0:00:03.363,0:00:08.481 ฝึกตัวเองให้เคยชินให้เป็นนิสัยไว้ 0:00:08.481,0:00:14.487 มีเวลาว่าง 5 นาที 10 นาที อย่าทิ้ง 0:00:14.487,0:00:24.328 ภาวนาไปเลย 0:00:24.328,0:00:30.728 เอาให้เคยชิน เก็บเล็กเก็บน้อยไปเรื่อยๆ 0:00:30.728,0:00:36.797 พอจิตมันคุ้นเคยที่จะปฏิบัติ 0:00:36.797,0:00:40.666 มันจะขยันภาวนา 0:00:40.666,0:00:44.566 จิตใจที่ไม่อยากภาวนา ทำบ้างไม่ทำบ้าง 0:00:44.566,0:00:49.749 จิตมันติดโลก ติดกาม 0:00:49.749,0:00:54.914 เมื่อเช้ามีทิดเก่าคนหนึ่งมาส่งการบ้าน 0:00:54.914,0:01:00.049 บอกว่าสังเกตดูว่าเวลาถือศีล 8 0:01:00.049,0:01:03.932 สติเกิดน้อยกว่าตอนถือศีล 5 0:01:03.932,0:01:10.866 ฉะนั้นศีล 5 ดีกว่า เขาว่าอย่างนี้ 0:01:10.866,0:01:15.817 บอกไปสังเกตให้ดี จิตมันติดกาม 0:01:15.817,0:01:19.015 ติดความสุขความสบาย 0:01:19.015,0:01:23.199 พอไปบังคับตัวเองถือศีล 8 มันก็เครียด 0:01:23.199,0:01:26.332 พอเครียดสติก็ไม่เกิด 0:01:26.332,0:01:29.316 ไม่ใช่ว่าศีลไม่ดี 0:01:29.316,0:01:39.735 แต่ใจตัวเองมันไม่ถึง ใจยังอ่อนแออยู่ 0:01:39.735,0:01:42.317 ถ้าเรารู้จุดอ่อนของตัวเอง 0:01:42.317,0:01:45.376 ใจมันอ่อนแอมันติดโลก 0:01:45.376,0:01:49.175 ก็ต้องเข้มแข็งสู้มัน 0:01:49.175,0:01:51.838 ไม่หาข้ออ้าง 0:01:51.838,0:01:55.688 ที่จะทำให้การปฏิบัติย่อหย่อนลง 0:01:55.688,0:02:01.817 อย่างบอกว่าศีล 5 ดีกว่าศีล 8 [br]อะไรอย่างนี้ 0:02:01.817,0:02:11.416 สำหรับคนนี้ บางคนศีล 5 ดีกว่าจริงๆ 0:02:11.416,0:02:18.284 ถ้าเอามาเป็นข้ออ้างสนองกิเลสตัวเอง 0:02:18.284,0:02:23.951 โอกาสพัฒนามันก็ยาก 0:02:23.951,0:02:28.833 อยากจะพ้นทุกข์อยากข้ามวัฏฏะต้องเข้มแข็ง 0:02:28.833,0:02:37.133 อ่อนแอไปไม่รอดหรอก ต้องอดทน 0:02:37.133,0:02:44.667 คนรุ่นหลังๆ นี่ความอดทนน้อยลงไปเยอะเลย 0:02:44.667,0:02:50.650 เมื่อเช้ายังเล่าให้พวกทิดมาส่งการบ้าน 0:02:50.650,0:02:54.148 บอกคนรุ่นนี้อ่อนแอลงไปเรื่อยๆ 0:02:54.148,0:02:58.181 รักสุขรักสบายเหลือเกิน 0:02:58.181,0:03:03.431 คนรุ่นหลวงพ่อเรียกรุ่นเบบี้บูม 0:03:03.431,0:03:06.660 บ้านเมืองเพิ่งผ่านสงครามโลกมาใหม่ๆ 0:03:06.660,0:03:09.928 บอบช้ำ 0:03:09.928,0:03:12.398 ตอนที่หลวงพ่อเกิด 0:03:12.398,0:03:17.511 สงครามโลกเพิ่งจบไปไม่ถึง 10 ปี 0:03:17.511,0:03:19.311 บ้านเมืองทรุดโทรม 0:03:19.311,0:03:23.495 เศรษฐกิจย่ำแย่ ผู้คนลำบาก 0:03:23.495,0:03:32.065 เราเกิดในยุคนั้น เราก็ต้องรู้สึก[br]ว่าเราต้องสู้ต้องอดทน 0:03:32.065,0:03:34.980 ฉะนั้นคนรุ่นนั้นจะอดทน 0:03:34.980,0:03:37.968 แต่คนรุ่นนั้นเทียบกับรุ่นครูบาอาจารย์ 0:03:37.968,0:03:41.118 ยังเทียบไม่ติด 0:03:41.118,0:03:45.999 รุ่นครูบาอาจารย์ลำบากมากๆ เลย 0:03:45.999,0:03:51.050 อย่างไปปฏิบัติอยู่ในป่า 0:03:51.050,0:03:53.666 เป็นไข้ป่าก็ตายแล้ว 0:03:53.666,0:03:56.282 รอดบ้างตายบ้าง 0:03:56.282,0:04:02.802 บางองค์อดอาหารเป็นประจำ 0:04:02.802,0:04:06.177 อาหารไม่พออะไรอย่างนี้ 0:04:06.177,0:04:11.811 อยู่มาพอพ้นยุคยากลำบาก 0:04:11.811,0:04:13.760 หลัง 2500 อะไรอย่างนี้ 0:04:13.760,0:04:16.829 ร่างกายท่านทรุดโทรมมาก 0:04:16.829,0:04:20.426 เพราะช่วงก่อนหน้านั้นสู้หนักมาก 0:04:20.426,0:04:25.327 ก็สิ้นไปอย่างรวดเร็วก็มี 0:04:25.327,0:04:31.493 สังเกตดูคนที่เคยผ่านความยากลำบาก 0:04:31.493,0:04:36.576 ใจมันต่อสู้มากกว่าคนที่เกิดมาก็สบาย 0:04:36.576,0:04:37.476 รุ่นหลังๆ 0:04:37.476,0:04:42.009 นี่พ่อแม่เคยลำบากมา ไม่อยากให้ลูกลำบาก 0:04:42.009,0:04:46.028 เลี้ยงลูกประคบประหงมเอาอกเอาใจ 0:04:46.028,0:04:49.733 จนกระทั่งอ่อนแอมาก ดูแล้ว 0:04:49.733,0:04:55.966 หลวงพ่อไม่ได้ดูอื่นดูไกล ดูจากพระนี่ล่ะ 0:04:55.966,0:05:00.350 พระรุ่นก่อนๆ เข้มแข็ง สู้ 0:05:00.350,0:05:04.666 คนไหนไม่แข็งแรงไม่เข้มแข็งก็ออกไป 0:05:04.666,0:05:09.517 พวกที่เหลืออยู่นี่แกร่งจริงๆ 0:05:09.517,0:05:17.899 หลังๆ นี่ดูป้อแป้ๆ กลัวลำบาก 0:05:17.899,0:05:22.765 จะไปอยู่กับโลกก็กลัวลำบากกลัวเหนื่อย 0:05:22.765,0:05:28.349 มาบวชจะภาวนาก็กลัวลำบากอีก 0:05:28.349,0:05:36.516 คนชนิดนี้อยู่ที่ไหนไม่เจริญหรอก ไม่สู้ 0:05:36.516,0:05:39.447 พวกเราอยากได้ดี 0:05:39.447,0:05:44.714 จิตใจต้องกล้าหาญต้องเข็มแข็งต้องต่อสู้ 0:05:44.714,0:05:48.049 เหยาะแหยะไม่ได้เรื่องหรอก 0:05:48.049,0:05:52.715 หาข้ออ้างเพื่อปกป้องกิเลส 0:05:52.715,0:05:55.864 ฉลาดในการหาข้ออ้าง 0:05:55.864,0:05:59.031 แต่ไม่ฉลาดในจิตของตนเอง 0:05:59.031,0:06:01.848 ต้องเข็มแข็งจริงๆ 0:06:01.848,0:06:05.154 เส้นทางนี้ไม่ใช่เส้นทาง 0:06:05.154,0:06:06.987 ที่โรยด้วยกลีบกุหลาบหรอก 0:06:06.987,0:06:16.220 เส้นทางแห่งความพ้นทุกข์นี่ต้องสู้จริงๆ 0:06:16.220,0:06:23.088 ประเภทนั่งสมาธิก็กลัวปวดหลัง กลัวเมื่อย 0:06:23.088,0:06:28.003 ก็อ้างนั่งสมาธิมากๆ เนิ่นช้า 0:06:28.003,0:06:32.069 เอาคำหลวงปู่มั่นมาพูดอีก 0:06:32.069,0:06:33.719 นั่งสมาธิมากเนิ่นช้า 0:06:33.719,0:06:38.120 ไม่ได้แปลว่านั่งหลายชั่วโมง[br]แล้วทำให้เนิ่นช้า 0:06:38.120,0:06:41.159 หมายถึงเอาแต่นั่งสมาธิไม่ยอมเดินปัญญา 0:06:41.159,0:06:44.042 มันก็เลยเนิ่นช้า 0:06:44.042,0:06:49.077 ทำสมาธิแล้วก็สงบสบายเพลินๆ ไป 0:06:49.077,0:06:54.677 ผ่านวันผ่านเวลาไปมากมาย 0:06:54.677,0:06:58.389 บางทีเอาธรรมะมาอ้าง 0:06:58.389,0:07:04.721 เพื่อปกป้องความขี้เกียจ 0:07:04.721,0:07:12.293 วันนี้เจอพวกอ่อนแอหลายคนทั้งพระทั้งโยม 0:07:12.293,0:07:16.961 ธรรมะก็เลยดุนิดหนึ่ง นี่นิดเดียว 0:07:16.961,0:07:22.013 ถ้าเจอรุ่นครูบาอาจารย์หนักกว่านี้เยอะเลย 0:07:22.013,0:07:25.596 ครูบาอาจารย์ของหลวงพ่อยังเหลืออีกองค์ 0:07:25.596,0:07:28.776 หลวงปู่ทองท่านเป็นกรรมวาจาจารย์ 0:07:28.776,0:07:33.142 อยู่ที่ลำปลายมาศ 0:07:33.142,0:07:37.218 ใครไปถามกรรมฐานท่าน[br]บอกอยากได้มรรคผลนิพพาน 0:07:37.218,0:07:41.119 ท่านบอกแค่ศีลเอ็งก็รักษาไม่ได้แล้ว 0:07:41.119,0:07:44.834 อย่ามาคุยอวดเลยจะไปเอานิพพาน 0:07:44.834,0:07:50.874 หรือเสียสละอะไรเล็กๆ น้อยๆ [br]ยังทำไม่ได้เลย 0:07:50.874,0:07:57.873 แล้วจะไปนิพพานได้อย่างไร[br]นิพพานต้องสละโลกได้ 0:07:57.873,0:08:00.572 ท่านใช้วิธีด่าเอา 0:08:00.572,0:08:05.637 ครูบาอาจารย์บางองค์สมัยก่อนดุจริงๆ 0:08:05.637,0:08:09.081 แต่ไม่มีประเภทเอากระโถนขว้างอะไร ไม่มี 0:08:09.081,0:08:11.822 มีแต่นิยายปรัมปราว่า 0:08:11.822,0:08:16.270 ครูบาอาจารย์โมโหแล้วเอากระโถนขว้าง 0:08:16.270,0:08:18.854 เมื่อก่อนหลวงพ่อก็เชื่ออย่างนั้น 0:08:18.854,0:08:22.469 ว่าครูบาอาจารย์กรรมฐานนี่ดุ 0:08:22.469,0:08:27.187 ถ้าเราไม่ถูกใจเอากระโถนขว้าง 0:08:27.187,0:08:33.169 ตอนไปหาหลวงปู่ดูลย์ครั้งแรกยังกลัวเลย 0:08:33.169,0:08:37.668 ไม่รู้จักท่าน ไปถึงก็ไปจดๆ จ้องๆ 0:08:37.668,0:08:40.051 ไม่กล้าเข้าไปในกุฏิ 0:08:40.051,0:08:42.317 ไปรอดูหลวงปู่จะออกมาไหม 0:08:42.317,0:08:46.684 ออกมาเราจะเข้าไปถามกรรมฐาน 0:08:46.684,0:08:52.294 ทั้งพระทั้งคนในวัดบอกเข้าไปเลย[br]ตอนนี้ท่านกำลังฉันอาหารอยู่ 0:08:52.294,0:08:57.279 บอกท่านฉันให้ท่านฉันไปก่อนเถอะ 0:08:57.279,0:09:01.294 ที่จริงไม่ใช่อะไร ที่จริงยังกลัวอยู่ 0:09:01.294,0:09:05.648 นั่นเป็นครั้งเดียว[br]ที่หลวงพ่อกลัวครูบาอาจารย์ 0:09:05.648,0:09:08.783 เพราะเราไม่คุ้นกับครูบาอาจารย์กรรมฐาน 0:09:08.783,0:09:11.198 เลยคิดว่าท่านดุ 0:09:11.198,0:09:15.413 ได้ยินนิทานเล่าว่าถ้าทำไม่ดี[br]แล้วเอากระโถนขว้าง 0:09:15.413,0:09:18.849 อย่างไรท่านก็ไม่ขว้าง ท่านเสียดายของ 0:09:18.849,0:09:22.531 ขว้างเดี๋ยวกระโถนแตก 0:09:22.531,0:09:26.499 จดๆ จ้องๆ อยู่ ในที่สุดหลวงปู่ทนไม่ไหว 0:09:26.499,0:09:29.330 หลวงปู่เดินออกมาหน้ากุฏิเอง 