1 00:00:06,655 --> 00:00:09,547 ในวันที่ 4 ตุลาคม ค.ศ. 1957 2 00:00:09,547 --> 00:00:12,439 โลกได้เฝ้าดูด้วยความพรั่นพรึงและหวาดกลัว 3 00:00:12,439 --> 00:00:15,133 ขณะที่สหภาพโซเวียตได้ปล่อยสปุตนิก (Sputnik) 4 00:00:15,133 --> 00:00:17,442 ดาวเทียมดวงแรกที่มนุษย์สร้างขึ้น 5 00:00:17,442 --> 00:00:18,743 สู่อวกาศ 6 00:00:19,434 --> 00:00:20,982 ลูกบอลโลหะเล็กๆ นี้ 7 00:00:20,982 --> 00:00:23,072 มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางน้อยกว่าสองฟุต 8 00:00:23,072 --> 00:00:24,865 เป็นจุดเริ่มต้นการแข่งขันสำรวจอวกาศ 9 00:00:24,865 --> 00:00:27,190 ระหว่าง สหรัฐอเมริกา กับ สหภาพโซเวียตรัสเซีย 10 00:00:27,190 --> 00:00:29,214 ที่ยาวนานสิบแปดปี 11 00:00:29,214 --> 00:00:31,906 และเปลี่ยนแปลงโลก เป็นดั่งเช่นที่เรารู้จักมัน 12 00:00:31,906 --> 00:00:34,045 โดยแท้จริงแล้ว สปุตนิกไม่ใช่เทคโนโลยีชิ้นแรก 13 00:00:34,045 --> 00:00:36,225 ของมนุษย์ที่ขึ้นสู่อวกาศ 14 00:00:36,225 --> 00:00:38,967 ความสุดยอดนั้นต้องยกให้กับจรวด V-2 15 00:00:38,967 --> 00:00:41,012 ที่เยอรมันนีใช้ในการโจมตีด้วยขีปนาวุธ 16 00:00:41,012 --> 00:00:43,357 ไปยังเมืองต่างๆ ของสัมพันธมิตร เป็นความพยายามครั้งสุดท้าย 17 00:00:43,366 --> 00:00:45,752 ในช่วงปีท้ายๆ ของสงครามโลกครั้งที่ 2 18 00:00:45,752 --> 00:00:47,238 มันไม่ได้มีประสิทธิผลมากมายนัก 19 00:00:47,238 --> 00:00:48,943 แต่เมื่อสิ้นสุดสงคราม 20 00:00:48,943 --> 00:00:51,733 ทั้งสหรัฐฯ และโซเวียตต่างเข้ายึดครอง 21 00:00:51,733 --> 00:00:54,730 เทคโนโลยีและบรรดานักวิทยาศาสตร์ที่ได้พัฒนามันขึ้นมา 22 00:00:54,730 --> 00:00:57,577 และได้เริ่มต้นใช้สิ่งที่ได้ เพื่อทำโครงการของตนเอง 23 00:00:57,577 --> 00:00:59,510 และประมาณเดือนสิงหาคม ค.ศ. 1957 24 00:00:59,510 --> 00:01:01,253 โซเวียตประสบความสำเร็จในการทดสอบ 25 00:01:01,253 --> 00:01:05,670 ขีปนาวุธข้ามทวีป R-7 ลูกแรก 26 00:01:05,670 --> 00:01:06,665 เป็นจรวดแบบเดียวกับที่ใช้ 27 00:01:06,665 --> 00:01:09,101 ปล่อยสปุตนิกในอีกสองเดือนต่อมา 28 00:01:09,101 --> 00:01:10,659 ดังนั้น สิ่งที่น่ากลัวเกี่ยวกับสปุตนิก 29 00:01:10,659 --> 00:01:12,562 ไม่ใช่ตัวลูกบอลที่มีวิถีโคจรรอบโลก 30 00:01:12,562 --> 00:01:14,511 แต่เป็นความจริงที่ว่า เทคโนโลยีเดียวกันนี้ 31 00:01:14,511 --> 00:01:18,063 สามารถใช้ปล่อยหัวรบนิวเคลียร์ไปสู่เมืองใดๆ ก็ได้ 32 00:01:18,063 --> 00:01:20,116 เมื่อไม่ต้องการตามหลังห่างมากจนเกินไป 33 00:01:20,116 --> 00:01:22,160 ประธานาธิบดีไอเซนฮาวร์ได้สั่งการให้กองทัพเรือ 34 00:01:22,160 --> 00:01:23,687 เร่งรัดโครงการของตนเองให้เร็วขึ้น 35 00:01:23,687 --> 00:01:26,724 และปล่อยดาวเทียมให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ 36 00:01:26,724 --> 00:01:29,730 ดังนั้น ในวันที่ 6 ธันวาคม ค.ศ. 1957 37 00:01:29,730 --> 00:01:31,480 ประชาชนที่ตื่นเต้นทั่วทั้งประเทศ 38 00:01:31,480 --> 00:01:33,721 ได้ชมการถ่ายทอดสด 39 00:01:33,721 --> 00:01:37,351 ในขณะที่ดาวเทียมแวนการ์ด TV3 (Vanguard TV3 ) ได้ทะยานขึ้น 40 00:01:37,351 --> 00:01:40,260 และตกกระแทกพื้นดินในสองวินาทีต่อมา 41 00:01:40,260 --> 00:01:42,568 ความล้มเหลวของแวนการ์ด เป็นความขายหน้าอย่างใหญ่หลวง 42 00:01:42,568 --> 00:01:44,209 สำหรับสหรัฐฯ 43 00:01:44,209 --> 00:01:45,526 หนังสือพิมพ์ได้ตีพิมพ์หัวข่าว เช่น 44 00:01:45,526 --> 00:01:47,830 "ดาวร่วง" (Flopnik) และ "ดาวเทียมหัวทิ่ม" (Kaputnik) 45 00:01:47,830 --> 00:01:50,989 และตัวแทนรัฐบาลโซเวียตประจำสหประชาชาติ ได้แนะนำแกมเยาะเย้ย 46 00:01:50,989 --> 00:01:53,068 ว่าสหรัฐฯ ควรรับความช่วยเหลือจากต่างประเทศ 47 00:01:53,068 --> 00:01:55,143 เพื่อการพัฒนาประเทศชาติ 48 00:01:56,404 --> 00:01:58,258 โชคยังดีที่กองทัพบกได้มีปฏิบัติการ 49 00:01:58,258 --> 00:02:01,015 ในโครงการคู่ขนานของตนเอง ที่ชื่อว่า ดิเอ็กซ์พลอเรอร์ (The Explorer) 50 00:02:01,015 --> 00:02:05,483 ซึ่งปล่อยดาวเทียมสำเร็จในเดือนมกราคม ค.ศ. 1958 51 00:02:05,483 --> 00:02:07,547 แต่สหรัฐฯ เองก็ยังแทบจะไล่ไม่ทัน 52 00:02:07,547 --> 00:02:09,437 ก่อนที่พวกเขาจะถูกแซงหน้าอีกครั้ง 53 00:02:09,437 --> 00:02:12,362 โดย ยูริ กาการิน (Yuri Gargarin) ได้กลายเป็นมนุษย์คนแรกที่ขึ้นสู่อวกาศ 54 00:02:12,362 --> 00:02:15,575 ในเดือนเมษายน ค.ศ. 1961 55 00:02:15,575 --> 00:02:16,729 เกือบหนึ่งปีผ่านไป 56 00:02:16,729 --> 00:02:18,677 และนักบินอวกาศโซเวียตอีกหลายคน 57 00:02:18,677 --> 00:02:19,824 ได้ปฏิบัติภารกิจของตนสำเร็จลุล่วง 58 00:02:19,824 --> 00:02:21,742 ก่อนที่โครงการเมอร์คิวรีจะประสบความสำเร็จ 59 00:02:21,742 --> 00:02:24,100 ซึ่งทำให้ จอห์น เกลน (John Glenn) เป็นชาวอเมริกันคนแรก 60 00:02:24,100 --> 00:02:27,699 