1 00:00:00,928 --> 00:00:03,915 เมื่อหลายปีก่อนผมได้ฟัง เรื่องตลกที่น่าสนใจเรื่องหนึ่ง 2 00:00:04,389 --> 00:00:06,777 มีหัวหน้าบริษัทอาหารสัตว์แห่งหนึ่ง 3 00:00:06,801 --> 00:00:09,056 เขาเข้าที่ประชุมประจำปีของผู้ถือหุ้น 4 00:00:09,080 --> 00:00:10,541 พร้อมกับกระป๋องอาหารสุนัข 5 00:00:10,565 --> 00:00:12,666 แล้วเขาก็กินอาหารสุนัขนั้นจนหมดกระป๋อง 6 00:00:12,690 --> 00:00:16,243 นี่เป็นการโน้มน้าวใจให้เห็นว่า ถ้าสินค้านี้ดีพอสำหรับเขาเอง 7 00:00:16,267 --> 00:00:17,944 มันก็ดีพอสำหรับสัตว์เลี้ยง ของพวกเขา 8 00:00:17,968 --> 00:00:20,404 กลยุทธ์นี้รู้จักกันในชื่อ "กินอาหารสุนัขตัวเอง" 9 00:00:20,428 --> 00:00:22,747 และมันก็เป็นกลยุทธ์ธุรกิจที่เจอได้ทั่วไป 10 00:00:22,771 --> 00:00:25,255 ไม่ได้หมายความว่าทุกคน ต้องไปกินอาหารสุนัขนะครับ 11 00:00:25,279 --> 00:00:27,500 แต่นักธุรกิจจะใช้ผลิตภัณฑ์ตัวเอง 12 00:00:27,524 --> 00:00:29,061 เพื่อแสดงให้เห็นว่า พวกเขารู้สึก 13 00:00:29,085 --> 00:00:30,790 มั่นใจในสินค้าของตัวเอง 14 00:00:30,814 --> 00:00:32,739 ตอนนี้มันก็เป็นหลักปฏิบัติอย่างกว้างขวาง 15 00:00:32,763 --> 00:00:35,858 แต่ผมคิดว่าที่น่าสนจริง ๆ คือ เมื่อคุณเจอข้อยกเว้น 16 00:00:35,882 --> 00:00:37,033 ต่อกฎนี้ 17 00:00:37,057 --> 00:00:39,764 เมื่อคุณเจอกรณีที่ธุรกิจหรือคนในวงธุรกิจ 18 00:00:39,788 --> 00:00:41,382 ที่ไม่ใช้ผลิตภัณฑ์ของตัวเอง 19 00:00:41,406 --> 00:00:44,527 ปรากฏว่ามีอุตสาหกรรมหนึ่ง ที่เรื่องแบบนี้ถือเป็นเรื่องธรรมดา 20 00:00:44,551 --> 00:00:45,711 ปกติธรรมดามากจริง ๆ 21 00:00:45,735 --> 00:00:48,169 และนั่นก็คืออุตสาหกรรมเทคโนโลยี ที่ทำงานด้วยหน้าจอ 22 00:00:48,193 --> 00:00:52,587 ในปี 2010 สตีฟ จ็อบส์ เปิดตัว iPad 23 00:00:52,611 --> 00:00:56,353 เขาอธิบายว่ามันเป็นอุปกรณ์ ที่ "พิเศษเหนือธรรมดา" 24 00:00:56,377 --> 00:00:58,917 "ประสบการณ์ดีที่สุดใน การท่องอินเตอร์เน็ตที่คุณเคยมี 25 00:00:58,941 --> 00:01:01,674 ทางเลือกที่ดีกว่าแล็ปท็อป ทางเลือกที่ดีกว่าสมาร์ทโฟน 26 00:01:01,698 --> 00:01:03,225 มันเป็นประสบการณ์อันเหลือเชื่อ" 27 00:01:03,249 --> 00:01:06,034 ไม่กี่เดือนต่อมา เขาก็ถูกสัมภาษณ์โดยนักข่าว 28 00:01:06,058 --> 00:01:07,214 จากนิวยอร์กไทมส์ 29 00:01:07,238 --> 00:01:08,737 