สวัสดีค่า วิวจากแชนเนล Point of View ค่ะ ช่วงนี้นะคะ หลายคนชอบให้วิวพาไปเที่ยวที่นั่นที่นี่ค่ะ ทีเนี้ย วันนี้วิวก็เลยมีโอกาสอันดีมากๆ เลยนะคะ ที่จะพาทุกคนไปเที่ยวที่จังหวัดสุโขทัยนั่นเอง ซึ่งที่จังหวัดสุโขทัยเนี่ย ได้ยินข่าวลือมาว่ามีพระพูดได้ค่ะ วันนี้วิวก็เลยติดต่อไปนะคะ แล้วก็ได้โอกาสพิเศษโอกาสนึง ที่จะเข้าไปดูพระพูดได้นะคะ แบบ exclusive สุดๆ เลยค่ะ แต่อย่างไรก็ตามนะคะ บังเอิญว่าวิวเนี่ย เป็นคนที่งานค่อนข้างยุ่งค่ะ คือมีเวลาแค่วันเดียวเท่านั้น จะไปสุโขทัยก็ลำบากอะนะ ถ้าสมมุติว่านั่งรถไปน่าจะ ขับรถไปถึง ดูพระพูดได้ แล้วก็ต้องกลับเลย อย่างไรก็ตามนะคะ โชคดีจริงๆ เลยที่จังหวัดสุโขทัยเนี่ย มีสนามบินค่ะ มันมีสายการบิน Bangkok Airways นะคะ ที่เราสามารถบินฟึ้บไป แล้วก็กลับได้ภายในวันเดียว แถมยังมีเวลาเหลือ แวะเที่ยวอะไรต่างๆ ได้ด้วยค่ะ ดังนั้นวันนี้ทุกคนนะคะ ตามวิวไปดูพระพูดได้ที่จังหวัดสุโขทัยกันดีกว่าค่ะ สำหรับตอนนี้ พร้อมไปจะเที่ยวแบบ ทั้งสนุก แล้วก็ได้สาระรึยังคะ ถ้าพร้อมกันแล้วก็ ไปกันเลยค่ะ~ การเดินทางในวันนี้นะคะ เราเดินทางด้วยสายการบิน Bangkok Airways Asia's Boutique Airline ค่ะ ซึ่งมีเที่ยวบินตรงจากสนามบินสุวรรณภูมินะคะ ไปที่สุโขทัยเลย สะดวกสบายมากๆ ค่ะ เพราะว่าเป็นสายการบิน Full Service นะคะ ใครที่เป็นสายพร็อพเยอะ อุปกรณ์เยอะ โหลดกระเป๋าได้ไม่ต้องกลัวอะไรทั้งสิ้นค่ะ แถมที่สำคัญนะคะ เช็กอินเข้าไปด้านใน ใครหิวใครอะไร มี Lounge ให้บริการนั่งรอเครื่องบินนะคะ แอบกระซิบเลยว่า Highlight เด็ดของ Lounge ท่ีนี่เขาเนี่ย เป็นของโปรดวิวเลย นั่นก็คือ ข้าวต้มมัดนั่นเองค่ะ เด็ดสุดๆ ฟาดกันให้ยับนะคะ แต่อย่าฟาดเยอะเกิดไปนะคะ เพราะว่าบนเครื่องบินก็มีอาหารร้อนบริการด้วยค่ะ นั่งสบายใจนะคะ สัก 50 นาที ก็มาถึงสุโขทัยเรียบร้อยแล้วค่ะ เร็วกว่าฝ่ารถติดในกรุงเทพอีกนะคะทุกคน สุโขทัย นอกจากจะเป็นชื่อก๋วยเตี๋ยวที่เราคุ้นเคยกันแล้ว ยังเป็นบริเวณที่ตั้งของอาณาจักรโบราณ ที่ตั้งอยู่บริเวณลุ่มแม่น้ำยม-น่านด้วยค่ะ ซึ่งอาณาจักรนี้นะคะ เป็นสังคมขนาดไม่ใหญ่เท่าไรค่ะ ในตอนที่ก่อตัวขึ้นนะคะ ปกครองด้วยระบอบพ่อปกครองลูกค่ะ ก่อตัวขึ้นจากความสัมพันธ์ทางเครือญาติ ที่เสริมให้อาณาจักรแห่งนี้นะคะ แข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ ค่ะ โดยความสัมพันธ์เนี้ย เป็นความสัมพันธ์ระหว่างเมืองบางยาง เมืองศรีสัชนาลัย แล้วก็อาณาจักรขอมค่ะ สุโขทัยเนี่ยนะคะ ถือเป็นอาณาจักรที่เจริญมากๆ เลยค่ะ ด้วยความที่ทำเลที่ตั้งเนี่ยดีนะคะ ถึงจะตั้งอยู่ไม่ใกล้น้ำเท่าไร แต่ว่าเป็นศูนย์กลางทางการค้าขายค่ะ เพราะว่าเป็นจุดเชื่อมต่อระหว่างเมาะตะมะกับจีนนะคะ ดังนั้นก็เหมือนกับที่เราเคยได้ยินจาก ศิลาจารึกหลักที่ 1 นั่นละค่ะ สุโขทัยเนี่ย ไม่ได้เป็นเมืองเดี่ยวๆ ตั้งอยู่ไม่เกี่ยวข้องกับใครนะคะ เพราะนอกจากจะทำการค้าแล้วเนี่ย สุโขทัยยังมีเมืองคู่ ที่เรามักเรียกติดปากกันว่า สุโขทัย-ศรีสัชนาลัยค่ะ และยังมีกลุ่มเมืองในเครือข่ายที่ใช้ตั้งล้อมๆ เมืองเอาไว้นะคะ เพื่อเป็นยุทธศาสตร์ป้องกันเมืองอีกค่ะ ส่วนตัวเมืองเองเนี่ย นอกจากจะเป็นสี่เหลี่ยมแล้ว สุโขทัยก็ยังป้องกันตัวเมืองนะคะ ด้วยการ ก่อกำแพงขึ้นมาถึง 3 ชั้นนะคะ ก็เป็นคูน้ำกับคันดิน ที่เราเคยได้ยินว่าสุโขทัยนี้ตรีบูร จากศิลาจารึกหลักที่ 1 นั่นละค่ะ ฟังขนาดนี้แล้ว อยากตามวิวไปเที่ยวสุโขทัยรึยังคะ แต่บอกเลยนะคะว่าน่าเสียดายมากๆ ที่วันนี้เวลาวิวเนี่ย น้อยสุดๆ ดังนั้นนะคะ วิวก็เลยต้องขออนุญาตทุกคน ตัดเมืองคู่อย่างศรีสัชนาลัยทิ้งไปก่อนค่ะ ถ้าไว้มีโอกาสหน้า เดี๋ยวพาไปเที่ยวนะคะ หลายคนฟังมาถึงตรงนี้นะคะ ก็จะรู้สึกว่าแบบ เฮ้ย ขยันหน่อยสิ วันนึงจุกๆ แบบนี้ควรจะทันไม่ใช่เหรอ สาเหตุที่วิวต้องตัดเนี่ยนะคะ เพราะว่าภาพจำสุโขทัยที่ทุกคนคิดถึงเนี่ย คงคิดว่ามาเที่ยวสุโขทัย