1 00:00:00,262 --> 00:00:01,712 ฉันอยากให้คุณ 2 00:00:01,736 --> 00:00:05,246 ลองนึกดูว่าตอนนี้คุณใส่ชุดอะไรอยู่ 3 00:00:05,675 --> 00:00:08,547 ฉันมีคำถามเชิงปรัชญาจะถามคุณ 4 00:00:08,629 --> 00:00:11,761 ทำไมตอนนี้พวกเราทุกคนไม่สวม ชุดนอนสบาย ๆ อยู่ล่ะ 5 00:00:11,785 --> 00:00:12,785 (เสียงหัวเราะ) 6 00:00:12,809 --> 00:00:15,347 ฉันเป็นนักจิตวิทยา และไม่ใช่นักอ่านใจ 7 00:00:15,371 --> 00:00:17,743 ถึงแม้ว่าหลายคนคิดว่ามันคือสิ่งเดียวกัน 8 00:00:17,819 --> 00:00:21,736 ฉันสามารถพนันได้เลยว่า ปฏิกิริยาของคุณ คงไม่ไกลจากประโยคนี้ 9 00:00:21,760 --> 00:00:24,434 "ฉันถูกคาดหวังว่า ไม่ควรใส่ชุดนอนในที่สาธารณะ" หรือ 10 00:00:24,458 --> 00:00:27,106 "ไม่อยากให้คนคิดว่าฉันเป็นคนไม่เรียบร้อย" 11 00:00:27,235 --> 00:00:31,716 ไม่ว่าแบบไหน ความจริงที่ว่าเราทุกคนเลือก ที่จะใส่ชุดกึ่งทางการ 12 00:00:31,740 --> 00:00:33,815 แทนที่จะใส่กางเกงวอร์มตัวโปรดของเรา 13 00:00:33,815 --> 00:00:35,895 ก็ไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่ไร้สาระ 14 00:00:36,311 --> 00:00:40,208 จริง ๆ แล้ว มันเผยให้เห็น คุณลักษณะสองอย่างของมนุษย์ 15 00:00:40,704 --> 00:00:44,299 ข้อแรก คือ เรารับรู้ว่าคนอื่นให้ค่ากับอะไร 16 00:00:44,323 --> 00:00:46,950 อย่างอะไรที่พวกเขาจะยอมรับหรือไม่ยอมรับ 17 00:00:46,974 --> 00:00:49,990 เช่น ไม่ใส่ชุดนอนมาในสถานที่แบบนี้ 18 00:00:50,490 --> 00:00:54,414 และข้อสอง เราใช้ข้อมูลเหล่านี้ ในการกำหนดพฤติกรรมของเราอยู่แล้ว 19 00:00:55,149 --> 00:00:56,848 ต่างจากสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ 20 00:00:56,872 --> 00:01:00,912 มนุษย์มีแนวโน้มจะปรับพฤติกรรมของพวกเขา ต่อหน้าคนอื่นๆ 21 00:01:00,936 --> 00:01:02,475 เพื่อที่จะได้รับการยอมรับ 22 00:01:02,766 --> 00:01:05,084 เราใช้เวลาอันมีค่าเพื่อแต่งหน้า 23 00:01:05,108 --> 00:01:08,012 เลือกรูปที่ใช่และแต่งรูปในอินสตาแกรม 24 00:01:08,036 --> 00:01:10,798 และเรียบเรียงความคิดที่จะเปลี่ยนโลก อย่างไม่ต้องสงสัย 25 00:01:10,822 --> 00:01:12,715 ใน 140 ตัวอักษรหรือน้อยกว่านั้น 26 00:01:13,561 --> 00:01:16,735 มันชัดเจนว่า เรากังวลว่า คนอื่นจะตัดสินเราอย่างไรนั้น 27 00:01:16,735 --> 00:01:18,632 เป็นเรื่องใหญ่ของการเป็นมนุษย์ 28 00:01:19,230 --> 00:01:22,220 แม้ว่ามันจะเป็นลักษณะสำคัญของมนุษย์ แต่อย่างไรก็ตาม 29 00:01:22,244 --> 00:01:25,014 