WEBVTT 00:00:10.170 --> 00:00:11.172 คุณเคยสังเกตไหม 00:00:11.172 --> 00:00:12.570 ว่าดวงจันทร์นั้นดูใหญ่ขึ้น 00:00:12.570 --> 00:00:14.042 เมื่ออยู่ใกล้ขอบฟ้า 00:00:14.042 --> 00:00:15.976 ใหญ่กว่าตอนที่มันอยู่สูงเหนือหัว 00:00:15.976 --> 00:00:17.530 คุณไม่ใช่แค่คนเดียวที่รู้สึกเช่นนั้น 00:00:17.530 --> 00:00:19.730 ผู้คนต่างสงสัยเกี่ยวกับปรากฎการณ์ประหลาดนี้ 00:00:19.730 --> 00:00:21.105 ตั้งแต่ยุคโบราณ 00:00:21.105 --> 00:00:23.600 และที่น่าประหลาดใจ คือเรายังไม่มี 00:00:23.600 --> 00:00:24.315 คำอธิบายดีๆ 00:00:24.315 --> 00:00:26.358 แต่ไม่ใช่เพราะเราไม่พยายามอธิบายมัน 00:00:26.358 --> 00:00:28.626 นักคิดผู้ยิ่งใหญ่หลายๆ คนในประวัติศาสตร์ 00:00:28.626 --> 00:00:29.395 เช่น อริสโตเติล 00:00:29.395 --> 00:00:30.084 พโตเลมี 00:00:30.084 --> 00:00:30.816 ดาวินชี่ 00:00:30.816 --> 00:00:31.560 เดคาร์ท 00:00:31.560 --> 00:00:33.286 ล้วนต่างใคร่ครวญปัญหานี้มาแล้ว 00:00:33.286 --> 00:00:36.645 แต่ก็ไม่สามารถหาคำอธิบายที่ดีพอ 00:00:36.645 --> 00:00:38.317 แนวคิดแรกๆ เสนอว่า 00:00:38.317 --> 00:00:40.426 ภาพของดวงจันทร์บนท้องฟ้า 00:00:40.426 --> 00:00:42.797 นั้นใหญ่ขึ้นจริงๆ ตอนมันอยู่ที่ขอบฟ้า 00:00:42.797 --> 00:00:45.728 บางทีชั้นบรรยากาศโลกอาจทำตัวเป็นเหมือนเลนส์ยักษ์ 00:00:45.728 --> 00:00:48.343 ที่ขยายภาพดวงจันทร์ในขณะที่มันขึ้นหรือตก 00:00:48.343 --> 00:00:50.680 แต่คำอธิบายนั้นเหลวไหล 00:00:50.680 --> 00:00:52.816 ถ้าเป็นจริง การหักเหแสงของชั้นบรรยากาศโลก 00:00:52.816 --> 00:00:55.100 จะทำให้ดวงจันทร์เล็กลงนิดหน่อยด้วยซ้ำ 00:00:55.100 --> 00:00:56.561 อีกทั้ง ถ้าคุณวัดขนาด 00:00:56.561 --> 00:00:57.926 ของดวงจันทร์ที่คุณเห็น 00:00:57.926 --> 00:00:59.940 ที่ตำแหน่งต่างๆ 00:00:59.940 --> 00:01:00.594 ขนาดนั้นจะเท่าเดิมตลอด 00:01:00.594 --> 00:01:02.438 แต่กระนั้น ทำไมมันจึงดูเหมือนใหญ่กว่า 00:01:02.438 --> 00:01:03.822 เมื่อตอนมันขึ้นมาหล่ะ? 00:01:03.822 --> 00:01:06.141 นี่คงเป็นรูปแบบหนึ่งของภาพลวงตา 00:01:06.141 --> 00:01:08.207 คำถามก็คือ ภาพลวงตาแบบไหน 00:01:08.207 --> 00:01:11.113 คำอธิบายหนึ่งคือ ปรากฎการณ์ เอ็บบิงเฮาล์ (Ebbinghaus Illusion) 00:01:11.113 --> 00:01:13.327 คือเมื่อวัตุที่เหมือนกันสองชิ้นถูกมองว่าต่างกัน 00:01:13.327 --> 00:01:14.796 เพราะขนาดเปรียบเทียบ 00:01:14.796 --> 00:01:17.100 กับวัตถุที่ล้อมรอบ 00:01:17.100 --> 00:01:21.295 วงกลมตรงกลางทั้งสองวงนั้น จริงๆ แล้วมีขนาดเท่ากัน 00:01:21.295 --> 00:01:23.323 บางทีดวงจันทร์ดูใหญ่ขึ้นเมื่ออยู่ใกล้ขอบฟ้า 00:01:23.323 --> 00:01:25.206 เพราะว่าใกล้ๆ มัน มีต้นไม้เล็กๆ, 00:01:25.206 --> 00:01:25.843 บ้านเรือน, 00:01:25.843 --> 00:01:27.680 และตึกระฟ้าไกลๆ. 