น่าจะแค่ได้เที่ยวเชิงประวัติศาสตร์อะไรอย่างนี้ใช่มะ แต่จริงๆ สุโขทัยนะคะ ไม่ได้มีแค่อุทยานประวัติศาสตร์ค่ะ ตาม Concept ช่องวิวเลยนะ มีสาระแล้วต้องสนุกด้วยนะคะ ไม่ใช่ว่าวิวพาทุกคนมาถึง จะมาดูโบราณสถาน เย่ ฟิน แล้วกลับบ้านเลย มาเที่ยวทั้งทีต้องเอาให้คุ้มค่ะ เดี๋ยววิวพาไปเที่ยวสุโขทัยดีกว่า ว่าทั้งด้านประวัติศาสตร์และด้านอื่นๆ เนี่ย สุโขทัยมีอะไรที่น่าสนใจบ้างนะคะ ปะ ไปกัน มาถึงนะคะ สุโขทัยก็ต้อนรับเรายามเช้า ด้วยทุ่งบัวบานเลยค่ะ เรียกได้ว่าเที่ยวกันตั้งแต่ในสนามบินกันเลยทีเดียว เพราะที่สนามบินสุโขทัยเนี่ย มีกิจกรรมต่างๆ ให้เราทำเยอะมากเลยค่ะ เรียกได้ว่าสวยจนถ่ายรูปรัวๆ ตั้งแต่ก้าวยังไม่พ้นสนามบินเลยนะคะ โดยเฉพาะที่โครงการเกษตรอินทรีย์สนามบินสุโขทัย ที่ให้เราสามารถเรียนรู้วิถีเกษตรพอเพียง แล้วก็สัมผัสชีวิตชาวบ้านได้ด้วยค่ะ จะแวะชมแปลงนาข้าวสาธิต ชมความงามของบึงบัว หรือขี่ควายถ่ายรูปเล่นสักหน่อย ก่อนออกไปเที่ยวก็ยังได้นะคะ น้องยิ้มด้วยอะ แล้วน้องก็ยืนฉี่ไปด้วยยิ้มไปด้วย พอเราบอกว่าเราจะขี่น้องก็เลยฉี่ โชว์ และมันฉี่ยาวครึ่งชั่วโมงทุกคน เราต้องยืนรอควายฉี่ไปเรื่อยๆ นะคะ แอบกระซิบนิดนึงว่า ในโครงการเกษตรอินทรีย์เนี่ย ผักต่างๆ เขาสดจริงๆ ค่ะ ดังนั้นเราสามารถแวะไปชิมได้ที่ครัวสุโข ซึ่งเป็นร้านอาหารในโครงการเลยนะคะ ออกจากสนามบินมาแล้วเนี่ยนะคะ บอกเลยว่าที่เที่ยวของสุโขทัยนี่ยังมีอีกล้านแปดเลยค่ะ แต่ส่วนตัววิวเนี่ย อยากได้ภาพสวยๆ ก็เลยขอแวะมาที่นี่เลย สวรรคโลก Street Art นะคะ ใครเป็นสายถ่ายรูปนี่ไม่ควรพลาดสุดๆ เลยค่ะ เพราะที่นี่นะคะ มี Graffiti เก๋ๆ ค่ะ ที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยเนี่ย เขาร่วมกับศิลปินไทย แล้วก็ศิลปินจากอาเซียนนะคะ จัดมาให้ทุกคนได้เข้าชม ได้เข้าถ่ายรูป เต็มที่เลยค่ะ บอกเลยนะคะว่าทั้งประเทศเนี่ย โครงการนี้เขาจัดแค่ที่นี่ ที่เชียงราย แล้วก็ที่ตราดนะคะ ดังนั้นมาเดินเล่นถ่ายรูปกันได้ค่ะ เอาเป็นว่าไม่โม้เรื่องที่เที่ยวมากแล้วกัน ใครอยากดูว่าวิวแวะไปเที่ยวสนุกขนาดไหนนี่ก็ สามารถไปติดตามภาพได้ที่ Instagram: point_of_view_th นะคะ แต่ตอนนี้เริ่มสายแล้ว ใกล้เวลานัดสุด Exclusive ของเราแล้วค่ะ รีบแว้บเขาอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย ไปตามหาพระพูดได้กันดีกว่า ตอนนี้นะคะ หลังจากแวะเที่ยวเล่น สนุกสนานมาเต็มที่แล้วค่ะ เราก็ได้เวลามาดูสิ่งที่เราตั้งใจมาดูแล้วนะคะ ตอนนี้วิวอยู่ในอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัยค่ะ ซึ่งวิวกำลังจะพาทุกคนไปดู วัดแรกในอุทยานนี้เลยนะคะ และขอบอกว่าวัดเนี้ย เป็นวัดที่สำคัญที่สุดของเมืองสุโขทัยเลยก็ว่าได้ค่ะ วัดนั้นก็คือวัดมหาธาตุนั่นเองค่ะ เดี๋ยวเราเข้าไปดูกัน ปะ! วัดมหาธาตุเป็นวัดสำคัญ ตั้งอยู่ใจกลางเมืองสุโขทัย มีกำแพงและคูน้ำล้อมรอบนะคะ สร้างขึ้นในสมัยพ่อขุนศรีอิทราทิตย์ ปฐมกษัตริย์แห่งกรุงสุโขทัยค่ะ ภายในวัดมีศิลปะอันงดงามนะคะ เรียกได้ว่าถ้ามาอุทยานประวัติศาสตร์แล้ว วัดนี้เป็นวัดที่พลาดไม่ได้เลยทีเดียวค่ะ เพราะว่ามีของสำคัญๆ ที่เราควรจะมาเห็นอยู่เต็มไปหมดเลยนะคะ เราไปดูกันดีกว่าว่ามีอะไรบ้างค่ะ วัดมหาธาตุแห่งนี้นะคะ เป็นวัดที่สำคัญมากๆ ค่ะ เพราะว่า ถึงขั้นที่ปรากฏในศิลาจารึกต่างๆ มากมายเลยนะคะ รวมถึงศิลาจารึกหลักที่ 1 ด้วย คือกะว่าเป็นวัดหลวงอะนะ ประมาณว่า เทียบเคียงได้กับวัดพระศรีสรรเพชญ์ของอยุธยา แล้วก็วัดพระแก้วของกรุงรัตนโกสินทร์นั่นเองค่ะ นอกจากนี้นะคะ ที่วัดแห่งนี้ยังมีพระพุทธรูปสำคัญ อยู่ทั้งหมด 2 องค์ด้วยกันค่ะ องค์แรกนะคะ อยู่ด้านหลังวิวเลย ก็คือพระอัฏฐารสนั่นเอง เป็นพระพุทธรูปยืน สูง 18 ศอก เรียกได้ว่าเป็นพุทธลักษณะที่สวยงามมาก เห็นได้ชัดว่าเป็นพระแบบสุโขทัยนะคะ ในศิลาจารึกหลักที่ 1 นะคะ ได้บรรยายถึงพระอัฏฐารสสององค์นี้ไว้ว่า "กลางเมืองสุโขทัยนี้มีพิหาร มีพระพุทธรูปทอง มีพระอัฏฐารส มีพระพุทธรูปอันใหญ่ มีพระพุทธรูปอันราม" ซึ่งจริงๆ แล้วนะคะ พระอัฏฐารสนี่ก็ไม่ได้มีแค่องค์เดียวนะคะ แต่เป็นคู่ประดิษฐานอยู่ที่ด้านเหนือและด้านใต้ ของเจดีย์มหาธาตุภายในวัดค่ะ ว่าแต่นอกจากพระอัฏฐารสแล้วเนี่ย ได้ยินไหมคะว่าศิลาจารึกหลักที่ 1 พูดถึงพระพุทธรูปอีกองค์นึง ก็คือพระพุทธรูปทอง พระองค์นี้นะคะ จริงๆ ไม่ได้ปรากฏแค่ในศิลาจารึกหลักที่ 1 แล้วก็ไม่ได้เป็นทองคำค่ะ แต่ปรากฏในศิลาจารึกวัดป่ามะม่วง ปี พ.