พวกเขาคุยโทรศัพท์กันอย่างยืดยาว 30 00:01:08,761 --> 00:01:09,931 ในช่วงท้ายของการสนทนา 31 00:01:09,955 --> 00:01:13,345 นักข่าวตั้งคำถามที่ดูเบา แต่หนักหน่วง 32 00:01:13,369 --> 00:01:15,944 เขาถามว่า "ลูก ๆ ของคุณจะต้องรัก iPad แน่ ๆ เลย" 33 00:01:16,803 --> 00:01:18,432 คำตอบมันน่าจะชัดอยู่แล้ว 34 00:01:18,456 --> 00:01:21,075 แต่สิ่งที่จ็อบส์ตอบมาทำให้ นักข่าวคนนั้นซวนเซไปเลย 35 00:01:21,099 --> 00:01:22,290 เขาประหลาดใจมาก ๆ 36 00:01:22,314 --> 00:01:24,889 เพราะจ็อบส์ตอบว่า "พวกเขาไม่ได้ใช้มันเลย 37 00:01:24,913 --> 00:01:27,835 เราจำกัดว่าเด็ก ๆ จะใช้เทคโนโลยี ได้มากแค่ไหนเมื่ออยู่บ้าน" 38 00:01:27,859 --> 00:01:31,722 นี่เป็นเรื่องปกติธรรมดามาก ในโลกเทคโนโลยี 39 00:01:31,746 --> 00:01:34,181 ในความเป็นจริงคือมีโรงเรียน ใกล้ ๆ ซิลิคอนวัลเลย์ 40 00:01:34,205 --> 00:01:36,478 ชื่อว่า โรงเรียนวอลดอร์ฟ แห่งเพนินซูลา 41 00:01:36,502 --> 00:01:39,666 พวกเขาไม่ให้เด็ก ๆ ใช้ อุปกรณ์ที่มีหน้าจอจนกว่าจะเกรดแปด 42 00:01:39,690 --> 00:01:41,732 เรื่องน่าสนใจเกี่ยวกับโรงเรียนนั้นก็คือ 43 00:01:41,756 --> 00:01:43,805 กว่า 75% ของเด็กที่เรียนที่นั่น 44 00:01:43,829 --> 00:01:46,896 มีพ่อแม่เป็นผู้บริหารระดับสูง ของซิลิคอน วัลเลย์ 45 00:01:47,342 --> 00:01:50,857 เมื่อผมได้ฟังเรื่องนี้ ผมก็คิดว่ามันทั้งน่าสนและน่าประหลาดใจ 46 00:01:50,881 --> 00:01:53,913 และก็ทำให้ผมคิดทบทวนว่า หน้าจอสี่เหลี่ยมนี่กำลังทำอะไรกับผม 47 00:01:53,937 --> 00:01:55,894 กับครอบครัวและคนที่ผมรัก 48 00:01:55,918 --> 00:01:57,180 และต่อคนอื่นทั่วไป 49 00:01:57,204 --> 00:01:59,126 ดังนั้นในช่วงห้าปีที่ผ่านมา 50 00:01:59,150 --> 00:02:01,183 ในฐานะอาจารย์ด้านธุรกิจและจิตวิทยา 51 00:02:01,207 --> 00:02:03,911 ผมจึงศึกษาถึงผลกระทบของ หน้าจอที่มีต่อชีวิตเรา 52 00:02:04,889 --> 00:02:08,971 ผมจะเริ่มที่ว่ามันพรากเวลาจากเราไปเท่าไร 53 00:02:08,995 --> 00:02:11,501 และเราค่อยมาคุยกันว่า ช่วงเวลานั้นมันเป็นอะไรยังไง 54 00:02:11,525 --> 00:02:14,192 ที่ผมให้ทุกคนดูอยู่คือ 24 ชั่วโมงของวันธรรมดาโดยเฉลี่ย 55 00:02:14,216 --> 00:02:16,554 ในสามช่วงเวลาของประวัติศาสตร์ 56 00:02:16,578 --> 00:02:18,580 ปี 2007 เมื่อสิบปีที่แล้ว 57 00:02:18,604 --> 00:02:20,063 ปี 