0:09:29.330,0:09:31.362 เลยเข้าไปกราบท่านได้ 0:09:31.362,0:09:34.462 หลวงปู่ครับผมอยากปฏิบัติ 0:09:34.462,0:09:37.629 ท่านก็เงียบๆ ไม่พูด 0:09:37.629,0:09:41.699 เราก็นึกหลวงปู่อายุ 90 กว่า 0:09:41.699,0:09:45.214 ฉันข้าวเสร็จแล้วนั่งหลับไปแล้ว 0:09:45.214,0:09:48.980 ตอนนั้นโง่มากนึกว่าท่านนั่งหลับ 0:09:48.980,0:09:52.899 ที่จริงท่านกำลังสอบประวัติเราอยู่ 0:09:52.899,0:09:57.465 ว่าเราเคยภาวนามาแบบไหนอะไรอย่างไร 0:09:57.465,0:10:01.582 ท่านหลับตาไปสัก 45 นาที 40 นาที 0:10:01.582,0:10:04.638 ลืมตามาถึงสอน 0:10:04.638,0:10:07.695 ไม่ใช่เจอหน้าก็สอน 0:10:07.695,0:10:10.694 หลวงปู่ดูลย์ถ้าใครไปถามอะไรก็ตอบ 0:10:10.694,0:10:16.615 แต่ถ้าจะเรียนจริงๆ ท่านจะเงียบๆ 0:10:16.615,0:10:19.910 เราก็ต้องนั่งภาวนาของเราไป 0:10:19.910,0:10:25.109 รอให้ท่านค่อยพูดเอง 0:10:25.109,0:10:29.660 นี่กว่าจะได้ธรรมะมาก็ลำบากเหมือนกัน 0:10:29.660,0:10:34.794 บางทีไปหาที่ภาวนาตามวัด 0:10:34.794,0:10:38.975 แต่ละวัดก็มีเจ้าพ่อเจ้าแม่ทั้งนั้นล่ะ 0:10:38.975,0:10:41.112 เรียกผีบ้าน ผีเรือน 0:10:41.112,0:10:47.808 ผีป่า ผีเขา มีทั้งนั้น ผีนี่หมายถึงคน 0:10:47.808,0:10:52.940 คนที่ไปตั้งตัวเป็นใหญ่ตามวัด 0:10:52.940,0:10:56.755 เข้าไปเราไม่รู้จักใครเลย 0:10:56.755,0:11:00.875 จะไปกินข้าวที่ไหนเราก็ไม่รู้ 0:11:00.875,0:11:03.726 เข้าไปทีแรก 0:11:03.726,0:11:08.139 ครูบาอาจารย์ท่านตักอาหารเสร็จแล้ว[br]พระท่านก็ฉันข้าว 0:11:08.139,0:11:12.771 โยมก็ทำวัตรเช้า สวดมนต์ทำวัตรเช้า 0:11:12.771,0:11:15.139 เห็นเขาขนอาหารไปวางข้างล่าง 0:11:15.139,0:11:19.602 มีโต๊ะยาวๆ อยู่ อาหารไปวางไว้เยอะเลย 0:11:19.602,0:11:24.319 ก็นึกว่าเดี๋ยวสวดมนต์เสร็จคงได้ไปกินข้าว 0:11:24.319,0:11:26.519 พอสวดมนต์เสร็จลงมา 0:11:26.519,0:11:30.615 แต่ละคนเขาหายไปหมดเลย พวกที่นั่งสวดมนต์ 0:11:30.615,0:11:34.449 แล้วอาหารที่โต๊ะไม่มีเหลือเลย 0:11:34.449,0:11:40.598 คือแต่ละคนจะมีพรรคพวกมีลูกน้องมีคนรับใช้ 0:11:40.598,0:11:44.463 ขนเกลี้ยงเลยไม่มีอะไรเหลือเลย 0:11:44.463,0:11:46.101 เรา เอ เราอยู่วัด 0:11:46.101,0:11:48.542 เราไม่มีอะไรกินเลย เราจะอยู่อย่างไร 0:11:48.542,0:11:53.108 ก็ช่างมัน ไม่กินวันสองวันไม่เป็นไรหรอก 0:11:53.108,0:11:56.625 หลวงพ่อก็เดินกลับขึ้นศาลามา 0:11:56.625,0:11:59.482 ครูบาอาจารย์ท่านเห็น 0:11:59.482,0:12:05.622 รู้ว่าเราไม่มีข้าวกิน ท่านกวักมือเรียก 0:12:05.622,0:12:08.890 เอาบาตรให้ บาตรของท่าน 0:12:08.890,0:12:14.061 ไม่ได้ให้บาตรอย่างเดียว[br]ในบาตรมีข้าวมีอะไร 0:12:14.061,0:12:19.181 เรารู้เลยครูบาอาจารย์ความเมตตาสูงมาก 0:12:19.181,0:12:24.314 สูง แต่ใจเราต้องเข้มแข็งพอ 0:12:24.314,0:12:26.949 ประเภทห่วงกินห่วงนอน 0:12:26.949,0:12:31.714 ไม่ได้กินไม่ได้ปฏิบัติจริง 0:12:31.714,0:12:35.148 ไปวัดทีแรกบางทีไม่รู้จักใครเลย 0:12:35.148,0:12:39.381 จะค้างที่วัดไปขอครูบาอาจารย์ 0:12:39.381,0:12:41.298 ขอค้างที่วัด ท่านอนุญาต 0:12:41.298,0:12:44.248 เราก็ไม่รู้เขาพักกันที่ไหน 0:12:44.248,0:12:48.313 หาที่พักไม่ได้ ไปอยู่โคนต้นไม้ 0:12:48.313,0:12:51.330 นั่งสมาธิเดินจงกรมไป 0:12:51.330,0:12:55.863 ผ่านกลางคืนไปมีความสุขมหาศาลเลย 0:12:55.863,0:13:00.735 ไม่ได้ห่วงเรื่องกินเรื่องนอนอะไรนักหนา 0:13:00.735,0:13:03.946 อยู่ไปๆ ฝนตก 0:13:03.946,0:13:09.126 ฝนตกอยู่กลางแจ้งไม่ไหว ฝนแรงแล้วหนาว 0:13:09.126,0:13:11.293 ก็ไปหลบอยู่ใต้ถุนกุฏิ 0:13:11.293,0:13:16.127 มีกุฏิของใครก็ไม่รู้เป็นส่วนโยม 0:13:16.127,0:13:19.744 หลบอยู่ใต้ถุน 0:13:19.744,0:13:24.659 ไม่บ่นสักคำ สู้เอา 0:13:24.659,0:13:28.094 ถ้าเรื่องแค่นี้เราสู้ไม่ไหว 0:13:28.094,0:13:34.810 เราจะสู้มารไหวหรือ สู้กิเลสไหวหรือ 0:13:34.810,0:13:36.811 ฉะนั้นถ้าพวกเราสังเกตให้ดี 0:13:36.811,0:13:42.009 มาเรียนกับหลวงพ่อ หลวงพ่อไม่โอ๋ 0:13:42.009,0:13:44.543 ไม่เคยประคบประหงมแบบโอ๋ๆ 0:13:44.543,0:13:48.141 เอาอกเอาใจอะไร ไม่เคย 0:13:48.141,0:13:51.818 เพราะหลวงพ่อไม่เคย[br]ให้ครูบาอาจารย์ต้องมาโอ๋หลวงพ่อ 0:13:51.818,0:13:56.384 เราสู้เอา 0:13:56.384,0:14:03.197 พวกชอบโอ๋ส่วนใหญ่ก็มีความต้องการแฝงเร้น 0:14:03.197,0:14:09.229 โอ๋โยมนี่โอ๋คนรวยๆ เขาจะได้ให้เงินเยอะๆ 0:14:09.229,0:14:11.479 ครูบาอาจารย์ที่หลวงพ่อเรียนด้วย 0:14:11.479,0:14:14.713 ท่านไม่ได้ทำอย่างนั้น 0:14:14.713,0:14:19.862 ตอนนั้นเรารับราชการ[br]ไปอยู่วัดทีหนึ่งหลายวัน 0:14:19.862,0:14:23.327 ช่วงวันหยุดนี่ ช่วงต้นธันวา 0:14:23.327,0:14:26.711 มีวันหยุดเยอะ จะลางานบ้างอะไรบ้าง 0:14:26.711,0:14:29.970 ไปอยู่วัดได้ 10 วัน 11 วัน [br]9 วัน อะไรอย่างนี้ 0:14:29.970,0:14:35.252 แต่ละปีไม่เท่ากัน 0:14:35.252,0:14:39.603 ถวายปัจจัยท่านเล็กน้อยเท่านั้นเอง 0:14:39.603,0:14:48.587 ท่านกลับดูแลเรามาก ดูแลละเอียด 0:14:48.587,0:14:53.118 เข้าไปกราบ ท่านก็สั่งพระอุปัฏฐาก 0:14:53.118,0:14:55.364 ให้ไปจัดกุฏิพระให้หลวงพ่ออยู่ 0:14:55.364,0:14:58.302 ท่านสั่งอย่างนี้ บอกคนนี้เขาภาวนาจริง 0:14:58.302,0:15:04.418 ให้ไปอยู่โซนพระ 0:15:04.418,0:15:10.458 คนร่ำคนรวยคนใหญ่คนโตไปกราบ ท่านก็ยิ้มๆ 0:15:10.458,0:15:16.575 ถวายอะไรท่านก็ยิ้มๆ เฉยๆ 0:15:16.575,0:15:18.975 ตอนเวลาไปเรียนกับครูบาอาจารย์ 0:15:18.975,0:15:24.990 บางทีคนใหญ่คนโตอะไรมากราบท่าน 0:15:24.990,0:15:29.516 พระอุปัฏฐากก็ให้พวกนี้กราบๆ ไป[br]แล้วก็ออกไปเลย 0:15:29.516,0:15:35.981 แล้วก็เปิดโอกาสให้หลวงพ่อส่งการบ้าน 0:15:35.981,0:15:41.004 นี่เราอยู่ในบรรยากาศที่อบอุ่น 0:15:41.004,0:15:46.689 แต่ไม่ใช่อบอุ่นแบบลูกแหง่ 0:15:46.689,0:15:50.988 ครูบาอาจารย์ไม่ได้มาประคบประหงมเรา 0:15:50.988,0:15:56.821 แต่ดูแลให้เราภาวนา 0:15:56.821,0:16:01.597 ตอนแรกหลวงพ่อก็เลยนึกว่า [br]โอ้ พระกรรมฐานดีทุกองค์ 0:16:01.597,0:16:04.359 เพราะเราเข้าไปวัดไหนก็เจอครูบาอาจารย์ 0:16:04.359,0:16:07.261 ท่านก็ดีทั้งนั้นเลย 0:16:07.261,0:16:11.189 เลยนึกว่าพระปฏิบัติจะต้องดีทุกองค์ 0:16:11.189,0:16:14.923 กว่าจะฉลาดก็โง่มาก่อนทั้งนั้นล่ะ 0:16:14.923,0:16:18.157 ก็มีดีบ้างไม่ดีบ้าง 0:16:18.157,0:16:23.881 ฉะนั้นอย่างบางทีพวกเราร่อนเร่[br]ไปที่โน้นที่นี่ 0:16:23.881,0:16:26.868 มีบุญก็เจอที่ดีๆ 0:16:26.868,0:16:35.668 อกุศลให้ผลก็เจอที่หลอกๆ ถมเถไป 0:16:35.668,0:16:37.602 สิ่งที่จะช่วยเราได้มากที่สุด 0:16:37.602,0:16:40.694 เราแยกแยะยาก 0:16:40.694,0:16:43.029 ว่าครูบาอาจารย์องค์ไหนดีหรือไม่ดี 0:16:43.029,0:16:46.194 อย่างจะมาเชื่อว่าหลวงพ่อดีนี่โง่ 0:16:46.194,0:16:49.127 รู้ได้อย่างไรว่าหลวงพ่อดี 0:16:49.127,0:16:52.793 เป็นแค่ความเชื่อของเรา เชื่อตามๆ กัน 0:16:52.793,0:16:55.851 นั่นเป็นความไม่ฉลาดเลย 0:16:55.851,0:16:57.740 ฉะนั้นสิ่งที่จะช่วยเราได้มาก 0:16:57.740,0:17:02.604 คือการอ่านตำรับตำราไว้บ้าง 0:17:02.604,0:17:04.021 อ่านพระไตรปิฎกอะไรอย่างนี้ 0:17:04.021,0:17:07.455 จับหลักการปฏิบัติให้แม่นๆ 0:17:07.455,0:17:10.290 หรืออย่างฟังหลวงพ่อ 0:17:10.290,0:17:14.375 จับหลักให้แม่นแล้วไปลงมือทำ 0:17:14.375,0:17:20.258 ไม่ต้องเชื่อแต่ไม่ได้ปฏิเสธ 0:17:20.258,0:17:23.166 เวลาเราฟังธรรมะ 0:17:23.166,0:17:26.075 ถ้าเป็นหลวงพ่อฟัง 0:17:26.075,0:17:29.084 เราก็จะดูว่าคำสอนนี้ 0:17:29.084,0:17:32.634 สอดคล้องกับพระไตรปิฎกไหม 0:17:32.634,0:17:36.851 ถ้าไม่สอดคล้อง เราสังเกตต่อ 0:17:36.851,0:17:40.716 ไม่สอดคล้องที่ Wording ที่คำพูด 0:17:40.716,0:17:44.140 อย่างครูบาอาจารย์บางองค์[br]ท่านไม่ได้เรียนปริยัติเลย 0:17:44.140,0:17:47.274 ท่านก็ใช้ภาษาตามสะดวกของท่าน 0:17:47.274,0:17:50.036 เราก็ต้องฟังดู 