00:01:27.680 --> 00:01:29.143 แต่เมื่อดวงจันทร์ลอยสูงขึ้น 00:01:29.143 --> 00:01:31.648 มันถูกห้อมล้อมด้วยความมืดอันกว้างใหญ่ของท้องฟ้า 00:01:31.648 --> 00:01:34.128 จึงทำให้มันดูเล็กลง 00:01:34.128 --> 00:01:37.096 ความเป็นไปได้อีกอย่างหนึ่งคือ ปรากฎการณ์ พอนโซ (Ponzo Illusion) ที่โด่งดัง 00:01:37.096 --> 00:01:39.515 ถ้าคุณเคยพยายามวาดภาพทิวทัศน์ 00:01:39.515 --> 00:01:41.864 คุณจะรู้ว่าถ้าบางอย่างอยู่ใกล้เส้นขอบฟ้ามากเท่าไร 00:01:41.864 --> 00:01:43.818 คุณควรเขียนให้มันมีขนาดเล็กลงมากเท่านั้น 00:01:43.818 --> 00:01:46.593 สมองของเราชดเชยโดยอัตโนมัติ 00:01:46.593 --> 00:01:48.706 โดยการรับรู้สิ่งที่อยู่ใกล้ขอบฟ้า 00:01:48.706 --> 00:01:50.876 ว่ามันใหญ่กว่าที่มันปรากฎ 00:01:50.876 --> 00:01:52.787 เส้นสีเหลือง 2 เส้นในรูปวาดนี้ 00:01:52.787 --> 00:01:53.904 มีขนาดเท่ากัน 00:01:53.904 --> 00:01:55.572 แต่อันบนนั้นดูใหญ่กว่า 00:01:55.572 --> 00:01:57.412 เพราะเราตีความมันว่ามันถอยห่าง 00:01:57.412 --> 00:01:59.042 ออกไปในเส้นขอบฟ้า 00:01:59.042 --> 00:02:01.379 ดังนั้น ระหว่างพอนโซ และเอ็บบิงเฮาส์ 00:02:01.379 --> 00:02:02.911 ดูราวกับว่าเราได้ไขปริศนา 00:02:02.911 --> 00:02:03.995 แห่งภาพลวงตาของดวงจันทร์แล้ว 00:02:03.995 --> 00:02:06.375 แต่โชคร้าย ที่ยังมีรายละเอียดอีกสองสามอย่าง 00:02:06.375 --> 00:02:08.354 ที่ยังเป็นเรื่องซับซ้อนอยู่ 00:02:08.384 --> 00:02:11.352 อย่างแรก ถ้านี่เป็นแค่ปรากฎการณ์เอบบิงเฮาส์ 00:02:11.352 --> 00:02:12.884 เราก็ควรคาดว่า ภาพลวงตาของดวงจันทร์ 00:02:12.884 --> 00:02:16.112 จะหายไปสำหรับเหล่านักบินที่บินสูงเหนือเมฆ 00:02:16.112 --> 00:02:18.066 เพราะคงไม่มีสิ่งเล็กๆ อื่นๆ 00:02:18.066 --> 00:02:19.599 ใกล้เส้นขอบฟ้า 00:02:19.599 --> 00:02:22.603 แต่ในความเป็นจริง นักบิน กะลาสีเรือ ที่อยู่กลางทะเล 00:02:22.603 --> 00:02:24.825 ก็ยังอ้างว่าเห็นภาพลวงตาของดวงจันทร์ 00:02:24.825 --> 00:02:27.525 ในอีกแง่หนึ่ง ถ้านั่นเป็นแค่การ ที่สมองของเราปรับแก้ขนาดโดยอัตโนมัติ 00:02:27.525 --> 00:02:29.663 สำหรับวัตถุที่อยู่ใกล้เส้นขอบฟ้า 00:02:29.663 --> 00:02:31.196 เราน่าจะต้องเห็นภาพลวงของดวงจันทร์ 00:02:31.196 --> 00:02:33.488 ในท้องฟ้าจำลองด้วยเช่นกัน 00:02:33.488 --> 00:02:34.449 ที่ซึ่งทั้งท้องฟ้า 00:02:34.449 --> 00:02:35.619 รวมถึงเส้นขอบฟ้า 00:02:35.619 --> 