1
00:00:00,000 --> 00:00:09,300
สวัสดีค่ะทุกคน 
ฉันเป็นนักกายวิภาคศาสตร์เปรียบเทียบ

2
00:00:09,300 --> 00:00:11,031
นักกายวิภาคศาสตร์เปรียบเทียบคือ คนที่ศึกษา

3
00:00:11,031 --> 00:00:14,058
โครงสร้างของร่างกาย ของสัตว์ชนิดต่าง ๆ

4
00:00:14,058 --> 00:00:15,832
สัตว์ที่ฉันโปรดปรานคือ ปลาวาฬ

5
00:00:15,832 --> 00:00:18,355
ฉันชอบศึกษาปลาวาฬ เพราะพวกมันน่าสนใจมากๆ

6
00:00:18,355 --> 00:00:20,007
พวกมันปรับตัวให้เข้ากับสิ่งแวดล้อมที่เป็นเอกลักษณ์
พวกมันปรับตัวให้เข้ากับสิ่งแวดล้อมใต้น้ำ

7
00:00:20,007 --> 00:00:21,373
ที่อยู่ใต้น้ำ
ที่เปี่ยมเอกลักษณ์

8
00:00:21,373 --> 00:00:22,990
เรื่องที่ฉันจะเล่าให้พวกคุณฟังคือ

9
00:00:22,990 --> 00:00:24,977
ปลาวาฬส่งเสียงได้โดย

10
00:00:24,977 --> 00:00:28,001
การผายลมออกมา จากหน้าของมัน

11
00:00:28,001 --> 00:00:29,571
มันผายลมที่ว่านี้

12
00:00:29,571 --> 00:00:31,735
ด้วยรูบนหัว เป็นการหายใจเอาอากาศออก

13
00:00:31,735 --> 00:00:33,704
แต่มันยังใช้อากาศทำอย่างอื่นอีก

14
00:00:33,704 --> 00:00:35,144
มันใช้สร้างเสียง

15
00:00:35,144 --> 00:00:36,703
ซึ่งฉันกำลังจะพูดถึง

16
00:00:36,703 --> 00:00:38,317
มีอีกหลายวิธีที่วาฬใช้อากาศ

17
00:00:38,317 --> 00:00:40,408
เช่นการป้องกันไม่ให้อากาศเข้าเส้นเลือด

18
00:00:40,408 --> 00:00:41,528
จะได้ไม่เกิดฟองอากาศ

19
00:00:41,528 --> 00:00:43,471
เหมือนกับที่เกิดขึ้นกับนักดำน้ำ

20
00:00:43,471 --> 00:00:46,021
ที่ขณะดำน้ำ แล้วเกิดอาการเมาความกดอากาศ

21
00:00:46,021 --> 00:00:47,803
แต่ที่ฉันอยากจะเล่า คือเรื่องที่ว่า

22
00:00:47,803 --> 00:00:50,033
สัตว์พวกนี้ทำเสียงผายลมอย่างไร

23
00:00:50,033 --> 00:00:51,726
เราต้องเข้าใจก่อนว่า

24
00:00:51,726 --> 00:00:53,627
การดูปลาวาฬนั้นยากเพียงใด

25
00:00:53,627 --> 00:00:56,525
เพราะมันอาศัยอยู่ใต้น้ำ และมันก็ใหญ่มากๆ

26
00:00:56,525 --> 00:00:58,398
มันจึงเป็นสัตว์ที่ยากแก่การศึกษา

27
00:00:58,398 --> 00:01:00,762
แค่ในภาพนี้ คุณเห็นสัตว์ที่อยู่ตรงกลางนั้นไหม

28
00:01:00,762 --> 00:01:03,995
มันคือลูกปลาวาฬ และขนาดของมันก็เท่ากับรถบัสแล้ว

29
00:01:03,995 --> 00:01:05,634
เมื่อศึกษาปลาวาฬ คุณต้องเริ่มจาก

30
00:01:05,634 --> 00:01:07,109
ด้านบนของหัวมัน เพราะที่นั้น

31
00:01:07,109 --> 00:01:08,747
มีจมูกมันอยู่

32
00:01:08,747 --> 00:01:10,287
มันคล้ายๆ กับ เครื่องดำน้ำในตัว

33
00:01:10,287 --> 00:01:12,497
มันใช้จมูกนี้หายใจ เพราะมันคือสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม

34
00:01:12,497 --> 00:01:14,136
และสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมจะหายใจด้วยอากาศ

35
00:01:14,136 --> 00:01:16,072
จมูกของพวกมัน จะเปิดปิดได้

36
00:01:16,072 --> 00:01:17,776
เหมือนมีมือหนีบอยู่ที่รูเลย


37
00:01:17,776 --> 00:01:19,385
จะเห็นรูมันเปิดอยู่ ตรงภาพล่างสุด

38
00:01:19,385 --> 00:01:20,814
ตรงที่ลูกศรสีแดงชี้ค่ะ

39
00:01:20,814 --> 00:01:23,137
แต่ไม่ใช่ปลาวาฬทุกตัวนะ ที่มีจมูกสองรู

40
00:01:23,137 --> 00:01:25,973
ปลาวาฬหลายชนิด รวมถึงปลาโลมาประเภทต่าง ๆ

41
00:01:25,973 --> 00:01:28,089
ปลาโลมาขนาดใหญ่ และ ขนาดเล็ก

42
00:01:28,089 --> 00:01:30,357
มีรูจมูกเพียงรูเดียว อยู่ข้างบนสุดของหัว

43
00:01:30,357 --> 00:01:32,356
มันจะเปิด และปิดรูจมูก

44
00:01:32,356 --> 00:01:35,445
โดยใช้ส่วนที่เสมือน ริมฝีปากบน

45
00:01:35,445 --> 00:01:39,135
แล้วเผยอมันขึ้นไปปิดจมูก แบบนี้

46
00:01:39,135 --> 00:01:40,822
นี่คือวิธีการที่มันเปิดและปิดจมูก

47
00:01:40,822 --> 00:01:42,504
ดังนั้น เมื่อมันส่งเสียง

48
00:01:42,504 --> 00:01:44,592
ก็เหมือนมันเป่าปากพรืดๆ

49
00:01:44,592 --> 00:01:47,920
เหมือนกับ (เสียงปาก) คล้ายเสียงผายลม ใช่ไหมคะ

50
00:01:47,920 --> 00:01:50,228
ที่นิวยอร์คเราเรียกมันว่า หรือที่เขาเรียกกันว่า 
เสียงเชียร์แบบคนบรองซ์ (Bronx Cheer)

51
00:01:50,228 --> 00:01:52,003
มันทำเสียงพวกนี้

52
00:01:52,003 --> 00:01:54,404
โดยใช้ริมฝีปาก ขนาดหนาใหญ่

53
00:01:54,404 --> 00:01:56,032
แบบที่เห็นจากภาพนี้

54
00:01:56,032 --> 00:01:58,527
ซึ่งเป็นภาพผ่าครึ่งของหัวปลาโลมา

55
00:01:58,527 --> 00:02:01,102
ริมฝีปาก คือก้อนหนาใหญ่สีเหลืองในวงกลมค่ะ

56
00:02:01,102 --> 00:02:04,542
มันจะขยับก้อนนี้ กลับไปกลับมาตรงเหนือจมูก

57
00:02:04,542 --> 00:02:06,014
ทำให้จมูกมันสั่น

58
00:02:06,014 --> 00:02:07,922
เหมือนตอนที่คุณปล่อยลมออกจากลูกโป่ง

59
00:02:07,922 --> 00:02:10,112
แล้วเกิดเสียงสั่นแปลกๆ

60
00:02:10,112 --> 00:02:12,169
เสียงที่ว่านั่น ดังแบบนี้ค่ะ

61
00:02:12,169 --> 00:02:13,179
(เสียงปลาโลมา)

62
00:02:13,179 --> 00:02:14,347
ได้ยินไหมคะ มันจะทำอีกครั้ง

63
00:02:14,347 --> 00:02:15,510
เมื่อมันมองกล้องค่ะ

64
00:02:15,510 --> 00:02:17,234
[เสียงปลาโลมา]