ที่ขึ้นสู่วงโคจรในเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 1962 61 00:02:31,346 --> 00:02:33,489 ในเวลานั้น ประธานาธิบดีเคนเนดี้ได้ตระหนักว่า 62 00:02:33,489 --> 00:02:34,743 เพียงแค่ตามให้ทัน 63 00:02:34,743 --> 00:02:37,233 ความก้าวหน้าแต่ละครั้งของโซเวียต ในอีกสองสามเดือนต่อมา 64 00:02:37,233 --> 00:02:38,640 ไม่ได้แก้ปัญหาที่เป็นอยู่ 65 00:02:38,640 --> 00:02:41,153 สหรัฐฯ ต้องทำบางสิ่งบางอย่างก่อนให้ได้ 66 00:02:41,153 --> 00:02:44,869 และในเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 1961 หนึ่งเดือนหลังจากเที่ยวบินของกาการิน 67 00:02:44,869 --> 00:02:46,184 เขาได้ประกาศเป้าหมาย 68 00:02:46,184 --> 00:02:47,825 ในการส่งมนุษย์ไปลงบนดวงจันทร์ 69 00:02:47,825 --> 00:02:50,224 ในราวสิ้นทศวรรษ 1960 70 00:02:50,224 --> 00:02:52,962 พวกเขาทำสิ่งนี้สำเร็จผ่านโครงการอพอลโล 71 00:02:52,962 --> 00:02:55,442 ด้วยการที่ นีล อาร์มสตรอง ได้ปฏิบัติการย่างก้าวที่โด่งดัง 72 00:02:55,442 --> 00:02:58,784 ในวันที่ 20 กรกฏาคม ค.ศ. 1969 73 00:02:58,784 --> 00:03:01,040 ในเวลาต่อมาทั้งสองประเทศเบนความสนใจ 74 00:03:01,040 --> 00:03:02,851 ไปยังสถานีอวกาศโคจรรอบโลก 75 00:03:02,851 --> 00:03:04,489 ยังบอกไม่ได้ว่าการแข่งขันสำรวจอวกาศ 76 00:03:04,489 --> 00:03:06,936 จะดำเนินต่อไปอีกนานเท่าใด 77 00:03:06,936 --> 00:03:08,549 แต่เพราะว่าการพัฒนาฟื้นฟูความสัมพันธ์ 78 00:03:08,549 --> 00:03:11,316 โดยมีการเจรจา ระหว่าง ประธานาธิบดีเลโอนิด เบรจเนฟ (Leonid Breshnev) แห่งโซเวียต 79 00:03:11,316 --> 00:03:13,064 และ ประธานาธิบดีนิกสัน แห่งสหรัฐฯ 80 00:03:13,064 --> 00:03:16,283 โซเวียตและสหรัฐฯ จึงได้เดินหน้าสู่ความร่วมมือ 81 00:03:16,283 --> 00:03:18,294 แทนการแข่งขันกัน 82 00:03:18,294 --> 00:03:19,996 ภารกิจร่วมที่ประสบความสำเร็จ 83 00:03:19,996 --> 00:03:21,548 รู้จักกันในชื่อ "อพอลโล-โซยุซ" (Apollo-Soyuz) 84 00:03:21,548 --> 00:03:23,528 เป็นปฏิบัติการที่ยานอวกาศอพอลโลของสหรัฐฯ 85 00:03:23,528 --> 00:03:25,865 เข้าเชื่อมต่อกับยานอวกาศโซยุซของรัสเซีย 86 00:03:25,865 --> 00:03:27,415 และลูกเรือสองคนได้พบกัน 87 00:03:27,415 --> 00:03:28,065 จับมือกัน 88 00:03:28,065 --> 00:03:29,285 และแลกเปลี่ยนของขวัญกัน 89 00:03:29,285 --> 00:03:33,264 เป็นการจารึกสิ้นสุดการแข่งขันสำรวจอวกาศ ไว้ใน ค.