00:02:38.789 ถูกแสดงในโดมทรงกลมเหนือหัวของเรา 00:02:38.789 --> 00:02:40.430 กระนั้น การศึกษาได้เผยให้เห็นว่า 00:02:40.430 --> 00:02:42.141 มันไม่ได้เป็นเช่นนั้น 00:02:42.141 --> 00:02:43.257 ที่แย่กว่านั้น 00:02:43.257 --> 00:02:45.929 ภาพลวงตาของดวงจันทร์จะหายไปโดยสิ้นเชิง 00:02:45.929 --> 00:02:47.011 ถ้าคุณแค่ก้มลง 00:02:47.011 --> 00:02:49.071 และมองดวงจันทร์ลอดใต้หว่างขา 00:02:49.071 --> 00:02:51.379 นี่มันตลกสิ้นดี 00:02:52.470 --> 00:02:54.551 หนึ่งในคำอธิบายที่ดีที่สุดตอนนี้ 00:02:54.551 --> 00:02:57.384 เป็นที่รู้จักกันในชื่อ คอนเวอร์ชัน ไมครอปเซีย (Convergence Micropsia) 00:02:57.384 --> 00:02:59.568 สมองของเรา ตัดสินระยะถึงวัตถุต่างๆ 00:02:59.568 --> 00:03:01.108 และขนาดที่เห็นได้ของมัน 00:03:01.108 --> 00:03:03.064 โดยการปรับโฟกัสของดวงตา 00:03:03.064 --> 00:03:04.528 เมื่อดูที่เส้นขอบฟ้า 00:03:04.528 --> 00:03:06.861 ตาของคุณต้องปรับโฟกัสไปไกลๆ 00:03:06.861 --> 00:03:09.200 ดังนั้นสมองคุณจึงรู้ว่าคุณกำลังมองไปที่ไกลๆ 00:03:09.200 --> 00:03:11.178 ดวงจันทร์จึงถูกเห็นว่ามีขนาดหนึ่ง 00:03:11.178 --> 00:03:12.860 สองคุณคิดว่ามันไกล 00:03:12.860 --> 00:03:13.705 ซึ่งจริงๆ ก็เป็นเช่นนั้น 00:03:13.705 --> 00:03:16.585 ดังนั้น โดยสัญชาติญาณ คุณจึงสรุปว่าดวงจันทร์จะต้องใหญ่ 00:03:16.585 --> 00:03:18.619 แต่เมื่อมองขึ้นไปในท้องฟ้าสูงขึ้น 00:03:18.619 --> 00:03:20.505 ไม่มีอะไรให้ตาของคุณโฟกัส 00:03:20.505 --> 00:03:22.344 ดังนั้น ตาเราจึงปรับไปที่ค่าโฟกัสปกติเวลาพัก 00:03:22.344 --> 00:03:25.261 ซึ่งเป็นระยะทางไม่กี่เมตร 00:03:25.261 --> 00:03:27.185 ทีนี้สมองของคุณก็คิดว่าดวงจันทร์นั้นอยู่ใกล้มาก 00:03:27.185 --> 00:03:28.343 กว่าในความเป็นจริง 00:03:28.343 --> 00:03:29.430 ดังนั้น คุณจึงสรุปเอา 00:03:29.430 --> 00:03:32.169 ว่าดวงจันทร์นั้นไม่ได้ใหญ่อย่างที่คุณคิด 00:03:32.169 --> 00:03:33.811 มากกว่าที่จะอธิบายว่าทำไมดวงจันทร์ 00:03:33.811 --> 00:03:35.639 จึงดูใหญ่มากเมื่ออยู่ใกล้เส้นขอบฟ้า 00:03:35.639 --> 00:03:37.432 คอนเวอร์เจนซ์ ไมครอปเซีย อธิบายว่า 00:03:37.432 --> 00:03:40.312 ทำไมดวงจันทร์จึงดูเล็กมากเมื่ออยู่สูง 00:03:40.312 --> 00:03:42.125 ยังไม่พอใจหรือ? 00:03:42.125 --> 00:03:44.851 จริงๆ แล้ว นักวิทยาศาสตร์หลายๆ คนก็ไม่พอใจเช่นกัน 00:03:44.851 --> 00:03:47.841 ดังนั้นการโต้แย่งเกี่ยวกับภาพลวงตาของดวงจันทร์ก็ยังดำเนินต่อ 00:03:47.841 --> 00:03:50.346 และต่อไปเรื่อยๆ ตราบใดที่เรายังมองเห็นมัน 00:03:50.346 --> 00:03:51.440 อยู่บนท้องฟ้ายามค่ำคืน