2015 58 00:02:20,087 --> 00:02:23,105 และข้อมูลที่จริง ๆ แล้วผมเพิ่งเก็บ เมื่อสัปดาห์ที่แล้วนี่เอง 59 00:02:23,129 --> 00:02:24,878 หลาย ๆ อย่างไม่ได้เปลี่ยนไป 60 00:02:24,902 --> 00:02:26,053 มากเท่าไรนัก 61 00:02:27,320 --> 00:02:30,095 เราหลับประมาณเจ็ดชั่วโมงครึ่งถึง แปดชั่วโมงต่อวัน 62 00:02:30,119 --> 00:02:33,436 บางคนบอกว่ามันลดลงนิดหน่อย แต่ก็นั่นก็ไม่ได้เปลี่ยนอะไรมากนัก 63 00:02:33,460 --> 00:02:36,714 เราทำงานแปดชั่วโมงครึ่งถึง เก้าชั่วโมงต่อวัน 64 00:02:36,738 --> 00:02:38,470 เราทำกิจการเพื่อการดำรงชีพ 65 00:02:38,494 --> 00:02:41,621 อย่างเช่น กินข้าว อาบน้ำ เลี้ยงลูก 66 00:02:41,645 --> 00:02:42,801 ประมาณสามชั่วโมงต่อวัน 67 00:02:42,825 --> 00:02:44,353 มีพื้นที่สีขาวเหลืออยู่ตรงนี้ 68 00:02:44,377 --> 00:02:46,044 นั่นคือเวลาส่วนตัว 69 00:02:46,068 --> 00:02:48,856 พื้นที่ตรงนั้นสำคัญกับเราอย่างยิ่ง 70 00:02:49,294 --> 00:02:52,168 พื้นที่ตรงนั้นเป็นที่ที่ทำให้เรา เป็นตัวของตัวเอง 71 00:02:52,192 --> 00:02:55,293 เป็นเวลาของงานอดิเรก การสานสัมพันธ์ 72 00:02:55,317 --> 00:02:58,199 ไว้ใช้ขบคิดเกี่ยวชีวิต หรือไว้ใช้คิดสร้างสรรค์อะไรใหม่ ๆ 73 00:02:58,223 --> 00:03:00,037 ที่ใช้ย้อนกลับมามองตัวเอง 74 00:03:00,061 --> 00:03:01,921 ว่าชีวิตนี้มีความหมายแล้วหรือยัง 75 00:03:01,945 --> 00:03:03,773 เราได้บางสิ่งนี้จากการทำงานได้เช่นกัน 76 00:03:03,797 --> 00:03:05,712 แต่เมื่อคนเรามองย้อนกลับไปดูชีวิต 77 00:03:05,736 --> 00:03:07,740 และสงสัยขึ้นมาว่าชีวิตของเรานั้น 78 00:03:07,764 --> 00:03:09,007 จะเป็นยังไงในตอนสุดท้าย 79 00:03:09,031 --> 00:03:10,918 ลองดูสิ่งสุดท้ายที่พวกเขากล่าว 80 00:03:10,942 --> 00:03:14,643 พวกเขากำลังคุยถึงช่วงเวลาตรงนั้น ที่เกิดขึ้นในพื้นที่ส่วนตัวสีขาวนั่น 81 00:03:14,667 --> 00:03:16,670 มันจึงศักดิ์สิทธิ์ มีความสำคัญต่อเรา 82 00:03:16,694 --> 00:03:18,545 คราวนี้สิ่งที่ผมจะให้ทุกคนดู คือ 83 00:03:18,569 --> 00:03:21,821 เราหมดเวลาตรงนั้นไปกับ หน้าจอสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ นี้ไปเท่าไร 84 00:03:21,845 --> 00:03:23,170 ปี 2007 85 00:03:23,194 --> 00:03:24,345 หมดไปเท่านี้ครับ 86 00:03:24,369 --> 00:03:27,349 นั่นคือปีที่ Apple เปิดตัว iPhone