ศ. 1904 สมัยพระมหาธรรมราชาลิไทด้วยนะคะ แปลว่าเป็นพระพุทธรูปที่สำคัญจริงๆ ว่าแต่พระองค์นี้คือพระอะไร ไปฟังกันค่ะ ยังมีพระอีกองค์นึงที่สำคัญที่เกี่ยวข้องกับวัดนี้ค่ะ เป็นพระพุทธรูปสำริดนะคะ ที่ปรากฏในศิลาจารึกอะไรต่างๆ ก็จะพูดว่า เป็นพระพุทธรูปสำริด และที่สำคัญ พระพุทธรูปสำริดองค์นี้ เป็นพระพุทธรูปสำริดที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ซึ่งคนสุโขทัยเนี่ยนะคะ จะรู้จักพระพุทธรูปองค์นี้ในฐานะหลวงพ่อโตค่ะ อย่างไรก็ตามนะคะ หลวงพ่อโตองค์นี้ ปัจจุบันไม่ได้อยู่ที่วัดมหาธาตุสุโขทัยแล้วค่ะ เพราะว่าในสมัยรัชกาลที่ 1 นะคะ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชเนี่ย ได้อัญเชิญหลวงพ่อโตองค์นี้นะคะ ไปไว้ที่กรุงรัตนโกสินทร์ค่ะ แล้วก็อัญเชิญไปไว้ที่วัดสุทัศน์นะคะ หลังจากนั้นค่ะ ในสมัยรัชกาลที่ 4 รัชกาลที่ 4 ก็พระราชทานชื่อนะคะ ให้กับพระองค์นี้ว่าพระศรีศักยมุนีค่ะ ดังนั้นถ้าใครอยากเห็น พระพุทธรูปสำริดที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยเนี่ย ก็สามารถไปดูได้ที่วัดสุทัศน์ กรุงเทพฯ ค่ะ วัดที่นี่ก็จะเหลือแค่ฐานพระให้ชมนะคะ จริงๆ นอกจากพระพุทธรูปที่วิวกล่าวถึงไปแล้วเนี่ยนะคะ ในวัดมหาธาตุนี่ก็มีอะไรให้ดูอีกมากมายเลยค่ะ เรียกได้ว่าพูดไม่หมดเลยนะ อย่างเจดีย์นี่ในวัดก็มีอยู่มากมาย ประมาณ 200 องค์เลยทีเดียวค่ะ ซึ่งเจดีย์แต่ละองค์นี่ก็หลากหลายมากๆ นะคะ มาแอบดูกันดีกว่าว่าในวัดมหาธาตุนี่ มีแบบไหนบ้างที่พอเห็นได้นะคะ แบบที่พอจะเห็นได้นะคะ ก็คือทรงกลม หรือว่าทรงลังกา ที่ได้รับอิทธิพลมาจากลังกานี่ละค่ะ คุ้นเคยกันดีนะคะแบบนี้ Advance ขึ้นมาหน่อยค่ะ ก็เป็นทรงกลมแบบยกฐานขึ้นมานะคะ แล้วก็มีช้างล้อมอยู่ตรงฐานค่ะ แบบนี้ก็อิทธิพลลังกาเช่นกันนะ ซึ่งจริงๆ แบบเนี้ย ถ้าเราอยากดูชัดๆ จริงๆ เราต้องไปวัดที่ชื่อว่าวัดช้างล้อมค่ะ แบบถัดไปนี่ก็คือแบบทรงปราสาทนะคะ ก็จะเป็นแบบเหลี่ยมๆ ชั้นๆๆ ขึ้นไปแบบนี้ค่ะ หรือจะเป็นเจดีย์ทรงที่เป็นเอกลักษณ์ของสุโขทัยสุดๆ เนี่ยนะคะ ที่นี่ก็มีให้ดูเหมือนกันค่ะ เจดีย์ทรงนี้ก็คือทรงพุ่มข้าวบิณฑ์ ที่ด้านบนจะเป็นลักษณะแบบดอกบัวนะคะ จะหน้าตาเป็นยังไง ไปดูกันค่ะ ตอนนี้นะคะ เราก็มาอยู่ที่ เจดีย์องค์ที่สำคัญที่สุดในวัดแห่งนี้แล้วค่ะ ก็คือเจดีย์องค์ข้างหลังเลย องค์นี้นะคะ เป็นเจดีย์องค์ประธานของวัดพระศรีมหาธาตุค่ะ ซึ่งนอกจากจะเป็นองค์ประธานแล้วเนี่ย เรายังเห็นได้นะคะว่าลักษณะทางศิลปะเนี่ย เป็นเจดีย์แบบสุโขทัย Original มากๆ เลยนะคะ เพราะว่านี่คือเจดีย์ทรงพุ่มข้าวบิณฑ์ค่ะ เห็นด้านบนไหม ลักษณะเหมือนดอกบัวเลยนะคะ ลักษณะเนี้ย เราจะเห็นได้ที่สุโขทัย ศรีสัชนาลัย อะไรประมาณนี้ค่ะ คือเป็นศิลปะแบบยุคสุโขทัยมากๆ เลยนะคะ เราจะไม่ค่อยไปเห็นในแบบอยุธยา รัตนโกสินทร์เลยนะทุกคน เห็นอะไรแบบนี้ คิดไว้ก่อนเลยค่ะว่าสุโขทัย ปะ เดี๋ยวเราไปดูกันต่อนะ นอกจากเจดีย์แล้วเนี่ยนะคะ ที่นี่ยังมีลักษณะทางศิลปะที่น่าสนใจอีกหนึ่งอย่างค่ะ ก็คือ เป็นลักษณะเฉพาะของสุโขทัยเลยนะ คือเขาจะทำพิธีอะไรต่างๆ เนี่ย ในวิหารกันมากกว่าพระอุโบสถค่ะ คือถ้าเราคุ้นเคยกันดีกับวัดแบบรัตนโกสินทร์ เราก็จะรู้ว่าทุกวัดจะต้องมีอุโบสถเป็นของตัวเองใช่ไหม แต่ว่าที่สุโขทัยค่ะ เนื่องจากวัดเนี่ยอยู่ติดๆๆๆ กันไปหมดเลยนะคะ ดังนั้นเหมือนกับว่า เขาจะมีพระอุโบสถเนี่ย 1 หลัง แล้วก็ใช้แชร์กันหลายๆ วัดค่ะ ในขณะที่อาคารที่สำคัญกว่าในศิลปะแบบสุโขทัยนะคะก็คือ พระวิหารนั่นเอง ซึ่งจะเป็นที่ๆ ทั้งพระสงฆ์ทั้งฆราวาสเนี่ย ใช้ทำพิธีกรรมอะไรต่างๆ ร่วมกันนะคะ และจุดเด่นอีกจุดนึงของวิหารแบบสุโขทัยก็คือ วิหารแบบสุโขทัยเนี่ย จะไม่มีกำแพงค่ะ คือจะมีบ้างบางที่แหละที่มีกำแพง แต่ว่าส่วนใหญ่จะเป็นวิหารแบบเปิดโล่งนะคะ แล้วก็ให้ลมเนี่ยโกร่งเข้ามาได้ค่ะ ดังนั้นหลังคาของวิหารแบบสุโขทัยนะคะ ก็เลยจะค่อนข้างต่ำค่ะ เพื่อที่จะกันฝนเนี่ย สาดเข้ามาด้านในค่ะ ดังนั้นนะคะ ถ้าสมมุติว่าเราเข้ามาในวัดพระศรีมหาธาตุเนี่ย เราก็จะเห็นว่า เอ๊ เหมือนมีอาคาร ที่หน้าตาดูเป็นพระวิหารเนี่ย 2 หลัง หลังนึงดูเตี้ยกว่า อีกหลังนึงดูสูงกว่า ก็ชัดเจนเลยนะคะว่าหลังที่สูงกว่าเนี่ย เขาเรียกว่าวิหารสูงค่ะ เป็นอาคารที่สร้างขึ้นมาเพิ่มเติมนะคะ ในสมัยกรุงศรีอยุธยาค่ะ เป็นศิลปะแบบกรุงศรีอยุธยาเลยนะ ไม่ใช่สุโขทัยค่ะ ซึ่งทำให้สเกลของวัดนี้ผิดเพี้ยนไปนะคะ อย่างไรก็ตาม ช่างมันค่ะ เราไปดูกันต่อดีกว่า ปะ ออกจากวัดมหาธาตุ ที่สำคัญเป็นอันดับหนึ่งของเมืองสุโขทัยมานะคะ เราก็มาวัดที่สำคัญเป็นอันดับที่ 2 เลยค่ะ แต่หลายคนเนี่ยไม่ค่อยรู้จักนะคะ วัดนี้คือวัดพระพายหลวงค่ะ วัดพระพายหลวงเป็นวัดสำคัญอีกแห่งหนึ่ง ภายในเขตอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย ตั้งอยู่นอกกำแพงทางทิศเหนือ ผังวัดเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า มีคูน้ำล้อมรอบ 3 ชั้น คูชั้นนอกนี่เรียกว่าคูแม่โจนนะคะ ที่สำคัญ วัดนี้ปัจจุบันยังมีพระสงฆ์จำพรรษาอยู่ค่ะ ว่าแต่พูดมาว่าวัดนี้เป็นวัดสำคัญอันดับที่ 2 ในอุทยานประวัติศาสตร์เนี่ย อยากรู้กันไหมคะว่าทำไมวัดนี้ ถึงเป็นวัดที่สำคัญขนาดนั้นค่ะ เพราะว่าตอนที่เราพูดถึงวัดมหาธาตุเนี่ย นั่นคือศูนย์กลางของชุมชนสมัยสุโขทัยใช่ไหมคะ แต่ว่าวัดพระพายหลวงค่ะ เป็นวัดที่เป็นศูนย์กลางชุมชนในยุคโบราณ ก่อนสุโขทัยเข้าไปอีกนะคะ ดังนั้นถ้าถามว่ายุคก่อนสุโขทัยนะคะ ชาวเราบริเวณนี้เป็นอะไร ก็ต้องบอกว่า เป็นขอมค่ะ ประมาณว่า ได้รับอิทธิพลขอมเต็มที่เลยนะคะ ที่วัดพระพายหลวงแห่งนี้นะคะ เราจะเห็นว่า มีลักษณะความเป็นขอมชัดเจนมาก เห็นได้จากพระปรางค์ด้านหลังค่ะ คือเวลาเราพูดถึงพระปรางค์สามองค์เนี่ยนะคะ เราจะไปนึกถึงพระปรางค์ที่ลพบุรีใช่ไหมคะ แต่ว่าที่นี่ก็มีพระปรางค์สามองค์เหมือนกันนะคะ เพราะว่าสร้างในสมัยเดียวกันเลย ก็คือในสมัยของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 อาณาจักรขอมนะคะ ทีเนี้ยปัญหาก็คือที่นี่อะ สร้างมาในตอนแรกไม่ได้เป็นวัดนะคะ ไม่ได้เป็นวัดพุทธแบบเถรวาทแบบที่เราคุ้นเคยกันค่ะ แต่ว่าตอนที่สร้างขึ้นมา สันนิษฐานว่า ถ้าไม่ได้เป็นเทวาลัยของศาสนาพราหมณ์ฮินดูเนี่ย ก็อาจจะเป็นวัดของพุทธศาสนานิกายมหายานนะคะ อย่างไรก็ดีค่ะ ในเวลาต่อมา เมื่อชาวสุโขทัยหันมานับถือ พุทธศาสนานิกายเถรวาทมากขึ้นนะคะ ก็มีการเปลี่ยนวัดนี้ให้เป็นวัดแบบเถรวาทค่ะ แต่อย่างไรก็ตามนะคะ เราก็ยังได้เห็นศิลปะที่เป็น ที่เป็นสไตล์ขอม หลงเหลืออยู่ค่ะ ซึ่งเมื่อกี้นะคะ วิวบอกว่าพระปรางค์มีทั้งหมด 3 องค์ใช่ไหมคะ มองไปข้างหลัง ยังไงก็องค์เดียวนี่นา คือตอนนี้พระปรางค์เหลือแค่องค์เดียวค่ะ อีก 2 องค์เนี่ยก็ตามกาลเวลานะคะทุกคน ทุกคน~ ที่วัดพระพายหลวงวิวเจอของน่าสนใจอย่างนึงค่ะ คือตรงนี้เขาบอกว่าท่ีนี่อะ ในสุโขทัยทั้งหมดนะคะ มันมี Application AR ค่ะ วิวก็เลยลองโหลดมาเล่นดู นี่นะคะ พอเราโหลดมาปุ๊บอะ แล้วเราลองเอามาเล่นดูนะ มันก็จะให้เราเลือกว่าเราอยู่ที่วัดไหน ตอนนี้วิวอยู่ที่วัดพระพายหลวง เราก็ดูหมายเลขนะคะ ตรงนี้เป็นวัดพระพายหลวง 2 เราก็เลือกวัดพระพายหลวง 2 ปุ๊บ แล้วเราก็ส่องไปนะคะ ส่องไปปุ๊บ โอ้โห! เราก็จะเห็นเป็น AR ขึ้นมาเลยนะคะ ว่าจุดที่เรายืนอยู่เนี่ย