ในปัจจุบัน คำว่าการกระทบกระแทกสมอง ก่อให้เกิดความน่ากลัวมากยิ่งกว่าแต่ก่อน และผมก็รู้จากประสบการณ์โดยตรง ผมเล่นอเมริกันฟุตบอลมา 10 ปี ถูกอัดที่หัวมาเป็นพัน ๆ ครั้ง และผมต้องบอกคุณว่า สิ่งที่แย่ยิ่งกว่านั้น คืออุบัติเหตุจากรถจักรยานสองครั้ง ที่ทำให้สมองของผมได้รับการกระแทก และผมก็ยังได้รับผลกระทบ จากอุบัติเหตุครั้งล่าสุดอยู่ ในวันนี้ ณ ตอนนี้ เราหวาดกลัวต่อการกระทบกระแทกสมอง ที่ไม่มีหลักฐานมาสนับสนุน มีข้อมูลที่แสดงว่า ประวัติการกระทบกระแทกซ้ำ ๆ สามารถนำไปสู่ภาวะสมองเสื่อม ดังเช่น โรคอัลไซเมอร์ และอาการทางสมองบาดเจ็บเรื้อรัง นั่นเป็นประเด็นในภาพยนตร์ของวิล สมิท เรื่อง "Concussion" ฉะนั้น ทุกคนก็เลยคิดภาพแต่ในกรอบ เรื่องอเมริกันฟุตบอลและสิ่งที่เห็นในกองทัพ แต่คุณอาจไม่รู้ว่า การขี่รถจักรยานเป็นสาเหตุหลักของ การกระทบกระแทกสมองในเด็ก มันเป็นกีฬาที่เกี่ยวข้องกับ การกระทบกระแทกสมอง และอีกอย่างหนึ่งที่ผมควรจะบอกคุณ ที่คุณอาจไม่รู้ ก็คือหมวกกันน๊อคที่ใส่กันตอนขี่รถจักรยาน และตอนเล่นอเมริกันฟุตบอล และในอีกหลาย ๆ กิจกรรมนั้น ไม่ได้ถูกออกแบบหรือถูกทดสอบมา ว่าพวกมันป้องกันการกระทบกระแทกสมอง ของลูก ๆ ของคุณได้ดีแค่ไหน อันที่จริงแล้ว พวกมันถูกออกแบบและทดสอบ ในเรื่องของความสามารถในการป้องกัน หัวกระโหลกแตกร้าว และผมก็ได้รับคำถามนี้จากพ่อแม่เสมอ ๆ พวกเขาถามผมว่า "คุณจะอนุญาตให้ลูกของคุณ เล่นอเมริกันฟุตบอลหรือเปล่า" หรือ "ฉันควรอนุญาตให้ลูกของฉัน เล่นอเมริกันฟุตบอลหรือเปล่า" และในฐานะคนในวงการ ผมคิดว่า เรายังให้คำตอบอย่างมั่นใจไม่ได้เลย ฉะนั้น ผมพิจารณาคำถามนั่น จากมุมมองที่แตกต่างออกไป และผมก็อยากจะรู้ว่าเราจะป้องกัน การกระทบกระแทกสมองได้อย่างไร นั่นมันเป็นไปได้หรือเปล่า และผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่คิดว่า มันเป็นไปไม่ได้ แต่สิ่งที่เรากำลังศึกษากันอยู่ ในห้องทดลองของผม กำลังเปิดเผยรายละเอียดเพิ่มเติม เกี่ยวกับการกระทบกระแทกสมอง ซึ่งจะทำให้เรามีความเข้าใจที่ดีขึ้น เหตุผลที่เราสามารถป้องกันกระโหลกร้าว ได้ด้วยหมวกกันน๊อค ก็เพราะว่ามันค่อนข้างง่าย เรารู้ว่ากลไกของมันเป็นอย่างไร การกระทบกระแทกสมอง ยังเป็นปริศนาที่เราไม่เข้าใจ ฉะนั้น เพื่อให้คุณพอเห็นภาพว่า การกระทบกระแทกสมองเป็นอย่างไร