เครื่องแรก 87 00:03:27,373 --> 00:03:28,571 แปดปีต่อมา 88 00:03:29,239 --> 00:03:30,460 เป็นเท่านี้ครับ 89 00:03:31,318 --> 00:03:33,107 และมากเท่านี้ในปัจจุบัน 90 00:03:33,131 --> 00:03:36,569 ที่เห็นกันคือระยะเวลาที่ เวลาว่างของเราหมดไปกับหน้าจอ 91 00:03:36,593 --> 00:03:39,896 พื้นที่สีเหลืองนี้ ตรงเส้นบางๆ นี้ คือจุดที่สิ่งพิเศษเกิดขึ้นครับ 92 00:03:39,920 --> 00:03:41,502 นั่นคือที่ของความเป็นมนุษย์ของคุณ 93 00:03:41,526 --> 00:03:43,558 และตอนนี้มันเหลือน้อยแค่นี้เอง 94 00:03:44,243 --> 00:03:45,868 แล้วเราจะทำอะไรกับเรื่องนี้ได้บ้าง 95 00:03:45,892 --> 00:03:47,249 คำถามแรกเลยก็คือ 96 00:03:47,273 --> 00:03:49,132 พื้นที่สีแดงนั้นเป็นยังไง 97 00:03:49,156 --> 00:03:51,261 แน่นนอนว่าตอนนี้หน้าจอเป็นสิ่งมหัศจรรย์ 98 00:03:51,285 --> 00:03:52,713 สำหรับหลาย ๆ อย่าง 99 00:03:52,737 --> 00:03:53,994 ผมอยู่ที่นิวยอร์ก 100 00:03:54,018 --> 00:03:56,016 แต่ครอบครัวผมอยู่ที่ออสเตรเลีย 101 00:03:56,040 --> 00:03:57,470 และผมมีลูกชายวัยหนึ่งขวบคนนึง 102 00:03:57,494 --> 00:03:58,494 ผมคุยกับเขาได้ผ่านจอ 103 00:04:01,416 --> 00:04:03,506 ผมทำแบบนี้ไม่ได้แน่ ๆ 15 หรือ 20 ปีก่อน 104 00:04:03,530 --> 00:04:04,688 ด้วยวิธีการแบบนี้ 105 00:04:04,712 --> 00:04:06,869 นั่นคือเรื่องดีมาก ๆ ที่มากับมัน 106 00:04:06,893 --> 00:04:08,739 อีกสิ่งหนึ่งที่คุณทำได้คือถามตัวเองว่า 107 00:04:08,763 --> 00:04:10,846 เกิดอะไรขึ้นบ้างในช่วงเวลานั้น 108 00:04:10,870 --> 00:04:13,308 แล้วแอพฯ ที่เราใช้ล่ะให้ประโยชน์ มากน้อยแค่ไหน 109 00:04:13,332 --> 00:04:14,606 บางอย่างใช้แล้วดีจริง ๆ 110 00:04:14,630 --> 00:04:17,072 ถ้าคุณลองไปขัดจังหวะคนกำลังเล่นแอพฯ แล้วถามว่า 111 00:04:17,096 --> 00:04:18,684 บอกเราหน่อยสิ ตอนนี้รู้สึกยังไง 112 00:04:18,708 --> 00:04:21,104 เขาก็จะตอบว่าก็รู้สึกดีกับแอพฯ พวกนี้ 113 00:04:21,128 --> 00:04:24,488 นี่คือกลุ่มที่เน้นการผ่อนคลาย การออกกำลัง อากาศ การอ่านหนังสือ 114 00:04:24,512 --> 00:04:26,055 การศึกษา และสุขภาพ 115 00:04:26,079 --> 00:04:29,213 พวกเขาใช้แอพฯ กลุ่มนี้เฉลี่ย 9 นาที ต่อวัน 116 00:04:29,237 --> 00:04:31,567 แอพฯ พวกนี้ทำให้เรามีความสุขน้อยลง 117 00:04:32,099 --> 00:04:35,703 เกือบครึ่งของทุกคน เมื่อคุณไปขัดจังหวะ และถามว่า คุณรู้สึกไงบ้าง 118 00:04:35,727 --> 00:04:37,835 เขาจะบอกว่าแอพฯ นี้ เล่นแล้วรู้สึกไม่ค่อยดี 119 00:04:37,859 --> 00:04:39,490 ที่น่าสนใจของแอพฯ กลุ่มนี้ก็คือ 120 00:04:39,514 --> 00:04:41,224 แอพฯ นัดเดท โซเชียลเน็ตเวิร์ค เกม 121 00:04:41,248 --> 00:04:43,974 ความบันเทิง ข่าว ส่องเว็บ 122 00:04:43,998 --> 00:04:46,604 ผู้คนใช้เวลากับแอพพวกนี้ถึง  27 นาทีต่อวัน 123 00:04:46,628 --> 00:04:50,180 เราใช้เวลามากกว่าถึง 3 เท่า กับแอพที่ทำให้เราไม่มีความสุข 124 00:04:50,204 --> 00:04:51,872 นั่นดูไม่ฉลาดเท่าไรเลย 125 00:04:52,886 --> 00:04:55,424 เหตุผลหนึ่งที่ทำให้เราหมดเวลาไปเยอะ กับแอพฯ พวกนั้น 126 00:04:55,448 --> 00:04:56,600 ที่ทำให้เราไม่มีความสุข 127 00:04:56,624 --> 00:04:58,156 ก็คือมันขโมยจุดเตือนให้หยุดไป 128 00:04:58,180 --> 00:05:00,559 จุดเตือนให้หยุดมีอยู่ทุกหนแห่ง ในศตวรรษที่ 20 129 00:05:00,583 --> 00:05:02,447 มันซ่อนอยู่ในทุกเรื่องที่เราทำ 130 00:05:02,471 --> 00:05:05,887 จุดเตือนให้หยุดเป็นสัญญาณเตือนกับเรา ว่าได้เวลาไปทำอย่างอื่นแล้ว 131 00:05:05,911 --> 00:05:08,608 ไปทำอะไรใหม่ ๆ ทำอะไรที่ต่างจากที่ทำอยู่ 132 00:05:08,632 --> 00:05:11,828 ลองนึกถึงหนังสือพิมพ์ ที่สุดท้ายแล้วเราก็จะอ่านถึงหน้าสุดท้าย 133 00:05:11,852 --> 00:05:14,149 และเราก็จะพับ และโยนมันไปไว้ข้าง ๆ 134 00:05:14,173 --> 00:05:17,331 เหมือนกันกับนิตยสาร หนังสือ ที่คุณก็จะอ่านไปถึงตอนจบของบท 135 00:05:17,355 --> 00:05:20,132 ทำให้คุณได้หยุดคิดว่าจะทำอะไรต่อไป 136 00:05:20,504 --> 00:05:23,202 หรือถ้าดูรายการทีวี เดี๋ยวรายการมันก็จบ 137 00:05:23,226 --> 00:05:25,631 และคุณต้องรอไปอีกหนึ่งสัปดาห์ จนกว่าตอนใหม่จะมา 138 00:05:25,655 --> 00:05:27,409 มีจุดเตือนให้หยุดทุกที่เลย 139 00:05:27,433 --> 00:05:31,183 แต่วิธีการเสพสื่อทุกวันนี้เป็นแบบที่ ไม่มีจุดเตือนให้หยุด 140 00:05:31,923 --> 00:05:33,498 ฝีดข่าวมันเลื่อนไปได้เรื่อย ๆ 141 00:05:33,522 --> 00:05:37,195 และทุกสิ่งไม่มีตอนจบ ทั้ง  twitter Facebook instagram 142 00:05:37,219 --> 00:05:40,361 อีเมล์ ข้อความสั้น หรือข่าว 143 00:05:40,385 --> 00:05:43,355 พอคุณเช็คจากทุกแหล่งข่าวแล้ว 144 00:05:43,379 --> 00:05:45,720 คุณก็ยังไปต่อได้อีกเรื่อย ๆ 145 