0:17:50.036,0:17:56.184 ว่าเนื้อหาสาระที่ท่านเทศน์นี่ถูกต้องไหม 0:17:56.184,0:18:02.069 บางทีโดยพยัญชนะโดยภาษา[br]โดยตัวหนังสือไม่ถูก 0:18:02.069,0:18:05.268 แต่โดยเนื้อหาแล้วถูก อย่างนี้ก็มี 0:18:05.268,0:18:08.552 ฉะนั้นถ้าเราได้ปฏิบัติด้วย 0:18:08.552,0:18:14.201 ได้อ่านตำราด้วย จะช่วยให้เราคัดกรอง 0:18:14.201,0:18:22.916 ก็จะได้ไม่หลงตกเป็นเหยื่อ 0:18:22.916,0:18:25.400 ถ้าเราภาวนาไปถึงช่วงหนึ่ง 0:18:25.400,0:18:31.082 เราจะเข้าใจอันไหนจริงอันไหนไม่จริง 0:18:31.082,0:18:35.632 มันรู้ด้วยตัวเองได้ 0:18:35.632,0:18:40.568 บางทีรู้แล้วแต่มันไม่สนองกิเลส 0:18:40.568,0:18:43.046 บางคนอ่อนแอ 0:18:43.046,0:18:48.311 อยากได้ครูบาอาจารย์ที่คอยโอ๋อย่างนี้ก็มี 0:18:48.311,0:18:50.393 อยากได้ครูบาอาจารย์ที่คอยโอ๋ 0:18:50.393,0:18:55.292 อยู่กับหลวงพ่อไม่ได้ เพราะหลวงพ่อไม่โอ๋ 0:18:55.292,0:18:59.751 แบบนี้พอเขาทนไม่ไหว[br]เขาก็ต้องไปหาที่เรียนที่อื่น 0:18:59.751,0:19:04.046 ที่มีครูบาอาจารย์คอยโอ๋อยู่ 0:19:04.046,0:19:08.667 สิ่งที่หลวงพ่อพยายามสอนพวกเรา 0:19:08.667,0:19:11.453 คือเรียนให้รู้เรื่องฟังให้รู้เรื่องก่อน 0:19:11.453,0:19:14.553 รู้แนวแล้วเอาไปลงมือทำ 0:19:14.553,0:19:18.835 ลงมือทำแล้วก็วัดผลด้วยตัวเอง 0:19:18.835,0:19:21.131 ที่เราปฏิบัตินี่ 0:19:21.131,0:19:24.498 เกิดความเปลี่ยนแปลงในตัวเองไหม 0:19:24.498,0:19:26.747 มักน้อยสันโดษบ้างไหม 0:19:26.747,0:19:31.747 คลุกคลีน้อยลงไหม สังเกตตัวเองไป 0:19:31.747,0:19:34.647 ใฝ่หาความสงบวิเวกบ้างไหม 0:19:34.647,0:19:37.929 หรือกระดี๊กระด๊าอยู่ตลอดเวลา 0:19:37.929,0:19:43.079 วัดใจตัวเองวัดความเปลี่ยนแปลงของตัวเองไป 0:19:43.079,0:19:48.330 ละเอียดขึ้นมาก็ใจคิดถึงการปฏิบัติบ่อยไหม 0:19:48.330,0:19:52.597 นานๆ คิดทีอะไรอย่างนี้ไม่ได้กินหรอก 0:19:52.597,0:19:54.613 ถ้าเราภาวนา 0:19:54.613,0:19:58.494 อย่างฟังหลวงพ่อไปแล้วเจริญสติรู้กายรู้ใจ 0:19:58.494,0:20:03.545 ตามความเป็นจริง[br]ด้วยจิตตั้งมั่นและเป็นกลาง 0:20:03.545,0:20:08.397 ในเวลาไม่นาน[br]เราจะเห็นความเปลี่ยนแปลงของตัวเอง 0:20:08.397,0:20:10.733 เคยโกหกหน้าตาย 0:20:10.733,0:20:14.599 เวลาจะโกหกแล้วคราวนี้ชักละอายใจแล้ว 0:20:14.599,0:20:17.323 อย่างนี้ถือว่ามีพัฒนาการ 0:20:17.323,0:20:19.967 เลวแล้วรู้ว่าเลว 0:20:19.967,0:20:24.283 มุสาวาทไม่ดีหรอก แล้วเรารู้ว่ามันไม่ดี 0:20:24.283,0:20:27.700 มันเคยชินที่จะพูดไม่ดี 0:20:27.700,0:20:30.987 ฉะนั้นเวลาพูดไปแล้ว บางทีมันหลุดปากออกไป 0:20:30.987,0:20:35.255 มันละอายใจ อย่างนี้ถือว่าก้าวหน้า 0:20:35.255,0:20:40.643 ชั่วแล้วรู้ว่าชั่ว ก้าวหน้า 0:20:40.643,0:20:43.826 ก็สังเกตได้ด้วยตัวเอง 0:20:43.826,0:20:48.782 หรือบางคนบอกทำสมาธิจิตไม่เคยมีสมาธิเลย 0:20:48.782,0:20:54.077 แต่มามีสติรู้กายรู้ใจ[br]ตามความเป็นจริงไปเรื่อยๆ 0:20:54.077,0:20:58.260 อยู่ๆ มันมีความสุขผุดขึ้นมาเอง 0:20:58.260,0:21:02.159 ความสุขผุดขึ้นมาโดยที่เราไม่ได้ทำอะไร 0:21:02.159,0:21:05.143 นั่นล่ะจิตมันมีสมาธิ 0:21:05.143,0:21:08.277 มีสมาธิตามธรรมชาติแล้ว 0:21:08.277,0:21:13.126 มีความสุขผุดขึ้นมาเป็นระยะๆ 0:21:13.126,0:21:15.630 คล้ายๆ เป็นรางวัลปลอบใจ 0:21:15.630,0:21:20.945 ให้เราเข้มแข็งในการปฏิบัติต่อไป 0:21:20.945,0:21:27.301 อย่างช่วงแรกๆ ที่เราภาวนา [br]เรายังไม่เห็นผลที่สำคัญ 0:21:27.301,0:21:30.767 อย่างเรายังไม่ถึงมรรคถึงผลอะไรอย่างนี้ 0:21:30.767,0:21:38.406 ยังไม่เห็นความเปลี่ยนแปลง[br]แบบพลิกฟ้าคว่ำดิน ยังไม่เห็น 0:21:38.406,0:21:42.389 มันมีความสุขผุดขึ้นมาเป็นระยะๆ 0:21:42.389,0:21:44.995 บางที 3 วันผุดขึ้นมาทีหนึ่ง 0:21:44.995,0:21:47.219 อาทิตย์หนึ่งผุดขึ้นมาทีหนึ่ง 0:21:47.219,0:21:49.853 มันก็มีกำลังใจ 0:21:49.853,0:21:53.572 มีกำลังใจ ธรรมะนี้ดี 0:21:53.572,0:21:58.577 ปฏิบัติแล้วอยู่ๆ มีความสุขผุดขึ้นมาได้ 0:21:58.577,0:22:02.293 ก็จะขยันภาวนา 0:22:02.293,0:22:05.695 เวลาหลวงพ่อภาวนาแต่ก่อน 0:22:05.695,0:22:11.612 ความสุขมันมีอยู่แล้วล่ะ[br]เพราะนั่งสมาธิมานาน 0:22:11.612,0:22:14.678 แต่บางครั้งมันเกิดปัญญา 0:22:14.678,0:22:19.972 เกิดความรู้ความเข้าใจ[br]บางสิ่งบางอย่างขึ้นมา 0:22:19.972,0:22:22.887 พอมีความรู้ความเข้าใจผุดขึ้นมาทีหนึ่ง 0:22:22.887,0:22:25.538 เราก็มีความสุขหลายวัน 0:22:25.538,0:22:28.153 แต่ก็ไม่เกิน 7 วัน 0:22:28.153,0:22:31.387 แล้วพอมีความรู้อย่างนี้ผุดขึ้นมา 0:22:31.387,0:22:34.670 เราก็มีการบ้านไปส่งครูบาอาจารย์แล้ว 0:22:34.670,0:22:36.949 ก็จะไปเล่าถวายท่าน 0:22:36.949,0:22:40.399 ว่าผมภาวนาแล้วมันมีอาการอย่างนี้ 0:22:40.399,0:22:45.049 ผมจัดการมันอย่างนี้ๆ ทำอย่างนี้ 0:22:45.049,0:22:49.016 ที่กระผมทำอยู่นี่ถูกหรือไม่ถูก 0:22:49.016,0:22:51.333 ถ้าไม่ถูกครูบาอาจารย์ช่วยบอกด้วย 0:22:51.333,0:22:56.392 ถ้าถูกแล้วครูบาอาจารย์ช่วยแนะนำ 0:22:56.392,0:23:02.908 วิธีปฏิบัติที่ยิ่งๆ กว่านี้ที่ดีกว่านี้อีก 0:23:02.908,0:23:07.401 ส่วนใหญ่ท่านก็จะบอกว่าที่ทำน่ะถูกแล้ว [br]ให้ทำต่อไป 0:23:07.401,0:23:10.914 อันนี้เป็นการวัด 0:23:10.914,0:23:15.024 ฉะนั้นการวัดมี 2 อัน อันหนึ่งวัดใจตัวเอง 0:23:15.024,0:23:17.474 สติเกิดบ่อยขึ้นไหม 0:23:17.474,0:23:22.321 ทำผิดศีลได้หน้าตาเฉย[br]หรือว่าละอายใจบ้างหรือยัง 0:23:22.321,0:23:25.385 สมาธิเกิดขึ้นบ้างไหม 0:23:25.385,0:23:28.185 นี้เราวัดใจตัวเอง 0:23:28.185,0:23:32.618 มีโอกาสเจอครูบาอาจารย์บางทีเราก็ต้องถาม 0:23:32.618,0:23:37.484 ที่ผมทำอยู่นี่ มันถูกไหม 0:23:37.484,0:23:41.468 ถ้าถูกแล้วทำอย่างไรมันจะดีกว่านี้อีก 0:23:41.468,0:23:44.684 ท่านก็จะบอกว่าทำต่อไป 0:23:44.684,0:23:48.385 ถ้าบอกว่าทำต่อไปแสดงว่าทำถูกแล้ว 0:23:48.385,0:23:53.401 ถ้าทำไม่ถูกเดี๋ยวท่านก็บอกเองล่ะ 0:23:53.401,0:23:56.601 เห็นไหมไม่มีไปอ้อนเลย 0:23:56.601,0:23:59.319 “หลวงปู่ครับหลวงปู่” ต้องทำเสียงอ้อนๆ 0:23:59.319,0:24:02.539 “หลวงปู่ครับอย่างโน้นอย่างนี้ 0:24:02.539,0:24:04.657 ผมอย่างโน้นผมอย่างนี้ 0:24:04.657,0:24:08.307 ผมอยากปฏิบัติ แต่ๆๆๆๆ” 0:24:08.307,0:24:11.209 เต็มไปด้วยคำว่าแต่ 0:24:11.209,0:24:14.556 เจอหลวงปู่ปราโมทย์โดนเบิ๊ดกะโหลกเลย 0:24:14.556,0:24:16.789 เงื่อนไขเยอะ 0:24:16.789,0:24:22.351 ตั้งใจภาวนา สู้เอา แล้วสังเกตตัวเอง 0:24:22.351,0:24:24.468 การปฏิบัติมันก็ไม่ได้ยากอะไร 0:24:24.468,0:24:27.553 ขั้นแรกถือศีล 5 ข้อไว้ก่อน 0:24:27.553,0:24:30.583 ศีล 8 ถือเป็นครั้งคราว 0:24:30.583,0:24:34.552 เป็นฆราวาสทำงานหนักๆ 0:24:34.552,0:24:38.900 อดข้าวเย็นทุกวันเดี๋ยวก็เป็นโรคกระเพาะ 0:24:38.900,0:24:42.419 ก็ดูสภาวะของตัวเอง 0:24:42.419,0:24:49.200 ผู้หญิงบางคนมีสามีแล้วก็ปฏิญาณตนถือศีล 8 0:24:49.200,0:24:51.081 ไม่ให้สามีถูกตัว 0:24:51.081,0:24:54.398 บอกไม่เอาแล้วฉันจะไปนิพพานแล้ว 0:24:54.398,0:24:56.931 ลูกผัวฉันไม่เอาแล้ว 0:24:56.931,0:24:59.315 พอสามีไปมีผู้หญิงอื่น 0:24:59.315,0:25:02.014 คราวนี้นิพพานไม่เอาแล้ว 0:25:02.014,0:25:06.715 อาละวาดแล้ว ร้องห่มร้องไห้ 0:25:06.715,0:25:09.115 คุณแม่จะได้ยินเรื่องพวกนี้บ่อย 0:25:09.115,0:25:13.564 คนชอบมาร้องห่มร้องไห้ 0:25:13.564,0:25:16.798 นี่ถือศีลเกินฐานะ 0:25:16.798,0:25:21.596 เป็นฆราวาส แหม อยากถือศีล 8 อะไรอย่างนี้ 0:25:21.596,0:25:25.947 พอสามีไม่ยอมด้วย ทนไม่ได้ 0:25:25.947,0:25:28.997 กรรมฐานที่ฝึกไว้ล่มเลย 0:25:28.997,0:25:32.464 ฉะนั้นถือศีลให้พอดีกับตัว ให้พอดี 0:25:32.464,0:25:37.331 ถือศีลนี่เอาแบบลำบากนิดๆ 0:25:37.331,0:25:41.117 ข่มใจนิดๆ ไม่ต้องข่มใจแบบหักดิบ 0:25:41.117,0:25:43.549 มันจะไม่ไหว 0:25:43.549,0:25:47.782 พอไม่ไหวนี่ต่อไปใจมันฝ่อ 0:25:47.782,0:25:51.082 อย่างตั้งใจว่าจะประพฤติพรหมจรรย์ 0:25:51.082,0:25:53.799 แล้วทำไม่ได้ใจมันฝ่อ 0:25:53.799,0:25:57.815 แต่ตั้งใจว่า[br]ไม่ไปผิดลูกผิดเมียใครเขาอย่างนี้ 0:25:57.815,0:25:59.434 เห็นเมียคนอื่นสวย 0:25:59.434,0:26:04.135 ข่มใจตัวเองนิดหน่อย อย่างนี้ดี 0:26:04.135,0:26:08.175 ใจมันจะค่อยๆ เข้มแข็งขึ้น 0:26:08.175,0:26:14.174 ศีลต้องรักษา สมาธิต้องทำ 0:26:14.174,0:26:15.892 หลวงพ่อเคยพลาด 0:26:15.892,0:26:20.325 พลาดหลายครั้งเรื่องไม่อยากทำสมาธิ 0:26:20.325,0:26:21.874 เพราะทำมาแต่เด็ก 0:26:21.874,0:26:24.783 ทำแล้วก็รู้สึกมันไม่ได้อะไร 0:26:24.783,0:26:27.083 ได้แต่ความสงบ ก็ขี้เกียจทำแล้ว 0:26:27.083,0:26:31.349 มาเจริญปัญญารู้สึก แหม ดีๆ 0:26:31.349,0:26:33.683 พอสมาธิเรากำลังไม่พอเมื่อไร 0:26:33.683,0:26:36.799 การเจริญปัญญาจะผิดทันทีเลย 0:26:36.799,0:26:39.950 วิปัสสนูปกิเลสจะเกิด 0:26:39.950,0:26:43.463 เคยเกิดวิปัสสนูหลายแบบ 0:26:43.463,0:26:47.360 ประเภทว่างอย่างนี้ พวกเราจะเจอบ่อย 0:26:47.360,0:26:49.239 ดูจิตๆ แล้วมันว่างไป 0:26:49.239,0:26:51.819 แล้วก็ยินดีพอใจในความว่าง 0:26:51.819,0:26:54.836 แล้วติดอยู่ในความว่าง 0:26:54.836,0:26:58.802 ตัวนี้ก็ไปไม่รอดก็อยู่แค่นั้น 0:26:58.802,0:27:02.102 หลวงพ่อเคยเจออีก 2 - 3 แบบ 0:27:02.102,0:27:05.436 แบบหนึ่งสติเข้มแข็งมากเลย 0:27:05.436,0:27:08.819 เข้มแข็งถึงขนาดมันแยกสภาวะ 0:27:08.819,0:27:13.002 แยกรูปธรรมนามธรรมได้ละเอียดยิบเลย 0:27:13.002,0:27:16.402 มองอากาศข้างหน้าสติมันแข็งแรงมาก 0:27:16.402,0:27:19.678 เห็นอากาศนี่จริงๆ แล้วเป็นเม็ดๆ 0:27:19.678,0:27:22.475 เห็นอย่างนั้น 0:27:22.475,0:27:25.343 หรือบางทีเกิดปัญญามาก 0:27:25.343,0:27:29.928 ภาวนาแล้ว[br]ก็เกิดความรู้ความเข้าใจอะไรขึ้นมา 0:27:29.928,0:27:34.132 แล้วก็พยายามจำไว้ โอ้ ธรรมะอันนี้ดี 0:27:34.132,0:27:37.235 พอภาวนาไปอีก อ้าว เกิดความรู้อีกแล้ว 0:27:37.235,0:27:39.250 ก็จำเอาไว้อีก 0:27:39.250,0:27:43.652 แค่อาทิตย์เดียวมีสภาวะเหมือนคนบ้า 0:27:43.652,0:27:46.834 ไม่ได้บ้าจริงหมายถึงเทียบให้ฟัง 0:27:46.834,0:27:48.428 เหมือนคนบ้าชนิดที่ว่า 0:27:48.428,0:27:52.971 ไปไหนก็เดินแบกตู้พระไตรปิฎกไป 0:27:52.971,0:27:55.571 คนดีที่ไหนจะไปทำอย่างนั้น 0:27:55.571,0:27:59.638 เรา เอ๊ เราต้องผิดที่ไหนสักที่หนึ่ง 0:27:59.638,0:28:03.289 ทำไมภาวนาแล้วแทนที่ใจจะโปร่งโล่งเบา 0:28:03.289,0:28:05.472 คลายความยึดถือ 0:28:05.472,0:28:09.240 นี่เรากลับไปยึดถือปัญญามากมาย 0:28:09.240,0:28:11.939 เห็นเกิดความรู้ถูกเข้าใจถูก 0:28:11.939,0:28:13.839 มีปัญญาขึ้นมาแล้วเสียดาย 0:28:13.839,0:28:17.723 เก็บๆๆ ใส่สมองไว้เต็มไปหมดเลย 0:28:17.723,0:28:21.076 อันนั้นก็รู้อันนี้ก็รู้ 0:28:21.076,0:28:25.908 นี่ก็เป็นวิปัสนูอย่างหนึ่ง รู้เยอะไป 0:28:25.908,0:28:31.406 เหมือนปัญญามากมาย ก็ใช้ไม่ได้ 0:28:31.406,0:28:34.204 ภาวนาแล้วก็ยิ่งหนักขึ้นๆ 0:28:34.204,0:28:36.104 แสดงว่าผิดแล้วล่ะ 0:28:36.104,0:28:39.170 ภาวนาแล้วมันต้องปล่อยวางได้ 0:28:39.170,0:28:43.969 ไม่ใช่ภาวนาแล้วยิ่งยึดถือ 0:28:43.969,0:28:48.732 แล้วปล่อยวาง[br]ต้องให้จิตมันปล่อยวางด้วยปัญญา 0:28:48.732,0:28:51.432 ไม่ใช่แกล้งปล่อย 0:28:51.432,0:28:55.065 หลวงพ่อเคยอ่านหนังสือของเซน 0:28:55.065,0:28:57.733 อ่านแล้วใจเราโล่งๆ ว่างๆ 0:28:57.733,0:29:00.014 รู้สึกอย่างนี้ดี 0:29:00.014,0:29:03.364 ก็น้อมจิตไปอยู่กับใจที่ว่างๆ โล่ง 0:29:03.364,0:29:07.134 เห็นโลกนี้ว่างไปหมด อะไรๆ ก็ว่าง 0:29:07.134,0:29:11.830 คิดว่าดี เสร็จแล้วก็พบว่าไม่ใช่หรอก 0:29:11.830,0:29:14.930 นี่เราปรุงแต่งขึ้นมา 0:29:14.930,0:29:20.080 ฉะนั้นเวลาเราภาวนาก็ต้องค่อยสังเกตไป 0:29:20.080,0:29:23.053 อะไรที่ภาวนาไปแล้ว 0:29:23.053,0:29:25.705 มันขัดกับคำสอนของพระพุทธเจ้า 0:29:25.705,0:29:27.803 สภาวะอะไรเกิดขึ้นนี่ 0:29:27.803,0:29:31.644 เป็นไปเพื่อความปล่อยวาง[br]หรือเพื่อความยึดถือ 0:29:31.644,0:29:35.680 สภาวะทั้งหลายตกอยู่ใต้ไตรลักษณ์ไหม 0:29:35.680,0:29:40.045 ถ้าภาวนาแล้วไม่เข้าหลักไตรลักษณ์[br]ผิดแน่นอน 0:29:40.045,0:29:41.977 หรือที่เราปฏิบัติอยู่นี่ 0:29:41.977,0:29:46.090 เป็นสมถะหรือเป็นวิปัสสนาต้องแยกให้ออก 0:29:46.090,0:29:49.657 ถ้าแยกไม่ออกเราก็หลงทำสมถะอยู่ 0:29:49.657,0:29:51.573 แล้วเราก็คิดฟุ้งซ่านไป 0:29:51.573,0:29:53.931 แล้วบอกเราเกิดปัญญา 0:29:53.931,0:29:56.289 อันนี้ก็ใช้ไม่ได้ 0:29:56.289,0:30:00.333 หรือบางทีเดินปัญญามากสมาธิไม่พอ 0:30:00.333,0:30:01.685 อันนี้ก็ใช้ไม่ได้ 0:30:01.685,0:30:04.271 ต้องสังเกตตัวเอง 0:30:04.271,0:30:06.186 ไม่ต้องรอถามครูบาอาจารย์ 0:30:06.186,0:30:10.452 นานๆ จะมีโอกาสถามครูบาอาจารย์[br]สักครั้งหนึ่ง 0:30:10.452,0:30:14.016 แต่สติปัญญามันอยู่กับตัวเราทุกวัน 0:30:14.016,0:30:18.400 อาศัยสิ่งที่อยู่กับตัวเรานี่ล่ะ 0:30:18.400,0:30:23.366 คอยสังเกตสิ่งที่เราทำอยู่นี่ 0:30:23.366,0:30:26.433 ทำให้อกุศลลดลงไหม 0:30:26.433,0:30:29.120 ทำให้อกุศลเกิดยากขึ้นไหม 0:30:29.120,0:30:31.766 ทำให้กุศลเกิดบ่อยไหม 0:30:31.766,0:30:36.251 เกิดแล้วถี่ขึ้นๆ ไหม หรือนานๆ เกิดที 0:30:36.251,0:30:43.198 นี่วัดใจตัวเอง สังเกตไป ดูไปเรื่อยๆ 0:30:43.198,0:30:46.733 การสังเกตกิเลสเป็นเรื่องสำคัญ 0:30:46.733,0:30:51.232 ภาวนาแล้วสังเกตกิเลสออกนี่ดีมากๆ เลย 0:30:51.232,0:30:55.332 ในเบื้องต้นจิตใจเรามีกิเลสอะไร เราคอยรู้ 0:30:55.332,0:30:58.765 ก็จะเห็นทุกสิ่งทุกอย่างเกิดแล้วดับ 0:30:58.765,0:31:01.899 ต่อไปพอเราเข้าใจธรรมะ 0:31:01.899,0:31:05.467 ตรงที่เราคิดว่าเราบรรลุมรรคผล 0:31:05.467,0:31:08.732 เราก็จะวัดว่าบรรลุจริงหรือไม่จริง 0:31:08.732,0:31:11.942 วัดที่ไหน วัดที่กิเลส 0:31:11.942,0:31:14.422 อย่างเราภาวนาแล้วจิตเรารวมวูบลงไป 0:31:14.422,0:31:16.762 ถอยออกมา 0:31:16.762,0:31:21.028 หลายคนรีบสรุปเลย ได้โสดาบัน 0:31:21.028,0:31:24.710 จะได้หรือไม่ได้ วิญญูชนต้องสังเกตเอา 0:31:24.710,0:31:26.465 ไม่มีใครเขาบอกกันหรอก 0:31:26.465,0:31:28.815 เพราะบอกแล้วมันอันตราย 0:31:28.815,0:31:30.948 บางทีเขาก็หลอกเอา 0:31:30.948,0:31:34.481 ไปภาวนา เฮ้ย ได้โสดาบันแล้ว 0:31:34.481,0:31:37.742 เขาให้ตำแหน่งก็ดีใจ 0:31:37.742,0:31:41.142 มีเงินมีทองก็ยกให้เขาอะไรอย่างนี้ 0:31:41.142,0:31:44.593 หรือเลื่อมใสศรัทธางมงายไปเลย 0:31:44.593,0:31:48.733 เพราะฉะนั้นถ้าเราภาวนาแล้วเราคิดว่า[br]เราได้โสดาบัน 0:31:48.733,0:31:53.401 หรือภาวนาแล้วมีใครมารับรองเรา[br]ว่าได้โสดาบัน 0:31:53.401,0:31:55.920 ทั้ง 2 นัยยะ คิดเอง 0:31:55.920,0:31:59.338 หรือมีใครมาบอกก็ตาม 0:31:59.338,0:32:02.689 ให้สังเกตที่กิเลส 0:32:02.689,0:32:08.255 พระโสดาบันละกิเลสบางอย่างได้เด็ดขาดแล้ว 0:32:08.255,0:32:11.025 ละสักกายทิฏฐิ 0:32:11.025,0:32:15.672 คือละความเห็นว่าตัวเรามีอยู่จริง 0:32:15.672,0:32:17.889 มีตัวมีตน 0:32:17.889,0:32:21.389 แล้วสังเกตลงไปว่ามีไหม 0:32:21.389,0:32:24.988 อย่างบางทีภาวนาจิตมันว่างๆ ไป 0:32:24.988,0:32:27.638 แล้วบอกว่าตัวเราไม่มีแล้ว 0:32:27.638,0:32:31.304 บอกใจเย็นๆ ดูไปหลายๆ วัน 0:32:31.304,0:32:34.757 ตอนที่สมาธิเสื่อมลง 0:32:34.757,0:32:37.472 จิตใจเป็นคนธรรมดานั่นล่ะ 0:32:37.472,0:32:41.571 ดูสิมันจะมีตัวเราอีกไหม 0:32:41.571,0:32:46.170 บางทีพอจิตมันทรงสมาธิอยู่ 0:32:46.170,0:32:52.672 ก็มองตัวเราไม่เห็น มันสบาย มันว่างๆ 0:32:52.672,0:32:57.437 พอสมาธิเสื่อมก็ไม่มีตัวเรา มีแต่ตัวกู 0:32:57.437,0:32:59.922 หนักกว่าตัวเราอีก 0:32:59.922,0:33:04.337 นี่สังเกตเอามันละได้จริงหรือเปล่า 0:33:04.337,9:59:59.000 