ผมอยากให้คุณชมวีดีโอนี้ ที่คุณจะพบมันได้ เมื่อทำการค้นหาผ่านกูเกิล "การกระทบกระแทกสมองคืออะไร" เว็บไซต์ของซีดีซี (CDC) ปรากฏขึ้นมา และวีดีโอนี้บอกเล่าเรื่องราวทั้งหมด สิ่งที่คุณเห็นคือศีรษะที่เคลื่อนไปข้างหน้า สมองที่ยังอยู่ในส่วนด้านหลัง และจากนั้นสมองก็ค่อยเคลื่อนตามมา และกระแทกเข้ากับกระโหลก มันเด้งกลับออกจากกระโหลก และจากนั้นก็เคลื่อนไปยังอีกด้านหนึ่ง ของกระโหลก และสิ่งที่คุณจะสังเกตก็คือสิ่งที่ถูกเน้นไว้ ในวีดีโอจากซีดีซีนี้ ซึ่งผมจะขอย้ำว่างานนี้ ได้รับเงินสนับสนุนจาก NFL ก็คือส่วนผิวนอกของสมอง ที่ซึ่งกระแทกเข้ากับกระโหลก ดูเหมือนว่ามันได้รับบาดเจ็บหรือเสียหาย ฉะนั้นมันก็คือผิวส่วนนอกของสมอง และที่ผมอยากจะทำสำหรับวีดีโอนี้ก็คือ บอกกับคุณว่ามันมีบางแง่มุม ที่อาจเป็นความจริง ที่บ่งบอกว่านักวิทยาศาสตร์เชื่อว่า มันเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจากการกระทบกระแทก แต่มันอาจยังมีส่วนที่ผิดอยู่หลายจุด ในวีดีโอนี้ สิ่งหนึ่งที่ผมเห็นด้วย และผมก็คิดว่า ผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่ก็เห็นด้วย ก็คือสมองมีการเคลื่อนไหวแบบนี้ มันอยู่ในส่วนด้านหลังของกระโหลก และจากนั้นเคลื่อนตามมา เคลื่อนไปข้างหน้าและหลัง และแกว่ง นั่นเป็นสิ่งที่เราคิดว่าเกิดขึ้นจริง อย่างไรก็ดี ระดับการเคลื่อนที่ ที่คุณได้เห็นในวีดีโอนี้ บางที อาจจะไม่ถูกต้องทั้งหมด ในส่วนโค้งโพรงกระโหลก มีพื้นที่อยู่น้อยมาก มีเพียงไม่กี่มิลลิเมตรเท่านั้นเอง และมันก็เต็มไปด้วยน้ำในสมอง ซึ่งทำหน้าที่เป็นชั้นป้องกัน และสมองทั้งหมดก็อาจเคลื่อนที่น้อยมาก ภายในกระโหลก อีกปัญหาหนึ่งเกี่ยวกับวีดีโอนี้ ก็คือสมองที่เราเห็น ถูกแสดงในลักษณะก้อนของแข็ง ที่เคลื่อนไปรอบ ๆ และนั่นก็ไม่ใช่ความจริงเช่นกัน สมองของคุณเป็นส่วนที่นุ่มที่สุดส่วนหนึ่ง ของร่างกาย และคุณอาจคิดว่ามันเหมือนกับเยลลี่ ฉะนั้น เมื่อศีรษะของคุณ เคลื่อนไปข้างหน้าและหลัง สมองของคุณจะหมุนและบิดไปมา และเนื้อเยื่อก็จะถูกยืด และผมก็คิดว่าผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่ ก็เห็นด้วยกับเรื่องนี้ การกระทบกระแทกนั้นไม่น่าจะเป็นสิ่งที่เกิดขึ้น บนผิวนอกของสมอง แต่เกิดกับส่วนที่ลึกมากกว่านั้น ลงไปตามแกนกลางของสมอง ทีนี้ วิธีการที่เรากำลังจัดการกับปัญหานี้ก็คือ พยายามทำความเข้าใจ กลไกของการกระทบกระแทก และพยายามเข้าใจว่าเราจะป้องกันมันได้อย่างไร โดยใช้อุปกรณ์ที่มีหน้าตาแบบนี้ มันคือฟันยาง มันมีตัวตรวจจับอยู่ภายใน ที่เหมือนกันกับตัวตรวจจับ ที่มีอยู่ในโทรศัพท์มือถือของคุณ ซึ่งได้แก่ ตัววัดความเร่ง ไจโรสโคป และเมื่อใครก็ตามได้รับการปะทะเข้าที่ศีรษะ มันจะบอกคุณว่าศีรษะของเขาเคลื่อนไปอย่างไร โดยบันทึกไว้ที่อัตราพันตัวอย่างต่อวินาที หลักการเบื้องหลังฟันยางก็คือ มันพอดีกับฟันของคุณ ฟันของคุณเป็นส่วนหนึ่งที่แข็งที่สุด ในร่างกาย ฉะนั้น มันถูกฝังอยู่แน่นในกระโหลกของคุณ และให้การวัดที่แม่นยำที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ว่ากระโหลกเคลื่อนที่อย่างไร ผู้คนได้พยายามวิธีการอื่น ๆ ด้วยหมวกกันน๊อค เราได้ใช้ตัวตรวจวัดอย่างอื่น ที่ติดไว้ที่ผิวหนัง และพวกมันก็เคลื่อนที่มากเกินไป และเราก็พบว่านี่เป็นเพียงวิธีการเดียว ที่เชื่อถือได้ ที่จะวัดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ฉะนั้นตอนนี้ เรามีอุปกรณ์นี้แล้ว เราสามารถทำได้มากกว่าการศึกษาศพ เพราะว่าคุณสามารถเรียนรู้อะไรมากมาย เกี่ยวกับการกระทบกระแทก จากการศึกษาศพ และเราต้องการที่จะเรียนรู้และศึกษา คนที่มีชีวิตอยู่เช่นกัน ฉะนั้น สถานที่ใดบ้างที่เราจะสามารถ หากลุ่มของอาสาสมัตรได้ เพื่อที่จะให้พวกเขาเอาศีรษะไปกระแทกกัน ได้บ่อยครั้ง และมีการกระทบกระแทกเสมอ ๆ ครับ ผมเป็นหนึ่งในพวกนั้น และมันก็คือทีมอเมริกันฟุตบอลสแตนฟอร์ด ที่แสนจะเป็นมิตร ฉะนั้น นี่แหละครับห้องทดลองของเรา และผมอยากที่จะแสดงให้คุณดู การกระทบกระแทกครั้งแรก ที่เราวัดด้วยอุปกรณ์นี้ หนึ่งในสิ่งที่ผมควรจะบอกก็คือ อุปกรณ์มีไจโรสโคปอยู่ในนั้น และนั่นทำให้เราสามารถวัดการหมุนของศีรษะได้ ผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่คิดว่า นั่นเป็นปัจจัยสำคัญ ที่อาจเริ่มบอกกับเราว่ามันเกิดอะไรขึ้น เมื่อเกิดการกระทบกระแทก ฉะนั้น โปรดดูวีดีโอนี้นะครับ ผู้บรรยาย: คูก้าบุกเข้ามากันอีก แต่ถือว่าโชคดี มีช่องแล้วครับ ผมว่าเขาจะไม่เป็นไรนะ (เสียงผู้ชมร้องอื้ออึง) ทางด้านบนของจอของคุณ คุณจะเห็นเขาเข้ามาหลังเส้นแนว และถูกแยกออกไปอย่างปลอดภัย มันพุงเข้ามาหาคุณที่ความเร็วจริง คุณจะได้ยินสิ่งนี้ การชนที่เกิดจาก -- เดวิด คามาริโญ: ขอโทษครับ ให้คุณดูสามครั้งนี่อาจจะมากไปหน่อย แต่คุณก็คงจะเข้าใจแล้วว่ามันเป็นอย่างไร ฉะนั้น เมื่อคุณดูจากภาพนี้ ที่คุณเห็นได้ก็คือเขาถูกชนเข้าอย่างแรง และเขาก็เจ็บ แต่เมื่อเราสกัดข้อมูลออกมา จากฟันยางที่เราให้เขาใส่ไว้ เราสามารถเห็นรายละเอียดได้มากกว่า ละเอียดกว่า และหนึ่งในสิ่งที่เราสังเกตเห็น ก็คือเขาถูกชนทางด้านซ้ายล่างของหน้ากาก และนั่นก็ทำบางสิ่ง ซึ่งเป็นการกระทบกระแทกเบา ๆ ศีรษะไม่ได้เคลื่อนไปทางขวา อันที่จริง มันหมุนไปทางซ้ายก่อน จากนั้นเมื่อคอเริ่มย่อลงมา แรงของการกระแทกทำให้มันเคลื่อนไปทางด้านหลัง ฉะนั้นการเคลื่อนที่ไปทางซ้ายและขวา เป็นเหมือนกับการเคลื่อนที่ของแส้ และเราคิดว่านั่นนอาจเป็นสิ่งที่นำไปสู่ การบาดเจ็บของสมอง ทีนี้ อุปกรณ์นี้จำกัดเพียงแค่ว่า มันสามารถวัดการเคลื่อนของกระโหลก แต่ที่เราอยากจะรู้ก็คือ มันเกิดอะไรขึ้นในสมอง ฉะนั้น เราจึงร่วมมือกับกลุ่มของ สวิน แคลิเวน ในสวีเดน พวกเขาพัฒนาแบบจำลองสมองที่มีขนาดจำกัด และในแบบจำลองนี้ การใช้ข้อมูลจากฟันยางของเรา จากการบาดเจ็บที่ผมแสดงให้คุณดู และที่คุณเห็นนี้ก็คือสมอง -- นี่เป็นภาพตัดขวางที่ทางด้านหน้า ของสมองที่ถูกบิดและถูกกระทบกระแทก อย่างที่ผมได้พูดถึง คุณจะเห็นว่ามันไม่เหมือนกับในวีดีโอของ CDC ทีนี้ สีที่คุณดูอยู่นี้ บอกว่าเนื้อเยื่อสมองถูกยืดไปมากน้อยแค่ไหน และส่วนสีแดงนั้นหมายถึง 50 เปอร์เซ็นต์ นั่นหมายถึงสมองได้ถูกยืดไป 50 เปอร์เซ็นต์ ของความยาวตามปกติ เนื้อเยื่อในบริเวณนั้น และสิ่งสำคัญก็คือที่ผมอยากจะให้คุณสนใจ ก็คือจุดแดงนี้ จุดแดงนี้ใกล้กับส่วนกลางของสมอง และถ้าจะเปรียบเทียบ คุณไม่ค่อยเห็นสีแบบนั้นในส่วนผิวนอก ดังที่วีดีโอของ CDC แสดง ทีนี้ เพื่อที่จะอธิบายในรายละเอียด เกี่ยวกับว่าเราคิดว่ามันเกิดอะไรขึ้น เมื่อเกิดการกระทบกระแทก สิ่งหนึ่งที่ผมควรพูดถึง ก็คือเราและคนอื่น ๆ ได้สังเกต ว่าการกระทบกระแทกจะเกิดขึ้นได้มากกว่า เมื่อคุณถูกกระแทก และศีรษะของคุณหมุนไปในทิศทางนี้ มันเกิดได้บ่อย ๆ ในกีฬาอย่างอเมริกันฟุตบอล แต่มันน่าจะเป็นอันตรายมากกว่านั้น แล้วมันเกิดอะไรขึ้นในสถานการณ์นี้ ครับ สิ่งหนึ่งที่คุณจะสังเกตก็คือ ในสมองของมนุษย์ ที่แตกต่างจากของสัตว์อื่น ๆ คือเรามีพูใหญ่สองข้าง เรามีสมองซีกขวาและสมองซีกซ้าย และสิ่งสำคัญก็คือ ที่เราสังเกตเห็นในรูปนี้ ก็คือลึกลงไปในส่วนกลาง สมองซีกซ้ายและสมองซีกขวา นี่คือเนื้อเยื่อส่วนใหญ่ ที่อยู่ลึกลงไปในสมอง และในเนื้อเยื่อนั้น ที่คุณมองไม่เห็นในภาพนี้ และคุณต้องเชื่อผม ก็คือมันมีแผ่นที่เป็นเส้นใยของเนื้อเยื่อ ที่เรียกว่า แฟลกซ์ และมันก็วางตัวจากส่วนหน้าของศีรษะ ไปจนถึงส่วนหลังของศีรษะ และมันก็ค่อนข้างที่จะแข็ง และที่มันเกิดขึ้นก็คือ เมื่อคุณถูกกระแทก และศีรษะของคุณหมุนในทิศทางซ้ายขวา แรงสามารถถูกส่งผ่านไปได้อย่างรวดเร็ว ลงไปตามแกนกลางของสมองของคุณ ทีนี้ สิ่งที่อยู่ทางด้านล่างของเนื้อเยื่อคืออะไร มันเป็นเส้นสายของสมอง และอันที่จริงมัดสีแดงนี้ ที่อยู่ทางด้านล่างของเนื้อเยื่อ คือมัดใยเดี่ยวขนาดใหญ่ นั่นคือเส้นสายที่เชื่อมต่อ ซีกขวาและซ้ายของสมองของคุณ มันเรียกว่า คอร์ปัส แคลโลซัม และเราคิดว่านั่นอาจเป็น หนึ่งในกลไกที่สำคัญที่สุด ของการกระทบกระแทก และเมื่อแรงนั้นเคลื่อนลงมา พวกมันกระทบเข้ากับคอร์ปัส แคลโลซัม มันทำให้เกิดการแยกตัว ระหว่างสมองซีกขวาและซ้าย และสามารถอธิบายอาการบางอย่าง ของการกระทบกระแทกสมองได้ การค้นพบนี้ยังสอดคล้องกัน กับสิ่งที่เราเห็น ในโรคสมองนี้ที่ผมพูดถึง โรคทางสมองที่บาดเจ็บเรื้อรัง นี่คือภาพของอดีตนักอเมริกันฟุตบอลอาชีพ วัยกลางคน และสิ่งที่ผมอยากจะเน้นก็คือ ถ้าคุณดูที่คอร์ปัส แคลโลซัม และผมจะย้อนกลับไปให้คุณดูขนาด ของคอร์ปัส แคลโลซัม ปกติ และขนาดของมันในคน ที่มีโรคทางสมองที่บาดเจ็บเรื้อรัง มันลีบลงไปมาก และมันก็เป็นเช่นเดียวกัน สำหรับพื้นที่ในส่วนล่าง ส่วนล่างเหล่านี้มีขนาดใหญ่กว่ามาก และเนื้อเยื่อทั้งหมดใกล้กับส่วนกลางของสมอง ค่อย ๆ ตายเมื่อเวลาผ่านไป ฉะนั้น สิ่งที่เราได้เรียนรู้มีความสอดคล้องกัน ทีนี้ มันมีข่าวดีครับ ผมหวังว่าจะให้คุณรับรู้ได้ถึงความหวัง ในช่วงตอนจบของการบรรยายนี้ หนึ่งในสิ่งที่เราสังเกต โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกี่ยวกับกลไกล ของการบาดเจ็บนี้ ก็คือ แม้ว่าจะมีการส่งแรงอย่างรวดเร็ว ลงไปตามเนื้อเยื่อ มันก็ยังต้องใช้เวลาระยะหนึ่ง และสิ่งที่เราคิดก็คือ ถ้าเราสามารถ ทำให้ศีรษะเคลื่อนช้าลงมากพอ เพื่อที่สมองจะไม่ค้างอยู่ด้านหลังกระโหลก แต่มันจะเคลื่อนไปกับกระโหลก อย่างประสานกันแล้ว เราอาจสามารถป้องกันกลไกล ที่ทำให้เกิดการกระทบกระแทกสมองได้ ฉะนั้น เราจะทำให้ ศีรษะเคลื่อนช้าลงได้อย่างไร (เสียงหัวเราะ) หมวกกันน๊อคขนาดใหญ่ ด้วยพื้นที่ที่มากขึ้น คุณมีเวลามากขึ้น และนี่มันก็น่าขำสักหน่อย สำหรับพวกคุณบางคนที่เห็นสิ่งนี้ นี่คือฟุตบอลลูกโป่ง มันเป็นกีฬาจริง ๆ นะครับ อันที่จริง ผมเห็นวัยรุ่นบางคน เล่นกีฬานี้ใกล้ ๆ กับบ้านของผม และเท่าที่ผมรู้ มันไม่เคยมีรายงาน เรื่องการกระทบกระแทกสมองเลย (เสียงหัวเราะ) แต่เอาเข้าจริง ๆ แล้ว หลักการนี้มันได้ผล แต่มันออกจะดูมากไปหน่อย มันไม่ใช่หลักการที่จะทำได้จริง ๆ สำหรับ การขี่รถจักรยานหรือการเล่นอเมริกันฟุตบอล เราก็เลยเกิดความร่วมมือกับบริษัทในสวีเดน ที่ชื่อว่า โฮฟดิง (Hövding) พวกคุณบางคนคงเคยเห็นผลงานของพวกเขาแล้ว และพวกเขาก็ใช้หลักการเดียวกัน ของอากาศเพื่อที่จะทำให้คุณมีพื้นที่มากขึ้น เพื่อป้องกันการกระทบกระแทก เด็ก ๆ ครับ อย่าเล่นเองที่บ้านนะครับ ขอร้องล่ะ นี่คือสตันต์แมนที่ไม่ได้ใส่หมวกกันน๊อค แต่ว่าเขามีปลอกคอ และปลอกคอนี้มีตัวตรวจจับอยู่ มันเป็นตัวตรวจจับประเภทเดียวกัน กับที่อยู่ในฟันยาง มันตรวจจับว่าเมื่อเราที่เขาน่าจะหกล้ม และมันก็มีถุงลมที่ระเบิดตัวออกมาและทำงาน โดยหลักการแล้ว มันทำงานแบบเดียวกัน กับถุงลมในรถยนต์ของคุณ จำเป็นอย่างยิ่ง และในการทดลองอุปกรณ์ของพวกเขา ในห้องทดลองของผม เราพบว่ามันสามารถลดความเสี่ยง ของการกระทบกระแทกในบางสถานการณ์ได้ เมื่อเปรียบเทียบกับ หมวกกันน๊อคจักรยานตามปกติ มันเป็นการพัฒนาที่ค่อนข้างน่าตื่นเต้น แต่เพื่อที่เราจะรู้ถึงประโยชน์ของเทคโนโลยี ที่เราสามารถป้องกันการกระทบกระแทกได้ มันจะต้องเป็นไปตามมาตราฐาน นั่นคือความเป็นจริง อุปกรณ์นี้มีวางขายอยู่ในยุโรป แต่ไม่มีขายในอเมริกา และบางที่มันก็คงยังไม่มีขายในเร็ว ๆ นี้ ผมจะบอกพวกคุณว่าทำไม มันมีเหตุผลที่ดีและไม่ดี หมวกกันน๊อคจักรยานถูกควบคุมโดยรัฐฯ คณะกรรมการคุ้มครองความปลอดภัยสินค้า สำหรับผู้บริโภคได้รับสิทธิ ในการรับรองหมวกกันน๊อคจักรยาน ที่จะวางจำหน่าย และนี่คือการทดสอบที่พวกเขาใช้ ซึ่งมันกลับไปยังสิ่งที่ผมบอกกับคุณ ในตอนต้นเกี่ยวกับโครงสร้างของกระโหลก นั่นเป็นเหตุผลของการทดสอบนี้ และนั่นเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องทำ มันสามารถช่วยชีวิตคุณได้ แต่มันไม่เพียงพอ ผมบอกได้เลย ยกตัวอย่างเช่น สิ่งหนึ่งที่การทดสอบนี้ ไม่ได้ประเมิน