เราแทบไม่รู้เลยว่า เมื่อไหร่และอย่างไร 30 00:01:25,038 --> 00:01:27,268 ที่เราเริ่มสนใจความคิดเห็นของคนอื่น 31 00:01:27,649 --> 00:01:30,849 นี่เป็นคำถามสำคัญที่ต้องใช้งานวิจัยมากมาย 32 00:01:31,269 --> 00:01:33,570 ขั้นแรกที่จะตอบคำถามนี้ 33 00:01:33,594 --> 00:01:35,769 คือสำรวจว่าช่วงไหนในพัฒนาการ 34 00:01:35,793 --> 00:01:38,510 ที่เราเริ่มอ่อนไหวต่อการให้ตัดสินของคนอื่น 35 00:01:39,245 --> 00:01:42,125 ฉันใช้เวลา 4 ปีที่ผ่านมา ที่มหาวิทยาลัยเอมโมรี 36 00:01:42,149 --> 00:01:44,236 สำรวจว่าเด็กเล็กที่ไม่มีปัญหา 37 00:01:44,260 --> 00:01:48,420 กับการเดินรอบร้านค้าในชุดหมีของเธอ 38 00:01:48,420 --> 00:01:51,421 แล้วโตเป็นผู้ใหญ่ที่กลัวการพูดในที่สาธารณะ 39 00:01:51,445 --> 00:01:53,576 เพราะกลัวจะถูกตัดสินแบบลบ ๆ ได้อย่างไร 40 00:01:54,472 --> 00:01:56,109 (เสียงหัวเราะ) 41 00:01:56,133 --> 00:01:58,474 ทีนี่ นี่คือจุดที่ผู้คนถามฉันว่า 42 00:01:58,498 --> 00:02:01,077 "คุณจะตรวจสอบคำตอบของคำถามนี้อย่างไร" 43 00:02:01,101 --> 00:02:02,901 เด็กเล็กพูดไม่ได้ ใช่ไหม 44 00:02:03,530 --> 00:02:05,680 ถ้าสามีฉันอยู่ที่นี่ตอนนี้ 45 00:02:05,704 --> 00:02:08,371 เขาจะบอกคุณว่าฉันสัมภาษณ์เด็กเล็ก ๆ 46 00:02:08,395 --> 00:02:12,827 เพราะเขาไม่อยากจะพูดว่าภรรยาของเขา ทำการทดลองกับเด็ก 47 00:02:12,851 --> 00:02:15,403 (เสียงหัวเราะ) 48 00:02:15,427 --> 00:02:18,658 ในเป็นความจริง ฉันออกแบบการทดลองสำหรับเด็ก 49 00:02:18,682 --> 00:02:20,716 ส่วนใหญ่ในรูปแบบของเกม 50 00:02:21,269 --> 00:02:24,014 นักจิตวิทยาพัฒนาการ ดร.ฟิลลิป โรชาต์ กับฉัน 51 00:02:24,038 --> 00:02:27,149 ออกแบบเกมที่เรียกว่า "The Robot Task" 52 00:02:27,173 --> 00:02:29,720 เพื่อสำรวจว่าเด็กจะเริ่มอ่อนไหว 53 00:02:29,720 --> 00:02:31,927 ต่อการตัดสินของผู้อื่นเมื่อไหร่ 54 00:02:32,442 --> 00:02:36,934 เจาะจงกว่านั้นก็คือ the robot task จับว่าตอนไหนที่เด็กทำเหมือนผู้ใหญ่ 55 00:02:36,958 --> 00:02:40,273 ปรับพฤติกรรมของพวกเขาตอนที่มีคนดูอยู่ อย่างมีกลยุทธ์ 56 00:02:40,940 --> 00:02:44,244 เพื่อที่จะทำสิ่งนี้ เราแสดงให้เด็กเล็ก อายุ 14 - 24 เดือน เห็นว่า 57 00:02:44,268 --> 00:02:46,443 ทำอย่างไรให้หุ่นยนต์ของเล่นเคลื่อนไหว 58 00:02:46,467 --> 00:02:48,950 และที่สำคัญ เราให้คุณค่าด้านบวก 59 00:02:48,974 --> 00:02:51,220 โดยพูดว่า "ว้าว มันเจ๋งไปเลย" 60 00:02:51,244 --> 00:02:53,918 หรือคุณค่าด้านลบ โดยพูดว่า "โอ้ว โอ้ ไม่นะ" 61 00:02:53,942 --> 00:02:55,676 หลังจากที่กดรีโมท 62 00:02:56,080 --> 00:02:57,897 ตามการสาธิตของเล่นชิ้นนี้ 63 00:02:57,897 --> 00:03:00,369 เราเชิญเด็กเล็กมาเล่นกับรีโมท 64 00:03:00,393 --> 00:03:01,815 และหลังจากนั้น ก็แอบดูพวกเขา 65 00:03:01,839 --> 00:03:04,656 หรือหันไปรอบ ๆ และแกล้งทำเป็นอ่านนิตยสาร 66 00:03:05,212 --> 00:03:07,641 แนวคิดก็คือถ้าภายในอายุ 24 เดือน 67 00:03:07,665 --> 00:03:10,942 เด็กอ่อนไหวต่อการตัดสินของผู้อื่นจริง ๆ 68 00:03:10,966 --> 00:03:13,635 ดังนั้น พฤติกรรมการกดปุ่ม ของพวกเขาน่าจะได้รับแรงจูงใจ 69 00:03:13,635 --> 00:03:16,046 ไม่ใช่แค่จากการที่พวกเขาถูกเฝ้าดู หรือไม่ก็ตาม 70 00:03:16,070 --> 00:03:18,760 แต่จากคุณค่าที่นักทดลองแสดงออกมา 71 00:03:18,784 --> 00:03:20,409 ต่อการกดรีโมทด้วยเช่นกัน 72 00:03:21,173 --> 00:03:22,379 ตัวอย่างเช่น 73 00:03:22,403 --> 00:03:26,031 เราคาดหวังว่าเด็กจะเล่นรีโมทคุณค่าด้านบวก มากกว่าอย่างมีนัยสำคัญ 74 00:03:26,055 --> 00:03:27,420 หากพวกเขากำลังถูกสังเกต 75 00:03:27,444 --> 00:03:29,587 แต่จากนั้นก็เลือกที่จะเล่น รีโมทคุณค่าด้านลบ 76 00:03:29,611 --> 00:03:31,278 เมื่อไม่มีใครดูอยู่ 77 00:03:31,952 --> 00:03:35,512 เพื่อที่จะดูปรากฏการณ์นี้ เราทำการศึกษาสามรูปแบบที่ต่างกัน 78 00:03:35,871 --> 00:03:39,220 การศึกษาแรก สำรวจว่าเด็กเล็ก จะเล่นของเล่นอย่างไร 79 00:03:39,244 --> 00:03:41,847 ถ้าไม่มีการให้คุณค่าหรือคำสั่งใด ๆ 80 00:03:41,871 --> 00:03:44,601 เราแสดงให้เด็กดูว่า ทำอย่างไรให้หุ่นยนต์เคลื่อนไหว 81 00:03:44,625 --> 00:03:46,212 แต่ไม่ได้มีการให้คุณค่าใด ๆ 82 00:03:46,236 --> 00:03:49,347 และเราก็ไม่ได้บอกพวกเขาด้วยว่า เขาสามารถเล่นกับรีโมทได้ 83 00:03:49,371 --> 00:03:51,934 ให้สถานการณ์ที่กำกวมมาก ๆ กับพวกเขา 84 00:03:51,958 --> 00:03:53,141 ในการศึกษาที่สอง 85 00:03:53,165 --> 00:03:57,760 เราให้คุณค่าสองแบบ ด้านบวกและด้านลบ 86 00:03:58,609 --> 00:04:01,878 และในการศึกษาสุดท้าย เรามีนักทดลองสองคนกับรีโมท 87 00:04:02,196 --> 00:04:05,625 นักทดลองคนหนึ่ง แสดงคุณค่าด้านลบต่อการกดรีโมท 88 00:04:05,649 --> 00:04:07,156 โดยพูดว่า "อึ๋ย ของเล่นขยับด้วย" 89 00:04:07,180 --> 00:04:09,897 ในขณะที่นักทดลองอีกคนนึง แสดงคุณค่าด้านบวก โดยพูดว่า 90 00:04:09,897 --> 00:04:11,297 "เย้ ของเล่นขยับด้วย" 91 00:04:11,927 --> 00:04:15,458 และนี่คือปฏิกิริยาของเด็ก ๆ ต่อสถาานการณ์ ทั้งสามแบบที่แตกต่างกันนี้ 92 00:04:15,482 --> 00:04:18,322 ในการศึกษาแรก สถานการณ์ที่กำกวม 93 00:04:18,346 --> 00:04:20,757 ฉันกำลังเฝ้าดูเด็กคนหนึ่งอยู่ 94 00:04:20,781 --> 00:04:23,780 ดูเหมือนเธอจะไม่สนใจในการกดรีโมท 95 00:04:24,622 --> 00:04:26,291 พอฉันหันไป 96 00:04:27,061 --> 00:04:28,672 เธอพร้อมที่จะเล่นทันที 97 00:04:28,696 --> 00:04:29,846 (เสียงหัวเราะ) 98 00:04:31,903 --> 00:04:33,813 ตอนนี้ ฉันไม่ได้เฝ้าดูเด็ก 99 00:04:33,837 --> 00:04:34,988 เธอดูจดจ่อมาก 100 00:04:35,012 --> 00:04:36,162 ฉันหันไป 101 00:04:37,588 --> 00:04:38,620 (เสียงหัวเราะ) 102 00:04:38,644 --> 00:04:40,844 เธอไม่ได้กำลังทำอะไร ใช่ไหม 103 00:04:43,596 --> 00:04:45,347 ในการศึกษาที่สอง รีโมทสองเครื่อง 104 00:04:45,371 --> 00:04:47,918 อันหนึ่งคุณค่าด้านบวกและ อันหนึ่งคุณค่าด้านลบ 105 00:04:47,942 --> 00:04:49,609 ฉันกำลังเฝ้าสังเกตเด็กอยู่ 106 00:04:49,633 --> 00:04:52,139 และรีโมทสีส้มนั้นคือ รีโมทด้านลบ 107 00:04:53,259 --> 00:04:56,052 เธอแค่มองไปรอบ ๆ และมองที่ฉัน 108 00:04:56,494 --> 00:04:57,761 จากนั้น พอฉันหันไป 109 00:05:00,081 --> 00:05:01,231 (เสียงหัวเราะ) 110 00:05:03,072 --> 00:05:04,939 นั่นคือสิ่งที่เธอเลือก 111 00:05:07,875 --> 00:05:09,412 ฉันไม่ได้กำลังเฝ้าดูเด็กอยู่ 112 00:05:09,436 --> 00:05:11,680 เขาอยากให้แม่เล่นกับมัน ใช่ไหม 113 00:05:11,704 --> 00:05:12,971 เลือกปลอดภัยไว้ก่อน 114 00:05:13,736 --> 00:05:14,886 ฉันหันไป 115 00:05:16,093 --> 00:05:17,760 (เสียงหัวเราะ) 116 00:05:17,784 --> 00:05:19,984 เขาก็ไม่ได้ทำอะไรอยู่ 117 00:05:24,371 --> 00:05:25,903 และใช่ เขารู้สึกกระอักกระอ่วน 118 00:05:25,927 --> 00:05:26,934 (เสียงหัวเราะ) 119 00:05:26,958 --> 00:05:29,077 ทุกคนรู้จัก การมองข้าง ๆ แบบนั้น ใช่ไหม 120 00:05:29,807 --> 00:05:32,268 การศึกษาที่สาม นักทดลองสองคน กับหนึ่งรีโมท 121 00:05:32,292 --> 00:05:35,553 นักทดลองที่ตอบสนองด้านลบต่อการกดรีโมท 122 00:05:35,577 --> 00:05:37,204 กำลังเฝ้าดูเด็กอยู่ตอนนี้ 123 00:05:37,228 --> 00:05:41,402 เธอรู้สึกกระอักกระอ่วนเล็กน้อย ไม่รู้ว่าจะทำอะไรดี เกาะแม่ 124 00:05:44,307 --> 00:05:46,728 หลังจากนั้น เธอก็หันไป 125 00:05:46,752 --> 00:05:50,219 