ในสมัยโบราณอะ วัดพระพายหลวงตอนที่วัดยังสมบูรณ์อยู่นะคะ หน้าตาเป็นยังไง ก่อนที่พระปรางค์จะไม่อยู่แล้วทั้ง 3 องค์ หน้าตาเป็นยังไงค่ะ เรียกได้ว่า ถ้าเกิดสมมุติว่า ปกติเราดูแค่แบบศิลาแลง เราดูแค่อิฐแล้วจินตนาการไม่ออก แอปนี้น่าจะช่วยได้เยอะเลยค่ะ ลองมาเล่นกันได้ที่สุโขทัยนะคะทุกคน มาเห็นของจริงกับตาแล้วจะแบบ และตอนนี้นะคะ เราก็มาอยู่ที่วัดศรีชุมค่ะ ซึ่งเป็นวัดสำคัญแห่งนึงของจังหวัดสุโขทัยเลยนะคะ เรียกได้ว่าถ้าใครจัดทัวร์สุโขทัยเนี่ย พลาดวัดนี้ไม่ได้เลย ด้วยความยิ่งใหญอลังการ ด้วยภาพที่แปลกตาด้านหลังเนี่ยนะคะ ซึ่งถามว่าวัดนี้สำคัญยังไง ก็บอกว่าสำคัญที่องค์พระอจนะที่อยู่ด้านหลังวิวเนี่ยละค่ะ พระพุทธรูปองค์ใหญ่นี้นะคะ ชื่อว่าพระอจนะค่ะ เป็นพระที่มีหน้าตักกว้างถึง 11.3 เมตรนะคะ เรียกได้ว่าใหญ่มากนะคะทุกคน นอกจากนี้นะคะ ยังเป็น พระที่มีลักษณะแบบศิลปะสุโขทัยเต็มที่เลย ก็จะเห็นว่าพระพักตร์ของพระองค์ ตรงส่วนต่างๆ เนี่ย ชดช้อยงดงามนะคะ ก็คือมีลักษณะของความเป็นบุรุษแหละ เป็นผู้ชาย แต่เป็นผู้ชายที่อ่อนโยน นุ่มนวล ประมาณนี้นะคะ นอกจากนี้สังเกตบริเวณพระนาภีนะคะ จะเห็นว่าปลายสังฆาฏิเนี่ย ขดเป็นรูปตะขาบใช่ไหมคะ นี่แหละเป็นสัญลักษณ์ของพระพุทธรูปแบบสุโขทัย ในปางมารวิชัยเป๊ะๆๆ เลยค่ะทุกคน นอกจากนี้ ลักษณะที่ยังแสดงให้เห็นอีกว่านี่คือ วัดแบบสุโขทัยนะ ก็คือว่าอาคารที่อยู่ด้านหลังนี่นะคะ จะเป็นอาคารทรงมณฑป เป็นรูปสี่เหลี่ยมใช่ไหมคะ และแทบจะพอดีองค์พระพุทธรูปเลยค่ะ เพราะว่าเขาเชื่อกันว่าพระพุทธรูป คือตัวแทนของพระพุทธเจ้าใช่มะ ดังนั้นนี่คือที่อยู่ของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แปลว่าไม่จำเป็นต้องมีเกินที่จำเป็นก็ได้ มีแค่นั้นก็พอแล้ว ประมาณนี้นะคะ แบบพอดีตัวก็พอแล้ว ไม่ต้องมีเกินไปกว่านั้น อะ แล้วถามว่าเวลาจะทำพิธีกรรมอะไร ทำยังไง สมัยก่อนนี่ไม่ใช่วัดร้างใช่ไหม นี่เป็นวัดที่ใช้งานจริง ก็ต้องขอบอกว่าสมัยก่อน เขาไม่ได้เข้าไปทำพิธีกันด้านในนะคะ แต่ว่าเขาจะทำพิธีกันตรงที่วิวยืนอยู่นี่ละค่ะ นี่คือพระวิหารนะคะ ซึ่งเขาก็จะตั้งไว้ด้านหน้าพระคันธกุฎี เพราะว่าเปรียบเสมือนว่า เออ เราทำพิธีอะไรต่างๆ โดยมีสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นพยานในพิธีนั่นเองค่ะ โดยมีสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเนี่ย มองเห็นพิธีทั้งหมดค่ะ ที่สำคัญนะคะ พระอจนะองค์เนี้ย มีความสำคัญอีกอย่างนึงค่ะ ก็คือ นี่คือพระพุทธรูปที่พูดได้ ที่วิวพยายามจะพาทุกคนมาดูตั้งแต่ต้นคลิปนะคะ เดี๋ยวเราเข้าไปดูกันดีกว่าว่า ท่านก็ดูเป็นพระพุทธรูปธรรมดา ท่านพูดได้ได้ยังไงนะคะ ปะ เข้าไปดูกัน วัดศรีชุมเป็นวัดสำคัญอีกแห่งหนึ่ง ภายในอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัยนะคะ ตั้งอยู่นอกกำแพงเมืองทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือค่ะ สันนิษฐานว่าน่าจะมีมาตั้งแต่สมัยก่อนที่ พ่อขุนศรีอินทราทิตย์จะสถาปนากรุงสุโขทัย ขึ้นเป็นราชธานีนะคะ วัดนี้เป็นวัดที่ประดิษฐานพระอจนะค่ะ พระที่แปลว่าผู้ไม่หวั่นไหวนะคะ ลักษณะของวิหารเนี่ย สร้างเป็นรูปสี่เหลี่ยม ลักษณะคล้ายมณฑปค่ะ แต่หลังคาเนี่ยพังทลายลงมาหมดแล้ว เหลือเพียงแค่ผนังสี่ด้าน ผนังแต่ละด้านก็ถืออิฐก่อปูนอย่างแน่นหนานะคะ ชื่อของวัดศรีชุมเนี่ยนะคะ คำว่าศรี เขาสันนิษฐานกันว่ามาจากคำว่าสะหลี ซึ่งเป็นคำพื้นเมืองของไทยเดิมค่ะ แปลว่าต้นโพธิ์นะคะ ดังนั้นชื่อศรีชุมก็คือสะหลีชุม หมายถึงวัดที่มีต้นโพธิ์มากนั่นเองค่ะ แต่อย่างไรก็ตามนะคะ ในหนังสือพระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ที่เขียนขึ้นในสมัยอยุธยาตอนปลาย ในแผ่นดินสมเด็จพระมหาธรรมราชาธิราชเนี่ย ไม่เข้าใจความหมายนี้แล้วค่ะ ดังนั้นในนั้นเขาก็เลยบันทึกชื่อนี้ไว้ว่า วัดฤาษีชุมนะคะ ซึ่งไม่ได้สำคัญกับเราเท่าไร