ก็คือมันไม่ได้บอกคุณ ว่าถุงลมนี้กำลังจะทำงาน อย่างถูกที่ถูกเวลา และจะไม่ทำงาน เมื่อมันไม่เป็นที่ต้องการหรือเปล่า คล้ายกัน มันไม่ได้บอกคุณ ว่าหมวกกันน๊อคนี้ จะป้องการการเกิดการกระทบกระแทกได้หรือไม่ และถ้าคุณดูหมวกกันน๊อคของนักอเมริกันฟุตบอล ซึ่งไม่ได้ถูกควบคุม พวกมันได้รับการทดสอบคล้ายกันมาก พวกมันไม่ได้ถูกควบคุม โดยรัฐฯ ไม่ว่าโดยวิธีใด พวกมันถูกควบคุมโดยหน่วยงานอุตสาหกรรม ซึ่งนั่นเป็นการทำงานของอุตสาหกรรมส่วนใหญ่ แต่ด้วยหน่วยงานอุตสาหกรรม ผมบอกคุณได้ว่าพวกเขา ไม่ค่อยที่จะปรับเปลี่ยนมาตราฐาน ฉะนั้น ในห้องทดลองของผม ไม่เพียงแต่ศึกษากลไกการกระทบกระแทก แต่เรายังต้องการที่จะเข้าใจ ว่าเราจะมีมาตราฐานที่ดีกว่านี้ได้อย่างไร และเราก็หวังว่ารัฐฯ จะใช้ข้อมูลพวกนี้ เพื่อกระตุ้นสนับสนุนนวัตกรรม โดยให้ผู้บริโภครู้ว่า พวกเขาได้รับการป้องกันจากหมวกกันน๊อคแค่ไหน และผมอยากที่จะพาพวกคุณกลับไป ยังคำถามแรกที่ผมถาม ซึ่งก็คือ ผมรู้สึกสบายใจหรือไม่ ที่จะให้ลูกของผมเล่นอเมริกันฟุตบอล หรือขึ่รถจักรยาน และนี่อาจเป็นเพียงผลลัพธ์ จากประสบการณ์การได้รับบาดเจ็บของผม ผมรู้สึกประหม่าที่เห็นโรส ลูกสาวของผมขี่จักรยาน เธออายุขวบครึ่ง และเธอก็อยากที่จะซิ่งลงไปตามถนน ในซานฟรานซิสโก นี่คือด้านล่างของถนนเหล่านี้ และเป้าหมายส่วนตัวของผม ก็คือ -- และผมก็เชื่อว่ามันเป็นไปได้ -- คือพัฒนาเทคโนโลยีนี้ต่อไป และอันที่จริง เรากำลังศึกษาบางสิ่ง ในห้องทดลองของผมโดยเฉพาะ ที่จะใช้พื้นที่ในหมวกกันน๊อค ได้อย่างเหมาะสมที่สุด และผมก็มั่นใจว่าเราจะสามารถทำได้ ก่อนที่เธอพร้อมที่จะขี่จักรยานสองล้อ ว่าจะมีอะไรสักอย่าง ที่สามารถที่จะลดความเสี่ยง ของการกระทบกระแทกสมองได้จริง ๆ และเป็นไปตามการควบคุมของร่างกาย และสิ่งที่ผมอยากจะทำก็คือ -- และผมก็รู้ว่าสำหรับพวกคุณบางคน ผมมีเวลาสองสามปี -- ที่จะสามารถบอกกับผู้ปกครองและ ปู่ย่าตายายได้เมื่อผมถูกถาม ว่ามันปลอดภัยและดีต่อสุขภาพของลูก ๆ ของคุณ หรือไม่ที่จะทำกิจกรรมเหล่านี้ และผมก็โชคดีมาก ที่มีทีมที่แสนวิเศษที่สแตนฟอร์ด ที่ทำงานกันอย่างหนัก ผมหวังว่าจะกลับมาในอีกสองสามปี พร้อมกับเรื่องราวในตอนจบ แต่สำหรับตอนนี้ ผมจะบอกคุณว่า อย่างได้เอาแต่กลัวเมื่อคุณได้ยินคำว่า การกระทบกระแทกสมอง มันยังมีหวังครับ ขอบคุณครับ (เสียงปรบมือ)