เพื่อให้นักทดลองที่แสดงการตอบสนองด้านบวกดู 126 00:05:52,109 --> 00:05:54,339 เอาล่ะ ปลอดภัยแล้ว ตอนนี้เธอพร้อมจะเล่น 127 00:05:54,363 --> 00:05:55,426 (เสียงหัวเราะ) 128 00:05:55,450 --> 00:05:57,355 ดังนั้น จากผลของข้อมูล 129 00:05:57,379 --> 00:05:59,712 เราค้นพบว่าพฤติกรรมการกดปุ่มของเด็ก ๆ 130 00:05:59,736 --> 00:06:04,545 ได้รับแรงจูงใจจากคุณค่าและคำสั่ง ของนักทดลอง 131 00:06:04,934 --> 00:06:07,475 เพราะในการศึกษาแรก เด็ก ๆ ไม่รู้ว่า 132 00:06:07,499 --> 00:06:10,387 อะไรจะถูกประเมินค่าด้านบวกหรือลบ 133 00:06:10,411 --> 00:06:12,355 พวกเขามีแนวโน้มจะเลือกทางที่ปลอดภัยที่สุด 134 00:06:12,379 --> 00:06:15,059 และรอจนกว่าฉันจะหันหลังเพื่อที่จะกดรีโมท 135 00:06:15,083 --> 00:06:16,471 เด็ก ๆ ในการศึกษาที่สอง 136 00:06:16,495 --> 00:06:20,297 เลือกที่จะกดรีโมทด้านบวกมากกว่า ในขณะเวลาที่ฉันมองดูอยู่ 137 00:06:20,321 --> 00:06:21,892 แต่เมื่อฉันหันหลังไป 138 00:06:21,916 --> 00:06:25,339 พวกเขาจะหยิบและเริ่มเล่น กับรีโมทด้านลบทันที 139 00:06:25,363 --> 00:06:26,953 ที่สำคัญ ในการศึกษาที่มีการควบคุม 140 00:06:26,977 --> 00:06:29,918 ที่เราเอาคุณค่าของรีโมท ที่แตกต่างกันนั้นออกไป 141 00:06:29,942 --> 00:06:33,180 เราพูดง่าย ๆ ว่า "โอ้ ว้าว" ไม่ว่าจะกดรีโมทอันไหน 142 00:06:33,204 --> 00:06:36,655 พฤติกรรมการกดปุ่มของเด็กๆ ก็ไม่แตกต่างกันจากเงื่อนไขแล้ว 143 00:06:36,679 --> 00:06:40,410 เปิดเผยให้เห็นว่า มันคือคุณค่าที่เราให้กับรีโมททั้งสองจริง ๆ 144 00:06:40,434 --> 00:06:43,164 ที่ทำให้เกิดพฤติกรรมในการศึกษาก่อนหน้า 145 00:06:43,188 --> 00:06:44,356 สุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุด 146 00:06:44,380 --> 00:06:48,180 เด็ก ๆ ในการศึกษาที่สาม เลือกกดรีโมทมากกว่าอย่างมีนัยสำคัญ 147 00:06:48,204 --> 00:06:51,514 เมื่อนักทดลองที่แสดงคุณค่าด้านบวกดูอยู่ 148 00:06:51,538 --> 00:06:54,805 ตรงกันข้ามกับนักทดลองที่แสดงคุณค่าด้านลบ 149 00:06:55,553 --> 00:06:56,831 นี่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ 150 00:06:56,855 --> 00:07:00,498 และอายุช่วงนี้ก็ยังเป็น ช่วงที่เด็ก ๆ เริ่มแสดงความเขินอาย 151 00:07:00,522 --> 00:07:03,515 ในสถานการณ์ที่อาจจะดึง การประเมินค่าด้านลบออกมา 152 00:07:03,539 --> 00:07:05,546 อย่างเช่น การมองตัวพวกเขาเองในกระจก 153 00:07:05,570 --> 00:07:07,221 และพบรอยบนจมูก 154 00:07:07,245 --> 00:07:10,055 เช่นเดียวกับการเจอผักติดฟัน สำหรับผู้ใหญ่ 155 00:07:10,079 --> 00:07:11,253 (เสียงหัวเราะ) 156 00:07:11,277 --> 00:07:14,325 เราสามารถบอกอะไรได้บ้าง จากการศึกษานี้ 157 00:07:14,349 --> 00:07:17,801 นอกจากข้อเท็จจริงที่ว่า เด็กมีพฤติกรรมลับ ๆ ล่อ ๆ จริง ๆ 158 00:07:17,825 --> 00:07:18,881 (เสียงหัวเราะ) 159 00:07:18,905 --> 00:07:22,198 ตั้งแต่แรกเด็ก ๆ ก็เหมือนผู้ใหญ่ 160 00:07:22,222 --> 00:07:25,949 อ่อนไหวต่อคุณค่าที่เราให้ กับสิ่งของหรือพฤติกรรม 161 00:07:26,354 --> 00:07:29,631 และที่สำคัญ พวกเขาใช้คุณค่าเหล่านี้ ในการเลือกพฤติกรรม 162 00:07:30,425 --> 00:07:32,132 ไม่ว่าพวกเราจะรู้ตัวหรือไม่ 163 00:07:32,156 --> 00:07:35,166 เราสื่อสารคุณค่าต่อผู้คนรอบ ๆ เราเสมอ 164 00:07:35,522 --> 00:07:39,006 ฉันไม่ได้หมายถึงคุณค่าอย่าง "เป็นคนใจดี" หรือ "อย่าลักขโมย" 165 00:07:39,030 --> 00:07:41,141 แม้ว่าสิ่งเหล่านั้นก็คือการมีคุณค่าก็ตาม 166 00:07:41,450 --> 00:07:45,053 ฉันหมายถึง เราแสดงให้คนอื่นเห็นอยู่เสมอ โดยเฉพาะกับเด็ก ๆ ของพวกเรา 167 00:07:45,077 --> 00:07:48,759 ว่าอะไรที่น่าพึงใจ มีคุณค่า และควรยกย่อง และอะไรที่ไม่ควร 168 00:07:49,307 --> 00:07:50,483 และในหลายครั้ง 169 00:07:50,507 --> 00:07:52,943 เราก็ทำสิ่งนี้โดยไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ 170 00:07:53,601 --> 00:07:57,449 นักจิตวิทยาศึกษาพฤติกรรม เพื่อสำรวจความคิดจิตใจ 171 00:07:57,473 --> 00:08:00,403 เพราะพฤติกรรมมักสะท้อนความเชื่อ 172 00:08:00,427 --> 00:08:02,812 คุณค่า และความต้องการของเรา 173 00:08:03,471 --> 00:08:06,129 ที่นี่แอตแลนตา เราเชื่อในสิ่งเดียวกันว่า 174 00:08:06,963 --> 00:08:08,701 โค้กดีกว่าเป็ปซี่ 175 00:08:08,725 --> 00:08:10,519 (เสียงปรบมือ) 176 00:08:10,543 --> 00:08:15,283 นี่อาจจะเป็นผลจากความจริงที่ว่า โค้กเกิดขึ้นที่แอตแลนตา 177 00:08:15,307 --> 00:08:16,481 แต่อย่างไรก็ตาม 178 00:08:16,505 --> 00:08:20,792 ความเชื่อนี้แสดงให้เห็นความจริงว่า คนส่วนใหญ่จะเลือกดื่มโค้ก 179 00:08:21,323 --> 00:08:22,695 ในทางเดียวกัน 180 00:08:22,719 --> 00:08:24,587 เรากำลังสื่อสารคุณค่า 181 00:08:24,611 --> 00:08:26,134 เมื่อเราส่วนใหญ่จะชมเด็กผู้หญิง 182 00:08:26,158 --> 00:08:28,664 ที่มีผมสวย หรือชุดน่ารักๆของพวกเขา 183 00:08:28,688 --> 00:08:31,077 แต่ชมเด็กผู้ชายจากความฉลาดของพวกเขา 184 