65
00:02:17,234 --> 00:02:19,300
ฟังเหมือน มันผายลมในน้ำเลย

66
00:02:19,300 --> 00:02:20,960
สิ่งที่เจ้าโลมาทำ จริงๆ แล้ว

67
00:02:20,960 --> 00:02:24,413
คือการใช้เสียงบอกตำแหน่ง (echolocation)
ซึ่งมันจะทำเป็นชุด ๆ

68
00:02:24,413 --> 00:02:26,947
คล้ายกับที่ ค้างคาวใช้โซน่าร์ (sonar)

69
00:02:26,947 --> 00:02:28,548
คือ ค้างค้าวใช้เรดาร์ แต่เมื่ออยู่ในน้ำ

70
00:02:28,548 --> 00:02:30,582
เราจะเรียก โซน่าร์ สัตว์พวกนี้ใช้โซน่าร์

71
00:02:30,582 --> 00:02:33,528
เพื่อให้เห็นโลกของมัน โดยใช้เสียง

72
00:02:33,528 --> 00:02:35,041
เราจะเข้าใจการทำงานของมันได้

73
00:02:35,041 --> 00:02:36,790
โดยนึกภาพว่า เรากำลังมองดู


74
00:02:36,790 --> 00:02:39,009
ลำโพงขยายเสียง ในชุดเครื่องเสียง

75
00:02:39,009 --> 00:02:41,563
ปลาวาฬที่มีฟันเล็กๆ 
คือลำโพงเสียงความถี่สูง (tweeters)

76
00:02:41,563 --> 00:02:43,079
เสียงนั้นก็มาจากจมูกเล็ก ๆ

77
00:02:43,079 --> 00:02:45,280
ที่เคลื่อนไหวกลับไปกลับมา

78
00:02:45,280 --> 00:02:46,845
และถูกส่งออกมาจากหน้าผากของมัน

79
00:02:46,845 --> 00:02:48,288
แต่พอไปดูที่เจ้าปลาวาฬตัวโต

80
00:02:48,288 --> 00:02:49,778
มันจะเหมือน ลำโพงเสียงความถี่ต่ำ (Woofer)

81
00:02:49,778 --> 00:02:52,167
เป็นลำโพงตัวใหญ่ที่อยู่ในชุดเครื่องเสียง

82
00:02:52,167 --> 00:02:55,154
สิ่งที่เกิดขึ้นคือ เสียงของพวกมันออกมาจากลำคอ

83
00:02:55,154 --> 00:02:57,336
ดังนั้น ถ้าคุณพยายามเลียนเสียงปลาวาฬ

84
00:02:57,336 --> 00:02:58,491
มาลองทำกันเลย

85
00:02:58,491 --> 00:03:01,027
เอาล่ะ พร้อมกัน "อาห์"

86
00:03:01,027 --> 00:03:02,945
เอาล่ะ เอามือของคุณจับที่ลำคอ

87
00:03:02,945 --> 00:03:06,203
บนลูกกระเดือก คุณรู้สึกว่ามันสั่นใช่ไหมคะ

88
00:03:06,203 --> 00:03:08,003
ซึ่งเปลืองพลังงานเปล่าค่ะ

89
00:03:08,003 --> 00:03:10,400
เพราะคุณไม่ได้สื่อสารกับคนอื่นด้วยวิธีนี้

90
00:03:10,400 --> 00:03:11,607
ต้องเปล่งออกทางปาก

91
00:03:11,607 --> 00:03:13,065
แต่ถ้าไปอ้าปากใต้น้ำ

92
00:03:13,065 --> 00:03:14,484
ไม่มีใครได้ยินเสียงคุณหรอก

93
00:03:14,484 --> 00:03:17,810
คุณต้องใช้พลังงานนี้ ขยายเป็นเสียงส่งผ่านน้ำออกไป

94
00:03:17,810 --> 00:03:19,484
และนั่นก็คือสิ่งที่ปลาวาฬทำ

95
00:03:19,484 --> 00:03:20,984
และเมื่อคุณได้ยินเสียงมัน

96
00:03:20,984 --> 00:03:22,126
[เสียงปลาวาฬ]