บางคนก็ภาวนาเขานึกว่าได้โสดาบัน 9:59:59.000,9:59:59.000 หรือมีคนรับรองว่าได้โสดาบัน 9:59:59.000,9:59:59.000 ก็ดูลงไปที่ตัวเอง ละสักกายทิฏฐิได้ไหม 9:59:59.000,9:59:59.000 ศีล 5 ของเราดีไหม 9:59:59.000,9:59:59.000 ถ้าศีล 5 ยังด่างพร้อยอยู่ ยังไม่ใช่หรอก 9:59:59.000,9:59:59.000 เพราะฉะนั้นวัดตรงนี้ วัดที่กิเลสของเรานี่ 9:59:59.000,9:59:59.000 ถ้ากิเลสยังหยาบๆ จนทำผิดศีลได้ ไม่ใช่หรอก 9:59:59.000,9:59:59.000 ค่อยๆ สังเกตเอา 9:59:59.000,9:59:59.000 พวกที่ชอบพยายามมาถามหลวงพ่อว่าได้โสดาบันหรือยัง 9:59:59.000,9:59:59.000 บางคนหนักกว่านั้น มาบอกว่าได้โสดาบันแล้ว 9:59:59.000,9:59:59.000 เคยเจอหนักที่สุดเป็นพระ บอกได้พระอรหันต์แล้ว 9:59:59.000,9:59:59.000 หลวงพ่อบอกยังไม่ได้หรอก 9:59:59.000,9:59:59.000 จิตใจเศร้าหมองเลย มัว ขุ่นมัว เศร้าหมองไปหมด 9:59:59.000,9:59:59.000 บอกเห็นไหมจิตมีโทสะแล้ว เห็น ไม่ใช่พระอนาคามีหรอก 9:59:59.000,9:59:59.000 วัดกันด้วยกิเลสอย่างนี้ ไล่ๆๆๆ ต้อนลงไปเรื่อยๆ 9:59:59.000,9:59:59.000 เพราะฉะนั้นใครบอกเราได้โน้นได้นี่ อย่าเพิ่งเชื่อ 9:59:59.000,9:59:59.000 หรือเราภาวนาแล้วเราเชื่อของเราเอง 9:59:59.000,9:59:59.000 ก็อย่าเชื่อ 100 เปอร์เซ็นต์สังเกตกิเลสไปนานๆ 9:59:59.000,9:59:59.000 เมื่อก่อนมีครูบาอาจารย์องค์หนึ่งชื่อหลวงพ่อกิม 9:59:59.000,9:59:59.000 หลวงพ่อกิมนี่ภาษาเขมรไม่ใช่ภาษาจีน 9:59:59.000,9:59:59.000 เป็นคนสุรินทร์ 9:59:59.000,9:59:59.000 หลวงพ่อกิมบอกว่าไปภาวนานี่ 9:59:59.000,9:59:59.000 ถ้าไม่มีครูบาอาจารย์ แล้วคิดว่าบรรลุอะไรแล้วนี่ 9:59:59.000,9:59:59.000 ให้ดู 3 เดือน 9:59:59.000,9:59:59.000 ดูไปเรื่อยๆ 3 เดือนนี้กิเลสจะกลับมาไหม 9:59:59.000,9:59:59.000 กระทั่งคิดว่าเป็นพระอรหันต์ ดูไป 3 เดือนเดี๋ยวก็เจอ 9:59:59.000,9:59:59.000 แต่ถ้าตั้งใจว่าเราเป็นไปแล้ว เชื่อไปแล้ว 9:59:59.000,9:59:59.000 คราวนี้ไม่ยอมดูแล้ว ไม่กล้าดู 9:59:59.000,9:59:59.000 หลายคนภาวนาได้ใบเซอร์ฯมาจากที่อื่น บอกไม่กล้าดูแล้ว 9:59:59.000,9:59:59.000 เพราะว่ากลัวจะไม่ได้เป็นโสดาบัน 9:59:59.000,9:59:59.000 ไปเรียนสะเปะสะปะ อันตราย 9:59:59.000,9:59:59.000 รู้ปริยัติไว้บ้างก็ดี เอาไว้ตรวจสอบตัวเอง 9:59:59.000,9:59:59.000 เคยได้ยินคำว่าโยนิโสมนสิการไหม 9:59:59.000,9:59:59.000 โยนิโสมนสิการ การพิจารณาโดยแยบคาย 9:59:59.000,9:59:59.000 คำว่าแยบคายไม่ใช่เจ้าเล่ห์แสนกล 9:59:59.000,9:59:59.000 แยบคายนี่ก็คือดูว่าอันนี้สอดคล้องกับคำสอนของพระพุทธเจ้าและพระอรหันตสาวกทั้งหลายไหม 9:59:59.000,9:59:59.000 แยบคายตรงนี้คือดูว่ามันสอดคล้องไหม 9:59:59.000,9:59:59.000 วันนี้สอนวิธีตรวจสอบตัวเอง 9:59:59.000,9:59:59.000 เราจะได้ไม่งมงาย ไม่ต้องฟังใคร 9:59:59.000,9:59:59.000 หลวงพ่อภาวนาหลวงพ่อไม่เคยสงสัยตัวเองเลย 9:59:59.000,9:59:59.000 ภาวนาอย่างไร เพราะเราตรวจสอบตัวเองเสมอ 9:59:59.000,9:59:59.000 บางทีเข้าไปหาครูบาอาจารย์ก็ไปเล่าให้ท่านฟัง 9:59:59.000,9:59:59.000 ท่านก็ชมว่าฉลาดๆ คอยรู้ทันจิตใจตัวเอง 9:59:59.000,9:59:59.000 ถ้าได้โสดาบัน สกทาคามี 9:59:59.000,9:59:59.000 ศีลของเราต้องบริบูรณ์ สมาธิยังเล็กน้อย แต่ว่าละกิเลสไปอีกกลุ่มหนึ่ง 9:59:59.000,9:59:59.000 ละความเห็นผิดว่าในขันธ์ 5 นี่มีตัวเราอยู่ 9:59:59.000,9:59:59.000 หรือมีตัวเรานอกเหนือจากขันธ์ 5 เป็นอย่างไร 9:59:59.000,9:59:59.000 ตัวเรานอกขันธ์ 5 บางคนนั่งสมาธิ 9:59:59.000,9:59:59.000 ถอดจิตออกไปอยู่ข้างบน 9:59:59.000,9:59:59.000 ย้อนมาดู ขันธ์ 5 มันอยู่ข้างล่าง 9:59:59.000,9:59:59.000 นี่มีตัวเราอยู่นอกขันธ์ 5 อีก มีตัวเรา 9:59:59.000,9:59:59.000 ขันธ์ 5 เป็นตัวเรา ตัวเราเป็นขันธ์ 5 อะไรอย่างนี้ 9:59:59.000,9:59:59.000 ถ้าได้จริงจะไม่มี 9:59:59.000,9:59:59.000 มันจะรู้เลยขันธ์ 5 ไม่ใช่ตัวเรา 9:59:59.000,9:59:59.000 ไม่มีตัวเรานอกเหนือจากขันธ์ 5 ก็ไม่มี 9:59:59.000,9:59:59.000 ความลังเลสงสัยในพระรัตนตรัยจะไม่มี 9:59:59.000,9:59:59.000 ถ้าเราได้โสดาบัน 9:59:59.000,9:59:59.000 เราจะไม่สงสัยว่าพระพุทธเจ้ามีจริงไหม 9:59:59.000,9:59:59.000 พระพุทธเจ้าตรัสรู้จริงไหม 9:59:59.000,9:59:59.000 สิ่งที่พระพุทธเจ้าสอนนี่นำเราพ้นทุกข์ได้จริงไหม 9:59:59.000,9:59:59.000 จะไม่สงสัยในตัวพระพุทธเจ้าเลย 9:59:59.000,9:59:59.000 เด็กยุคนี้บอกพระพุทธเจ้าไม่มีหรอก 9:59:59.000,9:59:59.000 คิดอย่างนั้นเลย 9:59:59.000,9:59:59.000 พูดไปทั้งๆ ที่ไม่ได้พิสูจน์ พูดด้วยความเห็น 9:59:59.000,9:59:59.000 แล้วความเห็นตัวนั้นเป็นความเห็นผิด 9:59:59.000,9:59:59.000 ความเห็นที่ไม่ทนต่อการพิสูจน์ 9:59:59.000,9:59:59.000 แต่พอถ้าภาวนาได้ธรรมะแล้ว 9:59:59.000,9:59:59.000 จะรู้พระพุทธเจ้ามีจริง 9:59:59.000,9:59:59.000 คำสอนของท่านมีจริง พาพ้นทุกข์ได้จริง 9:59:59.000,9:59:59.000 พระธรรมมีจริงไหม มี 9:59:59.000,9:59:59.000 พระธรรมนำทางเราไปสู่ความพ้นทุกข์ได้ มีจริงๆ 9:59:59.000,9:59:59.000 พระสงฆ์มีไหม มี 9:59:59.000,9:59:59.000 เราอาจจะไม่รู้ว่าองค์ไหนเป็นพระสงฆ์ 9:59:59.000,9:59:59.000 แต่ตัวเองเป็นพระสงฆ์ไปเรียบร้อยแล้ว 9:59:59.000,9:59:59.000 ทั้งๆ ที่ยังนุ่งกางเกง ใส่ผ้านุ่งผ้าถุงอะไรอย่างนี้ 9:59:59.000,9:59:59.000 ก็เป็นพระสงฆ์ไปเรียบร้อยแล้ว 9:59:59.000,9:59:59.000 มันจะรู้พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ มีจริง ไม่สงสัย 9:59:59.000,9:59:59.000 รู้ว่าการปฏิบัติที่ถูกเป็นอย่างไร 9:59:59.000,9:59:59.000 ละสีลัพพตปรามาส การถือศีลบำเพ็ญพรตอย่างงมงาย 9:59:59.000,9:59:59.000 อย่างบางคนบำเพ็ญพรตงมงาย 9:59:59.000,9:59:59.000 เช่น คิดว่ากินเจแล้วบรรลุได้เร็วกว่า 9:59:59.000,9:59:59.000 ถ้ากินเจถึงจะบรรลุได้ 9:59:59.000,9:59:59.000 วัวควายกินหญ้ามาตลอดคงบรรลุหมดแล้วล่ะ 9:59:59.000,9:59:59.000 หรือบางคนคิดว่าต้องอาบน้ำในแม่น้ำคงคาแล้วจะบรรลุเร็ว 9:59:59.000,9:59:59.000 ถ้าอย่างนั้นปลาในแม่น้ำคงคาก็บรรลุหมดแล้วล่ะ 9:59:59.000,9:59:59.000 อย่างนี้ที่เรียกว่าสีลัพพตปรามาส งมงาย เราจะละความงมงาย 9:59:59.000,9:59:59.000 เราจะรู้เลยสิ่งที่ทำให้เราบรรลุพระโสดาบันคือไตรสิกขา ศีลสิกขา จิตตสิกขา ปัญญาสิกขา 9:59:59.000,9:59:59.000 เดินอยู่ในหลักของสติปัฏฐาน 9:59:59.000,9:59:59.000 ลงมือทำสติปัฏฐาน 9:59:59.000,9:59:59.000 ในเบื้องต้นทำให้เกิดสติ 9:59:59.000,9:59:59.000 พอมีสติแล้วศีล สมาธิ 9:59:59.000,9:59:59.000 ปัญญาก็จะค่อยๆ แก่รอบขึ้น 9:59:59.000,9:59:59.000 เราจะรู้ว่าเส้นทางที่ไปสู่ความบริสุทธิ์หลุดพ้น 9:59:59.000,9:59:59.000 สุดท้ายหนีไม่พ้นเรื่องสติปัฏฐานหรอก 9:59:59.000,9:59:59.000 สติปัฏฐานเป็นทางสายเอกเป็นทางสายเดียวเพื่อความบริสุทธิ์หลุดพ้น 9:59:59.000,9:59:59.000 ฉะนั้นวัดที่ตัวเอง 9:59:59.000,9:59:59.000 หลายคนบางทีเขียนจดหมายมา 9:59:59.000,9:59:59.000 มาเล่าหลวงพ่อบอกว่าได้โสดาบันแล้ว 9:59:59.000,9:59:59.000 บางคนบอกว่าเห็นจิตกับสภาพธรรมที่แวดล้อมอยู่เป็นสิ่งเดียวกันแล้ว 9:59:59.000,9:59:59.000 มันเห็นด้วยกำลังสมาธิเป็นครั้งคราวหรอก 9:59:59.000,9:59:59.000 เดี๋ยวก็ไม่เห็น มันยังไม่ใช่ของแท้ 9:59:59.000,9:59:59.000 ฉะนั้นต้องค่อยๆ สังเกตตัวเองให้ดี 9:59:59.000,9:59:59.000 อย่าเข้าข้างตัวเอง 9:59:59.000,9:59:59.000 แล้วเคล็ดลับสำคัญในการสังเกตจิตตนเอง 9:59:59.000,9:59:59.000 ต้องดูจิตตนเองในภาวะปกติ 9:59:59.000,9:59:59.000 อย่าไปทรงสมาธิอยู่ 9:59:59.000,9:59:59.000 อย่างถ้าเราไปทรงฌานอยู่ 9:59:59.000,9:59:59.000 แล้วเราบอกว่า เราไม่มีราคะแล้ว ไม่มีโทสะแล้ว 9:59:59.000,9:59:59.000 ไม่มีกามราคะ ไม่มีโทสะ 9:59:59.000,9:59:59.000 เป็นพระอนาคามีแล้ว 9:59:59.000,9:59:59.000 ออกจากสมาธิมา อ้าว กิเลสกลับมาอีกแล้ว 9:59:59.000,9:59:59.000 ราคะก็แรงยิ่งกว่าเก่า โทสะก็ยิ่งแรงยิ่งกว่าเก่าอีก 