สิ่งที่สำคัญกับเราก็คือ ในพระราชพงศาวดารเล่มเนี้ย บันทึกไว้ว่านี่เป็นสถานที่ที่สมเด็จพระนเรศวรมหาราช มาประชุมทัพกันอยู่ ก่อนที่จะยกทัพไปปราบเมืองสวรรคโลกค่ะ ซึ่งเรื่องนี้เองนะคะก็เป็นต้นตอของตำนานพระพูดได้ ที่เล่าต่อกันมานี่ละค่ะ และทั้งหมดนี้นะคะ ก็คือวัดศรีชุมที่เราคุ้นเคยกันค่ะ แต่ฟังมาขนาดนี้ก็อาจจะเห็นว่า วัดนี้เป็นวัดที่สวยงาม เป็นวัดที่มีชื่อเสียงกัน แต่ว่า เอ๊ะ แล้วเกี่ยวข้องอะไรกับพระพูดได้นะคะ วันนี้นะคะ เนื่องจากวิวอยากให้ ทุกคนในช่อง Point of View เนี่ย เห็นจริงๆ เลยว่าพระพูดได้คืออะไร วิวก็เลยขออนุญาตมาเป็นพิเศษ แบบพิเศษสุดๆ เลยจริงๆ นะคะ อันนี้คนอื่นไม่ได้นะ ถ้ามาเอง อย่าพยายามขึ้นไปนะคะ คือวิวจะพาทุกคนเข้าไปในอุโมงค์ด้านหลังนี้ค่ะ เพื่อที่จะขึ้นไปดูด้านหลังของพระอจนะองค์นี้นะคะ ว่า เอ๊ะ เกี่ยวข้องยังไงกับพระพูดได้ค่ะ เดี๋ยวเราเข้าไปดูด้านในกันค่ะ ปะ อุโมงค์วัดศรีชุมเนี่ยนะคะ เป็นอุโมงค์ที่ทอดยาว ตั้งแต่ผนังด้านซ้ายทางเข้าวิหารพระอจนะค่ะ วนรอบองค์พระนะคะ จากด้านข้าง อ้อมไปที่ด้านหลัง จนกระทั่งขึ้นไปโผล่ที่ด้านบน บริเวณที่เคยเป็นหลังคาของพระวิหารมาก่อนค่ะ ซึ่งตลอดทางนะคะ ก็จะมีช่องอากาศ เจาะให้มองออกไปภายนอกได้เป็นระยะ ตัวอุโมงค์เนี่ยมีลักษณะแคบ แล้วก็สูงชันมากๆ นะคะ ระดับที่ตัววิวเองเดินเข้าไปเนี่ย ยังแทบจะพอดีตัวเลยค่ะ ดังนั้นถ้าคนตัวใหญ่ อาจจะไม่สามารถขึ้นมาได้นะคะ แต่ละคนที่ขึ้นไปนี่ก็ต้องเดินแถวเรียงหนึ่ง แล้วก็ไม่สามารถสลับที่กันได้เลยค่ะ ที่สำคัญนะคะ เราไม่สามารถแตะผนังด้านข้างได้เลย แม้ว่าจะสูงชันขนาดไหนก็ตาม เพราะว่าผนังด้านในเดิมมีภาพจิตรกรรมเขียนสี ด้วยสีแดง สีเหลือง สีดำ แล้วก็สีขาวค่ะ แต่ปัจจุบันเนี่ย เลือนหายไปตามกาลเวลาแล้วนะคะ ที่เหลือให้เราได้ดูก็คือเพดานด้านบนค่ะ จะเป็นหินชนวดสลักลายกรุเอาไว้ตลอดทางนะคะ ซึ่งลายที่สลักเนี่ยก็จะเป็นชาดกเรื่องต่างๆ ค่ะ ยาวไปตลอดทางเลย บางแผ่นก็มีอักษรจารึกอยู่ด้วยนะ ว่าเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับอะไร ดูลายเส้นของจารึพวกนี้สิคะ สวยงามอ่อนช้อยจริงๆ ใช่ไหม ดูแล้วเป็นศิลปะไทยที่เก่าแก่จริงๆ ค่ะ นอกจากชาดกแล้วนะคะ ด้านในตรงที่เลี้ยงโค้งเนี่ย ถ้าเงยหน้าขึ้นไปด้านบนเราก็จะเห็น รอยพระพุทธบาทขนาดใหญ่ที่เป็นสัญลักษณ์ว่า พระพุทธศาสนาเดินทางมาถึงที่นี่แล้ว ประดับอยู่ด้วยค่ะ เดินต่อไปจนสุดอุโมงค์นะคะ ก็จะมาโผล่ที่บริเวณหลังคาของวิหารพระอจนะพอดีค่ะ ที่ด้านบนเนี่ยนะคะ นอกจากเราจะเห็นองค์พระอจนะ ในมุมที่แปลกตาแล้วเนี่ยนะคะ ยังสามารถเห็นทิวทัศน์ของสุโขทัยได้ทั้งเมืองเลยค่ะ เรียกได้ว่าด้านบนวิวสวยจริงๆ เลยนะคะทุกคน อะ นอกเรื่อง กลับมาดีกว่า แอบบอกทุกคนนิดนึงนะคะ ว่านอกจากจารึกที่เป็นภาพสลักชาดก ที่เห็นอยู่ตอนนี้แล้วเนี่ย ในอุโมงค์วัดศรีชุมยังมีของสำคัญกว่านั้นอีกค่ะ เพราะภายในเนี่ยนะคะ เป็นที่ค้นพบจารึกวัดศรีชุม หรือที่เรารู้จักดีกันในนาม จารึกหลักที่ 2 นั่นละค่ะ ใช่ค่ะ ศิลาจารึกนี่ไม่ได้มีแค่หลักที่ 1 ของพ่อขุนรามคำแหงมหาราชนะคะ ยังมีอีกหลายหลักเลยทีเดียว สำหรับหลักที่ 2 ของวัดศรีชุมเนี่ย สันนิษฐานว่าเป็นของพระมหาเถรศรีศรัทธานะคะ ซึ่งพระมหาเถรศรีศรัทธาองค์เนี้ย ก็เป็นเชื้อสายของพ่อขุนศรีนาวนำถุม ซึ่งเป็นเครือญาติทางศรีสัชนาลัย ของพ่อขุนรามคำแหงมหาราชนี่ละค่ะ และพระมหาเถรศรีศรัทธาองค์นี้เนี่ย ก็เป็นองค์ที่เราเชื่อกันว่า ท่านเนี่ยนะคะ ออกบวชแล้วก็เดินทางไปจนถึงลังกาค่ะ จนกระทั่งนำพระพุทธศาสนาลัทธิลังกาวงศ์นะคะ กลับมาที่สุโขทัยนี่ละค่ะ ส่วนจารึกหลักที่ 2 ของท่านเนี่ยนะคะ ก็จะเน้นเล่าเรื่องราวการก่อตั้งแคว้นสุโขทัย-ศรีสัชนาลัย แล้วก็วีรกรรมของกษัตริย์ราชวงศ์นาวนำถุมเป็นหลักค่ะ ก็เป็นหลักฐานที่ทำให้เรารู้ได้นะคะว่า แคว้นสุโขทัย-ศรีสัชนาลัยเนี่ย ก่อตั้งขึ้นมาอะไรยังไงบ้าง