97
00:03:22,126 --> 00:03:24,772
ฟังสิ เหมือนกับเสียงตอนปล่อยลมออกจากลูกโป่งเลย

98
00:03:24,772 --> 00:03:26,951
พวกมันทำเสียงแหลมๆ แบบนี้

99
00:03:26,951 --> 00:03:28,401
แล้วก็ยังมีเสียงแบบนี้

100
00:03:28,401 --> 00:03:30,716
[เสียงปลาวาฬ]

101
00:03:30,716 --> 00:03:32,771
เหมือนกับเสียงผายลมเลย ใช่ไหมคะ

102
00:03:32,771 --> 00:03:36,037
เหมือนมีถุงเลียนเสียงตดใบใหญ่ยักษ์
อยู่ในลำคอมันเลย

103
00:03:36,037 --> 00:03:38,489
แล้วรู้ได้ไงล่ะ ว่ามันทำเสียงด้วยวิธีนี้จริงๆ

104
00:03:38,489 --> 00:03:40,909
เราศึกษา จากพวกปลาวาฬที่มาเกยตื้นนั่นเอง

105
00:03:40,909 --> 00:03:42,575
สัตว์พวกนี้ มาเกยตื้นตายบนชายหาด

106
00:03:42,575 --> 00:03:44,736
ถ้าเป็นพวกปลาวาฬตัวเล็ก ๆ 
เช่น ปลาโลมาต่าง ๆ จึงง่ายกว่า

107
00:03:44,736 --> 00:03:46,680
เพราะเราสามารถนำมันกลับไปที่ห้องแลปได้

108
00:03:46,680 --> 00:03:49,589
แต่กับพวกปลาวาฬตัวโต 
เราต้องนำห้องแลปไปหามัน

109
00:03:49,589 --> 00:03:51,379
แบบในภาพนี้ค่ะ

110
00:03:51,379 --> 00:03:54,074
นั่นคือฉันเอง คนสวมหมวกสีแดงตรงกลาง

111
00:03:54,074 --> 00:03:55,590
ฉันไม่ใช่คนตัวสูงมากนัก

112
00:03:55,590 --> 00:03:57,733
จะเห็นได้ว่า 
ปลาวาฬมันตัวใหญ่ขนาดไหนเมื่อเทียบกับฉัน

113
00:03:57,733 --> 00:04:00,354
เจ้าปลาวาฬตัวนี้ยาว 55 ฟุต 
และเครื่องมือผ่าตัดของฉัน

114
00:04:00,354 --> 00:04:02,301
ก็คือเครื่องมือเล็ก ๆ ที่อยู่ข้าง ๆ นี่

115
00:04:02,301 --> 00:04:03,798
มันดูเหมือน ไม้ตีฮอกกี้

116
00:04:03,798 --> 00:04:05,699
ที่ตรงปลายมีใบมีด

117
00:04:05,699 --> 00:04:08,534
การผ่าตัดปลาวาฬ มีขั้นตอนที่ยุ่งยากมาก

118
00:04:08,534 --> 00:04:10,692
คุณต้องเข้าไปยืนอยู่ ในชิ้นงานของคุณ

119
00:04:10,692 --> 00:04:13,262
เหมือนกับ เขตก่อสร้างขนาดมหึมาที่เต็มไปด้วยเลือด

120
00:04:13,262 --> 00:04:14,582
คุณต้องใส่หมวกที่แข็งมาก

121
00:04:14,582 --> 00:04:16,563
ต้องทำงานกับเครื่องมือหนักอึ้ง

122
00:04:16,563 --> 00:04:17,677
ในกรณีนี้ อย่างที่บอก

123
00:04:17,677 --> 00:04:21,219
นั่นเป็นเพียง 
กล่องเสียงของปลาวาฬสีน้ำเงิน แค่กล่องเสียงค่ะ