ศ. 1975 90 00:03:33,264 --> 00:03:34,892 แล้วท้ายที่สุด อะไรคือจุดประสงค์ 91 00:03:34,892 --> 00:03:36,438 ของการแข่งขันสำรวจอวกาศทั้งหมดนี้ ? 92 00:03:36,438 --> 00:03:38,729 มันเป็นแค่การผลาญเวลาไปอย่างเปล่าประโยชน์หรือไม่ ? 93 00:03:38,729 --> 00:03:41,052 สองมหาอำนาจพยายามเอาชนะอีกฝ่ายหนึ่ง 94 00:03:41,052 --> 00:03:42,880 ด้วยความพยายามดำเนินโครงการอันเป็นสัญลักษณ์ 95 00:03:42,880 --> 00:03:44,889 ที่ทั้งอันตรายและมีราคาแพง ให้สำเร็จลุล่วง 96 00:03:44,889 --> 00:03:46,221 ใช้ทรัพยากรที่น่าจะสามารถ 97 00:03:46,221 --> 00:03:48,047 นำไปใช้ประโยชน์อย่างอื่นได้ดีกว่า ? 98 00:03:48,047 --> 00:03:50,228 แน่นอน คงทำนองนั้น 99 00:03:50,228 --> 00:03:52,041 แต่ผลประโยชน์กำไรที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ของโครงการสำรวจอวกาศ 100 00:03:52,041 --> 00:03:55,469 ไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้อง กับประเทศหนึ่งเอาชนะอีกประเทศหนี่งเลย 101 00:03:55,469 --> 00:03:56,699 ระหว่างการแข่งขันสำรวจอวกาศ 102 00:03:56,699 --> 00:03:59,348 เงินทุนสำหรับการศึกษาวิจัย โดยทั่วไป 103 00:03:59,348 --> 00:04:00,848 เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด 104 00:04:00,848 --> 00:04:02,164 นำไปสู่ความก้าวหน้ามากมาย 105 00:04:02,164 --> 00:04:04,334 ที่มิฉะนั้นอาจไม่เกิดขึ้นเลย 106 00:04:04,334 --> 00:04:06,761 เทคโนโลยีจำนวนมากของนาซา ที่พัฒนาสำหรับอวกาศ 107 00:04:06,761 --> 00:04:09,334 มีการนำไปใช้อย่างกว้างขวาง ในกิจการพลเรือนในปัจจุบัน 108 00:04:09,334 --> 00:04:11,080 จากที่นอนทำด้วยเมมโมรี่โฟม 109 00:04:11,080 --> 00:04:12,906 อาหารแช่แข็งอบแห้ง (freeze-dried food) 110 00:04:12,906 --> 00:04:15,445 ไปจนถึงหลอดไดโอดเปล่งแสง (LEDs) ที่ใช้ในการรักษาโรคมะเร็ง 111 00:04:15,445 --> 00:04:17,702 และแน่นอน ดาวเทียมต่างๆ ที่เราพึ่งพาใช้งาน 112 00:04:17,702 --> 00:04:19,890 สำหรับระบบ GPS และสัญญานโทรศัพท์มือถือของเรา 113 00:04:19,890 --> 00:04:20,950 ซึ่งจะเกิดขึ้นไม่ได้เลย 114 00:04:20,950 --> 00:04:22,619 หากไม่มีโครงการสำรวจอวกาศ 115 00:04:22,619 --> 00:04:23,890 ทั้งหมดแสดงให้เห็นว่า 116 00:04:23,890 --> 00:04:26,567 ผลตอบแทนของการวิจัยวิทยาศาสตร์และความก้าวหน้า 117 00:04:26,567 --> 00:04:28,007 มักจะมีคุณประโยชน์มากมายมหาศาล 118 00:04:28,007 --> 00:04:31,089 เกินกว่าที่ผู้มีส่วนร่วมในการทำมันให้สัมฤทธิ์ผล จะสามารถจินตนาการได้