แต่ปัจจุบันเนี่ยนะคะ เราไม่สามารถเห็นจารึกหลักนี้ได้ ในอุโมงค์วัดศรีชุมแล้วนะ เพราะว่าตอนนี้เก็บรักษาไว้ที่ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระนครค่ะ ซึ่งทั้งจารึกภาพชาดกที่ประดับอยู่ในอุโมงค์ปัจจุบัน จารึกหลักที่ 2 นี้ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพนะคะ ก็ทรงอธิบายเพิ่มเติมจาก พระราชนิพนธ์ "เที่ยวเมืองพระร่วง" ของสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัวไว้ว่า จารึกพวกเนี้ย น่าจะเคยเป็นเครื่องประดับพระเจดีย์ ในวัดมหาธาตุ หรือประดับเจดีย์ที่เมืองอื่นค่ะ แต่ต่อมามีกษัตริย์ในราชวงศ์พระร่วงซักองค์นึงเนี่ยนะคะ เห็นว่าตากแดดตากฝนอยู่ที่อื่น ไม่เหมาะสมค่ะ ก็เลยนำมาเก็บรักษาไว้ที่นี่ เพื่อไม่ให้โดนลมและฝนนั่นเองค่ะ ซึ่งเรื่องนี้นะคะ บางคนเขาก็บอกว่า ไม่ได้หลบลมหลบฝนหรอกค่ะ แต่ว่าหลบการเมืองระหว่างราชวงศ์นี่แหละ คืออย่างที่เล่าไปตอนต้นนะคะว่าอาณาจักรสุโขทัยเนี่ย ถือกำเนิดขึ้นจากระบบเครือญาติจาก 3 เมืองนะคะ ดังนั้นมันก็ต้องมีความเปรี๊ยะๆ กันนิดนึงว่า "เอ๊ แล้วทำไมเธอได้ครองเมือง แล้วชั้นไม่ได้ครองเมืองน้า" เขาก็เลยสันนิษฐานกันว่า อาจจะมีความขัดแย้งกันระหว่างราชวงศ์พระร่วงนะคะ ที่เราคุ้นเคยกันดี กับราชวงศ์ศรีนาวนำถุม ของพ่อขุนศรีนาวนำถุมนั่นเองค่ะ ซึ่งนี่ก็เป็นเหตุให้เจ้าของจารึกหลักที่ 2 อย่างพระมหาเถรศรีศรัทธา ซึ่งเป็นคนของราชวงศ์ศรีนาวนำถุมเนี่ย จะต้องออกบวช ดังนั้นจารึกหลักที่ 2 ที่เขียนเรื่องราวของ ราชวงศ์ศรีนาวนำถุม เนื้อหาก็มีความเกทับจารึกหลักที่ 1 หน่อยๆ ตรงที่พ่อขุนรามคำแหงมหาราชเนี่ย เคยจารึกไว้ในจารึกหลักที่ 1 ว่า "ชนช้างชนะขุนสามชนเจ้าเมืองฉอด" แต่ในจารึกหลักที่ 2 เนี่ยนะคะ เล่าเลยค่ะ ว่ามหาเถรศรีศรัทธาเนี่ย ก่อนบวชเคยชนช้างเหมือนกัน แถมใช้ช้างพังเนี่ยนะ ชนชนะช้างพลายตกมันด้วย อือหื้อ แบบ "ชั้นใช้ช้างตัวเมียนะเออ ชั้นก็ชนะ" แถมตัวจารึกเนี่ย ก็ไปเจออยู่ในอุโมงค์ลับ ที่สังเกตเห็นยากนิดนึง คนสมัยนี้ก็เลยสันนิษฐานกันค่ะว่า เออ ตัวจารึกเนี่ยอาจจะเคลื่อนย้ายมาที่หลัง เอามาแอบเอาไว้ เพื่อหลบซ่อนเรื่องราวของราชวงศ์ศรีนาวนำถุม แล้วก็เรื่องราวของพระมหาเถรศรีศรัทธาก็เป็นได้ค่ะ แต่ความจริงจะเป็นยังไงเนี่ย คนสมัยหลังแบบเราก็ได้แต่เดาเนอะ ว่าแต่อุโมงค์นี้เกี่ยวยังไงกับเรื่องพระพูดได้ ที่วิวบอกว่าวิวจะพาทุกคนมาชมกัน ก็ต้องบอกว่าเกี่ยวตรงช่องที่เจาะไว้ตามทางเนี่ยละค่ะ จะเห็นว่าช่องเนี่ย เจาะไว้หลายด้านใช่ไหม บางช่องก็อยู่ที่ด้านข้างของพระพักตร์ บางช่องก็ทะลุออกออกไปด้านหลัง เห็นทิวทัศน์เมืองสุโขทัย แต่จะเห็นว่ามีอยู่ช่องนึงค่ะ อยู่ตรงด้านหลังพระศอ หรือว่าบริเวณคอของพระพุทธรูปพอดีเลย ห้องนี้นะคะ เชื่อกันว่ามีไว้ให้พระ หรือว่าแม่ทัพค่ะ ขึ้นมาพูดกับคนที่อยู่ด้านล่างนะคะ ลองนึกภาพในสมัยโบราณนะคะ ไฟสลัวๆ มองอะไรไม่ค่อยเห็น มีแสงเทียนวับๆ แวมๆ คนก็ไม่ค่อยทราบหรอกค่ะว่าในผนังหนา 3 เมตร มีช่องซ่อนอยู่ เกิดประชาชนหรือทหารมาชุมนุมกันอยู่ด้านหน้านะคะ แล้วอยู่ๆ มีเสียงลอยออกมาจากพระศอของพระพุทธรูป แถมเป็นเสียงที่ก้องกังวาน เพราะว่าอยู่ในวิหารแคบๆ สมัยที่ยังมีหลังคาเนี่ย รับรองว่าเชื่อกันแน่ๆ ค่ะ ว่านี่เป็นเสียงของพระพุทธรูปที่กำลังคุยกับเรานะคะ เรื่องราวนี้ก็จะไปคล้ายกับเรื่องราว ในวรรณคดีเรื่องอิเหนา ตอนบุษบาเสี่ยงเทียนใช่รึเปล่าคะ ที่อิเหนาเนี่ยแอบไปอยู่ด้านหลังพระปฏิมา แล้วก็พูดกับนางบุษบากับมะเดหวีที่มาเสี่ยงเทียนนะคะ จนนางทั้งสองเชื่อว่า พระปฏิมากำลังคุยกับตัวเองจริงๆ ค่ะ แหมะ เทคนิคคนโบราณเนี่ย สุดยอดจริงๆ นะคะ แอบเพิ่มเติมให้นิดนึงค่ะว่า จากการสอบถามเจ้าหน้าที่อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัยนะคะ ที่พาวิวขึ้นไปเนี่ย พี่เขาให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ช่องนี้อาจจะมีไว้ตั้งแต่แรก