124
00:04:21,219 --> 00:04:23,388
แล้วตัวฉันก็สูงแค่ห้าฟุต จะเห็นได้ว่า

125
00:04:23,388 --> 00:04:24,864
แค่กล่องเสียง ก็ตั้ง 12 ฟุตแล้ว

126
00:04:24,864 --> 00:04:25,991
เรารู้ได้อย่างไรว่าเกิดอะไรขึ้น

127
00:04:25,991 --> 00:04:28,559
เรารู้ โดยดูที่กล่องเสียง หรือเส้นเสียง

128
00:04:28,559 --> 00:04:29,456
ดูข้างในของมัน

129
00:04:29,456 --> 00:04:31,610
อันนี้จากลูกปลาวาฬ ขนาดจึงเล็กกว่า

130
00:04:31,610 --> 00:04:32,963
ตรงส่วนที่เป็นตัวยู (U) อันเล็กๆ

131
00:04:32,963 --> 00:04:34,236
ที่ขีดไว้เป็นเส้นสีน้ำเงินนั้น

132
00:04:34,236 --> 00:04:35,622
นั่นคือส่วนที่เกิดการสั่น

133
00:04:35,622 --> 00:04:37,400
มันเหมือนกับกล่องเสียงของมนุษย์

134
00:04:37,400 --> 00:04:38,892
พอฉันเอามือสอดเข้าไป

135
00:04:38,892 --> 00:04:40,356
ตรงที่แขนเสื้อสีฟ้า

136
00:04:40,356 --> 00:04:41,934
คุณจะเห็นถุงอยู่ข้างใต้

137
00:04:41,934 --> 00:04:43,303
นั่นคืออวัยวะที่ทำหน้าที่ตะโกน
อวัยวะถุงเลียนเสียงตด


138
00:04:43,303 --> 00:04:45,440
นั่นคือ ถุงอากาศ หรือ ลูกโป่ง

139
00:04:45,440 --> 00:04:46,728
ดังนั้น นี่คือสิ่งที่สัตว์พวกนี้ทำ

140
00:04:46,728 --> 00:04:47,766
และคุณจะเห็นจากภาพนี้

141
00:04:47,766 --> 00:04:49,555
นี่คือลูกโป่งสีดำ ที่อยู่ในลำคอ

142
00:04:49,555 --> 00:04:51,609
อวัยวะที่ทำหน้าที่ย่อยอาหาร ตรงที่เป็นสีฟ้า

143
00:04:51,609 --> 00:04:54,115
อวัยวะที่ทำหน้าที่หายใจ ตรงที่เป็นสีฟ้าอ่อน

144
00:04:54,115 --> 00:04:55,301
ตอนนี้ คุณมี สีฟ้าอ่อนกับสีฟ้าเข้ม

145
00:04:55,301 --> 00:04:56,921
ตรงกลางด้านขวา จะเห็นถุงสีดำ

146
00:04:56,921 --> 00:04:59,512
สัตว์พวกนี้ใช้ ถุงนั่นสำหรับเปล่งเสียง

147
00:04:59,512 --> 00:05:02,045
มันทำให้ถุงนั่นสั่น และ ส่งเสียงออกมา

148
00:05:02,045 --> 00:05:04,195
ฟันเล็ก ๆ ของปลาวาฬก็มีถุงลมด้วยเช่นกัน

149
00:05:04,195 --> 00:05:05,141
และมันก็มีอยู่เต็มไปหมดข้างบนหัวของมัน

150
00:05:05,141 --> 00:05:06,668
มันก็เหมือนกับ พวกมันมีหัวเป็นถุงลม

151
00:05:06,668 --> 00:05:08,866
มันใช้สิ่งนี้ จับอากาศเท่าที่มันจะสามารถทำได้

152
00:05:08,866 --> 00:05:10,890
เพื่อที่จะนำอากาศ 
ลงไปกับมันด้วยเมื่อมันดำลงไปในน้ำ

153
00:05:10,890 --> 00:05:13,023
เพราะว่าเมื่อคุณดำน้ำ ความดันจะเพิ่มขึ้น

154
00:05:13,023 --> 00:05:15,725
และนั่น มันจะลดจำนวนของอากาศที่คุณมี

155
00:05:15,725 --> 00:05:18,257
แต่สิ่งที่สำคัญมาก ๆ 
คือการที่มีถุงนั่นมันทำให้พวกปลาวาฬ