00:05:45,744 --> 00:05:50,154 เราอาจจะไปขอยืมจุดหยุดแบบที่ ทำกันในยุโรปตะวันตก 146 00:05:50,178 --> 00:05:53,579 ที่นั่นดูเหมือนจะมีไอเดียดี ๆ พวกนี้เยอะ ในที่ทำงาน 147 00:05:53,603 --> 00:05:56,011 นี่เป็นตัวอย่างหนึ่ง บริษัทออกแบบจากเนเธอแลนด์ 148 00:05:56,035 --> 00:05:59,421 ที่พวกเขาทำคือโยงโต๊ะทำงานเข้ากับเพดาน 149 00:05:59,445 --> 00:06:00,597 และทุกวันตอน 6 โมงเย็น 150 00:06:00,621 --> 00:06:03,428 ไม่ว่าคุณกำลังตอบอีเมล์หรือทำอะไรก็ตาม 151 00:06:03,452 --> 00:06:04,929 โต๊ะทำงานจะถูกยกขึ้นไปติดเพดาน 152 00:06:04,953 --> 00:06:06,061 (เสียงหัวเราะ) 153 00:06:06,085 --> 00:06:07,335 (เสียงปรบมือ) 154 00:06:07,359 --> 00:06:11,602 4 วันในสัปดาห์ พื้นที่ตรงนี้จะเปลี่ยนเป็น สตูดิโอโยคะ 155 00:06:11,626 --> 00:06:13,257 1 วันจะเปลี่ยนเป็นคลับเต้นรำ 156 00:06:13,281 --> 00:06:15,810 ขึ้นอยู่กับว่าช่วงนั้นคุณกำลังชอบอะไรกัน 157 00:06:15,834 --> 00:06:17,521 นี่เป็นกฎการหยุดที่เยี่ยมไปเลย 158 00:06:17,545 --> 00:06:19,432 เพราะหมายความว่า เมื่อหมดวัน 159 00:06:19,456 --> 00:06:21,493 ทุกอย่างต้องหยุด ห้ามทำงานอีกต่อไป 160 00:06:21,517 --> 00:06:24,961 บริษัท Diamler ผู้ผลิตรถยนต์ที่เยอรมนี พวกเขามีกลยุทธ์ที่เยี่ยมพอ ๆ กัน 161 00:06:24,985 --> 00:06:26,515 เมื่อคุณพักผ่อนวันหยุด 162 00:06:26,539 --> 00:06:28,743 แทนที่จะบอกว่า "คนนี้อยู่ระหว่างลาพักผ่อน 163 00:06:28,767 --> 00:06:30,490 พวกเขาจะกลับมาพบคุณในภายหลัง" 164 00:06:30,514 --> 00:06:33,736 พวกเขากลับพูดว่า "บุคคลนี้กำลังลาพัก ดังนั้นเราจะลบอีเมล์ของคุณทิ้ง" 165 00:06:33,760 --> 00:06:36,406 "เขาจะไม่เห็นอีเมล์ที่คุณส่งมา" 166 00:06:36,430 --> 00:06:37,446 (เสียงหัวเราะ) 167 00:06:37,470 --> 00:06:40,111 "คุณจะตอบอีเมล์กลับในอีกสองสามสัปดาห์ 168 00:06:40,135 --> 00:06:41,621 หรือจะเมล์ไปหาคนอื่นแทนก็ได้" 169 00:06:41,645 --> 00:06:42,673 (เสียงหัวเราะ) 170 00:06:42,697 --> 00:06:43,869 ดังนั้นแล้ว 171 00:06:43,893 --> 00:06:47,535 (เสียงปรบมือ) 172 00:06:48,882 --> 00:06:50,520 คุณนึกออกเลยล่ะสิว่ามันเป็นยังไง 173 00:06:50,544 --> 00:06:53,002 ได้หยุดพักผ่อนที่เป็นการหยุดจริงๆ 174 00:06:53,026 --> 00:06:54,995 คนทำงานที่บริษัทนี้รู้สึกว่า 175 00:06:55,019 --> 