9:59:59.000,9:59:59.000 พวกนั่งสมาธิหลุดออกมาจากสมาธิแล้ว กิเลสแรง กิเลสมันคิดดอกเบี้ย 9:59:59.000,9:59:59.000 มันถูกเก็บกดอยู่ช่วงหนึ่ง 9:59:59.000,9:59:59.000 มีโอกาสมันซัดเราหงายท้องเลย 9:59:59.000,9:59:59.000 ภาวนาเวลาเราจะสังเกตกิเลสตัวเอง 9:59:59.000,9:59:59.000 สังเกตในภาวะปกติในใจที่เป็นปกติอย่างนี้ 9:59:59.000,9:59:59.000 ไม่ใช่ใจที่ทรงสมาธิอยู่ 9:59:59.000,9:59:59.000 บางคนเพ่งเอาไว้อย่างนี้ แล้วบอกว่าไม่มีกิเลสแล้ว 9:59:59.000,9:59:59.000 หลวงพ่อพยายามทำหน้าให้ดู 9:59:59.000,9:59:59.000 จิตก็เป็น ทำทั้งหน้าทั้งใจ เพ่งอยู่อย่างนี้ 9:59:59.000,9:59:59.000 แล้วบอกไม่มีกิเลส ใครด่าก็ไม่โกรธ 9:59:59.000,9:59:59.000 ใครชมก็เฉยๆ เห็นผู้หญิงสวยๆ เดินโป๊ๆ ก็เฉยๆ 9:59:59.000,9:59:59.000 ทำไมมันเฉย จิตมันติดสมาธิอยู่ 9:59:59.000,9:59:59.000 มันก็ข่มกามราคะได้ 9:59:59.000,9:59:59.000 มันข่ม มันไม่ได้ละ มันข่มไว้ชั่วคราว 9:59:59.000,9:59:59.000 เพราะฉะนั้นเวลาที่เราภาวนาแล้วเรานึกว่าเราได้โน้นได้นี้ 9:59:59.000,9:59:59.000 เราวัดกิเลสตัวเอง วัดในภาวะที่จิตใจเป็นปกติ 9:59:59.000,9:59:59.000 อย่าไปน้อมจิตให้นิ่งๆ ทื่อๆ อยู่ 9:59:59.000,9:59:59.000 แล้วก็มาวัดตอนที่มันนิ่งๆ ทื่อๆ 9:59:59.000,9:59:59.000 อันนั้นจะวัดไม่ออก 9:59:59.000,9:59:59.000 ถ้าเป็นคนปกติอย่างเวลานั่งสมาธิจิตรวมอยู่อย่างนี้ 9:59:59.000,9:59:59.000 คนมาด่าก็เฉย 9:59:59.000,9:59:59.000 เวลาออกจากสมาธิคนยังไม่ทันด่า 9:59:59.000,9:59:59.000 มันมองหน้าโดดถีบมันแล้ว นี่มันจะต่างกัน 9:59:59.000,9:59:59.000 เพราะฉะนั้นต้องวัดตัวจริง 9:59:59.000,9:59:59.000 ไม่ถูกฌานสมาบัติอะไรมาห่อหุ้มเอาไว้ 9:59:59.000,9:59:59.000 ฉะนั้นเวลาวัดกิเลส วัดตอนที่ใจเราเป็นปกตินี่ล่ะถึงจะเห็นชัด 9:59:59.000,9:59:59.000 พอได้หลักไหมในการที่จะไปตรวจสอบการปฏิบัติของตัวเอง 9:59:59.000,9:59:59.000 เราตรวจสอบการปฏิบัติของตัวเอง 9:59:59.000,9:59:59.000 ใช้โยนิโสมนสิการเป็นสำคัญ 9:59:59.000,9:59:59.000 จะรู้โยนิโสมนสิการได้ต้องมีสุตตะ มีการเรียนรู้ 9:59:59.000,9:59:59.000 สุตตะไม่ใช่พระสูตรเฉยๆ สุตตะ การฟังๆ การอ่านก็ใช้ได้ 9:59:59.000,9:59:59.000 อ่านพระไตรปิฎกอะไรอย่างนี้ 9:59:59.000,9:59:59.000 อ่านให้รอบคอบ 9:59:59.000,9:59:59.000 อ่านแล้วก็จับประเด็นผิดๆ ถูกๆ อะไรอย่างนี้ 9:59:59.000,9:59:59.000 อันตรายเหมือนกัน อ่านต้องรอบคอบ 9:59:59.000,9:59:59.000 อย่างบอกว่าถ้าพระไปรักษาโรคให้คน 9:59:59.000,9:59:59.000 พระหมอนี่ทำผิดศีล เป็นเดรัจฉานวิชา 9:59:59.000,9:59:59.000 วิชาแพทย์ พระไปทำเดรัจฉานวิชา อาบัติ นี่พูดเอาเอง 9:59:59.000,9:59:59.000 ที่จริงพระหากินด้วยเดรัจฉานวิชา อาบัติ 9:59:59.000,9:59:59.000 แต่พระใช้เดรัจฉานวิชาช่วยเหลือสงเคราะห์โลกอะไรอย่างนี้ 9:59:59.000,9:59:59.000 เป็นความเมตตากรุณาต่างหาก 9:59:59.000,9:59:59.000 พอตีความผิดก็ใส่ร้ายพระไปทั่ว 9:59:59.000,9:59:59.000 องค์โน้นผิดองค์นี้ผิด ผิดอะไรนักหนา 9:59:59.000,9:59:59.000 ต้องเรียนต้องอ่านบ้าง 9:59:59.000,9:59:59.000 แต่อ่านแล้วก็เอาแขวนขึ้นหิ้งไว้ก่อน 9:59:59.000,9:59:59.000 ตอนที่ลงมือภาวนา ลืมไปก่อน 9:59:59.000,9:59:59.000 แล้วภาวนาเสร็จแล้วลองมาเทียบดูกับตำรา 9:59:59.000,9:59:59.000 ถ้าภาวนาถูกต้องตรงกัน ต้องตรงกัน 9:59:59.000,9:59:59.000 ฉะนั้นโยนิโสมนสิการไม่ใช่คิดเรื่อยเปื่อย 9:59:59.000,9:59:59.000 ไม่ใช่คิดตามใจกิเลส 9:59:59.000,9:59:59.000 แต่คิดโดยดูหลักเกณฑ์ 9:59:59.000,9:59:59.000 พระพุทธเจ้าสอนอย่างไร 9:59:59.000,9:59:59.000 พระอรหันตสาวกท่านสอนไว้อย่างไร 9:59:59.000,9:59:59.000 ดูตรงนั้น แล้วก็จุดสำคัญ 9:59:59.000,9:59:59.000 หัดสังเกตตัวเอง สังเกตใจไว้ 9:59:59.000,9:59:59.000 แล้วก็มีโอกาสถามครูบาอาจารย์ 9:59:59.000,9:59:59.000 ตรงนี้เสี่ยงมากเลย 9:59:59.000,9:59:59.000 บางทีเราภาวนาดี เราไปเจอครูบาอาจารย์เก๊ 9:59:59.000,9:59:59.000 ไปถามเขาแก้ของเรา 9:59:59.000,9:59:59.000 เมื่อก่อนมีเรียนกับที่อื่นมา 9:59:59.000,9:59:59.000 แล้วมาฟังกับหลวงพ่อ เราก็แก้ให้ 9:59:59.000,9:59:59.000 กลับไปหาอาจารย์ 9:59:59.000,9:59:59.000 อาจารย์แก้กลับไปอย่างเดิมอีก 9:59:59.000,9:59:59.000 อย่างกับตีปิงปอง ตีกลับไปกลับมา 9:59:59.000,9:59:59.000 สุดท้ายหลวงพ่อตบทีเดียว 9:59:59.000,9:59:59.000 กระเด็นออกนอกโต๊ะไปเลย ไม่เอาด้วยแล้ว 9:59:59.000,9:59:59.000 ฉะนั้นวัดใจตัวเองให้ได้ดีที่สุด 9:59:59.000,9:59:59.000 แล้วเครื่องมือในการวัด โยนิโสมนสิการ วัดด้วยตัวนี้ 9:59:59.000,9:59:59.000 ฉะนั้นอย่าได้โง่งมงาย 9:59:59.000,9:59:59.000 ทุกวันนี้คนออกมาสอนมากมายเหลือเกิน 9:59:59.000,9:59:59.000 เราภาวนาชำนิชำนาญ 9:59:59.000,9:59:59.000 เราฟังปุ๊บเราก็รู้แล้วนี่ธรรมะระดับไหน 9:59:59.000,9:59:59.000 ธรรมะระดับคิดเอาหรือว่ามีประสบการณ์ตรง 9:59:59.000,9:59:59.000 ประสบการณ์นั้นตรงถูกหรือไม่ถูก 9:59:59.000,9:59:59.000 ไปอีกหลายระดับ ค่อยๆ ดูเอา 9:59:59.000,9:59:59.000 วันนี้เทศน์ให้ฟังเท่านี้ 9:59:59.000,9:59:59.000 ทำไมไม่สอนวิธีปฏิบัติ สอนไปเยอะแล้ว 9:59:59.000,9:59:59.000 วันนี้สอนการตรวจการบ้านตัวเอง 9:59:59.000,9:59:59.000 จะได้ไม่ต้องมาถามหลวงพ่อบ่อย 9:59:59.000,9:59:59.000 เบอร์ 1 เบอร์ 1 ต้องตกใจด้วย เรียกเบอร์ 1 ทีเดียว 9:59:59.000,9:59:59.000 เบอร์ 1: ในรูปแบบนั่งสมาธิอยู่กับลมหายใจ 9:59:59.000,9:59:59.000 อยู่กับอารมณ์อันเดียวบ้าง 9:59:59.000,9:59:59.000 ดูจิตทำงานบ้าง รู้ทันบ้างไม่ทันบ้าง 9:59:59.000,9:59:59.000 ยังจงใจมากไปเพราะมันยังไม่ยอมรับความจริงและความอยากดี 9:59:59.000,9:59:59.000 ชีวิตประจำวันคอยมีสติรู้ทันจิตคิด 9:59:59.000,9:59:59.000 แต่รวมๆ แล้วสติยังช้าและอ่อนอยู่ 9:59:59.000,9:59:59.000 รู้จักกิเลสตัวเองมากขึ้นทั้งมานะ โทสะ ความอยาก 9:59:59.000,9:59:59.000 มันวนเวียนกลับมาเรื่อยๆ ขอคำสั่งสอนครับ 9:59:59.000,9:59:59.000 ที่รู้ที่เห็นถูกแล้ว ดี 9:59:59.000,9:59:59.000 จุดที่ยังผิดอยู่คือจิต 9:59:59.000,9:59:59.000 จิตของเราปกติเป็นแบบนี้ไหม 9:59:59.000,9:59:59.000 พยักหน้าเอาหรือส่ายหน้า ไม่เป็นอย่างนี้ 9:59:59.000,9:59:59.000 ถ้าจิตเป็นอย่างนี้ใช้ไม่ได้ 9:59:59.000,9:59:59.000 ไปล็อกนิ่งๆ เฉยๆ จิตเฉยๆ อย่างนี้ 9:59:59.000,9:59:59.000 ใครด่าก็เฉย จิตตรงนี้ก็ยังไม่ปกติ ดูออกไหม 9:59:59.000,9:59:59.000 เออ รู้ทันแล้ว ใช้ได้ ดีที่ทำอยู่ 9:59:59.000,9:59:59.000 หลวงพ่อถึงบอกอย่างไรเวลาวัดต้องวัดด้วยใจที่ปกติ 9:59:59.000,9:59:59.000 ถ้าใจไปทรงไว้อย่างนี้ มันวัดอะไรไม่ได้หรอก 9:59:59.000,9:59:59.000 มันเห็นกิเลสก็เห็นไม่จริง 9:59:59.000,9:59:59.000 เบอร์ 2: ในรูปแบบนั่งสมาธิ 9:59:59.000,9:59:59.000 หายใจเข้าพุทออกโธ 9:59:59.000,9:59:59.000 ในชีวิตประจำวันบริกรรม 9:59:59.000,9:59:59.000 พุทโธ ธัมโม สังโฆ ในใจ มีเผลอบ้าง 9:59:59.000,9:59:59.000 ไม่ทราบว่าควรดูกายหรือจิตครับ 9:59:59.000,9:59:59.000 บริกรรมไปเรื่อยๆ เอาสติ พอเราได้สติ 9:59:59.000,9:59:59.000 อย่างเราพุทโธๆ ไป 9:59:59.000,9:59:59.000 เผลอแล้วเรารู้ เผลอแล้วรู้ 9:59:59.000,9:59:59.000 เราได้สติได้สมาธิขึ้นมา 9:59:59.000,9:59:59.000 แล้วคราวนี้สติระลึกรู้ลงในกาย 9:59:59.000,9:59:59.000 เราก็ดูเห็นไตรลักษณ์ 9:59:59.000,9:59:59.000 สติไปรู้การทำงานของจิต 9:59:59.000,9:59:59.000 เราก็เห็นจิตใจแสดงไตรลักษณ์ ดูไป 9:59:59.000,9:59:59.000 สติรู้อะไรก็รู้อันนั้นล่ะ 9:59:59.000,9:59:59.000 ไม่ต้องบังคับว่าจงรู้เฉพาะร่างกายหรือจงรู้เฉพาะจิต 9:59:59.000,9:59:59.000 อย่าไปบังคับมัน จะตึงไป สังเกตไหมใจเราตึงๆ ไปนิดหนึ่ง 9:59:59.000,9:59:59.000 สบายๆ รู้ไปธรรมดาๆ ใจธรรมดาดีที่สุดเลย 9:59:59.000,9:59:59.000 ตรงนี้ไม่ธรรมดาแล้วรู้สึกไหม 