ไว้เพื่อการนี้เลยนะคะ หรืออาจจะมีคนสังเกตเห็นที่หลัง แล้วก็มาใช้ประโยชน์นี้ที่หลังก็ได้ค่ะ เพราะจริงๆ ช่องอุโมงค์เนี่ยก็สูงขึ้นไปถึงหลังคา ของวิหารพระอจนะใช่ไหมคะ ที่อยู่สูงขึ้นไปขนาดนั้นเนี่ย อาจจะเพราะ เขาตั้งสร้างขึ้นเพื่อให้คนขึ้นไปซ่อมหลังคาที่ทำจากไม้ แล้วก็ปรักหักพังได้ง่ายกว่าตัวผนังที่เป็นปูน อีกจุดประสงค์นึงค่ะ และนี่ก็คือเรื่องราวของพระพูดได้ ที่วิวจะพาทุกคนมาดูนี่ละค่ะ เป็นยังไงบ้างคะ แอบแวะดูนั่นดูนี่ ได้เกร็ดความรู้กันเล็กๆ น้อยๆ บอกเลยว่าจริงๆ เนี่ย วิวไปเที่ยวมาเยอะกว่านี้มากค่ะ แต่ว่าคลิปวิดิโอมันยาวมากพอแล้วนะคะ ดังนั้นวิวก็เลยขออนุญาตตัดออกไปเยอะมากๆ เลยจริงๆ ค่ะ เป็นไงบ้างคะทุกคน ตามวิวไปเที่ยวสุโขทัยใน 1 วันเท่านั้นค่ะ ซึ่งจริงๆ แล้วการเที่ยวสุโขทัยเนี่ย ไม่ได้ยากอย่างที่คิดเลยนะคะ เพราะว่า 1 วันก็เที่ยวได้ขนาดนี้เลย แต่จริงๆ แล้วตัวเมืองสุโขทัยเนี่ย มีอะไรที่น่าสนใจอีกเพียบเลย ที่วิวยังพาไปไม่ถึงนะคะ ไม่ว่าจะเป็นพวกเตาทุเรียง วัดก็ยังไปไม่ครบเท่าไร ตัวอุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัยก็ยังไปไม่ถึงนะคะ ถ้าสมมติว่ามีเวลาซัก 2 วัน เป็นวีคเอนท์แบบเสาร์-อาทิตย์ นี่น่าจะมีความสุขกว่านี้เยอะเลยค่ะ อย่างไรก็ตาม การเที่ยวอย่างเร่งด่วนแบบนี้และสะดวกสบายแบบนี้ จะเกิดขึ้นไม่ได้เลยนะคะ ถ้าสมมติว่าวิวไม่ได้ บินมาค่ะ ดังนั้น ถ้าใครอยากที่ยวแบบวิว 1. สะดวกสบายแน่นอน มาถึงสนามบินโหลดกระเป๋าได้ แบกของมาได้เยอะๆนะคะ แล้วก็มีห้องรับรอง มีอาหารให้กินเรียบร้อย นอนหลับไปตื่นขึ้นมา อ้ะ ถึงสุโขทัยแล้วสบายใจมากๆ และที่สำคัญ เที่ยวได้ตั้งแต่สนามบิน ยันออกไปในตัวเมืองเลยเนี่ย ก็อย่าลืม ตามรอยวิวมาด้วย Bangkok Airways นะคะ ทุกคน สำหรับใครที่ชื่นชอบคลิปนี้นะคะ อย่าลืมกดไลค์เป็นกำลังใจให้วิว แล้วก็กดแชร์ให้เพื่อนๆมาดูด้วยกันค่ะ ใครอยากให้วิวพาไปเที่ยวไหนอีก ก็คอมเม้นมาคุยกันด้านล่างนะคะ ส่วนวันนี้ลาไปก่อนค่ะทุกคน บ๊ายบาย สวัสดีค่ะ แอบได้ยินวิวพูดถึงครัวสุโขมาตั้งแต่ต้นคลิปแล้วใช่ไหมล่ะคะ บอกเลยว่าจริงๆ วิวเนี่ย ได้ยินชื่อเสียงร่ำลือของครัวสุโข ร้านอาหารในโครงการเกษตรอินทรีย์ สนามบินสุโขทัยมานานแล้วค่ะ ว่าอาหารอร่อยแล้วก็ผักสดมากๆนะคะ ไหนๆมีโอกาสก็เลยต้องขอแวะมาชิมซักเล็กน้อยค่ะ แล้วก็บอกเลยว่าไม่ผิดหวังจริงๆนะคะ ดูอาหารแต่ละจานสิ นอกจากจะดูหน้าตาดีแล้ว บอกเลยว่าผักเนี่ย สด ปลอดสารพิษมากๆ เพราะเป็นผักที่เค้าปลูกเองนะคะ จากในโครงการเลย เมนูทั้งหมดที่ชิมมาเนี่ยนะคะ เมนูเด็ดที่ชิมแล้วชอบสุดๆ อยากแนะนำให้ทุกคนมาลอง ก็มีจานนี้เลยค่ะ หมั่นโถวอัญชันน้ำพริกเผานะคะ ดูเหมือนหมั่นโถวธรรมดา แต่สารภาพว่า วิวเนี่ยกินคนเดียวไปเกือบทั้งจานเลยค่ะทุกคน สัมตำผักน้ำอันนี้ก็เด็ดมากๆนะคะ หากินไม่ง่ายเท่าไหร่เลย ส่วนน้ำพริกสามเกลอที่มี น้ำพริกลงเรือ น้ำพริกมะขาม น้ำพริกกะปิอยู่ในจานเดียวนี่ก็เด็ดค่ะ ถามว่าเด็ดขนาดไหนก็ เด็ดขนาดที่ เด็ดผักเข้าปากจิ้มน้ำพริกแทบลืมถ่ายคลิปเลยค่ะ อยากสารภาพตรงนี้ว่า จริงๆเป็นคนเกลียดผักคะน้าด้วยนะคะ เพราะว่ากลัวขมค่ะ แต่เจอเมี่ยงคะน้าของที่นี่เข้าไปเนี่ยนะคะ คนอื่นเค้ากินอิ่มลุกกันหมดโต๊ะแล้วค่ะ มีวิวยังนั่งห่อเมี่ยงอยู่เลยทุกคน เด็ดขนาดไหน ถามใจเธอดูนะคะ ส่วนน้ำยอดข้าวคลอโรฟิลล์ที่นี่ นี่ก็ได้ข่าวว่าเค้าผลิตจากที่นี่ ส่งขายไปทั่วประเทศเลยนะ กินอะไรทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย ตบท้ายด้วยของหวานก็อิ่ม ฟิน พร้อมกลับบ้านพอดีค่ะ ทริปสุโขทัยวันนี้นะคะ บอกเลยว่า เที่ยวก็ได้เที่ยว ความรู้ก็มี รูปก็ได้ถ่าย อาหารอร่อยอีก ฟินครบทุกด้านแล้วค่ะ เป็นหนึ่งวันที่คุ้มจริงๆ เอาเป็นว่าคราวหน้าวิวจะพาไปเที่ยวไหนอีก รอชมกันได้เลยค่ะ วันนี้ลาไปก่อนนะคะทุกคน บ๊ายบาย สวัสดีค่ะ