00:06:57,381 พวกเขาได้พักจากงานอย่างแท้จริง 176 00:06:57,405 --> 00:06:59,322 แน่นอนว่า นี่ไม่ได้ช่วยอะไรมากนัก 177 00:06:59,346 --> 00:07:01,645 เรื่องที่ว่าเราจะทำตัวอย่างไรเมื่ออยู่บ้าน 178 00:07:01,669 --> 00:07:03,351 ดังนั้นผมจะให้คำแนะนำคร่าว ๆ 179 00:07:03,375 --> 00:07:07,868 การพูดว่าช่วง 5 ถึง 6 โมงเย็น ผมจะไม่ใช้โทรศัพท์ เป็นเรื่องง่าย 180 00:07:07,892 --> 00:07:11,323 ปัญหาคือ 5-6โมงเย็น แต่ละวันไม่เหมือนกัน 181 00:07:11,347 --> 00:07:13,534 ผมว่าทางที่ดีกว่าควรจะเป็นว่า 182 00:07:13,558 --> 00:07:15,027 ทุก ๆ วันผมทำหลายอย่างเลยครับ 183 00:07:15,051 --> 00:07:17,405 มีหลายเรื่องที่เกิดขึ้น 184 00:07:17,429 --> 00:07:18,688 เช่น ทานอาหารเย็น 185 00:07:18,712 --> 00:07:20,030 บางครั้งก็อยู่คนเดียว 186 00:07:20,054 --> 00:07:21,560 บางครั้งก็กับคนอื่น 187 00:07:21,584 --> 00:07:22,863 บางทีก็ที่ร้านอาหาร 188 00:07:22,887 --> 00:07:24,075 บ้างก็ที่บ้าน 189 00:07:24,099 --> 00:07:27,745 แต่กฎที่ผมตั้งขึ้นมาคือ ผมจะไม่ใช้มือถือบนโต๊ะอาหาร 190 00:07:28,123 --> 00:07:29,557 เอาไปไว้ให้ไกล 191 00:07:29,581 --> 00:07:31,042 ไกลเท่าที่จะไกลได้ 192 00:07:31,066 --> 00:07:33,375 เพราะเราต้านทานความอยากได้ไม่ดีเท่าไร 193 00:07:33,399 --> 00:07:36,470 แต่เมื่อมีจุดเตือนให้หยุด เช่นตอนเริ่มมื้อเย็น 194 00:07:36,494 --> 00:07:37,650 มือถือผมจะไปอยู่ไกลตัว 195 00:07:37,674 --> 00:07:39,342 ทำให้ลดความปรารถนาไว้ได้ 196 00:07:39,366 --> 00:07:41,083 แรก ๆ ก็ทำใจลำบากหน่อย 197 00:07:41,107 --> 00:07:42,729 ผมนี่กังวลสุด ๆ ไปเลย 198 00:07:42,753 --> 00:07:43,819 (เสียงหัวเราะ) 199 00:07:43,843 --> 00:07:45,009 ถึงขั้นต้องดิ้นรน 200 00:07:45,369 --> 00:07:47,299 แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือ คุณจะชินไปเอง 201 00:07:47,323 --> 00:07:50,421 เราเอาชนะอาการลงแดงได้ แบบเดียวกับการหยุดใช้ยา 202 00:07:50,445 --> 00:07:53,230 และสิ่งที่เกิดขึ้นอีกคือ ชีวิตมีสีสัน รุ่มรวย 203 00:07:53,254 --> 00:07:54,409 และน่าสนใจมากขึ้น 204 00:07:54,433 --> 00:07:56,083 คุณมีบทสนทนาที่ดีกว่าเดิม 205 00:07:56,107 --> 00:07:59,131 คุณเชื่อมต่อกับผู้คนที่อยู่รอบตัวคุณ 206 00:07:59,155 --> 00:08:00,799 ผมว่ามันเป็นกลยุทธ์ที่น่าอัศจรรย์ 