9:59:59.000,9:59:59.000 เมื่อกี้ธรรมดา ตอนนี้ไม่ธรรมดา[br]เพราะเราไปรวบเข้ามา 9:59:59.000,9:59:59.000 ตัวนี้โมหะแทรกแล้วรู้สึกไหม มันซึมลงไป 9:59:59.000,9:59:59.000 เพราะฉะนั้นทำสมาธิก็ทำไป 9:59:59.000,9:59:59.000 จะบริกรรมก็บริกรรมไป 9:59:59.000,9:59:59.000 แต่ว่าอะไรเกิดขึ้นกับจิตใจ ให้คอยรู้ทัน 9:59:59.000,9:59:59.000 บริกรรมแล้วโมหะแทรก ชักเคลิ้มชักลืมตัวรู้ทัน 9:59:59.000,9:59:59.000 ถ้ารู้ทันแล้วก็หายใจให้แรงขึ้นนิดหนึ่งก็ได้ 9:59:59.000,9:59:59.000 กระตุ้นความรู้สึกตัวไม่ให้มันหย่อนเคลิ้มลงไป 9:59:59.000,9:59:59.000 รู้สึกตัวไปแต่อย่าไปกระตุ้นมาก มันจะแข็งไป 9:59:59.000,9:59:59.000 เอาแค่ไม่หลงไม่เคลิ้มไม่ถูกโมหะครอบ 9:59:59.000,9:59:59.000 รู้เนื้อรู้ตัวด้วยใจปกติ 9:59:59.000,9:59:59.000 โมหะแทรกตรงนี้ เราน้อมใจให้เคลิ้ม 9:59:59.000,9:59:59.000 อย่าน้อมใจให้เคลิ้ม รู้ตัวไว้ 9:59:59.000,9:59:59.000 หายใจออกรู้สึก หายใจเข้ารู้สึก 9:59:59.000,9:59:59.000 หรือจะพุทโธด้วยก็ได้ รู้สึก อย่าไปดัดแปลงจิต 9:59:59.000,9:59:59.000 เบอร์ 2 ยังชินที่จะดัดแปลงจิตให้มันนิ่งๆ 9:59:59.000,9:59:59.000 รู้สึก ความรู้สึกสำคัญยิ่งกว่าการบังคับให้นิ่ง 9:59:59.000,9:59:59.000 เออ ตรงนี้ถูก 9:59:59.000,9:59:59.000 เวลาถูกมันถูกแวบเดียวล่ะ 9:59:59.000,9:59:59.000 แล้วจิตมันก็ไปปรุงต่อ 9:59:59.000,9:59:59.000 หายใจไป พุทโธไปเรื่อยๆ ใจเคลิ้มให้รู้ 9:59:59.000,9:59:59.000 หายใจไป พุทโธไป ใจหนีไปคิดเรื่องอื่นให้รู้ 9:59:59.000,9:59:59.000 เพราะฉะนั้นหายใจไปพุทโธไปแล้วรู้ทันใจไว้ 9:59:59.000,9:59:59.000 เคลิ้มก็รู้ หลงไปก็รู้ 9:59:59.000,9:59:59.000 ฝึกบ่อยๆ แล้วสติจะแข็งแรง สมาธิจะดีขึ้น 9:59:59.000,9:59:59.000 เบอร์ 3: ฟังธรรมตอนขับรถ 9:59:59.000,9:59:59.000 อ่านหนังสือธรรมะบ้าง 9:59:59.000,9:59:59.000 ในรูปแบบนั่งสมาธิเช้าเย็นครั้งละ 30 นาที 9:59:59.000,9:59:59.000 หายใจเข้าพุทออกโธ 9:59:59.000,9:59:59.000 ดูร่างกายหายใจ มักฟุ้งซ่าน ยังติดเพ่ง 9:59:59.000,9:59:59.000 บางครั้งรู้สึกสว่างขึ้นคล้ายเปิดสวิตช์ไฟ รู้สึกชอบ 9:59:59.000,9:59:59.000 แต่ไม่นานก็เผลอไปคิดเรื่องอื่น 9:59:59.000,9:59:59.000 ระหว่างวันดูร่างกายหายใจพร้อมพุทโธ 9:59:59.000,9:59:59.000 คอยรู้ทันโทสะและเผลอคิด 9:59:59.000,9:59:59.000 ดูร่างกายเคลื่อนไหวบ้าง ขอคำสั่งสอนค่ะ 9:59:59.000,9:59:59.000 ดูอย่างนั้นล่ะ 9:59:59.000,9:59:59.000 หายใจไปหรือเคลื่อนไหวไปก็ไม่ได้ไปบังคับจิตให้นิ่ง 9:59:59.000,9:59:59.000 หายใจไปเคลื่อนไหวจิตหลงไปก็รู้ 9:59:59.000,9:59:59.000 พยายามไปดึงจิตคืนมาก็รู้ 9:59:59.000,9:59:59.000 รู้ทันจิตตัวเองบ่อยๆ 9:59:59.000,9:59:59.000 ใช้กรรมฐานจะหายใจก็ได้เคลื่อนไหวก็ได้ 9:59:59.000,9:59:59.000 แนะนำอันหนึ่งก็คือดูกายให้เยอะขึ้น 9:59:59.000,9:59:59.000 ใช้สติใช้ปัญญาสอดส่องเข้าไปในร่างกาย 9:59:59.000,9:59:59.000 ร่างกายนี้มันสวยอยู่ที่เปลือกนอก 9:59:59.000,9:59:59.000 สวยอยู่ที่ขนผมเล็บฟันหนังเท่านั้นเอง 9:59:59.000,9:59:59.000 เรากำหนดจิตมองเข้าไปภายใน 9:59:59.000,9:59:59.000 เห็นของไม่สวยไม่งามอยู่ภายในเยอะแยะ 9:59:59.000,9:59:59.000 ฝึกตัวนี้บ้าง มันถูกกับจริต 9:59:59.000,9:59:59.000 เพราะเราเป็นพวกรักสุขรักสบายรักสวยรักงาม 9:59:59.000,9:59:59.000 น้อมกลับเข้ามาดูตัวนี้จะดี 9:59:59.000,9:59:59.000 เบอร์ 1 ติดสมาธิ 9:59:59.000,9:59:59.000 จิตคงที่อยู่ตรงนี้ทั้งๆ ที่เผลอ 9:59:59.000,9:59:59.000 ตัวนี้ต้องไปดูให้ดี 9:59:59.000,9:59:59.000 ถ้ามันค้างกลางอากาศอยู่อย่างนี้ 9:59:59.000,9:59:59.000 มันไม่เดินปัญญาจริง 9:59:59.000,9:59:59.000 เบอร์ 4: ปฏิบัติในรูปแบบทุกวัน 9:59:59.000,9:59:59.000 มีอาการตึงๆ หน่วงๆ ตรงกลางศีรษะ 9:59:59.000,9:59:59.000 จนถึงปลายจมูก 9:59:59.000,9:59:59.000 มีความรู้สึกคล้ายการเข้าไปในสมาธิที่ลึก 9:59:59.000,9:59:59.000 เวลาทำงานจะทำความรู้สึกตัวทุกครั้ง 9:59:59.000,9:59:59.000 เมื่อมีทุกข์เข้ามาจะรู้สึกไม่ทุกข์มากเหมือนแต่ก่อน 9:59:59.000,9:59:59.000 รู้สึกอยู่เหนือทุกข์ 9:59:59.000,9:59:59.000 มองทุกอย่างเป็นสมมุติมากขึ้น 9:59:59.000,9:59:59.000 ขอการบ้านค่ะ 9:59:59.000,9:59:59.000 เวลาที่ใจเราทรงสมาธิอยู่มันจะรู้สึกอย่างที่เล่า 9:59:59.000,9:59:59.000 ถ้าอยากเห็นของจริงอย่าค้างอยู่กลางอากาศแบบนี้ 9:59:59.000,9:59:59.000 ถ้าเราน้อมจิตให้ทรงสมาธิอยู่อย่างนี้ อะไรๆ ก็เฉยๆ หมดล่ะ 9:59:59.000,9:59:59.000 ถ้าหลุดจากตรงนี้เมื่อไรมันร้ายเลย 9:59:59.000,9:59:59.000 ถอยออกมาสิ อย่าค้างอยู่อย่างนั้น 9:59:59.000,9:59:59.000 ถอยออกมา เออ อยู่ข้างนอกอย่างนี้ 9:59:59.000,9:59:59.000 กิเลสไม่ได้อยู่ข้างในอย่างนั้น 9:59:59.000,9:59:59.000 อย่าหลุดเข้าไปค้างกลางอากาศอยู่ 9:59:59.000,9:59:59.000 ถ้าอย่างนั้นจะไม่เดินปัญญาจริง 9:59:59.000,9:59:59.000 เพราะจะไม่เห็นกิเลสหรอก 9:59:59.000,9:59:59.000 จะรู้สึกเฉยๆ อะไรเกิดขึ้นก็เฉยๆ จะรู้สึกไปทางนั้น 9:59:59.000,9:59:59.000 แต่ถ้าใจเราไม่ไปทรงค้างอยู่กับสมาธิข้างในอย่างนั้น 9:59:59.000,9:59:59.000 คราวนี้กระทบอารมณ์มันจะเกิดปฏิกิริยาตามธรรมชาติธรรมดาล่ะ 9:59:59.000,9:59:59.000 เราก็จะเห็นปฏิกิริยาทั้งหลาย 9:59:59.000,9:59:59.000 เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป 9:59:59.000,9:59:59.000 ควบคุมไม่ได้ บังคับไม่ได้ 9:59:59.000,9:59:59.000 ปัญญามันอยู่ตรงนี้ไม่ได้อยู่ตรงเฉย 9:59:59.000,9:59:59.000 เบอร์ 5: ทำกรรมฐานใช้คำบริกรรมพุทโธ 9:59:59.000,9:59:59.000 ระหว่างวันพยายามคิดพุทโธแล้วสังเกตว่า 9:59:59.000,9:59:59.000 ยังคิดพุทโธอยู่หรือไม่มีพุทโธ 9:59:59.000,9:59:59.000 ทำในรูปแบบด้วยการนั่งบริกรรมพุทโธก่อนนอนและหลังตื่นนอน 9:59:59.000,9:59:59.000 ใช้การตั้งใจหายใจ เพื่อช่วยในเวลาที่ง่วง เคลิ้ม 9:59:59.000,9:59:59.000 หรือคิดพุทโธไม่ค่อยได้ 9:59:59.000,9:59:59.000 ขอคำชี้แนะการปฏิบัติต่อไปครับ 9:59:59.000,9:59:59.000 ถูกแล้วไปพุทโธต่อ ทำได้ ทำวิธีนี้ก็ทำได้ ทำอีก 9:59:59.000,9:59:59.000 เบอร์ 5 ตรงนี้เราน้อมจิตเข้าไปรู้สึกไหม 9:59:59.000,9:59:59.000 น้อมเข้าไปรู้ว่าน้อม รู้ทันจิตตัวเอง 9:59:59.000,9:59:59.000 จิตตรงนี้ดี ตรงนี้จิตธรรมดา 9:59:59.000,9:59:59.000 รู้สึกไหม มันรู้ มันตื่น มันเบิกบาน 9:59:59.000,9:59:59.000 ส่วนที่น้อมเข้าไป มันก็ได้ซึมๆ ตรงนี้ดี 9:59:59.000,9:59:59.000 จิตที่จะเดินปัญญาหรือเจริญสติในชีวิตประจำวัน 9:59:59.000,9:59:59.000 ใช้จิตอย่างตรงนี้ 9:59:59.000,9:59:59.000 ส่วนต้องการพักผ่อนก็เข้าสมาธิลึกลงไป ไม่เป็นไร 9:59:59.000,9:59:59.000 แต่พอออกจากสมาธิมาอยู่ข้างนอกนี้ 9:59:59.000,9:59:59.000 แล้วกระทบอารมณ์แล้วเห็นความเปลี่ยนแปลงของจิตได้ 9:59:59.000,9:59:59.000 จะเดินปัญญาได้คล่องตัว 9:59:59.000,9:59:59.000 ถ้านิ่งไปตลอดมันไม่เดินปัญญาจริงหรอก ดี 9:59:59.000,9:59:59.000 เบอร์ 6: ในรูปแบบดูลมหายใจ มีพุทโธกำกับ 9:59:59.000,9:59:59.000 ในชีวิตประจำวันดูอารมณ์ที่มากระทบบ้าง 9:59:59.000,9:59:59.000 อยู่กับลมหายใจบ้าง 9:59:59.000,9:59:59.000 เห็นโทสะเล็กๆ และเบื้องหลังการกระทำบ่อยขึ้น 9:59:59.000,9:59:59.000 หลวงพ่อเคยให้ไปดูตัวนิ่งๆ ที่เป็นโมหะสมาธิ 9:59:59.000,9:59:59.000 เห็นว่ามีการคุมและมีความหนักกลางอก 9:59:59.000,9:59:59.000 เวลาทำในรูปแบบรู้สึกว่ายังติดการคุม 9:59:59.000,9:59:59.000 และมีความหนักเมื่อมารู้ตัวในชีวิตประจำวัน 9:59:59.000,9:59:59.000 ขอคำชี้แนะค่ะ 9:59:59.000,9:59:59.000 เวลาเราจะทำสมาธิ 9:59:59.000,9:59:59.000 เบื้องต้นก็ต้องจงใจไว้ก่อน 9:59:59.000,9:59:59.000 มันก็คุมนิดหน่อย ถ้าคุมมากสมาธิไม่ดีหรอก 9:59:59.000,9:59:59.000 แน่นๆ อึดอัด 9:59:59.000,9:59:59.000 แต่ถ้าเราทำสมาธิแล้วเราออกมาอยู่ข้างนอก 9:59:59.000,9:59:59.000 