00:08:31,101 --> 00:08:34,844 หรือเมื่อเราเลือกจะให้ลูกอม แทนอาหารที่มีประโยชน์ 185 00:08:34,868 --> 00:08:36,898 เหมือนเป็นรางวัลสำหรับพฤติกรรมที่ดี 186 00:08:37,466 --> 00:08:40,182 ผู้ใหญ่และเด็กต่างมีศักยภาพในการ 187 00:08:40,182 --> 00:08:43,037 เลือกหยิบคุณค่าจากพฤติกรรม ที่ละเอียดอ่อนเหล่านี้ 188 00:08:43,061 --> 00:08:46,566 และท้ายที่สุดมันจะค่อย ๆ ขัดเกลาพฤติกรรมของพวกเขาเอง 189 00:08:47,196 --> 00:08:49,434 งานวิจัยที่ฉันแบ่งปันกับพวกคุณวันนี้ 190 00:08:49,458 --> 00:08:52,998 บอกว่าความสามารถนี้ เกิดขึ้นตั้งแต่ช่วงแรก ๆ ในพัฒนาการ 191 00:08:53,022 --> 00:08:55,077 ก่อนที่เราจะสามารถพูดประโยค 192 00:08:55,101 --> 00:08:56,752 หรือถูกฝึกใช้โถชักโครกให้เป็น 193 00:08:57,014 --> 00:09:00,559 และมันกลายเป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญ ว่าเราจะเติบโตมาเป็นใคร 194 00:09:00,942 --> 00:09:02,498 ดังนั้น ก่อนฉันจะไป 195 00:09:02,522 --> 00:09:05,395 ฉันอยากจะชวนให้คุณไตร่ตรองคุณค่า 196 00:09:05,419 --> 00:09:07,819 ที่เราเผยแพร่ในการปฏิสัมพันธ์วันต่อวัน 197 00:09:08,125 --> 00:09:11,953 และคุณค่าเหล่านี้จะขัดเกลา พฤติกรรมผู้คนรอบ ๆ ตัวคุณอย่างไร 198 00:09:12,222 --> 00:09:15,231 ตัวอย่างเช่น คุณค่าอะไรที่ถูกเผยแพร่ 199 00:09:15,231 --> 00:09:18,064 เมื่อเราใช้เวลามากขึ้น ยิ้มให้กับมือถือของเรา 200 00:09:18,088 --> 00:09:19,744 มากกว่ายิ้มให้กับคนอื่น 201 00:09:20,683 --> 00:09:24,638 เช่นเดียวกัน พิจารณาว่าพฤติกรรมของคุณ ถูกเกลาจากผู้คนรอบตัวคุณอย่างไร 202 00:09:24,662 --> 00:09:27,060 ในทางที่คุณอาจไม่เคยพิจารณามาก่อน 203 00:09:27,543 --> 00:09:29,630 กลับไปที่การยกตัวอย่างง่าย ๆ ของเรา 204 00:09:29,654 --> 00:09:32,026 คุณชอบโค้กมากกว่าเป็ปซี่จริง ๆ หรือเปล่า 205 00:09:32,050 --> 00:09:35,766 หรือความชอบนี้ถูกขับเคลื่อนมาจาก สิ่งที่คนรอบตัวคุณให้คุณค่า 206 00:09:36,461 --> 00:09:39,215 ผู้ปกครองและคุณครูมีเอกสิทธิ์ที่จะ 207 00:09:39,239 --> 00:09:41,173 ขัดเกลาพฤติกรรมของเด็กๆ 208 00:09:41,977 --> 00:09:44,168 แต่มันสำคัญที่จะต้องจำไว้ว่า 209 00:09:44,192 --> 00:09:48,451 เราให้คุณค่าของเรา ต่อการปฏิสัมพันธ์ในแต่วัน 210 00:09:48,475 --> 00:09:51,999 เรามีสิทธิ์ที่จะขัดเกลาพฤติกรรม ของผู้คนรอบ ๆ ตัวเรา 211 00:09:52,451 --> 00:09:53,602 ขอบคุณค่ะ 212 00:09:53,626 --> 00:09:57,841 (เสียงปรบมือ)