156
00:05:18,257 --> 00:05:20,511
สามารถนำอากาศที่ใช้ไปแล้วมาใช้อีกได้

157
00:05:20,511 --> 00:05:21,923
เพราะ อากาศคือสิ่งที่มีค่า

158
00:05:21,923 --> 00:05:23,513
คุณไม่จำเป็นต้องกลับไปที่ผิวน้ำ

159
00:05:23,513 --> 00:05:24,808
เพื่อนำอากาศมาเพิ่ม

160
00:05:24,808 --> 00:05:26,677
ดังนั้นเมื่อคุณเปล่งเสียงใต้น้ำ

161
00:05:26,677 --> 00:05:27,756
ถ้าคุณเป็นปลาวาฬ

162
00:05:27,756 --> 00:05:28,725
ลองมาเริ่มทำเสียงกัน

163
00:05:28,725 --> 00:05:30,413
ลองทำเสียงนี้นะ อาาา

164
00:05:30,413 --> 00:05:31,861
แต่ ปลาวาฬ จะปิดปากนะ ลองดู

165
00:05:31,861 --> 00:05:33,730
(เสียงปาก)

166
00:05:33,730 --> 00:05:34,953
คุณกำลังฮัมอยู่ ใช่ไหมคะ

167
00:05:34,953 --> 00:05:35,947
แต่ ปลาวาฬ ปิดรูจมูกไว้เอา ลองดู

168
00:05:35,947 --> 00:05:39,021
(เสียงปาก)

169
00:05:39,021 --> 00:05:41,851
เกิดอะไรขึ้น? คุณจะทำเสียงอะไรไม่ได้เลย

170
00:05:41,851 --> 00:05:44,497
บางครั้งคุณปิดจมูก เพื่อลดระดับแรงดันทันทีที่ปิดจมูก 
เพราะคุณไปตรึงอากาศไว้ ทำให้ความดันคงที่


171
00:05:44,497 --> 00:05:46,084
ส่วนปลาวาฬ ด้วยถุงลมพวกนี้

172
00:05:46,084 --> 00:05:48,542
ทำให้พวกมันรักษาระบบความดันภายในเอาไว้ได้

173
00:05:48,542 --> 00:05:50,693
ซึ่งหมายความว่า อากาศ ได้ถ่ายเทต่อเนื่อง

174
00:05:50,693 --> 00:05:52,461
และถ้าคุณมีถุงใส่ไว้ที่ปลายจมูกของคุณ

175
00:05:52,461 --> 00:05:55,037
คุณก็จะมีอากาศถ่ายเทต่องเนื่องได้เช่นกัน

176
00:05:55,037 --> 00:05:56,453
ฉันหวังว่าคุณจะสนุกกับเรื่องราวที่ได้เล่าไป

177
00:05:56,453 --> 00:05:59,113
นั่นคือสิ่งที่นักกายวิภาคศาสตร์เปรียบเทียบ
ทำเป็นอาชีพเลี้ยงตัว

178
00:05:59,113 --> 00:06:00,880
เราศึกษาโครงสร้างของสัตว์พวกนี้

179
00:06:00,880 --> 00:06:01,890
พยายามเลียนแบบมัน

180
00:06:01,890 --> 00:06:03,835
แล้วปรับใช้กับสถานการณ์ของมนุษย์

181
00:06:03,835 --> 00:06:06,895
ซึ่งอาจทำให้เกิดวิทยาการใหม่ๆ ในการปกปักษ์รักษา

182
00:06:06,895 --> 00:06:09,152
หรือแม้แต่การเยียวยารักษา

183
00:06:09,152 --> 00:06:12,024
ให้ผู้คนที่เจ็บป่วย 
ด้วยการจำลองสถานการณ์แปลกประหลาด

184
00:06:12,024 --> 00:06:14,248
หวังว่าทุกคนคงสนุก ขอบคุณค่ะ