เรายังรู้สึกว่ามีการคุมอยู่ แสดงว่าเราติด 9:59:59.000,9:59:59.000 เรายังไม่ได้ออกจากสมาธิอย่างแท้จริง 9:59:59.000,9:59:59.000 จิตติดซึมออกมาด้วย ตัวนี้ไม่ดี 9:59:59.000,9:59:59.000 เพราะฉะนั้นเวลาเรานั่งสมาธิ 9:59:59.000,9:59:59.000 อย่าให้ขาดสติ อย่าให้สติอ่อนเกินไป 9:59:59.000,9:59:59.000 ถ้าสติอ่อนเกินไปแล้วโมหะมันครอบ 9:59:59.000,9:59:59.000 แล้วพอเราถอยออกมาอยู่กับโลกข้างนอกนี่ 9:59:59.000,9:59:59.000 โมหะมันติดออกมาด้วย 9:59:59.000,9:59:59.000 เพิ่มความรู้สึกตัวขึ้นนิดหนึ่งเวลานั่งสมาธิ 9:59:59.000,9:59:59.000 อย่าให้เคลิ้มลงไป 9:59:59.000,9:59:59.000 แล้วเวลาอยู่ข้างนอกสติจะทำงานได้คล่องแคล่ว 9:59:59.000,9:59:59.000 จิตไม่ติดโมหะ 9:59:59.000,9:59:59.000 นี่ตรงนี้น้อมแล้ว รู้สึกไหม ใจเริ่มน้อมเข้าไปจะให้มันซึม 9:59:59.000,9:59:59.000 สมาธิไม่ได้แปลว่าสงบ สมาธิคือความตั้งมั่นของจิต ฉะนั้นไม่ได้ไปฝึกน้อมให้ซึมลงไปเพื่อจะได้สงบ อันนั้นเป็นมิจฉาสมาธิ 9:59:59.000,9:59:59.000 ฉะนั้นต้องมีสติกำกับ 9:59:59.000,9:59:59.000 ถ้าขาดสติเมื่อไรก็เกิดมิจฉาสมาธิทันทีเลย 9:59:59.000,9:59:59.000 รู้สึกๆๆ มันจะเคลิ้มอยู่เรื่อย มันเคยชิน 9:59:59.000,9:59:59.000 ตอนนี้นั่งน้อยๆ ก็ได้ 9:59:59.000,9:59:59.000 ออกมาทำงาน เคลื่อนไหวทำงานบ้านแล้วรู้สึกตัวไป 9:59:59.000,9:59:59.000 ไปทำงานแล้วรู้สึกตัวที่มันทำงานไป 9:59:59.000,9:59:59.000 ดีกว่าไปนั่งสมาธิ 9:59:59.000,9:59:59.000 มันติด มันติดโมหะ เอาอยู่ข้างนอกนี่ล่ะ 9:59:59.000,9:59:59.000 แล้วรู้สึกเอา 9:59:59.000,9:59:59.000 เบอร์ 7: ในรูปแบบ สวดมนต์ เดินจงกรม 9:59:59.000,9:59:59.000 ดูร่างกายหายใจ วันละ 30 นาที - 2 ชั่วโมง 9:59:59.000,9:59:59.000 เวลาฟุ้งมาก จะฟังเทศน์หลวงพ่อ 9:59:59.000,9:59:59.000 สวดมนต์จนมีแรง แล้วกลับมาดูกายใจทำงาน 9:59:59.000,9:59:59.000 ระหว่างวันรู้กายเคลื่อนไหว ใจเปลี่ยน 9:59:59.000,9:59:59.000 เห็นโทสะ มานะ ขอการบ้านค่ะ 9:59:59.000,9:59:59.000 ดี ไปทำอีก ฝึกไปเรื่อยๆ 9:59:59.000,9:59:59.000 เบอร์ 7 อันนี้เราส่งจิตไปดู 9:59:59.000,9:59:59.000 สังเกตไหมจิตมันเคลื่อนออกไปดู 9:59:59.000,9:59:59.000 มันไปดูอะไรไม่สำคัญ 9:59:59.000,9:59:59.000 ที่สำคัญคือรู้จิตมันเคลื่อนไปดู 9:59:59.000,9:59:59.000 รู้ทันจิตที่เคลื่อน 9:59:59.000,9:59:59.000 แล้วก็ไม่ได้รักษาว่าห้ามเคลื่อน 9:59:59.000,9:59:59.000 เคลื่อนแล้วรู้ เคลื่อนแล้วรู้ 9:59:59.000,9:59:59.000 เบอร์ 8: ภาวนาในรูปแบบทุกวัน 9:59:59.000,9:59:59.000 โดยการสวดมนต์ นั่งสมาธิ 9:59:59.000,9:59:59.000 ดูลมหายใจเข้าออก ทำอานาปานสติ 9:59:59.000,9:59:59.000 และเดินจงกรมประมาณ 30 นาที - 1 ชั่วโมง 9:59:59.000,9:59:59.000 ชีวิตประจำวัน ดูกาย 9:59:59.000,9:59:59.000 เห็นกายที่ขยับเคลื่อนไหว 9:59:59.000,9:59:59.000 ดูจิตเปลี่ยนไปเมื่อเจอผัสสะกระทบอารมณ์ 9:59:59.000,9:59:59.000 มีลมหายใจและกายเป็นเครื่องอยู่ 9:59:59.000,9:59:59.000 ช่วงหลังเห็นกิเลสบ่อยขึ้น ขอคำชี้แนะค่ะ 9:59:59.000,9:59:59.000 ดีขึ้นเยอะเลย ใช้ได้ 9:59:59.000,9:59:59.000 ระวังอันเดียวอย่าน้อมจิตไปให้มันไปนิ่งๆ 9:59:59.000,9:59:59.000 มันยังเคยชินที่จะทำจิต รู้สึกไหม ไปแต่งจิตให้มันนิ่งๆ อยู่นิดหนึ่ง 9:59:59.000,9:59:59.000 ไม่มากหรอกแต่ว่ามี 9:59:59.000,9:59:59.000 อย่าไปปรุงแต่งจิต 9:59:59.000,9:59:59.000 แต่ถ้าจิตจะปรุงแต่งอะไร เราคอยรู้ทัน ไม่ห้าม 9:59:59.000,9:59:59.000 แต่เราอย่าไปปรุงแต่งจิตให้มันนิ่งๆ เฉยๆ เสียเอง 9:59:59.000,9:59:59.000 ให้จิตทำงานตามธรรมชาติธรรมดา 9:59:59.000,9:59:59.000 วันนี้ 8 คนเป็นเรื่องของสมาธิเสียเยอะเลย 9:59:59.000,9:59:59.000 เบอร์ 4 ใจฟุ้งซ่าน วันนี้เท่านี้ 9:59:59.000,9:59:59.000 ต้องอดทน หลวงพ่อแถมนิดหนึ่ง 9:59:59.000,9:59:59.000 มีผู้หญิงอยู่คนเป็นคนฟุ้งซ่านมากๆๆๆ 9:59:59.000,9:59:59.000 ไม่ใช่มากอย่างเดียว มากๆๆ หลายตัว 9:59:59.000,9:59:59.000 แล้วชอบวุ่นวาย ชอบกิจกรรม แต่ว่าอยากดี 9:59:59.000,9:59:59.000 งานอดิเรกคือเล่นตุ๊กตา 9:59:59.000,9:59:59.000 ทีนี้หลวงพ่อก็นวดหนักๆ เลย บังคับให้ภาวนา 9:59:59.000,9:59:59.000 ภาวนาทีแรกจะร้องห่มร้องไห้ 9:59:59.000,9:59:59.000 โอ้ย มันทุกข์ทรมาน นั่งแล้วทรมานมากเลย 9:59:59.000,9:59:59.000 แล้วเผลอเมื่อไรก็จะออกไปซนแล้วโดนดุทุกที 9:59:59.000,9:59:59.000 อดทน ถูกดุก็ทน 9:59:59.000,9:59:59.000 ภาวนาจนกระทั่งเมื่อวันศุกร์มาส่งการบ้าน 9:59:59.000,9:59:59.000 ภาวนาแล้วจิตมันรวมลง 9:59:59.000,9:59:59.000 ร่างกายหายไป โลกทั้งโลกก็หายไป 9:59:59.000,9:59:59.000 เหลือแต่จิตดวงเดียวมีสติกำกับอยู่ 9:59:59.000,9:59:59.000 เห็นการทำงานภายในอยู่ 9:59:59.000,9:59:59.000 แล้วก็มาบอกหลวงพ่อว่า 9:59:59.000,9:59:59.000 นี่เขาจะมีคอร์ส จะไปเข้าคอร์สดีไหม 9:59:59.000,9:59:59.000 บอกไปเข้าทำไมล่ะ 9:59:59.000,9:59:59.000 เราภาวนาของเราก็ดีๆ อยู่แล้ว 9:59:59.000,9:59:59.000 การปฏิบัติมันเรื่องเฉพาะตัว ไปรวมกลุ่ม 9:59:59.000,9:59:59.000 ถ้าเราเจอคนซึ่งภาวนาดีกว่าเราหรือเสมอเรา เราก็ได้ดี 9:59:59.000,9:59:59.000 ถ้าเจอคนฟุ้งซ่าน 9:59:59.000,9:59:59.000 ธาตุสันดานเดิมพื้นฐานเดิมของเราฟุ้งซ่าน 9:59:59.000,9:59:59.000 มันก็จะดึงดูดเราฟุ้งซ่าน 9:59:59.000,9:59:59.000 กรรมฐานที่อุตส่าห์ฝึกมาอย่างยากลำบากเสียหมด 9:59:59.000,9:59:59.000 เพราะฉะนั้นทางที่ดีไม่คลุกคลี 9:59:59.000,9:59:59.000 เล่าให้พวกเราฟังว่า 9:59:59.000,9:59:59.000 กระทั่งคนที่ฟุ้งสุดยอดแต่อดทนมันก็ยังทำได้ 9:59:59.000,9:59:59.000 ขอให้อดทนเถอะ 9:59:59.000,9:59:59.000 ทนต้องทนจริงๆ ทนเจ็บ ทนปวด 9:59:59.000,9:59:59.000 นั่งแล้วจะตายเอา เจ็บไปทั้งตัวเลย 9:59:59.000,9:59:59.000 ต้องอดทน ทนได้ก็ได้แก่นสารสาระ 9:59:59.000,9:59:59.000 อย่างน้อยชาตินี้ก็รู้แล้วว่าจิตจริงๆ เป็นอย่างไร 9:59:59.000,9:59:59.000 มันเพิกโลกออกไป เพิกถอนโลก 9:59:59.000,9:59:59.000 เพิกถอนร่างกายออกไป เหลือแต่จิตดวงเดียว 9:59:59.000,9:59:59.000 การปฏิบัติทีนี้ก็สามารถเจริญปัญญาอยู่ตรงนี้ได้เลย 9:59:59.000,9:59:59.000 แต่ถ้าย่อหย่อนเมื่อไรก็ฟุ้งซ่าน 9:59:59.000,9:59:59.000 ความเพียรที่ทำมาก็ล้มเหลว ต้องเริ่มต้นไหม 9:59:59.000,9:59:59.000 เริ่มหลายๆ ทีก็ไม่มีแรงจะเริ่ม 9:59:59.000,9:59:59.000 คนนี้พื้นฐานแย่กว่าพวกเรา 9:59:59.000,9:59:59.000 ฉะนั้นพวกเราพื้นฐานยังดีกว่าเขาส่วนใหญ่ 9:59:59.000,9:59:59.000 เขาฟุ้งมาก โมหะเยอะ ราคะ หมายถึงชอบของสวยของงามเยอะ เขายังสู้ได้เลย 9:59:59.000,9:59:59.000 เราก็ต้องสู้ ทำให้ได้ 9:59:59.000,9:59:59.000 มักน้อย สันโดษ ฝักใฝ่ในความสงบ 9:59:59.000,9:59:59.000 ไม่คลุกคลี ปรารภความเพียร 9:59:59.000,9:59:59.000 นานๆ เพียรทีไม่ได้กินหรอก 9:59:59.000,9:59:59.000 5 ข้อนี้พื้นฐานจะต้องมี แล้วเราถึงจะเจริญ 9:59:59.000,9:59:59.000 ถัดจากนั้นก็รักษาศีล 9:59:59.000,9:59:59.000 ฝึกจิตให้ตั้งมั่น 9:59:59.000,9:59:59.000 เจริญปัญญา แยกธาตุแยกขันธ์ 9:59:59.000,9:59:59.000 เห็นธาตุขันธ์แต่ละตัวแสดงไตรลักษณ์ไป 9:59:59.000,9:59:59.000 ถัดจากนั้นเป็นของที่เกิดเอง 9:59:59.000,9:59:59.000 เกิดมรรคผล เกิดวิมุตติ 9:59:59.000,9:59:59.000 แล้วก็เกิดวิมุตติญาณทัสสนะ 9:59:59.000,9:59:59.000 รู้ว่ากิเลสอะไรละแล้ว กิเลสอะไรยังไม่ละ 9:59:59.000,9:59:59.000 เดินแนวนี้ถึงจะเอาตัวรอด 9:59:59.000,9:59:59.000 ถ้าเริ่มต้นก็มักมาก อยากไปหมด 9:59:59.000,9:59:59.000 เห็นใครเขามีอะไรก็อยากไปหมด 9:59:59.000,9:59:59.000 ไม่เคยคิดจะทำความสงบเลย ชอบคลุกคลี 9:59:59.000,9:59:59.000 นานๆ คิดถึงการปฏิบัติทีหนึ่ง 9:59:59.000,9:59:59.000 มันก็ได้เท่าที่ควรจะได้นั่นล่ะ 9:59:59.000,9:59:59.000 ก็ได้นิดๆ หน่อยๆ 9:59:59.000,9:59:59.000 วันนี้สอนเท่านี้ อดทน