในทุก ๆ วัฒนธรรม 00:13:49.320 --> 00:13:52.256 จอมเวทย์ได้ใช้สิ่งแวดล้อมเป็นยา 00:13:52.280 --> 00:13:54.600 เราจะจินตนาการถึงสิ่งนั้น เพื่ออนาคตของพวกเราได้หรือเปล่า 00:13:56.080 --> 00:13:59.456 ผมได้บรรยายไปมากเกี่ยวกับแบบจำลอง ผมเริ่มการบรรยายนี้ด้วยแบบจำลอง 00:13:59.480 --> 00:14:02.176 ฉะนั้น ให้ผมจบการบรรยายนี้ ด้วยแนวคิดเกี่ยวกับการสร้างแบบจำลอง 00:14:02.200 --> 00:14:04.296 สิ่งที่เราทำในฐานะนักวิทยาศาสตร์ 00:14:04.320 --> 00:14:07.616 เมื่อสถาปนิกสร้างแบบจำลอง 00:14:07.640 --> 00:14:10.936 เขาหรือเธอก็พยายามที่จะแสดง โลกขนาดเล็ก ๆ ให้กับคุณ 00:14:10.960 --> 00:14:13.856 แต่เมื่อนักวิทยาศาสตร์กำลังสร้างแบบจำลอง 00:14:13.880 --> 00:14:16.404 เขาหรือเธอพยายามที่จะสร้าง โลกในแบบการเปรียบเปรย 00:14:17.600 --> 00:14:21.456 เขาหรือเธอพยายามที่จะสร้าง หนทางใหม่ในการมองเห็น 00:14:21.480 --> 00:14:25.600 แบบดั้งเดิมเป็นการเปลี่ยนระดับ แบบอย่างหลังเป็นการเปลี่ยนการรับรู้ NOTE Paragraph 00:14:26.920 --> 00:14:31.856 ทีนี้ ยาปฏิชีวนะ ที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนการรับรู้ 00:14:31.880 --> 00:14:35.696 ในรูปแบบความคิดของเราเกี่ยวกับยา ที่ทำให้วิธีที่เราคิด 00:14:35.720 --> 00:14:39.640 เกี่ยวกับยาในหลายร้อยปีที่ผ่านมา ถูกเติมแต่งและทำให้บิดเบี้ยวอย่างสมบูรณ์ 00:14:40.400 --> 00:14:44.816 แต่เราต้องการแบบจำลองใหม่ เพื่อที่จะเป็นแนวคิดด้านการแพทย์ในอนาคต 00:14:44.840 --> 00:14:46.320 นั่นคือความท้าทาย NOTE Paragraph 00:14:47.480 --> 00:14:50.816 มันมีภาพลักษณ์ที่เป็นที่นิยม 00:14:50.840 --> 00:14:54.816 ที่เป็นเหตุผลว่า การที่เรา ไม่มีในการเปลี่ยนแปลงสำคัญ 00:14:54.840 --> 00:14:56.816 เกี่ยวกับการบำบัดรักษาความเจ็บป่วย 00:14:56.840 --> 00:14:59.696 ก็เป็นเพราะเราไม่มียาที่มีประสิทธิภาพพอ 00:14:59.720 --> 00:15:01.080 และมันก็จริงเพียงบางส่วน 00:15:02.120 --> 00:15:03.616 แต่บางทีเหตุผลที่แท้จริงก็คือ 00:15:03.640 --> 00:15:06.840 เราไม่มีวิธีคิดอ่านเกี่ยวกับการแพทย์ ที่ทรงพลังพอต่างหาก 00:15:08.560 --> 00:15:10.976 มันจริงที่ว่า 00:15:11.000 --> 00:15:14.776 มันน่าจะดีทีเดียวที่จะมียาใหม่ ๆ 00:15:14.800 --> 00:15:19.456 แต่บางทีสิ่งที่เป็นความท้าทายสำคัญ คือ M ทั้งสามที่เป็นนามธรรม 00:15:19.480 --> 00:15:23.296 ซึ่งได้แก่ กลไกล แบบจำลอง และการเปรียบเปรย NOTE Paragraph 00:15:23.320 --> 00:15:24.656 ของคุณครับ NOTE Paragraph 00:15:24.680 --> 00:15:31.520 (เสียงปรบมือ) NOTE Paragraph 00:15:33.600 --> 00:15:37.016 คริส แอนเดอร์สัน: ผมชอบการเปรียบเปรยจริง ๆ 00:15:37.040 --> 00:15:38.576 มันเชื่อมต่อเข้าไปได้อย่างไรครับ 00:15:38.600 --> 00:15:41.736 มีการบรรยายมากมายเกี่ยวกับเทคโนโลยี 00:15:41.760 --> 00:15:43.896 เกี่ยวกับการแพทย์ส่วนบุคคล 00:15:43.920 --> 00:15:47.336 ที่เรามีข้อมูลทั้งหมด และการบำบัดทางการแพทย์สำหรับอนาคต 00:15:47.360 --> 00:15:51.856 จะถูกสร้างขึ้นมาเพื่อคุณอย่างจำเพาะ จีโนมของคุณ บริบทของคุณตอนนี้ 00:15:51.880 --> 00:15:55.816 นั่นมันใช้ได้กับแบบจำลอง ที่คุณมีอยู่ตรงนี้หรือเปล่าครับ NOTE Paragraph 00:15:55.840 --> 00:15:58.456 สิทธัตถะ มุกเคอร์จี: มันเป็นคำถามที่น่าสนใจมากครับ 00:15:58.480 --> 00:16:00.696 เราคิดถึงการแพทย์ส่วนบุคคล 00:16:00.720 --> 00:16:02.256 อย่างมากในส่วนของจีโนม 00:16:02.280 --> 00:16:04.856 นั่นเป็นเพราะว่ายีน เป็นการเปรียบเปรยที่เด่นชัด 00:16:04.880 --> 00:16:07.856 อีกครั้งครับ ถ้าจะใช้คำเดียวกัน ในการแพทย์ทุกวันนี้ 00:16:07.880 --> 00:16:11.616 ที่เราคิดว่าจีโนมจะขับเคลื่อน การแพทย์ส่วนบุคคล 00:16:11.640 --> 00:16:14.736 แต่แน่นอน จีโนมเป็นเพียงพื้นฐาน 00:16:14.760 --> 00:16:18.576 ของโซ่สายยาวของสิ่งมีชีวิต ในแบบที่มันเป็น 00:16:18.600 --> 00:16:22.416 โซ่ที่ว่านี้ เป็นหน่วยแรกที่ถูกจัดเรียงของสิ่งนั้น ซึ่งก็คือเซลล์ 00:16:22.440 --> 00:16:25.416 ฉะนั้น ถ้าเรากำลังจะทำให้เกิด การแพทย์ส่วนบุคคลในลักษณะนี้ 00:16:25.440 --> 00:16:28.256 เราจะต้องคิดถึงการบำบัดระดับเซลล์ แบบส่วนบุคคล 00:16:28.280 --> 00:16:31.456 และจากนั้นการบำบัดด้วยอวัยวะ หรืออวัยวะส่วนบุคคล 00:16:31.480 --> 00:16:35.296 และสุดท้ายแล้วการบำบัดส่วนบุคคล สำหรับสิ่งแวดล้อม 00:16:35.320 --> 00:16:38.416 ฉะนั้น ผมคิดว่าทุก ๆ ขั้นตอนครับ 00:16:38.440 --> 00:16:40.856 มันมีการเปรียบเปรย มันเป็นเต่าที่เรียงต่อกันไปเรื่อย ๆ 00:16:40.880 --> 00:16:43.261 ครับ ในเรื่องนี้ มันเป็นการแพทย์ส่วนบุคคล ที่เรียงต่อกันไปเรื่อย ๆ NOTE Paragraph 00:16:43.285 --> 00:16:46.176 คริส: ฉะนั้น เมื่อคุณบอกว่า การแพทย์อาจเป็นเซลลื 00:16:46.200 --> 00:16:48.016 และไม่ได้เป็นยา 00:16:48.040 --> 00:16:50.296 คุณพูดถึงเซลล์ของตัวคุณเองใช่ไหมครับ NOTE Paragraph 00:16:50.320 --> 00:16:52.696 สิทธัตถะ: แน่นอนครับ คริส: ฉะนั้น เปลี่ยนไปหาสเต็มเซลล์ 00:16:52.720 --> 00:16:57.256 บางที่อาจทดสอบมันกับยาทุก ๆ แบบ หรืออะไรแบบนั้น NOTE Paragraph 00:16:57.280 --> 00:16:59.816 สิทธัตถะ: และไม่ใช่บางทีหรอกครับ นั่นคือสิ่งที่เรากำลังทำอยู่ครับ 00:16:59.840 --> 00:17:03.576 นั่นคือสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น อันที่จริง เรากำลังคืบหน้าไปอย่างช้า ๆ 00:17:03.600 --> 00:17:07.415 ไม่ได้ไปจากจีโนม แต่รวมเอาจีโนมไว้ด้วย 00:17:07.440 --> 00:17:12.175 กับสิ่งที่เราเรียกว่า ระบบที่กำกับตัวเอง กึ่งอัตโนมัติ ในหลาย ๆ ระดับ 00:17:12.200 --> 00:17:14.816 อย่างเซลล์ อย่างอวัยวะ อย่างสิ่งแวดล้อม NOTE Paragraph 00:17:14.829 --> 00:17:16.207 คริส: ขอบคุณมากครับ NOTE Paragraph 00:17:16.227 --> 00:17:17.517 สิทธัตถะ: ยินดีครับ ขอบคุณครับ