207 00:08:00,823 --> 00:08:03,312 และเรารู้ว่ามันได้ผล เพราะคนที่ทำเช่นนี้ 208 00:08:03,336 --> 00:08:05,926 ผมตามเก็บข้อมูลคนที่ทดลองจำนวนมาก 209 00:08:05,950 --> 00:08:07,120 มันขยายไปสู่เวลาอื่น 210 00:08:07,144 --> 00:08:08,460 พวกเขารู้สึกดีต่อเรื่องนี้ 211 00:08:08,484 --> 00:08:11,576 พวกเขาเริ่มมันตั้งแต่ชั่วโมงแรกหลังตื่นนอน 212 00:08:11,600 --> 00:08:14,725 พวกเขาเริ่มเปิดโหมดเครื่องบิน ในช่วงสุดสัปดาห์ 213 00:08:14,749 --> 00:08:18,486 ทำแบบนี้ทำให้มือถือคุณยังใช้เป็นกล้องได้ แต่มันจะโทรเข้าโทรออกไม่ได้ 214 00:08:18,510 --> 00:08:19,845 นี่เป็นความคิดที่มีพลังมาก 215 00:08:19,869 --> 00:08:23,498 และรู้ว่าผู้คนรู้สึกดีขึ้นกับชีวิต เมื่อทำแบบนี้ 216 00:08:23,973 --> 00:08:25,562 งั้นสิ่งที่จะได้ไปวันนี้คืออะไร 217 00:08:25,586 --> 00:08:27,825 หน้าจอมันมหัศจรรย์ ผมบอกเรื่องนี้ไปแล้ว 218 00:08:27,849 --> 00:08:29,201 ผมคิดว่านี่เป็นเรื่องจริง 219 00:08:29,225 --> 00:08:33,845 แต่วิธีที่เราใช้มันนั้นเหมือนกับ ขับรถไปอย่างรวดเร็วบนถนนที่ยาวไกล 220 00:08:33,869 --> 00:08:37,032 และคุณอยู่บนรถที่คันเร่งเหยียบมิดติดพื้น 221 00:08:37,056 --> 00:08:39,104 มันก็เลยยากที่จะไปแตะเบรก 222 00:08:39,128 --> 00:08:40,620 คุณมีทางเลือก 223 00:08:41,510 --> 00:08:45,673 คุณทำได้ทั้งร่อนถลาผ่านวิวทะเลอันสวยงาม 224 00:08:45,697 --> 00:08:48,793 แล้วถ่ายรูปผ่านหน้าต่าง มันง่ายจะตายไป 225 00:08:48,817 --> 00:08:52,357 หรือคุณจะไปบนทางของตัวเอง เพื่อจะ 226 00:08:52,381 --> 00:08:53,853 แตะเบรก 227 00:08:53,877 --> 00:08:55,030 เพื่อออกไปข้างนอก 228 00:08:55,054 --> 00:08:56,935 ถอดรองเท้า ถุงเท้า 229 00:08:56,959 --> 00:08:59,224 ลองเดินไปบนเม็ดทราย 230 00:08:59,248 --> 00:09:01,488 สัมผัสความรู้สึกของทรายใต้ฝ่าเท้า 231 00:09:01,512 --> 00:09:02,663 เดินไปสู่น้ำทะเล 232 00:09:02,687 --> 00:09:04,800 ให้น้ำทะเลได้สาดซัดมาโดนคุณ 233 00:09:05,207 --> 00:09:08,022 ชีวิตจะรุ่มรวยและมีคุณค่ายิ่งขึ้น 234 00:09:08,046 --> 00:09:10,264 เพราะคุณมีประสบการณ์นั้นด้วยตนเอง 235 00:09:10,288 --> 00:09:12,684 และเพราะคุณทิ้งโทรศัพท์ไว้ในรถด้วย 236 00:09:12,708 --> 00:09:13,879 ขอบคุณครับ 237 00:09:13,903 --> 00:09:16,204 (เสียงปรบมือ)